หัวข้อ: วัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี กับ"เจ้าขรัวแสง" พระอาจารย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 27 ตุลาคม 2555 15:17:43 ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์สองร้อยกว่าปีล่วงมาแล้ว จะหาพระภิกษุรูปใดที่จะเป็นที่รู้จัก ของมหาชนยิ่งไปกว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม พระมหาเถราจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นไม่มี แต่จะหาผู้ที่รู้จักพระมหาเถรเจ้า อันเป็นที่เคารพนับถือและเป็นบูรพาจารย์องค์สำคัญองค์หนึ่งของพระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) อันมีนามว่าหลวงปู่แสง แห่งวัดมณีชลขัณฑ์ เมืองลพบุรี น้อยเต็มที่ และมีอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่แทบจะไม่เคยได้ยินชื่อของหลวงปู่แสงเลย ทั้งที่หลวงปู่แสง ขรัวตาแสง หรือพระครูมหิทธิเมธาจารย์ นี้ เป็นคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันมาก ในยุคที่ท่านทรงสังขารอยู่ พระเกจิอาจารย์หลายรูปที่มีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบันนี้ที่ได้เคยมานมัสการขอมอบตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเล่าเรียนวิชาการต่างๆ จากหลวงปู่แสงมีจำนวนมาก เป็นที่เลื่องลือขจรไปในหมู่ผู้แสวงหาความรู้ ทางวิชาการทั้งสมถะและวิปัสสนา คาถาอาคม ฯลฯ เป็นที่รู้จักไปจนถึงในรั้วในวัง เป็นที่น่าเสียดายเหลือเกินที่ประวัติขององค์หลวงปู่แสงหาได้ยากยิ่ง ทั้งที่มาและที่ไปของหลวงปู่ล้วนเป็นปริศนาจวบจนปัจจุบัน (http://www.sookjaipic.com/images_upload/91824352244536_1.JPG) วัดมณีชลขัณฑ์ Wat Mani-Sholakhan ตำบลพรหมมาสตร์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี วัดมณีชลขัณฑ์ ตั้งอยู่บนเกาะด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมืองลพบุรี ในเขตตำบลพรหมมาสตร์ อำเภอเมือง วัดนี้เดิมชื่อว่า "วัดเกาะแก้ว" เพราะเป็นวัดตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ วัดนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยายมราช (เฉย ยมาภัย) เมื่อครั้งเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ เป็นผู้สร้าง และมีพระครูแสงเป็นผู้อำนวยการสร้างและได้สร้างเจดีย์แบบแปลกองค์หนึ่ง เรียกกันว่า “เจดีย์หลวงพ่อแสง” สภาพปัจจุบันของวัดไม่ปรากฏร่องรอยของเกาะเดิมให้เห็น เพราะได้มีการถมดินสร้างถนนและสะพานคอนกรีตผ่ากลางวัด เชื่อมไปยังจังหวัดสิงห์บุรี ทำให้วัดนี้ปัจจุบันแบ่งออกเป็นสองส่วน พระเจดีย์วัดมณีชลขัณฑ์ หรือเจดีย์หลวงพ่อแสง ก่อเป็นรูปทรงเหลี่ยมงามแปลกตา สูงเทียมฟ้า เด่นเป็นสง่าในเขตสังฆาวาสของวัดมณีชลขันธ์ เป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนผู้สัญจรไปมาตั้งแต่สมัยโบราณไม่ว่าทางบกหรือทางน้ำจะสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ชาวเมืองลพบุรีเรียกขานพระเจดีย์นี้ว่า “เจดีย์หลวงพ่อแสง” ซึ่งนับเนื่องได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัดลพบุรี และชาวลพบุรีถือเป็นธรรมเนียมนิยมอย่างหนึ่งที่จะปิดทองสักการะและนำนาคมาสักการะหลวงพ่อแสงที่เจดีย์นี้ก่อนที่จะอุปสมบท เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นผลบุญแก่ตน (http://www.sookjaipic.com/images_upload/24047510739829_2.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/13572847843170_3.JPG) พระเจดีย์วัดมณีชลขัณฑ์ หรือเจดีย์หลวงพ่อแสง วัดมณีชลขัณฑ์ รวมถึงเจดีย์หลวงพ่อแสงนี้ ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน โดยกรมศิลปากร เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ เจดีย์มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสอง คล้ายคลึงกับพระเจดีย์โบราณศิลปะสมัยเชียงแสน ส่วนของฐานเจดีย์มีขนาด ๑๕.๔๐ เมตร สูง ๕๐ เมตร ลักษณะของสถาปัตยกรรมเดิมทีเดียวก่อเรือนธาตุสูงลดหลั่นซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ๓ ชั้น เรือนธาตุแต่ละทิศมีซุ้มโค้งสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ชั้นที่ ๔ ตอนบนเป็นองค์ระฆัง ส่วนยอดทำเป็นแท่นบัลลังก์ และปล้องไฉนขึ้นไป ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ โดยความปรากฏในจดหมายเหตุ พ.ศ. ๒๓๙๗ ว่า “หนังสือเจ้าพระยาจักรีมาถึงพระลพบุรี ด้วยมีพระบรมราชโองการตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่าวัดเกาะแก้วเมืองลพบุรี แต่ก่อนเคยเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปนมัสการพระ และประทับแรมอยู่บ้าง แต่พระอุโบสถ กุฏิศาลาการเปรียญ และศาลาท้องพรหมาสตร์ชำรุดยับเยินมาช้านาน โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใหม่ให้รุ่งเรืองสุกใส จะได้เป็นที่กราบไหว้ที่สักการบูชา” โดยเจ้าพระยายมราช (เฉย ยมาภัย) ได้มาเป็นผู้ดูแลการบูรณะวัดเกาะแก้วในครั้งนั้น เมื่อการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จลง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี สังกัดคณะธรรมยุต ต่อมาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ได้ทรงพระราชทานนามว่า “วัดมณีชลขัณฑ์" จากงานค้นคว้าของ ผศ.ทัศนีย์ กระต่ายอินทร์ สถาบันราชภัฏเทพสตรี กล่าวว่า “วัดมณีชลขัณฑ์เป็นวัดเก่าแก่หลายชั่วอายุคน ไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนว่าใครเป็นผู้สร้าง และสร้างเมื่อใด ทราบแต่เพียงว่าเดิมชื่อวัดเกาะแก้ว และจากหลักฐานเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน สันนิษฐานได้ว่าสร้างมาแต่ครั้งรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙–๒๒๓๑) เพราะพบศาสนวัตถุคู่วัด คือ บุษบกธรรมาสน์ฝีมือช่างหลวง มีจารึกอักษรไทย ภาษาไทย ระบุชัดเจนว่า สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๕ บุษบกธรรมาสน์ถือเป็นศาสนวัตถุที่สร้างขึ้นเพื่อคู่กับวัด และพบที่วัดมณีฯ จึงน่าเชื่อได้ว่ามีวัดนี้ตั้งแต่ก่อน พ.ศ. ๒๒๒๕ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/61278559640049_2.png) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/88191156420442_3.png) ครั้งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๙๓-๒๔๑๑) ผู้สำเร็จราชการอินเดียของอังกฤษได้ทูลเกล้าฯ ถวายเมล็ดและใบพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยาซึ่งถือกันว่าเป็นต้นไม้สำคัญในพระพุทธศาสนา ด้วยเป็นต้นไม้ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับใต้ร่มเงาเมื่อกาลที่ทรงตรัสรู้ บรรลุพระสัมโพธิญาณ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้พระราชโอรสคือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ทรงเพาะ เมื่อขึ้นเป็นต้นแล้วพระราชทานให้ปลูกที่วัดมณีชลขัณฑ์และพระอารามต่าง ๆ รวม ๔ แห่งพระศรีมหาโพธิ์ พระราชทานวัดมณีชลขัณฑ์ พระศรีมหาโพธิ์ทรงเพาะ ณ วัดมณีชลขัณฑ์ นี้ พระราชทานให้เจ้าพระยายมราช (เฉย ยมาภัย) เป็นผู้นำมาปลูก ความสำคัญของพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้มีระบุในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันว่า เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๒๖ เวลาบ่ายสามโมง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินที่วัดมณีชลขัณฑ์และเสด็จทรงบูชาพระศรีมหาโพธิ์นี้ด้วย ถึงกาลเวลา ๑๕๐ ปี แห่งพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพุทธศักราช ๒๕๔๖ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ต่อปวงชนชาวไทย พุทธศาสนิกชนเมืองลพบุรีจึงร่วมใจจัดพิธีสมโภชพระศรีมหาโพธิ์พระราชทานโดยกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นประธานในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ด้วยหวังให้พระพุทธศาสนา และพระบรมราชจักรีวงศ์อยู่คู่แผ่นดินไทย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/82846224970287_1.png) รูปปั้น"เจ้าขรัวแสง" กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ประดิษฐานในวิหารวัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี “คนทั้งปวงเขาพากันสร้างรูปของข้าทั่วแผ่นดิน แต่จะหาใครคิดสร้างรูปของอาจารย์ข้า น้อยเหลือเกิน ข้ามิอาจที่จะทำด้วยตัวของข้าเองได้ ขอให้พวกเจ้าจงช่วยเป็นมือ เป็นแขน เป็นขา ทำแทนข้าด้วย ช่วยกันเผยแผ่เกียรติคุณของอาจารย์ข้าให้เป็นที่ประจักษ์แก่แผ่นดินนี้สืบไป ที่มีขรัวโตได้ในวันนี้ ก็เพราะข้ามีอาจารย์แสงเป็นอาจารย์ของข้านี้เอง..” (http://www.sookjaipic.com/images_upload/30479799004064_4.JPG) วิหารที่ประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อแสง วัดมณีชลขันฑ์ จ.ลพบุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload/54563505947589_5.JPG) ปลายคลองระบายใหญ่ ชัยนาท - ป่าสัก 3 ติดรั้ววัดมณีชลขัณฑ์ |