[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 13 มิถุนายน 2553 12:13:16



หัวข้อ: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 13 มิถุนายน 2553 12:13:16
[ โดย อ.มดเอ็กซ์ ]



(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/young-boy-and-mother.jpg)
การพลัดพรากจากของรักเป็นทุกข์... แล้วทำไมจึงทุกขังขนาดนั้นเล่า.. มนุษย์ผู้โง่เขลา ปัญญาน้อย
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/2.jpg)
เกิดมาในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง และ สลายตัวในทึ่สุด
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/6.jpg)
เขาคือใคร อะไรคือตัวของเขาหรือ แล้วทำไมตัวของเขาเปลี่ยนแปลงมากเช่นนี้
 เค้าจะกลับมาหามันอีกไหม แล้วตกลงคือตัวเขาหรือเปล่าหนอ......
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/12.jpg)
ความจริงภายในใต้หนังกำพร้า..บางๆ
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/13.jpg)
เมื่อวัยเยาว์เคยวิ่งเล่น พอกลางคนเพียรทำงาน แต่พอแก่ก็เจ็บไข้ และสุดท้ายต้องสลายกาย
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/15.jpg)
เมื่อวัยเยาว์เคยวิ่งเล่น พอกลางคนเพียรทำงาน แต่พอแก่ก็เจ็บไข้ และสุดท้ายต้องสลายกาย
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/18.jpg)
อีกไม่นานเท่าไหร่ กายของเราคงได้แบบเขาผู้นี้ แน่นอน.... อาจเป็นปีหน้า เดือนหน้า ปีหน้า พรุ้งนี้ หรือว่า..วินาทีต่อไป
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/medium/23.jpg)
เอ่อะ.... คือ ว่า... ไม่มีไรต้องพูด ^^
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/31.jpg)
เมื่อธาตุลมดับ ไม่ออกซิเจนไฟก็ไม่ติ  สมดุลร่างกายเสียสภาพ ธาตุน้ำ ทำให้กายพอออกๆๆ ในที่สุดก็ต้องแตกปริออกมา
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/medium/084.jpg)
ภาพเมื่อตะกี้ กับ ภาพนี้ เขาไม่ได้เป็นญาติหรือเคยรู้จักกัน แต่เวลาตาย เขาทั้งสองก็เหมือนกัน........
                              (http://www.palungjit.com/gallery/data/524/medium/33.jpg)
คุณจะเป็นใคร จะมาจากไหน มีอาชีพอะไร ยศสูงสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/medium/ogrish-dot-com-murdered_and_mutilated3.jpg)
โลภะ โทสะ โมหะ เป็นเครื่องฉาบไล้ ให้มนุษย์ผู้ไม่รู้ต้องวนเวีัยนอยู่กับวัฏะแห่งความสุขกายและใจ อย่างไม่จบไม่สิ้น....
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/medium/ogrish-dot-com-murdered_and_mutilated4.jpg)
ขณะนี้เป็นเวลาที่ร่างกายอสุภะรูปเคยงาม กำลังจะปริแตกออกมาเผยความจริงให้โลกได้รับรู้.... ว่าเขาไม่ต่างกับคุัณเลย....
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/shock010.jpg)
สิ่งในทางโลกที่ทำให้ใ้ครเหนือกว่าใคร แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครเหนือกว่าใคร
ทุกคนมีค่าในตัวเองเท่ากัน คนจะทุกข์น้อยหรือมากขึ้นอยู่กับอยู่ความผ่องใสของจิตผู้นั้น
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/BE022664.jpg)
สิ่งที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ต้องทุกข์ เพราะ เขาคิดว่า ลูกของเขา ของเขา ของเขา ของเขา
ต้องไม่จากไป ทั้งๆที่ลูกของเขานั้นได้จากไปเสียแล้ว ....
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/asu4.jpg)
ช่างงามแท้กายในของสิ่งที่มนุษย์โลกนั้นเฝ้ารัก ผูกพันธ์และหมั่นประคบประหงม ด้วยความภาคภูมิ
(http://www.palungjit.com/gallery/data/524/medium/asu03.jpg)
เหมือนเนื้อหมูในตลาดแถวบ้านเราเลย ...... ถ้าเอาไปขายคงไม่มีคนซื้อ มีแต่คนรักเกียจเป็นแน่แท้
ที่มาของภาพต่างๆ ::  (http://"http://www.palungjit.com/gallery/showphoto.php?photo=835&cat=524")http://www.palungjit.com/gallery/showphoto.php?photo=835&cat=524 (http://www.palungjit.com/gallery/showphoto.php?photo=835&cat=524)


 
        ความเอ๋ยความเด็ก             ตัวเย็งเล็กใจไม่อยากใหญ่
เพียงได้เล่นได้กินก็เย็นใจ             ไม่มีไฟมาสุมให้เร่าร้อน
เพราะผู้ใหญ่ใจกระพือหรือจึงเศร้า    มิน่าเล่าจึงมักสะท้อนถอน
ถ้าผู้ใหญ่ใจเล็กเหมือนเด็กอ่อน       คงเร่าร้อนน้อยกว่าที่มีอยู่เอย
เพราะความเขายึดมั่นในตัณหา       อุปทานกอดรัดมัดวิญญาณ
ครูบาอาจาย์ผู้มีคุณเขียนแผนที่ให้พ้นทุกข์  ระดมปลุกใจปัญญาศิษย์ให้กล้าแกร่ง
แต่แล้วกันศิษย์นั้นโง่เขลาจริง       เอาแต่กินกับนอนไม่ทำตาม
เขาเขียนแผนไว้ใ้ห้มาแสนนาน      ถูกเล่าขานต่อๆมาจนถึงเจ้า
มีสมบัติ ล้ำค่า อย่าได้เมิน            เพราะชีวิตต้องเผชิญทุกข์มิหยุดหย่อน
หมั่นพากเพียรปฏิบัติให้พ้นทุกข์      เมื่อถึงจุดจะสุขตามระดับ
เพียรปรับปราบกิเลสมิหยุดหย่อน    อย่าอ่อนข้อต่อกิเลส อุปทาน
นิพพานัง ปรมัง สุขขัง                 พังกิเลส ดับทุกข์ได้เมื่อใด
สุขกายสบายใจไม่ต้องรอ            ไม่ยากหรอกหนามนุษย์ผู้้เบาปัญญา








หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 13 มิถุนายน 2553 12:13:30
คลิปวีดีโอเหล่านี้ มีผู้โพสอยู่ในเว็บ youtube ตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์จริงๆ ผู้จัดทำมิได้หวังนำเหตุการณ์เหล่านี้ มาเพื่อการวิจารณ์หรือมีความเห็นในทางโลก แต่นำมาให้ชมก็เพื่อเป็นข้อศึกษาการปฏิบัติธรรมเท่านั้น โดยให้คิดปลงเป็นกรรมฐานตามที่ได้เล่าเรียนมาแล้ว หวังว่าทุกท่านคงจะได้คิดเป็นกฏของธรรมดาว่า สัตว์โลกเกิดมาเท่าไหร่..ตายหมดเท่านั้นเองละนะ

กบนอกกะลา : โลงศพ..บ้านหลังสุดท้าย
http://www.tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=492 (http://www.tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=492)


ก า ร เ ดิ น เ ข้ า ห า ค ว า ม ต า ย ::_____วินาทีแห่งอนัตตา ^^


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 13 มิถุนายน 2553 12:13:42
วิธีฝึกพิจารณาปลงอสุภะ
 
รูปหล่อ สวยงาม หามีไม่ ล้วนจิตปรุงแต่งนั้นไซร้ คิดเอาเอง...
ความตายปรากฎแล้ว ร่างกายจากสีแดงเหลืองค่อยๆซีดลงๆ 3 วันผ่านไป
ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคลํ้าผสมกับสีดำแดงเป็นจํ้าๆ และซากศพเริ่มเน่าเหม็นพองอืดขึ้น
เริ่มมีนํ้าหนองไหลออกมาจากร่างกาย แมลงวันแมลงหวี่บินว่อนเต็มไปหมด
ต่างรุมเข้าดูดกินนํ้าเหลือง แล้วไข่ขยายพันธ์ต่อไป เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น
หนอนตัวเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารก็มีอยู่ทั่วร่างซากศพแล้วกลิ่นเหม็นของซากศพโชยไปทั่วทิศ
หมู่สัตว์ทั้งหลายอันมีสุนัข หนู นก แร้ง กา ต่างก็ตามกลิ่นเข้ามารุมทึ้งซากศพ
ทำให้ซากศพกระจัดกระจายกองทั่วพื้นอันมี ผม ขน เล็บ ฟัน ผิวหนัง เนื้อ เอ็น เยื่อในกระดูก ไต ตับ
หัวใจ ม้าม ปอด ถุงนํ้าดี พังผืด มันข้น ไขมัน มันสมอง อาหารใหม่ อาหารเก่า ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล้ก
นํ้าปัสสาวะ อุจจาระ นํ้าเหลือง เลือด เสมหะเหงื่อ ไขข้อ นํ้าตา นํ้ามูก นํ้าลาย
และโครงกระดูกของซากศพที่เรียงกันพอจะดูออกว่าเป็นกระดูกคนนอนกองอยู่กับพื้น
 
เมื่อพิจารณา โดยสีที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยรูปสัณฐานที่ค่อยๆเน่าเละ 1เดือนผ่านไป
ร่างกายอันเป็นที่รักของเราก็สลายไป เห็นคราบนํ้าเหลืองนํ้าหนองเศษเนื้อหนังก็สลายไปในที่สุด
ทุกอย่างว่างเปล่า
มองไปเหลือเพียงกองกระดูกที่เป็นของแข็งที่ยังย่อยสลายไม่หมด 1 ปีผ่านไป ลม ฝน แสงแดดและการกัดกินของหมู่สัตว์
กองกระดูกค่อยๆ ผุพังสลายไป กลายเป็นดิน มองพิจารณาโดยรอบอีกครั้ง
 
ณ ที่แห่งนั้น มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเรา ไม่มีเขา
เราไม่มีกายสังขารเป็นภาระ
เราจึงมีแต่ความสบาย สงบวิเวกแล้วก็ตั้งต้นใหม่อีกครั้งเหมือนเห็นตัวเราเกิดใหม่แล้วก็เริ่มต้นพิจารณา
อาการผุพังเน่าเปื่อยของกายเนื้อต่อไป ไปเรื่อยๆหลายๆครั้ง
ระวังอุปาทานหวาดกลัวจากการปลงอสุภะ
 
ในการฝึกปลงอสุภะนั้น ตามหลักการให้พิจารณาซากศพของคนอื่นที่เน่าเปื่อยไม่สวยงาม
แต่เมื่อจำภาพที่เน่าเปื่อยได้แม่นแล้วต้องตั้งสมมติฐานให้เห็นร่างกายตัวเองเป็นซากศพที่กำลังเน่าเปื่อยที่ไม่สวยงาม
อันเป็นการพิจารณาให้เห็นว่ากายนี้ก่อเกิดขึ้นด้วยการรวมตัวของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน นํ้า ลม ไฟ
เมื่อตายลงหมดลมหายใจ เป็นการขาดธาตุลม ธาตุอื่นอีก 3 ธาตุ คือ ไฟ นํ้าดิน
ก็ต้องแตกสลายออก กายเนื้อก็จะผุพังเน่าเปื่อยสลายไปในที่สุดไม่เหลืออะไรให้เห็นสัมผัสยึดมั่นว่านี่ คือ
ตัวเราเป็นการชี้ชัดให้เข้าถึงสัจธรรมแห่งสามัญลักษณะ 3 ประการที่ว่า
อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ อนัตตาความไม่ใช่ตัวตนเราเขา
 
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่จะต้องดับไป
ในขณะที่กำลังปลงอสุภะร่างกายอันไม่สวยงามของเรานั้น
ไม่ว่าจะฝึกแบบตั้งสมมติฐาน หรือฝึกแบบตาทิพย์เห็นตัวเราเองนั้น
เมื่อเจริญถึงตอนที่กายเนื้อกำลังเน่าเปื่อย น่าเกลียดน่ากลัว
หรือตอนที่กายเนื้อสลายไปหมดแล้ว
ขอให้อย่าพึ่งรีบคลายออกจากการเจริญภาวนาขณะนั้น
เพราะถ้าไปคลายถอนออกจากสมาธิในขณะนั้นแล้ว
จะทำให้ยึดอุปาทานของกายเนื้อที่กำลังเน่าเปื่อยหรือว่ากายเนื้อที่สูญสลายหายไปนั้น
พอออกจากสมาธิแล้วจิตใจจะไม่สมบูรณ์ รู้สึกตนเอง ไม่สมประกอบ เหม่อลอยหรือตื่นตระหนกตกใจได้
 
วิธีปฏิบัติให้ถูกต้อง
เมื่อเจริญสมาธิภาวนาปลงอสุภะ
ไม่ว่าด้วยวิธีใดหรือปลงสังขารกายเนื้อที่กำลังเน่าเปื่อยอยู่ในภาวะใดก็ตามแม้จะมีธุระรีบด่วน
ควรที่จะปรับภาพนิมิต หรือภาพจินตนาการในขณะนั้นให้กายเนื้อค่อยๆ
เกิดสมบูรณ์กลับคืนสู่สภาพครบอาการ 32ประการก่อนดังนี้
 
1. ถ้าปลงอสุภะซากศพเห็นกำลังเน่าเปื่อยไม่หมดก็ให้ตั้งจิตอธิษฐาน ให้กายเนื้อที่กำลังสลายนั้นค่อยๆเต็ม
มีเนื้อหนังสมบูรณ์ขึ้นมา และจากสภาพที่เน่าเละให้ผิวค่อยๆ ปกติ จนมีสีเลือดดังคนมีชีวิตเมื่อครั้งสมบูรณ์พร้อมแล้ว
ก็ส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปในภาพนั้นกลับคืนสู่สภาพเหมือนคนมีชีวิตที่สามารถเคลื่อนไหวได้
แล้วค่อยๆเหนี่ยวนำภาพนั้น กลับคืนสู่ร่างกายเนื้อที่นั่งอยู่นั้นอีกครั้งหนึ่ง ตื่นขึ้นมาจะได้มีจิตใจที่สมบูรณ์
 
2. ถ้าปลงอสุภะซากศพถึงตอนที่ละลายหมดแล้ว
ให้ตั้งสติขึ้นว่าตัวเรายังไม่หมดกรรมในภพนี้ชาตินี้วิญญาณยังต้องคืนร่างเพื่อใช้กรรมชาตินี้ให้หมด
 
ด้วยเหตุนี้ ขอให้รวบรวมจิตใจความนึกคิดให้เป็นหนึ่งมองไปข้างหน้า
อธิษฐานรูปนิมิตหรือวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนกายเนื้อนั้น ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ตั้งจิตเหนี่ยวนำรูปนิมิตหรือวิญญาณนั้นเข้าคืนสู่ร่างอย่างปกติสมบูรณ์
แล้วจึงคลายออกจากสมาธิจิตใจจะได้สมบูรณ์สมประกอบอีกครั้ง
ท่านที่ไม่เจริญสมาธิต่อ ก็เตรียมตัวถอนออกจากการปลงอสุภะ ด้วยการค่อยๆถอนลมหายใจลึกๆ 10 ครั้ง
และหายใจแบบปรกติ 10 ครั้ง จึงค่อยๆลืมตาขึ้น ครู่หนึ่งต่อมา จึงลุกขึ้นจากที่นั่งได้
 
เรื่องอ่านให้คิดอีก
การอบรมวิปัสสนา ในการพิจารณาปลงอสุภะ ที่ทำให้เห็นว่าสังขารนี้เป็นของไม่เที่ยง เป็นของไม่สวยงาม
เมื่อมีชีวิตอยู่ก็ดูออกสวยงาม เมื่อตายลงหมดลมหายใจเมื่อใด ร่างกายก็จะเริ่มผุพังเน่าเปื่อยเป็นของไม่สวยงามเลย
พิจารณาเช่นนี้อยู่เป็นประจำแล้วจิตใจก็จะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น
ในความสวยงามของร่างกาย จนกระทั่งเกิดความหดหู่เบื่อหน่าย
ไม่อยากที่จะครองแบกสังขารร่างกายนี้ให้เป็นภาระอีกต่อไป คิดมากๆ เข้าจึงอยากจะฆ่าตัวตาย
 
ในสมัยโบราณ
มีกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมกลุ่มหนึ่ง พิจารณาปลงอสุภะเป็นอารมณ์อยู่เนื่องๆ เกิดเป็นนิมิตภาพที่เห็นได้ทั้งขณะลืมตาและหลับตา
เกิดความเบื่อหน่ายเศร้าสลดจนเกิดภาวะจิตใจห่อเหี่ยวหมดแรงที่จะแบกภาระแห่งการครองสังขารร่างกายนี้อีก
จึงมีการไปจ้างศาสนิกชนต่างศาสนาให้ช่วยฆ่าตนให้ตายเสียที
จะได้หมดเวรหมดกรรมที่จิตวิญญาณต้องคอยแบกภาระอันหนักหน่วงของกายเนื้อนี้
 
วิธีแก้ไข
ความคิดและการกระทำการฆ่าตัวตายเช่นนี้เป็นการผิดอย่างมาก
เพราะต้องเข้าใจว่า
พุทธศาสนิกชนเป็นผู้กล้าเผชิญกับความจริงแห่งชีวิตโดยไม่เกรงกลัวความตาย
เพราะรู้อยู่แล้วว่า เกิดมาแล้วต้องตายอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
 
คนเราเกิดมาเพราะมีกรรมของตนเป็นที่ตั้ง
มีกรรมของตนเป็นเผ่าพันธุ์วิญญาณมาเกิดอาศัยอยู่กับกายเนื้อเพื่อใช้กรรมให้หมดไปตามวาระ
เมื่อถึงเวลาตายก็ต้องตายอย่างแน่นอน และการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาป ที่จะทำให้ต้องตกนรกอีกหลายชาติ
 
การปลงอสุภะพิจารณาสังขาร เป็นของไม่เที่ยงไม่สวยงามนี้
เป็นเพียงอุบายแห่งการลดการทรนงหลงตนที่คิดว่ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนานเท่านั้น
คนเราครั้งมีชีวิตอยู่ เมื่อสามารถคลายจากการยึดมั่น ถือมั่น ในกายเนื้อแล้ว ก็จะไม่เป็นทุกข์กับร่างกายเรา
กายเรานี้สักแต่ว่ากายไม่ใช่บุคคลตัวตนเราเขา ช่วงเวลาแห่งการมีชีวิตอยู่เราก็ไม่ทุกข์ร้อนกับการอยู่
เรากลับรู้ว่า ร่างกายนี้พร้อมที่จะแตกดับสลายอยู่ทุกเมื่อ
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องรีบเร่งสร้างกุศล ทำความดีบำเพ็ญฝึกอบรมบ่มนิสัยให้จิตเบาบางจากกิเลสให้ได้
 
เรายังมีกรรมที่ต้องใช้อีกในภพนี้ ที่ยังใช้ไม่หมด ใช้หมดเมื่อใดก็ตาย
ด้วยจิตที่คิดดีแล้ว
พิจารณาตั้งสติได้แล้ว....
ท่านย่อมเป็นบุคคลหนึ่งที่มีสติสัมปชัญญะรู้ระลึกพร้อมอยู่กับเหตุการณ์อันจะเกิดขึ้น
ท่านจึงสามารถควบคุมสติตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ผ่านพ้นจากอุปสรรคอันอาจจะเกิดขึ้นกับท่านได้
ที่จะไม่เกิดความคิดที่จะฆ่าตัวตาย จิตที่ฝึกได้ถึงภาวะธรรมแล้ว ท่านจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีสติสัมปชัญญะ
สามารถแยกแยะรูปธรรมของจากจิตได้
รับรู้และมองเห็นได้ด้วยความเป็นจริง มิเอาจิตไปปรุงแต่งว่าเป็นของสวยงาม น่าเป็นเจ้าของอีกเลย...
สังขาร ล้วนประกอบด้วยสิ่งโสโครก...
เราไม่สมควรจะลุ่มหลง หรือ หลงใหล ในสิ่งโสโครกเหล่านั้นแล
 
ภาพต่อไปนี้ใช้ฝึกพิจารณาปลงอสุภะ
 
(http://www.prajan.com/images/img_post/7628/A31940.jpg)
 
 
(http://www.geocities.com/ninjaball2005/yhn.jpg)
 
(http://www.bloggang.com/data/jurisprudence/picture/1128394943.jpg)
 
(http://www.vcharkarn.com/uploads/40/40056.jpg)
 
(http://www.krusiam.com/community/forum/image/ForumID0011209-PIC1.jpg)
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_3.jpg)
ใบหน้า และเส้นผมที่สวยงามของเราทั้งหลาย
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_5.jpg)
ละซึ่งชีวิตก็เป็นเพียงสิ่งที่น่าเกลียด ไม่น่าดูเลย
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_12.jpg)
ข้างในร่างกายเรา ล้วนอุดมด้วยของสกปรก เลือด น้ำหนอง ไม่มีสิ่งใดดี
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_13.jpg)
เครื่องใน ตับไต้ไส้พุง มองให้ลึกลงไป.. มนุษย์ คือ ซากศพที่เดินได้นั้นเอง
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_14.jpg)
รูปหล่อ สวยงาม หามีไม่ ล้วนจิตปรุงแต่งนั้นไซร้ คิดเอาเอง...
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_15.jpg)
รูปภายนอก จิตปรุงแต่ง รูปภายใน ธรรมกำหนด...
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_17.jpg)
เขา หรือ เรา ล้วนอุดมไปด้วยของไม่พึ่งปรารถนาทั้งนั้นแล
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_18.jpg)
พึงระลึกถึงความจริง พวกเรานี้ไม่มีซึ่งของสวยงามในร่างกาย
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_20.jpg)
มองให้ลึกทะลุ รูปโฉมภายนอก
 
(http://i222.photobucket.com/albums/dd177/bannpeeploy/00013_22.jpg)
สุงสุด ต่ำสุดเพียงใด เครื่องในนั้นไซร้..มิผิดแผกกัน
 
(http://www.grathonbook.net/book/images2/L10_3.jpg)
 
ความสละเด็ดเดี่ยว ปล่อยวางสิ่งสารพัดทั้งปวงหมด เหลือแต่ใจ อันนั้นเป็นของดีนัก
ความสละความตายเลยไม่ตายซ้ำ เลยมีอายุยืนนาน
ถึงเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรต่างๆ ก็ทอดทิ้งหมด เลยกลับเป็นของดีซ้ำ
ที่เป็นห่วงทั้งนั้นอยู่ในเรื่องความเจ็บความป่วย อันนั้นป่วยก็ไม่หาย สมาธิก็ไม่เป็น
นั่นแหละเป็นเหตุที่ไม่เป็นสมาธิ เราจะทำอะไรต้องทำให้จริง ๆ สิ
ธรรมคำสอน พระธรรมเทศนา ของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 13 มิถุนายน 2553 12:13:52
 เธอ..อยู่ในเต๊นท์


(http://i680.photobucket.com/albums/vv163/cakemanow/other/__fwdDercom__-184122466-10902-maggo.jpg)

(http://i680.photobucket.com/albums/vv163/cakemanow/other/__fwdDercom__-184122470-10902-maggo.jpg)

(http://i680.photobucket.com/albums/vv163/cakemanow/other/__fwdDercom__-184122474-10902-ma-1.jpg)


มีอีกเพียบ


http://www.fwdder.com/viewtag.php?tag=%E0%B8%A8%E0%B8%9E&p=1 (http://www.fwdder.com/viewtag.php?tag=%E0%B8%A8%E0%B8%9E&p=1)


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 13 มิถุนายน 2553 12:14:03
ผ่าหญิง 4 (http://www.youtube.com/watch?v=Oj5nI7jpYcU#normal)


ผ่าคลอด (http://www.youtube.com/watch?v=o3cwE1ImV_M#normal)


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 มิถุนายน 2553 13:01:23
(http://www.seesod.com/storage34/EtlKjjDwCF1276217065/o.jpg)



(:LOVE:)สาธุ.......สาธุ......สาธุ น้า McK ขอบคุณจริง ๆ  (:LOVE:)


สัพเพ ธัมมา อนิจจา


Imee Ooi - The Chant Of Metta (http://www.youtube.com/watch?v=CNsulg9jtcM#)


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 มิถุนายน 2553 13:25:19






อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: kum ที่ 30 สิงหาคม 2553 21:19:55
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงจริงๆ เกิดแล้วดับ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ทุกสิ่งด้วนอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา  (:YE:)


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: vickyvivid ที่ 28 ตุลาคม 2553 22:13:15
ขอบคุณค่ะ  สาธุ ๆ ๆ


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 ตุลาคม 2553 02:31:32

     มีเกิด...

     มีดับ...


หัวข้อ: Re: สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน : อนิจจา วต สังขารา
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 19 พฤษภาคม 2555 19:39:09


(http://dhamma-of-buddha.com/main/images/asupa/b059.jpg)
(http://2.bp.blogspot.com/_Qoe5Kq4qtLs/SY1rcGHqlkI/AAAAAAAADCw/RdXlal01EiI/s400/aa35.gif)

บทพิจารณาสังขาร
สัพเพ สังขารา อะนิจจา
สังขารคือร่างกายจิตใจ แลรูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
มันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป

สัพเพ สังขารา ทุกขา
สังขารคือร่างกายจิตใจ แลรูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
มันเป็นทุกข์ทนยาก เพราะเกิดขึ้นแล้ว แก่เจ็บตายไป

สัพเพ สังขารา อะนัตตา
สังขารคือร่างกายจิตใจ แลรูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเราว่าของเราว่าตัวว่าตนของเรา

อะธุวัง ชีวิตัง  ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน
ธุวัง มะระณัง  ความตายเป็นของยั่งยืน
อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง  อันเราจะพึงตายเป็นแท้
มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตัง  ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุดรอบ

ชีวิตัง เม อะนิยะตัง  ชีวิตของเราเป็นของไม่เที่ยง
มะระณัง เม นิยะตัง  ความตายของเราเป็นของเที่ยง
วะตะ  ควรที่จะสังเวช
อะยัง กาโย  ร่างกายนี้
อะจิรัง  มิได้ตั้งอยู่นาน
อะเปตะวิญญาโณ  ครั้นปราศจากวิญญาณ

ฉุฑโฑ  อันเขาทิ้งเสียแล้ว
อะธิเสสสะติ  จักนอนทับ
ปะฐะวิง  ซึ่งแผ่นดิน
กะลิงคะรัง อิวะ  ประดุจดังว่าท่อนไม้และท่อนฟืน
นิรัตถัง  หาประโยชน์มิได้

อนิจจา วะตะ สังขารา  สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
อุปาทะวะยะธัมมิโน  มีความเกิดขึ้นแล้ว มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
อุปปัชชิตตะวา นิรุชฌันติ  ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
เตสัง วูปะสะโม สุโข
ความเข้าไปสงบระงับสังขารทั้งหลาย เป็นสุขอย่างยิ่ง ดังนี้

สัพเพ สัตตา  สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
มะรันติ จะ มะริงสุ จะมะริสสะเร
ตายแล้วด้วย กำลังตายอยู่ด้วย และจะต้องตายอยู่ด้วย
ตาเถวาหังมะริสสามิ  "เรา" ก็จะต้อง "ตาย" อย่างนั้นเหมือนกัน
นัตถิเม เอถะ สังสะโย
ความสงสัยในเรื่องตายนี้ ย่อมไม่มีสำหรับเรา.


(http://dhamma-of-buddha.com/main/images/buddha_word1/319088_146483388779608_125099764251304_245134_559772062_n.jpg)
(http://4.bp.blogspot.com/_Qoe5Kq4qtLs/SY1rPeSXOjI/AAAAAAAADCI/MdYpc8fmfSc/s400/aa20.gif)

โอวาทปาฏิโมกขคาถา
(หันทะ มะยัง โอวาทะปาฏิโมกขะคาถาโย ภะณามะ เส.)

สัพพะ ปาปัสสะ อะกะระณัง, การไม่ทำบาปทั้งปวง,
กุสะลัสสูปะสัมปะทา, การทำกุศลให้ถึงพร้อม,
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง, การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ,
เอตัง พุทธานะสาสะนัง, ธรรมสามอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย,

ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา, ขันติ คือความอดกลั้น
เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง,
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา, ผู้รู้ทั้งหลาย,
กล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง,

นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี, ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย,
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต,
ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย,
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต,  การไม่พูดร้าย, การไม่ทำร้าย,

ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร,  การสำรวมในปาฏิโมกข์,
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสฺมิง,  ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค,
ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง,  การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด,

อะธิจิตเต จะ อาโยโค,  ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง,
เอตัง พุทธานะสาสะนัง.
ธรรมหกอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

http://dhamma-of-buddha.com/main/index.php?option=com_content&view=category&id=44&layout=blog&Itemid=44
(http://2.bp.blogspot.com/_Qoe5Kq4qtLs/SY1rPP82SII/AAAAAAAADBo/RPQVyGmvUG4/s400/aa2.gif)



(http://dhamma-of-buddha.com/main/images/buddha_word1/406986_280967945284083_100001126398546_744518_527470162_n.jpg)
(http://1.bp.blogspot.com/_Qoe5Kq4qtLs/SY1rPWqI9JI/AAAAAAAADBw/bD3UtSsNfcs/s400/aa3.gif)

สำรอกราคะ ดอกไม้อริยะ อสุภะกรรมฐาน: อนิจจา วต สังขารา
บทสวดบังสุกุลตาย :: อนิจจา วต สังขารา(พร้อมคำแปล)
และบทกลอนประกอบ......

"อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน
อุปปัชชิตวา นิรุชชันติ เตสัง วูปสโม สุโข"

อนิจจา วต สังขารา - สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ......
อุปปาทวยธัมมิโน - มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา.......
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ - บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป......
เตสัง วูปสโม สุโข - การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข.....

บทสวด บทสวดมนต์ทุกบทเป็นคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น ถ้าเราสวดได้ เข้าใจด้วยใจขณะที่เราสวด หรือได้ยิน ได้ฟัง รู้ซึ้งถึงคำแปลและความหมาย ก็จะเป็นปัญญา มีประโยชน์มาก คือ เป็น"วิปัสสนาญาณ"ไปด้วย ถ้าสวดหรือฟังไม่รู้เรื่อง ก็ได้แต่สมาธิ(สมถะ) และฌาน คือ ความสงบของจิตใจเท่านั้น

ปุจฉา-สังขาร คือ อะไร ? ระงับสังขาร ระงับอย่างไร ?
วิสัชนา -สังขาร คือ

1. ขันธ์ 5 ทั้งหมด(รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ) เป็นสังขตะหรือสังขตธรรม  หมายความถึง สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย  เป็นทั้งรูปธรรม และนามธรรม
2.สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว  ตรงกับ"สังขารขันธ์"ในขันธ์ 5
3.สภาพที่ปรุงแต่งชีวิต คือ กายสังขาร(ปรุงแต่งทางกาย คือ ลมหายใจเข้าออก)-วจีสังขาร(ปรุงแต่งวาจา คือ วิตก วิจารณ์)-จิตตสังขาร(ปรุงแต่งใจ คือ สัญญาและเวทนา)
4.สังขารทุกข์-ทุกข์เพราะเป็นสังขาร คือ เพราะเป็นสภาพอันถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น จึงต้องผันแปรไปตามเหตุปัจจัย เป็นสภาพอันปัจจัยบีบคั้น ขัดแย้ง คงทนอยู่มิได้!!!!
5.สังขารโลก-โลก คือ สังขาร ได้แก่ ชุมนุมแห่งสังขารทั้งปวง อันต้องเป็นไปตามธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย......

(http://i460.photobucket.com/albums/qq325/peruvian_011/emoticons/Avatar/th1194715bafajpg.gif)

ระงับสังขาร-คือ การระงับหรือดับความคิดปรุงแต่งเหล่านี้เสีย
โดยสิ้นเชิง(นั่น คือ การปล่อยวาง)......โดยใช้หลักพิจารณาที่ว่า

สัพเพ สังขารา อนิจจา-สิ่งทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง.....
สัพเพ สังขารา ทุกขา-สิ่งทั้งหลายเป็นทุกข์.......
สัพเพ ธัมมา อนัตตา-ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน.......


(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/968/46968/images/0065.JPG)
(http://4.bp.blogspot.com/_Qoe5Kq4qtLs/SY1rb0Txv4I/AAAAAAAADCg/zDCmsOL_R-8/s400/aa24.gif)

บทกวีทิพย์จากนิพพาน :: อนิจจา วต สังขารา.......
"สรรพสิ่งปล่อยวางได้ใจเป็นสุข    ไม่มีทุกข์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
สรรพสิ่งเกิด-ดับไปในทุกอัน    สารพันสารพัด"อนัตตา"
ยึดมั่นมากไม่มีสุขก็ทุกข์มาก     แสนลำบากยิ่งนักเป็นหนักหนา
ยึดมั่นน้อยก็ทุกข์น้อยค่อยคลายคลา    ในไม่ช้าก็จะหายคลายทุรน

จงปล่อยวางให้มากอยากมีสุข     ทุกยามยุคจักบรรลุยอดกุศล
อภัยทานนำมาใช้ให้ทุกคน     จิตกุศลแผ่เมตตามหาทาน

ฝากแสงทิพย์อริยธรรมช่วยนำส่ง    ตามจำนงสัตว์น้อยใหญ่มากไพศาล
ข้าฯสละอโหสิกรรมทำบุญทาน     ปล่อยวางผ่านพระโลกุตตร์เป็นสุดดี
ขอทุกท่านอย่าได้ยากปราศจากทุกข์     มีแต่สุข-ดับกิเลสวิเศษศรี
ข้าฯขอลาประกาศในชาตินี้      ลาน้องพี่กลับโลกทิพย์นิพพานเอยฯ......

ชัย แสงทิพย์
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=309034


(http://www.thaiblogonline.com/members/bannasaak/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2.jpeg)
(http://4.bp.blogspot.com/_Qoe5Kq4qtLs/SY1rgxbRQLI/AAAAAAAADC4/O4VRuGSgT_4/s400/aa36.gif)


- http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7168.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7168.0.html)
* Agaligo Home บ้านที่แม้จริง อกาลิโก โฮม
กุศลผลบุญใดที่พึงบังเกิดจากธรรมทานนี้ ขอจงเป็นบุญเป็นปัจจัย
แด่ท่านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธรรมทานเหล่านี้ ทุกๆท่าน
รวมทั้งท่านเจ้าของภาพ ทุกๆภาพ เรียนขออนุญาตใช้ภาพ
ไว้ ณ ที่นี้... นะคะ
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ