หัวข้อ: ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 15 มิถุนายน 2553 11:35:37 (http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/26%20july%202007/PC04002-0.jpg) Buddhism Three Jewels 三寶歌 (http://www.youtube.com/watch?v=3hyTUoLa0e0#) คนที่ไม่กลัวความตาย มีอยู่ประเภทเดียว คือ พระอริยเจ้านั่นเองท่านไม่กลัวตายถ้าคนทั่วไปล้วนกลัวความตายกันทั้งนั้นและถ้าถามว่า หลวงพ่อเองกลัวไหม? ก็ตอบว่ากลัวถามต่อไปว่าสามารถบรรเทาความกลัวได้ไหม ? ก็ต้องถามกันก่อนที่ว่าเราเกิดอาการกลัวตายกันนั้นจริง ๆ แล้วกลัวอะไรกันแน่เมื่อเจาะประเด็นแล้ว ไม่ใช่กลัวตายหรอกแต่ที่กลัวกันก็คือก็เพราะไม่รู้ว่าเมื่อตายไปแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปต่างหาก สมมุติว่าวันนี้จะไปอเมริกา ถ้าเรารู้ชัดเจนลงไปเลยว่า จะเดินทางไปได้อย่างไร ไปพักสถานที่ไหนมีใครบ้างจะมารับไป แล้วจะอยู่อย่างไรกัน ยิ่งถ้าสามารถถ่ายทอดผ่านดาวเทียมให้เราดูชัด ๆ เลยว่า ถ้าไปแล้วเราจะขึ้นเครื่องบินอย่างนี้ไปพักอย่างนั้นจะต้องไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ความกังวลสักนิดหนึ่งก็คงจะไม่เกิดมีเลย ในเวลาเดียวกันหากให้เราต้องเดินทางไปที่ไหนสักแห่งหนึ่งในที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นอย่างไร เช่น ส่งไปขั้วโลกเหนือ แม้ถ่ายทอดทีวีจากขั้วโลกเหนือให้เรามาดูว่ามันเป็นอย่างนั้นเห็นมีแต่หิมะมากมายเลยเอาหละความกลัวก็เริ่มมาแล้วนี่ขนาดมีคนไปมาแล้วนะเรายังไม่วายเกิดความกังวล ถ้าเราไม่รู้อะไรเลยเราจะรู้สึกกลัวแค่ความมืดก็กลัวแล้ว กลัวว่าจะมีอะไรอยู่ในความมืดบ้างหละ กลัวว่าไม่รู้มันมีอะไรอยู่บ้างที่กลัวมันกลัวตรงนั้นเพราะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในความมืดนั้นก็ก่อให้เกิดความคิดที่หลอกตัวเองอีกตั้งเยอะคิดไปสารพัด ในเรื่องที่น่ากลัว ก็เลยไปกันใหญ่ความมืดนั้นไม่ต้องมาก แค่ข้างหลังบ้านเรามันรก ๆ หน่อยพอมืดลงเราไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างนั่นแหละเป็นเหตุแห่งความกลัวของเราแล้ว นั่นก็คือ......................................................... ๑.ความไม่รู้จริงของเรานั่นแหละ เป็นเหตุของความกลัว ๒.ความชั่วที่ทำเอาไว้ ทำอะไรไว้ เราก็รู้อยู่ เราก็ใจไม่ดีแล้ว ทำให้กลัว ๓.เราได้เห็นความเจ็บปวด ความทรมานก่อนตายในบางคน ก็ทำให้เรากลัว หัวข้อ: Re: ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 15 มิถุนายน 2553 11:41:10 (http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/yesterday/26%20july%202007/PC04002-0.jpg) แต่ยังมีอีกพวกหนึ่งเป็นพวกพิเศษ รู้ด้วยว่าตายแล้วไปไหน ความชั่วที่ทำก็ไม่มี ความทรมานก็ไม่กลัวแต่พวกนี้กลัวว่า ความดีที่ทำไว้ยังน้อย นี่เป็นอีกพวกหนึ่ง สามสาเหตุที่ว่ามานี้ เกิดขึ้นเพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าตายแล้วไปไหนเพราะฉะนั้น ยังไงก็กลัวตายแน่ แล้วถามว่ามีทางแก้ได้ไหม จะบรรเทาอย่างไร? บอกกันก่อนว่าที่มาบวช ก็พยายามจะแก้อันนี้ ฝึกสมาธิฝึกกันแล้วฝึกกันอีกแล้วก็เริ่มพบความจริงไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าลงมือฝึกสมาธิอย่างถูกวิธีพอใจเริ่มสงบ ความสว่างภายในจะเริ่มเกิดทั้ง ๆ ที่หลับตา แต่ข้างในมันจะเริ่มสว่างอาศัยความสว่างที่เกิดภายในนี้พอจะรู้ทีเดียวว่า ตายแล้วไปไหนนี้ก็บรรเทาความกลัวไปได้ แล้วพวกที่รู้ว่าตายแล้วไปไหน ทำไมบางท่านยังกลัวอีกที่กลัวเพราะว่าความดีของเรายังน้อยอยู่ ยังไม่พอที่จะกำจัดกิเลสรวมทั้งนิสัยที่ไม่ดี ๆ อีกหลายอย่างของเราที่ยังค้างอยู่ถึงคราวกลับมาเกิดชาติหน้า ยังมีเรื่องไม่ดีติดมาอีกซึ่งเราจะต้องแก้ไขต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้าจะว่าไปแล้วสำหรับผู้ที่ฝึกตัวมาดีแล้ว ไม่อยากจะใช้คำว่ากลัวตายเพียงแต่ว่ายังไม่อยากตาย นี่ไม่ใช่เล่นสำนวน กลัวไหม? ไม่ถึงกับกลัวแต่ยังไม่อยากตาย เพราะอยากทำอะไรดี ๆ ให้มากกว่านี้อีกซักหน่อยยังไม่อยากตายใช้คำนี้จะชัดเจนกว่า แต่ว่า โดยทั่วไปแล้วกลัวตายกันทั้งนั้นเพราะฉะนั้น ประการที่ ๑ ถ้าศึกษาธรรมะให้รู้จริงเข้าลงมือปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะฝึกสมาธิ จะบรรเทาเบาบางในเรื่องความกลัวตายลง ไปได้มาก ประการที่ ๒ หยุดทำความชั่วเสีย ถ้าเคยทำมาแล้ว ก็ตั้งใจทำความดีเรื่อยไป อย่างน้อยที่สุดความดีที่ทำจะช่วยให้เกิดความ มั่นใจเราไม่มีคู่แค้น ยมบาลกับเราไม่ใช่ญาติกันไม่เกี่ยวกัน ต่างคนต่างอยู่เถอะไม่มีความชั่วที่ทำให้ต้องแหนงใจหรือทำให้ต้องหวาด ระแวง ความกลัวตายก็บรรเทาเบาบางลงไปได้มาก ประการที่ ๓ เข้าใกล้คนที่เขามีคุณธรรมแล้วจะพบว่าท่านเหล่านี้ ใกล้ตายท่านไม่ได้ทุกข์ทรมานอะไรถึงเวลาท่านไปก็ไปแบบสงบ ๆไม่มีอะไรน่ากลัวจนเกินไปนักนี้ก็พอช่วยให้บรรเทาความกลัวกันบ้าง แต่ถ้าจะให้เลิกกลัวตายกันสนิทเลยละก็ คงต้องฝึกสมาธิให้ถึงขั้นสามารถเหาะได้ก่อนก็แล้วกันนะลองไปพิจารณาไตร่ตรองและปฏิบัติคุณงามความดีกันให้มากต่อไปแล้วถามตัวเองดูว่าได้คำตอบจากการตั้งใจปฏิบัติดีจริงแล้วอย่างไร |