[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 04 ตุลาคม 2555 15:55:27



หัวข้อ: เทศกาลกินเจ 2555 ทั่วประเทศไทย
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 ตุลาคม 2555 15:55:27


เทศกาลกินเจ 2555 ทั่วประเทศไทย
http://travel.kapook.com/view47888.html-

(http://img.kapook.com/u/sutasinee/travel/12/w1.jpg)
ภาพจาก phuketphotos951 / Shutterstock.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท. และ เฟซบุ๊ก Kinjfan

          เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) ของทุกปี เราจะเห็นธงสีเหลือง ๆ มีตัวอักษรจีนประดับอยู่ตามร้านอาหารและสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า...เริ่มเข้าสู่เทศกาลกินเจแล้ว และสำหรับ "เทศกาลกินเจ ปี 2555" จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2555 แต่บางคนอาจกินเจล่วงหน้า 1 วัน หรือที่เรียกว่า "ล้างท้อง" นั่นเอง
          อย่างไรก็ตาม สำหรับนักเดินทางที่อยากออกไปสัมผัสกับกลิ่นอาย หรือบรรยากาศประเพณีกินเจตามจังหวัดต่าง ๆ นั้น วันนี้กระปุกท่องเที่ยวก็นำเอาสถานที่ที่จัดงานเทศกาล "กินเจ 2555" จากทั่วประเทศไทย มาบอกกัน โดยเริ่มที่...

เทศกาลงานเจ เยาวราช ประจำปี 2555
          เขตสัมพันธวงศ์ จัดงาน "เทศกาลงานเจ เยาวราช ประจำปี 2555" ชวนชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมทานเจอย่างถูกประเพณี เพื่อสืบสานตำนานการกินเจอย่างถูกต้องตามหลักประเพณี โดยในปีนี้มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2555 และมีขบวนแห่รถบุปผชาติในวันพิธีเปิดงาน นอกจากนี้ ยังมีพิธีคัดเลือก "องค์สมมุติเจ้าแม่กวนอิม" จากสาวพรหมจรรย์อีกด้วย

(http://img.kapook.com/u/sutasinee/travel/12/CF22_Vegetarian_Festival__S.jpg)


ประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต
          จังหวัดภูเก็ต ขอเชิญร่วมงาน "ประเพณีถือศีลกินผัก" (กินเจ) ระหว่างวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2555 ไปอิ่มบุญ เสริมบารมี อยู่เย็นเป็นสุข ในช่วงงานประเพณี นอกจากจะได้ถือศีลกินผัก อิ่มบุญ และชมพิธีกรรมแห่พระ ลุยไฟ ไต่บันไดมีด และพิธีสะเดาะเคราะห์จากทุกศาลเจ้าทั่วเกาะภูเก็ตในแต่ละวันแล้ว ยังเสริมบารมีให้ตัวเองด้วยการทำบุญเขียนชื่ออักษรจีนบนเม็ดข้าวสารศักดิ์สิทธิ์จากศาลเจ้าปุดจ้อ (ศาลเจ้ากวนอิม จังหวัดภูเก็ต) ซึ่งถือว่าเป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ที่ประชาชนชาวภูเก็ตให้ความเคารพนับถือกันมาก

          ทั้งนี้ ประเพณีการกินผัก หรือที่ชาวภูเก็ตเรียกกันว่า "เจี่ยะฉ่า" นั้น เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดจากบ้านในทู หรือไล่ทู (เขตอำเภอกะทู้ ในปัจจุบัน) เนื่องจากในสมัยก่อนพื้นที่นี้เต็มไปด้วยกิจการเหมืองแร่ จึงทำให้มีชาวจีนอพยพหลั่งไหลมาอยู่อาศัย เกิดเป็นชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ขึ้น ปัจจุบันประเพณีกินผักถือเป็นจุดขายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ และ "อ๊าม" (ชาวภูเก็ตนิยมเรียกกัน หมายความว่าศาลเจ้า) ที่สำคัญ ๆ ในจังหวัดภูเก็ตมีทั้งหมด 6 แห่ง คือ

          อ๊ามกระทู้ที่บ้านกระทู้ อำเภอกะทู้
          อ๊ามท่าเรือที่บ้านท่าเรือ อำเภอถลาง
          อ๊ามจุ้ยตุ่ยที่ถนนระนอง อำเภอเมืองภูเก็ต
          อ๊ามหล่อโรงที่ถนนพัฒนา อำเภอเมืองภูเก็ต
          อ๊ามบางเหนียวที่ถนนภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต
          อ๊ามสามกองที่ถนนเยาวราช อำเภอเมืองภูเก็ต
          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานภูเก็ต โทรศัพท์ 0 7621 2213

(http://img.kapook.com/u/sutasinee/travel/12/kj55.jpg)

 เทศกาลกินเจหาดใหญ่
          เทศบาลนครหาดใหญ่ ขอเชิญร่วมงาน "เทศกาลกินเจหาดใหญ่ 2555" ในวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2555 บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ ตรงข้ามมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊งหาดใหญ่ พบกับการแข่งขันกินอาหารเจ การแสดงบนเวที การประกวดหนูน้อยสมบูรณ์และธิดากินเจ สาธิตการปรุงอาหารเจสูตรพิเศษ "เมนู 9 มงคล" จากเหล่าคนดัง รับผลิตภัณฑ์จากผู้สนับสนุนมากมาย ร้านอาหารเจกว่า 120 ร้าน "กินเจ ถูกปาก ถูกใจ ถูกอนามัย ไร้แอลกอฮอล์" โชว์มังกรทองพ่นนํ้า - สิงโตเล่นจานดอกเหมย จากจังหวัดนครสวรรค์ทุกคืน

          และขอเชิญร่วมพิธีเปิดงาน วันที่ 15 ตุลาคม 2555 เวลา 16.00 น. พบขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่ พร้อมร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และรับพรจากคณะสงฆ์ สร้างกุศลเพื่อความสุข ความแข็งแรง ความมั่งมี ด้วยการร่วมทำทานบุญ พิเศษสุด ๆ กิจกรรม "ทานบุญ" กินอย่างพอเพียงเลี้ยงคนทั้งเมือง เชิญชมขบวนแห่พระรอบเมืองหาดใหญ่ ที่ยิ่งใหญ่ตระกาลตา พบกับขบวนมังกรทอง-สิงโต, ขบวนเทพเจ้า, ขบวนคนเดิน, ขบวนม้าทรงจากศาลเจ้าต่าง ๆ เริ่มขบวน ณ บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ ตรงข้ามมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊งหาดใหญ่ วันที่ 20 ตุลาคม 2555 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป

          ทั้งนี้ ร่วมติดตามข่าวสารเทศกาลกินเจหาดใหญ่ 2555 "กินเจ ถูกปาก ถูกใจ ถูกอนามัย ไร้แอลกอฮอล์" ได้ทาง www.kinjhatyai.com (http://www.kinjhatyai.com) และ เฟซบุ๊ก Kinjfan หรือ ททท. สำนักงานหาดใหญ่ โทรศัพท์ 0 7423 1055

(http://img.kapook.com/u/sutasinee/travel/12/202.jpg)

ประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร ประจำปี 2555
          จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับเทศบาลนครสมุทรสาคร, ศาลเจ้า 9 แห่ง ในจังหวัดสมุทรสาคร ชมรมร้านอาหารเจสมุทรสาคร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม กำหนดจัดงาน "ประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร ประจำปี 2555" ตั้งแต่วันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2555 ณ บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร และศาลเจ้า 9 แห่ง ในจังหวัดสมุทรสาคร นอกจากนี้ ไปทัวร์ไหว้เจ้าศักดิ์สิทธิ์ 9 ศาล เพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนี้...

          ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร
          โรงเจมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร
          ศาลเจ้าปุนเถ้ากง คลองมหาชัย
          ศาสเจ้าแม่กวนอิมพันมือ คลองจาก
          ศาลเจ้าแม่จุ๋ยบ๋วยเนี้ย
          โรงเจเชงเฮียงตั๊ว
          ศาลเจ้าพ่อกวนอู
          ศาลเจ้าปุนเถ้ากง ท่าฉลอม
          พระโพธิสัตว์กวนอิม ท่าฉลอม

          อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานสามารถเลือกซื้ออาหารเจที่อร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัย จากชมรมร้านอาหารเจกว่า 50 ร้าน ณ บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร และผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลนครสมุทรสาคร โทรศัพท์ 0 3441 1208 หรือ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม โทรศัพท์ 0 3475 2847

(http://img.kapook.com/image/travel_2/DSC_0172.jpg)

(http://img.kapook.com/image/travel_2/DSC_0132.jpg)


ประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดตรัง
          จังหวัดตรัง ขอร่วมงานประเพณีถือศีลกินผัก ประจำปี 2555 ระหว่างวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2555 บริเวณหน้าเทศบาลนครตรัง ไปรักษาศีล งดรับประทานอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ พร้อมนุ่มขาวห่มขาวเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน พร้อมชมขบวนแห่พระรอบตลาดเมืองตรัง ในตอนกลางคืนที่ศาลเจ้าจะจัดให้มีพิธีลุยไฟ พิธีข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ ไต่บันไดมีด เป็นต้น ส่วนกิจกรรมบริเวณหน้าเทศบาลนครตรัง ประกอบด้วย กิจกรรมเวียนธูปเวียนเทียน, การประกวดธิดาเจ้าแม่กวนอิม และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลนครตรัง โทรศัพท์ 0 7521 8017, ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม โทรศัพท์ 0 7521 9434, ศาลเจ้ากิวอ๋องเอี่ย โทรศัพท์ 0 7520 1701 และ ททท.สำนักงานตรัง โทรศัพท์ 0 7521 5867, 0 7521 1058

ประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดนราธิวาส ประจำปี 2555
          จังหวัดนราธิวาส ขอเชิญร่วมงานประเพณีถือศีลกินผัก ประจำปี 2555 ระหว่างวันที่ 1 - 31 ตุลาคม 2555 ณ ศาลเจ้าแม่กวนอิม จังหวัดนราธิวาส ไปร่วมพิธีสักการะพระบรมสารีริกธาตุจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พิธีเบิกเนตรพระ ร่วมพิธีอาบน้ำร้อน-อาบน้ำมัน-พิธีลุยไฟและพิธีสะเดาะเคราะห์ทุกคืน พร้อมกับชมการแสดงเชิดสิงโต และหนังตะลุงคน

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานนราธิวาส โทรศัพท์ 0 7352 2411และ ศาลเจ้าแม่กวนอิม จังหวัดนราธิวาส โทรศัพท์ 0 7353 2372

(http://img.kapook.com/u/sutasinee/12/w.jpg)
ภาพจาก isaxar / Shutterstock.com

ประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดระนอง
          จังหวัดระนอง ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ร่วมแสวงบุญเข้าร่วมงานประเพณี ถือศีล กินผัก ประจำปี 2555 ระหว่างวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2555 ณ ลานอเนกประสงค์เทศบาลเมืองระนอง จังหวัดระนอง ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมการเชิดมังกรทองและสิงห์โตกวางเจา, ลานเทศกาลอาหารเจ, พิธีกรรมทางพระทุกค่ำคืนตลอดงาน และพิธีอิ้วเก้ง แห่พระรวม 339 องค์

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานชุมพร (ชุมพร ระนอง) โทรศัพท์ 0 7750 1831 - 2 และ 0 7750 2775 – 6

เทศกาลกินผักจังหวัดพังงา
          จังหวัดพังงา ร่วมด้วยศาลเจ้าต่าง ๆ ในจังหวัด หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ จัดงานประเพณีถือศีลกินผัก ประจำปี 2555 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบทอดประเพณีอันดีงาม ซึ่งระหว่างถือศีลกินผักชาวบ้านจะแต่งกายชุดขาวไปรับอาหารจากศาลเจ้า มีพิธีกรรมตามความเชื่อ เช่น พิธีลุยไฟ พิธีบวงสรวงดาวประจำวันทั้งเจ็ด พิธีสะเดาะเคราะห์ ฯลฯ และมีพิธีแห่เจ้ารอบตัวเมืองไปตามถนนต่าง ๆ เพื่ออวยพรเสริมสิริมงคลให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทรศัพท์ 0 7562 2163

(http://img.kapook.com/u/sutasinee/12/47.gif)

เทศกาลถือศีลกินเจ เมืองโคราช
          จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับศาลเจ้าพ่อเสือนครราชสีมา ศาลเจ้าในจังหวัดนครราชสีมา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา จัดงาน "เทศกาลถือศีลกินเจ เมืองโคราช 9 วัน" ระหว่างวันที่ 15 – 23 ตุลาคม 2555 ทั่วเมืองโคราช

          สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น อาทิ พิธีอัญเชิญเทพเจ้าประทับทรงแห่รอบเมืองโคราช (อิ้วเก้ง) กับ25 ศาลเจ้าและพระตำหนักรอบเมืองโคราช (ในวันที่ 18 ตุลาคม 2555 เริ่มเคลื่อนขบวนเวลา 08.59 น.) สุดยิ่งใหญ่อลังการกับการทำพิธีสวดมนต์ – เดินธูป ข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ 12 ราศี อีกทั้งยังขอเชิญทุกท่านที่ชื่นชอบในเรื่องราวของการเดินทางท่องเที่ยวเชิงศาสนา ได้ร่วมทำบุญอันเป็นมหากุศล กับเทศกาลถือศีลกินเจ เมืองโคราช และยังจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังเส้นทางไหว้พระโคราช เส้นทางศรัทธามหามงคล 9 มงคลสถาน 2 วิหารลานบุญ รวมถึงกิจกรรมทางการท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ได้ทั่วเมืองโคราช

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ชมรมไทย จีน ถือศีลกินเจโคราช โทรศัพท์ 0 4434 1222, 08 1966 5688, 08 6638 และ ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทรศัพท์ 0 4421 3030, 0 4421 3666

เทศกาลถือศีลกินเจ นนทบุรี
          ขอเชิญร่วมงาน เทศกาลถือศีลกินเจบริเวณ วัดบรมราชากาญจนาภิเษก (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กำหนดการจัดงานวันที่ 1 4- 23 ตุลาคม 2555 โดยจะมีกิจกรรมการประกอบอาหารเจ จากอาหารประจำชาติอาซียน จำนวน 10 ชาติ มีขบวนเชิดสิงโตนำโชค, ขบวนรถบุผชาติ พระโพธิสัตว์กวนอิม การจัดบริการโรงทานอาหารเจฟรีให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา จำนวน 10 วัน, การจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารเจกับกลุ่มประเทศอาเซียน, ประวัติการกินเจ และการจัดงานเทศกาลกินเจที่ผ่านมา ส่วนการจัดพิธีกรรมทางศาสนา ได้แก่ พิธีบูชาข้าวทิพย์, พิธีลอยกระทง-ปล่อยสัตว์เสริมบารมี, บูชาดาวนพเคราะห์, พิธีโยคะตันตระมหาทาน, พิธีถวายฉลองพระองค์ แด่องค์กิ่วอ๊วงฮุกโจ้ว, พิธีส่งเสด็จพระนวราชา (กิ่วอ๊วงฮุกโจ้ว)

          และเทศกาลกินเจบริเวณ ตลาดรวมใจ เมืองทองธานี กำหนดการจัดงานวันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2555 โดยจะมีกิจกรรมเทศกาลอาหารเจ

เทศกาลถือศีลกินเจ สมุทรปราการ
          เทศกาลถือศีลกินเจ บริเวณมูลนิธิธรรมะกตัญญู (เสียนหลอไต่กง) และโรงเจท่งเสียงปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ กำหนดการจัดงานวันที่ 14 - 23 กันยายน 2555 โดยจะมีกิจกรรมเทศกาลอาหารเจ

          เทศกาลกินเจเดือนเก้า ณ โรงเจมูลนิธินาคราชโยธาชัย ( เต็กก่าจี่เกี่ยมเกาะ) กำหนดการจัดงานวันที่ 14 - 23 กันยายน 2555 โดยจะมีกิจกรรมเดินเวียนธูป เชิดมังกร / สิงโต ไปอัญเชิญพระไตรปิฎก ที่ท่าน้ำหลังองค์พระสมุทรเจดีย์ เพื่อประกอบพิธีเชิญกิ๋วอ๊วงฮุกโจ้วเปิดมณฑลพิธีกินเจเดือนเก้า

เทศกาลกินเจ พระนครศรีอยุธยา
          เทศกาลกินเจ ณ วัดพนัญเชิงวรวิหาร วันที่ 14 - 23 กันยายน 2555 จัดสถานที่ให้ประชาชนนำสิ่งของมาบูชา และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร่วมทำบุญ เลี้ยงอาหารเจ 3 มื้อ

          เทศกาลกินเจ ณ โรงเจเต็กก่า สมาคมนักบุญเพื่อคุณธรรม "เต็กก่า" ข้างโรงภาพยนต์เจ้าพระยา(เก่า) วันที่ 14 – 23 กันยายน 2555 มีกิจกรรมพิธีสวดมนต์ทำวัดร เช้า-เย็น สวดมนต์ถวายพุทธบูชาพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอริยเจ้า ทั่วทั้งสิบทิศ พิธีถวายสักการะบูชาองค์เง็กเซียน ฮ่องเต้และปวงเทวอาจารย์ (ก้งซือ) และทุกวัน ในเวลา 19.00 น. จัดให้มีพิธีสวดมนต์ขมากรรม และเวียนธูปเป็นประจำทุกคืน

          เทศกาลกินเจ ณ โรงเจบ้วนเฮงตั๋ว วันที่ 14 - 23 ตุลาคม 2555 มีกิจกรรมสวดมนต์ทำวัตรจัดโรงทานอาหารเจ 3 มื้อ มีการเวียนเทียนเดินธูปทุกคืน ตั้งแต่ 19.00 น. ทุกคืนมีภาพยนต์ฉาย จัดทัวร์เดินทางนมัสการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเจวัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และโรงเจท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มีพิธีลอยกระทงและทิ้งกระจาดแจกข้าวสาร

          เทศกาลกินเจ ณ โรงเจกิมเฮงตั้ว วันที่ 14 - 23 กันยายน 2555 มีกิจกรรมสวดมนต์ทำวัตรจัดโรงทานอาหารเจ 3 มื้อ มีการเวียนเทียนเดินธูป ทุกคืน ตั้งแต่ 19.00 น.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://thai.tourismthailand.org/home/-
, เที่ยวภาคกลาง.com และ เฟซบุ๊ก Kinjfan           



หัวข้อ: Re: เทศกาลกินเจ 2555 อิ่มบุญอิ่มใจ 15 - 23 ตุลาคมนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 ตุลาคม 2555 15:32:58


(http://ho.files-media.com/ud/attachment/forum/201210/12/141706cyl0xwru0icsry8r.jpg.thumb.jpg)

เทศกาลกินเจ 2555 อิ่มบุญอิ่มใจ 15 - 23 ตุลาคมนี้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
   http://hilight.kapook.com/view/76601-
          เทศกาลกินเจ ถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวจีนที่มีการปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล  ซึ่งเทศกาลกินเจนั้น จะเริ่มขึ้นเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) ของทุกปี โดยเมื่อถึงวันดังกล่าวประชาชนจะนำธงพื้นสีเหลืองซึ่งมีตัวอักษรจีนสีแดงโดดเด่นมาประดับตามร้านอาหาร หรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ได้เข้าร่วมเทศกาลกินเจนี้ และสำหรับเทศกาลกินเจ ปี 2555 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15  -23 ตุลาคม 2555 ซึ่งบางคนอาจกินเจล่วงหน้า 1 วัน หรือที่เรียกว่า "ล้างท้อง" นั่นเอง
 
          สำหรับใครที่ไม่เคยกินเจมาก่อน แล้วอยากทราบประวัติความเป็นมาของเทศกาลกินเจ รวมถึงต้องการเรียนรู้การกินเจอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ผลดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ อย่างแท้จริงนั้น วันนี้ทีมงานกระปุกดอทคอม ได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลกินเจมาฝากแล้วค่ะ

ความหมายของเจ
          คำว่า "เจ" ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายว่า "อุโบสถ" เดิมหมายความว่า "การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน" ตามแบบอย่างของชาวพุทธที่รักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ที่จะไม่รับประทานอาหารหลังเที่ยงวันไปแล้ว แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น การรักษาอุโบสถศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย เราจึงนิยมเรียกการไม่ทานเนื้อสัตว์รวมไปกับการกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ดังนั้นความหมายของคนกินเจ ไม่เพียงแต่ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ
 
          "การกินเจ" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง การถือศีลอย่างญวนและจีนที่ไม่กินของสดคาว แต่บริโภคอาหารประเภทผักที่ไม่มีของสดของคาวผสม ซึ่งมาจากรากศัพท์คำภาษาจีนที่ว่า "เจียฉ่าย" หมายถึง การกินอาหารผัก อาหารที่มาจากพืชผักธรรมชาติ ไม่มีเนื้อสัตว์ปะปน และไม่ปรุงด้วยผักฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ และงดเว้นน้ำนมสด นมข้นด้วย เพราะถือว่าเป็นของสดของคาว
 
ช่วงเวลากินเจ
          ประเพณีกินเจที่ชาวจีนเรียกกันว่า "เก้าอ๊วงเจ" หรือ "กิ้วอ๊วงเจ" แปลว่า "เจเดือน 9" เริ่มต้นในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน รวม 9 วัน 9 คืน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย (ตามปฏิทินสากล) สำหรับในปี พ.ศ. 2555 นี้ เริ่มวันที่ 15 - 23 ตุลาคม
          คำว่า "เก้าอ๊วง" หรือ "กิ้วอ๊วง" แปลว่า "พระราชา 9 องค์" หรือนพราชา หมายถึงผู้เป็นใหญ่ทั้ง 9 ซึ่งเป็นที่มาของประเพณีกินผักกินเจ
 
ความหมายของ "ธงเจ"
          ในช่วงเทศกาลกินเจ เราจะสังเกตเห็นธงประจำเทศกาล โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคล สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต
          ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนถือศีลกินเจได้ตระหนักถึงการไม่ เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน

กินเจเพื่ออะไร
          จุดประสงค์หลักของการกินเจ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
 
           1. กินเพื่อสุขภาพ เพราะอาหารเจเป็นอาหารชีวจิต เมื่อกินติดต่อกัน จะทำให้ร่างกายสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ และปรับระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีเสถียรภาพ
           2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากทุก ๆ วัน อาหารที่เรากินประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่มีจิตใจดีงามจึงไม่สามารถกินเนื้อของสัตว์เหล่านั้นได้
           3. กินเพื่อเว้นกรรม เพราะการฆ่าเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าเองก็ตาม เพราะการซื้อผู้อื่นเท่ากับการจ้างฆ่า ถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย ผู้ที่เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมจึงหยุดกิน หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ให้อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น

                (http://www.udonvariety.com/images/news/254/news_2549834-ocy.jpg)

ตำนานการกินเจ
          ตำนานที่มาของการกินเจ มีเรื่องเล่าอยู่ถึง 7 เรื่องได้แก่
 
ตำนานที่ 1 รำลึกถึงวีรชนทั้ง 9
          เทศกาลกินเจเริ่มขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว โดยชาวจีนกินเจเป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อรำลึกถึงวีรชน 9 คน ซึ่งเรียกว่า "หงี่หั่วท้วง" ซึ่งได้ต่อสู้กับชาวแมนจูผู้รุกรานอย่างกล้าหาญ ถึงแม้จะแพ้และต้องตายก็ตาม ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู จึงพากันนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ "หงี่หั่วท้วง" ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น เพราะเชื่อว่าการปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยชำระจิตวิญญาณเกิดความเข้มแข็งทางร่างกาย และจิตใจ

ตำนานที่ 2 บูชาพระพุทธเจ้า
          เชื่อว่า เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า "ดาวนพเคราะห์" ทั้ง 9 ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ ในพิธีกรรมบูชานี้ สาธุชนในพระพุทธศาสนาจะสละเวลาทางโลกมาบำเพ็ญศีล งดเว้นเนื้อสัตว์ และแต่งกายด้วยชุดขาว

ตำนานที่ 3 เก้าอ๊องฝ่ายมหายาน
          กล่าวไว้ว่า การกินเจเป็นพิธีปฏิบัติที่สืบต่อกันมาของชาวจีนในประเทศไทย เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ ดังมีในพระสูตร ปั๊กเต๊าโก๋ว ฮุดเชียวไจเอียงชั่วเมียวเกง กล่าวไว้คือ พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ คือพระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์และพระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวร โพธิสัตว์ รวมเป็น 9 พระองค์ (หรือ "เก้าอ๊อง")
 
          ทรงตั้งปณิธานจักโปรดสัตว์โลก จึงได้แบ่งกายมาเป็นเทพเจ้า 9 พระองค์ด้วยกันคือ ไต้อวยเอี๊ยงเม้งทัมหลังไทแชกุน ไต้เจียกอิมเจ็งกื้อมึ้งงวนแชกุน ไต้กวนจิงหยิ้งลุกช้งเจงแชกุน ไต้ฮั่งเฮี่ยงเม้งม่งเคียกนิวแชกุน ไต้ปิ๊กตังง้วนเนี้ยบเจงกังแชกุน ไต้โพ้วปั๊กเก๊กบู๊เอียกกี่แชกุน ไต้เพียวเทียนกวนพัวกุงกวนแชกุน ไต้ตั่งเม้งงั่วคูแชกุน ฮุ้ยกวงไตเพียกแชกุน เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหารธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง ทั่วทุกพิภพน้อยใหญ่สารทิศ

ตำนานที่ 4 พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้อง
          เชื่อว่า การกินเจเป็นการบูชากษัตริย์เป๊ง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้องซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรม (การฆ่าตัวตาย) ในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้ มีแต่เฉพาะในมณฑลฮกเกี้ยนซึ่ง เป็นดินแดนผืนสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยการอาศัยศาสนาบังหน้าการ เมือง ประเพณีนี้เข้ามาสู่เมืองไทยโดยชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพจากฮกเกี้ยนนำมาเผยแผ่ อีกทอดหนึ่ง

ตำนานที่ 5 เล่าเอี๋ย
          เมื่อ 1,500 ปีก่อน ณ มณฑลกังไสซึ่งเป็นแดนแห่งความเจริญรุ่งเรือง ฮ่องเต้เมืองนี้มีพระราชโอรส 9 พระองค์ซึ่งเก่งทั้งบุ๋น บู๊ ทำให้หัวเมืองต่าง ๆ ยอมสวามิภักดิ์ ยกเว้นแคว้นก่งเลี้ยดที่มีอำนาจเข้มแข็ง และมีกองกำลังทหารที่เหนือกว่า ทั้งสองแคว้นทำศึกกันมาถึงครั้งที่ 4 แคว้นก่งเลี้ยดชนะโดยการทุ่มกองกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัว โอบล้อมกองทัพพระราชโอรสทั้งเก้าไว้ทุกด้าน แต่กองทัพก่งเลี้ยดไม่สามารถบุกเข้าเมืองได้จึงถอยทัพกลับ จนวันหนึ่งชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคีและเอาเปรียบกัน เทพยดาทราบว่า อีกไม่นานกังไสจะเกิดภัยพิบัติจึงหาผู้อาสาช่วย แต่ชาวบ้านจะพ้นภัยได้ก็ต่อเมื่อได้สร้างผลบุญของตนเอง ดวงวิญญาณพระราชโอรสองค์โตรับอาสา และเพ่งญาณเห็นว่า ควรเริ่มที่บ้านเศรษฐีใจบุญลีฮั้วก่าย
 
          คืนวันหนึ่งคนรับใช้แจ้งเศรษฐีลีฮั้วก่ายว่า มีขอทานโรคเรื้อนมาขอพบ เศรษฐีจึงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าเดินทาง แต่ขอทานไม่ไป และประกาศให้ชาวเมืองถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ผู้ใดทำตามภัยพิบัติจะหายไป เศรษฐีนำมาปฏิบัติก่อน และผู้อื่นจึงปฏิบัติตาม จนมีการจัดให้มีอุปรากรเป็นมหรสพในช่วงกินเจด้วย
          เล่าเอี๋ยเกิดศรัทธาประเพณีกินเจของมณฑลกังไส จึงได้ศึกษาตำราการกินเจของ เศรษฐีลีฮั้วก่ายที่บันทึกไว้ แต่ได้ดัดแปลงพิธีกรรมบางอย่างให้รัดกุมยิ่งขึ้นและให้มีพิธียกอ๋องฮ่องเต้ (พิธีเชิญพระอิศวรมาเป็นประธานในการกินเจ)

ตำนานที่ 6 เล่าเซ็ง
          มีชายขี้เมาคนหนึ่งชื่อ เล่าเซ็ง เข้าใจผิดว่า แม่ตนตายไปเพราะเป็นโรคขาดสารอาหาร จนคืนหนึ่งแม่มาเข้าฝันว่า ตนตายไปได้รับความสุขมาก เพราะแม่กินแต่อาหารเจ และหากลูกต้องการพบให้ไปที่เขาโพถ้อซัว บนเกาะน่ำไฮ้ ครั้นถึงเทศกาลไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เขาโพถ้อซัว เล่าเซ็งจึงขอตามเพื่อนบ้านไปไหว้พระโพธิสัตว์ด้วย โดยเพื่อนบ้านให้เล่าเซ็งสัญญาว่า จะไม่กินเหล้าและเนื้อสัตว์จึงยอมให้ไป แต่ระหว่างทางเล่าเซ็งผิดสัญญา เพื่อนบ้านจึงหนีไป โชคดีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งต้องการไปไหว้พระโพธิสัตว์เช่นกัน เขาจึงขอตามนางไปด้วย
 
          เมื่อถึงเขาโพถ้อซัว ขณะที่เล่าเซ็งก้มลงกราบพระโพธิสัตว์อยู่นั้น เขาเห็นแม่ลอยอยู่เหนือกระถางธูป แต่คนอื่นมองไม่เห็น ขณะเขาเดินทางกลับ ได้เจอกับเด็กชายยืนร้องไห้อยู่ จึงเข้าไปถามไถ่จนทราบว่า เด็กคนนั้นเป็นลูกชายของเขากับภรรยาเก่าที่เลิกกันไปนานแล้ว เขาจึงพาไปอยู่ด้วย และต่อมาหญิงสาวที่นำทางเล่าเซ็งไปพบพระโพธิสัตว์ได้มาขออยู่ด้วย ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
 
          หญิงสาวคนนั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ มีความประพฤติดี อยู่ในศีลธรรม และถือศีลกินเจอยู่เป็นประจำ นางรู้ว่าใกล้ถึงวันตายของนางแล้ว จึงบอกเล่าเซ็ง เมื่อถึงวันนั้นนางแต่งตัวด้วยอาภรณ์ขาวสะอาด นั่งสักครู่แล้วก็สิ้นลม เล่าเซ็งเห็นการจากไปด้วยดีของนางคล้ายกับแม่ จึงเกิดศรัทธา ยกสมบัติให้ลูกชาย แล้วประพฤติตัวใหม่ เมื่อตายไปจะได้บังเกิดผลเช่นเดียวกับแม่ และหญิงสาว ประเพณีกินเจจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้น
 
ตำนานที่ 7 การกินเจที่ภูเก็ต
          มีคณะงิ้วจากเมืองจีน มาเปิดการแสดงที่อำเภอกะทู้นานเป็นแรมปี บังเอิญช่วงนั้นเกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วจึงจัดให้มีพิธีกินเจ และสร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่อสะเดาะเคราะห์ หลังจากนั้นโรคระบาดก็หาย ชาวกะทู้เกิดความศรัทธาจึงปฏิบัติตาม หลังจากประกอบพิธีอยู่ประมาณ 2-3 ปี ก็มีผู้คนเลื่อมใสมากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับอยากได้พิธีกินเจที่สมบูรณ์แบบตามประเพณีมณฑลกังไส ประเทศจีน จึงได้ส่งตัวแทนไปนำควันธูป (เหี่ยวเอี้ยน) จากกังไสให้ลอยมาถึงภูเก็ต โดยในการเดินทางกลับจะต้องคอยจุดธูปต่อกันมิให้ดับมอด ศาลเจ้ากะทู้จึงได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับของพิธีกินเจในปัจจุบัน
 
          สำหรับเมืองไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" การกินเจจึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ
 
ภูเก็ต เมืองแห่งเทศกาลเจ
          จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่จัดประเพณีการกินเจอย่างยิ่งใหญ่ทุก ๆ ปี โดยมาจากรากฐานความเชื่อเดียวกัน คนจีนเรียก "เจเดือนเก้า" แต่ถ้านับตรงกับเดือนไทยก็จะได้ตรงกับเดือน 11 ดังนั้นเทศกาลกินเจที่ภูเก็ตจึงมีขึ้นหลังเทศกาลกินเจทั่ว ๆ ไป บางครั้งเราจึงมักได้ยินชื่อเรียกของเทศกาลกินเจที่ภูเก็ตว่า เป็นเทศกาลกินผัก ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือการกินเจในรูปแบบ และระยะเวลา 9 วันเช่นเดียวกัน
 
          (https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQqK_x2_EFa6iielK6JwPYhHEUL3tym2jp8-2WqiTIzijx2MMB-Eg)

10 วันของเทศกาลกินเจ
          ประเพณีกินเจจะจัด 9 วัน 9 คืน โดยแต่ละวันมีพิธีต่าง ๆ กันดังนี้
 
          วันแรก แต่ละศาลเจ้าก็จะดูฤกษ์ยามว่า จะเชิญเจ้ามาเวลาไหน แต่ไม่เกินเที่ยงวัน โดยใช้ "ปวย" 2 อันเสี่ยงทายโดยการโยน 2 ครั้ง หาก 1 อันหงาย 1 อันคว่ำ แสดงว่า เจ้าทั้ง 9 ได้เสด็จลงมาแล้ว การกินเจจะเริ่มขึ้น แต่คนส่วนใหญ่มักทานกันล่วงหน้าเพื่อล้างท้อง
          ที่ภูเก็ตในตอนกลางคืนจะมีพิธียกเสา "โกเด้ง" ขึ้นที่หน้าศาลเจ้า หรืออ๊าม เพื่อใช้เป็นที่แขวนตะเกียงทั้ง 9 ดวง และอัญเชิญดวงวิญญาณของยกอ๋องฮ่องเต้ หรือ พระอิศวร และ กิวอ๋องไตเต หรือ ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้ามาประทับ
          เช้าวันที่สอง จะมีการจุดธูปขนาดใหญ่ ตั้งเครื่องเซ่นและเผาไม้หอม เพื่อบูชาเจ้าประจำอ๊าม
 
          หลังพิธีการกินเจ หรือชาวภูเก็ตเรียก "การกินผัก" ผ่านไป 3 วัน จะถือว่าตัวเองมีความสะอาดแล้ว หรือเรียกว่า "เช้ง" ในตอนค่ำมีพิธีการเชิญเจ้าเข้าทรงอีก 2 องค์ คือ "ลำเต้า" เจ้าผู้สำรวจคนเกิด และ "ปักเต้า" เจ้าผู้สำรวจคนตาย และทำพิธี "ปั้งกุ้น" หรือพิธีปล่อยพระ หรือการจัดทหารของเจ้าไปรักษาศาลเจ้าทั้ง 5 ทิศ เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย และภูตผีมาทำลายพิธี ความสนุกสนานเริ่มขึ้นตรงนี้ เมื่อการเชิญทหารเต็มไปด้วยร่างทรงของตัวละคร อาทิ เห้งเจีย บู๊สง เป็นต้น
 
          วันที่สี่ เป็นวันที่คนส่วนใหญ่จะมาไหว้เจ้า วันนี้ศาลเจ้าต่าง ๆ จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน
          วันที่เจ็ด จะเริ่มพิธีบูชาดาว เพื่อขอความเป็นสิริมงคล รักษาโรคภัยไข้เจ็บ เป็นอีกวันหนึ่งที่มีการไหว้เจ้า แต่วันนี้สำคัญกว่าวันที่สี่ เรียกว่า "ไหว้เจ้าใหญ่" ในวันนี้จะมีการซื้อเต่า, ปลาไหล, นก ฯลฯ มาไหว้ด้วย
 
          วันที่แปด วันนี้จะมีการลอยกระทง คล้ายการลอยกระทงของคนไทย เพื่อขอบคุณเจ้าแม่คงคาที่ให้น้ำใช้ น้ำดื่ม และให้สิ่งไม่ดีลอยไปตามน้ำ นอกจากนี้ที่ภูเก็ตยังมีการจัดขบวนแห่อย่างมโหฬาร เพื่อนำเกี้ยวไปรับพระจำหลักที่สะพานหิน เป็นการระลึกถึงวันที่ควันธูปจากมณฑลกังไสมาถึงภูเก็ต ในขบวนแห่จะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง หรือ คนทรงเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเห็นภาพของการใช้ของมีคมต่าง ๆ ทิ่มแทงตามร่างกาย มีทั้งง้าว ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง เอาขวานจามหลัง หรือเอาเหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย หรือแทงลิ้น จนกระทั่งเฉือนลิ้นตัวเองออกมา โดยทรงเหล่านั้นอ้างว่าไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ ขณะเป็นร่างทรง ม้าทรงจะเดินเต้นไปทั่วเมือง ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ เพื่อให้เจ้าไปโปรดและมีการจุดประทัดตลอดเส้นทาง ทั้งเกาะปกคลุมด้วยควันธูปและประทัด
 
          วันที่เก้า ช่วงเช้าจะมีพิธีทำทาน หรือเรียกว่า "ซิโกว" เป็นการให้ทานแก่ผีไม่มีญาติ ตอนกลางคืนจะมีแห่มังกร, สิงโต, ขบวนของเด็กที่จัดเพื่อเป็นสีสัน
          ขณะที่จังหวัดภูเก็ตจะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ คือ พิธี "โก๊ยโห้ย" หรือพิธีลุยไฟสะเดาะเคราะห์ ม้าทรง หรือเจ้าจะเดินผ่านกองไฟ ที่มีถ่านร้อนแดงเป็นระยะทางกว่า 2 ฟุต และตามด้วยผู้ที่ถือศีลกินเจที่มีความมั่นใจว่าตัวเองสะอาดแล้ว ก็สามารถร่วมลุยไฟได้ด้วยเช่นกัน ในตอนกลางคืนจะมีพิธีปีนบันไดมีด สูงประมาณ 12 เมตร และจบลงที่ยามดึกของคืนวันที่ 9 จะมีการแห่พระไปส่งทะเลบริเวณสะพานหิน และนำเสาโกเต้งลง ดับโคมไฟทั้ง 9 เป็นเสร็จพิธีกินเจที่ภูเก็ต
          วันที่สิบ เป็นวันส่งเจ้ากลับ
 
อาหารเจ
          อาหารเจนับว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ และไม่มีพิษต่อร่างกาย เพราะได้โปรตีนจากถั่วต่าง ๆ และยังย่อยง่ายเป็นการแบ่งเบาภาระของระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย ผู้ที่รับประทานเจ สามารถเลือกส่วนผสมดังต่อไปนี้มาปรุงอาหารได้ คือ ข้าวกล้อง (ใช้แทนข้าวขาว) โปรตีนเกษตร (แทนเนื้อสัตว์) ผักสด เห็ดหอม ถั่วนานาพันธุ์ เต้าหู้ แป้งหมี่กึง และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำเป็นอาหารชนิดต่าง ๆ ปัจจุบันมีเมนูอาหารจำนวนมาก ซึ่งหลายเมนูทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ได้เหมือนจริง เช่น ขาหมูเจที่ทำจากแป้ง และถั่ว ฯลฯ

                (http://www.raysfoodforever.com/wp-content/uploads/2012/08/22333.jpg)

ความแตกต่างของ "เจ" กับ "มังสวิรัติ"
          หลายคนอาจสงสัยว่า "กินเจ" ต่างกับ "กินมังสวิรัติ" อย่างไร เพราะอาหารมังสวิรัติก็เป็นอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกัน แต่มังสวิรัติสามารถทานผักได้ทุกชนิด แต่ อาหารเจ ต้องเว้นผักฉุน 5 ประเภท คือ ผักชี กระเทียม หัวหอม (รวมทั้งหอมแดง หอมขาว หัวหอมใหญ่ ต้นหอม) หลักเกียว (กระเทียมโทนจีน ไม่ค่อยพบในประเทศไทย) กุยช่าย และใบยาสูบ รวมทั้งของเสพติดทุกชนิด และยังต้องประพฤติศีลร่วมด้วย จึงจะเป็นการถือศีลกินเจที่แท้จริง ขณะที่มังสวิรัติ หมายถึง การไม่รับประทานเนื้อสัตว์เท่านั้น
 
หลักธรรมในการกินเจ
          การกินเจตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ
 
           1. การดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คือ ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน, ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเลือดของตน และไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเนื้อของตัวเอง
           2.การดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง คือ จะรับประทานสิ่งใดเข้าไปต้องไม่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมเท่ากับเป็นการเบียดเบียนตนเอง ดังนั้นจึงมีการห้ามของมึนเมา สารเสพติด ขณะที่วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ยืนยันว่า เลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย เนื้อสัตว์เหล่านี้จึงจัดเป็นพิษชนิดหนึ่งเช่นกัน การละเว้นจึงส่งผลดีต่อร่างกายอีกด้วย

การปฏิบัติตนในช่วงกินเจ
          ช่วงเวลา 9 วันที่กินเจนั้น ผู้ที่ต้องการเป็นผู้ถือศีลกินเจอย่างครบสมบูรณ์ตามประเพณี ต้องปฏิบัติตัวดังนี้
 
           1. งดเว้นเนื้อสัตว์ และทำอันตรายต่อสัตว์
           2. งดนม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์
           3. งดอาหารรสจัด ทั้งอาหารเผ็ด หวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด
           4. งดผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม หลักเกียว กุยช่าย รวมทั้งใบยาสูบ และของมึนเมาต่าง  ๆ เพราะผักดังกล่าวนี้ เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีพิษคอยทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายใน ทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ

           5. รักษาศีลห้า
           6. ทำบุญทำทาน สำหรับคนที่เคร่งครัดจะนุ่งขาวห่มขาว
           7. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์

          สำหรับผู้ที่เคร่งครัดมาก  ๆ จะทานอาหารเฉพาะที่คนกินเจด้วยกันเป็นคนปรุงเท่านั้น รวมทั้งจะต้องล้างหม้อจนสะอาด แยกภาชนะสำหรับใส่เนื้อสัตว์ออก เพื่อปรุงอาหารเจเฉพาะ นอกจากนี้ยังจุดตะเกียงไว้ 9 ดวงตลอดช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน โดยไม่ปล่อยให้ดับ เพื่อเป็นพุทธบูชา และรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด

             (https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRMIvyclFsVPN8RKgRCKQ1UXrqT4p5ZoveBIJuK-MYOiKVQCiYhEw)

ประโยชน์ของการกินเจ
          การกินอาหารเจ นอกจากจะเป็นการถือศีลรักษาประเพณี และละเว้นชีวิตแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
 
           1. ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมดทำให้ ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน เพราะสารอาหารจากพืชผักและผลไม้จะช่วยให้ระบบขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ
           2. เมื่อรับประทานเป็นประจำ โลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมสลายช้าลง ทำให้อายุยืนยาวมีผิวพรรณสดชื่นผ่องใส ร่างกายแข็งแรงรู้สึกมีสุขภาพดี
           3. อวัยวะหลักสำคัญภายใน ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด และอวัยวะประกอบคือ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี แข็งแรงทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์
           4. ร่างกายสามารถต้านทานต่อสารพิษต่าง ๆ ได้แก่ สารเคมี ยาฆ่าแมลง มลภาวะ และก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรม ไอเสียจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ ซึ่งสารอาหารในพืชผัก จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถทนต่อการทำลายจากรังสีต่าง ๆ ได้

           5. สามารถต้านทานสารพิษได้สูงกว่าคนปกติ ในบรรดาผู้ที่ทานเจมักไม่ปรากฏโรครุนแรงหรือเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคไต ฯลฯ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ย่อยอาหารและทางเดินอาหาร เช่น โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะและลำไส้ โรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อย โรคเหล่านี้จะไม่พบเลยในกลุ่มคนผู้ที่รับประทานอาหารเจ อาหารพืชผักและผลไม้เป็นประจำ
           6. การกินเจทำให้เกิดความเมตตา เกิดความสงบสุขุม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่โมโหง่าย ซึ่งจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริมให้บารมีธรรมสูงขึ้นเรื่อย ๆ
           7. หยุดการสร้างบาป เวรกรรม ทำให้ไม่เกิดการอาฆาต พยาบาท จึงปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งทำร้ายตามจองเวร
               
          จากข้อมูลที่นำเสนอไปข้างต้นนี้จะเห็นได้ว่า เทศกาลกินเจ ไม่ใช่แค่การงดรับประทานเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการถือศีล และทำบุญ เพื่อให้ทั้งร่างกาย และจิตใจ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งประโยชน์ของการเข้าร่วมเทศกาลกินเจ  นอกจากจะช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใสแล้ว ยังส่งผลให้จิตใจสดชื่น เบิกบาน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น และมีความสุข
          ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า การเข้าร่วมเทศกาลกินเจ นอกจากจะทำให้อิ่มบุญ อิ่มใจ กันถ้วนหน้าแล้ว ผู้ที่หมั่นทำบุญ ถือศีล อย่างเคร่งครัด ย่อมได้รับสิ่งเข้าดี ๆ เข้ามาในชีวิตอีกด้วย แต่สำหรับท่านใดที่ไม่สะดวกในกินเจ สามารถถือศีล 5 ศีล หรือ 8 เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสได้เช่นกัน เมื่อรู้ข้อดีของการกินเจแล้ว วันที่ 15-23 ตุลาคม 2555 นี้ หากมีโอกาสก็อย่าลืมมาร่วมกินเจด้วยกันนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- elib-online.com
- panyathai.or.th
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,6319.15.html