[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 09 กรกฎาคม 2553 20:07:29



หัวข้อ: ตถตา
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 09 กรกฎาคม 2553 20:07:29
(http://lh4.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TDXa6dAJS0I/AAAAAAAABGo/NsqRDCb8Fwc/2720.jpg)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/23.wma


ถาม.......เขากล่าวหาท่านอาจารย์ว่า สอนว่า คนทั่วไปสามารถเรียนรู้พุทธศาสนาได้ภายใน ๑๕ นาที. นี้มันมีข้อเท็จจริงอย่างไรครับ ?


ตอบ........มันเป็นการเล่นลิ้น เพื่อจะด่าเราก่อนนี้เราเคยบอกว่า คนสามารถเรียนพุทธศาสนาได้ใน ๑๕ นาที และดูเหมือนนายปุ่นก็นำไปกล่าว แต่เราจะกล่าวให้ยิ่งกว่านั้นว่า พุทธศาสนาเรียนได้ในพริบตาเดียวถ้าผู้นั้นมีอุปนิสัยถึงขนาด และเหตุปัจจัยทั้งหลายสมบูรณ์ทุกประการ ๑๕ นาทียังนานนัก แต่ว่าพุทธศาสนานั้น ถ้าจะให้เรียนกันภายใน ๑๕ นาที ก็เรียนได้ โดยเรียนอย่างนี้ ๆ ถ้าจะให้เรียนกันในพริบตาเดียวก็ได้ ให้เรียนกันอย่างนี้ ๆ คือให้เรียนรู้ เช่นนั้นเอง รู้ ความเป็นเช่นนั้นเองพูดได้ด้วยคำเพียง ๓ พยางค์ว่า เช่นนั้นเอง รู้ เช่นนั้นเอง ถึง เช่นนั้นเอง นี้คือรู้พุทธศาสนาหมดสิ้นหลักปฏิบัติทั้งหมดในพุทธศาสนากี่ระบบ ก็ไปรวมอยู่ที่จุดปลาย ว่ารู้ความเป็นเช่นนั้นเอง, คือเป็น ยถาภูตญาณทัสสนะ - รู้สิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริงว่า เอ้า ! มันเช่นนั้นเอง ที่แจกเป็นรายละเอียดก็คือปฏิจจสมุปบาทอันยืดยาวนั่นแหละไปดูเถอะ แล้วมันก็รู้เช่นนั้นเอง ๆ ๆ ๆ จนถึงอันสุดท้าย



หัวข้อ: Re: ตถตา
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 09 กรกฎาคม 2553 20:17:00
(http://lh4.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TDXa6dAJS0I/AAAAAAAABGo/NsqRDCb8Fwc/2720.jpg)



เรื่องปฏิจจสมุปบาท หรืออิทัปปัจจยตา ซึ่งครอบโลกนั่นมันสรุปเหลืออยู่เพียงว่า ตถตา - เป็นอย่างนั้น อวิตถตา - ไม่ผิด ไปจาก
ความเป็นอย่างนั้นอนัญญถตา - ไม่เป็นไปโดยประการอื่นจากความเป็นอย่างนั้น ธัมมัฏฐิตตา - เป็นความตั้งอยู่โดยความเป็นธรรมดาของธรรมชาติ
ธัมมนิยามตา - เป็นกฎตายตัวของธรรมดาอย่างนี้มันยุ่งยากลำบากมากเรื่อง ไม่ต้องจำก็ได้ อย่าไปจำเลย จำคำว่า ตถตา ไว้คำเดียวก็พอ แปลว่า
เป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนั้นเองการเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นแหละ คือ เห็นเช่นนั้นเอง หรือจะแยกออกไปเป็นว่า มันปรุงแต่งกันออกไปเป็นสายยาวเป็นปฏิจจสมุปบาท กระทั่งว่ามีอายตนะ มีผัสสะ มีเวทนา มีตัณหา มีอุปาทาน มีทุกข์ มันก็คือเช่นนั้นเอง ที่ต้องทุกข์ก็เพราะว่าเป็นเช่นนั้นเองอย่างนั้นขณะใดไม่ต้องทุกข์ก็เพราะว่า มันเป็นเช่นนั้นเองอย่างนั้นฉะนั้น เรามี เช่นนั้นเองไว้เป็นเครื่องดับทุกข์เถอะอะไรเกิดขึ้นมาก็เห็นเป็นเช่นนั้นเองไว้ก่อน แล้วก็จะไม่รักจะไม่เกลียด จะไม่โกรธ จะไม่กลัว ไม่วิตกกังวลอะไรหมด เพราะมันเช่นนั้นเอง
ถ้ามันเกิดทุกข์ขึ้นมา เราก็เห็นเช่นนั้นเอง ของความทุกข์ แล้วก็หาเช่นนั้นเอง ของความดับทุกข์ที่มันเป็นคู่ปรปักษ์กันเข้ามาซี่ เช่นนั้นเอง อย่างนี้มันเป็นทุกข์ เช่นนั้นเอง ที่มันดับทุกข์ก็เอาเข้ามา มาฟัดกันกับ เช่นนั้นเอง เช่นนั้นเองกับเช่นนั้นเองมันก็ฆ่ากันเองในที่สุดความทุกข์มันก็ดับไป เพราะเรามีเช่นนั้นเอง ฝ่ายดับทุกข์ หรือฝ่ายพระนิพพานนี่ พุทธศาสนาเรียนได้ในพริบตาเดียวก็ด้วยคำว่าเช่นนั้นเอง
ถ้าจะไปแจกเป็นอริยสัจจ์สี่ เป็นเรื่องอนัตตา เป็นเรื่องกรรม เป็นเรื่องอะไร มันก็กินเวลาตั้ง ๑๕ นาที หรือกว่านั้นการที่เอามาพูดใน ๑๕ นาที
นั่นเอามาแต่หัวใจ หรือจะตั้งคำถามใหม่ว่า ถ้าเราอยากจะเรียนพุทธศาสนาใน ๑๕ นาที เราจะเรียนอะไร ? เรียนอย่างไร ?
ก็บอกอย่างนี้ เรียนหลักเรื่องอริยสัจจ์ เรื่องกรรม เรื่องอนัตตา เรื่องพระนิพพาน




หัวข้อ: Re: ตถตา
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 09 กรกฎาคม 2553 20:22:44
(http://lh4.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TDXa6dAJS0I/AAAAAAAABGo/NsqRDCb8Fwc/2720.jpg)



ถ้าเราจะเรียนในพริบตาเดียวในชั่วอึดใจเดียวนี้ ก็เรียนเรื่อง เช่นนั้นเอง ถึงความเป็นเช่นนั้นเอง รู้เรื่องความเป็นเช่นนั้นเอง มันก็จบพุทธศาสนาทั้งหมดกล้าบอกกล้ายืนยันว่า ท่านทั้งหลายช่วยจำไว้ว่า หัวใจของพุทธศาสนา ถ้าจะเอาให้เข้มข้นกันที่สุด กว่าที่เคยพูดกันมาก่อน ๆ แล้ว
ก็จะมาพูดใหม่เดี๋ยวนี้ว่า หัวใจของพุทธศาสนาคือคำว่า เช่นนั้นเอง ๓ พยางค์ ไม่มีอะไรที่จะไม่เป็นเช่นนั้นเอง ทางวัตถุก็เช่นนั้นเอง ทางจิตทางนาม
ธรรมก็เช่นนั้นเอง กิริยาอาการของมันก็เช่นนั้นเอง การปรุงแต่งของมันก็เช่นนั้นเอง เกิดสุข เกิดทุกข์ ขึ้นมามันก็เช่นนั้นเองจงพยายามศึกษาคำว่า
เช่นนั้นเองอยู่ให้เป็นที่เข้าใจและแจ่มแจ้งอยู่เสมอ อะไรเกิดขึ้นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เห็นชัดเหลือชัดเลยว่า เช่นนั้นเอง
ก็ไม่หลงรัก - ไม่หลงเกลียด ไม่หลงยินดี - ไม่หลงยินร้าย กิเลสเกิดไม่ได้เพราะอำนาจของเช่นนั้นเอง
หัวใจของปฏิจจสมุปบาท สรุปอยู่ที่คำว่าเช่นนั้นเองปฏิจจสมุปบาท คือคำสอนทั้งหมดในพระพุทธศาสนา คือสอนว่าทุกข์เกิดขึ้นอย่างไรและดับไปอย่างไร สมตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ฉันไม่พูดเรื่องอื่น ฉันพูดแต่เรื่องความทุกข์ และความดับทุกข์เท่านั้น เดี๋ยวนี้ก็ดี ต่อไปข้างหน้าก็ดี คือให้ความทุกข์และความดับทุกข์นี้ มันรวมอยู่ในคำว่า เช่นนั้นเอง เรียกว่า ตถตา ก็ได้ ตถาตา ก็ได้ ตถา เฉย ๆ ก็ได้ ในพระไตรปิฎกมีอยู่ทั้ง ๓ คำ ทั้งตถา ทั้งตถตาทั้งตถาตา ฉะนั้นใครถึงตถา คนนั้นก็คือ ตถาคต ตถา + คตะ ตถา แปลว่า เช่นนั้นเอง, คตะแปลว่า ถึงผู้ใดถึง ตถา ผู้นั้นชื่อว่า ตถาคตคือว่า ถึงความสูงสุดของสิ่งที่มนุษย์ควรจะได้จะถึง คือถึงเช่นนั้นเอง และเช่นนั้นเอง ตัวใหญ่ที่สุดก็คือ พระนิพพาน



หัวข้อ: Re: ตถตา
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 09 กรกฎาคม 2553 20:30:34
(http://lh4.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TDXa6dAJS0I/AAAAAAAABGo/NsqRDCb8Fwc/2720.jpg)



พระนิพพานมีความเป็นเช่นนั้นเอง ตามแบบของพระนิพพาน เป็นเช่นนั้นเองที่ยิ่งใหญ่กว่าเช่นนั้นเองใด ๆฉะนั้น ถึงตถาก็
ถึงพระนิพพาน เป็นตถาคตถ้าถึงตามลำพังตนเอง ก็เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าถึงโดยการศึกษาเล่าเรียนตามพระพุทธเจ้า ก็เป็นพุทธสาวก
แต่แล้วในที่สุดต้องถึงความเป็นเช่นนั้นเอง ด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าอยากจะเรียนพุทธศาสนาวิธีลัดสั้นที่สุด ก็เรียนเรื่อง เช่นนั้นเอง นี้มันไม่เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา หรือว่าดูหมิ่นคำสอนของพระพุทธเจ้า
ว่าสามารถเรียนรู้ได้ในเวลาอันสั้น ยิ่งสั้นยิ่งดีไม่เช่นนั้นมันก็ตายเสียก่อน เราไม่ยอมรับว่านิพพานต่อตายแล้ว อีกหลายหมื่น หลายแสน หลายล้าน
ชาตินี้เราไม่ยอมรับ แล้วก็ไม่อยากให้ท่านทั้งหลายยอมรับนิพพานนั้นต้องที่นี่และเดี๋ยวนี้และนิพพานมีอยู่เองก่อนแล้ว คือเมื่อว่างจากกิเลสก็เป็น
นิพพานอยู่แล้ว แล้วเราต้องทำมันให้ยิ่ง ๆ ขึ้นที่นี่และเดี๋ยวนี้ ก่อนจะเข้าโลงเป็นทุกข์เหมือนไฟไหม้ศีรษะอยู่เดี๋ยวนี้ แล้วจะดับกันต่อตายแล้วตั้งแสนชาติ มันจะเป็นอย่างไร ? เว้นเสียแต่ท่านทั้งหลายจะรู้จัก ชาติ อย่างที่อธิบายแล้วข้างต้น
จงขยายนิพพานชั่วคราว นิพพานเล็ก ๆ น้อย ๆ แห่งจิตประภัสสรให้มันเต็มที่ขึ้นมาเสียให้ได้ก่อนแต่ที่จะเข้าโลง นี้คือวิธีเข้าไปหาพระพุทธศาสนา
ข้าไปหาพระพุทธเจ้า เข้าไปหาพระนิพพาน โดยวิธีที่ลัดสั้นที่สุดที่เราชอบ แล้วเขาหาว่าเราเป็นคนทำลายพระพุทธศาสนา ก็เป็นเรื่องที่น่าล้อ
แล้วก็เอามาล้อกันวันนี้เอ้า...............เรื่องอื่นต่อไปดีกว่า…..........................................


...............................จบตถาตา..........................


......................พระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาส อินทปัญโญ.....................



หัวข้อ: Re: ตถตา
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 09 กรกฎาคม 2553 21:03:23

(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/10/Y8427554/Y8427554-7.jpg)

 (:88:)  (:88:)  (:88:)


หัวข้อ: Re: ตถตา
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 10 กรกฎาคม 2553 12:20:02

(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/10/Y8427554/Y8427554-7.jpg)

 (:88:)  (:88:)  (:88:)

(:LOVE:)โห......ภาพของ พี่ แป๋ม สวยจังเลย ขออนุญาตเก็บ (:LOVE:)



หัวข้อ: Re: ตถตา
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 กรกฎาคม 2553 12:38:50



(:-_-:)   ขมาย.. (ขอในใจ) ของคุณมดมาค่ะ...

 (:LOVE:)  (:LOVE:)  (:LOVE:)