[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 15:59:10



หัวข้อ: สังสารวัฏ
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 15:59:10
[ โดย อ.บางครั้ง จากบอร์ดเก่า ]



http://www.mahaparamita.com/music.mp3


ราตรีหนึ่งเนิ่นนานเหลือเกิน - สำหรับผู้ที่เป็น - โรคนอนไม่หลับ ระยะทาง 1 โยชน์ - ยาวไกลสำหรับผู้อ่อนล้าแล้ว

สังสารวัฏยาวนานสำหรับผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม

(http://img59.imageshack.us/img59/4325/s1j.jpg)


ราตรียาวนานมากแก่คนผู้ตื่นอยู่

                        ระยะทาง 1 โยชน์ยาวไกลสำหรับคนผู้เมื่อยล้า
                        สงสารยาวแก่คนพาลผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม
                        ถ้าว่าบุคคลเมื่อเที่ยวไปไม่พึงประสบสหายประเสริฐกว่าตน หรือสหายผู้เช่นด้วยตนไซร้
                        บุคคลนั้นพึงทำการเที่ยวไปผู้เดียวให้มั่น เพราะว่าคุณเครื่องความเป็นสหายย่อมไม่มีในคนพาล
                        คนพาลย่อมเดือดร้อนว่า บุตรของเรามีอยู่ ทรัพย์ของเรามีอยู่
                        ดังนี้ตนนั่นแลย่อมไม่มีแก่ตน บุตรทั้งหลายแต่ที่ไหน ทรัพย์แต่ที่ไหน
                        ผู้ใดเป็นพาลย่อมสำคัญความที่ตนเป็นพาลได้ ด้วยเหตุนั้น ผู้นั้นยังเป็นบัณฑิตได้บ้าง
                        ส่วนผู้ใดเป็นพาลมีความสำคัญตนว่าเป็นบัณฑิต ผู้นั้นแลเรากล่าวว่าเป็นพาล
                        ถ้าคนพาลเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ตลอดชีวิต เขาย่อมไม่รู้แจ้งธรรมเหมือนทัพพีไม่รู้จักรสแกง
                        ฉะนั้น ถ้าว่าวิญญูชนเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ครู่หนึ่ง ท่านย่อมรู้ธรรมได้ฉับพลัน เหมือนลิ้นรู้รสแกงฉะนั้น
                        คนพาลมีปัญญาทราม มีตนเหมือนข้าศึกเที่ยวทำบาปกรรมอันมีผลเผ็ดร้อน
                        บุคคลทำกรรมใดแล้วย่อมเดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นทำแล้วไม่ดี
                        บุคคลมีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ย่อมเสพผลของกรรมใดกรรมนั้นทำแล้วไม่ดี
                        บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นแลทำแล้วเป็นดี
                        บุคคลอันปีติโสมนัสเข้าถึงแล้ว [ด้วยกำลังแห่งปีติ] [ด้วยกำลังแห่งโสมนัส]ย่อมเสพผลแห่งกรรมใด
                        กรรมนั้นทำแล้วเป็นดี
                        คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำหวาน ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผล
                        แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น
                        คนพาลถึงบริโภคโภชนะด้วยปลายหญ้าคาทุกเดือน ๆ
                        เขาย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ซึ่งจำแนกออกไปแล้ว ๑๖ หน ของพระอริยบุคคลทั้งหลายผู้มีธรรมอันนับได้แล้ว
                        ก็บาปกรรมบุคคลทำแล้วยังไม่แปรไป เหมือนน้ำนมในวันนี้ยังไม่แปรไปฉะนั้น
                        บาปกรรมนั้นย่อมตามเผาคนพาล เหมือนไฟอันเถ้าปกปิดแล้ว ฉะนั้น
                        ความรู้นั้นย่อมเกิดแก่คนพาลเพื่อสิ่งมิใช่ประโยชน์อย่างเดียว
                        ความรู้ยังปัญญาชื่อว่ามุทธาของเขาให้ฉิบหายตกไป ย่อมฆ่าส่วนแห่งธรรมขาวของคนพาลเสีย
                       
เอา......มาจากหนังสือชื่อว่า"ชีวิตงาม"
พิมพ์แจกงานศพนานมาแล้ว พ.............ศ...................2545






หัวข้อ: Re: สังสารวัฏ
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:02:33
.....................................ต่อเลยล่ะกัน...................................


ภิกษุผู้เป็นพาล พึงปรารถนาความสรรเสริญอันไม่มีอยู่
ความห้อมล้อมในภิกษุทั้งหลาย ความเป็นใหญ่ในอาวาส และการบูชาในสกุลของชนเหล่าอื่น
ความดำริย่อมบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุพาลว่า คฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งสองฝ่าย จงสำคัญกรรมที่บุคคลทำแล้วว่า เพราะอาศัยเราผู้เดียว คฤหัสถ์และบรรพชิตเหล่านั้นจงเป็นไปในอำนาจของเราผู้เดียว ในบรรดากิจน้อยและกิจใหญ่ทั้งหลาย กิจอะไร ๆ
อิจฉา
[ความริษยา]


หัวข้อ: Re: สังสารวัฏ
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:02:58
หากว่าวาจาแม้ตั้งพันประกอบด้วยบทอันไม่เป็นประโยชน์ไซร้
บทอันเป็นประโยชน์บทหนึ่งที่บุคคลฟังแล้วย่อมสงบ ประเสริฐกว่า
คาถาแม้ตั้งพันประกอบด้วยบทอันไม่เป็นประโยชน์ไซร้
คาถาบทหนึ่งที่บุคคลฟังแล้วย่อมสงบ ประเสริฐกว่า
ก็บุคคลใดพึงกล่าวคาถา ประกอบด้วยบทอันไม่เป็นประโยชน์ตั้งร้อย
บทธรรมบทหนึ่งที่บุคคลฟังแล้วย่อมสงบ ประเสริฐกว่า
บุคคลใดพึงชนะหมู่มนุษย์ตั้งพันคูณด้วยพันในสงคราม
บุคคลนั้นไม่ชื่อว่าเป็นผู้ชนะอย่างสูงในสงคราม
ส่วนบุคคลใดพึงชนะตนผู้เดียว
บุคคลนั้นแล ชื่อว่าเป็นผู้ชนะอย่างสูงสุดในสงคราม
ตนแลอันบุคคลชนะแล้วประเสริฐ
ส่วนหมู่สัตว์นอกนี้ ๆ อันบุคคลชนะแล้วจักประเสริฐอะไร
เพราะว่า เทวดา คนธรรพ์ มารกับทั้งพรหม พึงทำความชนะของบุรุษผู้มีตนอันฝึกแล้ว มีปกติประพฤติสำรวมเป็นนิตย์
ผู้เป็นสัตว์เกิดเห็นปานนั้นให้กลับแพ้ไม่ได้
ก็การบูชาของผู้ที่บูชาท่านผู้มีตนอันอบรมแล้วคนหนึ่งแม้เพียงครู่หนึ่ง
ประเสริฐกว่าการบูชาของผู้ที่บูชาด้วยทรัพย์พันหนึ่งตลอดร้อยปีเสมอทุกเดือนๆ การบูชาตั้งร้อยปีนั้นจะประเสริฐอะไร
ก็การบูชาของผู้ที่บูชาท่านผู้มีตนอันอบรมแล้วคนหนึ่งแลแม้เพียงครู่หนึ่ง ประเสริฐกว่าผู้บำเรอไฟในป่าตั้งร้อยปี การบำเรอไฟตั้งร้อยปีนั้นจะประเสริฐอะไร บุคคลผู้มุ่งบุญพึงบูชายัญที่บุคคลเซ่นสรวงแล้ว


หัวข้อ: Re: สังสารวัฏ
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:03:57
และยัญที่บุคคลบูชาแล้ว อย่างใดอย่างหนึ่งในโลกตลอดปีหนึ่ง
ยัญที่บุคคลเซ่นสรวงแล้ว และยัญที่บุคคลบูชาแล้ว [ทาน] นั้น
แม้ทั้งหมด ย่อมไม่ถึงส่วนที่ ๔ แห่งการอภิวาทในท่านผู้ดำเนินไปตรงทั้งหลาย
การอภิวาทในท่านผู้ดำเนินไปตรงทั้งหลาย ประเสริฐกว่า
ธรรม ๔ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีการอภิวาทเป็นปกติ ผู้อ่อนน้อมต่อผู้เจริญเป็นนิตย์
ก็บุคคลผู้มีศีลเพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียว
ประเสริฐกว่าบุคคลผู้ทุศีล มีจิตไม่มั่นคง มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
ก็บุคคลผู้มีปัญญาเพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียว
ประเสริฐกว่าบุคคลผู้ไร้ปัญญา มีจิตไม่มั่นคง มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
ก็บุคคลผู้ปรารภความเพียรมั่น มีชีวิตอยู่วันเดียว
ประเสริฐกว่าบุคคลผู้เกียจคร้าน มีความเพียรอันเลว มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและเสื่อมไป มีชีวิตอยู่วันเดียว
ประเสริฐกว่าบุคคลผู้ไม่พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมไป มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นอมตบท มีชีวิตอยู่วันเดียว
ประเสริฐกว่าบุคคลผู้ไม่พิจารณาเห็นอมตบท มีชีวิตอยู่ร้อยปี
ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นธรรมอันสูงสุด มีชีวิตอยู่วันเดียว
ประเสริฐกว่าบุคคลผู้ไม่พิจารณาเห็นธรรมอันสูงสุด มีชีวิตอยู่ร้อยปี

ทหรา   จ   วุฑฺฒา    จ    สรีรเภทา
ขอนุโมทนา