[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 15 กรกฎาคม 2553 14:03:30



หัวข้อ: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 15 กรกฎาคม 2553 14:03:30
[ บทความโดย อ.มดเอ็กซ์ จากบอร์ดเก่า ]


เขียนถึง.. ความรัก

ปัจจุบันนี้กลุ่มสังฆะเล็กๆของโรงพยาบาลมีกิจกรรม " ภาวนาด้วยกัน " ทุกวันศุกร์ เวลา 12.30 น. ถึง 13.30 น. แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เรามีจุดประสงค์ที่จะสืบเนื่องการปฎิบัติ และพบปะกันภายในสังฆะ แถมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความทุกข์ความสุขกันบ้าง หลังจากทำงานกันมาตลอดทั้งสัปดาห์ เราจะนั่งสมาธิร่วมกันประมาณ 20 นาที และมีสนทนาธรรมกัน 30 นาที กิจกรรมนี้เพิ่งเริ่มต้นมีในเดือนกรกฎาคมนี่เอง แต่ก็มีคนสนใจอยู่บ้าง ในการสนทนาธรรมเราต่างพยายามเลือกหัวข้อที่เราสนใจ เช่น สนทนากันถึงเรื่องการเจริญสติในชีวิตประจำวัน ศุกร์ถัดมาเราพูดคุยกันเรื่อง "ความโกรธ " เราแบ่งปันกันในแง่มุมที่ว่า เราจัดการอย่างไร มีท่าทีต่อมันอย่างไร ซึ่งแต่ละคนก็มีแนวทางที่แตกต่างกันไป และ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เราสนทนาธรรมกันในหัวข้อเรื่อง "ความรัก "

การพูดคุยเรื่อง "ความรัก" เราต่างหวังว่าจะเป็นหัวข้อที่ผ่อนคลายที่สุดและน่าจะสบายใจที่สุดด้วย ข้าพเจ้าเองก็เข้าใจว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เหตุการณ์กลับเป็นไปในทางตรงข้าม เมื่อเรากล่าวถึงความรักในวงสนทนาธรรม ในการสนทนานั้น เราต่างพบว่า เมื่อมีความรักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรักพ่อ รักแม่ รักสามี รักภรรยา รักลูก รักสัตว์เลี้ยงตัวโปรด รักของคนหนุ่มสาว ทุกความรักในแต่ละแบบนั้น ล้วนเจือปนไปด้วยความทุกข์ทั้งหมดทั้งสิ้น

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/ba2.JPG)

พี่พยาบาลผู้อาวุโสสุดของสังฆะกล่าวว่า การมีอะไรก็ทุกข์ มีสามี ก็จะทุกข์กับสามี มีลูกก็จะทุกข์กับลูก มีบ้าน มีที่ดิน มีสมบัติใดๆ ก็จะทุกข์ใจกับสิ่งนั้น พอได้ยินดังนั้นข้าพเจ้าเห็นด้วยจริงๆ ยิ่งเรามีอะไรมากเท่าไหร่ เราก็จะมีความทุกข์มากขึ้นตามจำนวนสิ่งที่เรามี ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตนั่นแหละ ปัจจุบันการปฎิบัติธรรมทำให้พี่พยาบาลท่านนี้ปล่อยวางได้หลายอย่าง ไม่คาดหวังกับสิ่งที่มีหรือยึดมั่นกับสิ่งที่มีมากอย่างแต่ก่อน ท่านบอกว่าปัจจุบันนี้เอาแค่ 50 -50 ยึดไว้ 50 ปล่อยไป 50

พี่พยาบาลอีกท่านกล่าวว่า เห็นด้วยจริงๆ กับเรื่องการมีและรักอะไรสักอย่าง แม้กระทั่งการมีลูก เพราะปัจจุบันนี้รักลูกมาก พอลูกเจ็บป่วยไม่สบายก็ทุกข์มากมายเหลือเกิน เพราะความรักลูก นี่แหละ น้องหมอที่คุ้นเคยกันดีบอกเล่าถึงความทุกข์ของการพลัดพรากจากสัตว์เลี้ยงแสนรักว่า ขนาดแค่พลัดพรากจากมันไปเพียงหนึ่งเดือนก็มีความทุกข์ใจเหลือเกิน ร้องห่มร้องไห้เกือบทุกวัน

การมีและการรักอะไรสักอย่างดูเหมือนจะเป็นความทุกข์จริงๆ ความรักคือความทุกข์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความรักก็อาจจะกลายเป็นความสุขใจได้ ถ้าเรารู้จักปล่อยวางมันไปบ้าง ความยึดมั่นถือมั่นก็ยังเป็นสาเหตุใหญ่ของเรื่องนี้อยู่นั่นเอง

เพราะจิตเรายังไม่สามารถมองเห็นความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่ง ยังไม่สามารถยอมรับได้ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรคงอยู่ ไม่ว่าเราจะมีหรือรักอะไรสักอย่าง สิ่งนั้นสักวันมันต้องแปรเปลี่ยนและพลัดพรากจากเราไป เพราะนี่เป็นธรรมดาของชีวิตแต่เราทั้งหลายก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้

การปฎิบัติธรรมทำให้เราเข้าใจเหตุที่มาแห่งทุกข์เหล่านี้ และเราทั้งหลายกำลังฝึกภาวนาเพื่อการปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นอยู่ ใครปล่อยวางได้มากเท่าไหร่คนผู้นั้นก็จะมีความทุกข์น้อยลงไปมากเท่านั้น

 
(http://gotoknow.org/file/yanuprom/02.jpg)

เมื่อมองย้อนกลับไปอีกด้าน เหตุแห่งทุกข์อันแท้จริงนั้น ก็เพราะว่าเราติดในสุข ติดในความยินดีพอใจ ในการมี ในการรักใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง เรายึดว่าสิ่งนั้น คนผู้นั้นต้องนำพาความสุขมาให้ คนผู้นั้น สิ่งเหล่านั้นต้องไม่แปรเปลี่ยนไปไหน ต้องไม่ตาย ต้องไม่ป่วย ต้องไม่สูญหายไป สิ่งนั้นและคนผู้นั้นต้องเป็นของเราตลอดกาล เราต่างคิดเห็นแบบนี้เราจึงทุกข์ เพราะเราต่างไปยึดในสิ่งที่มีแต่ความไม่แน่นอน และแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา มีใครบ้างที่ไม่ตาย มีสิ่งของใดบ้างที่ไม่ผุพัง และมีจิตใจใครบ้างที่ไม่เปลี่ยน เด็กที่เป็นลูกของเราก็ไม่ได้เป็นเด็กตลอดไป เขาจะเติบโตและแปรเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ เขาจะคิดจะนึก จะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเขาเองมากขึ้นเรื่อยๆ และ เขาจะต้องจากเราไปสักวันหนึ่ง ไม่เขาจากเรา เราก็จะจากเขาไป เพราะเราเองก็แปรเปลี่ยนสูงวัยไปทุกวัน มีใครบ้างที่ไม่อยู่ในกฏนี้ กฏแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป กฏแห่งธรรมชาติที่ไม่มีใครอาจฝืนได้

เพราะเราทั้งหลายต่างไปยึดในสิ่งที่ไม่อาจจะยึดได้ เราจึงทุกข์กันสาหัส และไม่จบไม่สิ้น

 
(http://gotoknow.org/file/yanuprom/summerscent.jpg)

ในคนหนุ่มสาว หรือจะเป็นผู้สูงวัยก็แล้วแต่ ความทุกข์จากความยึดมั่นถือมั่นในความรัก เป็นประเด็นใหญ่มาก ความทุกข์ของคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ เป็นความทุกข์จากความรัก เรื่องอกหัก รักสลาย สามีนอกใจ ภรรยามีชู้ การมีกิ๊ก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะใช้เรียกกันในภาษาตามสมัยนิยม ซึ่งล้วนแล้วเข้าข่ายของการผิดศีลข้อที่ 3 กันทั้งหมดทั้งสิ้น ความอนิจจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้าว่าถ้าจะดูตัวอย่างแบบโลกๆ ก็ควรจะดูข่าวความรักของดาราทั้งหลายทั้งไทยและเทศ ที่มีการแปรเปลี่ยนคู่กันบ่อยมาก รักแล้วก็เลิกกันอยู่ตลอดเวลา บางครั้งออกจะน่าประหลาดใจว่า ผู้ชายบางคนภรรยาสวยมาก ฐานะก็ดี การศึกษาก็สูง แต่ภรรยาก็ไม่สามารถผูกใจสามีได้ ข้าพเจ้าสังเกตพบว่า คนสวย คนหล่อยังไงก็จะมีสิทธิื์์์์์ถูกทิ้งถูกเปลี่ยนใจพอๆกับคนหน้าตาธรรมดาๆ นั่นแหละ

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/love.jpg)

ท่านอาจารย์ที่ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่กล่าวว่า การมีคู่ครองนั้น สามีและภรรยาต้องมีศีลเสมอกัน ไม่เช่นนั้นจะอยู่กันไม่ยืด ถ้าภรรยามีศีลแต่สามีไม่มีศีลสักข้อ ก็จะนำความทุกข์มาให้อีกฝ่าย การมีศีลที่ว่าก็คือศีลห้า ศีลสำหรับฆารวาสทั้งหลายนั่นเอง

การกล่าวถึงความทุกข์จากความรักเช่นนี้ อาจจะทำให้หลายคนคิดเห็นไปว่า ผู้ปฎิบัติธรรมคงจะต้องฝึกจิตฝึกใจไม่ให้มีความรักกระมัง ยิ่งบรรลุธรรมระดับสูงขึ้นไปคงจะไม่รักใครสักคนในโลกนี้แล้ว จิตใจคงจะด้านชากลายเป็นก้อนหินหรือท่อนไม้ ไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว นี่เป็นความคิดเห็นที่ห่างไกลความจริงไปมากทีเดียว

หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ได้แสดงธรรมบรรยายเกี่ยวกับความรักไว้หลายแง่มุม ธรรมบรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของท่านมีความงดงามมาก ข้าพเจ้าได้รับฟัง ได้อ่านในหลายๆโอกาส ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจเรื่องราวของความรักได้ลึกซึ้งขึ้น

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/summerscent1.jpg)

ความรักที่แท้ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนก็ตาม ต้องมีความเข้าใจ และไม่ยึด ไม่ทำลายอิสรภาพของคนที่เรารัก แต่การที่เราจะรักใครสักคนได้อย่างแท้จริงนั้น เราต้องรักตัวเราอย่างถูกต้องก่อน เราต้องดูแลตัวเองและเห็นคุณค่าของตนเอง เมื่อเราดูแลตนเองได้ทั้งจิตใจและอารมณ์ เราจึงจะสามารถดูแลคนที่เรารักได้ แต่ถ้าเรายังรักตัวเองไม่ถูกวิธี เราก็ไม่สามารถรักใครได้ถูกวิธีเช่นกัน หลวงปู่กล่าวว่าความรักคือความเข้าใจ และการรู้จักรับฟังอย่างลึกซึ้งต่อความทุกข์ความเศร้าของคนที่เรารักคือสิ่งสำคัญ
 
ผู้ปฎิบัติธรรมจึงมีความรักได้ แถมเป็นความรักที่กว้างไกล ไม่ได้คับแคบอยู่เพียงแค่รักตนเอง หรือกับคู่ของตนเองเท่านั้น ความรักของพวกเขาจะแผ่กว้างออกไปยังสรรพสิ่งรอบตัว พวกเขาจะเกิดความเมตตากรุณาต่อมนุษย์ทั้งหลายและทุกๆ สรรพชีวิต ความรักของพวกเขาจะเป็นความรักที่ปราศจากการยึดติด ปราศจากการครอบครองเป็นเจ้าของ และเป็นความรักที่ไม่มีความทุกข์

ผู้ปฎิบัติธรรมจึงยังมีความรักได้ และมีความรักเกิดขึ้นได้ทุกวัน และการปฎิบัติธรรมยังช่วยให้ผู้ปฎิบัติเกิดความรักที่ยิ่งใหญ่และอาจจะมีคุณค่ากว่าความรักใดๆ ในโลกนี้ ..

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/af1.JPG)
 
 

http://gotoknow.org/blog/sunmoola/280163 (http://"http://gotoknow.org/blog/sunmoola/280163")





หัวข้อ: Re: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: vickyvivid ที่ 17 ตุลาคม 2553 18:50:08
สาธุ...เราเองก็พยายาม...เหลือเกินจะรักอย่างเมตตาและไม่ให้ทุกข์  แต่ใจปุถุชน..ยากเหลือเกินที่จะไม่ทุกข์  ต้องปฏิบัติมากๆๆขึ้น


หัวข้อ: Re: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 17 ตุลาคม 2553 20:30:12

 (:88:) (:88:)


ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันต่อไป



หัวข้อ: Re: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: wondermay ที่ 18 ธันวาคม 2553 02:35:08
การที่เราจะรักใครสักคนได้ อย่างแท้จริงนั้น เราต้องรักตัวเราอย่างถูกต้องก่อน เราต้องดูแลตัวเองและเห็นคุณค่าของตนเอง เมื่อเราดูแลตนเองได้ทั้งจิตใจและอารมณ์ เราจึงจะสามารถดูแลคนที่เรารักได้ แต่ถ้าเรายังรักตัวเองไม่ถูกวิธี เราก็ไม่สามารถรักใครได้ถูกวิธีเช่นกัน
จึ๊กๆๆๆๆๆ (:FR:) (:FR:)


หัวข้อ: Re: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 18 ธันวาคม 2553 17:22:18
จึ๊ก ๆ ๆ นี่อาไร

โดนแทง หรือว่าแทงใจ


หัวข้อ: Re: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: wondermay ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 23:13:16
เขียนถึงความรัก 2

ตอนนี้คิดว่าตัวเองเข้าใจตัวเองแล้วว่าควรทำอย่างไรกับ ชีวิตของเรา และ ชีวิตรักในส่วนของเรา
........ก่อนหน้านี้ เมื่อความรักแบบบริสุทธิ์มันมากมายจนอินฟินิตี้ สามารถทำทุกอย่างให้ได้ เป็นห่วง
ดูแล คิดถึง จริงใจและซื่อสัตย์ เรียกว่าเต็มที่กับชีวิต(รัก) และแน่นอนว่าเต็มที่สุดๆแล้วมันคงไม่มาก
ไปกว่านั้นได้อีก แต่ทำไม ความรักของคนสองคนที่พยายามดีต่อกันถึงยังได้มีความไม่เข้าใจกัน ความเเครียด
และน้ำตาเข้ามาเป็นองค์ประกอบอยู่ได้เรื่อยๆ
       ความรักแท้ น้อยลงได้ยาก แต่จิตใจของคนรักตายลงได้ง่าย เหมือนว่าความรักคือเชื้อโรคนะ มีทั้งดี
และมีทั้งไม่ดี ที่จริงมันขึ้นกับภูมิต้านทานของโฮสต์มากกว่า ว่าสามารถรับและปรับตัวได้มากแค่ไหน สุดท้าย
โฮสต์ตายเชื้อโรคยังอยู่ นี่แหละความรักแท้ เชื้อโรคแท้ๆ ตายยาก
       เมื่อก่อนรักแล้วทุกข์ แต่เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์อีกแล้ว มันอะไรกันนักกันหนา.....เคยลองนั่งคิดดู
ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อะไรมันทำให้ความรักที่มากมายยังมีความทุข์ เครียด เบื่อ บู่ เสียใจ ร้องไห้ ประสาทกิน
ไม่น่าๆ แล้วก็เหมือนจะหาทางออกได้ จากคำพูดที่ว่า ความรักทำให้อยู่กันได้แต่ความเข้าใจทำใหอยู่กันยืด
เห็นทีจะใช่ เราเข้าใจกันรึเปล่า จึงเริ่มลงมือพิจารณาว่าเราไม่เข้าใจอะไรกันตรงไหน เริ่มจากฝั่งเรา ตัวเราให้
ได้ ยอมรับตัวเองว่าผิดอะไร และเราต้องปรับตัวเข้าหาอีกฝ่ายยังไงให้เราสบายใจทั้งคู่ วิธีการนี้มันต้องเวิร์คแน่
เมื่อเราทำได้เราก็บอกอีกฝ่ายให้ทำมั่ง แต่จะต้องพยายามหน่อยค่อยๆปรับกัน ระหว่างทางมันทุลักทุเลน่าดู
แต่วันนึงเราก็ตกลงกันได้แล้วทั้งคู่ และดูเหมือนจะจบปัญหาความทุกข์ต่างๆนานา
         วันรุ่งขึ้นหลังจากความไม่เข้าใจเคลียร์กันไป บรรยากาศดีขึ้นเป็นกอง ตกเย็นนั้นเองความทุกข์มันมา
อีกแล้ว เห้ยย.....อะไรเนี่ยยยย จากจุดเล็กๆที่ว่า ติดต่อไม่ได้จนลุกลามเป็นเคยคิดบ้างไหมว่าเราห่วง เอาอีกแล้ว
มันมาอีกแล้วความเสียใจ น้ำตา เป็นบ้าเป็นหลังและเราเป็นอยู่ฝ่ายเดียวโดยทที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหน
จนเลิกน้อยใจ กลายเป็นห่วง เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรไม่ดีหรือเปล่า ทุกข์อีก บร๊ะเจ้าาาาาาาาาาา
ความสบายใจของคนมีความรักมันอยู่ที่ไหน ยังไม่มีอะไรแท้ๆก็เครียดได้แล้ว จนนอนนิ่งจนเนือย จนหมดแรง
        ระหว่างที่กำลังนอนหมดแรง หมดอะไรตายอยากจากคำว่าเมื่อไหร่จะไม่ต้องเครียดกับความรัก เมื่อไหร่จะสบายใจ
ญาติที่รักและเป็นห่วงเดินเข้ามาพร้อมกันแล้วปรับทุกข์กันที่ปลายเตียงนอน ป้าพาพี่ไปหาหมอด้วย
โรคไต แต่ผลตรวจเลือดไม่ดีเลยนะ ทั้งที่พยายามด้วยกันทั้งคู่ทั้งคนป่วยที่หันมาออกกำลังกายพอเหมาะ
ควบคุมการกิน ฝ่ายคนดูแลก็พิถีพิถันในเรื่องของอาหารต้องทำเอง ต้องสะอาด ต้องคุมนู่นนี่ สารอาหาร
วัดความดันกันตลอด บินไปหาหมอที่ต่างประเทศอีกทาง ธรรมะก็เอา ไหว้เจ้าก็เอา และคนทั้งคู่เป็นคนจิตใจดี
ผลออกมาแบบนี้ท้อกันหมด หนำซ้ำเภสัชกรจ่ายยาตามที่หมอสั่งจากลายมือหวัดๆผิด จ่าย sodium chloride
ทั้งที่ตรงจุดรับยาก็ต้องมีการเรียกรับและอธิบายยาและการกิน เค้าก็ยังไม่เอะใจเป็นต่อที่สอง หมอจะจ่ายเกลือ
ให้คนไข้โรคไตทำไม ....ใช่สี้ คนไข้ไม่ใช่ญาตินี่เนอะ ความห่วงใยความใส่ใจมันไม่เท่ากันอยู่แล้ว ของธรรมดา
พอเห็นแบบนี้เลยนึกถึงทุกคนที่เรารัก ทั้งครอบครัวและคนรักขึ้นมาทันทีเลย ว่าใครจะมารักและห่วงใยคนที่เรารัก
ได้มากและดีเท่าเรา ก็ไม่น่าจะมี จริงๆแล้วแค่เค้ายังมีชีวิตอยู่ดี สุขสบายไม่เจ็บป่วย เราก็น่าจะยินดี และแค่นี้
ก็พอใจได้แล้ว จะเอาอะไรกันนักกันหนา เลยพาลนึกถึงตัวเอง เอ่อนะ เราห่วงมาก คิดมาก ก็อยากจะให้คนอื่น
คิดถึงเราบ้าง พอไม่ได้ ก็เอาละ เครียด โบ้ยนู่นนี่ ถ้าเราทำของเราให้ดีที่สุด ห่วงนั่นแหละทำดีเหมือนเดิมนั่นแหละ
และรู้ว่าคนที่เรารักยังอยู่สุขสบายดีก็สบายใจได้แล้ว แค่ยังมีชีวิตอยู่ให้เรารักก็พอใจแล้ว จริงๆ
พอความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น ก็รู้เลยว่าที่ผ่านมาเราทำตัวเองแท้ๆ เท่านี้ก็พอ เท่านี้ก็สุขใจพอแล้ว
           ถ้าอ่านห้องนี้บ่อยๆ เจอแน่ๆ ไม่รักก็ไม่ทุกข์ ค่ะมันจริงแท้แน่นอน ตือโป๊ยก่ายก็บอกอยู่เสมอ
แต่ถ้าเราเลือกจะรัก ก็น่าจะให้รักแล้วสร้างความทุกข์ให้น้อยที่สุด เชื้อโรคไง ทำให้เราอยู่กับมันแล้วสุข
ที่สุดเท่าที่จะทำได้ คำว่าความรักแท้น่าจะสร้อยคำพ่วงอีกหน่อยว่า รักแท้และให้ด้วยรัก ให้แบบเต้มที่
ไม่ต้องหวังคืนก็จะไม่เฝ้ารอ และตระหนักไว้ว่าคนเราทุกคนต้องตาย ดังนั้นการที่เรายังมีคนที่เรารักอยู่
ข้างๆเท่านี้ก็โชคดีแล้ว ไม่ต้องอะไรมากมาย พอใจ


 สวัสดี (:BYE:)


        
        


หัวข้อ: Re: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 23:17:03
อาเมน...


หัวข้อ: Re: เขียนถึง.. ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 23:32:39
ไปเจอรูปมาจากพันทิพ

(http://pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10237916/X10237916-16.jpg)

สื่อความหมายง่าย ๆ แต่ลึกซึ้ง