หัวข้อ: ความว่าง เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 12 กรกฎาคม 2553 09:08:11 (http://pix.com.ua/db/nature/trees_leaves/forest_and_trees/m-482091.jpg) ความว่าง ความว่างมิอาจว่าง หากมิวาง ณ ตัวตน ต้นไม้อันหยัดพ้น เพราะก่นกิ่งและผลัดใบ ยิ่งละจึ่งยิ่งมี งอกงามทวีเติบใหญ่ คลื่นลม ทะเลร้าย ห่อนระคายความว่างนั้น พุทธศาสนาไม่มีอย่างจีน อย่างไทยหรืออย่างแขก ฝรั่ง มีแต่พุทธศาสนาอย่างของพระพุทธเจ้า อย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่ามีวิธีพูด วิธีบอก หรือวิธีนำให้เข้าถึงนั้นต่างกันมากที่เดียว หลักนิกายเซน นอกจากจะเป็นวิธีการที่ลัดสั้นแล้ว ยังเป็นวิธีปฏิบัติที่อิงหลักธรรมชาติทางจิตใจของคนทั่วไป แม้ผู้ที่ไม่รู้หนังสือ หรือไม่เข้าใจพิธีรีตองต่างๆ ผู้ที่จะเข้าใจหลักการของเซน ควรได้รับการชักชวนให้ลืมอะไรต่างๆที่เคยยึดถือไว้ให้หมดเสียก่อน จึงจะเป็นการง่ายในการอ่านและการเข้าใจโดยแท้ ลืมการคิดดิ่งๆ ด้านเดียว ที่ตนเคยยึดถือ ลีมกระทั่งความเป็นพุทธบริษัทของตนเสีย เหลือไว้แต่เพียง ใจล้วนๆของมนุษย์ เป็นใจซึ่งกำลังแก้ปัญหาที่ว่า ทำอย่างไรจิตของมนุษย์ทุกคน จักหลุดพ้นจากความบีบคั้น ห่อหุ้มพัวหันได้โดยสิ้นเชิง? จากหนังสือ สูตรของเว่ยหลาง โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ <º))))><.·´¯`·.อยู่อย่างเซน¸.·´¯`·.¸><((((º> โดย สติมา หัวข้อ: Re: ความว่าง เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 12 กรกฎาคม 2553 09:38:07 (http://cache.virtualtourist.com/1756203-Fallen_autum_leaves_Central_Park_NYC-New_York_City.jpg) เชิญชวนผู้ปฎิบัติทั้งหลาย สนใจคำสอนแบบเซนกันหรือเปล่าเอ่ย.. รู้สึกว่าง่ายๆ แต่กินใจดี อย่างเช่น มึชีวิตกับปัจจุบันขณะ.. อดีตก็ละไปแล้ว.. อนาคตก็ยังไม่มา... โดย สติมา อะตีตัง นานวาคะเมยยะ, นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง, บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว,และสิ่งที่ยังไม่มาถึง, ยะทะตีตัมปะหีนันตัง, อัปปัตตัญจะ อะนาคะตัง, สิ่งเป็นอดีตก็ละไปแล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ยังไม่มา, ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง, ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ, อะสังหิรัง อะสังกุปปัง, ตัง วิทธา มะนุพ๎รูหะเย. ผู้ใด เห็นปัจจุบันธรรมอย่างชัดเจน, ไม่หวั่นไหวคลอนแคลน, เขาควรเพิ่มพูนอาการเช่นนั้นไว้. มุ.อุ. ภัทเทกรัตตสูตร๑๔/๓๔๘ - อันนี้เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก ไม่ได้ไปเอามาจากเซนที่ไหน ถ้าจะว่าไปแล้ว เซนก็เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนา ควรจะพูดว่า เซน เอาไปจากพระพุทธเจ้ามากกว่า - หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง ทูรังคะมัง เอกะจะรัง, อะสะรีรัง คุหาสะยัง, เย จิตตัง สัญญะเมสสันติ, โมกขันติ มาระพันธะนา. ชนเหล่าใดจักสำรวมจิตอันท่องเที่ยวไปในที่ไกล, เที่ยวไปดวงเดียว, ไม่มีสรีระ, มีร่างกายเป็นที่อาศัย,ชนเหล่านั้นย่อมพ้นจากบ่วงแห่งมาร ฯ มาจากคาถาธรรมบท การสำรวมจิต หมายถึง มีสติระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาทนั่นเอง นี่ก็น่าจะเรียกว่า รู้ปัจจุบันธรรม หรือปัจจุบันขณะ โดย ชินวงส์ (http://gotoknow.org/file/lanandaman/preview/252977430_5f04cef543.jpg) หัวข้อ: Re: ความว่าง เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 12 กรกฎาคม 2553 12:11:29 (http://iloapp.anzenkai.com/blog/www?ShowFile&image=1255328304.jpg) - ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้ามีวิธีการสอนอย่างนี้มากมายในพระไตรปิฎก ก็อย่างที่คุณว่า ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าสอนแบบเซนในเมืองไทยก็มีอยู่สองท่าน คือ หลวงพ่อพุทธทาสได้รับยกย่องว่าเป็นเซนแห่งสวนโมกข์ หลวงพ่อชา สุภทฺโท ได้รับยกย่องว่าเป็นเซนแห่งอีสาน (http://up6.podbean.com/image-logos/41859_logo.gif) - ถ้าจะสอนแบบเซนจริงๆ ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันเลย เพราะของจริงนิ่งสงบ อธิบายให้กันฟังไม่ได้หรอก เป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น ที่อาตมานำมาเขียนนั้นเป็นเพียงธรรมะภายนอกเท่านั้น ของจริงต้องศึกษาเอาเอง จากกายใจของตนทั้งสิ้น - ขอให้ "ซาโตริ" ในเร็ววัน อนุโมทนา ซาโตริ(ภาษาญี่ปุ่น) = รู้แจ้ง (http://i168.photobucket.com/albums/u170/pintip/2-2-50-2.png) หัวข้อ: Re: ความว่าง เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 12 กรกฎาคม 2553 12:25:56 (http://1.bp.blogspot.com/_aedqHk40El4/SCXCC0MGitI/AAAAAAAABQg/no3TngnkFs4/s200/Zazen2.jpg) ซาโตริ ตามรูปศัพท์หมายถึงการรู้อย่างแจ่มแจ้งหรือการตรัสรู้ แต่ในเซนหมายถึงภาวะแห่งการสำนึกรู้ถึงพุทธจิต เป็นการสำนึกรู้ถึงจิตสำนึกที่บริสุทธิ์หมดจดอยู่แล้วด้วยตัวของมันเองโดยปราศจากสิ่งใดๆ (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางจิตใจหรือทางร่างกายก็ตาม) ประสบการณ์ใดๆ ที่สามารถถูกอธิบายกำหนดลักษณะได้ด้วยใจหรืออารมณ์ ประสบการณ์นั้นๆ ก็ไม่จัดเป็นซาโตริตามความหมายข้างต้น แม้ว่าบางครั้งคำพูดจะถูกใช้อย่างคร่าวๆ เพื่อไปบ่งถึงภาวะที่จิตใจและอารมณ์เป็นของฟูเฟื่องสูงสุด และรู้สึกท่วมท้น ที่ได้สำนึกถึงธรรมชาติแห่งการหยั่งรู้ฉับพลัน ในนิกายเซนทั่วไป ซาโตริจะมีความหมายอย่างชัดเจนคือเป็นการมองเข้าไปสู่ธรรมชาติที่แท้จริงของตนเอง แล้วค้นพบ บางสิ่งซึ่งแปลกใหม่อันจะรู้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง และสิ่งนั้นก็จะส่องประกายให้ชีวิตทั้งหมดของเขาแจ่มกระจ่างสว่างไสวไปตลอด แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่อาจถูกแสดงออกมาได้ไม่ว่าจะโดยวิธีใดๆ ก็ตาม อย่างไรก็ดี อาจกล่าวได้ว่า การหยั่งรู้อย่างฉับพลัน อาจ ชี้บ่งถึงประสบการณ์แห่งซาโตริ ซึ่งมีอยู่ภายใน ซึ่งได้ส่องประกายของมันเข้าไปสู่จิต แต่ก็ไม่อาจจะสังเกตเห็นได้โดยง่าย แต่สำหรับผู้ปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังเมื่อซาโตริปรากฏขึ้นมา มันก็จะส่งผลไปอย่างตรงดิ่ง และดำเนินเรื่อยไปอย่างไม่ถดถอย" |