[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ใต้เงาไม้ => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 29 กรกฎาคม 2553 02:53:10



หัวข้อ: มหากาพย์แห่งความคิด ๒.(วังวนแห่งรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 กรกฎาคม 2553 02:53:10

รักเอยรัก..
จำเป็นนักฤๅจะเอ่ยเผยภาษา
ความรู้สึกลึกล้ำฉ่ำวิญญา
ดูนัยน์ตาก็ประจักษ์ว่ารักแรง...

(http://lh6.ggpht.com/_crnWkgsJl0E/TE2gGT4bQwI/AAAAAAAAAt8/uN0cbeiQ78c/love.jpg)

แรงดึงดูดแห่งหลุมรักนั้น มหัศจรรย์ยิ่งกว่าสนามพลังงานใดๆ
แม้แต่หลุมดำในจักรวาลก็ยังดึงดูดได้แค่มวลสารและวัตถุ
แต่สำหรับหลุมรัก มันจะเรียกร้องดึงดูดเอาเครื่องบรรณาการทั้งหมดของขันธ์ ๕
เข้าไปจองจำและผูกล่ามไว้ ดั่งพันธนาการของนายนิรยบาล
ที่ผูกมัดหมู่สัตว์ในอบายฯ

 
 วังวนแห่งหลุมรักจะเหนี่ยวนำดึงดูด ให้มีอารมณ์เคลิบเคลิ้ม คลุกเคล้าคลอเคลีย
เวียนวนเหมือนวังวนของสายน้ำ ให้คิดและจดจำเกาะเกี่ยวอยู่กับเรื่องราวเหล่านั้น
ความเอิบอิ่มหอมหวานของพวงมาลัยแห่งรัก ที่ชุ่มอยู่ด้วยหยดน้ำผึ้งแห่งความงาม
จะร้อยรัดให้ดื่มด่ำ ติดพันกับอารมณ์อันวิจิตร อยู่แต่ในเทวาลัยแห่งรักนี้..
 
ความรักที่เกิดจากความเอื้ออาทร การเสียสละและความเข้าใจ ไม่มีข้อเรียกร้อง
ไร้ซึ่งเงื่อนไขใดๆ และไม่ปรารถนาจะได้รับสิ่งใดตอบแทนให้เป็นที่ลำบากใจจากอีกฝ่าย
ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อย ยากลำบากสักเพียงไหน ก็ยอมทุ่มเทอดทน
เพื่อให้ใครสักคนซึ่งเป็นที่รัก ได้รับความสุข ความพึงพอใจ
ไม่ง่ายนักที่จะมีใครสักคน ทำให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งสภาวะการณ์เช่นนี้

 แท้ที่จริงแล้ว ความรัก ความรู้สึกผูกพัน การเสียสละ ไม่ได้เกิดจากตัวตนของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
แต่เกิดจากจิตดวงหนึ่ง ส่งผ่านเป็นกระแสแห่งความรัก ความปรารถนาดี ความผูกพันเอื้ออาทร
ไปยังจิตอีกดวงหนึ่ง ซึ่งรับรู้ถึงความดีงามเหล่านั้น ผ่านรูปอันสมมุติที่ปรุงแต่งขึ้นเป็นตัวตน
อันปรากฏขึ้นให้เห็นเป็นรูปธรรม ของบุคคล..
ซึ่งเมื่อจิต อันเป็นธรรมชาติแห่งการรับรู้ดวงนั้นสัมผัสได้ถึงสภาวะของกระแสแห่งความรัก
ความดีงาม ความปฏิภัทธ์ผูกพัน ที่ต่อผ่านเชื่อมส่งมา ก็ยินดีและยอมรับเอาไว้
ตามธรรมชาติธรรมดาของจิตแห่งการรับรู้ ที่ปิติ พึงใจ ในกระแสแห่งคุณงามความดี
 
 เมื่อความดีงาม ความเสียสละทุ่มเท ห่วงหาอาทร เพิ่มพูนและเข้มข้นทวีขึ้น
เป็นปรากฏการณ์ ที่ได้รับความสุข ความดีงาม ความไว้วางใจ และปลอดภัย
ความรู้สึกถึงคุณค่าและศรัทธาต่อความดีงามอันนั้นจึงตามมา
สู่หิ้งแห่งความศรัทธา ความเชื่อมั่น ไว้วางใจในความรักและความดีงามอันนั้น
ว่าจะไม่ทำร้าย ทำลาย ทำให้เกิดทุกข์ และนำมาซึ่งอารมณ์อันปิติสุข ซาบซึ้งอิ่มเอิบ
เข้ามาสถิต ตราเป็นสัญญาไว้ในดวงจิต สู่เทวาลัยแห่งความรัก เคารพ และเชื่อมั่น..
 
 ยิ่งได้รับกระแสแห่งความรักความดีงามเพิ่มขึ้น และเห็นถึงความพยายามทุ่มเทของอีกฝ่าย
ความรู้สึกสำนึกผิดเล็กๆ จึงเกิดขึ้นในใจ หากไม่มีปฏิกิริยาความดีใดๆตอบแทนออกไปบ้าง
ก็เกรงว่า ความรู้สึกอันงดงามเหล่านั้นอาจจะเลือนหายไป และคงทนไม่ได้
ต่อการสิ้นไปแห่งรสชาติของความสุขที่เคยได้รับในอารมณ์อันนั้น
จึงเกิดการเหนี่ยวนำให้ผูกสัมพันธ์เชื่อมต่อ อารมณ์อันน่าพึงใจ ไม่ให้ขาดหาย
นี่คือจุดเริ่มต้น ของกระบวนการเวียนวน เดินเข้าไปสู่ปากเหวของหลุมรัก...
 
 กระบวนการต่อจากนี้ คือการได้สร้างสัญญาณแห่งสัมพันธภาพ สู่ความสมดุล ซึ่งกันและกัน
เมื่อต่างฝ่ายต่างมอบบรรณาการ จากพวงมาลัยแห่งความรัก ความดีงาม และความเสียสละจริงใจ
ให้สอดคล้องสมดุล บนหิ้งแห่งศรัทธาในหัวใจ ที่มีต่อกันและกัน
ความหอมหวานจะอบอวลแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเทวาลัย ด้วยอารมณ์แห่งรัก
ผลไม้จะกลายเป็นผลไม้วิเศษ ที่ความหวานของมัน จะทวีความหวานยิ่งขึ้น เมื่อคนรักหยิบยื่นให้
แม้เพียงผืนผ้าผืนเล็กที่ยื่นมาซับเหงื่อ ด้วยความห่วงใย และปรารถนาดูแลเอาใจใส่
ยังแลดูวิจิตร ดั่งผ้าพรรณแพรทิพย์ ที่ล่องลอยมาจากสวรรค์ดาวดึงส์
คงไม่ต้องบรรยายถึงช่อดอกไม้ที่ถูกหยิบยื่นให้ ว่ามันจะหอมหวานสักปานใด..
 
 คุณค่าของสิ่งธรรมดาทั้งหลายในโลก จะกลายเป็นความงดงามอันอัศจรรย์
ใต้ร่มไม้ริมชายน้ำก็จะเป็นเหมือนแดนแห่งสวรรค์ แม้แต่ดอกหญ้าที่ดูไร้ค่าด้อยราคา
ก็ยังดูวิจิตรละเอียดอ่อนตระการตา มีค่าประดุจอัญมณี ที่ประดับอยู่บนมงกุฏพระราชา
สัมผัสทั้ง ๖ อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกาย สัมผัสใจ
จะถูกยก ด้วยอารมณ์แห่งความรู้สึกที่พิเศษ ให้วิจิตรและสูงค่าขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จิตใจจะวนเวียนนึกถึง อุปธิ คือความยึดถือ มีเยื่อใยในอารมณ์อันพิเศษเหล่านั้น
อย่างไม่อาจจะสลัดหลุดออก จากสนามพลังดึงดูดอัน ซึมซับ อิ่มเอิบเช่นนั้นได้
สภาวะการณ์แห่งความรู้สึกเช่นนี้ จึงเรียกว่า ตกหลุมรัก...
 
ขณะที่ชีวิตยังต้องเดินทางอยู่ในสังสารวัฏ บางคนบางคู่ ที่ไม่มีปัญหาใดๆต่อกัน
ถึงกับให้สัญญาตั้งมั่นกันไว้ เมื่อเกิดชาติหน้าชาติไหน จะขอพบขอเจอกันทุกๆชาติไป
 
  ด้วยสภาวะแห่งอารมณ์พอใจยินดี ยึดไว้กับความสุขอันวิจิตรประณีตดังกล่าว จึงเหนี่ยวรั้งจิตไว้
ไม่ให้พัฒนาก้าวหน้า ไปสู่ความจริงอันลึกซึ้งยิ่งกว่า..
ถูกบดบังสภาวะเดิมอันบริสุทธิ์เอาไว้ ด้วยการถลำลึกลงไปในมายาแห่งความคิด
ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มดื่มด่ำ กับความสุขอันเรืองรอง ของรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกาย สัมผัสใจ
จึงเป็นเหตุให้เวียนวน อยู่ในห้วงเหวของมายาแห่งความคิดในความรัก มิรู้สิ้นไป...
 
.. มหากาพย์แห่งความคิด ยังคงเดินทางเวียนวน หมุนเปลี่ยนเวียนไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทับร่องเก่าในรอยเดิม เป็นรากฝอยที่พันร้อยรัดมวลดิน จะไปสุดสิ้นที่ไหนไม่อาจประมาณ..


(http://lh4.ggpht.com/_crnWkgsJl0E/TERo7yRUvMI/AAAAAAAAAsc/O4ir7FHFKPU/pure_logo.jpg) คิดให้ได้เรื่องฯ
 (:LOVE:)  http://www.tairomdham.net/index.php/topic,482.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,482.0.html)


หัวข้อ: Re: มหากาพย์แห่งความคิด ๒.(วังวนแห่งรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 29 กรกฎาคม 2553 10:42:22
(http://www.josnell.com.ar/imagenes/hada-con-rosas.jpg)


หัวข้อ: Re: มหากาพย์แห่งความคิด ๒.(วังวนแห่งรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 กรกฎาคม 2553 16:48:24
(http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;attach=117;type=avatar)


 ;D ;D ;D ;D ;D






หัวข้อ: Re: มหากาพย์แห่งความคิด ๒.(วังวนแห่งรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 31 กรกฎาคม 2553 23:02:50
"ความ..รัก..เอย...เจ้า..ลอยลม..มาหรือไร...."

(http://i276.photobucket.com/albums/kk13/yamiejung/555879.gif)