[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:11:46



หัวข้อ: ธรรมยาตราที่อินเดีย ( เขียนโดย ส. ศิวรักษ์ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:11:46
[ โดย อ.มด บอร์ดเก่า ]


(http://mw2.google.com/mw-panoramio/photos/medium/22575884.jpg)


ธรรมยาตราที่อินเดีย
เขียนโดย ส. ศิวรักษ์


รัฐบาลอินเดียทดลองระเบิดนิวเคลียร์สำเร็จในปี ค.ศ. ๑๙๙๘ เรียกระเบิดลูกนี้ว่า Buddha’s Smile เป็นเหตุให้ผู้คนตกใจกันมาก ว่าเอาสิ่งซึ่งเลวร้ายในทางทำลายล้าง ไปถวายให้พระพุทธเจ้าทรงแย้มพระสรวล

นายรามู มณีวันนัน เป็นอาจารย์สอนวิชารัฐศาสตร์และปรัชญาการเมือง ณ มหาวิทยาลัยเดลี ถือโอกาสเอาคำนี้มาเป็นขบวนการช่วยเหลือคนยากจน และสร้างโรงเรียนศึกษาทางเลือกให้เด็กๆ ณ บ้านเดิมของเขาทางรัฐทมิฬนาดุ ภาคใต้ของอินเดีย


(http://www.sulak-sivaraksa.org/th/images/stories/article/indiawalkpic05.jpg)


เราเรียกเขากันว่า มณี ซึ่งมาสมัครเป็นลูกศิษย์ข้าพเจ้า ดังเขากับประชา หุตานุวัตร จัดพิมพ์หนังสือออกมา ๓ เล่ม ซึ่งแปลเป็นไทยและตีพิมพ์ออกมาแล้วเล่ม ๑ ชื่อ จิตสำนึกใหม่แห่งเอเชีย เขาทั้งสองอุทิศหนังสือชุดนี้ให้ข้าพเจ้า ซึ่งเขาใช้คำว่าเป็น “ปิยาจารย์” ของเขา

ข้าพเจ้ามีกิจต้องอุดหนุนมณี ในโครงการ ‘พระยิ้ม’ ที่ว่านี้ เขาเองจัดธรรมยาตราแบบพราหมณ์ให้คนไทยและเทศได้ไปยังเทือกภูเขาหิมาลัย ให้ได้รู้จักความศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ของธรรมชาติ ซึ่งโยงใยในทางไสยศาสตร์อย่างน่าเรียนรู้ กำไรที่ได้ เอาไปช่วยโครงการพระยิ้มของเขา


เมื่อปีก่อน เขาจัดธรรมยาตราอย่างพราหมณ์เป็นครั้งแรก กล่าวคือเดินทางโดยรถไฟไปจากกรุงเดลีจนถึงเมืองหริทวาร (ใกล้ๆ เมืองเดอราดูน) ซึ่งแปลว่าประตูของพระนารายณ์ แล้วนั่งรถบัสไปเมืองฤาษีเกศ ซึ่งพวกฤาษีชีไพรไปตั้งอาศรมกันหลายแห่งจนตราบเท่าทุกวันนี้ จากนั้นใช้รถบัสต่อไป แล้วเดินขึ้นภูเขาไปยังต้นแม่น้ำคงคาและยมุนา เมื่อปีกลายย้ายไปยังเกทานาถและพาทรีนาถ องค์พระปฏิมารายหลังนี้เคยเป็นพระพุทธรูป หากพวกพราหมณ์แปลงมาเป็นพระเป็นเจ้าในศาสนาของเขา ดังที่เกทานาถก็มีที่ที่เผาศพสังการาจารย์ ซึ่งทำสัทธรรมปฏิรูปย่ำยีพุทธศาสนา ให้กลายไปเป็นศาสนาพราหมณ์


หัวข้อ: Re: ธรรมยาตราที่อินเดีย ( เขียนโดย ส. ศิวรักษ์ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:12:04
(http://www.sulak-sivaraksa.org/th/images/stories/article/indiawalkpic02.jpg)


เมื่อปีกลายข้าพเจ้าไม่ได้ไป หากลูกสาวไปแทน ปีนี้เขาจัดยักย้ายไปบ้าง กำหนดให้ไปยังต้นน้ำคงคาและยมุนา ซึ่งออกจะถูกใจข้าพเจ้า เพราะเท่ากับเป็นการกลับไปหารากเง่าของเราทาง สินธูธรรม ดังข้าพเจ้าได้เรียบเรียงหนังสือชื่อนี้ออกมาด้วยแล้ว โดยที่ในเล่มนี้มีข้อความเล่าถึงมหากาพย์ มหาภารตะและรามายณะ (รามเกียรติ์) ด้วย

น่าเสียดายที่คนไทยร่วมสมัยไม่เข้าใจวัฒนธรรมดั้งเดิมของเรา ที่สืบมาจากชมภูทวีปเสียแล้วโดยมาก หากปู่ย่าตายายของเราซาบซึ้งในเรื่องไสยเวทวิทยายิ่งนัก ดังพุทธกับไสยประสมประสานกัน ซึ่งให้ทั้งคุณและโทษ ดังบทไหว้ครูทางนาฎดุริยางค์ของเราก็มีความว่า

เอาคงคายมุนามาเป็นเกณฑ์
พระสุเมรุหลักโลกสูงระหง ฯลฯ

โดยที่แม่น้ำคงคานั้น ทางไสยศาสตร์ถือว่าไหลมาจากมวยผม พระอิศวรหรือพระศิวะ หากออกมาจากปากวัวหรือโคอสุภราช ซึ่งเป็นยานพาหนะของพระองค์ ดังเรียกสถานที่ที่แม่พระคงคา ไหลออกมาว่า โคมุข หรือปากของโคนั้นแล และแหล่งหรือต้นน้ำนั้นเรียกว่า คงโคตรี ดังต้นแม่น้ำยมุนาก็เรียกว่า ยมุโนตรีนั้นแล ตรีหรือสาม มีความสำคัญยิ่งนัก ทั้งทางศาสนาพราหมณ์และพุทธ



(http://mblog.manager.co.th/uploads/813/images/P1180879.jpg)

ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
ขอบพระคุณที่มาภาพจาก : mblog.manager.co.th/akeyanee/th-16859/ (http://"http://mblog.manager.co.th/akeyanee/th-16859/")




(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/386/4386/images/ac3.jpg)
ในแม่น้ำคงคา ศพลอยเกลื่อน ท่ามกลาง การสัญจร ไป-มา


(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/386/4386/images/ac9.jpg)
อาบน้ำไป เล่นน้ำไป ดื่มน้ำไป ศพ ก็ลอยไป



(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/386/4386/images/ac8.jpg)
กาจิกกิน ตามสบาย

ขอบพระคุณที่มาภาพจาก : webboard.playpark.com/showthread.php?p=625473 (http://"http://webboard.playpark.com/showthread.php?p=625473")





ปีนี้มณีกำหนดให้ข้าพเจ้าไปโคมุขและคงโคตรี แต่น่าเสียใจที่เกิดแผ่นดินถล่ม ถนนขึ้นเขาทางนั้นขาด แก้ไขไม่แล้วเสร็จได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ข้าพเจ้ามีเวลาไม่พอรอ จึงต้องเลิกล้มรายการนั้น หากไปยังเกทานาถแทน นับว่ารายการเดียวกับที่ลูกสาวไป แต่เดิน ๑๔ กม. ไม่ไหว ต้องขี่ม้าไป ทั้งขาขึ้นมาลง และบนนั้นสูงกว่าสามพันเมตร หนาวเย็นพิลึก ทั้งๆ ที่เป็นเดือนสิงหาคม

หากได้เห็นยอดภูเขาปกคลุมด้วยหิมะงดงามนัก คนไทยที่ไปด้วยกันพอใจมาก แถมมีฝรั่งตามไปด้วยอีกหลายคน บางคนข้าพเจ้าไปพบเขาที่ Salt Lake City และที่เกาะใหญ่ของรัฐ Hawaii ในสหรัฐ แล้วตามมาด้วย สาวจาก SLC เอาลูกชายที่บวชนิกายธิเบตจากเนปาลมาอีกคน ออกจะครึกครื้นดี พวกคนไทยที่ไปด้วยก็น่าชม ที่สมบุกสมบันอย่างไม่บ่น อาหารการกินก็ง่ายๆ ใช้มังสวิรัตแบบแขกล้วนๆ มณีเอาพ่อครัวแขกไปทำเลี้ยงทุกมื้อ หากพวกคนไทยก็ต้มๆ ผัดๆ แบบไทยๆ เสริมเข้าไปด้วย ช่วยให้มีรสมีชาติขึ้น


หัวข้อ: Re: ธรรมยาตราที่อินเดีย ( เขียนโดย ส. ศิวรักษ์ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:12:32
(http://www.sulak-sivaraksa.org/th/images/stories/article/indiawalkpic04.jpg)

 
เกทานาถที่ว่านี้ มีวัดฮินดู ที่ว่าเก่าแก่ห้าพันปี คือพวกเการพมาสร้างถวายพระอิศวรเป็นเจ้า กล่าวคือ หลังสงครามมหาภารตยุทธแล้ว พวกเการพทั้งห้านั้นได้ชัยชนะ ฆ่าพวกปาณฑพซึ่งเป็นญาติสนิทตายหมด ยังไพร่พลก็ล้มตายไปมากมาย แม้พระนารายณ์จะอวตารมาเป็นพระกฤษณะ เป็นกำลังใจให้อรชุนออกรบฆ่าพี่น้องก็ตาม เพราะถือว่าเป็นธรรมยุทธ คือการรบเพื่อธรรม ดังคำของพระเป็นเจ้าในสงครามคราวนี้ถือว่าเป็นคัมภีร์สำคัญของศาสนาพราหมณ์ทีเดียว มีชื่อว่า ภควัทคีตา (หรือบทเพลงของพระภควา) จะอย่างไรก็ตาม ห้าพี่น้องรู้สึกบาป จึงพยายามขออโหสิจากพระอิศวร ซึ่งไม่ยอมให้เห็น (การเห็นพระเจ้าหรือศาสดานั้น ทางศาสนาพราหมณ์ใช้คำว่า ทรศนะ ถือว่าเป็นมงคลยิ่ง)

พี่น้องทั้งห้าตามไปทุกหนแห่ง จนพระเป็นเจ้าแปลงกายเป็นงัว ณ ยอดเขาที่ตำบลเกทานาถนี้แล แล้วพี่น้องทั้งห้าจับได้ว่าในฝูงงัวนี้มีพระเป็นเจ้าแปลงรวมอยู่ด้วย จึงก้มลงกราบแสดงความสวามิภักดิ์อย่างสุดซึ้ง พระเป็นเจ้าจึงพอพระทัย ประทานพร และให้อโหสิกรรม พี่น้องทั้งหมดจึงเดินทางไปขึ้นสวรรค์ได้ตรงเขาพระสุเมรุ หรือหิมาลัยอีกทางหนึ่ง ส่วน ณ ที่ที่พบพระเป็นเจ้าซึ่งแปลงเป็นงัวนั้น ได้สร้างเทพมณเฑียรขึ้น จึงมีรูปงัวเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญทั้งในวัดและนอกวัด


(http://www.b.yimwhan.com/board/data_user/kalip/photo/cate_4/r64_1.jpg)


ก่อนขึ้นมาที่นี่ เราก็ได้แวะวัดวิศวนาถมณเฑียร ที่เมืองอุตรกาสีด้วย โดยเราต้องไม่ลืมว่ากาสีเป็นแคว้นสำคัญ สมัยพุทธกาล ผ้ากาสีมีค่าที่สุด และเมืองหลวงของกาสีคือพาราณสี หากทางเหนือนี้ก็มีอุตรกาสี และวัดที่เอ่ยถึงนี้ก็มีอายุห้าพันปีเช่นกัน ถือกันว่าศิวลึงค์ที่นี่ผุดขึ้นมาจากก้อนศิลา ไม่ได้สร้างโดยมนุษย์ ยังตรีศูลของพระศิวะหรือพระอิศวรก็ใหญ่ยาว มีด้ามกลบฝังลงใต้ดิน พระเจ้าแผ่นดินเนปาลเคยกรีฑาทัพมา เพื่อขุดเอาตรีศูลไปยังราชอาณาจักรของพระองค์ แต่ไร้ผล นัยว่ามีงูร้าย (ซึ่งใช้พันพระศอพระศิวะ) ออกมาไล่ขบกัดทหารเนปาล จนต้องถอยทัพไป

เราต้องไม่ลืมว่าสำหรับคนอินเดียนั้น เรื่องในทางปรัมปราคติ เขาถือว่าเป็นเรื่องจริง ดังวันเกิดพระราม ก็ยังเป็นวันหยุดราชการอยู่จนวันนี้
เมื่อเราขึ้นไปยังเกทานาถนั้นแล้ว วันรุ่งขึ้นเราเดินต่อขึ้นไปอีกสองกิโลเมตรครึ่ง ยังคานธีสโรวาร์ ซึ่งเป็นสระน้ำอันงดงามบนยอดเขา เขาเอาอัฐิธาตุของมหาตมะคานธีไปโปรยไว้ในสระนี้ พวกเราไปร้องเพลงสรรเสริญอาจารย์ปรีดี พนมยงค์

พร้อมๆ กับสวดมนต์สรรเสริญคานธีและขบวนการอหิงสา
เมื่อมณีจัดธรรมยาตราครั้งแรกในปีก่อนโน้น เขาจัดให้ไปยมโนตรี ต้นแม่น้ำยมุนา ซึ่งต้องเดินไป ๘ ก.ม. จากหนุมานฉัตรี คราวนี้ข้าพเจ้าก็ได้ไปด้วย และเดินกับเขาด้วย ๘ ก.ม. ซึ่งออกจะสาหัสสากันสำหรับคนแก่อย่างข้าพเจ้า แต่คนที่ไปด้วย ซึ่งอายุน้อยกว่า ก็เลยเดินด้วยกันทุกคน หากขากลับ ข้าพเจ้าต้องให้เขาหามลงมา

จากนั้น เราได้ไปยังเทวประยาค คือที่ที่แม่น้ำสายเล็กสายน้อยมารวมกันเป็นมหาคงคานที แล้วเราไปพัก ณ วัดธิเบต ที่เมืองเดอราดูน ซึ่งข้าพเจ้าเคยไปพักมาก่อนแล้ว ๒ หน แล้วข้าพเจ้าก็ลากลับเมืองไทย ปล่อยให้คณะที่เหลือถือบุญจาริกต่อไปยังเมืองฤาษีเกศ ยังพวกคนไทยบางคนต้องการไปธรรมศาลาอีกด้วย แม้จะไม่ได้เฝ้าทะไลลามะ ก็ได้ไปพบท่านซัมดอง รินโปเจ นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลธิเบตนอกประเทศ


หัวข้อ: Re: ธรรมยาตราที่อินเดีย ( เขียนโดย ส. ศิวรักษ์ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 มิถุนายน 2553 16:12:59
(http://www.sulak-sivaraksa.org/th/images/stories/article/indiawalkpic01.jpg)

 
สำหรับข้าพเจ้าเองนั้น การไปธรรมยาตราครั้งนี้มีความประทับใจกับธรรมชาติมาก และได้เห็นวิถีชีวิตของคนอินเดียตามแถบภูเขาหิมาลัยแล้วอดนิยมชมชอบเขาไม่ได้ ที่มีวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ทั้งๆ ที่มีปลาอุดมสมบูรณ์ แต่เขาก็กินมังสวิรัตกันทั้งนั้น พร้อมกันนั้นก็อดสงสารไม่ได้ ที่ชีวิตการงานของเขายังเป็นไปอย่างเก่าแก่ แม้เทคโนโลยีก็ยังโบราณเกินไป เช่นยังนั่งทุบหินมาทำถนนกันอยู่ แต่แล้วลัทธิบริโภคนิยมก็แผ่ขยายเข้าไปอย่างน่ากลัว เช่นมีโคคา โคล่าและเนสกาแฟ ขายแทบทุกหนแห่ง แม้จนบนยอดเขา แถมเป็บซี่ยังทำน้ำเปล่าอัดขวดขายอีกด้วย



(http://www.sulak-sivaraksa.org/th/images/stories/article/indiawalkpic03.jpg)




พร้อมๆ กันนั้น รัฐบาลก็เร่งรัดการสร้างเขื่อนยักษ์ ที่เนห์รูถือว่าคือมหาวิหารอย่างใหม่ ทำลายแม้แม่น้ำนมทานทีที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าคงคาและยมุนา ที่เราผ่านไปคราวนี้ก็พบเขื่อน Tehri (เตห์รี) (ผู้ดูแลเว็บ - ต้องการอ่านเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่

http://free.freespeech.org/manushi/tehri/tehri.html (http://free.freespeech.org/manushi/tehri/tehri.html))

ที่เริ่มวางรากฐานมาแต่สมัยเนห์รูเป็นนายกรัฐมนตรีในปี ๑๙๕๗ แม้ยังไม่เสร็จ ก็ถอนรากถอนโคนผู้คนและทำลายธรรมชาติไปอย่างเลวร้ายที่สุด ทั้งๆ ที่ธนาคารโลกและหลายหน่วยงานในระดับนานาชาติเห็นพิษเห็นภัยของเขื่อนขนาดยักษ์กันมากแล้ว รัฐบาลในระดับชาติยังมองไม่เห็นโทษกันเอาเลย ความข้อนี้รัฐบาลอินเดียก็คงเลวร้ายไม่แพ้รัฐบาลไทย แม้อินเดียจะมีรัฐบาลใหม่แล้ว ก็เท่ากับเหล้าเก่าในขวดใหม่นั้นเอง




sulak-sivaraksa.org/th/index.php?option=c... (http://www.sulak-sivaraksa.org/th/index.php?option=com_content&task=view&id=155&Itemid=3)