พิมพ์หน้านี้ - วันสิ้นโลก ในมุมของ มายา กับ พุทธศาสนา

"วันสิ้นโลก!" ในมุมของ...มายากับพุทธศาสนา

คัดลอกมาจากบทความที่ อ.มดเอ็กซ์ โพสท์ไว้ในบอร์ดเก่า

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2009/11/30/cahaccigbe8hbah6d6kh5.jpg) (http://"http://javascript:void(0);")

โปสเตอร์ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยวันสิ้นโลก

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2009/11/30/bbja9ja97ag99c9ifdg7j.jpg) (http://"http://javascript:void(0);")

นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2009/11/30/e5ejjfii6gebgj885kb86.jpg) (http://"http://javascript:void(0);")

วงโคจรของดาวเคราะห์นิบีรุ เป็นวงรีเหมือนดางหาง และกินเวลา ๓,๖๐๐ ปี

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2009/11/30/5ebieiafafe85aibej8ac.jpg) (http://"http://javascript:void(0);")

ตัวอย่างปฏิทินของชาวมายา ที่สามารถนับยาวถอยหลังไปถึง ๕,๑๒๖ ปี

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2009/11/30/f658j7ha65cbdhkikebkb.jpg) (http://"http://javascript:void(0);")

คมชัดลึก : ในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมานี้ มีภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ “วันสิ้นโลก” ออกมาฉายเขย่าขวัญชาวโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น Deep Impact (วันสิ้นโลก) Absolute Zero Impact (มหาวิบัติวันสิ้นโลก) The Day After Tomorrow Impact (วิกฤติวันสิ้นโลก) ล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง “๒๐๑๒ วันสิ้นโลก” กำลังเขย่าขวัญมนุษยชาติ ด้วยถ้อยคำสั้นๆ ที่โดนใจว่า “ใครจะอยู่รอด”

นอกจากนี้แล้ว ยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ที่วันสิ้นโลกเกิดจากการโจมตีของมนุษย์ต่างดาว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีภาพยนตร์ออกมาฉาย ตั้งแต่ต้น ค.ศ.๒๐๐๙ หนังสือที่ขายดีแบบเทน้ำเทท่าในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เรื่องราวของวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๐๑๒ ตอนนี้วางตลาดไปแล้ว ๓ เล่ม และล่าสุดออกมาใหม่ ในชื่อว่า “การกลับมาของเทพเจ้า เควทซัลโคทล์” (The Return of Quetzalcoatl) ซึ่งเป็นความเชื่อของอารยธรรมโบราณแถบทวีปอเมริกากลาง ในชื่อว่า “ชาวมายา”
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลก ผู้สร้างมักเชื่อมเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทั้งด้านศาสนาและดาราศาสตร์ อย่างเรื่องล่าสุด "๒๐๑๒ วันสิ้นโลก” ที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงอิงจากนักดาราศาสตร์ชาวมายา
"เหตุที่มีการผูกเรื่องให้ชาวมายามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น เพราะนักโบราณคดียอมรับว่า ชาวมายาเป็นนักดาราศาสตร์ชั้นยอด พวกเขาสามารถคำนวณจำนวนวันในรอบปีได้ ๓๖๕.๒๔๒๐ วัน คลาดเคลื่อนจากของจริงเพียง ๐.๐๐๐๒ วัน เท่านั้น ทั้งๆ ที่ไม่มีกล้องส่องดูดาวและคอมพิวเตอร์อันทันสมัยช่วยคำนวณ และยังถือว่าแม่นยำกว่าปฏิทินสากลที่ใช้ในปัจจุบัน" นี่คือความเห็นของ นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือ สุริยปฏิทินพันปี

นายสรรค์สนธิ ยังบอกด้วยบอกว่า ในแวดวงดาราศาสตร์ก็มีข้อมูลเผยออกมาในลักษณะโลกจะถูกดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่องค์การนาซาตั้งชื่อว่า ดาวเคราะห์เอ็กซ์ (The Planet X) มีวงโคจร ๓,๖๐๐ ปี รอบดวงอาทิตย์เป็นวิถีวงรีเหมือนดางหาง และมีทิศทางตรงกันข้ามกับวิถีของดาวเคราะห์ทั่วไป

ชาวสุเมเรียนและชาวบาบิโลเนียนในดินแดนเมโสโปเตเมีย ได้จารึกเอาไว้ในแผ่นดินเผา โดยตั้งชื่อว่า นิบีรุ-เมอร์ดุก เมื่อโคจรเข้ามาในระบบสุริยะชั้นในจะเหนี่ยวนำให้ดาวเคราะห์ต่างๆ สูญเสียการทรงตัว โลกอาจหมุนช้าลงทำให้กลางวันและกลางคืนยาวผิดปกติ
ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลที่จารึกในพระคัมภีร์ไบเบิล ฉบับพันธสัญญาเก่า บทที่ Joshua ๑๐:๑๒-๑๔ มีการกล่าวถึงกลางวันที่ยาวมากในชื่อว่า “วันที่ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง” เมื่อผู้นำชาวยิวที่ได้อำนาจต่อจากโมเสส คือ โจชัว ยกกองทัพเข้าตีเมืองกิบบีออน (Gibeon) เพื่อให้ได้ดินแดนที่พระผู้เป็นเจ้าประทาน

วันนั้นพระองค์บันดาลให้ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งค้างฟ้า เพื่อโจชัวมีเวลาเพียงพอต่อการเผด็จศึกก่อนค่ำ
ในทางกลับกัน ชาวมายาและชาวแอสเทก ที่ทวีปอเมริกากลางซึ่งอยู่อีกซีกโลก บันทึกว่า กลางคืนของพวกเขายาวผิดปกติ จนต้องมีการบูชายันต์เพื่อให้ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

พร้อมกันนี้ นายสรรค์สนธิ ยังอธิบายด้วยว่า ปฏิทินของชาวมายาใช้วงรอบ ๕,๑๒๖ ปี โดยนับย้อนหลังไปไกลถึงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๓,๑๑๔ ปีก่อนคริสตกาล (๓๑๑๔ B.C.) จะสิ้นสุดวงรอบ วันที่ ๒๑ ธันวาคม ค.ศ. ๒๐๑๒
ขณะเดียวกัน ชาวฮินดูมีความเชื่อว่า ปฏิทินแห่งโลกกาลียุค (Kali Yuga) เริ่มต้นย้อนหลังไปวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๓,๑๐๒ ปี ก่อนคริสตกาล และจะเกิดวงรอบใหม่แห่งยุคทอง ในอีก ๕,๐๐๐ ปี ตามคำกล่าวของพระกฤษณะ

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบข้อมูลของทั้งสองอารยธรรม จะพบว่า วงรอบใหม่ของปฏิทินอยู่ในกรอบใกล้เคียงกันมาก ดังนั้น ค.ศ. ๒๐๑๒ จึงมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้นักโหราศาสตร์สากลซึ่งอาศัยข้อมูลทางดาราศาสตร์ในแง่มุมการเปลี่ยนจักรราศีของโลก รู้ดีว่าใน ค.ศ. ๒๐๑๒ โลกจะเริ่มเข้าสู่จักรราศี “คนแบกหม้อน้ำ” (Age of Aquarius) ช่วงสับเปลี่ยนดังกล่าวมักจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างแก่มนุษยชาติ

เช่น ในวันที่โลกเข้าสู่จักรราศีมีน (Age of Pisces) เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว พระเยซูถือกำเนิดขึ้นมาไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์
“ในฐานะนักดาราศาสตร์ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน เพราะโลกอยู่มาตั้งหลายพันล้านปี มีสรรพสิ่งเกิดและดับสูญไปตามวัฏจักร จากสิ่งมีชีวิตเซลเดี่ยวในทะเล กลายเป็นพืชและสัตว์น้อยใหญ่ที่ทับถมใต้พื้นดินและแปรสภาพเป็นน้ำมันดิบ ไดโนเสาร์เป็นเจ้าโลกนานถึง ๒๕๐ ล้านปี ก็เหลือเพียงซากฟอสซิล

มนุษย์ตาดำๆ เพิ่งพ้นจากสภาพมนุษย์วานร (Homo erectus) เป็นมนุษย์ผู้มีปัญญา (Homo sapiens) ไม่ถึงล้านปี พัฒนาเป็นผู้คนที่มีอารยธรรมเพียงหกพันปี และเพิ่งมีเทคโนโลยีดาวเทียมเพียงไม่กี่สิบปี ถ้าพวกเราสูญพันธุ์ เพราะเจ้าโลกาวินาศ ค.ศ. ๒๐๑๒ ก็ต้องมีอะไรตัวใหม่ขึ้นมาแทนที่วันยังค่ำ วิตกกังวลไปก็เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” นายสรรค์สนธิ กล่าว

วันสิ้นโลกในมุม...พุทธศาสนา

คติความเชื่อในพุทธศาสนาเชื่อกันว่า ในภัทรกัปนี้ โลกใบนี้เคยมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติแล้ว ๔ พระองค์ คือ ๑.พระกกุสันธะ ๒.พระโกนาคมนะ ๓.พระกัสสปะ ๔.พระโคดม (พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน) ส่วนองค์ที่ ๕ จะอุบัติขึ้นหลัง พ.ศ.๕๐๐๐ คือ พระศรีอริยเมตไตรย ในยุคนี้จะมีต้นกัลปพฤกษ์เกิดขึ้นทั้งสี่มุมเมือง อันเป็นต้นไม้สารพัดนึก ทุกคนมีศีลธรรมเป็นยุคที่ศาสนารุ่งเรืองและมีความอุดมสมบูรณ์ นับว่าในยุคศาสนาของพระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรยเป็นศาสนาที่คนพึงปรารถนาจะมาเกิดในศาสนานี้ หลังจากสิ้นยุคของพระศรีอริยเมตไตรย แล้ว โลกก็จะแตกพินาศไป เพราะไฟ (ดวงอาทิตย์เรียงกัน ๗ ดวง )

อย่างไรก็ตาม ใน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๒๖. พุทธปกิณณกกัณฑ์ เล่มที่ ๓๓ ข้อ ๑ หน้า ๗๒๑ ได้เขียนไว้ว่า โลกเสื่อมมี ๓ อย่าง คือ ๑.อาโปสังวัฏฏกัป (กัปที่เสื่อมเพราะน้ำ) หมายถึงกัปที่เสื่อมเพราะน้ำนับแต่ชั้นสุภกิณหพรหมลงมา ๒.เตโชสังวัฏฏกัป (กัปที่เสื่อมเพราะไฟ) หมายถึงกัปที่ไฟไหม้ นับแต่ชั้นอาภัสสรพรหมลงมา ๓.วาโยสังวัฏฏกัป (กัปที่เสื่อมเพราะลม) หมายถึงกัปที่ลมพัดทำลาย นับแต่ชั้นเวหัปผลพรหมลงมา หรือหมายถึงช่วงระยะเวลาที่เปลวไฟดับจนถึงมหาเมฆที่ให้กัปพินาศ

นอกจากนี้แล้วพระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับโลกและจักรวาลไว้ในพระสูตรต่างๆ ในพระไตรปิฎกหลายพระสูตร เช่น ๑.อัคคัญญสูตร ว่าด้วยเรื่องกำเนิดของโลก กำเนิดของมนุษย์ และวรรณะทั้ง ๔ หน้า ๖๑ เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ๒.จูฬนีสูตร ว่าด้วยเรื่องจักรวาล หน้า ๑๒๕ เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ๓.สุริยสูตร ว่าด้วยเรื่องในอนาคต พระอาทิตย์จะเกิดขึ้นครบ ๗ ดวง และการพินาศของโลกหน้า ๘๓ เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ๔.อุปสถสูตร ว่าด้วยสวรรค์ ๖ ชั้น หน้า ๑๙๕ เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เป็นต้น
"ในฐานะนักดาราศาสตร์ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน เพราะโลกอยู่มาตั้งหลายพันล้านปี มีสรรพสิ่งเกิดและดับสูญไปตามวัฏจักร วิตกกังวลไปก็เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"

เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"ลาที่เปลวไฟดับจนถึงมหาเมฆที่ให้กัปพินาศ

นอกจากนี้แล้วพระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับโลกและจักรวาลไว้ในพระสูตรต่างๆ ในพระไตรปิฎกหลายพระสูตร เช่น ๑.อัคคัญญสูตร ว่าด้วยเรื่องกำเนิดของโลก กำเนิดของมนุษย์ และวรรณะทั้ง ๔ หน้า ๖๑ เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ๒.จูฬนีสูตร ว่าด้วยเรื่องจักรวาล หน้า ๑๒๕ เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ๓.สุริยสูตร ว่าด้วยเรื่องในอนาคต พระอาทิตย์จะเกิดขึ้นครบ ๗ ดวง และการพินาศของโลกหน้า ๘๓ เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ๔.อุปสถสูตร ว่าด้วยสวรรค์ ๖ ชั้น หน้า ๑๙๕ เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เป็นต้น

"ในฐานะนักดาราศาสตร์ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน เพราะโลกอยู่มาตั้งหลายพันล้านปี มีสรรพสิ่งเกิดและดับสูญไปตามวัฏจักร วิตกกังวลไปก็เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"

เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"

สุขใจในธรรม => คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 05 มิถุนายน 2553 11:44:03