[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 กรกฎาคม 2553 13:21:47



หัวข้อ: อานิสงส์ ของ ทาน ( ผลจากการให้ทาน ประเภทต่าง ๆ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 กรกฎาคม 2553 13:21:47
เรื่อง อานิสงส์ของทาน
ในการถวายสิ่งของต่าง ๆ เล่มนี้เป็นภาษิตของท่านพระปิลินทวัจฉมหาเถระผู้เป็นพระอรหันต์ที่ได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเหล่าเทวดาภิกษุ ภิกษุณี และคฤหัสถ์ทั้งปวง ซึ่งเป็นหนึ่งในพระมหาเถระ ๘๐ องค์

บุญที่ท่านพระเถระเคยกระทำไว้ท่านพระปิลินทวัจฉเถระได้กล่าวถึงบุญที่ตนเองได้กระทำไว้ในด้านต่าง ๆ มาในชาตินี้จึงได้รับผลบุญวิบาก บุญหรือที่เรียกว่าอานิสงส์ของการทำบุญที่ได้กระทำไว้ในอดีตเมื่อผู้เรียบ เรียงอ่านภาษิตของท่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์มากเพราะทำให้คนทั้งหลายได้รู้ ว่าเมื่อได้ทำบุญแล้วจะได้รับผลบุญจะได้รับอานิสงส์ของการทำบุญเป็นอย่างไรมีอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไรในเรื่องนี้ จะบอกเรื่องอานิสงส์ในการถวายสิ่งของถึง๔๖ ประการไว้อย่างชัดเจน

บุญที่ท่านพระมหาเถระเคยทำไว้ กล่าวคือเมื่อสมัยเกิดเป็นคนเฝ้าประตูเมือง กรุงหงสวดีได้ ทำหน้าที่อย่างสุจริตและเป็นเวลาช้านานภายหลังก็มีทรัพย์สมบัติมากมายต่อมา คิดอยากจะถวายทานสิ่งของอะไรก็ตามที่คนทั้งหลายยังไม่เคยได้ถวายสิ่งนั้นนั่นแหละตนเองจะถวายเป็นคนแรก ต่อมาท่านก็ได้ถวายบริขารเป็นอันมากดังมีเรื่องเล่าอดีตชาติของ พระปิลินทวัจฉมหาเถระ พอสรุปได้ว่า
เมื่อแสนกัปที่ผ่านมา ท่านพระปิลินทวัจฉมหาเถระนี้ เกิดเป็นคนเฝ้าประตูคิดอยากจะทำถวายทาน ต่อมาได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมะ ตามที่ได้คิดด้วยทานวัตถุเป็นอันมาก เพราะผลแห่งทานนั้น ในชาติต่อ ๆ มา ท่านไม่รู้จักทุคคติเลยคือ ท่านได้เกิดเป็นท้าวสักกะ ๑,๐๐๐ ชาติ เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑,๐๐๐ ชาติเกิดเป็นพระเจ้าประเทศราชนับชาติไม่ถ้วน ทุกชาติที่เกิดมาได้สมบูรณ์ด้วยสมบัติทุกประการ ในชาติสุดท้ายนี้ ท่านได้บรรลุพระอรหัตตผลพร้อมด้วยคุณวิเศษ นอกจากนี้ เวลาท่านเไปอยู่ที่ไหน จะมีพวกเทวดา อสูรและคนธรรพ์สักการะ และเป็นผู้เป็นที่รักของภิกษุ ภิกษุณี และคฤหัสถ์ทั้งปวงต่อจากนี้ไป ผู้เรียบเรียงจะได้นำเสนอการถวายสิ่งของ มีร่มเป็นต้นแล้วได้รับอานิสงส์ของการทำบุญแต่ละอย่าง ดังต่อไปนี้


เรื่อง อานิสงส์ของทาน
กรรมที่ข้าพเจ้า(นามว่าปิลินทวัจฉะ)กระทำแล้วใน ๑๐๐,๐๐๐ กัปได้แสดงผลแก่ข้าพเจ้าแล้วในอัตภาพสุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าหลุดพ้นดีแล้วดุจความเร็วของลูกศรที่หลุดพ้นไปจากแล่ง เผากิเลสทั้งหลายได้แล้ว น่าปลื้มใจกรรมข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้ว ในเนื้อนาบุญอย่างยอดเยี่ยมซึ่งเป็นฐานะที่ข้าพเจ้าทำสักการะแล้ว ได้บรรลุบทที่ไม่หวั่นไหวมาณพใดได้ให้ทานอย่างประเสริฐไม่บกพร่อง มาณพนั้นได้เป็นหัวหน้าคนแรกนี้เป็นผลแห่งทาน


หัวข้อ: Re: อานิสงส์ ของ ทาน ( ผลจากการให้ทาน ประเภทต่าง ๆ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 กรกฎาคม 2553 13:22:23
๑. อานิสงส์ของการถวายร่ม
...ข้าพเจ้าได้ถวายร่มในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๘ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. ไม่รู้สึกหนาว ๒.ไม่รู้สึกร้อน๓. ละอองและธุลี ไม่แปดเปื้อน ๔. เป็นผู้ไม่มีอันตราย
๕.ไม่มีเสนียดจัญไร ๖. ชนทั้งหลายยำเกรงทุกเมื่อ๗. เป็นผู้มีผิวพรรณละเอียด ๘.เป็นผู้มีใจใสสะอาด
...เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ ฉัตร ๑๐๐,๐๐๐ คันซึ่งประกอบด้วยเครื่องประดับทุกอย่าง กั้นอยู่เหนือศีรษะของข้าพเจ้า ยกเว้นชาตินี้เพราะอานุภาพแห่งกรรมนั้น เพราะฉะนั้น ในชาตินี้ การกั้นฉัตร จึงไม่มีแก่ข้าพเจ้าข้าพเจ้ากระทำกรรมทุกอย่าง ก็เพื่อบรรลุฉัตรคือวิมุตติ


๒.อานิสงส์ของการถวายผ้า
ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๘ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง๒. ปราศจากไฝฝ้า๓. มีรัศมีผ่องใส๔. มีตบะ๕.มีร่างกายมีผิวเกลี้ยงเกลา๖. มีผ้าสีขาว ๑๐๐,๐๐๐ ผืน๗. มีผ้าสีเหลือง๑๐๐,๐๐๐ ผืน๘. มีผ้าสีแดง ๑๐๐,๐๐๐ ผืน
.....เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ และมีผ้ากั้นอยู่เหนือศีรษะของข้าพเจ้านี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า>>

๓. อานิสงส์ของการถวายบาตร
ข้าพเจ้าได้ถวายบาตรในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๑๐ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.บริโภคโภชนาหารในภาชนะทองคำ ภาชนะแก้วมณี ภาชนะเงินและภาชนะที่ทำด้วยทับทิมทุกครั้ง๒. เป็นผู้ไม่มีอันตราย๓.ไม่มีเสนียดจัญไร๔. ชนทั้งหลายยำเกรงทุกเมื่อ
๕. ได้ข้าว น้ำ ผ้าและที่นอนเป็นปกติ๖. มีโภคสมบัติไม่พินาศ๗. เป็นผู้มีจิตมั่นคง
๘.เป็นผู้ใคร่ธรรมทุกเมื่อ๙. เป็นผู้มีกิเลสน้อย๑๐. ไม่มีอาสวะ
....คุณเหล่านี้ ติดตามข้าพเจ้าไปทั้งในเทวโลกและมนุษย์โลกไม่ละข้าพเจ้าในที่ทุกแห่ง เปรียบเหมือนเงาต้นไม้>>

๔. อานิสงส์ของการถวายมีด
....ข้าพเจ้าได้ถวายมีดเล็กที่ทำอย่างสวยงามเนื่องด้วยเครื่องผูกอย่างวิจิตรจำนวนมากแก่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดและแก่สงฆ์ ได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๘ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้กล้า๒.เป็นผู้ไม่มีความเดือดร้อน๓. ถึงความสำเร็จในเวสารัชชธรรม
๔.เป็นผู้มีปัญญาเครื่องทรงจำ ๕. มีความเพียร๖. ประคองใจไว้ได้ทุกเมื่อ
๗. ได้ญาณอันสุขุมเป็นเครื่องตัดกิเลส ๘.ได้ความบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเทียมเท่าในที่ทั้งปวง
เพราะผลกรรมของข้าพเจ้านั้น


๕. อานิสงส์ของการถวายมีดเล็ก
....ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใสได้ถวายมีดเล็กอันราบเรียบ ไม่หยาบขัดถูกดีแล้วจำนวนมากในพระพุทธเจ้าและในพระสงฆ์แล้ว ได้รับอานิสงส์ ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้ได้กัลยาณมิตร ๒. มีความเพียร๓.มีขันติ ๔. ได้ศัสตราคือไมตรี
๕. เพราะตัดลูกศรคือตัณหาจึงได้ศัสตราคือปัญญาอันยอดเยี่ยม และญาณที่เสมอด้วยเพชร เพราะผลแห่งกรรมเหล่านั้น

๖. อานิสงส์ของการถวายเข็ม
.......ข้าพเจ้าได้ถวายเข็มในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เมื่อเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยและใหญ่ เป็นผู้ที่มหาชนนอบน้อม
๒.เป็นผู้ตัดความสงสัยได้๓. มีรูปร่างงดงาม๔. มีโภคสมบัติ
๕.มีปัญญาฉลาด หลักแหลม ทุกเมื่อ
....ข้าพเจ้าพิจารณาเห็นอรรถ ซึ่งเป็นฐานะละเอียดลึกซึ้งด้วยญาณของข้าพเจ้า ญาณของข้าพเจ้า เสมอด้วยยอดเพชรเป็นเครื่องกัดความมืด


๗. อานิสงส์ของการถวายมีดตัดเล็บ
......ข้าพเจ้าได้ถวายมีดตัดเล็บในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้ได้ทาสชายหญิง๒. เป็นผู้ได้โคและม้า๓. เป็นผู้ได้ลูกจ้างที่เป็นนางฟ้อนรำ
๔.เป็นได้ช่างตัดผม๕. เป็นผู้ได้พ่อครัวผู้ทำอาหารจำนวนมากในที่ทั้งปวง


๘.อานิสงส์ของการถวายพัดใบตาล
.....ข้าพเจ้าได้ถวายพัดใบตาลในพระสุคตแล้วได้รับอานิสงส์ ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๘ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.ไม่รู้สึกหนาวร้อน๒. ไม่มีความเร่าร้อน๓. ไม่มีจิตรู้สึกกระวนกระวาย
๔. เป็นผู้ดับไฟคือราคะได้๕. เป็นผู้ดับไฟคือโทสะได้๖.เป็นผู้ดับไฟคือโมหะได้
๗. เป็นผู้ดับไฟคือมานะได้๘.เป็นผู้ดับไฟคือทิฏฐิได้ ….เพราะผลกรรมของข้าพเจ้านั้น


๙.อานิสงส์ของการถวายพัดขนปีกนกยูงและแส้จามร
....ข้าพเจ้าได้ถวายพัดขนปีกนกยูงและแส้จามรในหมู่สงฆ์และพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุด เป็นผู้มีกิเลสสงบระงับแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน


๑๐.อานิสงส์ของการถวายผ้ากรองน้ำคือธมกรก
....ข้าพเจ้าได้ถวายกรองน้ำคือธมกรกในพระสุคต แล้วได้รับอานิสงส์ ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้ล่วงพ้นอันตรายทั้งปวงได้๒. เป็นผู้ได้อายุทิพย์๓. โจรหรือข้าศึกข่มไม่ได้ทุกเมื่อ
๔. ศัสตราหรือยาพิษไม่เบียดเบียนข้าพเจ้า๕. ไม่มีความตายในระหว่าง คือไม่ตายก่อนอายุขัย
เพราะผลแห่งกรรมเหล่านั้นของข้าพเจ้า




หัวข้อ: Re: อานิสงส์ ของ ทาน ( ผลจากการให้ทาน ประเภทต่าง ๆ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 กรกฎาคม 2553 13:22:43
๑๑. อานิสงส์ของการถวายภาชนะน้ำมัน
....ข้าพเจ้าได้ถวายภาชนะน้ำมันในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีรูปร่างงดงาม๒. เป็นผู้มีความเจริญดี๓. เป็นผู้มีเบิกบานดี ๔. เป็นผู้มีใจไม่ฟุ้งซ่าน
๕. เป็นผู้ได้รับการคุ้มครองโดยการอารักขาทั้งปวง


๑๒.อานิสงส์ของการถวายกล่องเข็ม
....ข้าพเจ้าได้ถวายกล่องเข็มในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๓ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้ได้ความสุขใจ ๒.เป็นผู้ได้ความสุขกาย๓. เป็นผู้ได้ความสุขเกิดแต่อิริยาบถ
เพราะผลกรรมของข้าพเจ้านั้น


๑๓. อานิสงส์ของการถวายผ้าอังสะ
....ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าอังสะในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๓ ประการ คือ
๑.ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ความมั่นคงในพระสัทธรรม๒. ข้าพเจ้าเป็นผู้ระลึกชาติได้
๓. ข้าพเจ้าเป็นผู้มีผิวพรรณงดงามในที่ทั้งปวง ….เพราะผลกรรมของข้าพเจ้านั้น>>

๑๔. อานิสงส์ของการถวายประคตเอว
....ข้าพเจ้าได้ถวายประคตเอวในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๖ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้ไม่หวั่นไหวในสมาธิ คือมีสมาธิแน่วแน่๒. เป็นผู้ชำนาญในสมาธิ
๓.เป็นผู้มีบริวารไม่แตกแยกกัน๔. มีถ้อยคำที่เชื่อถือได้ทุกเมื่อ
๕.มีสติตั้งมั่น๖. ไม่มีความสะดุ้งกลัว
คุณเหล่านี้ติดตามข้าพเจ้าไปทั้งในเทวโลก และมนุษย์โลก


๑๕.อานิสงส์ของการถวายเชิงรองบาตร
....ข้าพเจ้าได้ถวายเชิงรองบาตรในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุด เป็นผู้ไม่มีภัยในเพราะวรรณะ ๕และไม่หวั่นไหวด้วยอะไร ๆ ธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีสติและญาณเป็นเครื่องตรัสรู้ข้าพเจ้าฟังแล้ว ธรรมที่ข้าพเจ้าทรงจำไว้ ย่อมไม่คลาดเคลื่อนเป็นอันวินิจฉัยดีแล้ว


๑๖. อานิสงส์ของการถวายภาชนะ
....ข้าพเจ้าได้ถวายภาชนะสำหรับใส่ของบริโภคในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๓ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้ได้ทองคำภาชนะแก้วมณี ภาชนะแก้วผลึก และภาชนะแก้วทับทิม
๒. เป็นผู้ได้ภริยาได้ทาสชายหญิง พลช้าง พลม้า พลรถ พลเดินเท้า และหญิงผู้เคารพนาย
๓.เป็นผู้ได้เครื่องบริโภคทุกเวลา
วิชาในบทมนตร์ ในอาคมต่าง ๆ จำนวนมากและศิลปะทั้งปวง ข้าพเจ้าย่อมใคร่ครวญให้เป็นที่ใช้สอยได้ทุกเวลา


๑๗.อานิสงส์ของการถวายขัน
....ข้าพเจ้าได้ถวายขันในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๓ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้ได้ขันทองคำขันแก้วมณี ขันแก้วผลึก และขันแก้วทับทิม
๒. เป็นผู้ได้ขันรูปต้นโพธิ์ รูปผลไม้รูปใบบัว และสังข์สำหรับดื่มน้ำผึ้ง
๓. เป็นผู้ได้ข้อปฏิบัติในวัตรอันงามในอาจาระและกิริยา
ข้าพเจ้าได้คุณเหล่านี้ เพราะผลแห่งกรรมนั้น

>>
๑๘.อานิสงส์ของการถวายเภสัช
...ข้าพเจ้าได้ถวายเภสัชในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๑๐ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีอายุยืน ๒.เป็นผู้มีกำลัง๓. เป็นนักปราชญ์ ๔. เป็นผู้มีวรรณะ
๕. เป็นผู้มียศ ๖.เป็นผู้มีสุข๗. เป็นผู้ไม่มีอันตราย ๘. เป็นผู้ไม่มีเสนียดจัญไร
๙.ชนทั้งหลายยำเกรงทุกเมื่อ๑๐. เป็นผู้ไม่มีความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก
เพราะผลแห่งกรรมของข้าพเจ้านั้น


๑๙. อานิสงส์ของการถวายรองเท้า
....ข้าพเจ้าได้ถวายรองเท้าในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๓ ประการ คือ
๑. ยานคือช้าง ยานคือม้า ยานคือวอและคานหามแวดล้อมข้าพเจ้าทุกเมื่อ
๒. เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพรองเท้าแก้วมณี รองเท้าทองแดง รองเท้าทองคำ รองเท้าเงิน ผุดขึ้นรองรับทุกย่างเท้า
๓. บุญกรรมทั้งหลาย ย่อมช่วยชำระอาจารคุณให้สะอาดแน่นอน ข้าพเจ้าได้คุณเหล่านี้เพราะผลแห่งกรรมนั้น


๒๐. อานิสงส์ของการถวายเขียงเท้า
...ข้าพเจ้าได้ถวายเขียงเท้าในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้สวมเขียงเท้าซึ่งสำเร็จด้วยฤทธิ์แล้วอยู่ได้ตามความปรารถนา




หัวข้อ: Re: อานิสงส์ ของ ทาน ( ผลจากการให้ทาน ประเภทต่าง ๆ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 กรกฎาคม 2553 13:23:15
๒๑.อานิสงส์ของการถวายผ้าเช็ดน้ำ
...ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าเช็ดน้ำในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้มีผิวพรรณดุจทองคำปราศจากธุลี๒. เป็นผู้มีรัศมีผ่องใส๓.เป็นผู้มีตบะ
๔. มีร่างกายมีผิวเกลี้ยงเกลา๕.ฝุ่นละอองไม่ติดร่างกายข้าพเจ้า....ข้าพเจ้าได้คุณเหล่านี้ เพราะผลแห่งกรรมนั้น

๒๒. อานิสงส์ของการถวายไม้เท้าคนแก่
....ข้าพเจ้าได้ถวายไม้เท้าคนแก่ในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีบุตรมาก๒.เป็นผู้ไม่มีความสะดุ้งกลัว
๓. เป็นผู้ได้รับการคุ้มครองโดยการอารักขาทั้งปวงใคร ๆ ข่มไม่ได้ทุกเมื่อ
๔. ไม่รู้จักความพลั้งพลาด๕.เป็นผู้มีใจไม่ฟุ้งซ่าน


๒๓. อานิสงส์ของการถวายยารักษาไข้และยาหยอดตา
....ข้าพเจ้าได้ถวายยารักษาไข้ และยาหยอดตาในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๘ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีนัยน์ตาโต ๒.เป็นผู้มีนัยน์ตาสีขาว๓. เป็นผู้มีนัยน์ตาสีเหลือง ๔. เป็นผู้มีนัยน์ตาสีแดง
๕. เป็นผู้มีนัยน์ตาแจ่มใส ไม่มัว ๖. ปราศจากโรคตาทุกอย่าง
๗. มีตาทิพย์ ๘.มีดวงตา คือปัญญาอย่างสูงสุด ….ข้าพเจ้าได้คุณเหล่านี้ เพราะผลแห่งกรรมนั้น


๒๔. อานิสงส์ของการถวายลูกกุญแจ
....ข้าพเจ้าได้ถวายลูกกุญแจในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้ลูกกุญแจคือญาณสำหรับเปิดประตูแห่งธรรม


๒๕. อานิสงส์ของการถวายแม่กุญแจ
....ข้าพเจ้าได้ถวายแม่กุญแจในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๒ ประการ คือ
๑.เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ เป็นคนมีความโกรธน้อย
๒.ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่มีความคับแค้นใจ


๒๖. อานิสงส์ของการถวายสายโยก
....ข้าพเจ้าได้ถวายสายโยกในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้ไม่หวั่นไหวในสมาธิ๒. เป็นผู้ชำนาญในสมาธิ๓.เป็นผู้มีบริวารไม่แตกแยกกัน
๔. เป็นผู้มีถ้อยคำที่เชื่อถือได้ทุกเมื่อ๕.เป็นผู้มีโภคสมบัติเกิดขึ้น เมื่อยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ


๒๗.อานิสงส์ของการถวายกระบอกเป่าควันไฟ
....ข้าพเจ้าได้ถวายกระบอกเป่าควันไฟในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๓ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีสติตั้งมั่น๒. เป็นผู้มีเส้นเอ็นต่อเนื่องกันดี
๓. เป็นผู้ได้ที่นอนทิพย์ ….เพราะผลแห่งกรรมของข้าพเจ้านั้น


๒๘. อานิสงส์ของการถวายตะเกียง
....ข้าพเจ้าได้ถวายตะเกียงในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๓ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีตระกูล๒.เป็นผู้มีอวัยวะสมบูรณ์
๓. เป็นผู้มีปัญญาที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ…ข้าพเจ้าได้คุณเหล่านี้ เพราะผลแห่งกรรมของข้าพเจ้านั้น


๒๙.อานิสงส์ของการถวายคนโทน้ำและผอบ
...ข้าพเจ้าได้ถวายคนโทน้ำและผอบในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๑๐ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้ได้รับการคุ้มครอง ๒. มีความพรั่งพร้อมด้วยสุข๓. เป็นผู้มียศยิ่งใหญ่๔. มีการดำเนินชีวิตที่ดี๕. เป็นผู้มีร่างกายที่ได้สัดส่วน ๖. เป็นสุขุมาลชาติ๗. ปราศจากเสนียดจัญไรทั้งปวง ๘. ได้คุณอันไพบูลย์๙.ได้รับการยกย่องนับถืออย่างมั่นคง ปราศจากความหวาดเสียว
๑๐.เป็นผู้ได้คนโทน้ำและผอบ ๔ สี และช้างแก้ว ม้าแก้ว
คุณของข้าพเจ้านั้นไม่พินาศ นี้เป็นผลในการถวายคนโทน้ำและผอบ


๓๐. อานิสงส์ของการถวายวัตถุขัดสนิม
ข้าพเจ้าได้ถวายแปรงมือ ซึ่งเป็นวัตถุขัดสนิทในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยลักษณะทั้งปวง๒. เป็นผู้มีอายุยืน๓. เป็นผู้มีปัญญา
๔. เป็นผู้มีจิตตั้งมั่น๕. มีร่างกายพ้นจากความยากลำบากทุกอย่างในกาลทุกเมื่อ




หัวข้อ: Re: อานิสงส์ ของ ทาน ( ผลจากการให้ทาน ประเภทต่าง ๆ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 กรกฎาคม 2553 13:23:47
๓๑. อานิสงส์ของการถวายกรรไกร
...ข้าพเจ้าได้ถวายกรรไกรที่มีคมบาง ซึ่งลับไว้ดีในพระสงฆ์ แล้วได้ญาณเป็นเครื่องตัดกิเลส ซึ่งบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเปรียบเทียบ


๓๒. อานิสงส์ของการถวายแหนบ
...ข้าพเจ้าได้ถวายแหนบในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้ญาณเป็นเครื่องถอนกิเลสซึ่งบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเทียบเท่า


๓๓. อานิสงส์ของการถวายยานัตถุ์
....ข้าพเจ้าได้ถวายยานัตถุ์ในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๘ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีศรัทธา ๒.มีศีล๓. มีหิริ ๔. มีโอตตัปปะ๕. มีสุตะ ๖. มีจาคะ๗. มีขันติ ๘.มีปัญญา


๓๔. อานิสงส์ของการถวายถวายตั่ง
....ข้าพเจ้าได้ถวายตั่งในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้เกิดในตระกูลสูงมีโภคสมบัติมาก๒. เป็นผู้ที่ชนทั้งปวงยำเกรง
๓. มีชื่อเสียงฟุ้งขจรไป๔. มีบัลลังก์สี่เหลี่ยมจัตุรัสห้อมล้อมเป็นนิตย์ ตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
๕.เป็นผู้ยินดีในการจำแนกแจกจ่ายทาน



๓๕. อานิสงส์ของการถวายฟูก
...ข้าพเจ้าได้ถวายฟูกในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๖ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้มีร่างกายสมส่วนที่บุญกรรมก่อให้ อ่อนโยน มีรูปงาม น่าดู๒.เป็นผู้ได้ญาณอันประเสริฐ
๓.เป็นผู้ได้ฟูกที่ยัดด้วยนุ่นอันวิจิตรด้วยรูปสัตว์ต่าง ๆ มีรูปราชสีห์และเสือโคร่งเป็นต้น ด้วยผ้าไหม แกมดิ้นที่ปักเพชรพลอย
๔.เป็นผู้ได้ผ้าป่านอย่างดี และผ้ากัมพลต่าง ๆ จำนวนมาก
๕.เป็นผู้ได้ผ้าปาวารที่มีขนอ่อนนุ่ม และผ้าทำด้วยขนสัตว์อ่อนนุ่ม ในที่ต่าง ๆ
๖.เมื่อใด ข้าพเจ้าระลึกถึงตน เป็นผู้รู้เดียงสา เมื่อนั้น ....ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่เปล่ามีฌานเป็นเตียงนอน
นี้เป็นผลแห่งกายถวายฟูก


๓๖. อานิสงส์ของการถวายหมอน
....ข้าพเจ้าได้ถวายหมอนในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๖ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.ใช้หมอนที่ยัดด้วยขนสัตว์ ที่ยัดด้วยเกสรบัวหลวง และยัดด้วยจุรณจันทน์แดงหนุนศีรษะของข้าพเจ้าทุกเมื่อ
๒.ทำญาณให้เกิดในอัฏฐังคิกมรรคอย่างประเสริฐและในสามัญผล ๔ เหล่านั้นอยู่ตลอดกาลเป็นนิตย์
๓. ทำญาณให้เกิดในทาน ทมะ สัญญมะ อัปปมัญญาและรูปฌานเหล่านั้น อยู่ตลอดกาลทั้งปวง
๔. ทำญาณให้เกิดในวัตร คุณการปฏิบัติอาจารและกิริยา อยู่ตลอดกาลทั้งปวง
๕. ทำญาณให้เกิดในการเดินจงกรมในความเพียรที่เป็นประธาน และในโพธิปักขิยธรรมเหล่านั้น อยู่ตามความปรารถนา
๖.ทำญาณให้เกิดในศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติและวิมุตติญาณทัสสนะเหล่านั้นแล้วอยู่เป็นสุข ๑


๓๗.อานิสงส์ของการถวายตั่งแผ่นกระดาน
...ข้าพเจ้าได้ถวายตั่งแผ่นกระดาน ในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๒ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้ได้บัลลังก์อย่างประเสริฐ ทำด้วยทอง ทำด้วยแก้วมณี
๒.เป็นผู้ทำด้วยงาช้างจำนวนมาก ……นี้เป็นผลแห่งการถวายตั่งแผ่นกระดาน


๓๘.อานิสงส์ของการถวายตั่งวางเท้า
....ข้าพเจ้าได้ถวายตั่งวางเท้าในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๒ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้ได้ยานพาหนะจำนวนมาก
๒. เป็นผู้ที่ทาสหญิงชาย ภรรยาและคนผู้อาศัยเหล่าอื่น บำรุงบำเรออยู่โดยชอบ
นี้เป็นผลแห่งการถวายตั่งวางเท้า



๓๙. อานิสงส์ของการถวายน้ำมันทาเท้า
....ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำมันทาเท้า ในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้ไม่มีความเจ็บไข้๒. มีรูปงาม๓. มีเส้นประสาทรับรสได้เร็ว ๔. เป็นผู้ได้ข้าวและน้ำ
๕.เป็นผู้มีอายุยืน


๔๐. อานิสงส์ของการถวายเนยใสและน้ำมัน
....ข้าพเจ้าได้ถวายเนยใส และน้ำมันในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีกำลังแข็งแรง๒. มีร่างกายสมบูรณ์๓. เป็นคนร่าเริงทุกเมื่อ ๔. มีบุตรได้ทุกเมื่อ
๕.เป็นคนไม่เจ็บไข้ทุกเมื่อ ……นี้เป็นผลแห่งการถวายเนยใส และน้ำมัน




หัวข้อ: Re: อานิสงส์ ของ ทาน ( ผลจากการให้ทาน ประเภทต่าง ๆ )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 กรกฎาคม 2553 13:24:41
๔๑.อานิสงส์ของการถวายน้ำบ้วนปาก
....ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำบ้วนปากในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๕ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้มีลำคออันบริสุทธิ์ ๒. มีเสียงไพเราะ๓. เป็นผู้ปราศจากโรคไอ ๔.เป็นผู้ปราศจากโรคหืด
๕. เป็นผู้มีกลิ่นดอกอุบลฟุ้งออกจากปาก อยู่ทุกเมื่อ


๔๒. อานิสงส์ของการถวายนมส้ม
...ข้าพเจ้าได้ถวายนมส้มในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้บริโภคอมตภัตรคือกายคตาสติอันประเสริฐ


๔๓. อานิสงส์ของการถวายน้ำผึ้ง
....ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำผึ้งที่มีสี กลิ่น และรสในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้วิมุตติรสที่ไม่มีรสอื่นเปรียบปานได้ และไม่เป็นอย่างอื่น


๔๔. อานิสงส์ของการถวายรส
....ข้าพเจ้าได้ถวายรส ตามความเป็นจริง ในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับผล ๔ ประการ (เปรี้ยว หวาน มันเค็ม) ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า

๔๕. อานิสงส์ของการถวายข้าวและน้ำ
....ข้าพเจ้าได้ถวายข้าวและน้ำในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๑๐ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑. เป็นผู้มีอายุยืน ๒.เป็นผู้มีกำลัง๓. เป็นนักปราชญ์ ๔. เป็นผู้มีวรรณะสวยงาม
๕. เป็นผู้มียศ๖. เป็นผู้มีสุข๗. เป็นผู้ได้ข้าว ๘. เป็นผู้ได้น้ำ๙. เป็นคนกล้า ๑๐.เป็นผู้มีปัญญา
ข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ ได้คุณเหล่านี้


๔๖.อานิสงส์ของการถวายธูป
....ข้าพเจ้าได้ถวายธูปในพระสุคตและพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุดแล้วได้รับอานิสงส์ซึ่งสมควรแก่กรรมของข้าพเจ้า ๑๐ ประการ คือ ข้าพเจ้า
๑.เป็นผู้มีกลิ่นตัวหอมฟุ้ง ๒. เป็นผู้มียศ๓. เป็นผู้มีปัญญาไว ๔.เป็นผู้มีชื่อเสียง
๕. เป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม ๖. เป็นผู้มีปัญญากว้างขวาง๗. เป็นผู้มีปัญญาร่าเริง >>
๘. เป็นผู้มีปัญญาลึกซึ้ง๙.เป็นผู้มีปัญญาไพบูลย์ ๑๐. เป็นผู้มีปัญญาแล่นไปเร็ว
....เพราะผลแห่งการถวายธูปนั้นข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ได้บรรลุนิพพาน ซึ่งเป็นสันติสุขในกาลบัดนี้



ผลขั้นสุดท้ายแห่งอานิสงส์ต่าง ๆ
....กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนขึ้นได้แล้วข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันไปแล้ว อยู่อย่างไม่มีอาสวะดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระการที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า เป็นการมาดีแล้วโดยแท้ วิชชา ๓ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้วคุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว


สรุป....เมื่อท่าน ได้ทราบว่า ทำบุญอะไรแล้วได้รับอานิสงส์ของการทำบุญเป็นอย่างไรสมควรช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้อื่นได้ทราบด้วยเพราะเป็นการให้คนได้รู้ถึงอานิสงส์ของทำบุญในแต่ละอย่างจะได้จำสืบต่อกันไปอย่างถูกต้อง ดังนั้น จึงสรุปว่า การทำบุญอะไรก็ตามเมื่อได้ทำบุญแล้ว ก็ได้รับผลบุญในทันที กล่าวคือ ขณะที่ทำบุญนั้นสภาพจิตของเราตรงนั้น เป็นอย่างไร อิ่มใจไหม สุขใจไหม สบายใจไหม ภูมิใจไหมตรงนี้ไม่ต้องถาม หวังว่า ท่านที่เคยทำบุญมาแล้ว ก็จะตอบตนเองได้อย่างแจ่มแจ้งทีเดียว
.....เมื่อเรา ได้ทำบุญ ผลของการทำบุญจะให้อานิสงส์ไม่เหมือนกัน บุญบางอย่าง ก็ให้ผลตรงกัน แต่บุญบางอย่างก็ให้ผลโดยอ้อมไม่ตรงทีเดียว ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า อานิสงส์แห่งการทำบุญนั้นไม่เหมือนกัน และผลบุญที่เราได้ทำนั้น รอให้ผลอยู่ตลอดเวลาแก่ผู้ที่ได้ทำบุญไว้ตราบเท่าที่ยังมีผลบุญอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้ ถ้าไม่ประมาทถึงแม้ไม่มีอะไรจะทำบุญ เพียงแต่เห็นคนอื่นเขาทำบุญ แล้วทำใจให้เลื่อมใสก็เป็นอันได้ทำบุญเหมือนกัน บุญชนิดนี้ เรียกว่า บุญด้านปัตตานุโมทนามัย

สุดท้ายนี้ ขอเดชานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลที่ท่านได้กระทำมามีการถวายทาน รักษาศีล และการเจริญจิตภาวนา เป็นต้นจงมารวมกันเป็นตบะ เป็นเดชะพลวปัจจัยให้ท่านประสบความสุขความเจริญและจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ธรรมสารสมบัติตลอดกาลเป็นนิตย์เทอญ