[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

ในวันที่ชีวิตต้องเผชิญกับความยากลำบาก สิ่งที่คนเราต้องการคือ ที่พึ่งทางใจ
แม้ใครหลายคนอาจต้องการเพียงแค่คำปลอบโยนจากคนรัก ครอบครัว หรือเพื่อนฝูงที่รู้ใจ เพื่อจะเป็นแรงพลังผลักดันให้ฮึดสู้กับปัญหาที่
ถาโถมเข้าใส่แต่ก็มีไม่น้อยที่นิยมหันหน้าเข้าหาธรรมะหลบไปพึ่งพิงความสงบร่มเย็นในวัดวาอาราม
ถึงกระนั้นจะมีสักกี่คนที่รู้ว่าท่ามกลางตึกสูงระฟ้าในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ มหานคร ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งเปิดให้ผู้คนทุกคนเข้ามาผ่อนคลาย
สงบจิตใจได้ด้วย หนังสือธรรมะดีๆ ในห้องสมุดเล็กๆ แถมยังมีห้องปฏิบัติธรรมรองรับเพียบพร้อม และกิจกรรมทางธรรมอื่น ๆ โดยไม่คิดค่า
ใช้จ่ายแม้แต่สตางค์เดียว และแน่นอนไม่ใช่ที่วัดเรียกสถานที่แห่งนั้นว่า บ้านธรรมะ
บ้านธรรมะในความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจ เป็นสถานที่ซึ่งถูกปรับแต่งให้เป็นเสมือนห้องสมุด รองรับชาวบ้านเข้ามาใช้บริการ
โดยมีการนำหนังสือธรรมะดี ๆ มาจัดเก็บไว้ให้อ่านกัน อีกทั้งยังได้ปรับภูมิทัศน์ให้ดูเงียบสงบขรึมขลัง เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างที่สุด
นอกจากนี้หลายแห่งยังจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมในวาระพิเศษต่างๆ อีกด้วย อาทิ การนิมนต์พระสงฆ์จากวัดต่าง ๆ มาเทศนาธรรม เชิญอาจารย์
ที่มีชื่อเสียงด้านพระพุทธศาสนามาบรรยายให้แก่ประชาชนที่ เลื่อมใสได้ฟังกัน จนถึงจัดคอร์สฝึกอบรมปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิภาวนาจิตใจ ฯลฯ
บ้านธรรมะนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับผู้ที่ต้องการสถานที่ใดสักแห่งเพื่อสงบจิตสงบใจในวันที่เลวร้ายของ ชีวิต
บ้านหนังสือ ซอยชินเขต 1
บ้านหนังสือ ชินเขต 1 ตั้งอยู่ภายในซอยชินเขต 1/1 ย่านถนนงามวงศ์วาน เขตหลักสี่ กทม. สถานที่แห่งนี้ก่อตั้งโดย นพ.วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีสถานที่ในการศึกษาและทำกิจกรรมทาง ธรรม และสำหรับใครก็ตามที่ต้องการพักผ่อนจิตใจด้วยการหาความสงบจากธรรมะโดยไม่ ต้องไปถึงที่วัด

บ้านหนังสือเปิดให้บริการเป็น 2 ส่วน คือห้องสมุดธรรมะและห้องปฏิบัติธรรม ส่วนของห้องสมุดจะมีหนังสือธรรมะมากมาย
ให้เลือกอ่านไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภทธรรมะทางจิตใจ หรือแม้แต่ธรรมะคำสอนง่ายๆ สำหรับเด็กในรูปแบบการ์ตูน อันจะสร้างความสนใจ
ให้เด็ก ๆ หันมาสนใจธรรมะและสนุกกับการอ่านมากขึ้น ทั้งยังมีหนังสือธรรมะในรูปแบบของภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติด้วยเช่นกัน
นอกจากหนังสืออ่านเล่นแล้วทางบ้านหนังสือยังมีหนังสือพระไตรปิฎกซึ่งเป็นหนังสือที่หาอ่านได้ค่อนข้างยากมาไว้บริการ
แก่ผู้ที่กำลังศึกษาอีกด้วย
ส่วนของห้องปฏิบัติธรรม สามารถรองรับผู้ปฏิบัติธรรมได้มากกว่า 50 คน โดยทางบ้านหนังสือจะมีการจัดกิจกรรมสนทนาทางธรรมเพื่อบุคคล
ที่สนใจรวมถึงการปฏิบัติธรรมขั้นพื้นฐานในทุก ๆ วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์
ตั้งแต่เปิดมาประมาณ 3 เดือน มีผู้ให้ความสนใจเดินทางเข้ามากันเยอะมากครับ บางคนสงสัยว่าที่นี่คืออะไร ก็ลองแวะมาเที่ยวชม นั่งเล่น
เปิดหนังสือธรรมะอ่านกัน ผู้ใช้บริการมีตั้งแต่พระ เด็กนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน หรือพากันมาทั้งครอบครัว หมุนเวียนมาตลอดทั้งวัน
เพราะที่นี่ตั้งอยู่ใกล้ละแวกชุมชนที่อยู่อาศัยด้วย เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบ้านหนังสือให้ข้อมูล
เสียงตอบรับจากชาวบ้านดีเกินคาด ส่วนใหญ่จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นสถานที่อย่างนี้มาก่อนดีแล้วจะได้มีที่ไปนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือธรรมะใกล้ ๆ บ้านเขาโดยที่ไม่ต้องเข้าวัด






ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ 1 ถนนพหลโยธิน เป็นบ้านธรรมะอีกแห่งหนึ่งที่มีผู้คนหนุ่มสาวนักศึกษาและวัยทำงานจำนวนไม่ น้อย เข้ามาใช้บริการในแต่ละวัน เนื่องจากอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใจกลางกรุง ทำให้การเดินทางไป - มาสะดวกสบาย
ที่แห่งนี้ดำเนินการผลิตสื่อธรรมะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งหนังสือ ซีดี วีซีดี ผ่านทางรายการวิทยุและทีวีออนไลน์ในอินเทอร์เน็ต
อีกทั้งยังเป็นสถาน ที่สำหรับศึกษาค้นคว้าทางด้านพุทธศาสนา ซึ่งได้รวบรวมคำสอนของครูบาอาจารย์หลายๆ ท่าน ที่ปัจจุบันหาอ่านได้ยาก และตำราพระไตรปิฎกทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงจัดแสดงธรรมตามวาระ โดยนิมนต์ครูบาอาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือมาแสดงธรรม
นอกจากนี้ ยังดำเนินการทางด้านสังคม อาทิ โครงการอาทิตย์สุขสันต์ ณ บ้านอารีย์ เป็นกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว ส่งเสริมให้เยาวชนไ
ด้คุ้นเคยและเข้าใจหลักธรรมและพิธีการที่ถูกต้องดีงามทาง ด้านพุทธศาสนา เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
และยังก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวอีกด้วย
ที่นี่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ มีแต่การบอกกันปากต่อปาก เพราะเราไม่ได้ทำการค้า ไม่มีระบบสมาชิก เป็นที่สาธารณะที่ใครอยากมาก็เข้ามาได้เลย คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นวัยรุ่น เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่แสวงหาทาง แสวงหาคำตอบของชีวิต และจะเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์ จะโตมาในยุคของข้อมูลข่าวสาร เรื่องของเหตุและผลวีรณัฐ โรจนประภา ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์ บอกไว้อย่างนั้น

อย่างเช่นวันนี้ แม้จะเป็นวันธรรมดาในเวลาทำงานปกติ แต่ก็ยังมีผู้ที่เดินทางมานั่งพักผ่อนด้วยหนังสือธรรมะบ้างจำนวนหนึ่ง
ศิริศักดิ์ มัคคุเทศก์หนุ่มวัย 28 ปี เป็นคนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการบ้านอารีย์แห่งนี้บ่อยครั้ง
ผมรู้จัก บ้านอารีย์จากเพื่อนจริงๆ แล้วบ้านผมอยู่แถวบางนาไกลมาก (หัวเราะ)แต่พอดีมาทำธุระแถวนี้ในทุกวันพุธช่วงเย็น ทีนี้เหลือเวลาว่างสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็เลยลองแวะเข้ามาอ่านหนังสือ กับนั่งสมาธิในห้องที่เขาจัดไว้ให้ มันเงียบสงบดี หนังสือดี ๆ ก็เยอะ ดีกว่าเอาเวลาไปฆ่าด้วยการทำอย่างอื่นไร้สาระเมื่อถามว่า บ้านธรรมะอย่างที่นี่ ถือเป็นสถานที่พักผ่อนชำระจิตใจสำหรับคนกรุงจะได้ไหม?
ช่วยได้แน่นอนครับเขาตอบเสียงดังฟังชัด “และมันจำเป็นมากด้วยในยุคที่สังคมมันเป็นอย่างนี้ ทั้งปัญหาบ้านเมืองรุมเร้า เศรษฐกิจย่ำแย่ ผู้คนคร่ำเครียดแข่งขันกันใช้ชีวิต ทำไมเราไม่ลองหันมามองสถานที่เล็กๆ ประเภทนี้ดูบ้างล่ะ มันอาจจะช่วยในเรื่องของความคิดจิตใจให้ผ่อนคลายลงได้บ้างเขาบอกหลาย เสียงจากผู้มาใช้บริการแสดงความชื่นชมต่อการจัดสร้างสถานที่ดี ๆ อย่างนี้ และอยากให้มีบ้านธรรมะเกิดขึ้นอีกเยอะ ๆ
เอาให้ทั่วทุกมุมเมืองเลยยิ่งดีสถาน ปฏิบัติธรรม บ้านพาณิชย์กุล
ในซอยกำนันแม้น 36 ถนนกำนันแม้น เขตบางขุนเทียน บ้านพาณิชย์กุล ซึ่งก่อตั้งโดยไพบูลย์ พาณิชย์กุล เป็นอาคาร 5 ชั้น สีขาวตั้งโดดเด่นเหนือตึกรามบ้านช่องละแวกนั้น เจ้าของบ้านพาณิชย์กุลจะมาเล่าถึงที่มาที่ไปของบ้านธรรมะแห่งนี้ให้ได้ฟังกัน
บ้านพาณิชย์กุลนั่นเกิดขึ้นมาจากการที่ภรรยาของผมได้มีโอกาสไป ร่วมปฏิบัติธรรมกับกลุ่มเพื่อน ๆ โดยมักจะไปร่วมสร้างวัดตามต่างจังหวัดเสมอ ๆ เพราะให้ความรู้สึกว่าสงบดี มีสติและสมาธิ จึงได้มาชวนกันไปปฏิบัติธรรมกันเป็นประจำ ชีวิตหลังจากนั้นทุกคนต่างมีความสุขมากขึ้น
ความทุกข์ใจเบาบางลง

เวลาต่อมาโรงงานที่ตั้งอยู่ข้างบ้านผมมันก็เก่ามากแล้ว จึงย้ายสร้างโรงงานในที่แห่งใหม่ และเมื่อที่เดิมว่างอยู่
พวกเราจึงปรึกษากันว่าน่าจะสร้างเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมวิปัสสนา กรรมฐาน เพื่อชักชวนให้ญาติพี่น้องเพื่อนสนิท คนรู้จักมาร่วมปฏิบัติธรรม
ภายในสถานปฏิบัติธรรมได้จัดเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไว้รอรับผู้ที่มีจิต เลื่อมใสศรัทธาในพระธรรม แต่อาจติดขัดบางประการด้วยเหตุผล
ต่าง ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถไปวัดได้ โดยทางบ้านพาณิชย์กุลได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศทุกห้องมีเครื่องนอนสำหรับทุกท่าน อาหารมังสวิรัติจัด
เตรียมไว้พร้อมครบทุกมื้อ และยังมีหนังสือธรรมะหลายร้อยเล่มพรักพร้อมให้ผู้สนใจได้ศึกษา
ที่ขาดไม่ได้คือห้องกรรมฐานสำหรับเดินจงกรม นั่งสมาธิ ไหว้พระ สวดมนต์ และฟังธรรม
การที่จะเข้ามาใช้บริการในสถานปฏิบัติธรรมนี้ทำได้ไม่ยากไพบูลย์ บอกว่าผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมต้องไม่มีโรคประจำตัว
หรือโรคประสาททรงเจ้าเข้าทรงไร้สาระอะไรเทือกนั้นต้องมีความ เลื่อมใสศรัทธาจริง ๆ เขาเน้นคำนี้
ผู้ที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยทำงานจนถึงอายุ 80 ปีก็มี เสียงตอบรับที่ผ่านมาค่อนข้างดี อย่างบางคนติดเหล้าติดบุหรี่แล้วมาปฏิบัติธรรม
ก็เลิกได้ มีสติสมาธิมากขึ้น ปัจจุบันมีคนอยากสร้างบ้านแบบนี้เยอะขึ้น แต่ผู้ที่ให้ความรู้นั้นกลับมีน้อยลง จึงทำให้ต้องมีการเตรียมการสอนเพื่อพัฒนา
เขาให้มาเป็นวิทยากรช่วยให้ความรู้ ในด้านนี้มากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมเจ้าของบ้านพาณิชย์กุล บอกทิ้งท้าย

สโลแกน บ้านพักผ่อนจิตใจด้วยธรรมะ คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของการก่อตั้งห้องสมุดเรือนธรรมขึ้นมา
สถานที่นี้อยู่บนอาคารพงศ์วราภา ริมถนนพิชัย เขตดุสิต
ห้องหนังสือ เรือนธรรม เป็นห้องหนังสือที่เปิดบริการประชาชนผู้สนใจการศึกษาพุทธธรรม เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน โดยได้รวบรวมคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ หลวงพ่อชา สุภัทโท และอาจารย์วศิน อินทสระ ไว้อย่างครบครันทั้งในรูปของหนังสือและเทป เช่น เทปคำบรรยายของหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุจากสวนโมกข์จำนวน 2,200 ม้วน เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ศึกษาค้นคว้าคำสอนในแนวลึกได้อย่างจุใจเดิมทีเคยเป็นที่ทำงานของนิตยสารจีเอ็ม ในเครือบริษัท จีเอ็ม มัลติมีเดีย แล้วเมื่อบริษัทได้ย้ายออกไป เมื่อกลายเป็นพื้นที่ว่าง พรจิตต์ พงศ์วราภา หรือเจ้าของนามปากกา ขวัญ เพียงหทัย นักเขียนแนวธรรมะและเจ้าของสำนักพิมพ์เรือนธรรม จึงตัดสินใจทำเป็นห้องสมุดเรือนธรรมขึ้นมาเพื่อให้เป็นประโยชน์สาธารณะ
พี่อยากส่งเสริมเรื่องธรรมะ เพราะว่าพี่เองก็เรียนธรรมะอยู่ เลยมีความคิดอยากที่จะทำเป็นห้องหนังสือธรรมะ ซึ่งห้องหนังสือธรรมะของเราก็ต้องเจาะเฉพาะกลุ่มให้แคบลงกว่านี้หน่อย เนื่องจากสถานที่มันไม่กว้างขวางเท่าไหร่ ดังนั้นเราก็จะมีผลงานเฉพาะครูบาอาจารย์ก็คือ ท่านพุทธทาส หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ หลวงพ่อชา สุภัทโท และอาจารย์วศิน อินทสระ ซึ่ง 4 ท่านนี้ พี่ก็เรียนมากับท่าน ก็เลยหาหนังสือของท่านในจำนวนมากเท่าที่จะหาได้
บ้านธรรมะพักผ่อนจิต ใจแห่งนี้เปิดมานาน 5 ปีแล้ว เป็นที่รู้จักและมีผู้มาใช้บริการอยู่ตลอดเวลา และไม่ใช่เพียงห้องสมุดอย่างเดียว แต่ยังมีห้องเรียนปฏิบัติธรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายธรรมะของพระอาจารย์ท่านต่างๆ ตามวาระ คอร์สอบรมสมาธิเบื้องต้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการเพียงพกบัตรประชาชนมาเพื่อลงทะเบียนเข้าปฏิบัติ ธรรม แต่งกายปกติ มีที่พักพร้อมอาหารให้สำหรับทุก ๆ ท่าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่ก็มีตู้รับบริจาคให้กับใครก็ตาม ผู้ที่อยากช่วยค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมของห้องสมุดเรือนธรรมได้ตามอัธยาศัย.............................
ในวันที่รู้สึกอ่อนระโหยโรยแรง สมองว้าวุ่นไปด้วยปัญหาร้อยแปดที่หาทางออกไม่พบ ลองพาตัวเองเข้าไปพักผ่อนในบ้านธรรมะเหล่านี้ดูเสียหน่อยจะเป็นไรเผื่อ หัวใจจะดีขึ้นบ้าง....................แล้วค่อยกลับมาต่อสู้ชีวิตกันใหม่ดีไหม ?

สาธุ ๆ

บทความจากโพสท์ทูเดย์ แต่ภาพจากกล้องจารย์บางครั้ง

เอ๊ะยังไง

๕๕๕๕


 ;D ;D ;D

ชอบภาพทุกภาพค่ะ...ขอบคุณนะค่ะที่ให้ได้ชมภาพ