หัวข้อ: กุศล - บารมี เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 15 มิถุนายน 2553 02:29:29 [ โดย อ.บางครั้ง บอร์ดเก่า ]
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg) http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=0&songID=V24C70CBPB0 ในชีวิตประจำวัน.....................ก็จะเห็นได้ว่า กุศลธรรม เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ควรที่จะอบรมเจริญให้มีมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม.................มีความเข้าใจ แต่ว่าเพราะเหตุใด ในชีวิตประจำวันนั้น อกุศลธรรม จึงเกิดมาก และเกิดบ่อยกว่า กุศลธรรม..........................! เพราะสะสมอกุศลมามากเพราะความเป็น ปุถุชนผู้หนา...............ด้วยกิเลส กิเลส ซึ่งได้สะสมมาเนิ่นนานจนนับไม่ได้ เมื่อมีความเข้าใจว่า อกุศลธรรม มีมาก จึงมีการเห็นโทษของอกุศลธรรม มีการศึกษาพระธรรม เพื่อที่จะขัดเกลาอกุศลธรรม เพื่อการละอกุศลธรรม ลองพิจารณาตัวเอง เมื่อได้ศึกษาพระธรรมแล้ว จะค่อย ๆ เห็นว่า ขณะจิตที่เป็นไปในแต่ละวันนั้น............เป็นไปด้วย โลภะ โทสะ โมหะ ตลอดเวลาที่จิตไม่เป็นไปในการให้ทาน รักษาศีล ไม่มีการอบรมเจริญปัญญา มีการฟังธรรมบ้าง สนทนาธรรมบ้าง เป็นต้น......จิตจะเป็นอกุศลโดยส่วนใหญ่ กุศลธรรมทั้งหลายจะเป็นเพื่อนสนิทหรือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ก็ต้องเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาคือ กุศลที่ประกอบด้วยความเข้าใจถูก หรือ ความเห็นถูก ท่านจึงแสดงธรรมที่เป็นเกาะธรรมที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริง ซึ่งก็คือกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาหรือกุศลขั้นการอบรมเจริญสติปัฏฐาน คือ..........การระลึก รู้ลักษณะของสภาพธรรม ตามปกติ ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน เพื่อค่อย ๆ สะสมความเข้าใจ ปัญญา จนกว่าจะเป็นปัจจัย ที่มีกำลัง ทำให้สามารถที่จะละคลายกิเลสได้ ตามลำดับ กุศลที่ประกอบด้วยปัญญา มีคุณมาก....เพราะกุศลมีหลายขั้น ขั้นที่เป็นไปในทานศีล นั้น.........ประกอบด้วยปัญญา คือ ความเห็นถูกก็ได้ แต่กุศลธรรมที่ประกอบด้วยความเข้าใจถูก คือ ค่อย ๆ เข้าใจสภาพธรรม และมีการอบรมเจริญให้มากขึ้น จนเห็นโทษของอกุศลธรรม และรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้.................! มีการสนทนากันว่าทำไมจึงต้องรู้ว่า เป็นรูปธรรม เป็นนามธรรม เป็นสภาพธรรม แต่ละอย่าง ๆ เพราะเหตุว่า................ปกติที่เราเรียนเรื่องขันธ์ทั้ง 5 แต่เราไม่รู้จักแม้สักขันธ์เดียว...............! และขันธ์ทั้ง 5 นี้ ถ้าประชุมรวมกันแล้วก็ มีความเห็นผิดและยึดถือเป็นเราทั้งหมดเลย......................! แต่การอบรมเจริญปัญญา คือ ค่อย ๆ ศึกษาให้เกิดความเข้าใจ ว่าขณะนี้..............มีลักษณะของสภาพธรรมกำลังปรากฏเป็นรูปขันธ์ และ นามขันธ์ใด....................! ปรากฏความเป็นนามขันธ์หนึ่ง นามขันธ์ใด......................! มีลักษณะของจิตบ้าง................ ลักษณะของอกุศลธรรม ซึ่งเป็นกิเลส คือ เจตสิก ซึ่งเป็นสังขารขันธ์บ้าง แม้แต่ กุศล ที่กล่าวถึงนี้......................ก็หมายถึงเจตนาเจตสิกที่เป็นไปในกุศลธรรม และอกุศล ก็เป็นสังขารขันธ์ อกุศลเจตสิกเพราะว่า สังขารขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่ปรุงแต่งจิต ปัญญา ความเข้าใจถูก-เห็นถูก) ก็เป็นสังขารขันธ์ ซึ่งปรุงแต่งจิต ให้มีการสะสม และเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งท่านอุปมา เหมือนผู้จะที่เดินทางไกล เพื่อจะออกจากสังสารวัฏฏ์ ออกจากภพภูมิ...ออกจากการเกิดดับในภพภูมิต่าง ๆ ก็ต้องมีการสะสมเสบียง เสบียงก็คือ...................กุศลธรรมทั้งหลาย และการที่จะเป็นเสบียงหรือเป็นปัจจัย เป็นเพื่อนสนิท เป็นมิตรที่คอยอุปถัมภ์ ที่จะให้ผลข้างหน้า คือ การเกิดในสุคติภูมิ แล้วยังสะสมเป็นปัจจัย ให้มีการได้ฟังพระธรรมต่อไปอีก เพื่อที่จะได้อบรมเจริญกุศลธรรม จนกว่าจะถึงการดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท พระอรหันต์ และออกจากสังสารวัฏฏ์ได้ ซึ่งหมายถึง การเดินทางที่ยาวนานมาก เพราะฉะนั้นประโยชน์ก็คือ........................ค่อย ๆ สะสมกุศลธรรม ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งในภพปัจจุบัน คือ ให้ผลอุปถัมภ์ในภพปัจจุบัน แล้วยังให้ผลอุปถัมภ์ ในภพที่เกิดในสุคติภูมิ และยังให้ผลเป็นประโยชน์ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็น ปรมัตถประโยชน์ คือการดับกิเลสได้ ตามลำดับ จนกระทั่งถึงพระนิพพานในที่สุด ซึ่งต้องเป็น กุศลธรรมที่ประกอบด้วยปัญญา คือกุศลธรรม ที่เป็นไปในความเข้าใจถูก............................... กุศล ก็ต้องตามลำดับด้วย...เพราะเหตุว่า เพียงขั้นทานกุศลแล้วไม่มีปัญญา ทานกุศล จะสามารถเจริญขึ้นจนกระทั่งดับกิเลส.....................ได้ไหม.? เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็น กุศลที่เจริญขึ้นจนถึงขั้นที่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ซึ่งต้องประกอบด้วยความดีประการต่าง ๆ นั่นเอง เพียงแค่วันนี้....................ดีหรือยัง.........................ดีอะไรบ้าง.? เป็นบารมีหรือเปล่า..........................ประกอบด้วยปัญญาหรือเปล่า...............? มีความเห็นที่ถูกต้องหรือเปล่า.?เพราะว่าถ้าเป็นแต่เพียงความดีที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ความดีที่กระทำนั้นก็ไม่สามารถเจริญขึ้นจนกระทั่งดับกิเลสที่ไม่ดีได้.......................! ถึงแม้ว่าบางขณะ.........................เป็นโอกาสที่จะได้กระทำความดี......................กุศลกรรม แต่ก็มีหลาย ๆ ขณะ................ที่เป็นโอกาสของ อกุศลกรรมเพราะฉะนั้นถ้าพูดสั้น ๆ ว่า................. บารมี...........คือ ความดีที่ถึงพร้อม ที่จะเป็นปัจจัยทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม และดับกิเลสได้ เป็นสมุจเฉท. ก็คงจะเข้าใจได้..............................แต่ต้องเป็นไปตามปกติในชีวิตประจำวันด้วย |