หัวข้อ: ขุดกลอยจากป่ามาทำขนม (กลอย พืชมีพิษแต่โดนพิชิตด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน) เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 ตุลาคม 2555 10:29:55 (http://www.sookjaipic.com/images/3997632488_1.JPG) กลอย พืชมีพิษแต่โดนพิชิตด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน กล่าวถึงพืชที่ชาวบ้านเข้าป่าไปหานำมาปรุงอาหารนั้น มีมากมายหลากหลาย ถ้าจะให้นับก็คงนับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าจะกล่าวถึงพืชที่ชาวบ้านนำมาประกอบอาหารแต่ต้องใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่คิดหาวิธีกำจัดพิษออกจนหมด จึงจะนำพืชเหล่านั้นมาประกอบอาหารได้ ก็คงไม่พ้น กลอย กลอยจัดเป็นพืชจำพวกคาร์โบไฮเดรท คนในชนบทหรือชาวป่าชาวเขา มักขุดหัวกลอยมาต้มกิน หรือหุงรวมกับข้าว ส่วนคนเมืองนิยมนำไปปรุงเป็นของหวานหลากหลายชนิด เช่น กลอยคลุกน้ำตาลกับมะพร้าว กลอยนึ่งปนกับข้าวเหนียวมูน ข้าวเหนียวกลอยหน้าสังขยา หรือโรยน้ำตาลปนเกลือและงา เป็นส่วนผสมของแป้งชุบกล้วยแขก กลอยแผ่น ข้าวเกรียบกลอย แกงบวดกลอย และที่ขาดกลอยเป็นส่วนผสมเสียมิได้เลยคือถั่วทอด (ขนมขึ้นชื่อของจังหวัดสุโขทัย) (http://www.launsin200.com/images/photo_1195607961/1253688332.jpg) ถั่วทอด ขนมของฝากของจังหวัดสุโขทัย ภาพจาก : www.weloveshopping.com (http://www.weloveshopping.com) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : กลอยจัดเป็นพืชล้มลุก ชนิดไม้เลื้อย มีหัว มักขึ้นตามป่าเบญจพรรณค่อนข้างโปร่ง พบมากในภาคเหนือ ช่วงฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว หัวกลอยฝังอยู่ใต้ดินตื้น ๆ หัวใหญ่ขนาดประมาณหัวกระเทียม ลำต้นมีหนามเล็ก ๆ กระจายทั่วไปและมีขนนุ่ม ๆ สีขาวปกคลุม มีหัวอยู่ใต้ดินลักษณะทรงกลมรี มีรากเล็ก ๆ กระจายทั่วทั้งหัว ต้นหนึ่ง ๆ มีหัว ๓-๕ หัว เปลือกหัวบางสีน้ำตาลออกเหลือง เนื้อในหัวมี ๒ ชนิด คือ สีขาว (กลอยหัวเหนียว) และสีครีม (กลอยไข่หรือกลอยเหลือง) ใบเป็นใบประกอบ ก้านใบยาว ๑๐-๑๕ ซม. มีใบย่อย ๓ ใบ รูปรี ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ เส้นใบนูน ผิวใบสากมือ มีขนนุ่มปกคลุม ความกว้างของใบ ๓ ซม. ยาว ๘ - ๑๐ ซม. ดอกช่อ ออกตามซอกใบ ก้านดอกเดี่ยวยาวห้อยลงมา มีดอกเล็ก ๆ ติดบนก้านดอกจำนวน ๓๐ - ๕๐ ดอก ผลมีลักษณะคล้ายผลมะเฟือง มี ๓ พู แต่ละพูมี ๑ เมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมแบน มีปีกบางใสรอบเมล็ด ช่วยในการปลิวตามลม (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRGX6B0BZLTI5xk5OaTc7gX5ITI-1ZvShY1fZrqnlfPTDbIU9yDpA) (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS3r9IR3yQTdzI_-ksDfUC-62Now_KRpBBJ1ayCrMdZoihY1azS) หัวกลอยนั้นมีสารพิษที่เรียกว่า Dioscorine พิษชนิดนี้มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งประสาทส่วนกลางมีผลต่อการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คือ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัสทางกาย ดังนั้น คนที่รับประทานกลอยที่มีสารพิษเข้าไปจึงมักมีอาการคันที่ปาก ลิ้น คอ คลื่นไส้ อาเจียน และเมื่อประสาทส่วนกลางบีบหัวใจ จะทำให้เกิดอาการมึนเมา วิงเวียน ใจสั่น ตาพร่า อึดอัด และเป็นลมได้ในที่สุด ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการรุนแรงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษ และความต้านทานของแต่ละคน (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSwXQUBL3zXNUg6icWSsRmaL8wSIbkLyNX-VhBmy3KOeQ7zr-cf) (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRr_AJ4Wq2-pb_CgZFYJWst91gtdfv1oqpupQCR6TfNOtUFRifTKA) การกำจัดพิษออกจากหัวกลอย วิธีการทั่ว ๆ ไป คือปอกเปลือกหัวกลอยให้สะอาด หั่นเป็นแว่น แต่ละแว่นหนาประมาณ ๑ – ๑.๕ ซม. ให้นำชิ้นกลอยที่หั่นแล้วลงไปในภาชนะหนาประมาณ ๑๐ ซม. โรยเกลือให้ทั่วหน้า ๑ - ๒ ซม. แล้วใส่ชิ้นกลอยลงไป ทำสลับกับเกลือจนกว่าจะหมดทิ้งไว้ค้างคืน วันรุ่งขึ้นให้นำกลอยที่หมักออกมาล้างน้ำจนสะอาด จากนั้นใส่ชิ้นกลอยที่ล้างแล้วลงไปในถุงผ้าดิบหรือผ้าขาวบาง นำของหนักทับไว้เพื่อไล่น้ำเบื่อเมาของกลอยออกให้หมด ต่อไปให้นำชิ้นกลอยจากถุงผ้าเทกลับลงไปในภาชนะเดิมแล้วใส่น้ำให้ท่วมเนื้อกลอย ทิ้งไว้ค้างคืน รุ่งเช้าจึงนำชิ้นกลอยมาล้างให้สะอาดและทำซ้ำเช่นเดิม ประมาณ ๕ - ๗ วัน จึงจะปลอดภัยจากสารพิษ และนำมาบริโภคหรือปรุงอาหารได้ หรือจะผึ่งแดดให้แห้งเก็บตุนไว้เมื่อจะบริโภคจึงนำชิ้นกลอยมาแช่น้ำ แต่ในสมัยก่อนชาวบ้านนิยมนำกลอยไปแช่ในลำธารประมาณ ๓ – ๔ คืน และในระหว่างแช่ไว้ต้องหมั่นคนกลอยที่แช่เอาไว้จนกว่ากลอยจะรสชาติจืด จึงนำไปนึ่งหรือปรุงอาหาร วิธีทำขนมที่นำกลอยมาเป็นส่วนประกอบว่ามีวิธีทำอย่างไรและมีอะไรกันบ้าง เริ่มจากเมนูขนมหวานที่เป็นที่โปรดปรานของนักชิมนั้นคือ (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTYVJk-d7Li8Yyi9scrNmHZ0IWGgUlUGg-BRdrBTqThyLqtiH98B6Fq9Q) ข้าวเหนียวกลอย ส่วนประกอบ กลอย ข้าวเหนียว น้ำกะทิ มะพร้าวขูด งา น้ำตาล เกลือ วิธีทำ - นำข้าวเหนียวมาแช่น้ำประมาณ ๑ วัน - นำกลอยที่ล้างพิษแล้ว เอามาคนให้เข้ากันกับข้าวเหนียวแล้วนำไปนึ่ง - เมื่อสุกแล้วนำมาตั้งไว้ให้เย็น จากนั้นนำมาคลุกกับน้ำกะทิที่เตรียมไว้ให้เข้ากัน - เมื่อเสร็จจากข้าวเหนียวเราก็นำเอามะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ผัดกับน้ำตาล งา และใส่เกลือเพียงเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จ (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRafMxKO2iRjpZpEnVxPRrCNw7-1OLt2VdsedPsj00jqgJPzRfiKw) ข้าวเหนียวกลอยมูน กลอยข้าวเหนียวมูน ส่วนประกอบ กลอย ข้าวเหนียว น้ำตาล เกลือ วิธีทำ - นำข้าวเหนียวมาแช่กับน้ำประมาณ ๑ วัน - นำกลอยที่ล้างพิษแล้วนำมาคนกับข้าวเหนียวให้เข้ากันแล้วนำไปนึ่ง - เมื่อสุกตั้งไว้ให้เย็น จากนั้นนำมาคลุกกับน้ำกะทิที่เตรียมไว้ให้เข้ากัน นำมารับประทานกับมะม่วงสุก หรือจะกินเปล่า ๆ (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTilNm37KgECB1-D0Kh7U7_8iUpupJ84HK_nwKgs7qOpFiz2so5) แกงบวดกลอย แกงบวดกลอย ส่วนประกอบ กลอย น้ำกะทิ น้ำตาล เกลือ วิธีทำ - นำน้ำกะทิมาตั้งไฟจนแตกมัน แล้วนำน้ำตาลใส่ลงไปพร้อมกับใส่เกลือนิดหน่อย - รอจนน้ำกะทิเดือดแล้วนำกลอยที่เตรียมไว้ใส่ลงไปทิ้งไว้จนกลอยสุกก็นำไปรับประทานได้เลย - ถ้าชอบรับประทานแบบเย็นก็แค่เติมน้ำแข็งก็อร่อยคลายร้อนได้แล้ว หลากหลายเมนูขนมหวานที่ผลิตจากกลอยแต่ละเมนูน่าลองลิ้มชิมรสจริง ๆ แต่ก่อนที่จะมีหน้าตาชวนรับประทานเช่นนี้ ถ้าไม่บอกกล่าวกันก็คงไม่ทราบว่าพิษภัยของกลอยนั้นมีมากมายเหลือหลายนัก ต้องขอขอบคุณภูมิปัญญาชาวบ้านที่สามารถนำพิษกลอยออกได้หมด จนเหลือแต่ความอร่อย. ที่มา : คอลัมน์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น “กลอย:ขุดกลอยจากป่ามาทำขนม” หนังสือ สารนครศรีธรรมราช ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑๒ จัดทำโดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช และขอขอบคุณ ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยวฯ อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นอย่างสูงที่กรุณาอนุเคราะห์หนังสือดังกล่าว หัวข้อ: Re: ขุดกลอยจากป่ามาทำขนม (กลอย พืชมีพิษแต่โดนพิชิตด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน) เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 17:57:02 .
ไปพบแหล่งปลูกกลอยโดยบังเอิญ อดที่จะนำมาเผยแพร่ไม่ได้ค่ะ แหล่งกลอยที่ว่า อยู่ที่บ้านไทรย้อย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ (http://www.sookjaipic.com/images/3997632488_1.JPG) ชาวบ้านจะนำกลอยซึ่งเป็นผลผลิตของชาวบ้านในท้องถิ่น และถูกนำไปแปรรูปเรียบร้อยแล้ว มาวางจำหน่ายริมทางถนนแผ่นดินทั้งสองฝั่งถนน ซึ่งมีทั้งกลอยตากแห้งสีขาวนวลสะอาดตาสำหรับซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน และกลอยทอดกรอบ กลอยสดนึ่งคลุกเคล้ากับมะพร้าวขูด น้ำตาลทราย เกลือ และงาคั่ว (http://www.sookjaipic.com/images/2386686044_1.JPG) กลอยสด สีขาวนวลอมเหลืองอ่อนๆ (http://www.sookjaipic.com/images/3954237715_3.JPG) กลอยนึ่งสุก (http://www.sookjaipic.com/images/5478425857_4.JPG) แล้วจึงนำไปคลุกน้ำตาลทราย เกลือ และงาดำคั่วค่ะ (ขายกล่องละ ๑๐ บาท) (http://www.sookjaipic.com/images/8468059243_5.JPG) กลอยทอดกรอบ ฉาบด้วยน้ำตาลบางๆ และตัดเกลือให้มีรสเค็มนิดๆ (ขาย ๓ ถุง ๕๐ บาท) (http://www.sookjaipic.com/images/8325337163_6.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images/2095457116_7.JPG) กลอยตากแห้ง ใหม่ สด สีขาวนวล สำหรับซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน (http://www.sookjaipic.com/images/9401287250_8.JPG) กลอยที่ซื้อหาจากตลาดสดในตัวเมือง ออกจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ คงจะเก็บไว้นานแล้ว (http://www.sookjaipic.com/images/8933695322_9.JPG) หัวกลอยที่ได้จากป่า ซึ่งมีพื้นที่เป็นภูเขา บริเวณอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เมื่อได้มาแล้วจะนำมากำจัดพิษ ตามกรรมวิธีเดียวกับชาวบ้านแถบภาคใต้ (http://www.sookjaipic.com/images/5608996935_10.JPG) ได้ข้อมูลจากคนขายกลอยในภาพ ว่า หากจะนำกลอยตากแห้งไปนึ่งรวมกับข้าวเหนียว (ข้าวเหนียวกลอย) ให้นำกลอยไปแช่น้ำ โดยใช้ระยะเวลาเท่ากับการแช่ข้าวเหนียว โดยทั่วๆ ไป หากจะทำข้าวเหนียวมูลจะแช่ข้าวเหนียวตอนหัวค่ำ แล้วนึ่งตอนเช้า หากจะใส่กลอยก็ให้แช่น้ำทิ้งไว้หนึ่งคืนเช่นกัน การนึ่ง ให้นึ่งรวมไปกับข้าวเหนียว (http://www.sookjaipic.com/images/9793850481_11.JPG) กลอยทอดกรอบ คลุกงาดำ และเคลือบน้ำตาลเล็กน้อย (ตามภาพ ราคาขาย ๖ บาทค่ะ) ภาพ/ข้อมูล : ๙ มีนาคม ๒๕๕๖ |