หัวข้อ: โดย การล่วงไปแห่งกาล เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 พฤศจิกายน 2555 19:09:19 (http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/304312_549652785049955_234691882_n.jpg) ธรรมะกับชีวิต :สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง โดย การล่วงไปแห่งกาล ภิกษุทั้งหลาย !สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง(อนิจฺจ). ภิกษุ ทั้งหลาย !สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน (อธว). ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้ (อนสฺสาสิก). ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่าย ในสังขารทั้งปวง พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด พอแล้ว เพื่อจะ ปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! ขุนเขาสิเนรุ โดยยาว ๘๔,๐๐๐โยชน์ ๑ โดยกว้าง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ หยั่งลงในมหาสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สูงขึ้นจากผิวพื้นสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ :- ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ที่ฝนไม่ตกเลย. เมื่อฝนไม่ตก (ตลอดเวลาเท่านี้) ป่าใหญ่ ๆ อันประกอบด้วยพีชคาม ภูตคาม ไม้ หยูกยา และ หญ้าทั้งหลาย ย่อมเฉา ย่อมเหี่ยวแห้ง มีอยู่ไม่ได้ (นี้ฉันใด) ; ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยงฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ หวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด พอแล้ว เพื่อจะ ปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่ง ในกาล บางครั้ง บางคราวโดย การล่วง ไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่สอง ย่อมปรากฏ. เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่สองปรากฏ, แม่น้ำน้อย หนองบึง ทั้งหมดก็ งวดแห้งไป ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด) ; ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืนฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวัง อะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่าย ในสังขารทั้งปวง พอแล้ว เพื่อจะคลาย กำหนัด พอแล้ว เพื่อจะปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาล บางครั้ง บางคราวโดย การล่วงไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่สาม ย่อมปรากฏ. เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่สามปรากฏ, แม่น้ำสายใหญ่ ๆ เช่น แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ ทั้งหมดก็งวดแห้งไป ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลายเป็น สิ่งหวังอะไร ไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง พอแล้ว เพื่อจะคลาย กำหนัด พอแล้ว เพื่อจะปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่ง ในกาล บางครั้งบางคราวโดย การ ล่วงไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่สี่ ย่อมปรากฏ. เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่สี่ปรากฏ, มหาสระทั้งหลาย อันเป็น ที่เกิดแห่งแม่น้ำ ใหญ่ ๆ เช่นแม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ มหาสระเหล่านั้น ทั้งหมดก็ งวดแห้งไป ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็ พอแล้วเพื่อ จะเบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะ ปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่ง ในกาลบางครั้ง บางคราวโดย การล่วงไป แห่งกาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่ห้า ย่อมปรากฏ. เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่ห้าปรากฏ, น้ำในมหาสมุทร อันลึกร้อยโยชน์ ก็งวดลง น้ำในมหาสมุทรอันลึก สอง - สาม - สี่ - ห้า - หก - เจ็ดร้อยโยชน์ก็งวดลง เหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่ว ต้นตาล ก็มีเหลืออยู่เพียงหก - ห้า - สี่ - สาม -สอง กระทั่งหนึ่ง ชั่วต้นตาลก็มี งวดลงเหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่วบุรุษ ก็มี เหลืออยู่ เพียง หก - ห้า - สี่ - สาม – สอง-หนึ่ง กระทั่งครึ่งชั่วบุรุษ ก็มี งวดลง เหลืออยู่เพียงแค่สะเอว เพียงแค่เข่า เพียงแค่ข้อเท้า กระทั่ง เหลืออยู่ ลึกเท่าน้ำ ในรอยเท้าโค ในที่นั้น ๆ เช่นเดียวกับน้ำ ในรอยเท้าโคเมื่อ ฝนเม็ดใหญ่เริ่มตก ในฤดูสารท ลงมา ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพราะ การปรากฏ แห่งอาทิตย์ดวงที่ห้า น้ำในมหาสมุทร ไม่มีอยู่แม้สักว่า องคุลีเดียว(นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย !สังขาร ทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวัง อะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็ พอแล้ว เพื่อจะ เบื่อหน่ายใน สังขารทั้งปวง พอแล้ว เพื่อจะ คลายกำหนัด พอแล้ว เพื่อจะ ปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งใน กาลบางครั้งบางคราวโดย การล่วงไปแห่ง กาลนานไกล อาทิตย์ ดวงที่หก ย่อมปรากฏ. เพราะความปรากฏ แห่งอาทิตย์ดวงที่หก, มหาปฐพีนี้และ ขุนเขาสิเนรุ ก็มีควันขึ้น ยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น เปรียบเหมือน เตาเผาหม้อ อันนายช่างหม้อสุมไฟแล้ว ย่อมมีควันขึ้นโขมงยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น ฉะนั้น (นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขาร ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียง เท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้ว เพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่เจ็ด ย่อมปรากฏ. เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่เจ็ด, มหาปฐพีนี้และ ขุนเขาสิเนรุ ย่อมมีไฟลุกโพลง ๆ มีเปลวเป็นอันเดียวกัน. เมื่อมหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุ อันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่อย่างนี้ เปลวไฟถูกลมซัดขึ้นไป จนถึงพรหมโลก. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เมื่อขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่ วินาศอยู่ อันกองไฟ ท่วมทับแล้ว, ยอดทั้งหลายอันสูงร้อยโยชน์บ้าง สอง - สาม - สี่ - ห้าร้อยโยชน์บ้าง ก็พังทำลายไป. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เมื่อ มหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุอันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่, ขี้เถ้าและ เขม่าย่อมไม่ปรากฏ เหมือนเมื่อเนยใส หรือน้ำมันถูกเผา ขี้เถ้าและเขม่าย่อมไม่ปรากฏ ฉะนั้น(นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืนฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขาร ทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง. ภิกษุ ทั้งหลาย ! ในข้อความนั้น ใครจะคิด ใครจะเชื่อ ว่า “ปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุจักลุกไหม้ จักวินาศ จักสูญสิ้น ไปได้” นอกเสียจาก พวกมีบทอันเห็นแล้ว. -สตฺตก. อํ๒๓/๑๐๒ - ๑๐๕/๖๓ (http://www.elboskencantado.es/resources/92..jpg) :http://www.facebook.com/pages/พระพุทธเจ้า/166387296709841?fref=ts |