[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ใต้เงาไม้ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 29 มิถุนายน 2555 09:55:22



หัวข้อ: สุนทรภู่ ๒ "นิทานคำกลอน-พระอภัยมณี"
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 มิถุนายน 2555 09:55:22
.

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/thumb/5/55/Poo-2.jpg/85px-Poo-2.jpg)
 
สุนทรภู่ กับ ผลงานประเภทนิทานคำกลอน  

เรื่องพระอภัยมณี  ...."รำพันรักและพิลาป"... (:UU:)


           
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย            
ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุบผาสุมาลัย               
จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย

พระจันทรจรสว่างกลางโพยม            
ไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย         
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน

พระกอดเข่าเศร้าสร้อยละห้อยหวน         
จนหลงครวญขับลำเป็นคำหวาน
โอ้เจ้าแก้วเกษรายุพาพาล            
ไม่สงสารพี่บ้างหรืออย่างไร

เมื่อผันแปรแลพบก็หลบพักตร์         
จะเห็นรักหรือไม่เห็นเป็นไฉน
บุราณว่ามิตรจิตก็มิตรใจ               
จะกระไรอยู่มั่งยังไม่เคย

             
ด้วยยามยากจากเมืองมามุ่งหมาย         
ดังกระต่ายเต้นแลดูแขไข
ครั้นเดือนดับลับเหลี่ยมเมรุไกร            
โอ้อาลัยเหลือแลชะแง้คอย

เหมือนอกพี่ที่แสนเสน่ห์นุช            
เห็นสูงสุดที่จะได้สิ่งใดสอย
ถ้าได้ดวงดอกฟ้าลีลาลอย            
ก็จะค่อยประคองนวลสงวนเชย

             
ทั้งรำพันสรรเสริญเห็นเกินนัก            
ถึงจะรักก็ไม่รักจนตักษัย
ที่ข้อนั้นครั้นจะเชื่อก็เหลือใจ            
เขาว่าไว้หวานนักก็มักรา

ถ้ารักนักมักหน่ายคล้ายอิเหนา            
ต้องจากเยาวยุพินจินตะหรา
แม้นพระองค์ทรงเดชเจตนา            
จงตรึกตราตรองความตามบุราณ

ถึงชนกชนนีจะมิว่า               
เห็นแก่หน้าน้องรักอย่าหักหาญ
คำผู้ใหญ่ย่อมว่าช้าเป็นการ            
ยิ่งเนิ่นนานก็ยิ่งเห็นจะเป็นคุณ

พระรักน้องน้องก็รู้อยู่ว่ารัก            
แต่คิดหักหน่วงเหนี่ยวอย่าเฉียวฉุน
มาฟูมฟักรักษาเพราะการุญ            
ขอบพระคุณควรคิดเหมือนบิดา


แม้นชีวิตน้องมิตายก็หมายมาด            
จะรองบาทบทเรศพระเชษฐา
แม้นผิดองค์ทรงเดชของเกษรา            
ถึงลอยฟ้ามาก็ไม่อาลัยแล

ยังมิดมิดอยู่ก็ปิดไว้ก่อนเถิด            
อย่าเพ่อปิดให้เขาเห็นว่าเป็นแผล
ใช่ไกลใกล้ไปมาเพียงหน้าแกล            
ไม่ห่างแหเห็นกันทุกวันคืน

             
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร            
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร               
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา

แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ            
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา               
เชยผกาโกสุมประทุมทอง

เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่               
เป็นราชสีห์สิงสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง            
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป

เป็นสัจจังหวังจิตสนิทถนอม            
งามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว
จงโอนอ่อนผ่อนตามความอาลัย            
ให้ชื่นใจเสียรู้แล้วเถิดแก้วตา

             
พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต            
ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง            
อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย

ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้            
ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย
โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย         
น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร

             
นี่แน่น้องต้องอย่างว่าช้างล้ม            
ย่อมนิยมจะเอางาราคาขำ
คนเจรจามาเล่าเขาก็จำ               
เอาถ้อยคำแม่ก็รู้อยู่ด้วยกัน

นิจจาพระจะมานึกทึกเอาว่า            
นึกก็น่าหัวเราะเพราะเคราะห์ฉัน
ก็เป็นไรไม่เอาคำที่รำพัน               
จะหวงกันกายาไว้ว่าไร

             
จึงท้าทับขับกล่อมน้อมประณต            
เฉลิมยศบทบงสุ์พระทรงโฉม
โอ้ดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม         
เคยประโลมโลกาให้ถาวร

วันนี้กลับอับแสงไม่แจ้งแจ่ม            
นิราแรมรสลับนางอัปสร
เหมือนโศกรักหนักยิ่งยุคนธร            
ด้วยอาวรณ์หวังสวาทมาคลาดคลา

             
พระเอื้อนโอษฐ์โปรดเรียกมาริมอาสน์         
ตรัสประภาษพูดจาด้วยมารศรี
พี่เพลินฟังวังเวงเพลงดนตรี            
เหมือนจะมีศุภลักษณ์ช่วยชักจูง

เจ้าเป็นใหญ่ในสุรางค์นางสนม            
ทั้งพงศ์พรหมพรามณ์พิรุณตระกูลส
ย่อมพราวแพรวแววหางเหมือนอย่างยูง         
งามกว่าฝูงวิหคาบรรดามี

             
ต้อยตะริดติ๊ดตี่เจ้าพี่เอ๋ย               
จะละเลยเร่ร่อนไปนอนไหน
แอ้อีอ่อยสร้างฟ้าสุมาลัย               
แม้นเด็ดได้แล้วไม่ร้างให้ห่างเชย

ฉุยฉายชื่นรื่นรวยระทวยทอด            
จะกล่อมกอดกว่าจะหลับกับเขนย
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย            
ใครจะเชยโฉมน้องประคองนวล

             ๑๐
จึงตรัสตอบขอบคุณการุญรัก            
ที่ถ่อมศักดิ์สารพัดไม่ขัดขวาง
แม้นมั่งคนทรงฤทธิ์ไม่คิดร้าง            
น้องจะวางชีพถวายจนวายชนม์

แต่โบราณท่านว่าจะค้าขาย            
อย่ามักง่ายเงินก็ลองทองก็ฝน
เกิดเป็นคนอย่าไว้แก่ใจคน            
ค่อยผ่อนปรนปรองดองให้ต้องความ

             ๑๑
น้องชอบหูอยู่แต่ปลอบไม่ชอบปล้ำ         
ถ้าขืนทำเจ็บปวดแล้วชวดเสวย
จงยั้งหยุดพูดจาประสาเคย            
อย่าคิดเลยว่าจะได้ด้วยไม้มือ

ที่เมืองใหม่ได้พบได้รบรับ               
พระยังจับจ้องไม่ได้ลืมไปหรือ
ที่ตื้นลึกปรึกษาค่อยหารือ               
ไม่ดึงดื้อดอกแต่ว่าต้องช้าที

             ๑๒
ประเวณีตีงูให้หลังหัก
มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง
จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง
เหมือนเสือขังเข้าดงก็คงร้าย

อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า
ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย
ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย
จะทำร้ายภายหลังยากลำบากครัน

จะพลิกพลิ้วชิวหาเป็นอาวุธ
ประหารบุตรเจ้าลังกาให้อาสัญ
ต้องตัดศึกลึกล้ำที่สำคัญ
นางหมายมั่นมุ่งเห็นจะเป็นการ

             ๑๓
พี่อยู่หลังตั้งแต่นี้ไม่มีสุข
ไหนจะทุกข์ถึงพระโรคที่โศกศัลย์
ไหนจะคอยกลอยสวาทไม่ขาดวัน
ไหนจะกลั้นกลืนรักไว้หนักทรวง

ไหนจะเศร้าเปล่าจิตคิดวิตก
เหมือนอย่างยกเมรุไกรไศลหลวง
เห็นแท้เที่ยงเพียงรำภาสุดาดวง
จะดับทรวงให้พี่สร่างสว่างใจ

             ๑๔
พระฟังคำจำใจไกลสวาท
ใจจะขาดเสียด้วยรักนั้นหนักหนา
กระซิบสั่งสายใจอาลัยลา
แม่ดวงเนตรเกษราจงถาวร

พี่ขอฝากความรักที่หนักอก
ช่วยปิดปกไว้แต่ในน้ำใจสมร
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าและสาคร
อย่าม้วยมรณ์ไมตรีของพี่เลย

ขอฝากความเสน่หาสามิภักดิ์
ภิรมย์รักร่วมเรียงเคียงเขนย
ถึงตัวไปใจอยู่เป็นคู่เชย
เมื่อไรเลยจึงจะสมอารมณ์เรียม

             ๑๕
พระอัดอั้นตันทรวงต้องหน่วงหนัก
เพราะความรักวรนุชสุดถนอม
จึงว่าพี่นี้ระทมด้วยตรมตรอม
เพราะอดออมอกดังจะพังโทรม

ได้อิงแอบแนบกายค่อยคลายโศก
เหมือนคนโรคซึ่งได้รสโอสถโสม
มาซึมซาบอาบอุระประชะโลม
ที่ทรุดโทรมหนักนั้นค่อยบรรเทา

             ๑๖
โบราณว่าสี่เท้ายังก้าวพลาด
เป็นนักปราชญ์แล้วก็ยังรู้พลั้งผิด
อันทำศึกเหมือนสู้กับงูพิษ
จงทรงคิดใคร่ครวญให้ควรการ

             ๑๗
อันอดอื่นหมื่นแสนทั้งแดนไตร
พี่อดได้อยู่ดอกด้วยนอกกาย
แต่ครั้งนี้ที่จะอดซึ่งรสรัก
สุดจะหักห้ามสวาทให้ขาดหาย

             ๑๘
การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แม้องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา


             ๑๙
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แม้นน้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล


             ๒๐
หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์
ที่โศกสุดเศร้าแสนเสน่หา
จนลืมตัวมัวหมองเพราะต้องตา
ต้องตรึกตราจิตเพราะปิดความ

บุราณว่าถ้าเหลือกำลังลาก
ให้ออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม
แม้นพ่อบอกออกบ้างไม่พรางความ
จะเป็นล่ามแก้ไขให้ได้การ