[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 12:30:45



หัวข้อ: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 12:30:45
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)

(:LOVE:)ถ่ายภาพประกอบเนื้อหาโดย(นู๋บางครั้ง)เองแหละขอรับกระผม (:LOVE:)


ข้อมูลเบื้องต้น นิกายนิชิเร็นโชชิว เป็นนิกายฝ่ายมหายาน ซึ่งนาย ไดซาขุ อิเคดะ ได้นำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเมื่อ

ราว ๆ ปี 2504 ต่อมาได้ก่อตั้งเป็นสมาคมชื่อว่า สมาคมธรรมประทีป ที่ ซ.พิัพัฒน์ 1 ย่านถนนสีลม ด้านหลัง ธ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่

ก็คือ ด้านหลังซ.ละลายทรัพย์ใน

ปัจจุบัน หมายเหตุ........อย่าเข้าไปในซอย ละลายทรัพย์ เพราะเดี๋ยวทรัพย์ของสมาชิก สุขใจ จะละลายกลายเป็นข้าว - ของไปหมด

นิกายนี้ คล้าย ๆ กับ นิกาย โยเร ที่เราเคยได้ยิน - ได้ฟังมานานโขอยู่แล้วจะมีองค์พระเรียกว่า โงะฮนซน เน้นหนักไปในทางสวดมนต์ถ้า

ต้องการขอโน่น - ขอนีี่่่ให้สวดมนต์ขอเอาแล้วจะได้สมความปรารถณาแต่ถ้าเราเอาแต่สวดมนต์โดยไม่ลงมือกระทำแล้วจะได้

สมความปรารถณามั๊ย ?

เช่นอยากได้บ้าน - อยากได้รถให้สวดมนต์ขอเอาโดยเราไม่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพแล้วจะได้สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า ? นี่คือ ข้อมูลเบื้อง

ต้น(ขออภัยที่พูดตรงเกินไป)ส่วน โยเร เน้นการฉายแสงแผ่รังสี ถ้าเราป่วยเป็นมะเร็งหรือโรคร้ายชนิดต่าง ๆ เช่นไข้หวัด 2009 ฉายแสงแผ่รังสี

โดยไม่ไปพบแพทย์ให้ตรวจวินิจฉัยในการรักษาแล้วจะหายมั๊ย ? จริงอยู่การสวดมนต์ได้บุญแต่ต้องอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนเพราะฉะนั้น

การปฏิบัติธรรมต้องใช้หลัก กาลามสูตร ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสอนไว้เมื่อ 2,500 กว่าปีผ่านมาแล้ว


.........................กาลามสูตร......................


มา อนุสฺสวเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา

มา ปรมฺปราย อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบ ๆ กันมา

มา อิติกิราย อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าว - เล่าลือ

มา ปิฏกสมฺปทาเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา

มา ตกฺกเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง

มา นยเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาด - คะเนอนุมานเอา

มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตาม อาการที่ปรากฏ

มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน

มา ภพฺพรูปตา อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้

มา สมโณ โน ครูติ อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา

ข้อความประเภทนี้ตรงกับกฎทางวิทยาศาสตร์ เพราะนักวิทยาศาสตร์จะไม่เชื่อถ้าเขายังไม่ได้ ทดสอบหรือพิจารณาเหตุผลให้ปรากฏ

ก่อน และข้อความเช่นนี้ไปตรงกันได้อย่างไรในข้อที่ไม่ให้เชื่อเพราะเหตุเหล่านี้ ถ้าเช่นนั้นแล้ว เราควรจะเชื่อแบบใดเมื่อปฏิเสธไปหมดเลยทั้ง 10

ข้อ และเราควรจะเชื่ออะไรได้บ้างพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของเหตุและผล ไม่โจมตีศาสนา ไม่โจมตีผู้ใด ชี้แต่เหตุและผลที่ยกขึ้นมา อธิบายเท่า

นั้น ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะหาคำตอบกันเองเอง


(:LOVE:)สรุปแล้วพระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเพิ่งเชื่อเพราะเหตุ 10 ประการนี้ (:LOVE:)


(:SL:) (:SL:) (:SL:)


BOOK ID= lSSN  0857-2763


ผู้พิมพ์เผยแพร่สู่อินเตอร์เนต นายศุภโชค ตีรถะ พิมพ์เพื่ออุทิศแด่การศึกษาค้นคว้าพระพุทธศาสนาและสรรพสัตว์ทั้งมวล


หน้า ๒๙ - ๔๑ และสมาชิก สุขใจ สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ"หนึ่งขณะจิตสามพัน"ได้ที่นี่


http://forums.212cafe.com/boxser/board-15/topic-24-1.html#reply8 (http://forums.212cafe.com/boxser/board-15/topic-24-1.html#reply8)



ตอนที่ ๔๙ กล่าวถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตากรุณาของพุทธธรรม และจิตใจที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่การรู้แจ้ง สัทธรรมปุณฑริกสูตรเป็นคำสอนที่มีพลังชีวิตชีวาในการสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิต ของเราและสังคม ในการสนทนารอบสอง บทปรัชญาธรรมทั้งหมดของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(บทที่ ๒๕)ในครั้งนี้ ผู้สนทนาได้กล่าวถึงเงื่อนไขสำคัญของศาสนาในศตวรรษที่ ๒๑ ที่จะสามารถช่วยให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น และสนทนาถึงความจริงที่ว่า ศาสนาที่ขาดพลังในการช่วยให้ผู้คนพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นนั้น มักตกเป็นทาสของอำนาจ นอกจากนี้ยังพูดถึงคำอธิษฐานบนปณิธานของการเผยแพร่ธรรมไพศาลให้สำเร็จด้วย




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 12:37:39
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)



การเผยแพร่ธรรมไพศาลคือเส้นทางชีวิตที่สูงส่งที่สุด


ในเวลานั้น พระอักษยมติโพธิสัตว์ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งห่มผ้าจีวรเฉียงไหล่ขวา ประนมมือไปทางพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลด้วยถ้อยคำเหล่านี้ว่าข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นี้ทำไมท่านจึงได้สมญานามว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบพระอักษยมติโพธิสัตว์ว่า สาธุชน สมมติว่ามีสรรพสัตว์มากมายหลายร้อยพันหมื่นล้าน กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานณต่าง ๆ ถ้าพวกเขาได้สดับฟังเรื่องของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นี้แล้ว ด้วยใจเดียวเรียกขานนามของเขาในทันทีเขาจะรับรู้เสียงเรียกนั้น
และสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นจะได้รับการปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน สัทธรรมปุณฑริกสูตร ฉบับภาษาไทย หน้า ๔๘๗-๔๘๘


ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาหระหว่าง นาย ไดซาขุ อิเคดะ กับ นาย ซูดะ นาย ไซโต้


อิเคดะ ->พวกคุณคิดว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ซูดะ ->ดูจากภายนอก ทุกรายละเอียดบ่งบอกว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้เป็นผู้หญิงนะครับ ยังมีรูปปั้นของท่านที่อยู่ในท่าอุ้มเด็กทารกเลย
เอ็นโดแต่ในพระสูตรไม่ ค่อยกล่าวถึงพระพุทธะหรือพระโพธิสัตว์ที่เป็นผู้หญิงมากนักปกติจะพบว่าเป็นผู้ชายมากกว่าทั้งนี้เพราะว่าอินเดียโบราณเป็นสังคมที่ ยกย่องผู้ชาย นอกจากนี้ ถ้าลองสังเกตรูปปั้นของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ให้ดี จะพบว่ามีหนวดอยู่เหนือริมฝีปาก นี่คือลักษณะของบุรุษ ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อของท่านในภาษาสันสกฤต อวโลกิเตศวร ก็ยังเป็นชื่อของผู้ชายด้วย

ซูดะ-> มีบางคนเถียงว่า การแสดงลักษณะของทั้งเพศชายและเพศหญิงนั้น ทำให้พระโพธิสัตว์พระองค์นี้อยู่เหนือข้อจำกัดเรื่องการแบ่งแยกเพศ

ไซโต้ ->สำหรับ ดร ยูทากะ อิวาโมโต นักพุทธวิทยา อาจารย์ผู้สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโซคา โตเกียว เห็นว่าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แม้เดิมจะเป็นเทพธิดาในตำนานโบราณของอินเดียก็ตามแต่เมื่อเข้าสู่พุทธศาสนา ท่านกลับมีรูปลักษณ์ของบุรษเพศ

อิเคดะ ->ผมคิดว่าน่าจะเป็น กรณีนี้มากกว่าครับแรกเริ่มเดิมที เทพธิดาของอินเดียอาจพอนึกได้ว่าคือเทพที่ถูกเรียกขานกันว่ามารดาผู้ยิ่ง ใหญ่หรือพระแม่ธรณี

ไซโต้ ->นั้นสิครับ

อิเคดะ-> พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ คือความเมตตาในการนำความสุขมาสู่ประชาชนทั้งหลายดุจเดียวกับพระแม่ธรณี ที่ค้ำจุนหล่อเลี้ยง และยังความเจริญเติบโตแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง

ไซโต้ ->ใช่แล้วครับ นักวิชาการที่ศึกษาที่มาของพระโพธิสัตว์องค์นี้ ก็ได้กล่าวถึงความเกี่ยวโยงกับเทพธิดาของเปอร์เซียที่มีชื่อว่า อนาหิตา
และเทพแห่งน้ำ กับเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์

ซูดะ ->กำเนิดของชีวิตอาจ สืบเนื่องมาจากดินและน้ำเอ็นโด เมื่อลองคิดดู ก็พบว่ามีรูปปั้นของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ที่ถือคนโทน้ำในมือ

อิเคดะ ->กล่าวกันว่า โพธิสัตว์องค์นี้สามารถปรากฏ รูปลักษณ์ ๓๓ ชนิด หรือปรากฏรูปร่างได้อย่างเสรี ทำนองเดียวกันกับน้ำ ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามภาชนะที่บรรจุ น้ำกับชีวิต จึงมิใช่สิ่งที่อยู่คงที่ถาวร โดยธาตุแท้แล้วก็เป็น สุญญะ




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 12:49:25
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)



ความศรัทธาต่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์และการบูชาพระแม่มารี


อิเคดะ ->ด้วยเหตุนี้ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์จึงอาจมีรูปลักษณ์เป็นชายหรือหญิงก็ได้ นอนจากนี้ ความลับที่ทำให้ท่านเป็นที่
เคารพเลื่อมใสก็คือ การคงคุณลักษณะดั้งเดิมของเทพธิดาไว้ในตอนท้ายของเรื่องเฟาสต์ เกอเธ่กล่าวว่า สตรีชี้ทางแก่เราชั่วนิจนิรันดร์เรื่องนี้ชี้ให้
เห็นถึง ธรรมชาติมนุษย์ที่เหมือนกันทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก

ซูดะ-> ผมคิดว่าการบูชา พระแม่มารีของชาวคริสต์ มีส่วนที่คล้ายคลึงกับความศรัทธาที่ผู้คนมีต่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

อ.อิเคดะ-> ใช่ครับ ผู้คนพากันสวดอ้อนวอนพระแม่มารีเพื่อให้สมหวังและบรรลุความปรารถนาที่ใกล้ ตัว

ซูดะ-> ครับ พวกเขาสวดอธิษฐานเพื่อให้หายป่วย ให้คลอดลูกง่าย และเพื่อให้จบชีวิตโดยสงบ

เอ็นโด -> แม้ว่าการเชื่อในพระเยชูจะเป็นความศรัทธาหลักของคริสต ศาสนิกชนก็ตาม แต่ชาวคริสต์ไม่น้อยกลับพึ่งพาต่อพระแม่มารีมากกว่า

ซูดะ -> บ้างก็บอกว่า พระแม่มารีเหมือนกับสะพานที่เชื่อม ระหว่างโลกที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ของพระผู้เป็นเจ้ากับโลกมนุษย์ซึ่งดูเหมือน
จะเชื่อกันว่า ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะกระทำบาปหนักขนาดไหนก็ตาม ถ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าโดยไม่ต้องมีการพิพากษา

ไซโต้-> พระนางเหมือนมารดา ผู้อ่อนโยนซึ่งจะยืนอยู่เคียงข้างลูกเกเรในขณะที่ลูกขอโทษต่อบิดาเนื่องจากประพฤติไม่ดี

อิเคดะ ->มารดาคือผู้ยิ่ง ใหญ่ ลูกๆย่อมรู้สึกอบอุ่นมั่นคงเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของมารดา ส่วนบิดานั้นสู้ไม่ได้ เพราะอ้อมกอดของบิดาบางครั้งก็ทำ
ให้น้ำตาร่วงเลยทีเดียว นักวิชาการศาสนาได้ให้ข้อคิดว่าความศรัทธาที่มีต่อพระแม่มารีสะท้อนถึงความ เชื่อศรัทธาในพระแม่ธรณี แต่ทว่าสำหรับงาน
วิจัยของจังเกียนในเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาระดับลึก รวมถึงท่าทีในแง่สร้างสรรค์เกี่ยวกับการให้กำเนิดบุตรเลี้ยงดู และโอบอุ้มนั้น บางครั้งมารดาผู้ยิ่ง
ใหญ่ก็อุ้มชูมากเสียจนกลายเป็นการทำลายพวกเขาลักษณะในแบบหลังนี้อาจเปรียบเทียบได้กับการกระทำของนางยักษ์หาริตีในพุทธศาสนาซึ่งฆ่าลูก
ของคนอื่นมาให้ลูกของตนกิน สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่า ความคิดเรื่อง สตรีเพศตลอดกาลที่เกอเธ่ได้กล่าวเอาไว้นี้ บ่งบอกลักษณะที่แฝงความแตกต่าง
เอาไว้อย่างเห็นได้ชัดเจนซึ่งขึ้นอยู่กับว่า จะแสดงออกในลักษณะของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือลักษณะของนางยักษ์หาริตี

ซูดะ-> เมื่อผู้ศรัทธาหันไปพึ่งพาวิธีศรัทธาที่สะดวกสบาย เราคงเรียกเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากจะเรียกว่าการถอยกลับไปเป็นเด็กทารก นักวิจัยผู้ศึกษาเรื่องความเลื่อมใสที่มีต่อพระแม่มารี ท่านหนึ่งกล่าวว่า ภาพลักษณ์ในอดีตของพระแม่มารีซึ่งเป็นดรุณีผู้บอบบาง ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยภาพลักษณ์ของสตรีที่มีความเชื่อมั่นในตนเองและดูภูมิฐานขณะเดียวกันนักวิชาการก็กล่าวว่า ผู้ศรัทธาล้วนถอยกลับไปเป็นเด็ก เธอบันทึกไว้ว่า พวกเขาพากันซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของพระแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับลูกไก่ และเพียงแค่เปล่งคำอธิฐานพร้อมสร้อยประคำในมือแล้วเฝ้ารอสิ่งมหัศจรรย์เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่มีแต่อารมณ์ความรู้สึกล้วน ๆ




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 12:53:39
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)



อิเคดะ-> ชื่อที่รวมเข้าด้วยกันเป็น พระแม่มารีอวโลกิเตศวร มาเรีย คันนน แสดงถึงความคล้ายคลึงที่ชัดเจนระหว่างความเชื่อศรัทธา
ต่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ กับการบูชาพระแม่มารีในสมัยที่ชาวคริสต์ในประเทศญี่ปุ่นถูกบังคับให้ปฏิบัติศรัทธาลับ ๆ
โดยเฉพาะในระหว่างช่วงศตวรรษที่ ๑๗ ศตวรรษที่ ๑๘ และศตวรรษที่ ๑๙ กล่าวกันว่า พวกเขาต้องแอบศรัทธาต่อพระแม่มารีด้วยการสวดอธิษฐานต่อหน้าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แทน ทว่าประวัติศาสตร์ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่า ความศรัทธาที่มีต่อทั้งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์และพระแม่มารี ซึ่งพัฒนาและเผยแพร่ของนักบวชหากแต่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากความปรารถนาของประชนชนเอง

ไซโต้ -> ผมคิดว่า เหตุผลหนึ่งที่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มีกล่าวอยู่ในสัทธรรมปุณฑริกสูตรด้วย ก็เพราะได้มีเทพธิดาของอินเดียผู้มีลักษณะตรงกับรูปลักษณ์เดิมของโพธิสัตว์ องค์นี้อยู่แล้ว และเป็นที่นิยมแพร่หลายอยู่ในเวลานั้น

อิเคดะ ->ที่น่าสนใจก็คือ เทพธิดาที่ผู้คนในสมัยนั้นศรัทธาและให้ความเคารพถูกนำมากล่าวไว้อย่างมี ชีวิตชีวาในสัทธรรมปุณฑริกสูตร ซึ่งสิ่งนี้โดยตัวของมันก็คือการแสดงความเมตตาของพระผู้รับรู้เสียงของโลก พุทธธรรมนั้นมิได้แยกออกห่างจากความเป็นจริงของยุคสมัยและประชาชน

ไซโต้-> ผมคิดว่าคำมั่นสัญญา ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการได้รับบุญกุศลในชาตินี้ที่กล่าวอยู่ใน บทปรัชญาธรรมทั้งหมดของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้สื่อถึงเจตนารมณ์เดียวกันนี้

อิเคดะ-> ความเป็นจริงก็คือ ความเป็นจริงทฤษฏีก็คือทฤษฏี ชีวิตก็คือความเป็นจริงพุทธธรรมเน้นถึงที่นี่และขณะนี้พวกเราปฏิบัติศรัทธาเพื่อให้ได้
รับชัยชนะในขณะปัจจุบันสหาโลกก็คือ ดินแดนแห่งแสงสว่างและสันติการหนีจากความเป็นจริงจึงไม่ใช่เจตนารมณ์ของสัทธรรมปุณฑริกสูตรเพราะสัทธรรมปุณฑริกสูตร เป็นคำสอนเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้อุดมคติสามารถเป็นความจริง ดังที่พระนิชิเรนไดโชนินกล่าวว่าพุทธธรรม ก็คือชนะหรือแพ้
เป็นหลัก บางคนอาจคิดว่า การพูดถึงการได้รับ บุญกุศลในชาตินี้เป็นสิ่งที่ ตื้นเขินแต่ผมเชื่อว่า ศาสนาที่ไม่สามารถช่วยให้ประชาชนเปลี่ยงแปลง
ชีวิตได้ เป็นศาสนาที่ขาดพลัง ธรรมมหัศจรรย์นั้นมีอยู่เพื่อให้เรา มีความราบรื่นปลอดภัยในชาตินี้รวมถึงเกิดในสถานที่ที่ดีในชาติหน้าดังนั้นการ
สร้างคุณค่าในชีวิตประจำวันจึงเป็นจิตวิญญาณของสัทธรรมปุณฑริกสูตร




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 13:01:38
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)




ศาสนาโลกต้องช่วยให้ประชาชนได้รับบุญกุศลในชาตินี้


เอ็นโด-> อาจารย์ครับ ท่านเคยกล่าวเช่นนี้ในสุททรพจน์ครั้งหนึ่งซึ่ง ศาสตราจารย์ แจน แวน แบรกท์ แห่งมหาวิทยาลัยนันซัน ของญี่ปุ่นกล่าวว่า ศาสนาโลกที่แท้จริงจะต้องตอบสนองความต้องการของสังคม สามารถที่จะส่งผมกระทบถึงสังคมและอุทิศเพื่อสันติภาพโลก
อีกทั้งจะต้องมีพร้อมมนุษยนิยมและตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนที่ต้อง การรับบุญกุศลในชาตินี้

อิเคดะ ->ความเป็นจริงคือสิ่งสำคัญสูงสุด ท่านมหาตมะ คานธีกล่าว ว่าศาสนาที่ไม่มีผลในทางปฏิบัติที่เป็นจริง และไม่ได้ช่วยประชาชนแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ศาสนา ท่านประกาศว่า ศาสนาที่ไม่สามารถตอบปัญหาและคลายความวิตกกังวลต่อเรื่องประชาชนกำลังเผชิญ อยู่ในขณะนี้ เป็นศาสนาก็แต่เพียงในนามเท่านั้นเราจึงค้นพบความจริงว่า หลายศาสนาที่แสวงหาประโยชน์จากประชาชนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับศาสนา ได้ทำการชวนเชื่ออย่างแนบเนียนถึงบุญกุศลในชาตินี้ เหมือนกับเอาลูกกวาดหลอกเด็ก นับตั้งแต่ยุคเริ่มแรก สมาคมโซคา มักถูกวิพากย์วิจารณ์ว่า สอนถึงบุญกุศลในชาตินี้ เหมือนกับนิกาย
อื่น ๆ เหล่านี้ไม่มีผิดแต่สัทธรรมปุณฑริกสูตรซึ่งเป็นมรดกทางจิตใจที่มีค่าสูงสุด ของมนุษยชาติ ก็ได้เทศนาถึงการได้รับบุญกุศลในชาตินี้ไว้อย่างจริงจังทั้งนี้เพราะว่า บทบาทหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของศาสนาก็คือ การช่วยให้ผู้คนได้รับความสุขอย่างแท้จริง
สมาคมโซคาได้รณรงค์ต่อสู้กับความทุกข์ ทุกรูปแบบของมนุษย์ โดยได้มอบความหวังแก่ผู้คนที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วย ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาในครอบครัวและอื่น ๆ สิ่งนี้นี่เองคือเจตนารมณ์ของสัทธรรมปุณฑริกสูตร พวกเราเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นที่สุดกับคนที่มีความทุกข์และคนยากจน ผมรู้สึกภาคภูมิใจในเรื่องนี้มาก
ศาสนาจะไม่มีความหมาย ถ้าเลี่ยงปัญหาหนักในการส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้คนที่มีความทุกข์ และไม่หาวิธีช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากปัญหานั้นๆ ผมพูดถึงเรื่องนี้ในหลาย ๆ แง่มุมกับดร.ไปรอัน วิลสัน แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ดร.วิลสัน คือ ประธานคนแรกของสมาคมสังคมศาสนาสากล ซึ่งบทสนทนาของท่านกับอาจารย์อิเคดะได้รวมเล่มเป็นหนังสือชื่อ ค่าของคน




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 13:05:25
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)



การอธิษฐานคือข้อพิสูจน์ถึงความสูงส่งของมนุษย์


ไซโต้-> สมมติว่าลูกของเรา ป่วยหนักมากจนอาจตายได้ นอกจากการหวังพึ่งความช่วยเหลือของหมอแล้ว พ่อแม่คงจะต้องอธิษฐานอย่างเต็มที่เพื่อให้ลูกหายป่วยผมมั่นใจว่าถึงพ่อแม่ จะไม่ได้นับถือศาสนาอะไร แต่พวกเขาก็ยังคงต้องมีการอธิษฐานต่อบางสิ่งบางอย่าง
คำอธิษฐานไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เพราะเป็นการตอบสนองต่อสัญชาตญาณของมนุษย์

ซูดะ-> ผมคิดว่าการปฏิเสธ พฤติกรรมตามธรรมชาติเช่นนี้ เป็นความเย็นชาและไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์

อิเคดะ-> การอธิษฐานเป็น เรื่องพิเศษที่มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ สัตว์ไม่สามารถทำได้แบบนี้ ดังนั้น การอธิษฐานจึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสูงส่งของมนุษย์ ในสมัยโบราณ ผู้คนมักเกรงกลัวต่อธรรมชาติที่กว้างขวางไร้ขอบเขต พวกเขาจึงเคารพในความยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือปัญญาของมนุษย์จะหยั่งถึงได้ จากสิ่งนี้เองจิตใจของการอธิษฐานจึงเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ
เมื่อเราเผชิญกับวิกฤต อย่างพิบัติ ๗ ชนิดที่มีกล่าวอยู่ใน “บทปรัชญาธรรมทั้งหมดของพระอวโลกิเต ศวรโพธิสัตว์” เราย่อมมีความหวังอย่างเปี่ยมล้นว่า จะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครอง การอธิษฐานคือการกลั่นเอาความรู้สึกที่มุ่งมั่นที่สุดออกมา ศาสนาก็เกิดจากการอธิษฐานเช่นนี้นั่นเอง

เอ็นโด-> ศาสนาไม่ได้เกิด ก่อนการอธิษฐาน แต่การอธิษฐานต่างหากที่เกิดขึ้นมาก่อน

อิเคดะ ->ทำอย่างไรคำอธิษฐานของเราจึงจะได้รับคำตอบ พุทธธรรมอธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียดแจ่มชัดด้วยเรื่องกฏของชีวิต โดยการเทศนาธรรมมหัศจรรย์ซึ่งเป็นเคล็ดลับของการทำให้เฟืองแห่งจักรวาลเล็ก และจักรวาลใหญ่ประสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 13:13:03
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)



ความทุกข์เรื่องบุตร


ไซโต้-> ในบทปรัชญา ธรรมทั้งหมดของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กล่าวว่าถ้าสตรีใดมีความปรารถนาที่จะได้บุตรชาย เธอควรถวายความเคารพและถวายทานแด่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แล้วเธอจะให้ กำเนิดบุตรชายที่มีความสุขด้วยคุณความดีและปัญญา และถ้าเธอปรารถนาที่จะได้บุตรสาว เธอก็จะให้กำเนิดบุตรสาวที่เพียบพร้อมด้วยลักษณะแห่งความงามทุกอย่าง อันเป็นผู้ที่ในอดีตได้ปลูกฝังรากเหง้าแห่งความดีไว้แล้ว ได้รับความรักและความนับถือจากคนจำนวนมาก สัทธรรมปุณฑริกสูตรฉบับภาษา ไทยหน้า ๔๙๐

อิเคดะ-> ก็หมายความว่า คำอธิษฐานของบิดามารดาย่อมส่งผลถึงบุตรที่จะเกิดมาได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ด้วยความศรัทธาของบิดามารดา เด็กๆ ก็จะสามารถพัฒนาคุณลักษณะที่ดีเลิศเหล่านี้ แน่นอนว่า เราไม่อาจทราบจำนวนบิดามารดาที่มีความทุกข์ใจเรื่องบุตรว่า มีมากน้อยเพียงใด อันที่จริง พระนิชิเร็นไดโชนินสอนว่า บุตรอาจเป็นได้ทั้งผู้ที่นำความสุขและความทุกข์มาให้ ท่านบอกว่า มีข้อความหนึ่งของพระสูตรกล่าวว่า บุตรคือศัตรู ธรรมนิพนธ์หน้า ๑๓๒๐ และมีข้อความของพระสูตรที่กล่าวด้วยว่าบุตรคือทรัพย์สมบัติ ธรรมนิพนธ์หน้า ๑๓๒๑
แม้ว่าคนที่ไม่มีบุตร อาจปรารถนาอยากจะมีบุตร ผมก็หวังให้พวกเขาคิดว่าถ้ามีบุตรที่ไม่ดี ก็รังแต่จะทำให้เรามีความทุกข์ และขอย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติต่อเพื่อนสมาชิก ด้วยความเอาใจใส่เช่นเดียวกับที่มีต่อบุตรของเราเอง ทั้งนี้ก็เพราะว่า ความผูกผันระหว่างผู้คนที่มาอยู่ร่วมกันในอุดมการณ์ที่สูงส่ง และการสร้างอบรมผู้สืบทอดเจตนารมณ์นั้น สูงส่งกว่าความผูกพันทางสายเลือด
คนที่มีความทุกข์เรื่องบุตร สามารถนำอุปสรรคเหล่านั้นมาทำให้ความศรัทธาเข้มแข็งขึ้น โดยใช้เหตุผลที่ว่าลูก ๆ คือเหตุที่ทำให้บิดามารดากลุ้มใจ ดังนั้น เมื่อบิดามารดาบรรลุพุทธภาวะได้แล้วลูกๆ ก็ต้องมีความสุขได้แน่นอน

ซูดะ ->ข้าใจดีครับ

อิเคดะ-> แม้ว่า บทปรัชญาธรรมทั้งหมดของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์จะกล่าวถึงบุญกุศลของการถวายความเคารพและถวายทานต่อ
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ จึงแน่นอนทีเดียวว่า สิ่งนี้หมายถึงการอธิษฐานและทำบุญถวายต่อโงะฮนซน ซึ่งเราจะเห็นได้จากการที่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้ถวายสิ่งที่ได้รับการทำบุญจากผู้คน แด่พระศากยมุนีพุทธะและพระประภูตรัตนพุทธะ
เอ็นโด : พระอักษยมติ โพธิสัตว์ได้ถวายสร้อยคออัญมณีที่มีค่ามาก แด่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แต่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็ปฏิเสธไม่รับขอกำนัลนั้นเมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสขอให้พระ อวโลกิเตศวรฯ รับของกำนัลนั้นไว้ ท่านจึงยอมรับสร้อยคอไว้แล้วแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งถวายแก่พระศากยมุนีพุทธะและอีกส่วนหนึ่งถวายแด่หอรัตนะของพระภูตรัตนพุทธะ สัทธรรมปุณฑริกสูตรฉบับภาษาไทยหน้า ๔๙๔

ซูดะ-> ในแง่ของความหมาย ใต้ตัวอักษรแล้วพระศากยมุนีพุทธะกับหอรัตนะของพระประภูตรัตนพุทธะก็ หมายถึงธรรมมหัศจรรย์หรือโงะฮนซน
กล่าวคือเรื่องนี้สอนว่า เราควรยึดธรรมมหัศจรรย์เป็นหลัก มิใช่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

เอ็นโด -> ผมอยากให้ผู้คนมาก มายที่เลื่อมใสศรัทธาต่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หันมาใส่ใจกับข้อความนี้เหลือเกิน

ไซโต้-> ในธรรมนิพนธ์ เรื่องการตอบแทนบุญคุณพระนิชิเร็นไดโชนินกล่าวว่า เมื่อสวดนัมเมียวโฮเร็งเงเคียวแล้วพลังของคำสวด นามุอมิตาภพุทธะก็ดีพลังมนตราที่สวดต่อพระมหาไวโรจนะก็ดี พลังของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็ดี ตลอดจนพลังของพระพุทธะทั้งหลาย พระสูตรทั้งหลายและโพธิสัตว์
ทั้งหลายทั้งหมดจะมลายหายไปสิ้น ด้วยพลังของเมียงโฮเร็งเงเคียวโดยไม่มียกเว้นเลย ถ้าพระสูตรอื่นทั้งหลายเหล่านี้มิได้รับพลังจากเมียวโฮเร็งเงเคียวแล้วทั้ง หมดย่อมกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า
พลังบุญกุศลของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ นั้นแท้จริงก็คือพลังของนัมเมียวโฮเร็งเงเคียวนั่นเอง

อิเคดะ-> การยึดถือโงะฮนซน ก็คือการยึดถือต่อสกลจักรวาล เป็นการรับเอาพลังจากบ่อเกิดของจักรวาล ผู้ที่กระทำได้เช่นนี้จึงสมควรได้รับการเคารพอย่างสูงสุด และบุคคลผู้นี้ย่อมสูงส่งกว่าบรรดาผู้ก่อตั้งคำสอนนิกายต่างๆ ซึ่งได้รับการเคารพยกย่องดุจเทพเจ้าและพระพุทธะเป็นร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า หรือแสนเท่าแต่ประชาชนก็ไม่ได้เข้าใจในเรื่องนี้
สิ่งสำคัญคือ เราจะต้องปฏิบัติต่อเพื่อนสมาชิกผู้ซึ่งพากเพียรเพื่อการเผยแผ่ธรรมไพศาล ด้วยความเคารพและให้เกียรติอย่างสูงสุด นี่คือเจตนารมณ์พื้นฐานของเอสจีไอ ตราบใดที่พวกเรายังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์นี้ เราย่อมไม่มีวันอับจนหนทาง




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 13:17:54
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)




การไม่มีสมาธิในขณะสวดมนต์


เอ็นโด-> พูดถึงเรื่องการอธิษฐาน ผู้คนมักมีคำถามเกี่ยวกับ เรื่องที่มักเกิดความคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาในขณะสวดมนต์

อิเคดะ-> ไม่มีอะไรผิดครับ หากสวดมนต์ด้วยจิตใจที่คิดเรื่องต่าง ๆ นานา เรื่องนี้ปกติมากสำหรับมนุษย์เรา สิ่งสำคัญคือการนั่งต่อหน้าโงะฮนซน
ในสภาพที่เราเป็น ไม่จำเป็นต้องฝืนหรือเสแสร้ง
การมีความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ นานาก็เป็นสภาพภายในชีวิตของเราซึ่งเป็นตัวตนของหลักธรรมแห่งหนึ่งขณะจิตสามพัน เพราะฉะนั้นด้วยพลังของ
ไดโมขุแล้วแม้แต่ความคิดเหล่านั้น ก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นบุญกุศลได้เลย
ไม่มีกฏเกณฑ์ว่าจะต้องอธิษฐานอย่างไร ไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่มิใช่ตัวเราการอธิษฐานที่ฝืนโดยไม่เป็นไปตาม ธรรมชาติย่อมไม่ก่อให้
เกิดผลใด ๆ และเมื่อเรามีความศรัทธาที่ลึกซึ้งขึ้นแล้ว สมาธิในการสวดมนต์ก็จะแน่วแน่ขึ้นได้
ความจริง เนื่องจากความนึกคิดที่ผุดขึ้นมาในขณะที่เราสวดมนต์อยู่นั้น เป็นปัญหาที่เรากำลังวิตกกังวลอยู่
ดังนั้นแทนที่จะคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เราก็ควรจะอธิษฐานอย่างจริงใจในเรื่องเหล่านั้นทีละเรื่อง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้
เราไม่ควรสวดเฉพาะปัญหาใหญ่ ๆ แต่ควรจะอธิษฐานได้ทุกปัญหาให้ชนะไปทีละเรื่องๆ พร้อมกับทำให้ความศรัทธาเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไป
และแน่นอนทีเดียวว่า เวลาที่สวดมนต์ ไม่จำเป็นต้องตึงเครียดเกินไปสิ่งสำคัญก็คือลักษณะที่จริงจังของเรา

เอ็นโด-> มักมีคนสงสัยว่า จะถูกต้องหรือไม่ หากสวดมนต์เพื่อหลายๆ เรื่องพร้อมๆ กัน หรือควรจะสวดอย่างจริงจังไปทีละเรื่องดีกว่า

อิเคดะ-> ไม่มีข้อจำกัดว่า จะสวดได้ทีละกี่เรื่อง มีแต่ว่ายิ่งมีสิ่งที่ปรารถนามากเท่าใด ก็ควรจะสวดอธิษฐานให้จริงจังและมากขึ้นเท่านั้น
เหมือนการที่คุณอยากซื้อของจำนวนมาก คุณก็ต้องมีเงินมากพอด้วย พุทธธรรมเป็นเรื่องของเหตุผลครับ

ไซโต้-> ผมว่า คำถามแบบนี้อาจเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดที่ว่า โงะฮนซนรับรู้คำอธิษฐานของเราแล้วจะแก้ไขให้เองอย่างปาฏิหาริย์

อิเคดะ-> ใครล่ะทำให้คำอธิษฐานของเราบรรลุผลตัวเรานั่นเองซึ่งจะเกิดจากความศรัทธาและความพากเพียรไม่มีใครทำให้เราหรอกลองกลับไปเปรียบเทียบกับการจับจ่ายซื้อของ ซึ่งก็เหมือนกับการที่เราใช้เงินของเราเองเวลาที่ไปซื้อของ เราต้องมีเงินเองก่อนสิ เงินตราของคำอธิษฐาน
ก็มิใช่สิ่งอื่นใด นอกจากการลงมือปฏิบัติศรัทธาของเราเอง




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 13:25:19
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)



คำอธิษฐานที่ยังไม่บรรลุผล


ซูดะ ->บางคนก็แสดงความ กังวลใจว่าคำอธิษฐานของตนยังไม่บรรลุผล

อิเคดะ-> เรากำลังปฏิบัติศรัทธาที่ไม่มีคำอธิษฐานใดไม่บรรลุผลก่อนอื่นอันดับแรกสุดเราต้องเชื่อมั่นในเรื่องนี้ แต่คำอธิษฐานของเราบางครั้งก็
บรรลุผล บางครั้งก็ยังไม่บรรลุผล แต่ตราบใดที่เรายังคงสวดไดโมขุต่อไป สุดท้ายแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินไปในทิศทางที่ดีที่สุดซึ่งเรา
จะเข้าใจได้ชัดเจน เมื่อมองย้อนกลับมาในภายหลัง
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การที่เราพยายามต่อสู้จนทำให้คำอธิษฐานประสบผลสำเร็จ จะยิ่งทำให้เราเข้มแข็งขึ้น แต่ถ้าเราได้รับทุกสิ่งทุกอย่างตามที่
อธิษฐานในทันทีแล้ว เราอาจจะเสียคน และกลายเป็นคนเฉื่อยชาที่ปราศจากความพากเพียรและไม่ยอมทำงานหนัก ทำให้กลายเป็นคนที่ตื้นเขิน
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว จะมีความศรัทธาไปเพื่ออะไร
ชีวิต คือเรื่องราวของเหตุการณ์ต่าง ๆ เราเผชิญกับความยากลำบากทุกรูปแบบ นี่แหละคือชีวิต และเนื่องจากมีความหลากหลายเช่นนี้ เราจึงสามารถ
ดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์และสนุกสนานได้ทำให้เราเติบโตขึ้น และมีสภาพชีวิตที่เข้มแข็งและกว้างใหญ่ไพศาลได้

เอ็นโด ->แน่นอนทีเดียวว่า ถ้าสมาชิกเอสจีไอทุกคนอธิษฐานของให้ถูกล็อตเตอรรี่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่คำ อธิษฐานของทุกคนจะสมหวังนะครับ

อิเคดะ ->หากทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เราอธิษฐานได้รับผลทันที ก็คงไม่ต่างกับเวทมนต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดกับเหตุผลคุณไม่อาจหุงข้าวได้โดยเพียงแค่เปิดสวิทซ์ หม้อหุงข้าว แต่ไม่ได้ใส่ข้าวลงไป
พุทธธรรมเป็นเรื่องของสามัญสำนึกและสอนเกี่ยวกับวิถีทางการศรัทธาที่ถูกต้องซึ่งจะปรากฏออกมาในชีวิตประจำวันไม่มีความศรัทธาที่ละเลยต่อความเป็นจริง ความปรารถนาของเราจะไม่มีวันสัมฤทธิ์ผล หากเราไม่มีความเพียรพยายามใด ๆ ในความเป็นจริง




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 13:30:56
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)




ศาสนาที่ไม่สามารถตอบสนองคำอธิษฐานของประชาชนย่อมไร้ประโยชน์


เอ็นโด->ศาสนาที่ให้สัญญา ว่าจะได้รับบุญกุศลทันที มักถูกวิจารณ์ว่าเป็นคำสอนที่ต่ำ ผมรู้สึกว่าศาสนาที่สอนให้ประชาชนต้องคอยพึ่งพา สมควรต้องถูกปฏิเสธ

ซูดะ-> ความศรัทธาเช่นนั้น ซึ่งทำให้ผู้นับถือตั้งหน้าตั้งตาแสวงหาประโยชน์อย่างเห็นแก่ตัว ด้วยการวิงวอนต่อพลังลึกลับบางอย่างนั้น ควรจะถูกเรียกว่า ไสยศาสตร์

ไซโต้-> ในด้านหนึ่ง ก็มีศาสนาที่สอนแต่เรื่องความสุขสมหวังภายในใจเท่านั้นส่วนอีกด้านหนึ่งก็มี ศาสนาที่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะได้รับบุญกุศลอย่างปาฏิหาริย์ในชาตินี้ แต่ทั้งสองคำสอนล้วนแยกออกจากความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ หรือความเป็นจริงของกายกับใจไม่เป็นสอง
จึงอยู่ในระดับที่พอ ๆ กันนะครับ

เอ็นโด-> ซึ่งประเภทหนึ่งก็ เป็นทางด้านนามธรรม ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็ไร้เหตุผล

ซูดะ-> ผมคิดว่า เราอาจกล่าวได้ว่าประเภทแรกนั้นขาดความเมตตา ส่วนอีกประเภทก็ขาดปัญญา

อิเคดะ ->ศาสนาที่แท้จริงมิใช่แนวคิดทั้งสองแบบนี้ ศาสนาที่แท้จริงต้องสอนกฏพื้นฐานที่สามารถช่วยให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ได้ในความเป็นจริง
ซึ่งอาจารย์จึแนะ ซาบุโร มาคิงุจิ นายกสมาคมโซคา ท่านแรกเรียกสิ่งนี้ว่า การสร้างคุณค่าท่านปฏิเสธทัศนะของศาสนาที่คิดขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์
ชั้นนำในสมัยนั้น ดร.จุน อิชิฮาระ ศาสตราจารย์ประจำวิชาฟิสิกข์แห่งมหาวิทยาลัยโทโฮขุว่า ศาสนาที่ไม่ก่อเกิดคุณค่าที่ตอบรับกับคำอธิษฐานนั้นไร้ประโยชน์ นักวิชาการท่านนี้มีความเห็นว่าขณะที่ผู้คนรับรู้ได้ถึงพลังของเทพเจ้าในท่ามกลาง ความเป็นไปของธรรมชาติอันมหัศจรรย์เป็นสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยวิทยาศาสตร์ จึงควรปล่อยไว้อย่างนั้นและยังยืนยันอีกว่า ขอท้าพิสูจน์ในการอธิษฐานเรื่องราวส่วนตัวต่อพระเจ้า




หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 กรกฎาคม 2553 13:33:46
(http://www.seesod.com/storage33/CmT4y7QXv51274071977/o.jpg)




ซูดะ-> นั่นเป็นคำวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนึ่ง

อิเคดะ ->ในทางตรงกันข้าม อาจารย์มาคิงุจิ ยืนยันว่า ศาสนาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างคุณค่าต่อชีวิตมนุษย์นั้น ไม่มีประโยชน์
การเพิกเฉยต่อความเป็นจริงของชีวิต ก็คือการเพิกเฉยต่อมนุษย์นั่นเอง
ปรากฏการณ์อัศจรรย์มิได้จำกัดอยู่แต่ใน เรื่องของธรรมชาติ อาจารย์มาคิงุจิเชื่อว่า ชีวิตมนุษย์กับเหตุการณ์ประจำวันก็มีความอัศจรรย์ และว่า
อำนาจที่เหลือเชื่อของพลังชีวิต ที่ทำให้ผู้คนสามารถสร้างคุณค่าและได้รับชัยชนะในทุกสถานการณ์ ควรเป็นสิ่งที่ต้องแสวงหาท่านกล่าวว่าลำพังวิทยาศาสตร์ไม่สามารถนำความสุขมาให้ประชาชนได้ สิ่งที่ต้องมีคือ ศาสตร์แห่งคุณค่าวิสัยทัศน์ของท่านแทงทะลุข้อบกพร่องพื้นฐานของ
อารยธรรมสมัยใหมเลยทีเดียว

ไซโต้-> อาจารย์มาคิงุจิยังต่อต้านคำกล่าวขาน ซึ่งเป็นที่นิยมกันทั่วไปว่า ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องเฉพาะของศาสนา ท่านแย้งว่า
ศาสนาที่มีไว้เพื่อศาสนานั้นไม่มีความหมาย
ในแง่ของบุคคล ความศักดิ์สิทธิ์หรือสภาพจิตใจที่สงบและรู้แจ้งคือ คุณค่าแห่งประโยชน์ ที่ขยายสภาพชีวิตของคนเรา ส่วนในแง่ของสังคม ก็คือ คุณค่าแห่งความดี อาจารย์มาคิงุจิบอกว่า ศาสนาจะมีความหมายใด หากไม่อาจช่วนให้ประชาชนมีความสุขและทำให้โลกนี้ดีขึ้นการช่วยให้
ประชาชนมีความสุขมิใช่คุณค่าแห่งประโยชน์ดอกหรือ หรือการทำให้โลกนี้ดีขึ้น มิใช่คุณค่าแห่งความดีหรืออย่างไร

อิเคดะ-> โดยสรุปแล้วการหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้ในความเป็นจริง เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความสุขและทำให้โลกนี้ดีขึ้นแต่กลับสอนอะไรบางอย่าง
ที่ศักดิ์สิทธิ์ ราวกับเป็นคุณค่าสูงสุดในมิติอื่นนั้น คือการหลอกลวง
การช่วยให้ผู้คนมีความสุขและทำให้ โลกนี้ดีขึ้นนี่คือ การเผยแผ่ธรรมไพศาลการต่อสู้อันยิ่งใหญ่โดยยึดความจริงข้อนี้เป็นหลัก ก็คือการสร้างคุณค่าและอาจเรียกได้ว่า ศาสนาที่แท้จริงความศักดิ์สิทธิ์มีอยู่เฉพาะในท่ามกลางการต่อสู้ดังกล่าวเท่านั้น และสันติภาพจะมีความหมายใด ถ้ามิใช่คุณประโยชน์สำหรับชีวิตชาตินี้
คำว่า โลกของพระโพธิสัตว์ผู้รับฟังเสียงร้องของโลกพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มีความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก เราไม่อาจแยกตัวเองออกจาความเป็นจริง โลก ก็คือสังคมเราจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมต่อสู้เพื่อสร้างสังคมที่มีความสุขในทางกลับบ้าน คำว่า เสียง หมายถึงเสียงร้องของสรรพสัตว์แต่ชีวิต
ซึ่งมีความปรารถนาส่วนตัวที่อยากจะมีความสุขมีเพียง พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ กับสัทธรรมปุณฑริกสูตรเท่านั้น ที่รวบรวมเอาเป้าหมายของสอง
สิ่งแห่งความเจริญรุ่งโรจน์ของสังคมกับความสุข ของแต่ละบุคคล เข้าไว้ด้วยกันได้

เอ็นโด-> แน่นอนเลยครับว่า คนที่นึกถึงแต่ความสุขของตัวเอง คือคนที่เห็นแก่ตัวที่สุด ส่วนผู้ที่ห่วงแต่ความต้องการของสังคมซึ่งใช้คนเป็นเครื่องมือ ก็พร้อมที่จะกระโจนลงไปสู่ระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จและชาตินิยม การจะทำให้สองขั้วนี้สมดุลได้ เป็นเรื่องที่ยากที่สุด



.......................จบการสนทนาธรรม..................


..............................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.......................


ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ......................


http://www.fungdham.com/download/song/allhits/20.wma


หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 09 ตุลาคม 2553 09:34:40


http://www.youtube.com/watch?v=4ZiuXFzEyZQ&feature=player_embedded# (http://www.youtube.com/watch?v=4ZiuXFzEyZQ&feature=player_embedded#)!

 (:88:)  (:88:)  (:88:)


หัวข้อ: Re: ปัญญาแห่งสัทธรรมปุณฑริกสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 31 พฤษภาคม 2554 05:23:42




(:88:)   (:88:)   (:88:)