[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 26 ตุลาคม 2555 18:26:36



หัวข้อ: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 ตุลาคม 2555 18:26:36


(http://www.wallchan.com/images/mediums/49551.jpg)
รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
---------------------------------------------------------
นิทานเซน จาก คุณแสงดาว แปลมา น่าอ่าน ดี
**********************

สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกและผู้อ่านทุกท่าน
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า นิทานเซนที่แปลและนำมาให้อ่านต่อไปนี้
ไม่ได้ระบุที่มา เพราะนิทานเซนเป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา ในยุคแรกๆ
พระอาจารย์ไม่นิยมให้บันทึกเป็นหนังสือ ( สังเกตได้จากนิทานเรื่องแรกที่
จะนำมาให้อ่าน )ยุคหลังๆพระอาจารย์และฆราวาสถึงได้รวบรวมไว้อีกที
หนังสือเซนในท้องตลาดปัจจุบัน แต่ละเล่มมักจะมีเนื้อเรื่องซ้ำๆกัน
สอดแทรกความคิดเห็นส่วนตัว จัดรูปเล่มให้แตกต่างกันออกไป แล้วพิมพ์ขาย
แม้แต่ตัวเอกในนิทานเรื่องเดียวกัน ยังชื่อไม่เหมือนกัน จึงมักไม่ได้ใส่ชื่อไว้
เพราะไม่ทราบว่าจะอ้างอิงเล่มไหนดี ยิ่งในอินเตอร์เน็ตเดี๋ยวนี้ อ้างเนื้อเรื่องเพียง
นิดเดียว แล้วเสริมเติมแต่งด้วยสำนวนนักประพันธ์จนสวยหรู โดยส่วนตัว
แล้วชอบอ่านเหมือนกัน ให้ความรู้สึกคนละแบบกับของเดิมๆ

ดังที่ได้กล่าวแล้ว นิทานเซนเป็นเพียงเรื่องเล่า ซึ่งเล่าผ่านมาเป็นพันปี ความถูก
ต้องตามหลักธรรม อาจจะไม่ใช่แล้ว ก็ขอให้ผู้อ่านอย่าได้คิดจริงจังว่า ตรงนั้น
ตรงนี้ไม่ถูกต้อง

และเนื่องจากผู้แปลไม่ได้เป็นผู้แปลมืออาชีพ และก็ยังปฏิบัติธรรมไปไม่ถึงไหน
และเพิ่งจะแปลหนังสือครั้งนี้เป็นครั้งแรก ศัพท์ทางศาสนาอาจจะใช้ผิดไปบ้าง
สำนวนอาจจะขรุขระไปบ้าง ก็ขออภัยด้วย และยินดีรับฟังคำท้วงติง
เพื่อนำมาพิจารณาและแก้ไขต่อไป นิทานเซนมีเป็นร้อยเรื่อง จะค่อยๆทยอย
แปลมาให้อ่านเรื่อยๆ

จุดมุ่งหมายสูงสุดของการแปลครั้งนี้เพื่อ รวบรวมสิ่งที่ได้อ่านมา
ให้เป็นที่เป็นทาง และอยากให้เพื่อนนักปฏิบัติธรรมด้วยกัน
ได้มีอะไรอ่านเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้เริ่มปฏิบัติธรรมใหม่ๆมักจะสนใจอ่าน
เรื่องราวเกี่ยวกับนิกายเซนมาก เพราะอาจจะคิดว่า อ่านแล้วอาจจะได้ข้อคิด
ดีๆเพิ่มพูนการปฏิบัติให้ดียิ่งๆขึ้นไป ซึ่งผู้แปลก็เคยได้ผ่านจุดนั้นมาแล้วเหมือนกัน
ในงานสัปดาห์หนังสือเคยกว้านซื้อมาเป็นลัง ไม่เข้าใจตัวเอง
เหมือนกัน ไม่เคยอ่านหนังสือธรรมมะมาก่อน แต่อ่านแล้วเข้าใจ มองเห็น
เป็นภาพพจน์ หลายๆอย่างเราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะ
ปฏิบัติในแนวเถรวาทควบคู่ไปด้วยก็เป็นได้
                     แสงดาว

(http://hhanumann.files.wordpress.com/2012/02/zen-stones.jpg?w=300&h=199)
ที่มา : http://www.thummada.com/ (http://www.thummada.com/)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 ตุลาคม 2555 18:30:55


๑. ไม่พึ่งพิงตัวอักษร

มีอำมาตย์ท่านหนึ่งในราชวงศ์ถัง นอกจากเป็นผู้มีชื่อเสียงแล้ว ยังปฏิบัติธรรมในแนวนิกายเซน
ท่านสนใจและชอบค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับนิกายเซน และยังชอบจดบันทึกเรื่องราวการปฏิบัติธรรมของตัวเองไว้ แล้วรวบรวมทำเป็นเล่ม

วันหนึ่ง ท่านนำหนังสือที่รวบรวมไว้ไปให้ท่านฮวงโป อย่างนอบน้อม เพื่อขอคำชี้แนะจากท่านฮวงโป
ไม่นึกว่าท่านฮวงโปเมื่อรับไปแล้วโยนไปไว้บนโต๊ะอย่างไม่ไยดี ท่านอำมาตย์รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก พลางนึกว่า
ท่าน ฮวงโปคงจะตำหนิที่ไม่ได้นำอะไรติดมือมาด้วย

ขณะที่กำลังเอ่ยปากจะพูด ท่านฮวงโปก็บอกว่า “เจ้าเข้าใจความหมายที่ทำหรือเปล่า” “ไม่เข้าใจ”
 ท่านอำมาตย์ตอบ ท่านฮวงโปพูดต่อว่า “เซนเป็นการสืบทอดนอกขอบข่ายของศาสนา ไม่พึ่งพิงตัวอักษร แล้วเจ้าทำไมถึง
นำหลักธรรม มาทำเป็นตัวอักษร เป็นหนังสือ นี่ไม่ใช่เป็นการทำลายหลักธรรมอันแท้จริงหรอกหรือ”

ท่านฮวงโปเป็นคนเปิดเผย พูดจาตรงไปตรงมา ท่านสูง 7 ฟุต มีเม็ดเนื้อเป็นก้อนกลมๆเหมือนไข่มุกงอกติดอยู่ที่หน้าผาก



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 ตุลาคม 2555 18:33:25


๒. ตัวรู้

ครั้งหนึ่ง ท่านเว่ยหล่างไปพักค้างแรมที่บ้านหลังหนึ่ง ขณะที่กำลังจะนอนพักผ่อนในช่วงบ่าย
ได้ยินเสียงคนกำลังสวดมนต์ เลยลุกขึ้นไปถามผู้นั้นว่า “เจ้าเข้าใจความหมายของบทที่สวดหรือเปล่า ”
“บางตอนเข้าใจยากจริงๆ” ท่านเว่ยหล่างเลยอธิบายให้ฟังบางตอนของบทสวดว่า

“เมื่อเราอยู่ในโลกแห่งมายาจอมปลอมนี้จนผมหงอกขาวหมดไปทั้งหัวแล้ว พวกเราต้องการอะไร?
และเมื่อไฟแห่งชีวิตกำลังจะมอดลง ใจเต้นอ่อนลง และลมหายใจกำลังจะขาดรอนๆ อะไรคือสิ่งสุดท้ายที่เราหวัง?
 และเมื่อกายของเรากำลังเน่าเปื่อยอยู่ในสุสาน ธาตุกลับคืนสู่ธาตุ ธาตุดินสู่ดิน
 ชีวิตกลายเป็นสิ่งไร้ความรู้สึกในความว่างเปล่าแล้ว
เราอยู่ที่ไหน?”

คนที่สวดมนต์นั้นได้ชี้คำหลายคำในคัมภีร์ที่ไม่เข้าใจความหมายแล้วถาม ท่านเว่ยหล่างยิ้มๆแล้วตอบว่า
 “ข้าพเจ้าไม่รู้หนังสือ ท่านถามมาเลยดีกว่า" คนๆนั้นรู้สึกแปลกใจแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านอ่านหนังสือไม่ออก
 ท่านจะเข้าใจความหมาย เข้าใจหลักธรรมได้อย่างไร?”

ท่านเว่ยหล่างตอบว่า “หลักธรรมของพุทธะ กับตัวหนังสือไม่เกี่ยวกัน ตัวหนังสือเป็นเพียงเครื่องมือที่จะเรียนรู้
สิ่งที่จะเข้าใจหลักธรรมคือจิต คือตัวรู้ ไม่ใช่ตัวหนังสือ

ท่านเว่ยหล่างรับตำแหน่งพระสังฆนายกโดยที่ยังไม่ได้บวช หลังรับตำแหน่งต้องหนีภัยจากพระที่เป็นศิษย์พี่
ไปอยู่ในป่ากับพรานป่า 15 ปี ถึงจะกลับมาในเมืองแล้วบวช



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 ตุลาคม 2555 18:36:06


๓. อยู่กับปัจจุบัน

พระชิงหลวนแห่งญี่ปุ่น เมื่อตอนที่อายุ 9 ขวบ ก็คิดที่จะออกบวช จึงไปขอบวชกับพระอาจารย์ฉือเจิ้น
 พระอาจารย์บอกว่า “เจ้าอายุยังน้อย คิดจะบวชทำไม ?”

ชิงหลวนตอบว่า “แม้ข้าพเจ้าจะอายุยังน้อย แต่พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว และเพราะเหตุว่าข้าพเจ้าไม่รู้ว่า
คนเราทำไมต้องตาย ทำไมต้องแยกจากพ่อแม่เพื่อที่จะสืบค้นหาต้นตอของสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้าจึงต้องบวช”

พระอาจารย์รู้สึกชมชอบอุดมการณ์อันดีนั้น จึงพูดว่า ”ดีแล้ว อาจารย์จะรับเจ้าเป็นศิษย์ แต่คืนนี้ก็ค่ำแล้ว
 ไว้พรุ่งนี้จะทำการบวชให้เจ้า” แต่ชิงหลวนพูดว่า “ข้าพเจ้าอายุยังน้อย ไม่ทราบว่าจะรักษาความคิดที่จะบวชจนถึงพรุ่งนี้ได้หรือเปล่า
 และท่านอาจารย์ก็อายุมากแล้ว ก็ไม่สามารถจะรับรองได้ว่า
 พรุ่งนี้เช้าอาจารย์จะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือเปล่า” พระอาจารย์ฟังแล้วรู้สึกปลื้มปีติยิ่งนัก บอกว่า
“ถูกต้อง เจ้าพูดไม่ผิดเลย ตอนนี้จะบวชให้เจ้าทันที”

ที่เมืองจีนสมัยราชวงศ์ถัง ผู้ที่จะบวช จะต้องผ่านการสอบคัดเลือกก่อน พระถังซำจั๋งตอนนั้นอายุเพียง 12 ปี
สอบไม่ผ่าน รู้สึกเสียใจจนร้องไห้ผู้คุมสอบ เจิ้งซ่านกว่อ ถามว่า “ร้องไห้ทำไม” ซำจั๋งตอบว่า “อยากสืบทอดศาสนาของพระพุทธองค์
 และให้เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะเป็นที่เลื่องลือไปทั่วปฐพี”
 ผู้คุมเห็นอุดมการณ์อันสูงส่งนั้น จึงอนุญาตให้บวช ซึ่งต่อมาทั้งสองท่านก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และทำคุณประโยชน์ให้กับศาสนามากจริงๆ



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 ตุลาคม 2555 18:39:28


๔. ปฏิบัติธรรมอย่างไร

พระอาจารย์ว้อหลุนหลังจากบำเพ็ญเพียรอยู่หลายปี ก็นึกว่า ตนเองรู้แจ้งแล้ว
จึงไปหาท่านเว่ยหล่างเพื่อทดสอบภูมิธรรม พร้อมกับเขียนโศลกว่า

ว้อหลุนมีเทคนิคและวิธี ที่จะสามารถดับร้อยความคิดได้
สิ่งที่มากระทบจิตไม่เกิด ต้นโพธิ์เติบโตขึ้นทุกวัน
? ? ? ? ? ? ? ? ? ?
? ? ? ? ? ? ? ? ? ?
(โศลกบทนี้ต้องกำกับภาษาจีนด้วยเพราะแตกต่างจากที่ท่านพุทธทาสแปลไว้เล็กน้อย)

ท่านเว่ยหล่างเมื่ออ่านแล้วได้พูดกับลูกศิษย์ว่า ว้อหลุนยังไม่ได้เข้าถึงหลักธรรมอย่างแท้จริง
หากปฏิบัติธรรมลักษณะนี้ต้องตายแน่ คิดว่าสิ่งที่มากระทบจิตไม่เกิดเป็นความสามารถอย่างสูง เป็นความเข้าใจที่ผิด
 เราปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นพุทธะที่มีชีวิต ไม่ใช่เป็นพุทธะที่ตายแล้ว กลายเป็น ทอง ไม้ ดิน หรือหิน
 แล้วจะเป็นพุทธะอย่างไร ไม่สามารถฉุดช่วยผู้คน แล้วจะมีประโยชน์อะไร

ท่านเว่ยหล่างจึงแต่งโศลกตอบไปว่า
เว่ยหล่างไม่มีเทคนิคและวิธี ร้อยความคิดก่อเกิดไม่มีหยุด
สิ่งที่มากระทบจิตย่อมเกิด แล้วต้นโพธิ์จะเติบโตได้อย่างไร
? ? ? ? ? ? ? ? ? ?
? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

เหล่าลูกศิษย์ไม่เข้าใจ ท่านเว่ยหล่างจึงอธิบายให้ฟังว่า ทุกสิ่งที่ต้องใช้เทคนิคและวิธีล้วนแต่ต้องใช้ความสามารถ
 จิตย่อมจดจ่ออยู่กับความสามารถในการกระทำนั้น ยังเป็นการยึดติดอยู่กับการกระทำ ยังใช้ไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องไปดับความคิด
ไม่มีความคิดแล้วจะไปทำอะไรได้

 หากไม่มีความคิดก็เหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง เหมือนกับเวลาที่เราแสดงธรรมหรือฟังธรรมต้องใช้ความคิดร่วมด้วย
แม้มีความคิดแต่ไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์นั้น ก็เหมือนกับไม่มีความคิด
 ส่วนต้นโพธิ์นั้นแสดงถึงจิตเดิมแท้ของพุทธะ ไม่เพิ่มไม่ลด ไม่เกิดไม่ดับ แม้จะปฏิบัติธรรมจนเป็นพุทธะแล้ว
ก็ไม่ได้เพิ่มอะไรแม้แต่นิดเดียว แล้วจะมีอะไรเติบโตได้อย่างไร



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 ตุลาคม 2555 18:43:38


๕. ไม่เหลือจิตปกติธรรมดา

ลูกศิษย์คนหนึ่งมาถามพระอาจารย์ว่า “ ศิษย์นั่งสมาธิทุกวัน สวดมนต์บ่อยๆ นอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า จิตไม่คิดฟุ้งซ่าน
 ในสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ รู้สึกจะไม่มีใครขยันไปกว่าข้าพเจ้า แล้วทำไมถึงยังไม่รู้แจ้งสักที “

พระอาจารย์นำน้ำเต้า และเกลือหยาบให้ลูกศิษย์ แล้วบอกว่า
“ เจ้านำน้ำเต้านี้ไปใส่น้ำให้เต็ม แล้วใส่เกลือเข้าไป ถ้าหากมันละลายทันที เจ้าจะรู้แจ้งทันที “

ลูกศิษย์ทำตามวิธีที่อาจารย์บอก สักครู่ก็กลับมาบอกว่า
“ ปากน้ำเต้าเล็กไป ใส่เกลือลงไปมันไม่ละลาย เอาตะเกียบลงไปก็คนไม่สะดวก ดูแล้วศิษย์คงจะไม่สามารถรู้แจ้งได้แล้ว “

พระอาจารย์เลยเทน้ำออกไปบางส่วน ใส่เกลือลงไปแล้วเขย่า สักประเดี๋ยวเกลือก็ละลาย พระอาจารย์พูดต่อว่า
“ ขยันทั้งวัน ไม่เหลือจิตปกติไว้บ้าง ก็เหมือนกับน้ำเต้าที่ใส่น้ำจนเต็มแล้วเขย่าไม่ได้ คนไม่ได้
จะละลายเกลือได้อย่างไร แล้วจะรู้แจ้งได้อย่างไร? “

“หรือว่าไม่ขยันแล้วจะรู้แจ้งได้ “ ลูกศิษย์ถาม “ การปฏิบัติธรรมก็เหมือนการดีดพิณ สายพิณตึงเกินไป ย่อมขาดง่าย
 สายพิณที่อ่อนเกินไปก็ไม่เกิดเสียง ทางสายกลาง จิตปกติธรรมดา ถึงจะเป็นฐานที่ทำให้เกิดการรู้แจ้ง “

- http://www.tairomdham.net/index.php/topic,8025.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,8025.0.html)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 19:47:02


๖. นกที่บินหลงทาง

ที่ภูเขาต้าเยี่ยน มีพระรูปหนึ่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่น ท่านเป็นพระที่เทศน์เก่งมาก
ท่านมักจะใช้สิ่งที่มีชีวิตรอบตัวสอดแทรกธรรมะ จากนั้นก็ใช้คำง่ายๆแต่งเป็นโศลก

มีอยู่ครั้งหนึ่ง อุบาสกท่านหนึ่งถามท่านว่า
“ มีคนพูดกันว่า การบูชาใดๆต่อพระพุทธเจ้าทั้งปวงในสากลโลก ก็ไม่เท่ากับการบูชาต่อผู้ที่ดำเนินตามทางแห่งมรรคเพียงคนเดียว
ไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเป็นอย่างไร ? คนเดินตามทางเดินแห่งมรรคมีบุญกุศลใด “
พระรูปนั้นพูดเป็นโศลก ว่า
“ เพียงแค่มีเมฆหมอกมาบดบัง นกก็ยังหลงทางบินกลับรัง "

" เป็นเพราะว่ามีเมฆหมอกมาปิดทางกลับรังของนก นกจึงหาทางกลับรังไม่ถูก ถ้าเรามัวแต่บูชาพระพุทธองค์
 จิตย่อมจดจ่อและยึดติดอยู่กับองค์พระ ทำให้ตัวเองกลับเดินหลงทาง ผู้ที่เดินตามทางแห่งมรรคย่อมทำให้จิตตัวเอง
 สะอาด และสว่างกลับมารู้จักตัวเอง จิตจึงไม่หลงทาง “

อุบาสกคนนั้นถามต่อว่า โบสถ์วิหารเป็นดินแดนแห่งความสงบ
และสะอาด ทำไมถึงต้องตีกลองและเคาะ “ ปลาไม้ ”
พระรูปนั้นตอบเป็นโศลกว่า
“ เพื่อตีให้เสียงก้องกังวานไป เพื่อมิให้เหล่ามังกรนั่งคำนับ “

วัดที่เงียบสงบต้องตีกลองและเคาะ “ ปลาไม้ ”มีความหมายที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ในนั้น ธรรมดาปลาอยู่ในน้ำ
 ไม่เคยปิดตา ดังนั้นการเคาะ ”ปลาไม้” จึงเป็นการแสดงถึงความขยันฝึกฝน ไม่เกียจคร้าน
 การตีกลองก็เพื่อย้ำเตือนให้ผู้คน เลิกทำบาป และสร้างกุศล

อุบาสกท่านนั้นถามต่ออีกว่า
“ เมื่อปฏิบัติธรรมอยู่กับบ้านก็ได้ ทำไมถึงต้องออกบวชอีก “
พระรูปนั้นตอบเป็นโศลกว่า
“ นกยูงแม้จะมีปีกที่สวยงาม แต่ก็บินได้ไม่สูงเฉกเช่นนกอื่น “
" การปฏิบัติธรรมที่บ้านเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อบวชแล้วย่อมจะตั้งมั่น และแน่วแน่กว่า ย่อมจะไปได้ไกลกว่า “



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 19:49:11


๗. ผิดบาปที่ใคร

ศิษย์และอาจารย์เดินผ่านท่าน้ำริมทะเล เห็นชาวเรือกำลังจะนำเรือออกจากท่าเพื่อที่จะไปส่งผู้โดยสาร
หลังจากเรือลงน้ำไปแล้ว ที่ชายหาดมี กุ้ง หอย ปู ปลา โดนทับตายเป็นจำนวนมาก ทำให้เห็นแล้ว รู้สึกน่าสงสารยิ่งนัก

ลูกศิษย์ : ขณะที่ชาวเรือนำเรือออกไปนั้น ทำให้ กุ้ง หอย ปู ปลาแถวนั้นตายไปไม่น้อย ขอถามหน่อยว่า
 เป็นความผิดบาปของชาวเรือหรือผู้โดยสาร
พระอาจารย์ : ไม่ได้เป็นบาปของชาวเรือ และไม่ได้เป็นบาปของผู้โดยสาร
ลูกศิษย์ : ถ้าไม่ได้เป็นบาปของทั้งสองฝ่าย แล้วจะเป็นบาปของใคร
พระอาจารย์ : ก็เป็นของเจ้านะซี

พระอาจารย์พูดต่อว่า “ พุทธศาสนาแม้จะพูดถึงวัฏสงสาร แต่ในแง่ของคน เมื่อพูดในฐานะเป็นมนุษย์
 เรื่องราวบางอย่าง บางครั้งก็ไม่สามารถพูดให้ชัดแจ้งลงไปได้ ชาวเรือประกอบอาชีพนี้เพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้อง
 ผู้โดยสารจำเป็นต้องขึ้นเรือ เพราะต้องเดินทาง กุ้ง ปู โดนเรือกดทับ
 เพราะซ่อนตัวอยู่ในทราย นี่เป็นความผิดใคร ?

กรรมเกิดจากจิต จิตไม่มี กรรมก็ไม่มี
จิตไม่มี จะสร้างกรรมได้อย่างไร
แม้จะมีบาปกรรม ก็เป็นบาปที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ
แต่เจ้า สิ่งที่ไม่มีสร้างให้มี
สร้างผิดถูกขึ้นมาเอง
แล้วนี่จะไม่ใช่ผิดบาปที่เจ้าหรอกหรือ ?



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 19:51:31


๘. นายพลจะออกบวช

นายพลท่านหนึ่งทำสงครามป้องกันชายแดนอยู่แถบทะเลทรายเป็นเวลาถึงสิบกว่าปี ตอนนี้เมื่อนึกถึง
คมหอกศาสตราวุธและสภาพสงครามที่มีเลือดไหลนองดั่งสายน้ำ จิตก็ยากที่จะสงบลงได้ เลยมาหาพระอาจารย์เพื่อจะขอออกบวช
“ พระอาจารย์ ข้าพเจ้าเบื่อสงครามเหลือเกิน ตอนนี้รู้สึกปลงไปหมดแล้ว ขอให้พระอาจารย์เมตตา รับข้าพเจ้าเป็นศิษย์เถอะ ”
“ เจ้าทำสงครามมาเป็นแรมปี กลิ่นอายแห่งการฆ่ายังมีอยู่เยอะ และยังมีครอบครัวให้เป็นห่วง
 ไม่เหมาะที่จะบวชตอนนี้ไว้รออีกสักระยะก่อน “ พระอาจารย์ตอบ

“ ข้าพเจ้าแม้จะอยู่ในสงครามมานาน นั่นเป็นเพราะความจำเป็นบังคับ ข้าพเจ้าเกลียดสงครามเป็นที่สุด
ตอนนี้ข้าพเจ้าวางทุกอย่างลงได้หมดแล้ว ลูกและภรรยาครอบครัวก็ไม่เป็นปัญหา บวชให้ข้าพเจ้าเถอะ “
“ รออีกสักระยะหนึ่งก่อน “ พระอาจารย์พูดแล้วก็เดินกลับเข้าวัด ท่านนายพลเลยจำใจต้องกลับบ้านไป

รุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่ ท่านนายพลก็มาที่วัดอีก พระอาจารย์เลยทักว่า
“ ท่านนายพลทำไมถึงตื่นมาไหว้พระแต่เช้า “
“เพื่อดับไฟอันร้อนรุ่มในหัวอก เลยตื่นเช้ามาไหว้พระพุทธองค์ “

พระอาจารย์เลยเหย้าแหย่กลับไปว่า “ตื่นแต่เช้ามาอย่างนี้ ไม่กลัวเมียมีชู้หรือ ? “
ท่านนายพลรู้สึกโกรธจัด จึงร้องด่าออกมาตามความเคยชินที่อยู่ในสงคราม ว่า
“ !!!!! เจ้าทำไมพูดจาทำร้ายคนขนาดนี้ “

พระอาจารย์หัวเราะเบาๆ พูดมาเป็นโศลก ว่า
โบกพัดเพียงเบาๆ ไฟในอกก็ คุ กรุ่น
มุทะลุอย่างนี้หรือ คือการวางลงได้แล้ว
ท่านนายพลฟังแล้วหน้าแดงกล่ำ ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้อีก



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 19:55:14


๙. อะไรคือโฉมหน้าดั้งเดิมก่อนเราเกิดมา

หลังจากที่พระจวีจือบวชได้ไม่นาน วันหนึ่งมีภิกษุณีมาที่วัดภิกษุณีนั้นใส่หมวกที่สานด้วยไม้ไผ่
 และถือกระบองที่ทำด้วยตะกั่ว มาถึงก็เวียนรอบพระจวีจือ 3 รอบ

“ถ้าเจ้าพูดออกมาได้ ข้าพเจ้าจะถอดหมวกนี้ออก” พระจวีจือไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ภิกษุณีนั้นเลยขอลากลับ
พระจวีจือเห็นว่าใกล้ค่ำแล้ว เลยบอกให้พักค้างคืนที่วัดก่อน

“ถ้าเจ้าพูดออกมาได้ ข้าพเจ้าก็จะอยู่ก่อน” แต่พระจวีจือไม่ทราบว่า
ภิกษุณีนั้นต้องการให้พูดอะไร หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป พระจวีจือรู้สึกสังเวชใจมาก ที่ไม่สามารถตอบภิกษุณีนั้นได้
 เมื่อพระอาจารย์ของพระจวีจือมาหา พระจวีจือจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พระอาจารย์ไม่พูดอะไร
 ได้แต่ชูหัวแม่มือให้พระจวีจือดู พระจวีจือจึงรู้แจ้งทันที

หลังจากนั้นเมื่อมีผู้มาถามธรรมมะ พระจวีจือจะตอบคำถามด้วยการชูหัวแม่มืออย่างเดียว ครั้นเวลานานเข้า สามเณรในวัดก็เลียนแบบบ้าง
ทุกครั้งที่อาจารย์ไม่อยู่ เมื่อมีผู้มาถามธรรมะ ก็จะชูหัวแม่มือขึ้นมาเหมือนกัน

เรื่องรู้ถึงหูพระจวีจือ จึงถามเณรน้อยว่า “อะไรคือพระธรรม?” เณรนั้นยกหัวแม่มือขึ้นมาเป็นคำตอบ
พระจวีจือเลยใช้มีดตัดหัวแม่มือนั้นจนขาด เณรน้อยนั้นร้องลั่น พระจวีจือถามต่อทันทีว่า

“อะไรคือโฉมหน้าดั้งเดิมก่อนเราเกิดมา” เณรน้อยยกหัวแม่มือขึ้นมาตามความเคยชิน เมื่อไม่เห็นหัวแม่มือ จึงเกิดการรู้แจ้งขึ้นมาทันใดนั้น
( เรื่องนี้เป็นเพียงแค่นิทาน จริงหรือเท็จอย่างไรคงไม่มีใครทราบได้ )



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 19:58:23

๑๐. สังฆปริณายกองค์ที่ 4 กับฝ่าหยง

สังฆปริณายกองค์ที่ 4 มีนามว่า เต้าสิ้น วันหนึ่งท่านผ่านไปที่ภูเขาหนิวโถว ซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านฝ่าหยง
 จึงแวะไปหา ท่านฝ่าหยงเห็นท่านเต้าสิ้นมาก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจอะไร

เต้าสิ้น : ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่
ฝ่าหยง : ดูจิต
เต้าสิ้น : ใครกำลังดูจิต สิ่งที่ดูคือจิตอะไร
ฝ่าหยง : พูดไม่ออก
เต้าสิ้น : หากอยากจะปฏิบัติธรรมจนเป็นพุทธะ ไม่จำเป็นต้องตั้งใจเพ่งจ้อง และก็ไม่ต้องกดข่ม ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองธรรมชาติของจิต
ฝ่าหยง : ถ้าไม่ตั้งใจเพ่งจ้อง หากจิตกระเพื่อมจะทำอย่างไร

เต้าสิ้น : สิ่งต่างๆในโลกนี้ไม่มีดี ไม่มีชั่ว ไม่มีสวยไม่มีขี้เหร่ หากอยากจะแบ่งแยกดีชั่วจริงๆ
พูดได้แต่เพียงว่า ข้างในแม้จะสว่างแต่จิตไม่สงบ ลักษณะอย่างนี้แม้ว่าจะนั่งสมาธิทุกวันก็ป่วยการไปเปล่าๆ
ที่สุดก็เป็นพุทธะไม่ได้ หากไม่ปล่อยให้จิตไปยึดติดกับสรรพสิ่ง ก้าวพ้นออกมาจากสรรพสิ่งทั้งหลาย เจ้าจะบรรลุถึงจิตพุทธะได้
ขณะนั้นพอดีมีเสือตัวหนึ่งดินเข้ามาหมอบนิ่งๆอยู่ใกล้ท่านฝ่าหยง ท่านเต้าสิ้นเห็นแล้วตกใจกลัว ท่านฝ่าหยงหัวเราะแล้วพูดว่า
“ ท่านยังมีอย่างนี้อีกหรือ ? “

ท่านเต้าสิ้นไม่พูดอะไร แต่ไปที่เบาะรองนั่งสมาธิของท่านฝ่าหยง แล้วเขียนคำว่า “ พุทธะ "
 แล้วเชิญท่านฝ่าหยงนั่ง ท่านฝ่าหยงลังเลไม่กล้านั่ง ท่านเต้าสิ้นหัวเราะแล้วพูดว่า
“ ท่านก็มีอย่างนี้ด้วยหรือ ? " แล้วทั้งสองก็หัวเราะพร้อมกัน

ท่านเต้าสิ้นและท่านฝ่าหยงสนทนาธรรมจนค่ำ ท่านฝ่าหยงจึงชวนให้ค้างคืนที่นั่น แต่ว่ามีเพียงเตียงเดียว
 ท่านฝ่าหยงจึงเสียสละเตียงให้ท่านเต้าสิ้นนอน แล้วตัวเองก็ไปนั่งสมาธิ กลางดึก ท่านเต้าสิ้นนอนกรนเสียงดังมาก
รุ่งเช้า ท่านฝ่าหยงจึงต่อว่าท่านเต้าสิ้นว่า เมื่อคืนนี้ท่านนอนกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนทำให้ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิไม่ได้ ท่านเต้าสิ้นตอบว่า
“ เมื่อคืนนี้ท่านทำเห็บตัวหนึ่งตกลงไปที่พื้น จนขามันหักไปขาหนึ่ง ทำให้มันร้องทั้งคืน รบกวนการนอนของข้าพเจ้าเหมือนกัน



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 20:01:01


          (http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/599401_273871229388603_1210889850_n.jpg)

๑๑. รู้ว่าเดินผิดทางแล้วละ

มีพระเซนรูปหนึ่ง เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่ม มักออกจะท่องเที่ยวธุดงค์ไปในที่ต่างๆ ได้พบกับคนชอบสูบบุหรี่คนหนึ่งระหว่างทาง
ทั้งสองจึงเดินร่วมทางกันไปด้วยระยะหนึ่ง ขณะที่นั่งพักอยู่ริมธาร ชายคนนั้นได้ให้กล้องสูบยาและยาเส้นจำนวนหนึ่ง
   พระรูปนั้นรับสิ่งที่คนนั้นให้มาด้วยความยินดี จึงติดสูบยาเส้นอยู่ระยะหนึ่ง

   วันหนึ่งจึงได้คิดว่า เจ้าสิ่งนี้ทำให้ตัวเองมีความสุขมาก คงจะรบกวนการทำสมาธิแน่นอน ถ้าหากปล่อยให้เสพติดอย่างนี้ต่อไป
ก็จะกลายเป็นความเคยชินที่ไม่ดีและแก้ยาก น่าจะเลิกเสียแต่แรกดีกว่า จึงนำกล้องและยาไปทิ้ง

ผ่านไปอีกระยะหนึ่งก็ไปหมกมุ่นอยุ่กับคัมภีร์ “ยี่จิง” เรียนรู้จนสามารถคำนวญและทำนายอะไรต่างๆได้
   วันหนึ่งในหน้าหนาว อากาศหนาวสะท้านไปทั่ว พระเซนนั้นเลยเขียน จ.ม. ไปขอเสื้อกันหนาวจากพระอาจารย์ของตัวเอง
แต่ว่า จ.ม.ส่งออกไปตั้งนาน นานจนหน้าหนาวผ่านไป
หิมะบนภูเขาก็ละลายไปหมดแล้ว แต่พระอาจารย์ก็ยังไม่ได้ส่งเสื้อกันหนาวมา และก็ไม่มีข่าวคราวใดๆจากพระอาจารย์มาเลย
    พระรูปนั้นเลยใช้ตำราคัมภีร์ “ยี่จิง”มาผูกดวงเอง
    ที่สุดก็คำนวญออกมาว่า จ.ม.ฉบับนั้นส่งไปไม่ถึงมือพระอาจารย์

   เขาคิดในใจว่า แม้ว่าคัมภีร์ “ยี่จิง” จะแม่นยำ แต่ว่าถ้าเรายังหมกมุ่นอยู่กับทางเดินสายนี้
   จะมุ่งมั่นแน่วแน่ปฏิบัติธรรมได้อย่างไร? ตั้งแต่นั้นมาเลยไม่ไปเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับคัมภีร์นี้อีก

หลังจากนั้น พระรูปนั้นก็ไปหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวของการขีดๆเขียนๆอีก ทุกวันก็มักจะนั่งอ่าน ค้นคว้า
ขีดเขียนอยู่แต่กับหนังสือ มีผลงานออกมาหลายเล่มจนได้รับการยกย่องจากคนในวงการไม่ขาดปาก
    วูบหนึ่ง ท่านคิดได้ว่า “ เรากลับมาเดินห่างจากเส้นทางแห่งมรรคอีกแล้ว ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป
    เราคงจะต้องกลายเป็นนักประพันธ์ นักวิชาการ ก็คงจะเป็นพระอาจารย์เซนไม่ได้แล้ว"

ตั้งแต่นั้นมาเลยตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติอย่างเดียว ละทิ้งทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม
ที่สุดก็กลายเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของนิกายเซน



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 20:04:55


           (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c99.0.403.403/p403x403/557345_10151146343287836_254056830_n.jpg)

๑๒. ตกปลา

มีเศรษฐีคนหนึ่ง เห็นยาจกคนหนึ่งตกปลาอยู่ริมทะเล จึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า
เศรษฐี : เจ้าทำไมไม่คิดหาวิธีที่จะตกปลาให้ได้มากกว่านี้ เช่นว่าซื้อเรือมาสักลำ
ยาจก : ข้าจะต้องทำอย่างนั้นทำไม
เศรษฐี : ถ้าหากเจ้าซื้อเรือ เจ้าก็จะออกไปตกปลาได้ไกลกว่านี้ ที่นั่นย่อมมีปลามากกว่านี้

ยาจก : หลังจากนั้นล่ะ
เศรษฐี : หลังจากนั้นเจ้าก็นำเงินที่ได้จากการตกปลา ไปซื้อ เรือที่ใหญ่กว่านี้ ไปตกในที่ลึกกว่านี้ ย่อมจะได้ปลามากกว่านี้
ยาจก : หลังจากนั้นล่ะ
เศรษฐี : หลังจากนั้นเจ้าก็จะตกปลาที่นี่อย่างหมดความกังวลใดๆ
ยาจก : ตอนนี้ข้าก็ตกปลาอยู่ที่นี่อย่างไม่มีความกังวลใดอยู่แล้ว

(http://goingoutisreallygoingin.files.wordpress.com/2012/07/lake-mcdonald1997.jpg?w=400&h=304)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 20:08:21

(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/c0.37.403.403/p403x403/249403_488724264480980_1657326289_n.jpg)

๑๓. กล้วยไม้

พระอาจารย์เซนท่านหนึ่งชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้มาก โดยเฉพาะ กล้วยไม้รอบๆบริเวณวัดปลูกกล้วยไม้ชนิดต่างๆไว้มากมาย
 กล้วยไม้เหล่านั้นล้วนมาจากที่ต่างกัน ยามว่างท่านมักจะดูแลรดน้ำกล้วยไม้เหล่านี้ด้วยตัวเอง

วันหนึ่งท่านมีธุระจะต้องลงเขาไป จึงกำชับลูกศิษย์ให้ดูแลรดน้ำต้นไม้ให้ดี
ขณะที่ลูกศิษย์กำลังรดน้ำอยู่นั้น เกิดหกล้มชนเสากล้วยไม้ล้มลง ทำให้กระถางแตก และกล้วยไม้ตกลงมาระเนระนาด
ลูกศิษย์คิดในใจว่า อาจารย์กลับมาต้องโกรธ และตัวเองจะต้องถูกลงโทษเป็นแน่

เมื่อพระอาจารย์กลับมา ทราบเรื่องแล้วก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด และยังพูดอีกว่า
ตั้งแต่แรกเริ่มก็ไม่ได้ปลูกไว้ เพื่อที่จะโกรธ แต่เพื่อที่จะบ่มเพาะนิสัยและฝึกฝนจิต
และเพื่อนำมาบูชาพระและสร้างทัศนียภาพรอบๆวัดให้ดูสวยงามและน่าอยู่

เรื่องราวต่างๆในโลกนี้ล้วนแต่เป็นอนิจจัง อย่ายึดติดกับสิ่งที่ตนเองรักจนแยกจากสิ่งนั้นไม่ได้ นั่นไม่ใช่วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม

(http://3.bp.blogspot.com/_yXPDigpzUEM/SUS1OzLlCgI/AAAAAAAAACc/Azw2CikA0tk/s400/peaceful-morning-m_jpg_w300h379.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 20:12:13


(http://4.bp.blogspot.com/-bWS-7e4_dbQ/T31aTwhM2lI/AAAAAAAADCY/jlPnhQZfeSg/s400/life+30.jpg)

๑๔. ละเว้นความชั่วทั้งปวง กระทำแต่ความดี

อำมาตย์ท่านหนึ่งไปเยี่ยมพระอาจารย์เซนท่านหนึ่ง เห็นพระอาจารย์ กำลังนั่งสมาธิอยู่บนกิ่งไม้ จึงพูดว่า “อันตรายเหลือเกิน นั่งอย่างนี้”
พระอาจารย์ตอบว่า “สิ่งแวดล้อมตัวเจ้าอันตรายเสียยิ่งกว่า”

“ข้าพเจ้าเป็นอำมาตย์ใหญ่ ดำรงตำแหน่งสำคัญของบ้านเมือง มีอะไรที่อันตราย”
“วงการข้าราชการในราชสำนัก มีแต่แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น ประจบสอพลอ อันตรายรอบด้าน” พระอาจารย์ตอบ
“อะไรคือหลักใหญ่ๆของธัมมะ”อำมาตย์ถาม
“ละเว้นความชั่วทั้งปวง กระทำแต่ความดี”

ท่านอำมาตย์นึกว่าจะได้ฟังธรรมอันล้ำลึก ที่แท้ก็เป็นแค่คำพูดธรรมดาๆ รู้สึกผิดหวัง แล้วพูดขึ้นว่า “หลักการอันนี้ เด็กสามขวบก็ยังรู้เลย”
“เด็กสามขวบแม้จะรู้ แต่คนแก่อายุ 80 ก็ยังทำไม่ได้” พระอาจารย์ตอบ

(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQW6FDv21vNo0kjQ_uxv_JLcL_jgaxq5HkzWhYuTiQ56f6LyR7U2225X6I)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 20:16:32


             (http://3.bp.blogspot.com/-d4vLfvv6ee4/T31OoQzWafI/AAAAAAAAC_g/dRoT5YO8e7A/s400/life+5.jpg)

๑๕. รสแห่งเซน

เรื่องราวในโลกล้วนเป็นทุกข์
ไม่เหมือนอยู่ในป่าเขา
เอนกายใต้ต้นหวาย
ใช้ก้อนหินมาหนุนนอน

ไม่อยากเป็นพระราชา
หรือจะอยากเป็นอำมาตย์
เกิดตายไม่กังวล
หรือจะกลัวการเปลี่ยนแปลง

พระอาจารย์ท่านหนึ่งเขียนบทกลอนด้านบนนี้ไว้ ฮ่องเต้ถังเต๋อจงเมื่อได้อ่านบทกลอนนี้แล้ว
อยากจะพบและสนทนาธรรมกับพระท่านนี้ ว่าเป็นอย่างไร? จึงให้ท่านเสนาออกไปเชิญพระอาจารย์มาเข้าเฝ้า

เสนาท่านนั้นนำพระราชโองการมาถึงปากถ้ำที่พระอาจารย์ท่านนี้อยู่ ก็เห็นพระอาจารย์กำลังก่อไฟอยู่ในถ้ำ จึงตะโกนเข้าไปว่า
“พระราชโองการมาถึง รีบมาคุกเข่ารับพระราชโองการ”
แต่พระท่านนั้นทำเป็นคนหูหนวกไม่รู้ไม่ชี้

เสนานั้นเห็นพระอาจารย์เอาขี้วัวมาก่อไฟ บนเตานั้นกำลังเผาแตงชนิดหนึ่งอยู่
ไฟยิ่งมายิ่งลุกโชน ควันไฟลอยคละคลุ้งออกมาทั้งในถ้ำและนอกถ้ำ ควันไฟนั้นทำให้น้ำมูกของพระอาจารย์
ไหลออกมาเป็นทางยาวเฟื้อยจนหยดติ๋งๆ เสนานั้นเห็นสภาพอย่างนั้น จึงพูดขึ้นว่า

“พระอาจารย์ น้ำมูกของท่านไหลออกมาอย่างนี้ ทำไมไม่เช็ดเสียเล่า?”
“ข้าไม่มีเวลาว่างจะมาเช็ดน้ำมูกให้กับชาวโลกหรอก”
พระอาจารย์ตอบ พูดพลางก็คีบแตงร้อนๆนั้นเข้าปากพลาง “อร่อยจริงๆ! อร่อยจริงๆ!”

แล้วก็ยื่นแตงนั้นให้เสนา แล้วพูดว่า
“รีบกินตอนที่ยังร้อนๆอยู่!
สามโลกก็มีแค่จิต ธรรมทั้งหลายก็อาศัยรู้
รวยหรือจน สูงหรือต่ำ ดิบหรือสุก อ่อนหรือแข็ง
จิตรู้อยู่แต่ตรงกลาง อย่าแบ่งแยกมันออกเป็นสองฝั่ง”

เสนานั้นเห็นพระอาจารย์ทำอะไรแปลกๆ พูดธัมมะที่ฟังไม่รู้เรื่อง เลยรีบกลับไป ทูลฮ่องเต้
ฮ่องเต้ตรัสว่า “ประเทศของเรามีพระอาจารย์อย่างนี้ เป็นบุญกุศลของทุกคนจริงๆ”

(http://3.bp.blogspot.com/-VX7X3P8gS_E/TqKxGPUzUvI/AAAAAAAABXM/jvVr-oqy04g/s320/peaceful-world-mind-calming-backgrounds-nature-pictures.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 พฤศจิกายน 2555 20:20:41


            (http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/c0.0.403.403/p403x403/319496_273112622797797_1286963314_n.jpg)

๑๖. สวยเพียบพูนด้วยเสน่ห์

มีอุบาสิกาหญิงคนหนึ่ง เกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์ หรืออำนาจวาสนา
หรือความสวยงามภายนอก เรียกได้ว่า หาคนเปรียบเทียบได้ยาก แต่ก็ยังไม่มีใครมารักมาชอบ ไม่มีแม้แต่คนที่มาคุยถูกคอ
 จึงไปขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ ว่าทำยังไงถึงจะมีเสน่ห์ให้คนมารักมาชอบ

พระอาจารย์เลยตอบว่า ถ้าเจ้าสามารถร่วมงานกับผู้อื่น ด้วยจิตที่มีเมตตา พูดจาด้วยคำเซน ฟังเสียงของเซน
ทำเรื่องราวเกี่ยวกับเซน ใช้จิตของเซน เจ้าจะกลายเป็นผู้มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนมากที่สุด

“คำของเซน พูดยังไงเจ้าคะ?” อุบาสิกานั้นถาม
“คำของเซน คือพูดแต่เรื่องเรื่องดีๆ พูดแต่ความจริง พูดจาอ่อนน้อมถ่อมตน พูดแต่เรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น”

“แล้วเสียงของเซน ฟังยังไงเจ้าคะ?”
“เสียงของเซนคือทำเสียงทั้งหมดให้เป็นเสียงละเอียดอ่อน ทำเสียงด่าทอเป็นเสียงที่มีเมตตา
 ทำเสียงดูถูกเหยียดหยามเป็นเสียงที่คิดจะช่วยเหลือ และถ้าเจ้าฟังเสียงร้องไห้ เสียงวุ่นวาย
 เสียงหยาบ เสียงน่าเกลียด โดยที่เจ้าก็ไม่ถือสา นั่นคือเสียงของเซน”

“แล้วเรื่องราวของเซนทำยังไงเจ้าคะ”
“เรื่องของเซนคือ ทำบุญบริจาค ช่วยเหลือ งานกุศล ช่วยบรรเทาสาธารณภัย ทำสิ่งที่ถูกต้องตามศีลธรรม”

“แล้วจิตของเซนใช้ยังไงเจ้าคะ”
จิตของเซนคือ จิตของเจ้า ของข้าพเจ้า ของปุถุชน ของอริยะชน ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน เป็นจิตที่ห่อหุ้มสรรพสิ่ง เป็นประโยชน์ให้กับสรรพสิ่ง

หลังจากที่อุบาสิกาท่านนั้นได้ฟังคำชี้แนะจากพระอาจารย์ จึงเปลี่ยน ความเย่อหยิ่งจองหองที่มีอยู่เดิม
 ไม่คุยโวโอ้อวดถึงฐานะตนเองต่อหน้าผู้อื่น ไม่ยกยอตัวเองว่าสวยเลอเลิศกว่าคนอื่น
 และมักจะอ่อนน้อมและมีมรรยาทต่อผู้อื่น เป็นห่วงเป็นใยและดูแลเอาใจใส่ต่อคนในปกครอง
เมื่อปฏิบัติเช่นนี้ไปนานเข้า อุบาสิกาท่านนั้นก็ได้รับฉายาจากผู้อื่นว่า   “เป็นอุบาสิกาที่มีเสน่ห์มากที่สุด”

(http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c81.0.403.403/p403x403/527111_265875790188147_572012506_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:01:48


            (http://2.bp.blogspot.com/-I5baLtVoaH0/T315u0uFT8I/AAAAAAAADGI/ypc5JgdW_Qk/s400/life+59.jpg)

๑๗. อุทิศส่วนกุศล

มีชาวนาคนหนึ่งได้เชิญพระอาจารย์ท่านหนึ่งไปที่บ้าน เพื่อสวดอภิธรรมให้กับศพของภรรยาที่เสียชีวิต หลังจากที่สวดเสร็จแล้ว ชาวนานั้นถามว่า
“ท่านคิดว่า ภรรยาของผมจะได้ส่วนกุศลจากการสวดนี้สักเท่าไหร่”
“พระธรรมเหมือนยานแห่งความเมตตา เหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องแสง ไม่แต่ภรรยาของเจ้าจะได้ คนอื่นๆยังพลอยได้รับส่วนกุศลไปด้วย”
ชาวนานั้นรู้สึกไม่พอใจ พูดว่า “ภรรยาของข้าพเจ้าอ่อนแอมาก คนอื่นๆ ย่อมจะมาเอาเปรียบ
 แย่งเอาส่วนกุศลไป ขอให้ท่านสวดอุทิศส่วนกุศลให้เขาโดยเฉพาะ อย่าอุทิศให้กับผู้อื่น”

พระอาจารย์พูดต่อไปว่า “การแผ่ส่วนกุศลของตัวเองให้กับผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นได้รับส่วนกุศลโดยทั่วกัน เป็นสิ่งที่ดีที่เราชาวพุทธควรรักษาไว้
หลักการของการแผ่ส่วนกุศลเป็นการอุทิศจากเหตุไปหาผล จากส่วนน้อยไปหาส่วนใหญ่ ก็เหมือนกับ
 แสงสว่างไม่ได้เจาะจงจะส่องสว่างให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ แสงสว่างสามารถส่องให้กับคนได้ทั้งหมด
 เหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงเดียว ส่องสว่างให้กับคนทั้งโลก เหมือนเมล็ดพันธุ์ 1 เม็ด สามารถให้ผลผลิตได้นับไม่ถ้วน

เจ้าควรจะใช้จิตของเจ้า จุดสว่าง เทียนในใจให้กับตัวเอง แล้วไปจุดต่อให้กับเทียนเล่มอื่นๆ
เพื่อทำให้แสงสว่างเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า และนั่นก็ไม่ได้ทำให้ตัวของเทียนเองต้องสูญเสียแสงสว่างแต่อย่างใด
ถ้าหากทุกคนมีจิตสำนึกอย่างนี้ จากจุดเล็กๆที่ตัวเรา รวมกันเป็นกลุ่มชนเป็นมหาชน จะดีสักแค่ไหน
 พุทธศาสนิกชนทุกคน ควรจะมองผู้คนอย่างเสมอภาคเหมือนกันหมด”

ชาวนานั้นยังมีทิฐิอีก พูดต่อไปอีกว่า “คำสอนนี้ดีมาก แต่ก็ยังอยากมีข้อยกเว้นอีกอย่าง คือคนข้างบ้านของข้าพเจ้า
 มักจะชอบกลั่นแกล้งและรังแกข้าพเจ้า ยกเว้นเขาสักคน ไม่ให้มารวมกลุ่มอยู่ในกลุ่มชนทั้งปวงได้ก็ดี”
“อยู่ใต้หล้าเดียวกัน มีอะไรต้องยกเว้น” พระอาจารย์ตอบ

(http://content.foto.mail.ru/mail/amor_per_se/_answers/i-266.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:11:24


           (http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c120.0.403.403/p403x403/541155_489252547765703_822539619_n.jpg)

๑๘. ใครคือขี้วัว

ซูตงพอเป็นศิษย์ของพระอาจารย์เซนท่านหนึ่ง ซูตงพอเป็นทั้งอำมาตย์และเป็นนักกวีชื่อดังแห่งยุค (พ.ศ. 1580 -1644)
บ้านของเขาอยู่คนละฟากฝั่งแม่น้ำกับวัด แต่ก็ไปมาหาสู่พระอาจารย์เป็นประจำ เพื่อมาต่อกลอนและมาภาวนาร่วมกัน
    วันหนึ่งขณะที่นั่งสมาธิด้วยกัน พระอาจารย์นั่งนิ่งอยู่ในสมาธิ แต่ซูตงพอ นั่งได้ประเดี๋ยวเดียว ก็นั่งไม่ได้แล้ว
    เที่ยวมองไปก็มองมา เขานึกเอาเองว่าตัวเองนั่งสมาธิได้ไม่เลว จึงพูดกับพระอาจารย์ว่า

“ท่านเห็นลักษณะการนั่งของข้าพเจ้าเป็นอย่างไร?”
“เหมือนพระพุทธรูปองค์หนึ่ง”
“แล้วท่านนักประพันธ์ใหญ่เห็นอาตมาเหมือนอะไร”
“เหมือนขี้วัวหนึ่งกอง”ซูตงพอตอบ

พระอาจารย์ยิ้มๆ ไม่ว่าอะไรแล้วนั่งสมาธิต่อ ซูตงพออิ่มอกอิ่มใจที่สามารถพูดอำพระอาจารย์ได้ จึงกลับไปเล่าให้
คนที่บ้านฟัง คิดว่าคนที่บ้านต้องชมว่า ตนโต้ตอบได้ยอดเยี่ยมแน่ แต่น้องสาวของเขารู้สึกขำแล้วพูดว่า

“พี่โง่จ๋า ยังจะนึกสะใจอยู่อีกพี่แพ้พระอาจารย์แล้ว”
“เป็นไปได้ยังไง? พี่แพ้ยังไง?”
“พระอาจารย์ในสายตาของพี่ มองเหมือนกับขี้วัว แต่ที่แท้คือพุทธะ แต่พี่ดูเหมือนพุทธะ แต่ในจิตใจ บรรจุขี้วัวไว้เต็มไปหมด”
ซูตงพอยังเหมือนกับไม่เข้าใจอยู่อีก น้องสาวเขาเลยอธิบายให้ฟังว่า

“เพราะในจิตของพระอาจารย์มีแต่พุทธะ ดังนั้นในมุมมองของท่าน
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จึงเป็นพุทธะ แต่พี่ยังภาวนาไปไม่ถึงไหน ในจิตย่อมมีแต่สิ่งสกปรก จึงเห็นพระอาจารย์เป็นขี้วัว”
ซูตงพอฟังแล้วถึงได้เข้าใจ และรู้ว่าตัวเองเรื่องที่จะไปให้ถึงนั้นยังอยู่อีกไกล

(https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS1vW5sydVHWHXKXpY-MRygM00BTlJUd0-Kq-Fjdd63cdyobPcJm3GDSqE)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:12:49


              (http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/c0.0.403.403/p403x403/431537_518101031538464_1521612779_n.jpg)

๑๙. นรก

มีคนๆหนึ่งเมื่อตายแล้ว วิญญาณล่องลอยไปในที่แห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเข้าประตู คนเฝ้าประตูถามว่า
“เจ้าชอบกินหรือเปล่า? ที่นี่มีแต่ของกินที่วิเศษสุด
เจ้าชอบนอนหรือเปล่า? ที่นี่จะนอนนานแค่ไหนก็ไม่มีใครรบกวน
เจ้าชอบเล่นสนุกไหม? ที่นี่มีของเล่นทุกอย่างให้เลือก
เจ้าเบื่อทำงานใช่ไหม? ที่นี่รับรองว่าไม่ต้องทำอะไร และไม่มีใครบังคับเจ้า”

วิญญาณนั้นรู้สึกดีใจที่ได้อยู่ที่นี่ อิ่มแล้วก็นอน นอนพอแล้วก็เล่น เล่นไปกินไป พอผ่านไป 3 เดือน รู้สึกเริ่มจะเบื่อ จึงไปหาคนเฝ้าประตูนั้น
“ใช้ชีวิตทุกวันอย่างนี้ ไม่เห็นจะดีตรงไหน
เล่นมากจนเกินไป ก็ไม่เห็นจะสนุกอะไร
กินอิ่มเกินไป ก็ทำให้อ้วนขึ้นเรื่อยๆ
นอนมากเกินไป ก็ทำให้ความรู้สึกเฉื่อยชา

ของานให้ข้าทำหน่อยได้มั้ย?”
วิญญาณนั้นถาม
“ขอโทษ ที่นี่ไม่มีงานให้ทำ” ยามเฝ้าประตูตอบ
ผ่านไปอีก 3 เดือน วิญญาณนั้นทนไม่ได้แล้วจริงๆ พูดกับยามอีกว่า
“ข้าทนอยู่อย่างนี้ไม่ไหวอีกแล้ว ถ้าหากไม่ให้งานข้าทำ ข้ายอมตกนรกดีกว่า”

ยามตอบว่า “เจ้านึกว่าที่นี่เป็นสวรรค์หรือ?
ตรงนี้คือนรกต่างหาก มันทำให้เจ้าไม่ต้องใช้ความคิด
ไม่ต้องสร้างสรรค์ ไม่มีอนาคต ค่อยๆหลอมละลาย
การทรมานลักษณะนี้ ทรมานยิ่งกว่า เมื่อเทียบกับขึ้นภูเขามีด ลงกระทะทองแดง ซึ่งเป็นความทรมานทางกาย

(http://sphotos-e.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c28.0.403.403/p403x403/532205_498346153523641_1308845154_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:19:39


            (http://farm4.static.flickr.com/3639/3643286888_f88179ca31.jpg)

๒๐. ตะขาบ

กบตัวหนึ่งเห็นตะขาบเดินมา เลยมองขาตะขาบแล้วคิดจนเครียดว่า ตัวเรามี 4 ขา ยังเดินอย่างยากลำบาก
แต่ตะขาบมีขานับไม่ถ้วน แล้วจะเดินยังไง เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ
 ตะขาบจะกำหนดยังไงว่าให้ขาไหนก้าวไปก่อนขาไหนขยับตาม แล้วเคลื่อนไหวขาไหนอีก

กบตัวนั้นดักตะขาบไว้แล้วจึงถามว่า
“ข้าคิดจนสับสนหมดแล้ว มีปัญหาที่ข้าตอบตัวเองไม่ได้ว่า เจ้าเดินยังไง ใช้ขาเยอะแยะอย่างนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

“ข้าก็เดินของข้าอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ไหนๆก็ถามมาแล้ว ขอให้ข้าคิดก่อนแล้วกัน” ตะขาบตอบ

ความคิดอย่างนี้เป็นความคิดครั้งแรกที่เข้ามาสู่ความคิดคำนึงของตะขาบ ตะขาบยืนคิดอยู่หลายนาทีว่
า ขาไหนขยับยังไง คิดจนวุ่น ไม่รู้ขยับขาไหนต่อขาไหนก่อน ที่สุดก็ขยับขาไม่ได้ เดินเป๋ไปหลายก้าว จึงหมอบลงไปแล้วพูดกับกบว่า

“ขออย่าได้ถามปัญหาอย่างนี้กับตะขาบตัวอื่นเลย ข้าเดินของข้าอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีปัญหาอะไร
แต่ว่าตอนนี้เจ้าทำให้ข้าลำบากเสียแล้ว ข้าขยับไม่ได้แล้ว ขาของข้าทุกขาไม่รู้จะขยับขาไหนแล้ว ข้าจะทำยังไงดี”

(http://i938.photobucket.com/albums/ad228/deenix34rg/Keefers_AnimatedButterflies170.gif)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:22:24


              (http://4.bp.blogspot.com/-gxgaVtL6_zg/T31XdQSbEHI/AAAAAAAADBY/mcociXQvEbo/s400/life+21.jpg)

๒๑. ( ๑๘ อรหันต์ทองคำ )

ที่เชิงเขาผู่ถอ มีชายหาฟืนและครอบครัวอาศัยอยู่หลังหนึ่ง ครอบครัวนี้เลี้ยงชีพด้วยการหาฟืนมาหลายชั่วคนแล้ว
 ทุกๆเช้าชายคนนี้จะออกไปหาฟืนแต่เช้า กว่าจะกลับก็ค่ำมืด ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก
 หากินมาไม่พอเลี้ยงปากท้อง ภรรยาของเขาเมื่อไปวัด จึงมักจะวิงวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา
 ช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก

เหมือนสวรรค์มีตา วันหนึ่งโชคลาภก็มาถึง ชายหาฟืนคนนั้น ขุดพบรูปปั้นอรหันต์ทองคำมา 1 องค์
 ชั่วพริบตานั้นเขาก็กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาทันที เลยไปซื้อบ้านและไร่นา พร้อมกับจัดงานเลี้ยงฉลองกินกับญาติสนิทมิตรสหายกันอย่างครึกครื้น

ตามความเป็นจริงแล้วชายคนนั้นน่าจะรู้จักพอแล้ว น่าจะรู้จักรสชาติของเศรษฐีแล้ว แต่ก็อิ่มอกอิ่มใจได้ไม่นาน
 ความทุกข์กังวล ก็เริ่มมาแล้ว ถึงกับกินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ผุดลุกผุดนั่งทั้งวัน

ภรรยาของเขาจึงเตือนว่า “ตอนนี้บ้านเราเรื่องกินเรื่องอยู่ก็ไม่ขาด อะไร ทั้งยังมีเรือกสวนไร่นา บ้านหลังงาม
เจ้ายังจะทุกข์กังวลอะไรอีก ? แม้จะมีขโมย ชั่วเวลาประเดี๋ยวประด๋าว
 ก็คงจะขโมยอะไรได้ไม่หมด เจ้าคนผีเฮงซวย เจ้าคนเกิดมาเพื่อจะจนตลอดชีวิต “

ชายหาฟืนได้ยินภรรยาพูดอย่างนั้น จึงพูดอย่างรำคาญว่า “ แม่บ้านอย่างเจ้าจะรู้อะไร ?
กลัวคนขโมยนั้นเรื่องเล็ก แต่เรื่องของ 18 อรหันต์ทองคำนี่ซี ข้าเพิ่งจะได้มาองค์เดียว
 อีก 17 องค์ ข้ายังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ? แล้วข้าจะสบายใจได้อย่างไร ? ที่สุดชายตัดฟืนซึ่งคิดกังวล
แต่เรื่องอยากได้ 17 อรหันต์ทองคำที่เหลือ ก็ล้มป่วยลง ป่วยได้ไม่นานก็ตายไป

(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcROPUf1CZTSf1ie4lHG4ygKCp_lAlskUeZZwFVTcHc0ExFCS2XSGm9jb0n3)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:32:18


               (http://f2.mylove.ru/3ciC3C5K3q1IO2L.jpg)

๒๒. เงินแลกกับปัญญา

ครั้งหนึ่ง ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังซ่อมกำแพงที่ถล่มลงมา หลังจากฝนตกลงมาอย่างหนัก
 เขาได้ขุดพบทองคำก้อนใหญ่ ก้อนหนึ่ง เลยกลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา
ชายคนนั้นรู้ตัวเองดีว่า ตัวเองค่อนข้างโง่ จึงไปปรึกษากับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง พระอาจารย์แนะนำว่า
 “เจ้ามีเงิน ผู้อื่นมีปัญญา เจ้าทำไมไม่ใช้เงินไปซื้อปัญญาของคนอื่น”

ชายคนนั้นจึงเข้าไปในเมืองเจอพระรูปหนึ่ง ชายนั้นจึงถามพระรูปนั้นว่า “ท่านจะขายปัญญาของท่านให้แก่ข้าพเจ้าได้หรือเปล่า”
 พระนั้นตอบว่า ปัญญาของอาตมาแพงนะ เจ้าสู้ไหวหรือ?” “ขอเพียงซื้อปัญญาได้แพงเท่าไหร่ ข้าพเจ้าก็สู้” ชายนั้นตอบ
“เมื่อเจ้าพบสิ่งที่ยากลำบากใจ เจ้าอย่าเพิ่งเร่งรีบตัดสินใจ ให้เดินไปข้างหน้า 3 ก้าว
หลังจากนั้นเดินถอยไปข้างหลัง 3 ก้าว ทำซ้ำอย่างนี้ อีก 3 ครั้ง เจ้าก็จะได้ปัญญา”

(http://cs407931.userapi.com/v407931941/2cb/s-DHvKq1v38.jpg)

“ปัญญา ง่ายอย่างนี้หรือ?” ชายคนนั้นทำท่าไม่เชื่อและลังเล กลัว พระรูปนั้นจะหลอกเอาเงิน พระรูปนั้นอ่านสายตานั้นออก จึงพูดว่า
“เจ้ากลับไปก่อน ถ้าหากเจ้ารู้สึกว่าปัญญาของข้าพเจ้าไม่คุ้มกับเงินเหล่านี้ เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาแล้ว หากเจ้าคิดว่าคุ้ม เจ้าค่อยกลับมา”
เมื่อกลับถึงบ้านในตอนค่ำมืด ชายคนนั้นเห็นเหมือนกับภรรยา กำลังนอนอยู่กับคนอื่น
 จึงถืออีโต้เข้าไปหวังจะฆ่าคนนั้น แต่ทันใดนั้นนึกถึงคำพูดของพระรูปนั้นในตอนกลางวัน

จึงเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว เดินถอยหลัง 3 ก้าว ทำซ้ำอีก 3 ครั้ง
ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น คนที่นอนอยู่กับภรรยาของเขาพูดขึ้นว่า “ลูกเอ๊ย ดึกๆอย่างนี้ทำอะไรอยู่นั่น?”
ชายคนนั้นเมื่อรู้ว่าเป็นเสียงมารดาของตนเอง จึงคิดในใจว่า “หากกลางวันนี้ไม่ซื้อปัญญามา วันนี้คงจะฆ่าแม่ของตนเองแล้ว”
วันรุ่งขึ้นจึงรีบนำเงินไปถวายพระรูปนั้นแต่เช้า

(http://25.media.tumblr.com/tumblr_ma0ojaUb511qa9omho1_250.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:33:10


              (http://www.janicha.net/forum/imageupload/data/image/lf8mmi-a4ef17.jpg)

๒๓. เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ

เหล่าลูกศิษย์ถามพระอาจารย์ว่า “ทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ” อาจารย์จึงพูดว่า
“วันนี้พวกเราจะเรียนเรื่องธรรมดาๆและง่ายที่สุด” ให้ทุกคนแกว่งแขนไปข้างหน้าให้สุด
 แล้วแกว่งไปข้างหลังให้สุดเช่นกัน พระอาจารย์สาธิตให้ดู พร้อมกับกำชับว่า
 “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้แกว่งแขนวันละ 300 ครั้ง ทุกคนทำได้หรือเปล่า ?”

เหล่าลูกศิษย์รู้สึกสงสัยจึงถามว่า “ทำไมต้องทำเรื่องอย่างนี้” พระอาจารย์ตอบว่า “หลังจากทำเรื่องนี้แล้ว ผ่านไปหนึ่งปี
พวกเจ้าจะรู้ว่า ทำอย่างไรจึงจะประสบผลสำเร็จ” เหล่าลูกศิษย์คิดในใจว่า “เรื่องง่ายๆอย่างนี้ ทำไมถึงจะทำไม่ได้”
    หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน พระอาจารย์ถามเหล่าลูกศิษย์ว่า “เรื่องที่อาจารย์สั่งให้ทำ มีใครยังทำอยู่หรือเปล่า?
ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ยังตอบอย่างมั่นคงว่า ยังทำอยู่ พระอาจารย์รู้สึกพอใจ พยักหน้าบอกว่า “ดีๆ”

และเมื่อผ่านไปอีกหนึ่งเดือน พระอาจารย์ก็ถามอีกว่า “ตอนนี้ใครยังทำอยู่อีก” ที่สุดก็เหลือเพียงครึ่งเดียวที่บอกว่าทำแล้ว
    หนึ่งปีผ่านไป พระอาจารย์ถามทุกคนว่า "พวกเจ้าจงบอกซิว่า การออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขนแบบง่ายๆ ยังมีใครยังคงทำอยู่ ?”
ตอนนี้มีเพียงคนเดียว ที่ตอบว่ายังคงทำอยู่

พระอาจารย์จึงพูดว่า “อาจารย์เคยบอกกับพวกเจ้าว่า เมื่อทำเรื่องนี้เสร็จ พวกเจ้าจะรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะประสบผลสำเร็จ
ตอนนี้สิ่งที่อาจารย์อยากจะบอกพวกเจ้าคือ เรื่องที่ทำง่ายที่สุดในโลก บ่อยครั้งก็เป็นเรื่องที่ทำยากที่สุด
   เรื่องที่ทำยากที่สุด ที่บอกว่าง่าย เพราะขอเพียงยอมไปทำ ใครๆก็สามารถทำได้

และที่บอกว่าเรื่องง่ายทำยาก ก็เพราะว่า คนที่ทำได้อย่างแท้จริง ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่น้อยคนจะทำได้
    หลังจากนั้น พระรูปที่ทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ก็ได้เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อไป ในบรรดาศิษย์ทั้งหลายมีพระรูปนี้ที่ประสบความสำเร็จอยู่รูปเดียว

(https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQW0eiuYO3CgqtHC5Omage5hLhu4a_VjyBZiUTVfKyXqdEygCkg_qgS1w)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:35:06


                (http://3.bp.blogspot.com/_pq5Ggx8hHaY/S8yUQYIPERI/AAAAAAAAAB8/h2umpuK3YHs/s320/2638_68973506833_645196833_2249736_8257982_n.jpg)

๒๔. เจ้าแม่กวนอิมแสดงธรรม

ฮ่องเต้องค์หนึ่งโปรดเสวยหอยมือแมวมาก ชาวประมงจะต้องนำหอยมาส่งในวังทุกๆวัน
วันหนึ่งขณะที่พ่อครัวแกะเปลือกหอยอยู่เห็นด้านในมีลักษณะแข็งๆ มองดูเหมือนรูปเจ้าแม่กวนอิม
 รูปทรงสวยงาม ดูแล้วให้เกิดความน่านับถือและศรัทธายิ่งนัก

พ่อครัวเลยรีบนำไปถวายฮ่องเต้ ฮ่องเต้ได้นำหอยนี้ไปใส่ไว้ในผอบทองคำ แล้วนำไปไว้ที่วัด เพื่อให้ชาวเมืองได้สักการะบูชา
เมื่อฮ่องเต้ออกว่าราชการจึงถามเหล่าขุนนางว่า “การปรากฏตัวของพระโพธิสัตว์เป็นเรื่องที่น่าประหลาดยิ่งนัก
ไม่ทราบว่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีหรือเกิดลางดีอะไรหรือเปล่า?”

ขุนนางท่านหนึ่งตอบว่า เรื่องนี้เกินกว่าที่คนธรรมดาจะรู้ได้ ที่ภูเขาต้าฮว๋า มีอาจารย์เซนท่านหนึ่ง
 สามารถเข้าถึงธรรมที่ล้ำลึกได้ หากพระองค์ต้องการจะทราบเรื่องนี้ก็ไปนิมนต์เชิญมาที่ในวังได้
เมื่อพระอาจารย์มาถึงในวัง ได้พูดกับฮ่องเต้ว่า “วัตถุไม่มีสิ่งใดตอบสนอง แต่เป็นการก่อให้เกิดความศรัทธาและเชื่อมั่น
เมื่อผู้ที่พระโพธิสัตว์ต้องการฉุดช่วย ก็จะปรากฏตัวออกมา เพื่อแสดงธรรม ครั้งนี้ที่พระโพธิสัตว์แสดงตัวออกมา
 ก็เพื่อจะแสดงธรรมให้กับฮ่องเต้”

“พระโพธิสัตว์ปรากฏตัวออกมาแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ยินเสียงท่านแสดงธรรมเลย” ฮ่องเต้ถามอีก
“พระโพธิสัตว์ปรากฏตัวออกมาในหอย พระองค์ทรงเชื่อหรือเปล่า?”
“ข้าพเจ้าเห็นเรื่องประหลาดอย่างนี้มากับตา ต้องเชื่อแน่นอน” ฮ่องเต้ตอบ
“เมื่อพระองค์ทรงเชื่อ พระโพธิสัตว์ก็ได้แสดงธรรมจนจบสิ้นแล้ว” พระอาจารย์ตอบ

(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRk5rsWc6HZk-YvwPtarIJcInx-wgVHAKm4AeGiyxBqZF1iDWak)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 14:47:43


                (http://sphotos-a.xx.fbcdn.net/hphotos-ash4/c0.0.403.403/p403x403/229592_503805092982200_265269507_n.jpg)

๒๕. คำสอนของปรมาจารย์ตั้กม๊อ

ท่านโพธิธรรมตั้กม๊อ เกิดในวรรณะพราหมณ์เป็นชาวอินเดีย เป็นสังฆนายกของนิกายเซนองค์ที่ 28 ของนิกายเซน
(องค์แรกคือพระมหากัสสปะ องค์ที่สองคือพระอานนท์)
 แต่ชาวจีนนับท่านเป็นองค์แรก ของนิกายเซนของจีน ท่านอยู่ที่เมืองจีนประมาณ 50 กว่าปี

    จากคัมภีร์เล่มหนึ่งท่านกล่าวว่า ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมได้ดี จะต้องมีความศรัทธาและเชื่อมั่นก่อน ถึงจะเข้าถึงธรรมได้ดี
    ส่วนการนั่งสมาธินั่งนั้น เมื่อนั่งจนสงบนิ่งเหมือนไม่มีลมหายใจ จิตหยุดกระเพื่อม
    ความรู้สึกไม่รับผัสสะที่มาจากภายนอกทั้งหมด จิตแน่วแน่และมั่นคงดั่งหินผา จะสามารถเข้าสู่ทางเดินแห่งการรู้แจ้งได้

ส่วนการดำเนินจิตในชีวิตประจำวัน จะต้องเข้าถึงหลักดังนี้
1. กฏแห่งกรรม เมื่อพบความทุกข์ใดๆ ก็ต้องสำนึกว่า ความทุกข์และความเจ็บปวดเป็นผลกรรมจากการกระทำในชาติก่อน
เพราะเหตุนี้จึงไม่ควรหลงโกรธโทษฟ้าดิน ยอมรับผลกรรม โดยไม่โอดครวญและหลงโทษสิ่งใดๆ

2. ไปตามครรลองของธรรมชาติ แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดจากเหตุ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม แต่ทุกสิ่งก็เป็นอนัตตา
ทุกข์สุขความเป็นไปของชีวิต เกิดจากกรรมภายในภายนอก เป็นตัวกำหนด ยามเมื่อมีเงินทองเกียรติยศชื่อเสียง
 พึงสำเหนียกว่า เป็นผลจาการกระทำในอดีต แต่เมื่อเสวยผลบุญจนสิ้นสุด
 ก็จะกลายเป็นไม่มี ได้หรือเสียเป็นไปตามกรรม จิตไม่มีเพิ่มหรือลด ดีมาก็ไม่กระเพื่อมเป็นไปตามครรลอง

3. ไม่แสวงหาสิ่งใดๆ คนในโลกนี้ล้วนแต่มีความโลภ คนมีปัญญาถึงจะเข้าใจถึงความเป็นจริง
นึกถึงเมื่อวนเวียนอยู่ในสามโลกอันยาวนาน นึกถึงความทุกข์ของการมีกายมีการแสวงหา
เมื่อมาถึงการรู้แจ้งถึงการแสวงหาสิ่งเหล่านี้ จิตก็จะหยุดดิ้นรน ก็จะเข้าถึงมรรคที่แท้จริงได้

4. บำเพ็ญตนใน 6 สิ่งนี้คือ ทำทาน รักษาศีล อดทน ใฝ่ก้าวหน้า จิตสงบ เดินทางสายกลางและสุญตา

(http://www.hrsstatic.com/foto/2/5/6/5/256577/256577_g_394395.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 15:01:07


                (http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/c99.0.403.403/p403x403/407580_326983967335239_1414055289_n.jpg)

๒๖. ดอกไม้กับการปฏิบัติธรรม
มีอุบาสิกาท่านหนึ่ง ทุกๆวันจะนำดอกไม้จากที่บ้าน ไปเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันหน้าพระประธานที่วัด
วันหนึ่งขณะที่นำดอกไม้ไปที่วัด ได้พบกับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง พระอาจารย์ได้ทักทายขึ้นว่า
“โยมนำดอกไม้มาบูชาพระทุกวัน ตามตำราเขาว่า ชาติหน้าเกิดมาต้องมีรูปโฉมที่งดงามแน่นอน”

“ดิฉันทำอย่างนั้นเพราะ ทุกๆวันที่ดิฉันนำดอกไม้มาที่วัด รู้สึกเหมือนกับจิตวิญญาณถูกชำระด้วยน้ำที่ใสสะอาด
 แต่เมื่อได้กลับไปที่บ้าน จิตกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ไม่สงบ เกิดมาเป็นผู้หญิงแม่บ้าน ทำอย่างไรถึงจะอยู่ในโลกที่วุ่นวายสับสน
 และก็ยังสามารถรักษาจิตให้สะอาดและสงบได้เจ้าคะ?”

พระอาจารย์ตอบว่า “การรักษาจิตให้สะอาดและสงบ ก็ใช้หลักการเดียวกับการรักษาดอกไม้ให้สดสวยเช่นกัน
โยมอยู่กับดอกไม้บ่อยๆ ย่อมจะต้องรู้จักวิธีการรักษาดอกไม้ “
อุบาสิกานั้นตอบว่า “วิธีที่จะรักษาดอกไม้ให้สดเสมอ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเปลี่ยนน้ำทุกวัน
และก่อนที่จะนำดอกไม้ไปใส่ ต้องตัดปลายกิ่งที่เน่าออกเสียก่อน เพราะส่วนที่เน่าไม่สามารถดูดน้ำไปเลี้ยงดอกได้ ดอกไม้จะเเหี่ยวแห้งได้ง่าย”

พระอาจารย์พูดต่อว่า “นั่นแหละถูกแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัวก็เหมือนน้ำ ตัวเราก็เหมือนดอกไม้
ต้องตัดกิเลสและสิ่ง เศร้าหมองออกถึงจะสามารถดูดซับสิ่งดีๆจากธรรมชาติได้”
อุบาสิกานั้นกล่าวขอบคุณ และหวังว่าจะมีโอกาสมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดบ้าง
   เพื่อที่จะได้ฟังเสียงระฆังยามทำวัตรเช้า ได้สวดมนต์ และได้ใช้ชีวิตอย่างสงบในวัด
พระอาจารย์กล่าวต่อว่า “กายของเจ้าเปรียบได้ดั่งวัด ชีพจรดั่งเสียงระฆัง สองหูคือพุทธะ
ลมหายใจเป็นบทสวดมนต์ ทุกแห่งหนล้วนสุขสงบ ยังมีความจำเป็นใดต้องมาปฏิบัติธรรมในวัดอีก”

(http://2.bp.blogspot.com/-ge349u4Icb0/T_Wi1hZMQEI/AAAAAAAAFK4/bNbV4JVnv8I/s320/lotus%2B1.JPG)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 15:06:23


               (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c73.0.403.403/p403x403/561293_310515319020251_1153974197_n.jpg)

๒๗. ทางแห่งความสุข

มีอุบาสก 3 ท่านถามพระอาจารย์ว่า “นับถือศาสนาพุทธ
สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้จริงหรือ? แล้วทำไมพวกเรา นับถือพุทธมานาน ถึงยังไม่มีความสุข”
“พวกเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?” พระอาจารย์ถาม

คนที่หนึ่งตอบว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อจะไม่ตาย ความตายน่ากลัวเหลือเกิน ข้าพเจ้ายังไม่อยากตายดังนั้นจึงยังอยากมีชีวิตอยู่”
คนที่สองตอบว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อ ตอนนี้ที่ยังหนุ่มต้องขยันขันแข็ง เพื่อจะได้มั่งมีศรีสุขในตอนแก่”
คนที่สามตอบว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัว ไม่มีข้าพเจ้า พวกเขาคงจะอยู่ไม่ได้
ข้าพเจ้าเป็นเสาหลักของครอบครัว ขาดข้าพเจ้าไป ครอบครัวนี้ต้องล่มสลายเป็นแน่”

พระอาจารย์ตอบว่า “ทั้งวันพวกเจ้าคิดถึงแต่เรื่องความตาย ความแก่ ความบากบั่น จะมีความสุขได้อย่างไร?”
 พวกเจ้าควรคิดถึง หลักการ ความเชื่อมั่น หน้าที่ คิดเรื่องเหล่านี้ถึงจะมีความสุข”
เหล่าอุบาสกเชื่อครึ่งและไม่เชื่อครึ่ง พูดว่า “เรื่องเหล่านี้ พูดแล้วดูเหมือนง่าย
แต่ความจริงสิ่งเหล่านี้กินแทนข้าวได้หรือ?” ไม่มีข้าวกินแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร?”

“แล้วพวกเจ้าคิดว่ามีสิ่งใดถึงจะมีความสุข?”
คนที่หนึ่งตอบว่า “มีชื่อเสียงเกียรติยศก็จะมีทุกอย่าง ดังนั้นการมีชื่อเสียงจึงจะมีความสุข”
คนที่สองตอบว่า “ความรักเป็นสิ่งหอมหวานที่สุด มีความรัก ก็จะมีความสุข”
คนที่สามตอบว่า “เงินทองมีประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด มีเงินแล้ว ก็จะมีความสุข”

“ทำไมในโลกนี้ มีคนมากมายที่มีชื่อเสียง มีเงินทอง มีความรัก ถึงยังไม่มีความสุข ?” พระอาจารย์ถาม แล้วพูดต่อว่า
“เงินทองต้องนำมาทำทานบ้าง ถึงจะมีความสุข ความรักต้องรู้จักการให้ถึงจะมีความสุข
การมีชื่อเสียง ต้องรู้จักบริการและช่วยเหลือส่วนรวม ถึงจะมีความสุข
สิ่งเหล่านี้คือทางแห่งความสุขที่แท้จริง”

(http://4.bp.blogspot.com/_ks7s40OFQT8/TAGQPMn8NkI/AAAAAAAABAo/V3cmrDh0wSo/s320/1.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 15:24:14


            (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c0.0.403.403/p403x403/525750_534311359928242_1705966334_n.jpg)

๒๘. เพชรอยู่ที่หลังบ้านของเจ้า

มีชายคนหนึ่งนอนหลับแล้วฝันไปว่า มีภิกษุชรารูปหนึ่งมาบอกว่า ถ้าหากเจ้าหาเพชรได้เม็ดหนึ่ง
 ต่อไปเจ้าจะได้เพชรทั้งเหมือง เพชรอยู่ในหินทรายในคลอง

ตั้งแต่นั้นมา ในสมองของเขาจึงมีแต่เงาของเพชร เขาได้ขายทรัพย์สินของเขาทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเงิน
 หลังจากนั้นจึงออกเดินทางไปหาเส้นทางที่คิดว่ามีเพชร เดินทางฝ่าลมฝนอยู่ข้างนอกหลายปี ก็ยังไม่เจออะไร ที่สุดก็ท้อแท้สิ้นหวังจนฆ่าตัวตาย
คนที่ซื้อบ้านของเขา วันหนึ่งขณะที่ซักผ้าอยู่ในคลองหลังบ้าน เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมา ปรากฏว่า ผืนทรายแถวนั้นดูขาวโพลนไปหมด
       และในทรายนั้นมีบางอย่างส่องแสงสะท้อนออกมา เขาเลยขุดออกมาดู ที่แท้เป็นเพชรธรรมชาติ
เขาจึงเอาพลั่วและตะแกรง ตักทรายบริเวณนั้นมาจนหมด หลังจากที่ใช้ตะแกรงร่อนออกมา
 เพชรเม็ดเล็กเม็ดน้อยก็ปรากฏออกมา ส่องแสงแวววาววูบวาบ

เขาคิดในใจว่า “เจ้าของบ้านเดิมช่างแสนลำบากที่ต้องเดินทาง ออกไปหาเพชร ที่สุดก็ไม่ได้ ที่แท้เพชรก็อยู่ที่หลังบ้านของเขานั่นเอง
หลังจากนั้นเขาก็ได้นำเพชรเม็ดใหญ่หลายเม็ดไปถวายพระราชา พระราชาเลยแต่งตั้งให้เขาเป็นอำมาตย์ใหญ่
 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็มีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุข

(http://4.bp.blogspot.com/-duSkpK0jLf4/Tr3TskEvaEI/AAAAAAAAB2I/bJHjUTfI0to/s1600/661041874_e5c33918a0_o.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 15:37:46


                 (http://sphotos-e.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c142.0.403.403/p403x403/75140_339599016136379_1460911492_n.jpg)

๒๙. บินข้ามความเป็นความตาย

มีภิกษุรูปหนึ่งแม้จะขยันหมั่นบำเพ็ญภาวนาสักเพียงใด ก็ยังไม่อาจรู้แจ้งได้ ได้แต่มองดูรุ่นน้องที่เข้ามาปฏิบัติใหม่
 ก็ยังไปได้ก้าวหน้ากว่าตัวเอง ลองคิดๆดูแล้วตัวเองไม่มีคุณสมบัติของนักปฏิบัติธรรมเลย แค่จะให้จิตสงบยังทำไม่ได้
 สติปัญญาก็ไม่ว่องไว จนป่านนี้ยังหาทางเข้าประตูไม่ได้
 เลยคิดว่าจะลองไปธุดงค์เพื่อไปพบกับความลำบากดู เมื่อวางแผนจะเดินทางไกลเสร็จ ก็มาร่ำลาพระอาจารย์

“ศิษย์ช่างทำร้ายเมตตาจิตที่พระอาจารย์มีให้เหลือเกิน ตั้งแต่บวชมาอยู่ที่วัดนี้ถึง 10 ปี รู้สึกยังไม่ได้อะไรเลย
 ศิษย์ช่างไม่มีคุณสมบัติของนักบวชจริงๆ วันนี้มาลา ก็เพื่อจะแสวงหาเอาจากที่อื่น”
“ทำไมยังไม่รู้แจ้งก็จะไปหรือ? หรือว่าไปที่อื่นแล้วก็จะรู้แจ้ง”

ลูกศิษย์ตอบว่า “ศิษย์นอกจากกินข้าว และจำวัดแล้ว เวลาที่เหลือก็ตั้งใจฝึกอย่างที่สุด
แต่ก็ไม่ได้อะไร และเพื่อนนักบวชด้วยกัน ดูเหมือนจะไม่ได้คร่ำเคร่งอะไร แต่ก็ยังปฏิบัติได้ดีกว่า
ศิษย์จึงเกิดความรู้สึกท้อและเบื่อ เลยจะลองไปธุดงค์พบกับความลำบากบ้าง”

“การรู้ เป็นสิ่งที่หลั่งไหลออกมาจากจิตของตัวเอง เป็นสิ่งที่หาคำจำกัดความไม่ได้
และไม่สามารถจะให้กับผู้อื่นได้ และเมื่อไม่รู้ก็จะเร่งรีบเอาก็ไม่ได้ คนอื่นก็เป็นขอบข่ายการรู้ของผู้อื่น
 เจ้าบำเพ็ญภาวนาก็เป็นของเจ้า เป็นคนละเรื่องกัน เจ้าทำไมเอามารวมเป็นเรื่องเดียวกัน?”

“พระอาจารย์ไม่ทราบอะไร เมื่อศิษย์เปรียบตัวเองกับผู้อื่นแล้ว เหมือนกับ พญาเหยี่ยวกับนกกระจอกทันที”
“ใหญ่ยังไง และเล็กยังไง?” พระอาจารย์ถาม
“พญาเหยี่ยวกระพือปีกทีเดียว สามารถบินได้เป็นร้อยลี้ แต่ศิษย์ได้แต่บินอยู่รอบๆบริเวณนี้เท่านั้น”
พญาเหยี่ยวสามารถบินได้เป็นร้อยลี้ แต่มันบินข้ามความเป็นตายได้หรือเปล่า?”

(http://2.bp.blogspot.com/-ruiB-4PkCkU/T_3voEZG-wI/AAAAAAAAcn0/79bXj7fdIFg/s640/1.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤศจิกายน 2555 15:39:13


(http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/543163_496118097073191_691834604_n.jpg)

๓๐. สวรรค์-นรก

มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งถามพระอาจารย์ว่า “ข้าพเจ้าฝึกปฏิบัติธรรม มาก็หลายปีแต่ยังไม่รู้แจ้ง
โดยเฉพาะในคัมภีร์ที่พูดถึงเรื่องของนรกและสวรรค์ นอกจากโลกมนุษย์แล้วที่ไหนยังมี นรกและและสวรรค์อยู่อีกหรือ”

พระอาจารย์ไม่ตอบคำถาม แต่ให้ไปหิ้วน้ำจากลำธารมา 1 ถัง เมื่อหิ้วน้ำมาแล้ว พระอาจารย์สั่งให้เพ่งดูน้ำในถัง
 เผื่อจะได้เห็นสภาพในสวรรค์และนรก ลูกศิษย์รู้สึกแปลกใจ แต่ก็รีบเพ่งมองน้ำในถัง เพ่งไปสักพักก็ไม่เห็นอะไร
พระอาจารย์เลยกดหัวลงไปในถังนั้น ลูกศิษย์หายใจไม่ออกโวยวายดิ้นรนไปมา
ขณะที่กำลังจะหายใจไม่ออก พระอาจารย์ปล่อยมือ ลูกศิษย์กระหืดกระหอบ ต่อว่าพระอาจารย์ว่า

“ท่านนี่หยาบคายจริงๆ กดข้าพเจ้าลงไปในน้ำ รู้มั้ยว่าเจ็บปวดเหมือนกับอยู่ในนรก”
พระอาจารย์พูดเสียงเนิบๆต่อไปว่า“แล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไร”
“ตอนนี้รู้สึกหายใจสะดวก เหมือนกับอยู่บนสวรรค์”ลูกศิษย์ตอบ
“เหตุการณ์เมื่อกี้ เจ้าก็ท่องนรกแล้วก็ไปที่สวรรค์มาแล้ว ตอนนี้เชื่อหรือยังว่า นรก-สวรรค์มีอยู่จริง”

(http://i525.photobucket.com/albums/cc336/JeffreyTrips/AlexGreyOutlook.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:21:18


               (http://sphotos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c0.0.400.400/p403x403/524175_339180872828067_460027358_n.jpg)

๓๑. ผีเสื้อในฝัน

ช่วงเย็นของวันหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาตามลำพังอยู่ที่สนามหญ้าชานเมืองแห่งหนึ่ง
เขาไม่ได้เดินปล่อยอารมณ์อย่างนี้มานานแล้ว เพราะว่าไม่มีใครที่เข้าใจจิตใจจริงๆของเขาสักคน
 เขาจำเป็นต้องกดข่มอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน เพราะว่าวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะไม่ให้เขาจมปรักคิดถึงแต่เรื่องต่างๆของตัวเอง

เขานอนลงกับพื้นหญ้าและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางสูดดมความหอมของไอดินกลิ่นหญ้า
แล้วปล่อยอารมณ์อย่างเต็มที่ ไม่นานเขาก็เผลอหลับแล้วฝัน ในความฝัน เขาได้กลายเป็นผีเสื้อตัวหนึ่ง
 ที่มีปีกสีสวยงามตระการตา บินวนเวียนอยู่อย่างมีความสุขอยู่กลางสวนดอกไม้ ที่มีท้องฟ้าสีครามและ
มีเมฆขาวอยู่เบื้องบน และมีพื้นหญ้าที่นุ่มและเขียวชอุ่มอยู่เบื้องล่าง และมีสายลมพัดเอื่อยๆผ่านใบหลิว
มวลดอกไม้ต่างๆ ต่างแย่งกันอวดชูช่อและสีสัน คลื่นน้ำในสระพลิ้วไหวเป็นระลอกๆ ยามต้องลม
ชายหนุ่มนั้นดื่มด่ำมีความสุขอยู่กับความฝันนั้นจนลืมโลกลืมตัวเองไปจนหมดสิ้น

ฉับพลันนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมา เขาแบ่งแยกไม่ออกจริงๆว่าเมื่อกี้นั้นเป็นความจริงหรือความฝัน
และเมื่อเขารู้ตัวแล้วว่าเป็นความฝัน จึงพูดว่า “ข้าก็ยังคือข้า ผีเสื้อก็ยังคือผีเสื้อ”

กาลเวลาผ่านไป ในที่สุดเขาก็เริ่มรู้แล้วว่า ที่แท้ผีเสื้อที่มีปีกสีสวยงาม และบินวนเวียนอย่างมีความสุขนั้นคือตัวเขาเอง
และในขณะนี้เขาก็ยังเป็นเขาคนเดิม กับความเป็นตัวตนของตัวเองยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
 แต่ที่แตกต่างก็คือ ความรู้สึกนึกคิดเปลี่ยนไปจากเดิมทุกอย่างแล้ว

เขาได้เรียนรู้แล้วว่า ไม่ว่าสถานการณ์รอบตัวจะไม่ได้ดั่งใจแค่ไหน จะทุกข์สักเพียงไหน หากใจของเราไม่ไปทุกข์ด้วย
เราก็มีความสุขได้ และตัวเองก็สามารถจะทำจิตของตัวเองให้มีความสุขได้

(http://www.biogang.net/upload_img/blog/icon-blog-21591-94e1bad436d383d53f82cc7790827491.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:24:24


               (http://media.tumblr.com/tumblr_ma2h5lj59V1qb3h8t.jpg)

๓๒. ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ล้วนว่างเปล่า

อำมาตย์และนักประพันธ์ ซูตงพอ คบหากับพระอาจารย์ฝ๋อหยิ้นมานานแล้ว พวกเขาจะสนทนาธรรมและปฏิบัติธรรมด้วยกันเสมอ
วันหนึ่งขณะที่พระอาจารย์กำลังจะแสดงธรรม ซูตงพอซึ่งมาล่าช้าไปเพราะติดธุระ ขณะที่เขามาถึงที่แสดงธรรมปรากฏว่าผู้คนนั่งเต็มไปหมดแล้ว

ในขณะที่เขาสอดส่ายสายตาหาที่นั่งอยู่นั้น พระอาจารย์เห็นเข้าจึงทักว่า “ประสก มาล่าช้าไปเสียแล้ว ที่นี่ไม่มีที่นั่งสำหรับเจ้าเสียแล้ว”
ซูตงพอจึงตอบไปว่า “ที่นี่ไม่มีที่นั่ง งั้นก็ขอนั่งบนธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ของท่านแล้วกัน”
“ถ้าท่านตอบคำถามของอาตมาได้ อาตมาก็จะให้กายของอาตมาเป็นที่นั่งของท่าน ถ้าท่านตอบไม่ได้ ก็ขอให้ท่านนำหยกที่ติดกับเข็มขัดมาให้อาตมา”
ซูตงพอตอบอย่างไม่ต้องคิดก่อนว่า “ตกลง”

“ธาตุ ๔ ของอาตมาก็ว่างเปล่าอยู่แล้ว ขันธ์ ๕ ก็ไม่มี แล้วท่านนักปราชญ์จะนั่งตรงไหน” พระอาจารย์ถาม
ซูตงพออึกอักอยู่นานก็คิดอะไรไม่ออก ที่สุดก็ยอมแกะหยกที่ติดอยู่ที่เข็มขัดออก หยกชิ้นนั้นยังปรากฏอยู่ที่วัดจนถึงทุกวันนี้

(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcStDV5A9ItSblflMGXWXjA8Ru7SnnlZHLTp657G_v88Z8TKmA8MNg&t=1)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:27:14


(http://byfiles.storage.live.com/y1pn1AGlzl9YQDGUrqmzD2aTA44kGVcHZm4oNY-Z5x2wQMrICIy-_2IzFdWrmweyo_pNM4FcVJFnuM)

๑๓. สูงและไกล

ที่วัดเสือมังกร มีพระหลายรูปกำลังวาดรูป เสือกำลังต่อสู้กับมังกร ที่บริเวณ
กำแพงวัด ในรูปเป็นรูปมังกรกำลังม้วนตัวอยู่ในกลุ่มก้อนเมฆ
และกำลังม้วนตัวลงมาด้านล่าง ส่วนเสืออยู่บนภูเขาทำท่าจะกระโจนใส่มังกร

แม้ว่าจะผ่านการแก้ไปหลายครั้ง ก็ยังรู้สึกว่า ลักษณะท่าทางไม่สมบูรณ์เท่าไหร่
พอดีพระอาจารย์เดินผ่านมา เหล่าลูกศิษย์จึงขอให้พระอาจารย์ช่วยชี้แนะ

พระอาจารย์ดูแล้ว จึงพูดว่า “ลักษณะภายนอกของเสือและมังกร
ดูแล้วไม่เลว แต่ลักษณะเฉพาะตัวของพวกมัน
พวกเจ้ารู้บ้างหรือเปล่า?” ตอนนี้พวกเจ้าควรจะเข้าใจถึง
มังกรก่อนที่จะจู่โจม หัวต้องหดถอยไปด้านหลัง
ส่วนเสือเมื่อจะกระโจนออกไป หัวจะต้องก้มลงต่ำ
หัวของมังกรยิ่งหดถอยไปด้านหลังเท่าไหร่ หัวของเสือยิ่งต่ำติดดินเท่าไหร่
พวกมันจะบุกได้ยิ่งเร็วและสูง”

เหล่าลูกศิษย์รู้สึกดีใจที่ได้รับคำชี้แนะจากพระอาจารย์
“คำของอาจารย์สามารถชี้ให้ทะลุธรรมได้ พวกข้าพเจ้าไม่เพียงแต่
วาดหัวมังกรยื่นมาข้างหน้ามากเกินไป หัวของเสือก็สูงเกินไป
...........มิน่าถึงรู้สึกว่าท่าทางยังไงก็ดูไม่ถูกต้องเท่าไหร่”.............

พระอาจารย์ยังฉวยโอกาสแสดงธรรมต่อไปว่า “การจะทำอะไร
หรือจะบำเพ็ญภาวนาก็เหมือนกัน
การถอยหลัง 1 ก้าวเพื่อเตรียมตัว จะบุกไปได้ไกลกว่า
....การอ่อนน้อมถ่อมตนรู้สำนึกในตัวเองถึงจะไปได้สูง”....

เหล่าลูกศิษย์ไม่เข้าใจ ถามว่า
“คนถอยหลังจะไปหน้าได้อย่างไร คนอ่อนน้อมถ่อมตนจะไปได้สูงยังไง”
พระอาจารย์เลยพูดเป็นโศลกว่า

นำต้นกล้าไปปลูกทั่วแปลงนา
ก้มหน้าลงไปย่อมเห็นฟ้าในน้ำ
กายใจที่ใสสะอาดถึงจะเป็นมรรคปฏิปทา
ที่แท้การถอยหลังคือการก้าวไปหน้า
(http://namaha.files.wordpress.com/2009/04/tiger-thirst.jpg?w=400&h=340)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:29:59


               (http://noknoi.com/board_pics/PB_1_13213.jpg)

๓๔. หาร่มด้วยตัวเอง

มีอุบาสกท่านหนึ่ง ยืนหลบฝนอยู่ในชายคาบ้าน เห็นพระอาจารย์ท่านหนึ่งเดินกางร่มผ่านมา
อุบาสก : พระอาจารย์ โปรดฉุดช่วยผู้คน พาข้าพเจ้าไปฝั่งนั้นด้วยเถอะ ( พ้นจากวัฏสงสาร )

 พระอาจารย์ : อาตมาอยู่กลางฝน เจ้าอยู่ในชายคา ในชายคาไม่มีฝน เจ้าไม่จำเป็นต้องให้อาตมาฉุดช่วย
อุบาสกนั้นรีบออกมาจากชายคา มายืนอยู่กลางฝน
อุบาสก : ตอนนี้ข้าพเจ้าก็อยู่กลางฝนแล้ว ควรจะช่วยได้แล้วกระมัง?

 พระอาจารย์ : อาตมาก็อยู่กลางฝน เจ้าก็อยู่กลางฝน
อาตมาไม่โดนฝน เพราะมีร่มกันฝน
แต่เจ้าโดนฝน เพราะไม่มีร่ม
ดังนั้นไม่ใช่อาตมาฉุดช่วยเจ้า
แต่เป็นร่มช่วยอาตมา ถ้าเจ้าต้องการมีคนมาฉุดช่วย
ไม่จำเป็นต้องหาอาตมา โปรดหาร่มด้วยตัวเอง

(http://25.media.tumblr.com/tumblr_m7q8r87Xa11rtg8i8o1_500.gif)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:33:18


              (http://pds.exblog.jp/pds/1/201210/18/15/d0207515_22415987.jpg)

๓๕. ก้าวพ้น

ทุกๆคืนพระอาจารย์ท่านหนึ่งจะไปที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง เพื่อไปนั่งสมาธิวิปัสสนา
มีวัยรุ่นเกเรกลุ่มหนึ่งแอบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ตามทางที่พระอาจารย์จะต้องผ่าน
เมื่อพระอาจารย์เดินผ่านจึงยื่นมือลงมา แล้วจับหัวของพระอาจารย์ไว้

วัยรุ่นนั้นนึกว่าพระอาจารย์ท่านนั้นจะต้องตกใจกลัวจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง
แต่พระอาจารย์กลับอยู่นิ่งๆไม่ขยับตัว ปล่อยให้วัยรุ่นนั้นจับตามสบาย
แต่วัยรุ่นนั้นกลับตกใจเสียเอง นึกว่าเป็นผี เพราะเห็นไม่เคลื่อนไหว
รีบหดมือกลับไป พระอาจารย์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินจากไป

รุ่งเช้าวัยรุ่นกลุ่มนั้นได้ไปหาพระอาจารย์ท่านนั้นที่วัด แล้วพูดกับพระอาจารย์ว่า
“ได้ข่าวว่า เมื่อคืนนี้มีผีอาละวาดอยู่แถวๆละแวกนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องเช่นนี้
เกิดขึ้นจริงหรือเปล่าครับ?” “ไม่เห็นมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเลย”พระอาจารย์ตอบ
“ใช่หรือ? แต่พวกเราได้ข่าวว่า มีคนเดินผ่านแถวนี้แล้วโดนผีจับหัวไว้”

“นั่นไม่ใช่ผี แต่เป็นวัยรุ่นในหมู่บ้านนี่เอง”
“ทำไมท่านพูดอย่างนั้นล่ะ”
“เพราะว่า ผีไม่มีมือที่หนาและอุ่นอย่างนั้น”พระอาจารย์พูดต่ออีกว่า

“เมื่อจวนจะออกสนามรบแล้วไม่กลัวตาย เป็นความกล้าหาญของท่านนายพล
เมื่อจะเข้าป่าแล้วไม่กลัวเสือ เป็นความกล้าของนายพราน
เมื่อจะลงน้ำไม่กลัวมังกร เป็นความกล้าของชาวประมง”

แล้วความกล้าของพระภิกษุคืออะไร? กลุ่มวัยรุ่นนั้นถาม
"คือ “รู้” คำเดียวเท่านั้น
แม้แต่ความเกิดตายยังก้าวพ้นไปได้ แล้วยังจะมีความกลัวอยู่อีกหรือ?”

(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/400828_269578943158952_1281673244_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:35:47


   (http://3.bp.blogspot.com/-CN5d2PqpPcY/Ti4liRlzt1I/AAAAAAAAAWQ/-TBLVIX4wVI/s1600/light-in-darkness.jpg)

๓๖. ความหมายของชีวิต

มีชายหนุ่มคนหนึ่งไปเยี่ยมคารวะพระอาจารย์ท่านหนึ่ง หลังจากไต่ถามทุกข์
สุขแล้ว ชายหนุ่มก็ถามขึ้นว่า “จิตเดิมแท้คืออะไร?”

ปัญหานี้แท้จริงแล้วตอบได้ยาก พระอาจารย์เลยนึกถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้ว่า
ช่วงเย็นๆของวันหนึ่ง ท่านได้เห็นสตรีที่กำลังมีครรภ์คนหนึ่ง กำลังแบกตระกร้า
ใบหนึ่งเดินผ่านไป สวมใส่เสื้อผ้าที่เก่าๆขาดๆ ที่ขาเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน
ตระกร้านั้นคงจะหนักจนทำให้หลังของหญิงคนนั้นต้องงอลงไป มือซ้ายของหล่อน
จูงเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่ง มือขวาอุ้มทารกไว้ในห่อผ้า กำลังเร่งรีบเดินทางอยู่

                (http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c0.0.400.400/p403x403/74827_391874880885966_1893584662_n.jpg)

พระอาจารย์นึกว่าชีวิตที่ลำบากลำเค็ญของหญิงคนนั้น คงจะทำให้หล่อนไม่สามารถ
แบกรับได้ไหว แต่ว่าที่ใบหน้าของหล่อนกลับผ่องใสดั่งแสงจันทร์ที่แฝงไว้ด้วย
รอยยิ้มอันอบอุ่น

หล่อนเป็นเพียงหญิงธรรมดาสามัญ ต้องลำบากดิ้นรนเพื่อชีวิตและความเป็นอยู่
แต่หล่อนรู้ถึงชีวิตของตัวเองต้องการแสวงหาอะไร? ดังนั้นหล่อนจึงไม่รู้สึกว่าตัว
เองลำบากอะไร และยังรู้สึกว่าตัวเองมีความสุข

คิดมาถึงตรงนี้ ทำให้พระอาจารย์เข้าใจถึงคำว่า อะไรคือจิตเดิมแท้ ท่านจึงเรียก
ชื่อชายหนุ่ม “ครับ” ชายหนุ่มนั้นรับคำพร้อมยกสองมือขึ้นมาคำนับ“คนที่ตอบ
รับข้าเป็นเพียงเปลือกของร่างกาย แต่ไม่ใช่ชีวิตที่สว่างใส”พระอาจารย์ตอบ

ชายหนุ่มคนนั้นก้มหน้าแล้วคิดในใจว่า “มีแต่กายนี้ที่มีปากมีลิ้นถึงจะตอบรับ
คำพระอาจารย์ได้ ชีวิตที่สว่างใสไหนเลยจะมีปากและลิ้น”

“จะตอบหรือไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่สำคัญที่ตัวเองต้องรู้สึกตัว ต้องเข้าใจถึงจุดมุ่ง
หมาย อย่าทำให้ความหมายของชีวิตต้องผิดพลาด จนทำให้ลักษณะทิศทางของ
การดำเนินชีวิตต้องผิดพลาด จนทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นทาสของชีวิต”
พระอาจารย์กล่าวต่อ

(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/c0.0.403.403/p403x403/261973_273359319447212_1180141591_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:40:21


                (http://www.keepsy.com/gallery/bindyboo/3.jpg)

๓๗. รสชาติของมะระ

ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งกำลังจะไปแสวงบุญตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
พระอาจารย์นำมะระมาลูกหนึ่ง แล้วพูดกับลูกศิษย์ว่า
“พวกเจ้านำมะระนี้ติดตัวไป และจำไว้ ทุกครั้งเมื่อผ่านแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์
ให้นำมะระนี้ลงไปแช่ด้วย และเมื่อทำการบูชาถวายเครื่องสักการะ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้นำมะระนี้รวมลงไปเซ่นไหว้ด้วย”

ทุกครั้งที่ผ่านแม่น้ำหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหล่าลูกศิษย์ก็ทำตามที่พระ
อาจารย์สั่ง เมื่อกลับมาถึงวัด พระอาจารย์จึงสั่งให้นำมะระนั้นไปปรุงเป็นอาหาร

เมื่อถึงเวลาฉัน พระอาจารย์ฉันมะระลงไปหนึ่งคำ แล้วพูดขึ้นว่า
“แปลกจริงๆ มะระลูกนี้ผ่านพิธีกรรมจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตั้งหลายแห่ง
ทำไมถึงยังไม่ได้กลายเป็นรสหวาน”


(http://www.listofimages.com/wp-content/uploads/2012/02/falling-sky-beautiful-cgi-digital-ocean-sea-sky-550x309.jpg)

๓๘. “เซน”เหมือนอะไร
พระอาจารย์ท่านหนึ่งเล่านิทานให้เหล่าลูกศิษย์ฟังว่า
ชายผู้หนึ่งเป็นขโมยอาชีพ ลูกของเขาพูดกับเขาว่า “ พ่อ พ่อก็อายุมากแล้ว
ถึงเวลาที่ควรจะถ่ายทอดวิชาขโมยให้ลูกได้แล้ว เพราะถ้าขโมยไม่เป็น
ต่อไปลูกจะดำรงชีวิตอย่างไร”

พ่อไม่ปฏิเสธ และรับปากจะสอนให้ คืนนั้นพ่อเลยพาไปขโมยของที่บ้านเศรษฐี
ท่านหนึ่ง เมื่อเข้าไปในบ้านได้แล้ว จึงใช้กุญแจผีเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วเรียกลูกเข้า
ไปในตู้นั้น เมื่อลูกเข้าไปในตู้แล้ว ผู้เป็นพ่อก็ปิดล็อกตู้ แล้วตะโกนว่า
“มีขโมย มีขโมย” ตะโกนแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านไป

เมื่อคนในบ้านได้ยินว่ามีขโมยจึงเที่ยวหาจนทั่วว่าขโมยอยู่ไหน และสำรวจดู
ทรัพย์สินก็ไม่เห็นมีอะไรสูญหาย จึงพากันจะเข้านอน ร้อนถึงขโมยที่อยู่ในตู้
ไม่รู้ว่าทำยังไงถึงจะออกไปได้ แล้วเขาก็คิดอะไรออกมาได้ จึงทำเสียงร้อง
เหมือนหนูที่กำลังกัดเสื้อผ้า สักประเดี๋ยวคุณผู้หญิงของบ้านก็สั่งให้คนรับใช้
นำตะเกียงมา เมื่อคนรับใช้เปิดประตูตู้ออกมา ขโมยรีบออกจากตู้แล้วผลัก
คนรับใช้ล้มลง พร้อมเป่าตะเกียงจนดับ แล้ววิ่งหนีออกไป

เศรษฐีเจ้าของบ้านรีบสั่งให้บ่าวไพร่ ไล่ตามจับขโมย เมื่อตามมาถึงริมแม่น้ำ
ถึงเวลาวิกฤติ ขโมยนั้นนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงโยนก้อนหินก้อนใหญ่ลงไปในน้ำ
ส่วนตัวเองก็แอบหลบไว้ แล้วก็ได้ยินเสียงคนพูดว่า “น่าสงสาร ขโมยหมด
หนทางต้องกระโดดลงน้ำไปแล้ว”

เมื่อขโมยผู้เป็นลูกกลับมาถึงบ้าน เห็นพ่อกำลังดื่มเหล้าอยู่ จึงต่อว่าพ่อไม่น่าจะ
ขังลูกไว้ในตู้ ผู้เป็นพ่อจึงถามถึงเหตุการณ์ที่พาตัวรอดกลับมาได้ ผู้เป็นพ่อดีใจมาก
แล้วพูดว่า “ต่อไปเจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีข้าวกินแล้ว”

เมื่อเล่านิทานจบ พระอาจารย์พูดกับเหล่าลูกศิษย์ว่า “เซน”ก็เหมือนขโมย
ผู้เป็นลูก สามารถที่จะหาทางออกได้ เมื่อหมดหนทาง นั่นแหละคือ”เซน

(https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcR-vDfL3WHW79CRZXZrXV6HZmNyRl5p0JmZyq6lymru3OuNJSPqrkSZLQ)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 13:43:46


                 (https://lh5.googleusercontent.com/-roicAthPsro/T-g4QGMAQiI/AAAAAAAAUA4/eIzpWOd3LaM/www.myphamkhanhvan.vn+1561.jpg)

๓๙. หอมกลิ่นเบญจมาศทั้งหมู่บ้าน

พระอาจารย์ท่านหนึ่งปลูกต้นเบญจมาศไว้หนึ่งกอภายในวัด
เมื่อผ่านไปสามปีภายในบริเวณวัดก็มีต้นเบญจมาศบานสะพรั่งทั่วไปหมด
และกลิ่นหอมของดอกเหล่านี้หอมอบอวลไปจนถึงหมู่บ้านใกล้ๆ
ผู้คนที่มาวัดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นดอกไม้ที่สวยจริงๆ”

                      (http://uc.exteenblog.com/bowchan/images/chrysanthemum2.jpg)

วันหนึ่งมีผู้มาขอพระอาจารย์เพื่อนำไปปลูกที่บ้าน พระอาจารย์อนุญาตพร้อมกับ
แยกหน่อที่สมบูรณ์ให้ด้วยตัวเอง เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ก็มีผู้มาขอไปไม่
ขาดสาย พระอาจารย์รู้สึกว่าผู้ที่มาขอ ล้วนแต่มาขอด้วยใจรักต้นไม้และชมชอบ
ดอกไม้ทั้งนั้น ไม่นานดอกในบริเวณวัดก็ถูกขอไปจนหมดสิ้น

เมื่อไม่มีดอกไม้บริเวณวัดก็เงียบเหงาดั่งขาดแสงอาทิตย์ เหล่าลูกศิษย์ต่างพูดว่า
“เสียดายจริงๆ ปกติบริเวณนี้จะมีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว”
พระอาจารย์บอกว่า “พวกเจ้าลองคิดดูซิ เมื่อสามปีผ่านไปทั้งหมู่บ้านใกล้ๆนี้จะ
มีกลิ่นหอมของดอกเบญจมาศอบอวลไปทั้งหมู่บ้านมิเป็นการดีหรอกหรือ?”
(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTN-E-winKTOrL6trWYhAy35t5wvS6Uxg229_zJ0HrLFCIQz-R--mN2u_4) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQXPnkXDKcVYgtruQBsU1hXYb8oCBW4aCPKhm7l6v3-asxwxjhKl2lGY-g)
“หอมอบอวลไปทั้งหมู่บ้าน” เหล่าลูกศิษย์อุทาน พร้อมกับเกิดความรู้สึกอบอุ่น
ขึ้นมาในจิต และเห็นรอยยิ้มของพระอาจารย์ที่ดูสว่างไสวยิ่งกว่าดอกเบญจมาศ
ทั้งปวง

พระอาจารย์พูดต่อว่า “พวกเราควรแบ่งปันสิ่งดีๆให้ผู้อื่นได้มีได้ใช้เหมือนๆกับเรา
ให้ทุกคนได้มีความสุขเหมือนๆกับเรา แม้ว่าตัวเองจะไม่เหลืออะไรอีกเลย
แต่ในจิตของเราก็มีความสุขได้เหมือนกัน นี่คือความสุขที่เราควรจะมีอย่างแท้จริง

(https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQt90qzXWRDb1u7ZZgKc3U8SAC4qOP04f80kYn7OLMLRqmA-cAWTSlzmA)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 14:16:11


          (http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/534544_501189473234459_1186558751_n.jpg)

๔๐. งอกงามกับแห้งเหี่ยว

พระอาจารย์ท่านหนึ่งมีลูกศิษย์สองคน วันหนึ่งขณะที่ศิษย์และอาจารย์
เดินขึ้นเขาเพื่อไปนั่งสมาธิวิปัสสนา พระอาจารย์เหลือบไปเห็นต้นไม้
ต้นหนึ่งเจริญเติบโตงอกงามเป็นต้นใหญ่โตมีใบดกเป็นพุ่มหนา
ส่วนอีกต้นหนึ่ง กลับยืนแห้งตายซากอยู่ข้างๆ พระอาจารย์จึงถามว่า

“ต้นที่งอกงามดี ? หรือว่า ต้นที่แห้งตายซากดี?”
“ต้นที่ใบดกหนาเป็นพุ่มดีกว่า” ศิษย์คนหนึ่งตอบ
“ต้นที่แห้งตายซากดีกว่า” ศิษย์อีกคนตอบ

บังเอิญขณะนั้น เณรน้อยเดินขึ้นมาสมทบพอดี พระอาจารย์จึงถามว่า
“เจ้าว่าต้นที่ใบดกหนาดี หรือว่า ต้นที่ตายซากดี”
“ต้นที่มีใบดกหนาก็ปล่อยให้ดกหนาไป ต้นที่ตายซากก็ปล่อยให้มันตายซากไป”

พระอาจารย์กล่าวต่อว่า “ต้นที่มีใบดกหนาก็ย่อมจะมีที่มาและเหตุปัจจัยของมัน
ต้นที่ตายซากก็ย่อมจะมีเหตุปัจจัยเช่นกัน

ปกติสิ่งที่พวกเราเห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกนี้เช่น ถูกหรือผิด บุญกุศลอกุศล
และอะไรอีกต่างๆนานาก็เป็นการเรียนรู้จากสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการหยุดอยู่แค่ในขอบเขตของการแบ่งแยก
แต่เณรน้อยสามารถจะมองเห็นสิ่งที่แปลกแยกกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีการแบ่งแยก

(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/527522_499590296727710_363181823_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 พฤศจิกายน 2555 14:48:29


               (http://farm9.staticflickr.com/8427/7872351032_aff1af60fa.jpg)

๔๑. ตลอดทั้งตัวก็เป็นตา

พระศิษย์น้องท่านหนึ่งถามพระศิษย์พี่ว่า “พระโพธิสัตว์กวนอิมมีพันมือ
พันตา ตาดวงไหนเป็นตาที่แท้จริง?”

“เหมือนกับในเวลากลางคืนที่ท่านนอนหลับอยู่แล้วหมอนตกลงไปที่พื้น
แล้วท่านไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แล้วยื่นมือลงไปหยิบหมอนก็หยิบขึ้นมาได้
แล้วก็นอนหลับต่อไป ขอถามหน่อยท่านใช้ตาอะไรไปหยิบ?”

พระรูปนั้นตอบว่า “โอ้ ศิษย์พี่ ข้าเข้าใจแล้ว”
“เจ้าเข้าใจอะไร?”
“ทั่วทั้งตัวก็เป็นตา”
“เจ้าเข้าใจเพียงแปดส่วน”
“แล้วควรจะพูดอย่างไร?”
“ ทั่วทั้งตัวก็เป็นตา”เป็นการใช้ความแปลกแยกไปเรียนรู้

“ตลอดตั้งตัวก็เป็นตา”เป็นการใช้ความรู้สึกไปแบ่งแยก ปัญญาก็จะแสดงออกมา
พวกเรามีจิตที่เป็นตาตลอดทั่วลำตัว ทำไมไม่ใช่ความรู้ทั่วนี้ไปมองดูสิ่งต่างๆ

(http://travel.sanook.com/story_picture/m/09157_004.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:01:10


                (http://farm9.staticflickr.com/8037/7962925020_f51fa60a70.jpg)

๔๒. มะเขือเทศกับคางคก

มีภิกษุรูปหนึ่งเป็นคนเคร่งครัดรักษาศีลมาก ไม่ยอมผิดศีลแม้แต่นิดเดียว
วันหนึ่งมีธุระลงไปจากเขา ขากลับก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด
ขณะที่เดินผ่านสระน้ำแห่งหนึ่ง รู้สึกที่เท้าได้เหยียบอะไรนิ่มๆ แล้วก็มีเสียงดัง
ขึ้นมาเสียงหนึ่งแล้วเงียบหายไป

เหมือนกับได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของอะไรสักอย่าง พระรูปนั้นคิดในใจว่า
“ตายแล้ว หรือว่าไปเหยียบคางคกตายเสียแล้ว รู้สึกนิ่มๆ มีเสียงร้องด้วย ไม่แน่
คางคกนั้นอาจตั้งท้องด้วย นี่ เรามิฆ่าสัตว์ทีเดียวไปตั้งหลายตัวหรือ?”
พระรูปนั้นยิ่งคิดยิ่งกลัว นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ยากที่จะข่มตาหลับลงได้

ขณะที่กำลังเคลิ้มๆจะหลับ รู้สึกเหมือนกับจะเห็นคางคกนับร้อยมาทวงขอชีวิต
พระนั้นตกใจจนเหงื่อตกเต็มตัว ร้องเสียงดังจนตกใจตื่น จึงรู้ว่านั้นเป็นเพียงความฝัน

นอนคิดวิตกต่อไปทั้งคืน ครั้นพอถึงรุ่งเช้า พระรูปนั้นรีบไปที่สระน้ำเมื่อคืน
ไม่เห็นมีคางคกที่ไหนตาย มีเพียงมะเขือเทศที่โดนเหยียบจนแบน พระรูปนั้นถอนใจอย่างโล่งงอก รู้สึกเบาใจขึ้น

(http://farm8.staticflickr.com/7236/7195075562_ceffa0e60d_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:03:29


                (http://www.pravda.lutsk.ua/imgsize.php?src=/abton/spaw2/uploads/images/news/45233_1.jpg&h=384&w=480&zc=1)

๔๓. ชื่อกับโชคชะตา

มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งมีพระลูกศิษย์ในวัดถึง 500 รูป หนึ่งในจำนวนนั้น
มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งชื่อ ผู้ร้าย พระรูปนั้นคิดจะให้พระอาจารย์เปลี่ยนชื่อดีๆ
ให้เขาสักชื่อ แต่พระอาจารย์ให้เขาไปหาชื่อดีๆจากข้างนอก ดังนั้นเขาเลย
เดินไปตามถนนและตามตรอกซอกซอย

ครั้งหนึ่ง พระรูปนั้นเห็นบรรดาญาติพี่น้องที่เดินไปตามขบวนแห่ศพ เขาเลย
เดินไปถามว่า “ผู้ตายชื่ออะไร?” ญาติผู้ตายตอบว่า “ชื่อ มีชีวิต”
เขาฟังแล้ว ส่ายหัวไปมาแล้วถามว่า “ชื่อ มีชีวิต แล้วทำไมถึงไม่มีชีวิตแล้ว?”
ญาติผู้ตาย หัวเราะแล้วพูดว่า “มีชื่อว่า มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์
อย่างหนึ่ง คนจะหลีกเลี่ยงความตายไม่ได้ ท่านทำไมถึงเลอะเลือนอย่างนี้”

พระรูปนั้นเดินไปคิดไป จนผ่านบริเวณบ้านของเศรษฐีท่านหนึ่ง เห็นหน้าบ้านนั้นมี
สาวใช้คุกเข่าอยู่ เศรษฐีท่านนั้นกำลังใช้แส้ตีสาวใช้นั้น จึงรุดเข้าไปถามว่า
“ท่านตีนางทำไม?” เศรษฐีนั้นตอบด้วยความฉุนเฉียวว่า “นางยืมเงินข้าไปแล้ว
ไม่ใช้คืน ข้าไม่สมควรเฆี่ยนนางหรือ?” พระรูปนั้นถามว่า “สาวใช้นางนี้ชื่ออะไร?”
“ชื่อหยกล้ำค่า” “ชื่อหยกล้ำค่า ชื่อนี้เป็นมงคลอย่างยิ่ง ทำไมถึงไม่มีเงินใช้หนี้
แล้วยังจะต้องถูกเฆี่ยนอีก?” เศรษฐีท่านนั้นฟังแล้วรู้สึกขำพูดว่า “ชื่อว่าหยกล้ำค่า
แล้วเป็นยังไง? หล่อนก็ยังเป็นแค่สาวใช้ ชื่อคนเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ที่ใช้
ไม่เห็นเกี่ยวกับใช้หนี้หรือไม่ใช้หนี้” พระรูปนั้นฟังแล้วจึงคิดตัดสินใจจะกลับวัด

ขณะที่กำลังจะเดินกลับวัด พบคนเดินหลงทางคนหนึ่ง จึงถามว่า “ท่านชื่ออะไร?”
ชายนั้นตอบว่า “ชื่อ ชี้เหนือ “ พระรูปนั้นรู้สึกแปลกใจ ถามว่า “ชื่อเจ้าหมายถึง
ชี้ไปทางทิศเหนือ ทำไมถึงยังหลงทาง?” คนหลงทางนั้นหัวเราเสียงดังลั่นแล้วพูดว่า
“ชื่อคนเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น ชื่อว่า ชี้เหนือก็จะทำให้ไม่หลงทางกระนั้นหรือ?”

สุดท้ายพระรูปนั้นก็ได้ละทิ้งที่จะยึดถือหรือคิดไม่ดีกับเรื่องชื่อของตัวเอง
เมื่อกลับมาถึงที่วัด พระอาจารย์ถามว่า “เจ้าหาชื่อที่ถูกใจได้แล้วหรือยัง?”
พระรูปนั้นตอบอย่างได้สำนึกแล้วว่า “ศิษย์จะไม่ตามหาชื่ออีกแล้ว
ศิษย์ยังคงจะใช้ชื่อเดิมดีกว่า ชื่อเป็นเพียงแค่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น”

(https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTHO8KFQ3TQLALcDEJtrYcfVec-D_yB38lVAUoqycS1EkT9qdIe9pDUXA)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:06:41


              (http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c0.0.403.403/p403x403/598847_499514406735299_1133199326_n.jpg)

๔๔. พุทธะคือตัวเจ้าเอง

มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาหาท่านเว่ยหล่าง ท่านเว่ยหล่างมองดูจากลักษณะ
ท่าทางก็รู้ว่า เป็นหน่อเนื้อเชื้อสายพุทธะ จึงถามว่า
“เจ้ามาจากไหน”
“มาจากเจ๋อจง”

ท่านเว่ยหล่างถามต่อว่า
“ชีวิตของเจ้าอยู่ที่ไหน”
“ชีวิตหรือ ข้าพเจ้าลืมมันไปตั้งนานแล้ว” ชายหนุ่มตอบ
ท่านเว่ยหล่างรู้สึกชมชอบอยู่ในใจ จึงถามต่อว่า
“ที่มานี้ มีธุระอะไร”
”สิ่งต่างๆที่มีอยู่ในโลกล้วนแต่เป็นขยะ ไม่มีที่ใดที่ข้าพเจ้าจะอยู่รวมลงไปได้
ขอให้อาจารย์รับข้าพเจ้าเป็นศิษย์เถอะ” ชายหนุ่มตอบ

หลังจากบวชผ่านไป 40 พรรษา มีคนถามพระนั้นว่า
“ทำยังไงถึงจะเป็นพุทธะ”
“ปล่อยวาง ลืมให้หมด”
“ทำอย่างไรถึงจะลืม รูป และ ตัวเรา ของเรา”
“ก้าวพ้นออกมาให้ได้ ปราศจากโมหะ ไม่โลภอยากได้”

“พุทธะคืออะไร”
“พุทธะคือการกระทำ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้า รวมทั้งคำพูด ความคิด
พุทธะคือตัวเจ้าเอง”

(http://teamesports.com/wp-content/uploads/2012/10/shadow-isles-patch-is-now-live_-nvts_0-300x170.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:09:33


                 (http://sun-tree.net/sunrise/trips/dl/dl101.jpg)

๔๕. ความหอมก็เป็นเซน

นักกลอนท่านหนึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์เซนท่านหนึ่ง
วันหนึ่งทั้งสองเดินมาตามทางที่มี ดอกกุ้ยฮวา ขนาบอยู่สองข้างทาง
ดอกกุ้ยฮวากำลังบานสะพรั่ง และส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ

“กลิ่นหอมเข้มข้นของดอกเหล่านี้ เจ้าได้กลิ่นหรือเปล่า?” พระอาจารย์ถาม
“ได้กลิ่นแล้ว” นักกลอนนั้นตอบ
“เจ้าไม่ใช่เคยถามหรือว่า อะไรคือเซน”
ตอนนี้อาตมาเอาสิ่งที่ได้เห็นได้กลิ่น มาบอกเจ้าจนหมดแล้ว”

   (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRu6XRD1NOeCVUsbxXSktny5_agZ8YYTDXKoPsDd2KhHsy1I60lO-FVwIE) (https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRuf1uEf55xBRLRueXXbU6etat3oZuDgha7hntqU5CWY2gvWoN1_iruZg)

นักกลอนนั้นไม่เข้าใจว่าพระอาจารย์พูดอะไร แต่เมื่อส่งสายตามอง
ไปไกลๆ สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ จึงรู้ได้โดยฉับพลัน

เซนแท้จริงแล้ว ไม่ใช่แนวคิด ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเรา
         ภูเขา สายน้ำ ต้นไม้ใบหญ้า นก ปลา หนอน ล้วนแต่คือเซน
การรู้แจ้งผู้อื่นไม่สามารถจะทดแทนได้ และก็ไม่ใช่อาศัยคำพูดสอนธรรมะ
         ก็รู้แจ้งได้ รากฐานสำคัญที่สุด คือใช้ความรู้สึกและสำนึกด้วยตนเอง”

(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTyVw3rMNXtOaIpH8UpARlqVWbczCG4d6N8FVQWOttQDiNDGpsvW5iyh2A)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:12:00


               (http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/c0.112.403.403/p403x403/406772_502113986475341_1790338842_n.jpg)

๔๖. พระกับมาร

มีนักวาดที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ต้องการจะวาดภาพของพระและของมาร
แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า ลักษณะของพระและมารควรจะเป็นอย่างไร
และก็ไม่สามารถหาของจริงที่มาเป็นแบบอย่างได้ จึงยังลงมือวาดไม่ได้สักที

ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังไหว้พระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง บังเอิญเห็นภิกษุรูปหนึ่ง
มีรูปหน้าและจริยาวัตรที่งดงามยิ่งนัก ลักษณะและท่าทางอย่างนั้นช่างดึงดูด
ใจนักวาดเช่นเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงไปหาพระรูปนั้น และจ้างให้มาเป็นแบบ
ด้วยราคาที่สูงเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากเมื่อวาดภาพนั้นเสร็จ ภาพนั้นก็ได้กลายเป็นภาพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว
นักวาดนั้นกล่าวว่า “ตั้งแต่ที่ได้วาดภาพเป็นต้นมา ภาพนี้เป็นภาพที่ตนเองพอใจ
มากเป็นที่สุด เพราะใครๆที่มาเห็นภาพนี้ จะต้องนึกทันทีว่า นี่คือภาพพระพุทธที่
แท้จริง รูปร่างหน้าตา และลักษณะที่เปี่ยมล้นด้วยความสงบและมีเมตตา ทำให้ผู้
ที่ได้พบเห็นเกิดความพึงพอใจ และศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม

และก็เป็นเพราะภาพภาพนี้ ผู้คนไม่ได้เรียกเขาว่านักวาดเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้
ฉายาใหม่ว่า “ปรมาจารย์แห่งนักวาด”

ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง จึงคิดจะวาดรูปมารขึ้นมา แต่ก็เกิดปัญหาที่ว่าไม่รู้จะหาลักษณะ
ที่เป็นมารมาเป็นแบบได้จากที่ไหน? เขาเดินไปหาอยู่หลายที่ เพื่อจะหาคนที่มีลักษณะ
ดุร้ายโหดเหี้ยม แต่หาอย่างไรก็ไม่ถูกใจสักคน สุดท้ายก็ไปหาเจอในคุกแห่งหนึ่ง
นักวาดนั้นดีใจยิ่งนัก เพราะการจะไปหาคนๆหนึ่งที่หน้าเหมือนมารจริงๆนั้น
เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

เมื่อเขาเข้าไปเจรจากับนักโทษนั้น นักโทษนั้นร้องไห้คร่ำครวญออกมาว่า
“ทำไมเมื่อตอนที่จะวาดรูปพระ คนที่ท่านหาก็คือข้า ตอนที่จะวาดภาพมาร
คนที่ท่านหาก็ยังคงเป็นข้า เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าจากพระกลายเป็นมาร”

“เป็นไปได้อย่างไร? คนที่เป็นแบบให้ข้าวาดภาพพระ ลักษณะดีเลิศผิด
ผู้อื่น แต่เจ้าดูทีเดียวก็รู้แล้วว่า เหมือนลักษณะของมารอย่างแท้จริง
แล้วจะเป็นคนๆเดียวกันได้อย่างไร?”

คนคนนั้นพูดอย่างปวดร้าวใจ “ตั้งแต่ได้เงินก้อนใหญ่จากเจ้า ได้แต่ไปหา
ความรื่นเริงบันเทิงใจทุกวัน ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนเงินหมด แต่ความหลง
อยู่ในความมัวเมาเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมจะหยุดลงได้ยาก

ดังนั้นข้าจึงไปปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ ขอเพียงให้ได้เงิน ไม่ว่าเรื่องที่ทำจะ
เลวร้ายอย่างไรข้าก็ทำ ที่สุดก็กลายมาเป็นสภาพอย่างที่ท่านเห็น”

นักวาดเมื่อได้ฟังจนจบ รู้สึกสังเวชใจยิ่งนัก รู้สึกพรั่นพรึงถึงจริตนิสัย
ของคนเรา ที่สามารถถูกกิเลสลากจูงไปได้อย่างรวดเร็ว สภาพจิตของคนช่าง
อ่อนแอ พลังดึงดูดของกิเลสก็ช่างแข็งแกร่ง

ความเปลี่ยนแปลงของคนๆนี้ทั้งหมด ก็เป็นเพราะตัวเองที่ทำให้เกิดขึ้น
เข้าจึงละทิ้งพู่กัน แล้วไม่วาดรูปตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป

(http://distilleryimage7.s3.amazonaws.com/8652dc7e014b11e2a84922000a1e8bad_6.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:14:59


                 (http://sphotos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/c0.28.400.400/p403x403/269909_497004770319596_1790101953_n.jpg)

๔๗. บ้านที่มีหน้าต่าง 6 บาน

มีพระรูปหนึ่งถามพระอาจารย์ว่า “ทำไมไม่สามารถรู้จักตัวเองได้อย่างรวดเร็ว”?
“อาจารย์จะเปรียบเทียบให้เจ้าฟัง หากบ้านหลังหนึ่งมีหน้าต่าง 6 บาน ข้างในบ้าน
มีลิงที่ชอบกระโดดโลดเต้นไม่ยอมหยุด นอกหน้าต่างก็มีชะนีคอยตอบโต้อยู่ตลอดเวลา
เหมือนกัน ลิง 6 ตัว ชะนี 6 ตัว นัวเนียกันอยู่ จึงไม่ใช่ง่ายที่จะรู้จักตัวเองได้อย่างรวดเร็ว”

“แล้วถ้าลิงข้างในจะนอนหลับ แล้วชะนีด้านนอกยังอยากจะมาพบกับลิง
        แล้วจะทำอย่างไร ?”
เปรียบเสมือนในไร่นา เพื่อป้องกันนกกามากินพืชผลในไร่นา จึงสร้างหุ่นไล่กาขึ้นมา
        ดังนั้น จึงเปรียบดังหุ่นไล่กาที่คอยดูนกกา
        สรรพสิ่งที่มาวนเวียนหลอกอยู่รอบตัวก็จะเป็นอะไรไป”

(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c97.0.403.403/p403x403/66206_496989993654407_644860250_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:17:23


              (http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/c0.137.403.403/p403x403/409251_501379819882091_2017687942_n.jpg)

๔๘. บัวในตม

ที่ญี่ปุ่น ชนชั้นชาวนา เป็นชนชั้นที่สังคมดูถูกว่าเป็นชนชั้นต่ำ ไม่มีสิทธิ์
แม้แต่จะบวช พระหวูซานเกิดในตระกูลชาวนา แต่มีความมุ่งมั่นที่จะบวช
จึงปลอมตัวเป็นชนชั้นผู้ดีแล้วบวช

หลังออกบวชไปหลายปี จนได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วันหนึ่งขณะที่
กำลังทำพิธีสำคัญทางศาสนา มีผู้ยืนขึ้นมาชี้ด่าพระหวูซานว่า
“คนที่เกิดในตระกูลชั้นต่ำ ยังมาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส มันเรื่องอะไรกัน”

ทุกคนที่มาประกอบพิธีนึกไม่ถึงว่า จะเกิดเรื่องเช่นนี้ในพิธีสำคัญอย่างนี้
ต่างคนต่างนิ่งเงียบและตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในความเงียบจนเข็มตกลงมาที่พื้น
ยังได้ยินเสียงนั้น พระหวูซานพูดขึ้นว่า “บัวในตม”

คนที่อยู่ในพิธีทุกคนยอมรับว่า พระหวูซานพูดถูกต้อง คนที่ออกมาชี้หน้าพูดอะไรไม่ออก
พร้อมกับยอมรับและชื่นชมถึงการเข้าถึงธรรมของพระหวูซาน พิธีการจึงดำเนินต่อไป
พร้อมกับพระหวูซานได้รับความนับถือและศรัทธาจากผู้คนมากยิ่งขึ้น

(http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/c14.0.403.403/p403x403/319004_478971898809678_803329366_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:19:45


                (http://maxpark.com/static/u/photo/159933802/740_11660.jpg)

๔๙. ฝึกการรอคอย

มีชายหนุ่มคนหนึ่งไม่ว่าจะทำอะไรก็จะทำอย่างบุ่มบ่ามใจร้อนเร่งรีบ
ครั้งหนึ่งนัดกับหญิงคนรักไว้ เนื่องจากไปก่อนเวลานัด คนรักจึงยังไม่มา
เขายืนคอยอยู่ใต้ต้นไม้ถอนหายใจเฮือกๆ พลางบ่นในใจว่า “ทำไมแม้
แต่การมีนัดยังจะต้องรอคอย ทำอะไรก็ให้รู้สึกว่าไม่มีความสุข”

และเบื้องหน้าของเขาก็มีเซียนท่านหนึ่งปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขา พลางให้
นาฬิกาเรือนหนึ่งแก่เขา แล้วพูดว่า “เมื่อเจ้าอยากจะให้เวลาเดินเร็วขึ้น
เจ้าก็หมุนนาฬิกาให้เคลื่อนไหว แล้วเวลาจะเร็วขึ้นตามที่ต้องการ”

ชายหนุ่มคนนั้นดีใจมาก เขาหมุนนาฬิกาเร็วไปหนึ่งช่อง คนรักของเขา
ก็มาปรากฏตัวทันที เขาคิดในใจว่า “ถ้าตอนนี้แต่งงานได้ทันทีก็ดี”
เขาเลยหมุนนาฬิกาไปอีกนิด ก็ปรากฏพิธีแต่งงาน เขายืนเคียงคู่อยู่กับ
คนรัก พร้อมกับเสียงขับกล่อมของดนตรีและมีสุราอาหารพร้อมบริบูรณ์

เขาคิดต่อไปอีกว่า “ถ้าหากตอนนี้กำลังเคียงคู่อยู่ในห้องหอก็ดี”
เขาจึงหมุนนาฬิกาไปอีกนิด ในห้องหอจึงมีเพียงแต่พวกเขาสองคน
ความคิดและความหวังของเขาเกิดขึ้นไม่ยอมหยุด เขาจึงขยับนาฬิกาไป
เรื่อยๆ เมื่อได้บ้าน ก็อยากได้ลูก และพืชผลต่างเต็มท้องไร่

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็มาใกล้จะถึงจุดจบของชีวิต สิ่งต่างๆทีมาอย่าง
กระชั้นชิด ทำให้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะทำอะไรก็จะทำอย่างเร่งรีบ
ไม่ได้มีจิตใจที่จะรับรู้และสัมผัสความสุขและความดีงามของช่วงชีวิต
ก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วและถ้าหากสามารถย้อนวันเวลากลับไปใหม่
เขาจะต้องมีความอดทนที่จะรอคอยอะไรต่อมิอะไรได้

แต่มารู้สึกตอนนี้ ก็สายเสียแล้ว เพราะท่านเซียนพูดกับเขาแล้วว่า
นาฬิกานั้นสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างเดียวจะถอยหลังไม่ได้
เขาได้แต่นอนเสียใจและร้องไห้อยู่บนเตียง

แต่แล้วเขาก็ได้เห็นคนรักของเขาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา หน้าตาของคนรักก็ยังสวย
และสาวเหมือนเดิม รอบๆเขาก็ยังมีเสียงนกร้องและดอกไม้บานสะพรั่งสะพรั่ง
ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ทั้งยังมีลูกไก่ตัวเล็กๆเดินหาหนอนอยู่ไปมา เขาดีใจจนกระโดดขึ้นมา
จับมือของคนรักไว้ พลางพูดว่า
“ที่รัก การรอคอยเจ้าเป็นความสุขอย่างหนึ่งจริงๆ”

(http://sphotos-e.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/c0.0.403.403/p403x403/184998_496252220394851_1848329731_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:22:00


               (http://sphotos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c0.0.403.403/p403x403/576856_323860357710065_505387938_n.jpg)

๕๐. เหมือนลาหรือเหมือนพระ

กวงเหยิ่งเป็นคนฉลาดหลักแหลม ชอบอ่านหนังสือและบทกลอน
แม้จะเป็นฆราวาส แต่ก็ใฝ่ธรรมะ และชอบปฏิบัติธรรม

วันหนึ่งได้ไปเยี่ยมคารวะพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังท่านหนึ่ง
พระอาจารย์เห็นกวงเหยิ่งมาจึงถามว่า “เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
“มาเยี่ยมคารวะและถามไถ่ทุกข์สุข” กวงเหยิ่งตอบ
“ในเมื่อเจ้ามาถามทุกข์สุขอาจารย์ เจ้าเห็นอาจารย์หรือเปล่า?”
“ เห็นซี “ กวงเหยิ่งตอบ
“เจ้าเห็นอาจารย์เหมือน “ลา” หรือเปล่า?”
กวงเหยิ่งตอบว่า “ไม่เหมือนทั้งลา แต่ว่า ก็ไม่เหมือนพระ”
“เมื่อไม่เหมือนลา และไม่เหมือนพระ แล้วจะเหมือนอะไร?”

กวงเหยิ่งย้อนกลับไปว่า “ทำไมถึงจะต้องให้เหมือนอะไรสักอย่าง?
ถึงจะเหมือนลาหรือเหมือนพระ แล้วจะแตกต่างกันอย่างไร?
ถ้าอยากจะเหมือนอะไร คิดเอาเองแล้วกันว่าจะให้เหมือนอะไร”

พระอาจารย์ฟังแล้วรู้สึกทึ่ง คิดว่าเจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา แม้ว่าจะเป็นแค่
ฆราวาส แต่สามารถเข้าถึงหลักธรรมที่ลึกๆได้
ตามปกติเคยใช้คำถามเหล่านี้กับคนทั่วไป หลายสิบปีที่ผ่านไป ไม่มีใคร
ตอบคำถามได้เป็นที่น่าพอใจอย่างนี้ มีแต่เจ้าหมอนี้เท่านั้นที่ตอบได้
ครบถ้วนที่สุด คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

“อาจารย์ใช้คำถามนี้ถามคนมายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ไม่มีใครผ่านด่านนี้
ไปได้ มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ตอบได้ หายากจริงๆ เจ้าต้องขยันฝึกให้
ต่อเนื่องสม่ำเสมอ รักษาความความคิดที่ไม่มีทั้งปุถุชนหรืออริยชนไว้

(http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c6.0.403.403/p403x403/69784_496970483656358_1502879882_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 12:30:12


                (http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c67.0.403.403/p403x403/523809_337849302977837_1357938296_n.jpg)

๕๑. บทเรียนบทสุดท้ายของพระอาจารย์

ขณะที่เหล่าลูกศิษย์ที่กำลังรายล้อมพระอาจารย์ เพื่อรอพระอาจารย์พูดถึงเรื่อง
ชีวิตและจักรวาลอันลึกล้ำ พระอาจารย์ได้แต่หลับตานิ่งๆไม่พูดอะไร
แต่อยู่ๆก็ถามขึ้นว่า “ทำอย่างไรถึงจะกำจัดต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามที่รกร้างนั้นได้”
ลูกศิษย์รู้สึกผิดคาดที่นึกไม่ถึงว่าพระอาจารย์ทำไมถึงถามเรื่องง่ายๆอย่างนี้

ลูกศิษย์บางกลุ่มตอบว่า “ใช้ไฟเผาให้หมด”
บางกลุ่มก็ตอบว่า “ใช่พร้าฟันออกให้หมด”
บางกลุ่มก็ตอบว่า “ใช้ผงปูนโรยให้ทั่วก็ขจัดหญ้าให้หมดได้”
บางกลุ่มก็ตอบว่า “ต้องตัดรากถอนโคน ขุดออกให้หมด”

เมื่อฟังลูกศิษย์ตอบเสร็จ พระอาจารย์จึงพูดต่อว่า “พวกเจ้าทุกคนตอบได้ดี
ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจงแบ่งที่รกร้างเหล่านี้ออกเป็นส่วนๆ
แล้วใช้วิธีการต่างๆของพวกเจ้าที่จะกำจัดวัชพืชเหล่านั้น ปีหน้าเวลานี้
พวกเราค่อยมาพบกันที่นี่อีกครั้งหนึ่ง

หนึ่งปีผ่านไป ณ ที่เก่าเวลาเดิม เหล่าลูกศิษย์มารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง
แต่เวลานี้ไม่เห็นต้นหญ้าเหล่านั้นอีกแล้ว มีแต่ทุ่งรวงทองเหลืองอร่าม
ของเหล่าธัญพืชเต็มท้องทุ่ง

หนึ่งปีที่ผ่านไป เหล่าลูกศิษย์พยายามทุกวิถี
ทางที่จะกำจัดวัชพืชเหล่านั้น แต่ก็ใช้ไม่ได้สักวิธี มีอยู่วิธีเดียวที่ทำได้คือ
ปลูกธัญพืชให้เต็มท้องทุ่ง ซึ่งขณะนี้ธัญพืชเหล่านั้นกำลังให้ผลผลิตแล้ว

แต่ว่าพระอาจารย์ของพวกเขาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว และนั่นก็เป็นบทเรียน
บทสุดท้ายที่พระอาจารย์สอนไว้

(http://www.ichumphae.com/photopost/2012/zob8FkPB8C.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 ธันวาคม 2555 18:10:48


            (http://sphotos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c0.0.403.403/p403x403/150194_286454304796962_1053707331_n.jpg)

๕๒. หยดน้ำ

พระอาจารย์ท่านหนึ่งขณะที่จะอาบน้ำ น้ำที่ลูกศิษย์ผสมให้อาบร้อนเกินไป
จึงเรียกให้ลูกศิษย์นำน้ำเย็นมาเติม ลูกศิษย์เติมแล้วมีน้ำเหลือก็เททิ้งทันที

พระอาจารย์จึงบอกว่า “ เจ้าทำไมถึงเทน้ำทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
สิ่งต่างๆที่อยู่ในโลกนี้ย่อมมีประโยชน์อยู่ในตัวของมันเอง
เพียงแต่มีคุณค่า และราคาต่างกันเท่านั้น เจ้าทำไมถึงเทมันทิ้งไปอย่างง่ายดาย

แม้จะเป็นน้ำเพียงหยดเดียว หากเอาไปรดลงที่ต้นไม้ใบหญ้า
ไม่แต่ต้นไม้ใบหญ้าจะชอบ ตัวของน้ำเองก็ไม่เสียคุณค่าของตัวมันเอง
ทำไมต้องเททิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้จะเป็นน้ำเพียงหยดเดียว
แต่คุณค่าราคาของมันยิ่งใหญ่มหาศาล “

ศิษย์ฟังแล้วจึงเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง เลยตั้งชื่อตัวเองใหม่ว่า
“ พระหยดน้ำ “ ซึ่งต่อมากลายเป็นพระที่มีผู้เคารพนับถือมากรูปหนึ่ง

วันหนึ่งหลังจากที่ท่านเทศน์เสร็จแล้ว มีผู้ถามท่านว่า
“ ในโลกนี้สิ่งใดมีคุณงามความดีมากที่สุด “
“ หยดน้ำ “ พระหยดน้ำตอบ
“ ความว่างเปล่าสามารถห่อหุ้มสรรพสิ่ง อะไรสามารถหุ้มห่อความว่างเปล่า “
“ หยดน้ำ “

ตั้งแต่นั้นพระหยดน้ำ นำจิตกับหยดน้ำสมานรวมเป็นหนึ่ง
จิตห่อหุ้มความว่างเปล่า ภายในหยดน้ำก็มีความว่างเปล่าที่ไม่มีสิ้นสุด

        (http://kaitlan726.files.wordpress.com/2008/04/dew.jpg?w=224&h=300)



หัวข้อ: Re: ๕๓. เจ้าโทสะตั้งแต่เกิด @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 ธันวาคม 2555 11:43:28


(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/429264_328000177235088_18020858_n.jpg)

๕๓. เจ้าโทสะตั้งแต่เกิด

พระอาจารย์ท่านหนึ่ง เป็นพระที่เทศน์เก่งมาก ท่านเทศน์ด้วยธรรมะ
ที่ฟังง่ายและเข้าใจไม่ยาก และทุกครั้งที่เทศน์เสร็จแล้ว มักจะให้ผู้ฟัง
ซักถามปัญหาต่างๆ มีอุบาสกคนหนึ่งถามว่า

อุบาสก : “ ข้าพเจ้าเกิดมาก็เจ้าโทสะแล้ว โกรธง่าย ฉุนเฉียวง่าย
โมโหง่าย ทำยังไงถึงจะแก้ไขได้”
พระอาจารย์ : “ไหนเจ้าเอาอะไรที่ว่า “เกิดมาก็มี” มาให้ดูหน่อย
จะได้ช่วยแก้ไขให้”

อุบาสก : “ไม่ใช่ ตอนนี้ไม่มี แต่เมื่อเวลาที่เจอกับเรื่องต่างๆ ไอ้เจ้า
เกิดมาเจ้าโทสะถึงจะวิ่งออกมา”
พระอาจารย์ : “ถ้าตอนนี้ไม่มี ต้องเจอสิ่งที่มากระทบถึงจะมี ก็แปลว่า
เวลาเจ้ามีเรื่องกับคนอื่น เจ้าถึงสร้างมันขึ้นมา
แล้วก็บอกว่าเป็นมาตั้งแต่เกิด ยกเป็นความผิดของพ่อแม่
ดูช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ”

อุบาสกนั้นได้ฟังแล้วจึงเกิดความรู้ตัวขึ้นมาว่า “ความโกรธเป็นสิ่งที่จิตสร้าง
ขึ้นมาเอง ตั้งแต่นั้นจึงไม่โกรธอะไรง่ายๆอีก”

         (http://3.bp.blogspot.com/-4N6PeTk6_NU/TenQ79fokHI/AAAAAAAAJJ0/HqxpUI7zhfg/s320/grandkids%252C%2Bbirds%252C%2Byarn%2B002.jpg)



หัวข้อ: Re: ๕๔. มีตัวเราไว้ทำไม @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 ธันวาคม 2555 11:50:59


                 (http://www.toptenthailand.com/images/rank/r_9767.jpg)

๕๔. มีตัวเราไว้ทำไม

มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งเข้านิโรธสมาบัติไปหลายวัน จนเหล่าลูกศิษย์
นึกว่าท่านมรณภาพไปแล้ว เลยนำร่างของท่านไปเผา

ผ่านไปอีกหลายวันเมื่อท่านออกจากนิโรธสมาบัติ ท่านหาร่างตัวเองไม่เจอ
รู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก พร้อมกับพึมพำไปว่า “ข้าล่ะ ข้าอยู่ที่ไหน?”
พอตกกลางคืนท่านก็ยังร้องอีกว่า ข้าล่ะ ทำไมถึงหาร่างของข้าไม่เจอ”
เสียงร้องนั้นยิ่งร้องยิ่งเสียใจหนักขึ้นทุกที เหล่าลูกศิษย์ฟังแล้วก็รู้สึก
ไม่สบายใจไปตามๆกัน

เหล่าลูกศิษย์จึงไปเชิญพระอาจารย์จิ้งคง มาช่วยแก้ไขให้ พระอาจารย์จิ้งคงสั่งว่า
คืนนี้ให้เตรียมไฟมาหนึ่งเตา และน้ำหนึ่งถัง อาจารย์จะไปนอนในห้องพระอาจารย์นั้น
เมื่อท่านมาหากายเนื้อ ข้าจะคุยกับเขาให้เข้าใจว่า “อะไรคือตัวเรา”

พอถึงกลางดึก พระอาจารย์ท่านนั้นมาหากายอีก พลางพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า
“ข้าล่ะ กายของข้าอยู่ที่ไหนแล้ว” พระอาจารย์จิ้งคงตอบว่า “อยู่ในดิน”
วิญญาณนั้นจึงมุดเข้าไปในดิน หาจนทั่ว สุดท้ายก็ยังหาร่างของตัวเองไม่เจอ

วิญญาณนั้นกลับมาพูดอย่างเศร้าสร้อยอีกว่า “ในดินไม่มีข้า”
พระอาจารย์จิ้งคงตอบว่า “งั้นคงอยู่ในความว่างเปล่ากระมัง เจ้าลองไปหาดูให้ทั่วซี”
วิญญาณนั้นไปหาอีกจนทั่วก็ไม่เจอ กลับมาต่อว่า หาจนทั่วแล้วไม่เจอ

พระอาจารย์จิ้งคงชี้ไปที่ถังน้ำแล้วพูดว่า “ร่างของท่านคงจะอยู่ในน้ำกระมัง”
วิญญาณนั้นจึงเข้าไปในน้ำ สักครู่วิญญาณนั้นก็ออกมาพูดว่า
“ในน้ำก็ไม่มีข้า ที่แท้ท่านซ่อนข้าไว้ที่ไหน?”

พระอาจารย์จิ้งคงชี้ไปที่เตาไฟแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านต้องอยู่ในไฟแน่นอน
วิญญาณนั้นก็เข้าไปในไฟ ที่สุดก็หาตัวเองไม่เจอ

ก่อนที่วิญญาณนั้นจะพูดอะไร พระอาจารย์จิ้งคงพูดก่อนว่า “ในเมื่อท่านสามารถ
ไปในดิน ที่ว่าง น้ำ ไฟ และทุกแห่งได้อย่างอิสระเสรี ไม่มีที่ไหนที่ท่านไปไม่ได้
แล้วท่านยังจะยึดเอาเปลือกว่างเปล่านั้นมาทำไม?”
วิญญาณนั้นได้คิดขึ้นมา ตั้งแต่นั้นจึงไม่มาหา ”ข้า “ อีกต่อไป

                 (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTPxaYZrEUxFFqezW9QoYBsx9nfNgi0wOUH1EluyS8-97mj6lw&t=1&usg=__hHhNgr5CwW5-QXWAgcdNuu1-IkE=)



หัวข้อ: Re: ๕๕. ความโลภไม่มีสิ้นสุด @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 ธันวาคม 2555 11:56:17


                  (http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/254446_371135782972797_1508920565_n.jpg)

๕๕. ความโลภไม่มีสิ้นสุด

ฮ่องเต้องค์หนึ่งถามท่านราชครูว่า “ทำอย่างไรถึงจะได้รับธัมมะของพุทธะ”
“พุทธะอยู่ในใจของตัวเอง ผู้อื่นไม่สามารถที่จะให้ได้ มหาบพิตรเห็นก้อนเมฆ
ที่อยู่ด้านนอกวังนั้นหรือเปล่า? สามารถที่จะให้เหล่าองครักษ์สอยมาไว้ในวัง
ได้หรือเปล่า?”
“ไม่ได้แน่นอน”

ท่านราชครูกล่าวต่อว่า “ผู้คนในโลกที่ศรัทธาในพระพุทธ บางคนศรัทธาเพราะอยาก
ให้พระคุ้มครองให้ได้เกียรติยศชื่อเสียง บางคนเพื่ออยากจะวิงวอนขอให้ได้ทรัพย์สินเงินทอง
บางคนเพื่ออยากจะให้หลุดพ้นจากปัญหาต่างๆที่รุมเร้าทางจิตใจ จะมีสักกี่คนที่จะตามหาแก่นแท้แห่งพุทธะ”

“ทำอย่างไรถึงจะเป็นตัวแทนของพระพุทธ?”
“กิเลสทำให้มหาบพิตรมีความคิดเช่นนี้ อย่าให้ชีวิตหมดไปกับความคิดในเรื่อง
ที่ไม่มีความหมายอะไร กี่สิบปีที่หลงวนมัวเมาอยู่กับความไม่จริง ที่สุดแล้วก็เป็น
เพียงแค่ซากที่เน่าเปื่อยและโครงกะโหลกสีขาวเท่านั้น ทำอย่างนั้นให้ลำบากทำไม?”

“หากว่าไม่มีความวุ่นวายความกังวล?”
“ท่านเหยียบเศียรพระแล้วเดินผ่านไปเถอะ”

“หมายความว่าอย่างไร?”
“คนที่ไม่มีความกังวล จะเห็นตัวเองอย่างชัดเจน แม้จะบำเพ็ญจนกลายเป็นพุทธะ
ก็จะไม่หลงตัวเองว่าเป็นกายของพุทธะที่บริสุทธิ์

มีแต่คนที่จิตมีแต่ความกังวลวุ่นวายถึงคิดแต่จะให้หลุดพ้นจากความวุ่นวายเหล่านั้น
หนทางแห่งการภาวนาเป็นหนทางของคนที่มีจิตสะอาดและสว่าง ไม่สามารถให้คนอื่นทดแทนได้
ปล่อยวางกิเลสของตัวเอง ปล่อยวางทุกสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ก็จะเป็นความจริงที่ว่า
ท่านจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้”

“แม้ว่าจะได้ทุกสิ่งในโลกนี้ก็มีประโยชน์อะไร? ก็ยังไม่ได้เป็นพระพุทธ
“ทำไมถึงจะอยากเป็นพระพุทธ?”
“เพราะว่าข้าอยากจะเป็นพระพุทธที่มีพลังที่ไม่มีใครเหนือกว่าได้”

“ตอนนี้ท่านได้เป็นถึงฮ่องเต้ ยังไม่พออีกหรือ?
ความโลภของคนยากที่จะรู้จักพอ แล้วจะกลายเป็นพระพุทธได้อย่างไร?”

              (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRynE5FTyY-koEZs7AkCsKVRdB40Syr8MewVcX4oR5-9-xfFTFFzEppFA)



หัวข้อ: Re: ๕๖. ชาวนาซื้อที่ดิน @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 ธันวาคม 2555 12:06:04


         (http://s017.radikal.ru/i401/1111/4c/ab16c0ae5c64.jpg)

๕๖. ชาวนาซื้อที่ดิน

มีชาวนาคนหนึ่งได้ข่าวว่ามีผู้จะขายที่ดิน จึงไปถามหาเจ้าของที่ว่าขายอย่างไร?
เจ้าของที่บอกว่า “เพียงแค่จ่ายเงินมาหนึ่งพันบาท หลังจากนั้นให้เวลาหนึ่งวัน
ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนตกดิน หากสามารถใช้เท้าเดิน วนจนกลับมาที่จุดตั้งต้น
เดินวนได้กว้างแค่ไหนก็จะได้ที่ดินมากเท่านั้น แต่ถ้าพระอาทิตย์ตกดินแล้ว
ยังกลับมาที่เดิมไม่ได้ เงินที่จ่ายไปก็จะสูญเปล่า

ชาวนานั้นคิดว่า “หากวันนั้นเดินให้ได้มากที่สุด ก็คงจะได้ที่ดินมากยิ่งขึ้น
ทำการค้าอย่างนี้ช่างคุ้มค่าจริงๆ” จึงเซ็นสัญญาที่จะซื้อที่นั้น

วันที่ตามนัดในสัญญา ชาวนาจึงรีบเดินกึ่งวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเท้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่ยอมหยุดแม้แต่วินาที มุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ พลางคิดในใจว่า “อดทน
วันนี้สักหน่อย ต่อไปจะได้เสวยสุขจากความเหนื่อยในวันนี้ที่นำสุขมาให้”

ขณะที่จะวกกลับไปที่เดิมนั้น ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว เขาจึงเร่งฝีเท้าอย่าง
รวดเร็วเพื่อที่จะกลับที่เดิม เมื่อใกล้เวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ความเหนื่อย
บวกกับความเร่งรีบที่เดินไม่ได้หยุดพัก ทำให้เขาล้าลงและเดินช้าลงเรื่อยๆ
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเขาเหลือไม่กี่ก้าวก็จะถึงที่เดิม ขณะที่เขาล้มลงมือสอง
ข้างมาล้มลงตรงจุดตั้งต้นพอดี แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะชีวิตของเขาสูญสิ้นไปแล้ว แล้วจะมีความหมายอะไร

          (http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c100.0.403.403/p403x403/581571_411771935545450_344923305_n.jpg)



หัวข้อ: Re: ๕๗. เจ้าแม่ไม่ช่วย @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 ธันวาคม 2555 12:12:48


               (http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/401219_336174963069245_1668122759_n.jpg)

๕๗. เจ้าแม่ไม่ช่วย

มีอุบาสกท่านหนึ่งศรัทธาและนับถือพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิมมาก
ครั้งหนึ่งเมื่อประสบกับอุทกภัย น้ำท่วมจนถึงหลังคาบ้าน เขาจึงปีนขึ้น
ไปบนหลังคาเพื่อรอคนมาช่วยเหลือ ขณะที่น้ำเจิ่งนองขึ้นมาเรื่อยๆ
จนถึงข้อเท้าแล้ว เขาจึงวิงวอนอธิษฐานว่า “เจ้าแม่กวนอิมผู้เปี่ยมล้น
ด้วยความเมตตาและปรานี โปรดรีบมาช่วยเหลือด้วยเถิด”

ผ่านไปไม่นานก็มีเรือลำหนึ่งผ่านมา จะแวะรับเขาไปด้วย แต่เขาพูดว่า
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เดี๋ยวเจ้าแม่กวนอิมจะมาช่วย
เหลือข้าเอง” เรือลำนั้นเลยผ่านเลยไป

น้ำยังคงเจิ่งนองเพิ่มขึ้นเรื่อยจนถึงเอวของเขาแล้ว เขารู้สึกร้อนรนใจขึ้น
ไปอีกมากแล้ววิงวอนอธิษฐานต่อว่า “เจ้าแม่กวนอิมมาช่วยข้าพเจ้าเร็วๆ
ด้วยเถิด” ชั่วขณะนั้นก็มีเรือลำหนึ่งผ่านมาอีก เรือลำนั้นก็จะมาช่วย
เหลือพาเขาไปที่ปลอดภัย แต่เขาพูดว่า “ข้าไม่ชอบเรือลำนี้ เดี๋ยว
เจ้าแม่กวนอิมจะมาช่วยข้าเอง” เรือลำนั้นจึงเลยผ่านไป

เวลาผ่านไปน้ำก็ยังทวีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงหน้าอกแล้ว เขาได้แต่
เร่งรีบวิงวอนต่อไป แล้วก็มีเรือลำหนึ่งบรรทุกคนมาเต็มลำเรือ
ผ่านมาจะช่วยเหลือ แต่เขาปฏิเสธบอกว่า คนมากไปแล้ว ข้าไม่ขึ้น
อีกสักประเดี๋ยวเจ้าแม่กวนอิมจะมาช่วยเอง

ขณะที่น้ำท่วมจนถึงจมูกแล้ว จนเขาแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
พระอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านมาพอดี มาช่วยเขาได้ทันท่วงที
เขาพูดกับพระอาจารย์อย่างน้อยอกน้อยใจว่า
“ข้าศรัทธาและยึดมั่นนับถือเจ้าแม่กวนอิมมากทำไมเจ้าแม่ไม่มาช่วย
ข้าพเจ้า “

“เจ้าช่างใส่ร้ายพระโพธิสัตว์เสียจริง เจ้าแม่ได้ช่วยให้มีเรือหลายลำมา
ช่วยเจ้า แต่เจ้าก็บ่ายเบี่ยง ติโน่นตินี่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมรับ
การช่วยเหลือ ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าแม่แล้ว
และข้าก็ไม่ควรจะช่วยเจ้า ปล่อยให้เจ้าพบกับยมบาลคงจะดีกว่า”

(http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c95.0.403.403/p403x403/523023_10151069730456319_672996521_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 11:56:43


                (http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/403787_339765052710236_1197281536_n.jpg)

๕๘. การนำวิธีการของเซนไปใช้

พระอาจารย์ท่านหนึ่งขณะที่จะไปแสดงธรรมในที่แห่งหนึ่ง
ระหว่างทางเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง กำลังทะเลาะกันอยู่
ภรรยา : เจ้าเป็นสามีภาษาอะไร? ไม่เหมือนผู้ชายสักนิด
สามี : ด่าซี ถ้าด่าอีก ข้าจะตีเจ้า
ภรรยา : ข้าจะด่า เจ้าไม่เหมือนผู้ชาย

พระอาจารย์ได้ยินที่สามีภรรยาทะเลาะกันแล้ว จึงตะโกนบอก
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาว่า “พวกเจ้ามาดูเร็ว เวลาจะดูวัวชนกันก็ต้องซื้อตั๋ว
ดูจิ้งหรีดกัดกัน ดูไก่ชนกัน ก็ต้องซื้อตั๋วทั้งนั้น แต่ตอนนี้ คนกำลังตีกัน
ไม่ต้องซื้อตั๋ว พวกเจ้ามาดูเร็วๆ

แต่สามีภรรยาคู่นั้นก็ยังคงไม่สนใจ และยังคงทะเลาะกันต่อไป
สามี : ถ้าเจ้าพูดอีกคำว่า ข้าไม่เหมือนผู้ชาย ข้าจะฆ่าเจ้า
ภรรยา : ฆ่าซี ฆ่าซี ข้าก็จะพูดอยู่นั่นแหละ เจ้าไม่เหมือนผู้ชาย

พระอาจารย์ : ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ตอนนี้จะมีการฆ่าคนแล้ว มาดูกันเร็ว
คนเดินถนน : หลวงพี่ ตะโกนเสียงดังทำไม สามีภรรยาเขาจะทะเลาะกัน ท่านยุ่งทำไม?
พระอาจารย์ : ทำไมจะไม่เกี่ยวกับอาตมา เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า
เขาจะฆ่าคน
เมื่อคนตายแล้วก็ต้องเชิญอาตมาไปสวดศพ
เมื่อสวดแล้วก็ย่อมจะต้องได้ซอง
คนเดินถนน : อะไรกันนักหนา เพื่อซองแล้วถึงกับจะอยากให้มีการฆ่ากันตายเลยหรือ?
พระอาจารย์ : หวังจะไม่ให้ตายก็ได้ งั้นอาตมาจะไปเทศน์ก่อนแล้วล่ะ

สามีภรรยาคู่นั้นหยุดทะเลาะกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
และทั้งคู่ก็มาฟังดูว่าพระอาจารย์ทะเลาะกับคนอื่นด้วยเรื่องอะไร?
พระอาจารย์จึงฉวยโอกาสพูดกับสามีภรรยาคู่นั้นว่า

“หิมะที่เกาะกันจนหนาแน่นสักเพียงใด เมื่อพระอาทิตย์สาดส่องมาก็ย่อมจะละลาย
กับข้าวจะเย็นชืดสักเพียงไหน เมื่ออุ่นด้วยไฟ ก็ยังร้อนขึ้นมา
สามีภรรยา มีบุญสัมพันธ์กันมาก่อนจึงได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ต้องเป็นพระอาทิตย์ ให้ความอบอุ่นแก่ผู้อื่น
เป็นไฟเป็นฟืน ปลุกจิตสำนึกให้ผู้อื่น
หวังว่าท่านทั้งสองจะรักใคร่ปรองดองซึ่งกันและกัน”

          (http://media-cache-lt0.pinterest.com/upload/142215300702773728_ZQQfUzKp_b.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 12:03:18


               (http://www.mireline.by/uploaded/fotooboi/priroda/0006.jpg)

๕๙. สิ่งที่ต้องบำเพ็ญภาวนา

มีพระรูปหนึ่งเพียรภาวนาอยู่กับพระอาจารย์ท่านหนึ่งมานานหลายปี
ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงหลักธรรมที่ลึกๆได้

ค่ำวันหนึ่งขณะที่กำลังจะนั่งสมาธิ ได้ถามพระอาจารย์ขึ้นว่า
“ศิษย์เพียรภาวนามานานหลายปี ก็ยังหลงวนไม่รู้แจ้งสักที
เสียแรงที่ฉันบิณฑบาตของชาวบ้านเปล่าๆ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้อะไร
ทั้งยังต้องขอรับความเมตตาจากอาจารย์ช่วยชี้แนะ ทุกวันที่ปฏิบัติธรรม
นอกจากภารกิจที่ต้องปฏิบัติ ยังมีบทเรียนอะไรที่จำเป็นต้องฝึกฝนอีก?”

“เจ้าเพียงแต่ดูแลนกอินทรีย์ 2 ตัว กวาง 2 ตัว เหยี่ยว 2 ตัว
และคอยบังคับหนอนในปาก 1 ตัว พร้อมกันนั้นก็คอยต่อกรกับ
หมีตัวหนึ่ง และดูแลผู้ป่วยผู้หนึ่งให้ดีๆ ถ้าหากสามารถทำได้ก็คือสามารถ
ทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุดแล้ว คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยเจ้าได้ดีที่สุด”

“อาจารย์ครับ ศิษย์ตั้งใจแน่วแน่มาฝึกบำเพ็ญภาวนาที่นี่ ไม่ได้นำ
สัตว์ชนิดใดมาด้วย แล้วจะดูแลอะไรอย่างไร? แล้วบทเรียนที่ศิษย์จะ
ต้องเรียน กับสัตว์เหล่านั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร?”

“นกอินทรีย์สองตัว คือตาของเจ้าที่จะต้องคอยระวังสิ่งต่างๆที่กระทบเข้ามา
กวางสองตัวคือขาของเจ้าที่จะต้องระมัดระวังไม่เดินไปสู่หนทางที่ผิดบาป
เหยี่ยวสองตัวคือมือทั้งสองข้างของเจ้าที่จะต้องคอยทำการงานอยู่เสมอ
ทำสิ่งที่เป็นบุญกุศลเสมอ สิ่งที่ไม่ดีก็อย่าไปทำ

   หนอนหนึ่งตัวคือลิ้นของเจ้าต้องคอยระวังไว้เป็นอย่างยิ่ง ไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดีงาม
หมีหนึ่งตัวคือใจของเจ้าต้องควบคุมอย่าให้เห็นแก่ตัวและวุ่นวาย สิ่งไม่ดีก็อย่าไปคิด
   คนไข้ก็คือร่างกายของเจ้าเอง หวังว่าเจ้าจะไม่ให้มันหลงเข้าไปในทางผิดบาป
   ในหนทางแห่งการบำเพ็ญภาวนา สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่ขาดไม่ได้

               (http://media-cache0.pinterest.com/upload/156077943305634056_HVU9wSB5_b.jpg)


หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 12:39:16


               (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/408148_357062014313873_1758028895_n.jpg)

๖๐. ทุกข์จากการรู้ล่วงหน้า

มีเณรรูปหนึ่ง ทุกๆเช้าจะต้องรับผิดชอบปัดกวาดเศษใบไม้ในบริเวณวัด
การกวาดใบไม้ในตอนเช้าท่ามกลางสายลมเย็นยะเยือกหลังจากที่ตื่นนอน
เป็นเรื่องที่น่าทรมานเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเป็นช่วงในฤดูหนาวด้วยแล้ว
ทุกครั้งที่สายลมเย็นโชยมา ใบไม้ก็ร่วงหล่นลงมาตามลมเช่นกัน
ทุกๆเช้าต้องเสียเวลาไปไม่น้อยถึงจะเก็บกวาดใบไม้ได้หมด
มันทำให้เณรน้อยหัวเสียทุกวันเณรคิดที่จะหาทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองสบายขึ้น
มีพระรูปหนึ่งพูดกับเณรน้อยว่า “พรุ่งนี้ก่อนที่เจ้าจะเก็บกวาด(http://dl7.glitter-graphics.net/pub/2165/2165867i5t65i6i41.gif)
ให้ใช้แรงเขย่าต้นไม้เสียก่อน เขย่าจนใบไม้ร่วงหล่นลงมาให้หมด
มะรืนนี้เจ้าจะได้ไม่ต้องเก็บกวาดใบไม้ให้ลำบากอีก”

                 (http://cdn.indulgy.com/05/JD/pD/49398927132212557ie57qMXhc.jpg)

เณรน้อยเห็นด้วยและคิดว่าวิธีการนี้ดีที่สุด ดังนั้นวันรุ่งขึ้นจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า
แล้วเขย่าต้นไม้จนสุดแรง ทำอย่างนี้จะช่วยให้ใบไม้ของวันนี้และพรุ่งนี้กวาด
พร้อมกันเลยในครั้งเดียว วันนั้นเณรน้อยครื้มใจไปทั้งวันอย่างมีความสุข

วันรุ่งขึ้นเมื่อไปดูที่ลานวัด ได้แต่กลับกลอกลูกตาไปมา
ที่ลานวัดก็มีใบไม้ร่วงหล่นลงมาเหมือนทุกวัน
พระอาจารย์เดินเข้ามาด้วยความเอ็นดูแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กโง่!
ไม่ว่าในวันนี้เจ้าจะเขย่าต้นไม้ให้สุดแรงอย่างไร
พรุ่งนี้ใบไม้ก็ยังคงร่วงหล่นลงมาเหมือนเดิม”

ที่สุดเณรน้อยก็เข้าใจแล้วว่า เรื่องราวต่างๆในโลกนี้
บางอย่างไม่สามารถทำล่วงหน้าได้ และถ้าจะจริงจังแล้วก็
ชั่วขณะนี้ถึงจะเป็นความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์

            (http://1.bp.blogspot.com/_ks7s40OFQT8/TMZI8bTP7OI/AAAAAAAACBc/ZEzVAdbO_Lg/s320/40117_167405123269572_141718112504940_598126_2795895_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 12:53:51


               (http://farm4.static.flickr.com/3038/3102280718_52e03d4fc5.jpg)

๖๑. ลดเปอร์เซ็นต์

ลูกชายของพ่อค้าคนหนึ่ง ติดตามและฝึกฝนการค้ากับบิดาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
แม้ว่าจะเป็นคนที่เน้นแต่ผลประโยชน์เป็นสำคัญ แต่ก็เป็นลูกกตัญญู
เมื่อบิดาถึงแก่กรรม จึงไปที่วัดขอให้พระอาจารย์ช่วยสวดส่งวิญญาณให้หลุดพ้น

ลูกกตัญญูเติบโตมาจากวงการค้า จึงเป็นห่วงค่าใช้จ่ายในการสวดศพมาก
จึงตั้งหน้าตั้งตาแต่จะคอยถามเรื่องค่าใช้จ่าย ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่

พระอาจารย์เห็นเขาแต่งตัวภูมิฐานมีเครื่องประดับมากมายยังตระหนี่คิดเล็ก
คิดน้อยขนาดนั้น จึงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า จะต้องจ่ายค่าสวดและค่าทำพิธี
10 ตำลึง ลูกกตัญญูฟังแล้วรู้สึกว่าแพงเกินไป จึงขอลดราคา พูดขึ้นว่า

“พระอาจารย์ สิบตำลึงน่าจะแพงเกินไป ขอลดสัก 20 เปอร์เซ็นต์ จ่ายแค่
8 ตำลึงแล้วกัน”

พระอาจารย์เห็นเขาต่อรองราคาอย่างเอาจริงเอาจัง จึงรู้สึกว่าหนุ่มคนนี้น่าคิด
เหมือนกัน จึงตอบว่า “ เอาล่ะ ตามใจเจ้าแล้วกัน”

พระอาจารย์จึงไปสวดยังที่บ้านของลูกพ่อค้านั้น ระหว่างที่ฟังสวดลูกกตัญญู
ก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังสวดและกระทำพิธีอย่างสำรวมนอบน้อม

(http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/417665_357061824313892_1974171985_n.jpg)

ถึงตอนหนึ่งพระอาจารย์กล่าวว่า “พุทธะจากทั่วสิบทิศ โปรดนำบุญกุศล
จากการทำพิธีนี้แผ่ไปให้กับผู้ตายด้วย ให้เขาได้ไปสู่โลกแห่งทิศตะวันออก”

ลูกพ่อค้านั้นรู้สึกว่าตรงทิศตะวันออกน่าจะไม่ถูก จึงพูดขึ้นว่า
“พระอาจารย์กล่าวผิดหรือเปล่า? มีแต่คนตายแล้วให้ไปเกิดทางทิศตะวันตก
คือดินแดนสุขาวดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปทางทิศตะวันออก”

“ไปทางทิศตะวันตกดินแดนสุขาวดี ต้องเสียค่าใช้จ่าย 10 ตำลึง เจ้ายืนยัน
จะลด 20 เปอร์เซ็นต์ ข้าเลยส่งผู้ตายไปยังทิศตะวันออก”

ลูกพ่อค้านั้นรู้สึกละอายใจยิ่งนัก พูดขึ้นว่า “ข้าพเจ้าเพิ่มอีก 2 ตำลึง ช่วยพา
พ่อของข้าพเจ้าไปยังดินแดนสุขาวดีด้วยเถอะ”

         (https://encrypted-tbn0.google.com/images?q=tbn:ANd9GcSz5Wy9KVf94UvtaIkcMGf_RNHhAD3ODmbBucwlAp_RPn0faoJE)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 13:24:32


            (http://farm1.static.flickr.com/2/1703693_0412c29a4f.jpg)

๖๑.๑ ฉันคือใคร

ชีวิตคนดั่งละคร ทุกคนเป็นคนเขียนบท เป็นผู้กำกับ และเป็นนักแสดงเอง
บทที่เขียนออกมามีทั้ง บทดีใจ เสียใจ โกรธ และเศร้าโศก
สิ่งที่แสดงออกมามีทั้งรัก โกรธ ผูกพัน โกรธแค้น ชิงชัง
แต่ละบท แต่ละฉาก แต่ละตอน ไม่ใช่พบกับความสำเร็จ ก็ผิดหวัง ไม่ใช่ดีใจก็เสียใจ
เกิดๆดับๆ ดับๆเกิดๆ ดั่งที่ว่า “ชีวิตคนดั่งมายาซ้อนมายา”

                          (http://msucares.com/news/print/sgnews/sg08/images/sg080612a.jpg)

เวียนว่ายตายเกิด เป็นไปตามแรงกรรม หมุนเปลี่ยนภพชาติเกิดมาในโลกนี้
เป็นเพราะกรรมสัมพันธ์ พ่อแม่ให้กำเนิดฉันมา จึงมีกายนี้
เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมา นึกถึงเรื่องชาติภพก่อน ใครคือฉัน มาจากไหน?
ทำไมถึงมา ชาตินี้ไม่แจ้ง แล้วจะให้รอถึงชาติไหน
จึงสงสัยว่า “ก่อนที่พ่อแม่ให้กำเนิดมาใครคือฉัน”

(https://lh5.googleusercontent.com/-2Uarh5dOkjg/UC7RD-kf0MI/AAAAAAAAEZ0/aYSpCbj6KbY/flower-forest.jpg)

ดอกไม้บานแล้วย่อมต้องร่วง มีการเกิดก็ต้องมีการตาย ขณะนี้มีความสุข
มีลมหายใจตามปกติ แต่เมื่อหนึ่งช่วงลมหายใจ หายใจออกแล้วไม่เข้า
แล้วฉันคือใคร แล้วจะไปไหน แล้วทำไมต้องไป คิดถึงหนทางข้างหน้า
ลังเลสงสัยแล้วก็ไม่รู้

                   (http://sunderlandbookgroup.files.wordpress.com/2009/03/norway.jpg?w=500)

ความหมายของเซนจำต้องรู้ ปฏิบัติจริงถึงจะแจ้ง
ชีวิตดั่งความฝันและมายา อย่าได้หลง-วนอยู่ในความหลง
หากถามว่า “ฉันคือใคร? เห็นจิตตัวเองแล้วก็จะรู้”

          (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSfE9vQjqYEgaZrkkfQ7DVzeTqWmTpcnNWEj-t2uFUCThPpsBGa)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 15:20:58


                (http://i3.photobucket.com/albums/y64/Manee/Homeworks/124_2496R.jpg)

๖๑.๒ ก้อนหินในใจ

อาจารย์เซนเชื้อจีนรูปหนึ่งนามว่า โฮเคน
พำนักอยู่องค์เดียวเงียบๆ ณ วัดเล็กๆต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง
วันหนึ่งมีภิกษุอาคันตุกะสี่รูปเดินทางมาขอพำนักอยู่ด้วย
ตกกลางคืนพระอาคันตุกะเหล่านั้นขออนุญาตก่อกองไฟผิงกันหนาวที่ลานวัด

โฮเคนได้ยินพระเหล่านั้นก่อไฟพลางโต้ถียงกันล้งเล้งๆ
ถึงเรื่องอายตนะภายใน อายตนะภายนอก
ด้วยความอดรนทนไม่ได้ จึงออกมาร่วมวงด้วย

(https://lh4.googleusercontent.com/-aEBEG9NMg9w/UC7R2D1Vj-I/AAAAAAAAEaQ/yED4Dcm-N3k/w500/rocls.jpg)

โฮเคนหยิบก้อนหินมาก้อนหนึ่งแล้วถามว่า
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พวกคุณคิดว่า ก้อนหินก้อนนี้อยู่ในใจหรือนอกใจ”
พระรูปหนึ่งตอบว่า “ตามมติทางพุทธศาสนา ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอารมณ์ของใจ
เพราะฉะนั้น ผมจึงพูดได้ว่า ก้อนหินก้อนนั้นอยู่ภายในใจ”

                      (https://lh6.googleusercontent.com/-g85GoPmauBM/UA1dalUy2qI/AAAAAAAADsc/vnlHWy42ROQ/w500/rocks%2Band%2Bwater.jpg)

โฮเคนบอกว่า “ถ้าคุณแบกก้อนหินชนิดนั้นไว้ในใจทุกเวลาแล้วไซร้
มันคงหนักเอาการซินะ”
สิ่งที่เห็น สิ่งที่ประสบทุกอย่าง หากเราเอามาแบกรับไว้ในใจอยู่ตลอดเวลา
ใจเราก็คงหนักอยู่ตลอดไป และในชีวิตของเรายังต้องพบเจอกับเรื่องราวอีกมากมาย
หากเราไม่วางมันเอาไว้นอกใจบ้าง เราก็ต้องดำรงชีวิตต่อไปอย่างกดดันหนักอึ้ง

                    (http://dc-danai.com/wp-content/uploads/2010/05/rock-in-water-300x225.jpg)

ที่มา หนังสือแม็ค ม.ปลาย ฉบับวันที่ 10 มีนาคม 2549



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 15:21:49


    (http://fwmail.sodazaa.com/photo/8e06ff9bcd.jpg)

๖๑.๓ แสวงหาปัญญา

มักจะได้ยินคนพูดอยู่เสมอว่า มีคนแสวงหาปัญญา
แต่แท้ที่จริงแล้วปัญญามาจากการเรียนรู้โดยสัญชาติญาณ
และมุมมองก่อให้เกิดขึ้นมา แสวงหายังไงก็หาไม่เจอ
และก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแสวงหา
ลองมองย้อนกลับมาที่ใจของตัวเอง หากในจิตเต็มไปด้วยความวุ่นวายใจ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ปัญญาที่บริสุทธิ์สะอาดก็จะไม่มีทางก่อเกิดขึ้นมาได้

มีบางคนนำปัญญามานึกว่าเป็น ความฉลาด
นึกว่าการพูดคล่องหรือถนัดในการใช้คำ หรือคนที่มีประสบการณ์มารอบด้าน
คือคนที่มีปัญญา แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียง “ประสบการณ์ทางโลกที่ทำให้ฉลาด”

คนส่วนใหญ่ถูก “ประสบการณ์ทางโลกที่ทำให้ฉลาด” มาบดบังปัญญาที่สะอาด
บริสุทธิ์และดีงามจนมืดมิด โดยไม่รู้ว่า การรู้ซื่อๆถึงจะเป็นความล้ำค่าทางปัญญา

หากอยากได้ปัญญาที่บริสุทธิ์แท้ จำเป็นจะต้องเตรียมพื้นฐานทางจิตที่ดีงามไว้
คนที่ฉลาด เพียงแค่ได้ยินทำที่ผิดหูสักหน่อยก็เอาสีข้างเข้าถู

คนมีปัญญา จะรู้จักนำถูกผิดมาเป็นบทเรียน ไม่ว่าจะพบกับคำพูดที่เสียดสีเย้ยหยัน
อย่างไร หรือเจอกับสถานการณ์ที่ทุกข์ยากอย่างไร ก็จะรู้จักนำอุปสรรคมาเป็นตัว
ผลักดันให้มุ่งไปข้างหน้า และยังรู้สึกถึงความสำนึกในบุญคุณ นี่แหละคือปัญญา

ในขณะเดียวกัน ทั้งคำพูดและการกระทำยังรู้จักระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อจะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งถูกผู้อื่น ซึ่งสุดท้ายอาจจะย้อนกลับมา
ทำให้ตัวเองรำคาญใจไปเปล่าๆ

ทำอย่างไรถึงจะขจัดความวุ่นวายกังวลฟุ้งซ่านในจิตได้?
จำต้องอาศัยการแสวงหายามาแก้ด้วยตัวเอง เปรียบดังกับชาวนาต้องเริ่ม
ทำตั้งแต่ ลงต้นกล้า ดูแลพืชผล จนกระทั่งเมื่อเก็บเกี่ยว จำเป็นต้องอาศัย
การลงทุนลงแรงของตัวเอง การทำนาก็มีเทคนิคเฉพาะตน เช่นเมื่อช่วงเก็บเกี่ยว
จะต้องจับต้นข้าวให้มั่นด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งจับเคียว สองมือประสาน
อย่างเหมาะเจาะ ถึงจะเก็บเกี่ยวได้อย่างรวดเร็ว

การขจัดความวุ่นวายทางจิตก็เช่นกัน จำต้องให้ภายในภายนอกขับเคลื่อนไป
พร้อมกัน ภายในจิตตื่นรู้ด้วยตัวเอง ผสานกับการเรียนรู้จากโลกภายนอก

บทกลอนและคัมภีร์ของนักปราชญ์เมธีและปรมาจารย์
ที่สืบทอดต่อกันมาล้วนแต่เป็นสิ่งที่ล้ำค่าด้วยปัญญาอันดีงาม
พวกเราจะต้องนำจิตน้อมรับมาพิจารณา เพื่อขจัดสิ่งที่ทำให้เกิดความวุ่นวายใจ
ปัญญาที่ดีงามถึงจะก่อเกิดและนำไปใช้ประโยชน์ได้

ที่มา สมาชิกเว็บบอร์ดชาวเซน ของไต้หวัน

            (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRzp9v4XDSlH_MDy1l-g5cKsFhy_x6YzvBn6U6r4HAm4dkMGll_xiCkxHY)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 ธันวาคม 2555 15:29:23


(http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2011/01/user161925_pic11377_1224243880-300x200.jpg)

ด้านล่างอ่านเจอมาจาก บล็อคของ คุณกะเรนขาว
พูดถึงเรื่องปัญญาพอดีโดยไม่ได้นัดหมาย
จึงขอนำมาลงพร้อมกันระหว่างของชาวเซนกับของเถรวาท
ปัญญา ในความหมายของศาสนาพุทธ  (แสงดาว)

(http://1.bp.blogspot.com/-9MrbDk16mvk/T45w0NE1eBI/AAAAAAAAUVo/k4lOE8g04gU/s400/photographsnature9.jpg)

๖๑.๔ ปัญญาปรมัตถ์

...ปัญญาในแก่นของศาสนาพุทธคือปัญญาในการละความไม่รู้ไม่เข้าใจ
และละความยึดถือในรูปนามทั้งหลายทั้งปวงได้หมดสิ้น
(ความหมายของรูปนามท่านหมายถึงทุกๆสิ่งที่จิตสามารถสัมผัสได้
ทั้งวัตถุ สสารต่างๆ ความรู้สึก ความจำ ความคิด ความเป็นตัวเรา)
ปัญญาสูงสุดในทางพระพุทธศาสนาท่านจึงเรียกว่าปรมัตถ์ปัญญา

มิใช่เป็นปัญญาที่เกิดจากการคิดไตร่ตรอง
 แต่เป็นการเกิดขึ้นด้วยกำลังของสมาธิจิตที่สมบูรณ์พร้อมแล้ว
เบื่อหน่ายเต็มที่ในรูปนามทั้งหลายแล้ว เห็นแล้วว่า
อุปาทานในรูป-นามทั้งหลายทั้งปวงไม่มีตัวตนที่แท้จริงแต่อย่างใด

(http://2.bp.blogspot.com/-LSvnqv4-RoM/Tp8KhAbxgSI/AAAAAAAAIH8/rgcg9ENhiSA/s1600/iarna1.jpg)

กำลังของสายสัมพันธ์ความยึดมั่น ในรูปนามหมดลงเพราะ
เบื่อหน่ายเต็มที่ หมดกำลังที่จะยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป
อุปมาเหมือนกับคนที่ทำงานมาเหนื่อยเต็มที่ พอถึงบ้านหมดแรง
อยากนอนอย่างเดียวแม้เสื้อผ้าก็ไม่ยอมถอด ทิ้งตัวลงนอนเลย
ไม่สนใจร่างกายใดๆทั้งสิ้นแล้ว
ขอนอนอย่างเดียว เพราะความเหนื่อยเพลียเต็มที่นั่นเอง

ดังนั้นปัญญาที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้นักธรรมต้องพิจารณาในรูปนาม
ให้เห็นว่าเป็น ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่น่ายึดถือไม่มีตัวตนที่แท้จริง
เมื่อพิจารณาบ่อยๆมากๆจนจิตเหนื่อยเบื่อในงานเต็มที่แล้ว
จิตจะปล่อยวางได้เองโดยที่ไม่ต้องอยากให้มันปล่อยวางแต่อย่างใด

... นักธรรมท่านใดที่เอาแต่ความสงบของสมาธิจิต เอาแต่อารมณ์สุข
ของสมาธิย่อมหาความเหนื่อย ความเบื่อและความปล่อยวางแบบปรมัตถ์ต่อ
รูปนามไม่ได้
อุปมาเหมือนกับพนักงานมาทำงานแต่ไม่ยอมทำงานจริง
 มานั่งมองโน่นมองนี่สุขสบายไปวันๆ ใครๆถามก็บอกกล่าวว่าตนเองเบื่อแล้ว
เหนื่อยแล้วแต่ในความเป็นจริงความเหนื่อยความเบื่อในงาน(รูปนาม)
ยังไม่ได้เกิดกับจิตตนเองเลย
เพราะตนเองยังไม่ได้ทำงานจะเอาความเหนื่อยความเบื่อมาจากไหน

(http://3.bp.blogspot.com/-Xbu2rQscFyE/T453WJpbSlI/AAAAAAAAUV4/r4xa_eCi7BI/s320/the+eye.gif)

ท่านจึงสอนให้นักธรรม พิจารณาความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ของรูปและนามให้มาก เหนื่อย-พัก,เหนื่อย-พัก
(สมาธิ-พิจารณา,สมาธิ-พิจารณา)ทำอยู่แบบนี้เมื่อจิตปุถุชนเบื่อเต็มที่
หมดกำลังที่จะยึดในรูปนามแล้วมันจะทิ้งในรูปนามเอง เห็นเองว่า
รูปนามที่แท้จริงโดยปรมัตถ์มันเป็นอย่างไร อนัตตาของจริงมันเป็นอย่างไร.

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcR0Rq2RcHO5TU-gZ6Jcr8hxTrDrb0MWxlhDdS5AhmwUrWWqPMO_CA)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 ธันวาคม 2555 20:48:03


(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c0.0.403.403/p403x403/551009_400186253371323_24719929_n.jpg)

๖๑.๕ ปัญญาที่ปล่อยวางจิต

ทุกครั้งที่เรามองกระจก เราหวังจะได้เห็นตัวเองเป็นคนที่...
... พิเศษมาก.. คนหนึ่ง...
และไม่อยากเห็นเป็นเช่นคนทั่วไป ที่มีแต่ความทุกข์กังวล
เราหวังว่าจะได้เห็นคนที่มีแต่ความสุข
แต่ก็ได้เห็นแต่คนที่ดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่อย่างลำบากยากเย็น

ในความคิดของเราคิดว่าตัวเองเป็นคนมีเมตตา
แต่มองไม่เห็นความเห็นแก่ตัวของตัวเอง เราอยากจะให้ตัวเองดูสง่ามีราศี
แต่ความเย่อหยิ่งของเราทำให้เรากลายเป็นคนหยาบ
เราอยากเห็นคนที่เข้มแข็งไม่ยอมแพ้
แต่ได้เห็นแต่คนที่ล่วงเลยวัยไปกับกาลเวลา
ที่ทำให้กลายเป็นคนที่เมื่อยล้าและอ่อนแอ และกลายเป็นคนแก่ ป่วย และตาย

ช่องว่างระหว่างความหวังและความจริงที่เกิดขึ้นมา ทำให้
จิตวิญญาณของเราเจ็บปวดอย่างมหันต์ ปล่อยวางไม่ได้กับมายา
ที่หลอกว่าเป็นตัวเราของเรา
การจะเห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ต้องอาศัยความกล้า
เป็นอย่างมาก และนั่นคือหนทางเดินของนักภาวนา

การจะภาวนาต้องเริ่มต้นจากการพิจารณาตนเอง จิตของเรา
เหมือนภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ความคิดที่มีต่อความเป็นไปต่างนานา
และความเป็นไปของโลก ก็เป็นเพียงมายา รวมทั้งการเวียนว่ายตายเกิด
หรือนิพพานก็เพียงส่วนหนึ่งของบทภาพยนตร์
หากเราสามารถที่จะมองชีวิตตัวเองเหมือนภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
ก็จะทำให้จิต ปล่อยวาง ได้อย่างสบายๆ
ชื่นชมกับการดำเนินเรื่องของบทบาทแต่ละตอน
และสามารถมองทะลุถึง แก่นแท้ของความเป็นจริง ให้จิตดำเนินไป
ตามครรลองของธรรมชาติ

ไก่ป่าครอบครัวหนึ่ง หนีการไล่ล่าของผู้บุกรุกทำลายป่า
และก็ต้องหนีการไล่ล่าตลอดเวลาไม่ว่าจะหนีไปอยู่ตรงไหน
เพราะจากความเชื่อของผู้คนที่ว่า
เนื้อไก่ป่าเป็นยาและเป็นของบำรุงชั้นยอด

ที่สุดก็มาอยู่ในที่รกร้างใกล้สวนของผู้อารีแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง
แต่ยังไงก็หนีการไล่ล่าไม่พ้น ผู้คนที่ได้ยินเสียงขันในช่วงเช้าแล้ว
ต่างลือกันไปทั่วว่า มีไก่ป่ามาอยู่ในบริเวณนั้น จึงทำให้มีผู้จะมาไล่ล่าทุกวัน

แต่น้องสาวเจ้าของสวนมักจะมาคอยกีดกันไม่ให้ผ่านสวนเข้าไป
ประจวบกับความไวและสัญชาติญาณของไก่ป่าเองที่ไม่ค่อยไว้ใจใคร
จึงทำให้หนีรอดไปได้ทุกครั้ง จนผู้คนยอมแพ้ และไม่มารบกวนอีก
ไก่ป่าครอบครัวนั้น จึงอยู่อย่างสงบสุขตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทุกๆเช้าไก่ป่า จะร้องขันส่งเสียงกังวานไปทั่ว ความไพเราะของ
น้ำเสียงไก่ป่าผู้เป็นลูกสาว ได้แว่วเข้าหูไก่บ้านตัวผู้ตัวหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ทันทีที่ได้ยินเสียงขันของไก่ป่าสาวนั้น ก็รู้สึกนึกรักขึ้นมาทันที

นิยายรักของไก่ป่าและไก่บ้านจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งสองส่งเสียงขับขานเป็นทำนองเพลงรักโต้ตอบกันไปมาทุกๆเช้า
ต่างเข้าใจความรักความผูกพันในกันและกัน

แต่อนิจจา ความรักที่ผิดเชื้อชาติ ผิดธรรมเนียมและประเพณี
ทั้งสองจึงเป็นได้เพียงเส้นขนาน ที่สามารถเดินเคียงคู่กันไปได้
แต่ไม่มีทางที่จะมาบรรจบเป็นเส้นเดียวกันได้

แม้จะเป็นเพียงเส้นขนาน แต่ทั้งสองก็สามารถเห็นกันได้
ส่งเสียงถ่ายทอดความรักและความรู้สึกถึงกันได้ ซึ่งก็จะคงเป็น
เช่นนี้ตลอดไป จนกว่ากาลเวลาและอนิจจังของชีวิต
มาพลัดพรากทั้งสองให้จากกันไปคนละทิศทางตามวิถีทางของตน

เรื่องนี้เขียนจากเหตุการณ์และสถานที่จริง
อาจจะดูแปลกๆไปบ้าง
ต้องขออภัยและให้โอกาสกับมือใหม่หัดเขียนด้วยค่ะ


(http://3.bp.blogspot.com/_lb9uKk0t3yU/TJ-T8-EagII/AAAAAAAAGyQ/LdblZkyj6OY/s320/dewdai.jpg)

ข้อคิดจากนก
1. เมื่อนกเริ่มกระพือปีกที่จะบิน พวกที่ต่อแถวตามมาจะมีอากัปกิริยาดัง
เหมือนมีกลองที่ดังบรรเลงขึ้นเพื่อกระตุ้นเตือนให้รู้ว่าเริ่มมีการแสดงแล้ว
เมื่อฝูงนกเรียงแถวเป็นรูปตัว V จะมีพละกำลังเพิ่มจากการบินเดี่ยวถึง
เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ข้อคิด หากเราร่วมเดินทางกับผู้ที่มีอุดมการณ์ในแนวเดียวกัน ก็จะสามารถ
ไปได้เร็วขึ้น และถึงจุดหมายปลายทางได้ง่ายขึ้น เพราะเราสามารถช่วยเหลือ
จุนเจือซึ่งกันและกันได้

2. ไม่ว่าเวลาไหน เมื่อนกตัวใดตัวหนึ่งพลัดหลงไปจากฝูง มันจะรับรู้ได้ทันทีว่า
มีพลังต่อต้านอย่างหนึ่งไม่ให้จากฝูงไป และอาศัยแรงประคองที่ส่งมาจากนกอีกตัว
มันจะกลับมาเข้ากลุ่มได้อย่างรวดเร็ว

ข้อคิด หากเราฉลาดได้เหมือนนก เราก็จะยินดีที่จะอยู่ร่วมกับกลุ่มคนที่มี
อุดมการณ์เดียวกับตนเอง พร้อมกับยินดีรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น
และก็ยินดีจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเช่นกัน

(http://worshipplus.net/wp-content/uploads/2011/10/flok-of-birds-v-formation-300x199.jpg)

3. เมื่อนกที่เป็นหัวหน้าเหนื่อยแล้ว มันจะถอยกลับไปรวมกลุ่ม
แล้วให้นกตัวอื่นนำหน้าแทน

ข้อคิด เมื่อประสบปัญหาในการทำงาน ผลัดเปลี่ยนและแบ่งปันการ
เป็นผู้นำบ้างก็เป็นสิ่งที่จะทำได้ เพราะเรายังมีความจำเป็นในการพึ่งพา
อาศัยซึ่งกันและกัน

4. นกตัวที่อยู่ด้านหลัง จะร้องส่งเสียงเป็นแรงเชียร์ให้ตัวที่อยู่ข้างหน้า
มุ่งหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ

ข้อคิด เราจำเป็นต้องคิดว่าเสียงเบื้องหลังที่ส่งเสียงมา เป็นเสียงที่เชียร์
ให้มุ่งมั่นไปข้าง และไม่คิดว่าเป็นเสียงอื่นใด

5 . เมื่อนกในกลุ่มเป็นไข้หรือได้รับบาดเจ็บ จะมีนกสองตัวมาช่วยเหลือและคุ้มครอง
นกสองตัวนี้จะอยู่เคียงข้างตลอดเวลา จนมันแข็งแรงหรือตายไป หลังจากนั้นนกสอง
ตัวนั้นจะบินพร้อมกันไปเป็นกลุ่มย่อย หรือตามไปให้ทันกับกลุ่มเดิม

ข้อคิด หาเราฉลาดเหมือนนก เราก็จะรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาแห่งความลำบากหรือช่วงที่ยังแข็งแรงอยู่
ความทุกข์ส่วนใหญ่ มักเกิดจากการไม่ยอมรับความจริงที่เปลี่ยนแปลง
ความทุกข์ของมนุษย์ส่วนมาก มักเกิดจากต้องการเปลี่ยนแปลงแต่เปลี่ยนไปไม่ได้
หรือไม่ต้องการ การเปลี่ยนแปลง แต่กลับเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น


(http://images.easyart.com/imagecache/4/1/si-41644.jpg_maxdim-400_resize-yes.jpg)

ถามว่าการให้อภัยในความผิดพลาดของคนๆหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทำยากหรือง่าย
คำตอบคือ ทำง่าย หากเราฝึกหัดทำเป็นประจำ

ขอให้เราฝึกเสมอๆว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรกับเรา ขอให้เราฝึกให้อภัยทุกวัน
ทำเหมือนที่เราแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ ขอให้เราทำทุกครั้ง ทำทุกวินาที
ทำเหมือนกรวดน้ำให้หลังทำบุญ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สรรพสัตว์น้อยใหญ่

เมื่อเราสร้าง ”อภัยทาน” ให้เป็นลักษณะนิสัยตลอดเวลาได้แล้ว
เราจะรู้สึกว่าการให้อภัยแก่ใครนั้น เป็นเรื่องง่ายดาย เป็นเรื่องธรรมดาๆ
คือทำได้โดยไม่ต้องฝืนใจทำ

ขอให้เราทราบไว้ว่า เมื่อเราหัดสร้าง “อภัยทาน”เป็นปกติแล้ว
เศษกรรมต่างๆแทนที่จะติดตามเราไปข้ามภพข้ามชาติ
ก็จะถูกสลัดออก คือตามไปไม่ได้ เพราะมิได้เป็นกรรมอีกต่อไป
หากแต่เป็นแต่เพียงกิริยาที่แสดงออก เพราะเราให้อภัยเสียแล้ว

เมื่อเราให้อภัยเสียแล้ว ใครๆที่ผูกอาฆาตพยาบาทเราไว้ แรงพยาบาท
ของเขา ก็จะหมดโอกาสติดตามเรา เพราะกรรมนั้นหมดแรงส่ง
เนื่องจากเราได้ “อโหสิ” เสียแล้ว

จึงขอเชิญชวนท่านทั้งหลาย มาฝึกปฏิบัติ “อภัยทาน” และ “อโหสิกรรม”
ตั้งแต่บัดนี้เถิด เพื่อยุติสนิมในใจ คือความอาฆาต พยาบาท เพื่อยุติแรงส่ง
ของกรรม ที่ตามไปเผล็ดผลอันเผ็ดร้อนข้ามภพข้ามชาติ

พึงหลับตาให้ใจสงบครู่หนึ่งก่อน แล้วตั้งใจกล่าวคำแผ่เมตตาเบาๆ ดังนี้

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
อเวรา โหนตุ จงเป็นสุขๆเถิด อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขๆเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขๆเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ จงเป็นผู้มีสุข รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญฯ

ที่มา หนังสือเรื่อง อภัยทาน รักบริสุทธิ์ โดย ปิยโสภณ วัดพระราม๙ กาญจนาภิเษก

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ1UMLBoMFq1aAZOaB8hJlQw0O3nILjN7eZEdRVzp1IZSxCWtML)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 ธันวาคม 2555 20:57:18


          (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/c92.0.403.403/p403x403/407411_289408427776532_1400885837_n.jpg)

๖๑. ๖ จดหมายจากดวงดาวถึงนายต้นไม้

นายต้นไม้ที่รัก
ฉันเป็นเพียงกลุ่มก้อนหินที่รวมตัวกัน ไม่มีแม้แต่แสงสว่างในตัวเอง
ที่มองดูสุกสกาววาววับ กระพริบไปมาอย่างเป็นสุข ก็เพราะได้แสงสว่าง
จากดวงอาทิตย์ และก็เป็นสภาพที่เป็นอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องร่วงหล่น
ไปตามวาระ กลายเป็นเศษดาวตกจากฟากฟ้าไป

ถ้าฉันเล่าความเป็นมาระหว่างเราแล้ว นายก็คงจะเข้าใจความผูกพัน
และความเป็นไประหว่างเราได้ดีขึ้น

หลายพันปีก่อน นายเป็นอำมาตย์ใหญ่อยู่ในวัง ด้วยความคึกคะนอง
และหลงในความสามารถของตัวเอง จึงถูกย้ายไปอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ
แต่นายก็เป็นคนเก่งรอบด้านเลยนะ ทั้งแต่งหนังสือ เขียนบทกลอน
เล่นดนตรี พิณลายจิ้งจกเป็นพิณที่นายรักมากที่สุด ถึงกับแต่งกลอน
บรรยายความรักและความรู้สึกที่มีต่อพิณนี้เลยทีเดียว

(http://nicsgallery.files.wordpress.com/2008/06/tree.jpg?w=300&h=200)

นายเป็นคนรักสนุก คึกคะนองหลงตัวเอง ชอบเสียดสีผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
แต่ส่วนดีที่สุดของนายคือใฝ่ธรรมะชอบสนทนาธรรมกับพระภิกษุเป็นประจำ
แต่งานเขียนของนายก็ค่อนข้างหมิ่นเหม่อยู่เหมือนกัน ซึ่งหลายๆท่าน
อาจไม่พอใจ หรือบอกว่าไม่ถูกต้อง

ชีวิตราชการของนายต้องย้ายไปอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ จนในที่สุดก็ได้พบ
กับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง นายสนิทสนมและผูกพันกับพระอาจารย์ท่านนี้มาก
เรียกว่าทุกครั้งที่มีเวลาว่าง จะต้องไปหาทันที ทั้งๆที่ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ
ไปถึงก็สนทนาธรรมบ้าง เล่นพิณบ้าง กึ่งเล่นกึ่งหยอกล้อพระอาจารย์เป็นประจำ
วันไหนได้หยอกล้ออย่างสนุกถึงใจ ถึงกับดีใจออกนอกหน้าเมื่อกลับถึงบ้าน
ยังมีรายละเอียดอีกมากมายซึ่งคงจะเล่าไม่หมดในที่นี้

         (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSxB9v-2DktqJm_FctTHQywZVxL6eTNsdB9gNEM1DYZVd3MyJWg3yw0APo)

แต่ความอาฆาตที่ฝังลึกโดยที่นายไม่รู้ตัวคือ ครั้งหนึ่งนายเดิมพันกับพระอาจารย์
ด้วยเข็มขัดหยก แต่นายแพ้เดิมพัน ถึงกับต้องเสียเข็มขัดสุดรักสุดหวงไปเลย
ครั้งนั้นนายรู้สึกเสียหน้ามาก เพราะเดิมพันต่อหน้าฝูงชนที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน

มีเรื่องหนึ่งที่อยากขอเตือนคือ เมื่อนายอายุจะเข้าเลขสี่ สุขภาพนายจะเริ่มเสื่อมถอย
จนเห็นได้ชัดและรู้สึกได้ แต่ความเจ็บป่วยและสุขภาพที่ไม่ดี จะทำให้นายเข้าใจ
สัจธรรมของชีวิตได้เป็นอย่างดี ในอดีตนายเป็นทุกข์เพราะสุขภาพอย่างแสนสาหัส

เล่ามาถึงตอนนี้ นายคงจะรู้แล้วซินะ ในอดีต ใครคือนาย ใครคือฉัน
ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย ซึ่งต่อไป นายอาจจะรู้เห็นได้ด้วยตัวเองก็เป็นได้
จาก
ดวงดาวที่อยู่ไกลโพ้นนั้น

       (http://4.bp.blogspot.com/-_3NKNI5lr4I/T0jY2HpvdJI/AAAAAAAAAME/lsB2HvRaL2w/s500/shooting_star.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 ธันวาคม 2555 21:01:27


    (http://farm9.staticflickr.com/8001/7695571550_41c5eeb86a_z.jpg)

๖๑.๗ ผู้เปิดประตูนั้นยังเหมือนเป็นผู้ปิดประตู

หวางหยังหมิง (1472-1529) เป็นนักปรัชญาและนักการศึกษา
ครั้งหนึ่งได้ไปที่วัด จินซานเพื่อไปไหว้พระ รู้สึกว่า คุ้นเคยกับสถานที่
และสภาพแวดล้อมภายในวัดเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ต้นไม้และต้นหญ้าก็
เหมือนกับเคยรู้จักกันมาก่อน

ขณะที่เดินผ่านห้องๆหนึ่งเห็นมีกระดาษปิดหน้าห้องไว้เหมือนกับบอกให้รู้ว่า
ห้องนี้ปิดตาย เขามองซ้ายมองขวาไปมาก็เหมือนกับเคยอยู่ที่นี่มาก่อน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า ข้างในมีอะไรบ้าง จึงขอให้ท่านเจ้าอาวาส
ช่วยเปิดห้องให้ดู แต่ท่านเจ้าอาวาสปฏิเสธแล้วพูดว่า
“ต้องขออภัย ห้องนี้เป็นห้องที่พระอาจารย์ท่านหนึ่งมรณภาพเมื่อห้าสิบปีก่อน
ข้างในเป็นที่เก็บศพของท่าน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านสั่งไว้ว่า ให้ปิดตายห้องนี้
ต้องขออภัยท่านจริงๆ เปิดให้ท่านดูไม่ได้”

“ห้องนี้มีทั้งประตูและหน้าต่าง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกว่าเปิดไม่ได้ตลอดไป
วันนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ท่านเมตตาช่วยเปิดให้ดูสักครั้งเถิด”
      หวางหยางหมิงวิงวอนร้องขออยู่นาน จนท่านเจ้าอาวาสทนรบเร้าไม่ไหว
จึงเปิดให้อย่างฝืนทนเต็มที ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาเย็น แสงอาทิตย์สาดส่อง
ไปที่ศพพระอาจารย์ที่ยังนั่งสมาธิอยู่ โดยที่ร่างยังไม่เน่าเปื่อย

หวังหยางหมิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่หน้าตาของพระอาจารย์ท่านนั้น
คล้ายกับตัวเองไม่มีผิด มองเลยขึ้นไปที่กำแพง ยังเห็นบทกลอนเขียนไว้ว่า

ห้าสิบปีผ่านไปหวังหยางหมิง
ผู้เปิดประตูยังเหมือนเป็นผู้ปิดประตู
จิตวิญญาณลับแล้วย้อนหวนคืน
ยังเชื่อว่าชาวเซนนี้ร่างไม่เน่า

ที่แท้ชาติก่อนของหวางหยังหมิงคือพระอาจารย์ที่นั่งสมาธิแล้ว
มรณภาพแล้วนั่นเอง ในกาลก่อนเป็นผู้ปิดประตู วันนี้ยังเป็นผู้มาเปิดประตู
ด้วยตนเอง เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันให้กับชนรุ่นหลัง
และหวังหยางหมิงยังได้เขียนบทกลอนไว้ที่วัดจินซาน ซึ่งยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้

(http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c83.0.403.403/p403x403/74709_327623913976058_1426337008_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 ธันวาคม 2555 21:05:44


         (http://blog.smartpress.com/wp-content/uploads/2012/01/rose.jpg)

๖๑.๘ หมั่นนึกถึงส่วนดีไว้

มีคำพังเพยบทหนึ่งกล่าวว่า
“เรื่องราวไม่สมหวังในชีวิตคนเรา มีมากถึงแปดถึงเก้าในสิบส่วน”
ในชีวิตของคนเรามีเรื่องราวที่ไม่สมหวัง มากเกินกว่าครึ่งของความสมหวัง
ด้วยเหตุนี้ การมีชีวิตอยู่จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเจ็บปวด แต่เมื่อหักความไม่
สมหวังออกแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีอีกหนึ่งหรือสองส่วนซึ่งเป็นความสมหวัง
เป็นความสุข เป็นความปลาบปลื้ม

หากเราอยากมีความสุข ก็ต้องหมั่นนึกถึงเรื่องดีๆของหนึ่งหรือสองส่วนนั้น
คิดอย่างนั้นจะรู้สึกความโชคดี และรู้จักถนอมสองส่วนนั้นไว้
ไม่ถูกแปดหรือเก้าส่วนนั้น โค่นจนล้มลง

เมื่อผ่านความเจ็บปวดและอุปสรรคในชีวิตไปแล้ว
ผ่านความรู้สึกของการพบแล้วพรากแล้ว
ก็ค่อยๆแสวงหาสิ่งที่เคยขวนขวายมาในชีวิต
สิ่งที่เป็นความสุข เป็นความคิดอ่านที่ถูกต้อง

ความคิดลักษณะนี้คือ
ความคิดหนึ่งกับสองส่วนที่ดีที่ต้องคิดบ่อยๆ

ความคิดหนึ่งกับสองที่ต้องคิดบ่อยๆ เป็นแสงสว่างลำเดียวที่จะแสวงหาได้
ในเมฆหมอกที่หนาทึบ และยังเป็นสิ่งที่เงียบสงบในห้วงกิเลสใหญ่น้อยทั้งหลาย
และยามเมื่อลมหายใจติดขัด จะได้หายใจยาวๆสักครั้ง

ชีวิตก็ทุกข์แสนสาหัสอยู่แล้ว หากเราเรานำสิ่งที่ไม่สมหวังที่ผ่านมาเป็นสิบปีมา
รวมกัน ย่อมจะนำความเป็นอยู่และความรู้สึกเข้าไปอยู่ในห้วงทุกข์
เป็นการเพิ่มทุกข์เข้าไปในทุกข์อีก

เรือชีวิตที่เดินไปท่ามกลางคลื่นที่ถาโถมเข้ามา
ต้องรู้จักวิธีที่จะเผชิญกับความทุกข์
ยามเมื่อความทุกข์เข้ามาเยือน หากยังคงดำรงไว้ซึ่งความคิดที่ถูกต้อง
หมั่นนึกถึงส่วนดีหนึ่งและสอง ก็จะสามารถผ่านพ้นทุกข์ไปได้
ความทุกข์ยากจะกลายเป็นปุ๋ยบำรุงชีวิตที่ดีที่สุด
และปัญญาย่อมจะบังเกิดในที่

(http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/c168.0.403.403/p403x403/396331_511160745575515_2139206680_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 ธันวาคม 2555 21:10:19


(http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/c4.0.403.403/p403x403/385569_276584159058959_1096730245_n.jpg)

๖๑.๙ ยืนหยัดอยู่ในคุณค่าของตัวเอง

มีลูกศิษย์คนหนึ่งมักจะคอยถามพระอาจารย์ด้วยคำถามเดิมๆทุกวัน
“อาจารย์ครับ อะไรคือคุณค่าของชีวิตที่แท้จริงครับ?”
วันหนึ่งพระอาจารย์นำก้อนหินก้อนหนึ่ง แล้วพูดกับศิษย์ว่า
“เจ้าจงนำก้อนหินก้อนนี้ไปขายที่ตลาด แต่ไม่ต้องขายจริงๆหรอกนะ
เพียงแต่ให้คนตีราคาก็พอ แล้วคอยดูว่า แต่ละคนจะตีราคาก้อนหิน
ก้อนนี้สักเท่าไร?”

ลูกศิษย์นั้นจึงนำก้อนหินไปขายที่ตลาด บางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้
ใหญ่ดี สวยดีให้ราคาสองบาท บางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้มาทำเป็น
ลูกตุ้มชั่งน้ำหนักได้ ก็ตีราคาให้สิบบาท ที่สุดแต่ละคนก็ตีราคาไปต่างๆ
นานา แต่ราคาที่ให้สูงสุดคือสิบบาท ลูกศิษย์รู้สึกดีใจ กลับไปบอกอาจารย์ว่า
“ก้อนหินที่ไม่มีประโยชน์อะไรนี้ ยังขายได้ถึงสิบบาท น่าจะขายออกไปจริงๆ”
อาจารย์พูดขึ้นว่า“อย่าเพิ่งรีบขายก่อน ลองพาไปขายในตลาดทองคำดู
แต่ก็อย่าขายออกไปจริงๆ”

ลูกศิษย์จึงนำก้อนหินก้อนนั้นไปขายในตลาดทองคำ เริ่มต้นมีคนตีราคาให้
หนึ่งพันบาท คนที่สองตีราคาให้หนึ่งหมื่นบาท สุดท้ายมีคนให้ถึงหนึ่งแสนบาท
ลูกศิษย์รู้สึกดีใจ รีบกลับไปรายงานพระอาจารย์ถึงผลพลอยได้ที่นึกไม่ถึง

พระอาจารย์กล่าวต่อไปอีกว่า “นำก้อนหินนี้ไปตีราคาที่ตลาดเพชร”
ลูกศิษย์จึงนำไปที่ตลาดค้าเพชร คนแรกให้ราคาหนึ่งแสน สองแสน
สามแสน ไปเรื่อยๆ เมื่อพ่อค้าเห็นไม่ยอมขายสักที จึงให้เขาตีราคาเอง
แต่ลูกศิษย์นั้นกล่าวว่า “พระอาจารย์ไม่ให้ขาย” จึงนำก้อนหินนั้นกลับไป
พูดกับพระอาจารย์ว่า “ก้อนหินก้อนนี้คนให้ราคาถึงเรือนแสนแล้ว”

“ใช่แล้ว ตอนนี้อาจารย์ไม่อาจสอนเจ้าถึงเรื่องคุณค่าของชีวิตเพราะ
เพราะเจ้ามองชีวิตของเจ้าเหมือนกับการตีราคาของตลาด คุณค่าของชีวิต
คนเรา ควรจะอยู่ในจิตใจของตนเอง ต้องมีสายตาของนักค้าเพชรที่เก่งที่สุด
เสียก่อน จึงจะมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตคนเรา”

คุณค่าของคนเรา ไม่ได้อยู่ที่ราคาที่อยู่ข้างนอก แต่อยู่ที่เราให้ราคาของตัวเอง
ราคาของเราทุกคนเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบ ยอมรับตัวเอง ฝึกฝนตัวเอง
ให้ช่องว่างกับตัวเองได้เติบโต พวกเราก็จะกลายเป็น “สิ่งที่มีค่าจนประเมินไม่ได้”
อุปสรรคทุกอย่างที่เกิดขึ้น ความปวดร้าวที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ความทุกข์ที่โหม
กระหน่ำ ก็มีความหมายอยู่ในตัวของมัน

         (https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRE6mxVKxfE3fnymiHB8p9CG0nWqr3UsyDYwYaoKuq_hqADhUDk_DTqrg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 ธันวาคม 2555 21:13:41


(http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/404572_361996077222709_690944703_n.jpg)

๖๑.๑๐ เทพเจ้าแห่งกอบัว

มีชายคนหนึ่งมักจะไปบำเพ็ญภาวนาอยู่ในป่า รักษาศีลอย่างบริสุทธิ์
และมีพลังศรัทธาเชื่อมั่นมาก ทุกวันจะต้องไปนั่งนั่งกรรมฐานวิปัสสนาที่ป่าแห่งนี้

วันหนึ่งนั่งสมาธิจนรู้สึกมึนหัว เลยลุกขึ้นมาเดินเล่น บังเอิญเดินผ่านสระบัวแห่งหนึ่ง
เห็นดอกบัวกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ดูงามตายิ่งนัก
ชายคนนั้นคิดว่า ดอกบัวงามอย่างนี้ หากเด็ดมาสักดอกแล้ววางไว้ข้างตัว
ดมกลิ่นหอมอ่อนๆของบัวไปด้วย คงจะทำให้สดชื่นขึ้น
ดังนั้น เขาจึงเอี้ยวตัวไปเก็บมาหนึ่งดอก ขณะที่กำลังจะจากไป ได้ยินเสียงต่ำๆ
แต่แฝงไว้ด้วยพลัง ถามมาว่า “ใคร? โอหังยังไงถึงมาขโมยดอกบัวของข้า?”
ชายคนนั้นมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นมีอะไร เลยถามไปว่า

“ท่านเป็นใคร? แล้วจะบอกได้ยังไงว่าดอกบัวนี้เป็นของท่าน”

“ข้าเป็นเจ้าที่ดูแลสระบัวแห่งนี้ ดอกบัวทั้งสระนี้ก็เป็นของข้า เสียแรงที่เป็นนักภาวนา
ขโมยเด็ดดอกบัวของข้า เกิดความโลภขึ้นมาในใจ ยังไม่รู้ตัว
ยังไม่รู้สึกสำนึกผิด ยังจะกล้ามาถามอีกว่าดอกบัวนี้เป็นของข้าหรือเปล่า”

ชายนั้นรู้สึกละอายใจและอดสูยิ่งนัก นั่งคุกเข่าแล้วคำนับขอขมาพูดว่า
“ท่านเทพแห่งดอกบัว ข้าสำนึกผิดแล้ว จะแก้ตัวใหม่กับความผิดที่ผ่านๆมา
จะไม่กล้าโลภอยากได้สิ่งของที่ไม่ใช่ของตัวเอง”

ขณะที่เขาสำนึกผิดอยู่นั้น มีคนๆหนึ่งเดินผ่านมาข้างสระพอดี พลางพูดกับ
ตัวเองว่า ดอกบัวนี้บานได้อย่างอวบอิ่มยิ่งนัก เด็ดไปขายในเมืองดีกว่า
ได้เงินมาแล้ว ดูซิเงินที่เล่นไพ่แพ้แล้วจะเอากลับคืนมาได้หรือเปล่า?

ว่าแล้วก็กระโดดลงไปในสระ เก็บดอกบัวทุกดอกในสระไปหมด ทั้งยังเหยียบย่ำใบ
จนจมโคลนไปหมด แม้กระทั่งโคลนยังถูกพลิกขึ้นมา แล้วก็หอบเอาบัวกำใหญ่
หัวเราะอย่างถูกใจแล้วจากไป

ชายคนนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เทพเจ้าแห่งกอบัวจะออกมาห้าม
ดุด่าและลงโทษคนๆนั้น แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

เขาเต็มไปด้วยความสงสัยเลยถามออกมาลอยๆว่า “ท่านเทพ ข้าเพียงแต่เด็ด
ดอกบัวไปเพียงดอกเดียว แต่ท่านกลับดุด่าว่าข้าอย่างรุนแรง แต่คนเมื่อกี้เด็ดดอก
บัวไปทั้งหมด ทั้งทำลายสระจนเละไปหมด ท่านทำไมถึงไม่พูดสักคำ?”

ท่านเทพตอบมาว่า “ท่านเป็นนักภาวนา ก็เหมือนผ้าขาวผืนหนึ่ง แม้มีเพียง
รอยสกปรกเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นข้าจึงเตือนเจ้า
ให้รีบขจัดสิ่งที่ทำให้มัวหมอง กลับกลายเป็นบริสุทธิ์ดังเดิม

แต่คนๆนั้นเป็นคนหยาบช้ามาแต่เดิม เหมือนดังผ้าขี้ริ้ว ถึงจะสกปรกถึงจะดำอีก
ก็ไม่เป็นไร ข้าก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เขาเป็นไปตามกรรมที่เขาก่อไว้เอง
ถึงไม่ได้พูดอะไร

เจ้าก็อย่าน้อยใจไปเลย ควรจะดีใจมากกว่า ที่ข้อผิดพลาดของเจ้ามีคนเห็น
และคนที่เห็นแล้วยังมาชี้แนะให้เจ้าเดินไปในทางที่ถูกที่ควร แสดงว่าผ้าของเจ้ายังขาวอยู่
ควรที่จะได้รับการชำระให้สะอาด นี่ควรจะเป็นเรื่องที่น่าดีใจไม่ใช่หรือ?”

         (http://pcdn.500px.net/2261091/29dbb30de32e2f7337ff414a84207eaf636fcdb5/3.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 ธันวาคม 2555 21:22:04


(http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/c0.0.403.403/p403x403/317211_323825491058347_571364521_n.jpg)

๖๑.๑๑ หนทางแห่งความสำเร็จ

ชายหนุ่มคนหนึ่งอยากจะแสวงหาหนทางแห่งความสำเร็จ เขาได้ยินมาว่า
มีผู้รู้ท่านหนึ่งเป็นผู้มีปัญญามาก รู้ว่าอะไรคือหนทางแห่งความสำเร็จ
มีหลายคนได้รับความสำเร็จเมื่อได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ท่านนี้
ดังนั้นเขาจึงอยากจะไปหาผู้รู้ท่านนี้ตามคำเล่าลือ แล้วจะขอคำชี้แนะ
หลังจากต้องแสวงหาด้วยความยากลำบากอยู่นาน ที่สุดก็หาจนเจอ

ชายหนุ่ม : ท่านผู้รู้ครั้บ ท่านจะสอนให้ข้าพเจ้าทำอะไรบ้าง
หรือเตรียมเงื่อนไขอะไรบ้าง ถึงจะประสบผลสำเร็จ
ผู้รู้ : “เจ้าอยากจะประสบความสำเร็จหรือ? งั้นตามข้ามา”

ผู้รู้พูดเสร็จ ก็ไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มนั้นจะมีปฏิกิริยาอะไร เดินลิ่วๆ
ไปที่ชายหาด ชายหนุ่มนั้นเพื่อจะหาหนทางแห่งความสำเร็จ
ก็เดินตามหลังไปติดๆ เดินไป เดินไป จนถึงชายหาด
ผู้รู้ล่อให้ชายหนุ่มนั้นเดินลงไปในทะเลยิ่งเดินก็ยิ่งลึกลงไปในทะเล
จนน้ำลึกลงมาถึงที่อกแล้ว มองดูแล้ว ถ้าเดินต่อไปอีกต้องท่วมมิดหัวแน่

ผู้รู้นั้นอยู่ๆก็กดหัวของชายหนุ่มนั้นให้จมลงไปในน้ำ
ชายหนุ่มนั้นต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต เพื่อให้รอดพ้นจากอันตราย
แต่ผู้รู้นั้นก็ยังกดไม่ปล่อยผ่านไปอีกชั่วครู่ ถึงปล่อยมือ
หนุ่มนั้นรีบโผล่ขึ้นเหนือน้ำ หายใจลึกๆอยู่หลายครั้ง

แล้วจึงตะโกนด่าว่า “ไอ้แก่ เจ้าจะกดให้ข้าจมน้ำตายหรือ?”
“หากปณิธานของเจ้าที่มุ่งหวังความสำเร็จ เหมือนความมุ่งมั่นที่จะหายใจ
ของเจ้าเมื่อสักครู่ เจ้าก็เดินเข้ามาบนเส้นทางแห่งความสำเร็จแล้ว” ผู้รู้ตอบ

(http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c0.0.403.403/p403x403/523522_482750328409423_1335262306_n.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 ธันวาคม 2555 17:42:31


              (http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/c0.0.403.403/p403x403/644715_511290532229203_775419821_n.jpg)

๖๒. ภูเขาพระอาทิตย์

มีพี่น้องคู่หนึ่งกำพร้าบิดามารดาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก สองพี่น้องดำรงชีวิตอยู่มา
อย่างยากลำบาก พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการตัดฟืนไปขายในเมือง แต่พวก
เขาก็ไม่รู้สึกเคืองแค้นในโชคชะตา ซ้ำยังเป็นคนขยันขันแข็ง ทำงานทั้งวัน
ตั้งแต่เช้ายันมืด คนพี่ดูแลเอาใจใส่น้อง คนน้องรักและเคารพในตัวพี่
แม้ชีวิตจะอยู่อย่างฝืดเคือง แต่ทั้งสองก็มีความสุขตามอัตภาพ

หัวรุ่งของวันหนึ่ง ทั้งสองฝันว่า เจ้าแม่กวนอิมมาบอกว่า “ที่ๆไกลจากที่นี่ไป
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า “ภูเขาพระอาทิตย์” บนภูเขามีทอง เหลืองอร่ามเต็มไป
หมด พวกเจ้าสามารถไปเอามาได้ แต่พวกเจ้าต้องระวัง เพราะจะเจออุปสรรค
และอันตรายตลอดทาง และอีกอย่างที่สำคัญคือ บนภูเขาจะมีอุณหภูมิสูงมาก
พวกเจ้าจะต้องนำทองเอาจากภูเขาก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ถ้าหากรอให้พระ
อาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกเจ้าจะโดนเผาจนตาย”

เมื่อตื่นขึ้นมาทั้งสองรู้สึกดีใจมาก ปรึกษากันสักพัก ก็ตกลงใจจะเดินทางทันที
ตลอดทางเจอสัตว์ร้าย พายุฝนกระหน่ำ และอุปสรรคต่างๆนานา แต่ด้วย
ความร่วมแรงร่วมใจของทั้งสอง ที่สุดก็เดินทางถึงภูเขานั้น

ขณะนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น คนพี่รีบเก็บทองก้อนที่มีขนาดใหญ่แล้วรีบลง
จากเขาทันที แต่คนน้องเก็บแล้วเก็บเล่าจนเต็มถุงแล้วก็ยังไม่ยอมรามือ
แม้จะยังจำได้ว่า เจ้าแม่ได้เตือนแล้วว่า ให้ลงจากเขาก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น
ก็ไม่สนใจ ได้แต่คิดในใจว่า “ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายที่จะพบทองมากมายอย่างนี้
ขอเก็บให้พอใจเถอะ” คิดแล้วก็เก็บต่อไปอีก

พระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาจากขอบฟ้า อุณหภูมิก็สูงขึ้นเรื่อยๆ คนน้องจึงรีบแบกทอง
ลงจากเขา แต่ทองนั้นหนักเหลือเกิน เขาลากทองนั้นอย่างทุลักทุเล หกล้มไปตลอดทาง
ที่สุดความร้อนจากแสงอาทิตย์ก็เผาเขาจนตายอยู่บนภูเขานั้น

ส่วนคนพี่เมื่อได้ทองมา ก็นำทองไปขายได้เงินมาไปลงทุนค้าขาย
เก็บหอมรอมริบจนกลายเป็นเศรษฐี

      (https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQqsWcda9ppf9sq4a1N1GL3jJOJh0vXsySJeMprulwpytTmspC3V3YgvzU)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 ธันวาคม 2555 17:46:11


          (https://lh6.googleusercontent.com/-T2HSfMaEffM/SK65_kAJQRI/AAAAAAAAFds/jFSYquH4YQk/s440/sunsets-boats%2520%252814%2529.jpg)

๖๓. จดหมายของแม่

พระอาจารย์ท่านหนึ่งขณะที่ยังเป็นสามเณร เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม
พูดจาฉะฉาน ได้พบกับฮ่องเต้หลายครั้ง และได้รับพระราชทานรางวัลมา
ทุกครั้ง ของที่ได้รับพระราชทานมา สามเณรนั้นจะส่งกลับไปให้มารดา
เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู แต่มารดาตอบจดหมายกลับมาว่า

สิ่งที่เจ้าส่งมานั้นเป็นของพระราชทาน แม่ย่อมรู้สึกชื่นชมยินดี
แต่เมื่อตั้งแต่แรก ที่ตั้งใจจะให้เจ้าบวชเรียน ก็เพื่อจะให้เจ้าเป็นผู้ที่
ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ถูกต้อง เพื่อให้หลุดพ้นจากความเป็นทุกข์กับ
เกียรติยศชื่อเสียงเงินทอง หากว่ายังหลงชื่นชอบอยู่กับสิ่งจอมปลอม
แบบโลกๆ ก็เท่ากับเป็นการผิดไปจากความตั้งใจแต่แรกของแม่
หวังว่าเมื่อได้อ่านจดหมายของแม่แล้ว ลองไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วน
“อะไรคือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง”   “อะไรคืออาจารย์ของฟ้าดิน”

หลังจากที่สามเณรนั้น ได้อ่านจดหมายจากมารดา ก็ได้ตั้งใจปฏิบัติ
ตนเป็นบรรพชิตที่ประพฤติธรรมเผยแพร่ธรรมะและฉุดช่วยผู้คน
ดังคัมภีร์ที่กล่าวไว้ว่า “หวังจะให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นจากทุกข์
ไม่ได้เพื่อหวังวิงวอนให้ตัวเองสุขสงบ”

หลังจากนั้น สามเณรท่านนั้นก็ฝากคนไปแจ้งข่าวกับมารดาว่า
หน้าร้อนปีนี้ จะขอลากลับไปเยี่ยมแม่ มารดาก็ส่งจดหมายตอบมาว่า
“เมื่อแม่ส่งเจ้าไปบวชเรียน เจ้าก็กลายเป็นคนของศาสนา
เป็นคนของเหล่าเวไนย ไม่ใช่เป็นคนของแม่เพียงคนเดียวแล้ว

ต่อจากนี้ไป เจ้าควรจะเป็นบุตรของพุทธะ
กตัญญูต่อครูอาจารย์ ใกล้ชิดพระรัตนตรัย
ไม่ควรจะนึกถึงแม่แต่เพียงผู้เดียว
ความคิดที่จะกลับบ้านในหน้าร้อนนี้ ยกเลิกเสียเถิด

         (http://4.bp.blogspot.com/_fscH3OFFPxU/TFXKDseT6iI/AAAAAAAABlE/9cgYWQHrYwY/s320/5.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 ธันวาคม 2555 17:50:24


           (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/c0.37.403.403/p403x403/249403_488724264480980_1657326289_n.jpg)

๖๓. ๑ ความหอมของดอกเหมยฮวา

เช้าวันหนึ่งของฤดูหนาว เศรษฐีคนหนึ่งก็เหมือนกับที่เคยปฏิบัติทุกวัน
ผ่านการนอนอันอบอุ่นมาทั้งคืน เมื่อกินอาหารเช้าอันอุดมสมบูรณ์แล้ว
ก็จะเดินเล่นอยู่ในสวนที่มีอาณาเขตกว้างขวาง
ก็เหมือนกับเศรษฐีทั่วๆไปที่เช้าขึ้นมาก็เดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้
เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงถึงฐานะและลักษณะของเศรษฐี

ในสวนอันกว้างใหญ่นั้นเศรษฐีไม่เคยปลูกดอกไม้ด้วยตัวเอง พวกเขาได้แต่เสพสุข
จากผลสำเร็จอันยากลำบากของคนสวน ชมดอกไม้ก็เหมือนกับการตรวจงานในชีวิตประจำวัน
เศรษฐีเห็นดอกไม้ในสวนบานสะพรั่ง ก็ดีใจที่สามารถมีสวนอย่างนี้ได้

ขณะที่กำลังเดินชมเพลินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู เศรษฐีคนนั้นก็เปิดประตูสวนออกไป
เห็นขอทานใส่เสื้อผ้าขาดๆคนหนึ่ง ยืนตัวหนาวสั่นท่ามกลางลมหนาวด้านนอกขอทานนั้นพูดขึ้นว่า
“คุณท่าน ทำบุญทำทานให้กับคนยากด้วยเถิด ขออะไรกินสักหน่อยได้มั้ย?”

เศรษฐีนั้นบอกให้ขอทานรอสักเดี๋ยว แล้วก็เดินเข้าไปในครัว ยกอาหารอันร้อนกรุ่นมา
ชามหนึ่ง ขณะที่เศรษฐีนั้นจะยกให้กิน ขอทานนั้นพูดขึ้นว่า
“คุณท่าน ดอกเหมยฮวาบ้านท่าน ช่างหอมกรุ่นเสียจริงๆ”
พูดจบแล้วก็ รับอาหารนั้น ขอบคุณแล้วเดินจากไป

เมื่อได้ยินคำพูดของขอทานนั้น เศรษฐีนั้นนิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วคิดว่า
“ขอทานยังรู้จักชื่นชมดอกไม้หรือ? และสิ่งที่ยิ่งทำให้เศรษฐีประหลาดใจคือ
ปลูกดอกเหมยฮวาในสวนมาสิบกว่าปี แล้วก็เดินชมสวนอยู่ทุกวัน
ทำไมถึงไม่เคยได้กลิ่นของดอกเหมยฮวาเลย

ดังนั้น เขาจึงเดินไปใต้ต้นเหมยฮวา แล้วก็พยายามทำจิตให้สงบนิ่งและอ่อนโยน
จากนั้นก็ค่อยๆสูดดมกลิ่นของดอกเหมย แล้วเขาก็ได้กลิ่นหอม ใสเย็นอ่อนๆ
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้กลิ่นของดอกเหมย เขาตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

***** สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต คือการรู้จักชื่นชม แต่ไม่ใช่การยึดครองอยู่ *****

         (https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSJdb-ufHOhGB2gqWgzEpw01QEGNgaktnwc_fVP7jyU8GniLn0s)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 ธันวาคม 2555 17:54:58


 (http://chorvatsko.cz/galerie/krka/Krka%203.jpg)

๖๓. ๒ สุดท้ายของชีวิต กายไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเอง

ฉันคือน้ำ ที่ไหลมาจากบนยอดเขาลงมาสู่ด้านล่าง
ผ่านป่าเขาลำเนาไพร ผ่านโขดหิน
บางครั้งคดเคี้ยว บางครั้งก็ราบเรียบ
บางครั้งก็เป็นน้ำขุ่น บางครั้งก็เป็นน้ำใส
บางครั้งนอนนิ่งๆอยู่กลางหุบเขา แล้วก็ไหลเอื่อยๆไปอย่างช้าๆ

เมื่อมีอุปสรรค ฉันก็อดทนที่จะรอคอย
เมื่อไม่มีสิ่งกีดขวาง ฉันก็มุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดหวั่น
ไม่รู้ผ่านวันเดือนปีไปแล้วเท่าไหร่
สุดท้ายก็กลับไปที่ทะเลชีวิต
นึกว่าจะกลับถึงบ้านแล้ว

แต่ใครจะคิดว่า กลับโดนแสงแดดแผดเผาจนกลายเป็นไอน้ำ
กลายเป็นเมฆขาวลอยอยู่บนท้องฟ้า
แล้วต้องล่องลอยไปตามลม ไปยังที่ๆไม่รู้จัก
กายฉันเหน็ดเหนื่อย ใจฉันอ่อนล้า
ไม่รู้ไปถึงไหนถึงจะได้เจอแหล่งพักพิง

แล้วช่วงเวลานั้น ฟ้ามืดมิด หมอกแน่นหนา
ก้อนเมฆเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีดำ
ทำให้ฉัน ซึ่งเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอยู่แล้ว
กลายเป็นอ่อนแอลงไปยิ่งกว่า

ฉับพลันนั้น เมฆดำเริ่มจะรั่วไหลไปอย่างบ้าคลั่ง
ฝนนั้นคือน้ำตา ฝนนั้นคือความทุกข์ ฝนนั้นส่งเสียงร้องไห้
คร่ำครวญกลางสายลม สายฝนเทกระหน่ำ พรั่งพรูอย่างไม่ยอมหยุด
พื้นโลกได้รับความชุ่มชื้น สรรพสิ่งงอกงามเติบโต

ที่แท้ ……
นั่นไม่ใช่ความทุกข์ยากอุปสรรค
แต่เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทำให้เกิดความชุ่มฉ่ำ
สลายตัวเองเพื่อให้ผู้อื่นเติบโตและมีความสุข

ฉันรู้แล้วว่า …….
สุดท้ายของชีวิต ไม่ได้อยู่ที่กายของตนเอง
แต่อยู่ที่เพื่อสรรพสิ่งที่มี

         (http://4.bp.blogspot.com/-ygAD9X4SNOY/T06aQ_vEsZI/AAAAAAAADfc/deYc8RCC2yM/s320/HD+WALLPAPER+DOWNLOAD+FREE((thewallpaperdb.blogspot+(247).jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 ธันวาคม 2555 17:57:59


   (https://lh6.googleusercontent.com/-olelBhpk__0/SK65rjuJPuI/AAAAAAAAFao/1uazwrwWZGY/s440/sunsets-beach%2520%252861%2529.jpg)

๖๓. ๓ นิทานไม่จำเป็นต้องมีตอนจบตามมาตรฐาน

สมัยเมื่อเรายังเรียนหนังสือ เวลาเรียนต้องให้อาจารย์บอกคำตอบที่ถูกต้อง
เวลาสอบ ก็ย่อมจะต้องมีคำตอบที่ถูกต้อง
ดูหนัง ดูละคร ก็จะต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนไหนเป็นคนดี
หรือคนร้าย สุดท้ายนางเอกหรือพระเอกจะได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า?
คนร้ายจะตายหรือเปล่า? ไม่มีตอนจบ ก็คือไม่มีคำตอบ พวกเราก็จะไม่เข้าใจ
นี่คือธรรมเนียมที่เป็นมาตรฐานที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ

ดังนั้นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ พวกเราจะต้องได้คำตอบที่ถูกต้องและสะใจตัวเองที่สุด
คนดีย่อมจะดีถึงที่สุด คนร้ายไม่มีจิตใจ ใจดำชนิดที่ไม่มีสีอื่นผสมอยู่เลย
คนร้ายต้องลงเอยอย่างเลวร้าย คนดีจะต้องได้รับผลดีตอบสนอง
มีคำตอบมาอย่างชัดเจน ไม่ต้องเปลืองสมองคิดแต่อย่างไร
แต่จริงๆแล้ว ชีวิตจริงของคนเรามีเรื่องราวมากมายที่มักจะไม่ได้คำตอบ

คนที่น่ารำคาญในบริษัท เมื่อกลับถึงบ้านอาจจะเป็นพ่อที่ดีของลูก
เพราะว่าเขาต้องให้สิ่งดีที่สุดแก่ลูกของเขา เลยจำเป็นต้องชิงดีชิงเด่นกับ
ผู้อื่นในบริษัท เพื่อจะได้นำเงินเดือนที่สูงขึ้นไปซื้อของที่ดีให้กับลูกของเขา
แล้วคุณจะบอกว่าเขาเป็นคนดีหรือคนชั่ว?

คนสูงอายุคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบ แต่ก็เป็นมะเร็ง
แล้วคุณจะบอกว่า นี่คือการลงเอยของคนดีหรือคนร้าย?

เรื่องราวเหล่านี้เกี่ยวกับความเป็นจริงของชีวิตคน
นิสัยคนเรามีมากมายสับสน วุ่นวายไปหมด
พวกเราต้องผ่านประสบการณ์ ผ่านเรื่องราวมาร้อยแปด
จึงจะเข้าใจสิ่งต่างๆได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ชีวิตที่แท้จริงจะต้องเดินไปประสบพบเห็นเองถึงจะเข้าใจถึงแก่นแท้
คนอื่นจะพูดอย่างไร ก็คงอยู่ในของเขตที่จำกัด
นี่คือชีวิต บางเรื่องราวเราไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือก บางสิ่งเราก็อาจจะควบคุมได้
นิทานก็เหมือนกับชีวิต ซึ่งตอนจบไม่จำเป็นจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่คนตั้งไว้

           (https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSVqiROHxzTkWO_IaEohLSnu8vV_StC0x5emzE9tCW-cscH2ejF)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 ธันวาคม 2555 18:02:12


     (http://www.techfz.com/wp-content/uploads/2012/09/The-Beautiful-Green-Nature.jpg)

๖๓. ๔ เมล็ดพันธุ์ที่สลายไป

เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ต้นหนึ่ง บังเอิญหล่นลงมายังพื้นดิน
แล้วเมล็ดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นแม่ของตัวเอง
เป็นต้นไม้พันปีต้นหนึ่ง ลำต้นยืนอยู่อย่างมั่นคงสง่าผ่าเผย
ตัดกับด้านหลังซึ่งเป็นฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ไพศาล
ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของแม่ตัวเอง

“แม่ แม่ ทำไมแม่ถึงยืนได้อย่างยิ่งใหญ่บนพื้นโลก? เมล็ดพันธุ์ถาม
ต้นไม้ผู้เป็นแม่พูดกับลูกอย่างปรานีว่า
“นี่ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ แต่มันเป็นสิ่งที่เติบโตขึ้นมาเองตามธรรมชาติ
เมล็ดพันธุ์ทุกเม็ดของเรา เพียงแค่มีความสมบูรณ์แข็งแรง
ดูดน้ำ รับฝน และรับแสงแดด ก็จะเติบโตได้เองตามธรรมชาติ
แต่ก็ต้องทนผ่านประสบการณ์จากลมแรงฟ้าคะนอง ผ่านฤดูกาลต่างๆ
ลูกเอ๋ย วันหนึ่งเจ้าก็จะเติบโต และสูงใหญ่เท่าแม่”
เมล็ดพันธุ์นั้นยังรู้สึกงงงวยต่อชีวิตในอนาคต

“ แต่ แม่ครับทำอย่างไรลูกถึงจะตั้งลำต้นได้อย่างมั่นคง ลูกต้องทำอย่างไร?”
“ลูกรักของแม่ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเจ้าจะต้องย่อยสลายตัวเองก่อน
ทำตัวเองให้หลอมละลายอยู่ในดิน หลังจากนั้นก็แตกยอดอ่อนออกมา
กลายเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง ขอให้เป็นต้นไม้ วันหนึ่งเจ้าก็จะเหมือนแม่เอง
รับรู้ความสุขจากท้องฟ้า สายลมและแสงแดด”

“แม่ครับ ลูกต้องย่อยสลายไป มันน่ากลัวนะแม่ และถ้าหากลูกหลอมละลาย
ปนอยู่ในดินแล้ว ไม่ได้โตมาเป็นต้นไม้ แล้วกลายเป็นดิน แล้วลูกจะทำอย่างไรครับ?
แล้วไม่ต้องอยู่ในดินที่มืดมิดเปียกชื้นตลอดไปหรือ?
อย่างนี้เป็นการเสี่ยงภัยเกินไปแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า ขอให้ลูกเหลือเมล็ดพันธุ์สักครึ่ง อีกครึ่งโตเป็นต้นไม้ดีกว่า”
ผู้เป็นลูกตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้น ขอเลือกครึ่งหนึ่งสลายไป อีกครึ่งหนึ่ง
หลอมรวมลงดิน เพื่อความสบายใจในความปลอดภัยของตัวเอง

ผู้เป็นแม่ถอนใจยาว ทุกๆปีนางจะเกิดเมล็ดพันธุ์ขึ้นมากมาย แต่มีเพียง
เมล็ดพันธุ์เม็ดสองเม็ดเท่านั้นที่จะยอมย่อยสลาย แล้วเติบโตเป็นต้นไม้
ส่วนพวกที่บังเอิญหล่นลงมา ปล่อยให้ตัวเองเน่าเปื่อย แล้วก็กลายเป็นดิน
สูญสลายหายไปจริงๆ

         (https://encrypted-tbn1.google.com/images?q=tbn:ANd9GcSa2vjby4dflRZqvx3-L4L3w7AK4v-UzQJC_m7mZMtAc-_Mj8sD)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 ธันวาคม 2555 18:06:19


          (http://www.burtglinn.com/Fuji_NYC27451_1_thumb.jpg)

๖๔. หาตัวตนของตัวเองที่หายไป

มีพระรูปหนึ่งบวชเรียนผ่านไป 20 พรรษาแล้ว ก็ยังไม่บรรลุธรรม
จิตใจจึงรู้สึกว้าวุ่นและกระวนกระวาย

วันหนึ่งพระอาจารย์ ใช้ให้ไปทำธุระที่ข้างนอกที่ต้องใช้เวลาถึง 1 ปี
เขาคิดในใจว่า “ต้องใช้เวลานานขนาดนี้ ตัวเองก็ปฏิบัติธรรมไม่มี
ความก้าวหน้าอะไร นี่ไม่ใช่เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
หรือ “ เลยทำให้จิตใจมีแต่ความทุกข์กังวล

พระอีกรูปหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกัน ได้ยินเพื่อนมาปรับทุกข์
เลยพูดปลอบว่าข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า ขณะที่เดินทางไปนั้น
ข้าอาจจะพอแนะนำอะไรที่เกี่ยวกับการภาวนาได้บ้าง”
พระรูปนั้นได้ยินแล้วดีใจมาก แล้วทั้งสองก็เดินทางไปด้วยกัน

ขณะที่เดินทางไปด้วยกัน พระที่ไปเป็นเพื่อนมักจะคุยและมีเรื่องสนุกทั้งวัน
เหมือนกับจะลืมปณิธานที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้น พระรูปนั้นรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
จึงร้องขอให้เพื่อนช่วยเหลือเรื่องการปฏิบัติธรรม

“ไม่ใช่ข้าไม่ช่วยเหลือเจ้า แต่ข้าช่วยเจ้าไม่ได้จริงๆ ตลอดการเดินทาง สิ่งที่
เจ้าจะต้องทำเองมี 5 อย่าง”
“5 อย่างมีอะไรบ้าง?”
“ฉัน ดื่ม ถ่ายหนัก ถ่ายเบา นอน”

ขณะที่เพื่อนพูดจบ พระรูปนั้นเข้าใจได้โดยฉับพลับ ที่สุดเขาก็รู้แจ้งแล้ว
จากคำพูดไม่กี่คำทำให้รู้จัก “ตัวตนของตัวเอง”
ดังนั้นเขาจึงเดินทางต่อไปตามลำพัง ไม่ต้องการเพื่อนไปด้วยอีกแล้ว

หนึ่งปีผ่านไป เมื่อเขากลับมาถึงวัด ทันทีที่พระอาจารย์เห็นหน้าก็พูดกับเขาว่า
“ในที่สุดเจ้าก็หาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าได้แล้ว”

นึกถึงตลอด 20 ปีที่ผ่านมาตัวเองช่างไม่เดียงสาเสียจริงๆ
ทุกอย่างก็คิดจะพึ่งพิงแต่อาจารย์ นึกว่าหากห่างไกลจากอาจารย์แล้ว
จะภาวนาไม่ได้ จนทำให้การรู้แจ้งล่าช้าไปมาก
หลังจากการชี้แนะของกัลยาณมิตร จนได้ค้นพบตัวตนของตนเอง
และเมื่อรู้ว่ารากเหง้าของการภาวนาล้วนแต่ต้องอาศัย
“รู้เอง ทำเอง เห็นเอง” ตนเองถึงได้เริ่มต้นเดินไปสู่
“วิถีแห่งการรู้แจ้ง”

         (https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ55HXkxt-7bMFmgVM5f6H9xnRwv8Fir22LdcCReIyd6MhRf8ATRw)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ หมั่นพิจารณาถึงอนิจจัง
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มกราคม 2556 14:47:15


          (http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/c0.0.403.403/p403x403/644024_350706255026331_2041726447_n.jpg)

๖๔. ๑ หมั่นพิจารณาถึงอนิจจัง

มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยากจะเข้าใจชีวิตให้แจ่มแจ้ง
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะเดินทางออกไปดูโลกกว้าง
ขณะที่เดินไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง เจอเพื่อนและภรรยาของเพื่อน
ซึ่งตั้งครรภ์อยู่ จากการคะยั้นคะยอด้วยความมีน้ำใจของเพื่อน
จึงตัดสินใจอยู่พักชั่วคราว

แต่ใครจะรู้ว่า เพียงแค่ชั่วข้ามคืน เมื่อเพื่อนของเขาออกไปทำงานข้างนอก
ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทำให้ภรรยาของเพื่อนต้องเศร้าโศก เสียใจ
ไม่เป็นอันกินอันนอน และตรอมใจจนทำให้ต้องคลอดลูกก่อนกำหนด

ชั่วเวลา “การเกิด กับ การตาย” ที่ได้เห็น ทำให้ชายหนุ่มนั้นเห็นถึงความไม่
เที่ยง ความไม่เที่ยงทำให้คนต้องตาย และก็เป็นความไม่เที่ยงที่ทำให้เกิด
อนิจจังทำให้คนเป็นทุกข์ แล้วก็เป็นอนิจจังที่พาความสุขมาให้
วินาทีนี้ ไม่รู้ว่า อนิจจังนี้ พาความทุกข์หรือพาความสุชมาให้เขา

เมื่อจัดการงานศพให้เพื่อนแล้ว เขาก็เดินทางต่อไป
และเมื่อเดินทางถึงเมืองๆหนึ่ง เห็นพี่น้องคู่หนึ่ง
คนพี่ซึ่งเดินนำหน้าอยู่ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขสมหวัง
เหมือนกับประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงาน
ส่วนคนน้องที่เดินตามมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เหมือนกับถูกบีบคั้นจากโชคชะตาอย่างน่าสงสาร
ชายหนุ่มเห็นฉากชีวิต ลักษณะนี้แล้ว รู้สึกขำอยู่ในใจ

แล้วก็ตัดสินใจพำนักอยู่ในเมืองนี้
เพื่อจะได้พินิจพิจารณาลักษณะของบุคคลต่างๆ
หลังจากเวลาผ่านไปสิบปี ชายหนุ่มนั้นก็เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว

และพี่น้องคนที่เขาเคยพบเมื่อเดินเข้าเมืองครั้งแรก
คนพี่เนื่องจากเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง และ เจ้าสำราญ
ผ่านไปไม่นาน กิจการก็ล้มเหลว
ส่วนคนน้อง เป็นคนจริงจังและซื่อตรง ทำงานทำการด้วยความระมัดระวัง
และรักษาสัจจะ ที่สุดก็ประสบความสำเร็จในชีวิต

ช่วงเวลา “แห่งความสำเร็จและความพ่ายแพ้” ทำให้ชายคนนั้นรู้สึกถึง
การเปลี่ยนแปลงของชีวิต อนิจจัง นำพาความสมหวังมาให้
และอนิจจังก็นำพาความผิดหวังมาให้มนุษย์เรา
วินาทีนี้ เขาไม่รู้ว่า อนิจจังเป็นสิ่งที่ดีหรือเลว

เวลาผ่านไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ จากวัยกลางคนก็ล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา
เขาคิดในใจว่า ถึงเวลาแล้วที่จะกลับไปสู่บ้านเกิด
ช่วงเวลาแห่งการ “จากมา แล้ว กลับไป” ทำให้เขารู้สึกถึงความ
ไม่เป็นแก่นสารของชีวิต ความอนิจจังทำให้คนเป็นหนุ่ม
แล้วก็เป็นความอนิจจัง ที่ทำให้คนแก่ ความไม่เที่ยงทำให้เกิดวันพรุ่งนี้
และเพราะความไม่เที่ยงอาจจะทำให้คนไม่มีวันพรุ่งนี้
วินาทีนั้น เขาไม่รู้ว่า ความไม่เที่ยงเป็นกุศลหรือเลวร้าย

ท่านล่ะ เข้าใจคำว่า ”อนิจจัง” หรือเปล่า? มีความคิดเห็นว่าอย่างไร?
พระท่านกล่าวว่า “ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง” ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อม
จะต้องมีเหตุมีปัจจัยมารวมกันจึงทำให้มีการเกิดและดับ
พวกเราเคยมองเห็นกันบ้างหรือเปล่า? หรือยังคงจะยึดมั่นถือมั่นอยู่กับ
เกียรติยศ ชื่อเสียง ความอยากมีอยากได้อยู่อีก

หากเรามั่นนึกถึงความไม่เที่ยง จิตของเราจะคลายความยึดมั่นถือมั่น
จิตจะไม่พยายามปรุงแต่ง เพ้อฝัน
หมั่นพยายามนึกถึงอนิจจัง จิตจะไม่แข็งทื่อ
จิตจะอ่อนโยน นุ่มนวลควรค่าแก่การใช้งาน
และจะคลายความยึดติดว่านั่นเป็น “ ตัวเราของเรา “
และที่สุดจิตจะ สะอาด สว่าง และ สงบ อย่างไร้ของเขต

ที่มา สมาชิกเว็บบอร์ดชาวเซน ของไต้หวัน

(http://3.bp.blogspot.com/-HzF6bBl9m8A/Tsw9vRoPzHI/AAAAAAAAbgI/XVBJ4hnKchk/s220/spying%2Bphoddastica.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มกราคม 2556 15:04:51


(http://3.bp.blogspot.com/-a2k69S3v3oc/T53qJqGQZzI/AAAAAAAAxtg/rBXUZ7z5spQ/s1600/37.jpg)

๖๔. ๒ โลกสวรรค์โลกมนุษย์

สามีภรรยาซึ่งอาศัยอยู่บนสรวงสวรรค์ เป็นคู่สามีภรรยาที่มีความสุขที่สุด
สามีภรรยาบนสรวงสวรรค์ไม่เหมือนกับคู่สามีภรรยาบนโลกมนุษย์
พวกเขาไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน และไม่มีการร้องไห้ และไม่มีความโกรธ
แค้นซึ่งกันและกัน และก็ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน

ได้ยินได้ฟังมาว่า ต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันมาถึงห้าร้อยชาติ
ถึงจะมีบุญได้ไปเกิดเป็นคู่สามีภรรยาบนสรวงสวรรค์

สามีภรรยาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ เมื่อคิดอยากจะกินอะไร ก็จะได้กินของดีๆ
ดังใจหวัง คิดอยากจะมีเสื้อผ้า ก็จะมีเสื้อสวยๆทันที เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึง
ไม่มีความจะเป็นต้องทำงานให้ยากลำบาก และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น

บ่อยครั้งที่พวกเขาจูงมือกันไปเดินเล่นอยู่บนทางสายรุ้ง นั่งจิบน้ำชาอยู่บนก้อนเมฆ
หรือว่าอยู่ฟังเสียงน้ำไหลจากธารสวรรค์เงียบๆ พร้อมกับชื่นชมความงามของตัวเอง
อย่างเงียบๆคนเดียว

สิ่งเดียวที่ทำให้ชาวสวรรค์เป็นทุกข์ที่สุดคือ เมื่อเสพสุขจนหมดอายุที่จะอยู่บนสวรรค์
ชีวิตก็จะสูญสิ้น กลิ่นหอมกรุ่นที่มีติดตัวก็จะหล่นหายไป
มงกุฎดอกไม้ที่ประดับอยู่บนหัวก็จะเหี่ยวเฉา เสื้อที่สวยงามก็จะบินหายไปทีละชิ้น
สุดท้ายก็จะล้มลงขณะที่ยืนหรือนั่งอยู่ และขณะที่ล้มลงนั้นเอง จะเหมือนกับดวงไฟที่ดับไปโดยฉับพลัน
 แล้วเหลือเพียงควันที่ลอยหายไปในความว่างเปล่า
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งได้เสพสุขอยู่บนสรวงสวรรค์นี้มาหลายพันปีแล้ว เมื่อถึงวาระ
ที่ใกล้จะจบสิ้น มักจะเกิดความคิดนี้ขึ้นมาบ่อยๆว่า
“ชีวิตที่มีความสุขอย่างนี้ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”

(http://www.glenwoodlodge.co.za/images/jacaranda.jpg)

วันหนึ่งฝ่ายภรรยาลอยขึ้นไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง เพื่อจะเด็ดดอกไม้ไปให้สามี
เพราะว่าผู้คนทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนสรวงสวรรค์ต้องประดับด้วยมงกุฎดอกไม้
เพื่อเป็นสง่าราศีแก่ตัวเอง และดอกไม้เหล่านี้เป็นหน้าที่ของภรรยาที่
จะต้องจัดเตรียมไว้ให้

ฝ่ายสามีซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ เขาใช้เมฆขาวไปแตะกับแสงอาทิตย์ แล้วนำมา
ขัดตัวให้สะอาด พลางร้องเป็นเพลงออกมาอย่างไพเราะเสนาะหู เสียงเพลง
ขับกล่อมประสานไปพร้อมกับแสงทอง แว่วแผ่วไปทั่วสวนสวยในบ้าน
ของตัวเอง ภรรยาซึ่งเดินมาถึงตัวบ้านถึงกับเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศ
ที่ได้เห็นกับตา

แต่ก็เวลานั้นนั่นเอง ที่ฝ่ายภรรยาเริ่มต้นมีเหงื่อไหลออกมา
นางรู้สึกกังวลและตกใจมาก จนทำมงกุฎดอกไม้ร่วงหล่นกระจายกลายเป็น
ดวงดาว เสื้อผ้าที่สวยงามต่างๆที่มีอยู่ ก็กลายเป็นสะเก็ดไฟลอยไปทั่ว
แตกกระจายกลายเป็นเศษเพชร ชุดราตรีสีเงินยวง
ได้กลายเป็นชิ้นๆ ลอยไป แล้วกลายเป็นเมฆขาว
ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร นางก็สลายหายไปแล้ว
เหมือนกับตกหล่นมาจากต้นไม้สูง ลอยละลิ่วลงมา
เหมือนแสงกระพริบแล้วหายไป
วินาทีสุดท้ายก่อนจะหายไป ยังได้ยินเสียงเพลงของสามีดังแว่วอยู่ในหู

(http://3.bp.blogspot.com/-id0jTK908bk/T25cDSlZoxI/AAAAAAAA7mM/Jc5Twg11eco/s1600/a%2BRose%2BArbor.jpg)

เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของตัวเอง
ที่แท้นางได้เกิดใหม่บนโลกมนุษย์แล้ว พวกผู้ใหญ่นึกว่าเด็กเมื่อถูกอากาศแล้วตกใจจึงร้องไห้
แต่ไม่ใช่อย่างนั้น นางร้องไห้เพราะในจิตใจยังมีเสียงเพลงของสามีฝังอยู่ลึกๆ
เมื่อนึกถึงความสุขบนสรวงสวรรค์ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้
ขณะที่นางเกิดมามีกลิ่นหอมของกุหลาบอบอวลไปทั่วห้อง
พ่อแม่จึงตั้งชื่อให้ว่า “กุหลาบ”

กุหลาบยังจำวันเวลาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ได้ และเล่าเรื่องราวต่างๆบนสวรรค์ให้คน
ในบ้านฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ คิดว่าเป็นความฟันเฟื่องของหล่อนเอง
เมื่อกุหลาบโตเป็นสาว พ่อแม่ก็ให้แต่งงานไปกับชายหนุ่มใกล้บ้าน แม้หล่อนจะสวม
บทบาทที่เป็นภรรยาที่ดีที่สุด แต่ในส่วนลึกแล้ว ยังจำสามีที่อยู่บนสวรรค์อย่างมิ
ลืมเลือน หล่อนรู้ว่าหากอยากกลับไปอยู่บนสรวงสวรรค์กับสามีเก่าอีก จะต้องรีบ
สร้างกุศลอย่างสุดชีวิตในช่วงชีวิตอันสั้นที่อยู่บนโลกมนุษย์ และต้องรักษาอุดมการณ์
อย่างแน่วแน่ กุหลาบมักจะนำดอกไม้ธูปเทียน ไปถวายบูชาที่วัดเสมอ และใส่บาตร
ด้วยอาหารเจอันรสเลิศ บริจาคอาหารและเครื่องนุ่งห่มให้กับคนยากคนจน ชีวิตของ
หล่อนเหมือนกับอยู่เพื่ออุทิศตนและทำทานเท่านั้น และนางก็นำความคิดเหล่านี้
ไปเชิญชวนและปลูกฝังให้กับลูกๆสี่คนและสามีในโลกมนุษย์ด้วย

(http://1.bp.blogspot.com/-2W2PnQxhwOI/UACbhBFgx0I/AAAAAAAAALY/yKj1oaLkAx4/s320/255355_318752821550487_1736527363_n.jpg)

วันหนึ่งขณะที่ทำบุญอยู่ที่วัด รู้สึกเวียนหัวขึ้นมากะทันหัน เลยพิงไว้กับกำแพงแล้วนิ่งพักสักครู่
ได้กลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆแบบในสวรรค์ แล้วก็สิ้นใจไป
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หล่อนก็กำลังเก็บดอกไม้อยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง หล่อนมองเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่
ที่แท้หล่อนก็สวมใส่ชุดนางฟ้าเหมือเดิมแล้ว เมื่อสามีบนสวรรค์อาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินมาที่สวนดอกไม้ พูดกับนางว่า
“เมื่อกี้ข้าเรียกเจ้า ไม่ได้ยินหรอกหรือ?”
“เมื่อกี้ข้าสลายตัวไป แล้วไปเกิดในโลกมนุษย์”
“เป็นความจริงหรอกหรือ? แล้วอยู่ในโลกมนุษย์นานแค่ไหน?”
สามีถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าอยู่ในครรภ์ของแม่สิบเดือน ถึงเกิดออกมา อายุสิบหกก็แต่งงานไปอยู่กับ
คนบ้านใกล้ๆ คลอดลูกมาแล้วสี่คน พยายามทำแต่ความดีและสร้างแต่บุญกุศล
แล้ววิงวอนอธิษฐานขอให้ได้พบเจ้าอีก ดังนั้นจึงมาเกิดที่นี่อีก” ภรรยาตอบ
“แล้วอายุขัยในโลกมนุษย์ยาวนานแค่ไหน?” สามีถาม
“อายุขัยในโลกมนุษย์ ก็อยู่ในราวๆไม่เกินร้อย ร้อยปีก็เท่ากับหนึ่งคืนของสวรรค์เรา”
“แล้วคนในโลกมนุษย์ทำอะไรบ้างในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่?”

(http://1.bp.blogspot.com/_1hFtUcvWlPg/TCnLqptTWzI/AAAAAAAAANY/EakNsAz5DNw/s1600/bosque-encantado.jpg)

ช่วงชีวิตของคน หนึ่งในสามส่วนหมดกับไปกับการนอน อีกหนึ่งในสามส่วนหมด
ไปกับแสวงหาอาหารเครื่องนุ่งห่ม แสวงหาความสุขมาปรนเปรอตัวเอง อีกหนึ่งส่วน
ที่เหลือ นำมาโกรธแค้น สำนึกผิด นินทาแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น คนส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิต
ลักษณะนี้ไปจนตาย มีคนเพียงส่วนน้อยที่จะรู้จักชื่นชมสิ่งดีงามต่างๆที่อยู่รอบๆตัว
เพื่อจะได้นำมาพัฒนาโลกของจิตวิญญาณให้สวยงาม แสวงหาความรักและความอบอุ่นจากสิ่งต่างๆ

ฝ่ายสามีซึ่งได้ฟังถึงเรื่องราวต่างๆในโลกมนุษย์ รู้สึกกระเทือนใจยิ่งนัก
“หรือว่าคนในโลกมนุษย์ ไม่รู้จักสำนึกว่าช่วงชีวิตอันสั้นที่อยู่ในโลก ควรจะ
ไปทำในสิ่งที่มีความหมาย?”
“ไม่หรอก คนส่วนใหญ่ยังหลงใหลมัวเมาเหมือนอยู่ในความฝัน เหมือนกับ
ว่าพวกเขาไม่รู้จักแก่ไม่รู้จักตาย เพียงแต่เมื่อความตายมาถามหาแล้ว
ถึงจะเศร้าโศกร้องไห้คร่ำครวญ” ภรรยาตอบ

สองสามีภรรยาคุยกันถึงชีวิตอันสั้นในโลกมนุษย์ แล้วคนเหล่านั้นไม่รู้จักใช้ชีวิต
อย่างสวยงามและมีความรัก ไม่รู้จักทำสิ่งซึ่งมีความหมายกับชีวิต ในใจเกิดความ
รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

ฝ่ายภรรยาพูดขึ้นว่า “พวกเราอย่าพูดถึงเรื่องราวของโลกมนุษย์ดีกว่า มา ข้าจะกลัด
ดอกไม้เพิ่มให้เจ้าอีกดอก พูดพลางนางก็บินลงจากต้นไม้อันสูงใหญ่นั้น
เมื่อนางบินลงมาใกล้ถึงพื้นที่ปูด้วยก้อนเมฆ จึงรู้สึกว่าเหยียบไม่ถูกก้อนเมฆ
แล้วก็เหมือนกับสะดุดอะไรสักอย่าง แล้วทั้งตัวก็ลอยละล่องดังดอกไม้ที่ร่วงหล่นลง
ผ่านก้อนเมฆไปทีละชั้น ทีละชั้นลงไปเรื่อยๆ
กุหลาบตื่นขึ้นมาจากความฝัน มองไปรอบๆตัว ถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่บน
ความสุกสว่างและความสวยงามของสวรรค์ แต่อยู่ในบ้านที่ยังดูมืดสลัวอยู่
และคนที่นอนหลับสบายอยู่ข้างๆตัวนั้นคือลูกสาวคนเล็ก
ซึ่งใบหน้ายังดูแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

(http://4.bp.blogspot.com/_fImB8wi1UYY/S51V2LNEpYI/AAAAAAAACsI/pmt5Zd0UmYE/s320/abls.jpg)

หล่อนนึกถึงสามีที่เพื่อปากท้องและความเป็นอยู่ของทุกคนในครอบครัว
ขณะที่ฟ้ายังไม่สาง ก็ออกไปทำงานอยู่ในท้องนาแล้ว นางหยิบเสื้อผ้าสวม
แล้วก็ไปเดินเล่นอยู่ในสวนบริเวณบ้าน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกราตรี
โชยผ่านเข้ามา หล่อนคิดในใจ “เมื่อกี้เป็นความฝันบนสวรรค์หรือเป็นความฝัน
ในโลกมนุษย์” มองไปรอบๆตัว ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต มีแต่ความเงียบสงบ
ไม่มีคำตอบใดๆให้กับตัวเอง

หล่อนคิดต่อไปอีก “เรื่องที่อยู่บนสวรรค์เป็นความจริง หรือเรื่องที่อยู่ในโลกถึงจะเป็น
ความจริงนะ” มองไปที่ฟ้า ก็เห็นแต่ดวงดาวกระพริบแวววับไปมา เงียบไม่มีคำตอบเช่นเคย

เมื่อนางเฝ้าถามตัวเองอยู่นั้น แสงแรกของพระอาทิตย์ได้สาดส่องมากระทบกับ
ก้อนเมฆ ผ่านมายังพื้นโลก กุหลาบยังจำคำพูดในความฝันได้ว่า
“หรือว่าคนในโลกมนุษย์ไม่ได้รู้สำนึกเลยว่า ช่วงชีวิตอันแสนสั้นนั้น
ควรจะทำในสิ่งที่มีความหมายกับชีวิต? ไปพัฒนาโลกของจิตวิญญาณ
ให้ดีขึ้น แสวงหาความรักความอบอุ่นจากสิ่งต่างๆ ร้อยปีก็ปล่อยให้ผ่าน
ไปอย่างนี้เฉยๆโดยเปล่าประโยชน์”

ได้ยินเสียงของลูกที่ตื่นขึ้นมาเรียกหาแม่ นางคิดในใจว่า “หากสามารถใช้ชีวิตอย่าง
มีความหมาย โลกมนุษย์ก็คือสวรรค์ หากไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
สวรรค์ก็คือโลกมนุษย์”

ที่มา จากอินเตอร์เน็ต

(https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQkh-Tf5uykgDcxJdm_rpspaH0c88HXH2IF_y1rzUR-9YCgioq9)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ สิ่งดีๆควรนำมาแบ่งปัน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มกราคม 2556 15:21:51


          (http://chinatourkb.files.wordpress.com/2012/10/chinatour_5.jpg?w=698)

๖๕. สิ่งดีๆควรนำมาแบ่งปัน

มีแม่ชีท่านหนึ่ง เพราะศรัทธาในพุทธศาสนามาก จึงได้สร้างพระพุทธรูป
มาองค์หนึ่ง พร้อมกับเคลือบองค์พระด้วยทองคำเปลวเหลืองอร่ามไปทั้งองค์
ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน จะนิมนต์พระพุทธรูปองค์นี้ไปด้วยเสมอ
พระพุทธรูปองค์นี้เหมือนกับศูนย์รวมความศรัทธา ความหวังและจิตใจ
แม้แต่ชีวิตของท่านก็ฝากรวมไว้ในองค์พระนี้

ผ่านไปหลายปี แม่ชีท่านนี้ก็อยู่ประจำที่วัดในชนบทแห่งหนึ่ง ภายในวัดมี
พระพุทธรูปมากมาย ก็มีกระจกใสครอบไว้ ท่านเลยหากระจกใสมาครอบไว้
บ้าง ท่านคิดจะไม่ให้ควันธูปที่จุดบูชาลอยไปที่พระองค์อื่นๆ แต่ในบริเวณ
ที่กว้างๆอย่างนี้จะไม่ให้ควันธูปลอยไปทั่วได้อย่างไร?

คิดไปคิดมาเลยคิดจะทำท่อขึ้นมาเพื่อให้ควันธูปเข้าไปที่องค์พระของตัวเอง
ที่เดียว นอกจากพระของตัวเองแล้ว ท่านไม่เคยมองหรือกราบไหว้พระองค์อื่นเลย

มีคนติว่า ทำอย่างนี้ไม่เป็นการสมควร ทำให้เกิดการเลือกเขาเลือกเรา ทำอย่าง
นี้ทำอย่างไรก็ภาวนาให้เกิดผลไม่ได้ แต่แม่ชีท่านนี้ก็หาได้ฟังคำตักเตือนของใครไม่
ผลสุดท้ายพระพุทธรูปองค์นั้นถูกควันธูปจับจนดำไปทั้งองค์ ดูแล้วหมองจนหมดราศี


(http://s1.hubimg.com/u/6333660_f260.jpg)

บทเรียนชีวิตห้าบท
บทที่หนึ่ง…
ฉันเดินไปที่ท้องถนน
ที่ฟุตบาทมีหลุมลึกอยู่หลุมหนึ่ง ฉันเผลอตกลงไปในหลุมนั้น
ฉันเดินผิดทางแล้ว ฉันหมดหวังแล้ว
นั่นไม่ใช่ความผิดของฉัน ต้องเสียแรงไปไม่ใช่น้อยถึงจะปีนป่ายขึ้นมาได้

บทที่สอง …
ฉันเดินไปบนถนนเหมือนกัน ที่ฟุตบาทมีหลุมลึก
ฉันทำเป็นมองไม่เห็น แต่ก็ตกลงไปจนได้
ฉันแทบจะไม่เชื่อตัวเองว่า ฉันจะตกลงไปในที่มีลักษณะเดิมได้
แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของฉัน
แล้วก็ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยถึงจะปีนขึ้นมาได้

บทที่สาม ...
ฉันเดินไปในถนนที่มีลักษณะเดียวกันอีก
บทฟุตบาทมีหลุมลึกเช่นเดียวกัน
ฉันก็มองเห็นหลุมลึกนั้น แต่ฉันก็ตกลงไปจนได้
มันเหมือนกับเป็นธรรมเนียมเสียแล้ว
ฉันลืมตาขึ้นมาดู ฉันรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน
นั่นเป็นความผิดของฉัน ฉันจึงรีบปีนขึ้นมา

บทเรียนที่สี่ …
ฉันเดินไปบนถนนที่เหมือนกัน
บนฟุตบาทมีหลุมลึกหลุมหนึ่ง
ฉันเดินอ้อมผ่านหลุมนั้น

บทเรียนที่ห้า ...
ฉันเดินไปที่ถนนอีกสายหนึ่ง
ฉันนึกเอาเองว่าเดินไปบนความอิสรเสรี
แต่เมื่อพบกับความเคยชินเดิมๆ
ฉันก็กลายเป็นทาสของมันอีก

แม้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่การรู้สำนึกจะทำให้ค่อยๆเกิดความรู้ตัวขึ้นมาได้
เมื่อเราสังเกตเห็นว่าตัวเองยังถลำลึกลงไปตามความเคยชินเดิมๆ
ก็จะคิดอยากจะกระโดดออกมาจากหลุมนั้น
แน่นอน บางทีเราอาจจะยังตกลงไปได้อีก
แต่เมื่อตั้งสติได้ ปล่อยเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง
เราก็จะกระโดดออกมาได้ ทำให้มีมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

(http://www.wallpaperhere.com/thumbnails/detail/20110630/The_Good_Life_by_kazzoom.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ สองมือกำจนแน่น จะกำได้สักเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มกราคม 2556 15:28:47


(http://1.bp.blogspot.com/_A2RuZY02NnM/TQrMTdFfu6I/AAAAAAAAAZo/Jn-0Lg65mbA/s400/Zombie_Hand.jpg) (http://1.bp.blogspot.com/_xFJVXOsxV54/SXsqybfalHI/AAAAAAAAAgw/o_XcD_-y-UY/s400/candy-hand+print.jpg)

๖๖. สองมือกำจนแน่น จะกำได้สักเท่าไหร่

มีอุบาสกท่านหนึ่งมาปรับทุกข์กับพระอาจารย์ว่า ภรรยาของตัวเองเป็น
คนตระหนี่ถี่เหนียวมาก ไม่ว่าเรื่องอะไร หล่อนจะไม่ยอมจ่ายแม้แต่
สตางค์แดงเดียว ขอให้พระอาจารย์ช่วยไปที่บ้านชี้ทางสว่างให้แก่หล่อน
เพื่อให้หล่อนได้รู้จักทำบุญทำทาน และทำสิ่งที่เป็นกุศลบ้าง

พระอาจารย์เลยไปที่บ้านของอุบาสกท่านนั้น ภรรยาของเขาออกมาต้อนรับ
แล้วก็เห็นได้ว่าเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวจริงๆ เพราะแม้แต่น้ำชา
ยังไม่นำมาต้อนรับ

พระอาจารย์จึงกำมือขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วถามว่า สีกา ถ้าหากมือของข้าเป็นอย่างนี้
ทุกวันเจ้ารู้สึกว่าเป็นอย่างไร?”
“ถ้าหากเป็นอย่างนั้นทุกวันก็เป็นเรื่องแปลกประหลาด”

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT5kC1d5YHWxGI9V5_TCKORiGcrYFZ1BoIfMwpAH4hXWw68v7hk)(http://hellinahandbasket.net/wp-content/uploads/2011/02/inked-hand-print-280x300.jpg)

และพระอาจารย์ก็แบมืออก แล้วถามว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันจะเป็นอย่างไร?”
“อย่างนี้ก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดเช่นกัน”
“สีกา เจ้าพูดไม่ผิด มือหากกำตลอดเวลา หรือแบตลอดเวลา ก็เป็นเรื่องที่ผิด
แปลก ด้วยเหตุและผลเดียวกัน ในด้านทรัพย์สินเงินทอง หากรู้จักแต่จะเอา
ไม่รู้จักทำบุญทำทานบ้าง เป็นเรื่องผิดแปลก หรือรู้จักแต่บริจาค ไม่รู้จักเก็บ
สะสมก็เป็นเรื่องผิดแปลก เงินต้องมีการไหลเวียน มีการไหลเข้าไหลออก
เมื่อตวงเข้ามาก็ต้องให้มีออก

ภรรยาของอุบาสกท่านนั้นฟังแล้ว ก็เข้าใจ และรู้ถึงหลักการของการจัดการ
ทรัพย์สินเงินทอง

(http://www.spicelines.com/IMG_2335Buddha%27s%20Hand%3A400.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ ยังโกรธอยู่หรือเปล่า?
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มกราคม 2556 15:51:48


           (http://www.consciousdivas.com/wp-content/uploads/2012/04/water-300x199.jpg)

๖๗. ยังโกรธอยู่หรือเปล่า?

หญิงคนหนึ่งมีนิสัยแปลกประหลาด เรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้หล่อน
โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ หล่อนเองก็รู้ซึ้งถึงนิสัยของตัวเองดี แต่ก็ไม่สามารถ
ควบคุมตัวเองไม่ให้โกรธได้

มีเพื่อนแนะนำหล่อนว่า “วัดที่อยู่ใกล้ๆนี้มีพระบรรลุธรรมขั้นสูงอยู่ท่านหนึ่ง
เจ้าทำไมไม่ไปเล่าสิ่งที่เจ้าเป็นให้ท่านฟัง และจะได้ขอคำชี้แนะจากท่าน”
หญิงคนนั้นจึงไปหาพระท่านนั้น เพื่อจะลองให้ท่านชี้แนะดู

เมื่อพบกับพระท่านนั้น หญิงคนนั้นจึงเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยกิริยาท่าที
นอบน้อมและจริงใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการชี้แนะอย่างดี พระรูปนั้น
ก็ตั้งใจฟังหล่อนพูดจนจบ เมื่อพูดจบแล้วจึงให้หล่อนไปที่ห้องหนึ่ง
แล้วขังหล่อนไว้ในนั้น ไม่พูดกล่าวอะไรแล้วเดินจากไป

หญิงคนนั้นคิดว่าถูกขังอยู่ในห้องนั้นแล้วจะได้ยินคำชี้แนะจากท่าน ไม่คิดว่า
ท่านไม่พูดอะไรสักคำ ซ้ำยังขังไว้ในห้องที่มืดและเย็นชื้นอีก หญิงนั้นโกรธจน
ใช้เท้ากระแทกพื้นแล้วส่งเสียงด่าออกมาดังลั่น ไม่ว่าหล่อนจะด่าว่าอย่างไร
พระรูปนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร หญิงคนนั้นด่าจนทนไม่ไหว จึงร้องวิงวอนขอความ
ช่วยเหลือ แต่พระรูปก็ไม่สนใจจะฟังอีก ยังคงปล่อยให้หล่อนแสดงอารมณ์ต่อไป

ผ่านไปอีกนาน เสียงในห้องนั้นเงียบลง พระรูปนั้นถามว่า “ยังโกรธอยู่หรือเปล่า?”
หญิงนั้นตอบว่า ข้าโกรธแต่ตัวเอง ที่ไปเชื่อคนอื่นที่แนะนำให้มาหาท่าน”
“ท่านไม่ให้อภัยแม้แต่ตัวเอง แล้วเจ้าจะอภัยให้คนอื่นได้อย่างไร?” พระนั้นตอบ

ผ่านไปสักพัก พระรูปนั้นถามอีกว่า “ยังโกรธอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่โกรธแล้ว” หญิงนั้นตอบ
“ทำไมถึงไม่โกรธแล้ว?”
“ข้าโกรธแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ไม่ว่าจะโกรธอย่างไรก็ถูกท่านขังอยู่ใน
ห้องมืดนี้อยู่ดี” หญิงนั้นตอบ
“เจ้าเป็นอย่างนี้ยิ่งน่ากลัวกว่า เพราะเจ้ากดข่มความโกรธของตัวเองไว้
เมื่อระเบิดออกมาเมื่อไหร่กลับจะยิ่งรุนแรงกว่าเก่า” พูดจบพระท่านนั้น
ก็เดินจากไปอีก

เมื่อกลับมาถามอีกเป็นครั้งที่สาม หญิงนั้นตอบว่า “ข้าไม่โกรธแล้ว เพราะ
ท่านไม่ควรค่าที่จะให้ข้าโกรธ”
“รากเหง้าแห่งความโกรธของเจ้ายังคงอยู่ เจ้ายังไม่ได้หลุดพ้นไปจากวังวน
แห่งความโกรธ”

เวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่ง หญิงคนนั้นถามขึ้นว่า “พระอาจารย์ บอกข้าพเจ้า
หน่อยได้ไหมว่า ความโกรธคืออะไร?”

พระอาจารย์ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก แต่มองไปเหมือนกับพระอาจารย์ไม่ตั้งใจ
ที่จะเทน้ำชาลงไปที่พื้น หญิงคนนั้นจึงเข้าใจแล้วว่า ที่แท้ถ้าตัวเองไม่โกรธ
โกรธนั้นจะมาจากไหน จิตใจสว่างโร่ด้วยความรู้และเข้าใจ หากไม่มีสิ่งใดเลย
ตัวโกรธไหนเลยจะมี

          (http://media-cache-ec4.pinterest.com/upload/272045633712055645_tCDF4jcE_b.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ ชีวิตอยู่ที่ไหน?
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มกราคม 2556 16:37:51


          (http://m.blog.hu/jo/joeperry/image/alone%20with%20God(1).jpg)

๖๘. ชีวิตอยู่ที่ไหน?

ครั้งหนึ่งพระอาจารย์เซนพูดกับอุบาสกท่านหนึ่งว่า “เหล่าพุทธะทั้งหลาย
มักจะพูดถึงความมีในความไม่มี หาสิ่งที่มีความหมายในชีวิตจากความ
ว่างเปล่าในสิ่งที่ไม่มีความหมายอะไร จนที่สุดได้รับความหลุดพ้น

สรรพสิ่งในโลกล้วนถูกผูกมัดจากความกังวลและเป็นทุกข์ เพราะเหตุนี้
หากอยากจะแสวงหาจิตวิญญาณที่ไม่ตายในอนาคตจากชีวิตที่มีความ
หมายในตอนนี้ จึงเหมือนกับควานหาพระจันทร์ในน้ำ แค่เพียงให้จิต
จิตตนเองปราศจากสิ่งทั้งปวง ก็จะไม่เกิดความหลงผิด”

“ทำอย่างไรถึงจะให้จิตปราศจากทุกสิ่ง”อุบาสกนั้นถาม
“ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศลความถูกหรือความผิด ผลได้หรือผลเสีย
ก็ไม่ต้องไปคิด หรือไปเอาเรื่องเอาราวกับสิ่งต่างๆ”
“หากไม่คิด จะรู้ได้อย่างไรว่าจิตอยู่ที่ไหน”

“ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรให้คิดไปแต่ในทางที่เป็นกุศล
ไม่ไปในทางที่เป็นอกุศล หมั่นใช้จิตพิจารณาสิ่งต่างๆ
เจ้าก็จะพบความผสมผสานระหว่างจิตกับชีวิต” พระอาจารย์ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นคนตายแล้ว จิตอยู่ที่ไหน?” อุบาสกนั้นถาม

“ไม่รู้จักเกิด แล้วจะรู้จักตายได้อย่างไร?”
“ตอนนี้ข้าพเจ้าหาชีวิตของตัวเองได้แล้ว” อุบาสกนั้นกล่าว
“ชีวิตของเจ้าอยู่ที่ไหน?”พระอาจารย์ถาม

อุบาสกนั้นอึกอักตอบไม่ถูก พระอาจารย์เลยใช้มือขยุ้มไปที่อกของ
อุบาสกนั้น แล้วพูดว่า “ก็อยู่ตรงนี้นั้นแหละ แล้วยังจะคิดไปถึงไหนอีก”
“ข้าพเจ้าทราบแล้ว ข้าพเจ้าทราบแล้ว”

                  (http://www.quantumleapmindpowerinfo.com/wp-content/uploads/16_5_orig.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รู้หรือไม่รู้
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 มกราคม 2556 16:38:30

          (http://richardcasteel.com/wp-content/uploads/2012/06/medium_204585367.jpg)

๖๙. รู้หรือไม่รู้

ลูกศิษย์ท่านหนึ่งเรียนถามพระอาจารย์ด้วยความนบนอบว่า
ลูกศิษย์ : ผู้ปฏิบัติธรรมเมื่อรู้แจ้งแล้ว สภาพจิตและความรู้สึกสามารถ
บรรยายออกมาได้หรือไม่?
อาจารย์ : หากรู้แจ้งแล้ว ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ลูกศิษย์ : เมื่อพูดออกมาไม่ได้ เปรียบเหมือนกับอะไร?
อาจารย์ : เหมือนคนใบ้กินน้ำผึ้ง

ลูกศิษย์ : เมื่อผู้ปฏิบัติที่ยังไม่รู้แจ้ง ถ้าบรรยายธรรมและเขียนคัมภีร์
นับว่าเป็นผู้เข้าใจ “เซน” หรือเปล่า?
อาจารย์ : เมื่อยังไม่รู้แจ้ง สิ่งที่พูด จะนับว่าเป็นการเข้าใจ”เซน”ได้อย่างไร?
ลูกศิษย์ : เพราะเขาสามารถบรรยายธรรมได้อย่างลึกซึ้ง และแจ่มแจ้ง
ถ้าหากไม่นับว่าเขาเข้าใจ”เซน”แล้วจะเหมือนอะไร?
อาจารย์ : เหมือนนกแก้วหัดพูดภาษาคน

ลูกศิษย์ : คนใบ้กินน้ำผึ้งกับนกแก้วหัดพูด แตกต่างกันอย่างไร?
อาจารย์ : คนใบ้กินน้ำผึ้ง คือ “รู้”อุปมาดั่งคนดื่มน้ำ น้ำจะเย็นหรือร้อน
ผู้ดื่มย่อมจะรู้อยู่แก่ใจดี นกแก้วหัดพูดเป็นการไม่ “รู้”
เหมือนเด็กหัดพูด ย่อมจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่พูด

ลูกศิษย์ : เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อยังไม่รู้แจ้ง จะบรรยายธรรมฉุดช่วย
ผู้คนได้อย่างไร?
อาจารย์ : พูดในสิ่งที่ตัวเองรู้ ไม่พูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้
ลูกศิษย์ : ตอนนี้พระอาจารย์รู้แล้วหรือยัง?
อาจารย์ : อาจารย์เหมือนคนใบ้กินยาขม รู้รสขมแต่พูดออกมาไม่ได้
แล้วก็เหมือนนกแก้วหัดพูด พูดได้เหมือนมาก

              (http://3.bp.blogspot.com/-69P3qwJ04v8/TdwWytjuYWI/AAAAAAAAEGg/blCcRdVJgOU/s400/IMG_0559.JPG)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556 20:13:45


           (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/716/34716/images/sunseaforpost1.jpg)

๗๐. รูปเหมือนพระอาจารย์

พระอาจารย์ท่านหนึ่งก่อนที่จะมรณภาพ ได้เรียกเหล่าลูกศิษย์มาพร้อมหน้า
แล้วพูดว่า “อีกไม่นานข้าก็คงใกล้จะจากพวกเจ้าไปแล้ว ใครสามารถจะ
วาดรูปเหมือนสักรูปให้อาจารย์ได้?”
เหล่าลูกศิษย์รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก พร้อมกับกลับไปวาดรูปให้พระอาจารย์

พวกเขากับพระอาจารย์พบหน้ากันและทำกิจวัตรพร้อมกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ
เสียงและเค้าหน้าย่อมจะจะพิมพ์รอยอยู่ในใจนานแล้ว ดังนั้นแต่ละคนจึง
วาดรูปออกมาด้วยกิริยาและหน้าตาที่ต่างกัน บางคนก็วาดรูปออกมาใน
ลักษณะที่เคร่งขรึม บางคนก็วาดออกมาด้วยหน้าตาที่เปี่ยมไปด้วยความ
เมตตาและปรานี ไม่มีรูปไหนที่วาดออกมาแล้วเหมือนกันเลย

พระอาจารย์เห็นรูปแล้วรู้สึกผิดหวังมาก กล่าวว่า “หลายปีที่ผ่านมา ทำไม
พวกเจ้าที่ฝึกปฏิบัติธรรมกับข้า ไม่มีใครวาดรูปได้สักคน พวกเจ้าลองดูให้
ชัดเจนอีกสักครั้ง วาดได้เหมือนอาจารย์หรือเปล่า? ถ้าหากว่าวาดได้เหมือน
ก็เหมือนกับว่าได้เค้นคอฆ่าข้า หากวาดได้ไม่เหมือน ก็เผารูปไปเสียเถิด”

ขณะที่เหล่าลูกศิษย์ลังเลไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็มีศิษย์ท่านหนึ่งเดินออกมาข้างหน้า
พูดกับพระอาจารย์ว่า “อาจารย์ ดูที่ข้าพเจ้าวาดซิ” ว่าแล้วก็ตีลังกาครั้งหนึ่ง
แล้วเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย

ในที่สุดพระอาจารย์ก็ยิ้มออกมาได้ พร้อมกับมองตามหลังศิษย์นั้น แล้วพูดว่า
“วาดได้ดี ข้าเชื่อว่าต่อไป ศิษย์คนนี้ย่อมจะเหมือนข้าแน่นอน ตั้งแต่นี้ต่อไป
ก็ให้เขาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสต่อไป

                 (http://goodnewsshared.files.wordpress.com/2012/09/you-are-god-alone-300x206.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556 20:20:08


           (http://3.bp.blogspot.com/_og0bKPOZBOM/SsIZkEDKk9I/AAAAAAAAAMI/W0chScfC-Uo/s320/sumi-e_1.jpg)

๗๑. หลุดพ้นด้วยตัวเอง

ครั้งหนึ่งสังฆปรินายกองค์ที่ 2 พูดกับท่านตั้กม๊อว่า “ท่านอาจารย์ช่วย
ทำให้จิตใจศิษย์สงบด้วยเถิด”

“เอาจิตเจ้าออกมาซิ”
“ศิษย์หาจิตตัวเองไม่พบ”
“หากว่าหาจิตพบ นั่นก็ไม่ใช่จิตของเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าช่วยทำให้จิตเจ้า
สงบแล้ว เจ้าเห็นหรือเปล่า” ท่านตั้กม๊อตอบ

ผ่านไปหลายสิบปี สังฆปรินายกองค์ที่ 3 พูดกับองค์ที่ 2 ว่า “ท่านอาจารย์
ช่วยให้ข้าได้สารภาพความผิดบาปด้วยเถิด”

“เอาผิดบาปของเจ้าออกมาซี”
ข้าหาความผิดบาปไม่เจอ”
“ตอนนี้ข้าได้ช่วยเจ้าแล้ว เจ้าเห็นหรือเปล่า?”

ผ่านไปอีกหลายปี ภิกษุรูปหนึ่งถามสังฆปรินายกองค์ที่ 3 ว่า “ทำอย่างไร
ถึงจะหลุดพ้นจากการยึดติดได้”

“แล้วใครผูกมัดเจ้าไว้ล่ะ”
“ไม่มีใครมาผูกมัดข้าพเจ้า”
“แล้วเจ้าทำไมถึงต้องมาของร้องให้ช่วยแก้ให้หลุดพ้น
ภิกษุรูปนั้นต่อมาคือ สังฆปรินายกองค์ที่ 4

ครั้งหนึ่งเมื่อสังฆปรินายกองค์ที่ 5 มอบบาตรและจีวรประจำตำแหน่ง
ให้ท่านเว่ยหล่าง พร้อมกับพูดว่า

“หากไม่รู้จักจิตของตนเอง ปฏิบัติธรรมไปก็ไม่มีประโยชน์
หากรู้จักจิตของตนเองได้แจ่มแจ้ง ก็จะเห็นจิตเดิมแท้ได้เอง”

      (http://www.chinatravel.com/album/userupload/coconut/20080511212516181-m.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556 20:21:14


           (http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/283547_294396503997960_571827286_n.jpg)

๗๑. ๑ ชีวิต

มีช่างไม้วัยเกษียณคนหนึ่ง คิดว่าตัวเองคงจะถึงเวลาปลดเกษียณสักที
จึงบอกกับนายจ้างว่า “จะเลิกทำงานช่างสักที กลับไปอยู่กับบ้าน
ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับลูกเมีย

นายจ้างรู้สึกเสียดายและไม่อยากให้คนงานมีฝีมือดีๆต้องจากไป
จึงบอกให้เขาช่วยสร้างบ้านให้อีกหลังหนึ่งจะได้หรือเปล่า?
ช่างไม้นั้นรับปากว่าจะทำให้

ขณะที่ทำงานทุกคนก็มองเห็นว่า ใจของเขาไม่ได้อยู่กับสิ่งที่ทำเลย
ใช้แต่วัสดุที่ด้อยคุณภาพ ซึ่งปกติช่างไม้คนนี้จะเป็นคนละเอียดลออ
และใช้ของที่มีคุณภาพทุกชิ้น งานครั้งนี้ผลงานที่ออกมาจึงค่อนข้างหยาบ
เมื่อบ้านสร้างเสร็จแล้ว นายจ้างจึงมอบกุญแจประตูบ้านให้เขา

“บ้านนี้เป็นของเจ้า นี่คือของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้า”

ช่างไม้นั้นตกตะลึงจนตาค้าง รู้สึกละอายแก่ใจยิ่งนัก ถ้าหากว่ารู้แต่แรกว่า
บ้านหลังนี้เป็นของตัวเอง เขาจะทำลักษณะอย่างนั้นทำไม?
เขาคงใช้วัสดุที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม และสร้างอย่างพิถีพิถันสุดฝีมือ
สิ่งที่ได้ในตอนนี้ คือต้องอยู่บ้านที่สร้างอย่างหยาบๆหลังหนึ่ง

พวกเราก็มีพฤติกรรมอย่างนั้นบ่อยๆ พวกเรามักจะไม่ได้ใส่ใจที่จะสร้างชีวิต
ไม่ได้สั่งสมอะไรไว้ แต่กลับปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไม่เสียดาย
ไม่ใส่ใจที่จะใฝ่ก้าวหน้า ถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อกลับไม่รุดไปข้างหน้า
จนเมื่อรู้สึกตัวถึงจะรู้ว่า ตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้านที่ตัวเองสร้างไว้
อย่างไม่ตั้งใจแล้ว

มาเป็นช่างไม้กันเถอะ คิดถึงบ้านของตัวเอง ตะปูที่ตอกลงไปทุกวัน
เหมือนกับเพิ่มไม้ลงไปหนึ่งแผ่น หรือว่าสร้างหน้าต่างขึ้นมาสักบาน
ใช้ปัญญาของท่านสร้างให้ดีๆ ชีวิตของท่าน คือสิ่งสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเดียวของท่าน
ไม่สามารถทะลายลงแล้วสร้างใหม่ได้ แม้จะมีชีวิตเหลืออยู่เพียงหนึ่งวัน
ในหนึ่งวันนั้นก็ขอให้มีชีวิตอย่างสวยงาม สง่าผ่าเผย มีป้ายที่กำแพงเขียนว่า
(ชีวิตสร้างขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง)

                (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTXssGNhG4NUvkx9QtCdZGLgWdfivMFD9gjhKj7WHNIs95bps8dq01AlOenlA)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 มีนาคม 2556 14:23:55


             (http://www.oknation.net/blog/home/user_data/blog_data/201204/23/798478/comment/798478_images/14_1335606695.jpg)

๗๒. ใหญ่เล็กไม่แตกต่าง

นักบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถัง ได้ถามพระอาจารย์เซนว่า
“ในพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า เขาพระสุเมรุซ่อนเมล็ดพันธุ์ผักกาด
เมล็ดพันธุ์ผักกาดบรรจุเขาพระสุเมรุทั้งลูก เป็นเรื่องที่แปลก
ประหลาดจนเกินไปแล้ว เมล็ดพันธุ์ผักกาดเล็กๆจะหล่อหลอม
รวมภูเขาทั้งลูกได้อย่างไร ? แสดงว่านี่ไม่เข้าใจถึงหลักการที่ถูก
ต้อง คงจะเป็นการหลอกลวงผู้คนมากกว่า”

“มีคนพูดว่า เจ้าอ่านหนังสือไปแล้วเป็นหมื่นเล่ม มีเรื่องเช่นนี้หรือเปล่า?”
“แน่นอน แน่นอน ข้าพเจ้าอ่านไปเป็นหมื่นเล่มจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้น หนังสือที่อ่านไปเป็นหมื่นเล่ม เวลานี้อยู่ที่ไหน?”
อำมาตย์ท่านนั้นชี้ไปที่สมองแล้วพูดว่า “ทั้งหมดอยู่ที่นี่”

“แปลกจัง ข้าเห็นหัวของเจ้าโตเท่าลูกมะพร้าวเท่านั้น ทำไมถึงใส่หนังสือ
ได้ถึงหมื่นเล่ม สงสัยเจ้าก็หลอกลวงผู้อื่นหรือเปล่า?”

              (https://lh3.googleusercontent.com/-A1QA-SAurRo/UTgXUyMlHuI/AAAAAAAAFAE/-gIuwt8Hbg0/s482/_DSC7765.jpg)



หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 มีนาคม 2556 15:14:26

           (http://4.bp.blogspot.com/-asE2-x_uoFE/T2ZiZoZ304I/AAAAAAAAAKs/jecbyTe38KE/s320/acuareles023.jpg)

๗๒. ๑ ตะแกรงสามอัน

มีคนคนหนึ่งกระหืดกระหอบไปหานักปรัชญาท่านหนึ่ง
แล้วพูดขึ้นมาว่า “ข้ามีข่าวจะมาบอกกับท่าน”
นักปรัชญาชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า
“เรื่องที่ท่านจะเล่าร่อนผ่านตะแกรงมาสามครั้งแล้วหรือยัง?”
ชายคนนั้นไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร? จึงถามขึ้นว่า
“ตะแกรงสามอัน ตะแกรงสามอันไหน?”

“ตะแกรงอันแรกคือ ความจริง ข่าวที่ท่านจะเล่าเป็นความจริงหรือเปล่า?”
ชายนั้นตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ข้าฟังมาจากที่เขาเล่า”

นักปรัชญาพูดต่อว่า “ตอนนี้เจ้าไปลองใช้ตะแกรงอันที่สองไปตรวจสอบดู
ข่าวที่ท่านจะบอกข้า แม้จะไม่ใช่ความจริง แต่ก็ควรจะเป็นข่าวที่มีเจตนาดี”
ชายนั้นลังเลสักครู่แล้วพูดว่า “ไม่ เป็นเจตนาตรงข้ามกันเลย”

นักปรัชญาพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นเราใช้ตะแกรงอันที่สาม
ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ข่าวที่ทำให้เจ้าเร่งรีบอย่างนี้เป็นข่าวสำคัญหรือเปล่า?”
ชายคนนั้นรู้สึกเขินนิดๆ แล้วตอบว่า “ไม่ได้สำคัญอะไร?”

นักปรัชญานั้นพูดต่อว่า “เรื่องที่เจ้าจะเล่าให้ข้าฟัง ไม่ใช่เรื่องจริงแล้วก็
ไม่ได้มีเจตนาดี แล้วก็ไม่สำคัญ งั้นก็อย่าเล่าเลย ข่าวนั้นจะได้ไม่รบกวนจิตใจ
ทั้งของเจ้าและของข้า”

อย่าได้เชื่ออะไรง่ายๆต่อคำพูดที่มีผู้พูดให้ร้ายคนอื่น
นอกจากเจ้าจะรู้จริงๆว่าสิ่งนั้นเป็นความจริง
และไหนๆถ้าเจ้ารู้ความจริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง
นอกจากเจ้าจะคิดว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องบอกให้ผู้อื่นรับรู้
และขณะที่เจ้าพูด พึงนึกไว้เสมอว่า เบื้องบนก็กำลังฟังเรื่องราว
จากปากของเจ้าเหมือนกัน

มีคำพังเพยบทหนึ่งกล่าวว่า
“คำพูดดีๆหนึ่งคำอาจทำให้คนหัวเราะได้
คำพูดร้ายๆหนึ่งคำก็อาจทำให้คนกระโดดขึ้นมาได้เหมือนกัน”

บ่อยครั้งที่คำพูดของเราทำให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์หรือเปล่า?
หรือทำความเสียหายให้ผู้อื่น? หากก่อนจะพูดได้ผ่านการไตร่ตรอง
มาครั้งหนึ่งก่อนแล้วเจ้าจะรู้ว่า มีหลายๆคำพูดที่ไม่มีความจำเป็นต้องพูดออกมา

การฝึกฝนเช่นนี้บ่อยๆจะทำให้เราสามารถควบคุมลิ้นของเรา
ไม่ให้พูดเพ้อเจ้อออกมา
แล้วไปทำร้ายผู้อื่น เมื่อคนเราสามารถควบคุมลิ้นได้
ก็สามารถควบคุมทุกอย่างในตัวได้

ในคัมภีร์ก็มักพูดว่า
“พูดมากอาจผิดพลาดได้ง่าย รู้จักสงบวาจาคือการมีปัญญา
ต่อแต่นี้ไป ขอให้เจ้าระวังสิ่งที่เจ้าจะพูดออกมา
ก็จะทำให้นาวาชีวิตของเจ้ามุ่งหน้าไปสู่ทิศทางที่ต่างจากเดิม

            (http://wasabiway.files.wordpress.com/2011/01/northern-lights-and-moon-black-to-color.png?w=300&h=225)


หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 มีนาคม 2556 15:40:27

            (http://3.bp.blogspot.com/-CP41SUpFmYI/UEJF5miBULI/AAAAAAAAAN0/DUq7qhfk9k8/s320/cireres002.jpg)

๗๒. ๒ ยืนหยัดอยู่ในคุณค่าของตัวเอง

มีลูกศิษย์คนหนึ่งมักจะคอยถามพระอาจารย์ด้วยคำถามเดิมๆทุกวัน
“อาจารย์ครับ อะไรคือคุณค่าของชีวิตที่แท้จริงครับ?”
วันหนึ่งพระอาจารย์นำก้อนหินก้อนหนึ่ง แล้วพูดกับศิษย์ว่า
“เจ้าจงนำก้อนหินก้อนนี้ไปขายที่ตลาด แต่ไม่ต้องขายจริงๆหรอกนะ
เพียงแต่ให้คนตีราคาก็พอ แล้วคอยดูว่า แต่ละคนจะตีราคาก้อนหิน
ก้อนนี้สักเท่าไร?”

ลูกศิษย์นั้นจึงนำก้อนหินไปขายที่ตลาด บางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้
ใหญ่ดี สวยดีให้ราคาสองบาท บางคนก็บอกว่าก้อนหินก้อนนี้มาทำเป็น
ลูกตุ้มชั่งน้ำหนักได้ ก็ตีราคาให้สิบบาท ที่สุดแต่ละคนก็ตีราคาไปต่างๆ
นานา แต่ราคาที่ให้สูงสุดคือสิบบาท ลูกศิษย์รู้สึกดีใจ กลับไปบอกอาจารย์ว่า
“ก้อนหินที่ไม่มีประโยชน์อะไรนี้ ยังขายได้ถึงสิบบาท น่าจะขายออกไปจริงๆ”
อาจารย์พูดขึ้นว่า“อย่าเพิ่งรีบขายก่อน ลองพาไปขายในตลาดทองคำดู
แต่ก็อย่าขายออกไปจริงๆ”

ลูกศิษย์จึงนำก้อนหินก้อนนั้นไปขายในตลาดทองคำ เริ่มต้นมีคนตีราคาให้
หนึ่งพันบาท คนที่สองตีราคาให้หนึ่งหมื่นบาท สุดท้ายมีคนให้ถึงหนึ่งแสนบาท
ลูกศิษย์รู้สึกดีใจ รีบกลับไปรายงานพระอาจารย์ถึงผลพลอยได้ที่นึกไม่ถึง
พระอาจารย์กล่าวต่อไปอีกว่า “นำก้อนหินนี้ไปตีราคาที่ตลาดเพชร”
ลูกศิษย์จึงนำไปที่ตลาดค้าเพชร คนแรกให้ราคาหนึ่งแสน สองแสน
สามแสน ไปเรื่อยๆ เมื่อพ่อค้าเห็นไม่ยอมขายสักที จึงให้เขาตีราคาเอง
แต่ลูกศิษย์นั้นกล่าวว่า “พระอาจารย์ไม่ให้ขาย” จึงนำก้อนหินนั้นกลับไป
พูดกับพระอาจารย์ว่า “ก้อนหินก้อนนี้คนให้ราคาถึงเรือนแสนแล้ว”

“ใช่แล้ว ตอนนี้อาจารย์ไม่อาจสอนเจ้าถึงเรื่องคุณค่าของชีวิตเพราะ
เพราะเจ้ามองชีวิตของเจ้าเหมือนกับการตีราคาของตลาด คุณค่าของชีวิต
คนเรา ควรจะอยู่ในจิตใจของตนเอง ต้องมีสายตาของนักค้าเพชรที่เก่งที่สุด
เสียก่อน จึงจะมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตคนเรา”

คุณค่าของคนเรา ไม่ได้อยู่ที่ราคาที่อยู่ข้างนอก แต่อยู่ที่เราให้ราคาของตัวเอง
ราคาของเราทุกคนเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบ ยอมรับตัวเอง ฝึกฝนตัวเอง
ให้ช่องว่างกับตัวเองได้เติบโต พวกเราก็จะกลายเป็น “สิ่งที่มีค่าจนประเมินไม่ได้”

อุปสรรคทุกอย่างที่เกิดขึ้น ความปวดร้าวที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ความทุกข์ที่โหม
กระหน่ำ ก็มีความหมายอยู่ในตัวของมัน

                (http://www.examiner.com/images/blog/wysiwyg/image/candle2(1).jpg)


หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ รวมหลายเรื่องจากเวบไซต์ อกาลิโก
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 มีนาคม 2556 15:44:01

       (http://www.naewna.com/uploads/news/source/15773.jpg)

๗๒. ๓ แม่ไก่ที่มีปัญญาและเมตตา

ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับสัตว์แห่งหนึ่งของยุโรป มีอาจารย์ท่านหนึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับ
ไก่ เขาเอาใจใส่และเฝ้าสังเกตชีวิตความเป็นอยู่ของไก่แต่ละชนิดอย่างละเอียด
วันหนึ่ง เขาได้พบไข่ของไก่ป่าหลายฟองในป่า เขาจึงพาไข่ของไก่ป่านั้นกลับไป
พอดีมีแม่ไก่ตัวหนึ่งออกไข่มาหลายใบ เขาจึงหยิบไข่ของแม่ไก่นั้นออกไป แล้ว
หยิบไข่ของไก่ป่าใส่แทน แม่ไก่นั้นเห็นแล้วก็ลังเลสักครู่ แต่ก็รีบไปฟักไข่
นั้นอย่างเดิม ดูแล้วอ่อนโยนและระมัดระวังยิ่งนัก เหมือนกับกำลังฟักไข่
ของตนเองปานนั้น

ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ไก่ป่าน้อยก็แตกออกมาจากไข่ แม่ไก่ก็พาพวกเขา
ไปในป่าใกล้ๆ ใช้ตีนคุ้ยเขี่ยดินให้ร่วนออกมา เพื่อหาหนอนที่อยู่ใต้ราก
แล้วร้องเรียกให้ไก่ป่าน้อยเหล่านั้นมากิน

นักวิจัยนั้นรู้สึกตกตะลึง เพราะเมื่อก่อนนั้นลูกไก่ของแม่ไก่นี้ เคยกินแต่อาหารสัตว์
ที่คนนำมาให้กิน แต่ครั้งนี้แม่ไก่กลับรู้ว่า ไก่ป่าน้อยไม่กินอาหารสัตว์
กินแต่อาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ

                  (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/c0.0.310.310/p403x403/299814_522271207784317_245840550_n.jpg)

อีกครั้งหนึ่งที่นักวิจัยนั้นทดลอง นำเอาไข่เป็ดมาให้แม่ไก่นั้นฟัก
แม่ไก่นั้นก็ยังคงฟักไข่ออกมาอย่างระมัดระวัง จนกลายเป็นลูกเป็ดน้อย
แล้วก็พาลูกเป็ดน้อยนั้น ไปที่ริมสระ แล้วให้ลูกเป็ดเหล่านั้นได้ว่ายน้ำ

สองเรื่องราวเหล่านี้ทำให้นักวิจัยนั้นเข้าใจถึงหลักการที่คนเรามักจะนึกว่า
สัตว์นั้นโง่เขลาเบาปัญญา ไม่มีความรู้สึก
แต่จริงๆแล้ว สัตว์ก็มีความรักความเมตตา และมีปัญญาอยู่ในนั้นด้วย

  (http://uc.exteenblog.com/mytrip/images/IMG_3425_2.jpg)


หัวข้อ: Re: @ นิทานเซ็น @ :เจริญสติในชีวิตประจำวัน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 07 มีนาคม 2556 15:49:25

            (http://4.bp.blogspot.com/-bpWXWe-jnLQ/Trw1_NPxBWI/AAAAAAAAAMU/BgIiIWyOrB8/s400/P1000942.JPG)

๗๓. เจริญสติในชีวิตประจำวัน

มักจะมีผู้ถามบ่อยๆว่า จะบำเพ็ญภาวนาอย่างไร?
และควรจะปฏิบัติธรรมวิธีไหน?
แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าสามารถปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันได้
ปฏิบัติในสิ่งแวดล้อมที่มีมายาและกิเลสได้

ลูกชายของคนทำขนมปังคนหนึ่ง เป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
และเนื่องจากมีบ้านอยู่ใกล้วัด จึงนำขนมปัง 10 ลูก ไปถวายให้กับ
พระอาจารย์ที่วัดทุกวัน เมื่อพระอาจารย์รับประเคนแล้ว
ก็จะเหลือลูกหนึ่งให้นำกลับไปทุกครั้ง และพูดกับเขาว่า
“ข้ามอบให้กับเจ้า ไว้คุ้มครองลูกหลานของเจ้าต่อไปในภายภาคหน้า”

วันหนึ่ง ชายหนุ่มนั้นคิดในใจว่า “ข้าส่งขนมปังไปให้ ทำไมต้องส่งกลับคืนมาด้วย
ท่านอาจารย์ต้องมีความนัยอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่”
ดังนั้นชายหนุ่มนั้นจึงถามพระอาจารย์ถึงเรื่องนี้
พระอาจารย์ตอบว่า “ขนมปังเป็นสิ่งที่เจ้านำมา และข้ากลับมอบคืนให้เจ้า
ข้าทำผิดตรงไหน?”

ชายหนุ่มนั้นเคยมีวาสนาต่อการปฏิบัติมาก่อนจึงเข้าใจ
ได้ทันทีว่า เหตุปัจจัยที่ตนเองสร้างมา ย่อมจะต้องเป็นผู้รับผลอันนั้น
คิดได้ดังนั้นแล้ว จึงขอบวชกับพระอาจารย์นั้น

พระอาจารย์พูดต่อว่า “ในอดีตเจ้าเคยสร้างแต่บุญกุศล
และตอนนี้ยังเชื่อฟังคำของข้า ต่อแต่นี้ไปให้เรียนธรรมและอยู่ปฏิบัติใกล้ชิดกับข้า

ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง วันหนึ่ง พระหนุ่มนั้น นำเอาความสงสัยเรื่องหนึ่งไปถาม
พระอาจารย์ว่า “หลังจากที่ศิษย์บวชเรียนมาจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยได้รับคำชี้แนะ
เคล็ดวิธีในการปฏิบัติปฏิบัติธรรมเลย”

พระอาจารย์ตอบด้วยเสียงเรียบสงบว่า “ทำไมจะไม่ได้สอนธรรมะให้เจ้า
เจ้ายกน้ำชามา ข้าก็รับไว้ เจ้ายกข้าวมา ข้าก็กิน เมื่อเจ้าแสดงความคารวะ
ข้าก็พยักหน้ารับ ตรงไหนไม่ใช่เคล็ดวิธีในการปฏิบัติธรรม?
หากอยากจะเห็นจิตของตนเอง ก็จะเห็นได้ทันที
หากย้ำคิด จะเดินผิดทางทันที
พระหนุ่มนั้นเข้าใจถึงคำสอนได้ในทันทีเหมือนกัน

การปฏิบัติธรรมหนีไม่พ้นจากเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
หากให้แยกออกจากชีวิตที่เป็นอยู่ในแต่ละวัน
จะรู้ธรรมได้ยาก การเดิน ยืน นอน นั่ง การเคลื่อนไหวนิ่งเงียบ
ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ใช่เครื่องมือทำสติ เพียงแค่รู้อยู่ในปัจจุบันขณะ
ใช้จิตรู้ได้ทันท่วงที ทุกๆสิ่งคือหนทางแห่งมรรค

          (http://1.bp.blogspot.com/-DeWqZDTz7w4/Trw8gBSGm3I/AAAAAAAAAOA/HBvlE6C19os/s400/P1000928.JPG)