หัวข้อ: "วัดไชยวัฒนาราม" สถาปัตยกรรมตามแบบผังปราสาทนครวัด กัมพูชา เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 มกราคม 2556 14:03:47 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/45555115698112_1.JPG) วัดไชยวัฒนาราม โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างตามแบบผังปราสาทนครวัด วัดไชยวัฒนาราม หรือชัยวัฒนาราม เป็นวัดโบราณแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันตกของเกาะเมือง ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๑๗๓ ในบริเวณที่เดิมเป็นนิวาสสถานของพระราชชนนี เหตุที่เรียกชื่อวัดว่าวัดไชยวัฒนารามนั้น เพราะว่ามีชัยได้เมืองเขมร ซึ่งแต่เดิมเขมรเคยเป็นประเทศราชของไทยมาก่อนตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต่อมาในสมัยพระเจ้าทรงธรรมกลับแข็งเมืองเป็นอิสระ ไทยยกกองทัพไปปราบก็พ่ายแพ้กลับมา ครั้นถึงรัชกาลพระเจ้าปราสาททอง ไทยยกกองทัพไปปราบอีกครั้งหนึ่ง เขมรยอมแพ้ จึงได้กลับมาเป็นเมืองขึ้นอย่างแต่ก่อน และเมื่อพระเจ้าปราสาททองโปรดให้สร้างวัด จึงให้ไปถ่ายแบบแผนผังนครวัดที่เมืองเขมรเข้ามาสร้างเลียนแบบเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศ และให้ชื่อว่าวัดไชยวัฒนาราม พระเจ้าปราสาททองทรงโปรดวัดนี้มาก เมื่อสร้างเสร็จทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสถาปนา และต่อมามักจะเสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่วัดนี้เสมอ พ.ศ. ๒๑๘๖ พระโหราธิบดีได้ทำนายว่าใน ๓ วัน จะเกิดเพลิงไม้ในพระราชวัง พระเจ้าปราสาททองจึงโปรดให้ขนของจากพระราชวังลงเรือบัลลังก์ เรือศรี เรือคลัง ออกไปลอยเรืออยู่หน้าวัดไชยวัฒนาราม ส่วนในพระราชวังได้เกณฑ์ไพร่พล ๓,๐๐๐ คน พร้อมด้วยเครื่องมือดับไฟไว้ ถ้าเกิดเหตุไฟไหม้จะได้ช่วยกันดับได้ทันและห้ามหุงข้าวในพระราชวัง เมื่อครบ ๓ วัน เวลาบ่าย ๔ โมง เรือตำรวจได้ไปกราบทูลว่าเหตุการณ์สงบ พระเจ้าปราสาททองก็สั่งเรือจะเข้าพระราชวัง เมื่อเสด็จถึงฉนวน* ประจำท่า พระโหราธิบดีได้กราบทูลว่าขอให้ย่ำฆ้องก่อนจึงจะสิ้นพระเคราะห์ พระเจ้าปราสาททองก็ให้ลอยเรือพระที่นั่งอยู่ ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมง ฝนตกลงมาและฟ้าผ่าถูกพระมหาปราสาท ทำให้ไฟไหม้พระที่นั่งมังคลาภิเษก ห้องคลังเรือนหน้าเรือนหลัง ต่อมาพระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาให้ช่างสร้างคลังเรือนข้างใน และต่อพระมหาปราสาทใหม่ เมื่อแล้วเสร็จให้ชื่อว่าพระวิหารสมเด็จ และในสมัยพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ ไทยทำสงครามกับพม่าก็ได้ใช้วัดไชยวัฒนารามเป็นที่ตั้งค่ายด้วย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/53863024463256_2.JPG) วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดที่สร้างด้วยความประณีตงดงามมาก จึงเป็นสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมของพระนครศรีอยุธยา สิ่งสำคัญภายในวัดคือ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปูชยนียสถานสำคัญ สูงประมาณ ๓๕ เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสตามมุมฐานมีปรางค์ทั้ง ๔ มุม ที่องค์พระปรางค์มีบันไดสำหรับขึ้นลงทั้ง ๔ ด้าน รอบฐานสี่เหลี่ยมเป็นลานทักษิณ ถัดไปเป็นพระระเบียงคดล้อมรอบ ริมผนังภายในระเบียงคดมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยตั้งเรียงรายโดยรอบ รอบระเบียงคดมีปราสาทหรือเมรุทิศประจำทั้ง ๘ ทิศ ในคูหาปราสาทประจำทิศทั้ง ๘ มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยและพระพุทธรูปปูนปั้นทรงเครื่อง ข้างหลังปราสาทมีมุขเป็นซุ้ม และด้านหลังของมุขมีรูปปั้นเกี่ยวกับพระพุทธประวัติพระวิหารหลวง อยู่ต่อบริเวณข้างหน้าทางด้านตะวันออกของพระปรางค์ พระอุโบสถอยู่ต่อบริเวณพระวิหารหลวงออกมาทางด้านตะวันออก พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทราย ปัจจุบันวัดไชยวัฒนารามเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าคงจะร้างมาตั้งแต่ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๓๑๐ ประกอบกับบริเวณหน้าวัดเป็นที่ท้องคุ้ง กระแสน้ำพุ่งเซาะตลิ่งพังอยู่เสมอ จึงทำให้สิ่งก่อสร้างภายในวัดพังทลายลงไปมาก กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดไชยวัฒนารามเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ พระเจ้าปราสาททอง เมื่อพระเจ้าทรงธรรมเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๑๗๑ พระราชโอรสได้ขึ้นครองราชย์แทน ทรงอ่อนแอและขาดพระปรีชาสามารถ ทรงวางองค์แข็งกระด้างกับเจ้าพระยากลาโหม ผู้เป็นแม่ทัพ ในไม่ช้าเจ้าพระยากลาโหมก็เกิดแค้นใจไม่สามารถจะทนทานพระเจ้าแผ่นดินผู้ไม่โปรดตนอีกต่อไปได้ จึงคบคิดกำจัดพระองค์เสียแล้วทำตนเป็นผู้เลือกตั้งและสนับสนุนพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ โดยยกพระราชโอรสองค์รองของพระเจ้าทรงธรรมขึ้นครองราชย์บัลลังก์ แต่ทรงครองราชย์อยู่ได้เพียง ๓๖ วันเท่านั้น ก็ทรงแสดงความอาจหาญที่จะไม่ไว้วางใจเจ้าพระยากลาโหม เจ้าพระยากลาโหมผู้เป็นแม่ทัพเกิดไหวทัน จึงปลงพระชนมชีพเสีย เป็นอันว่าท่านแม่ทัพได้เป็นผู้ปลงพระชนมชีพพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าทรงธรรมถึงสองพระองค์ สิ้นสุดพระราชวงศ์สุโขทัย (พระมหาธรรมราชาสืบเชื้อสายมาจากพระร่วง) แล้วเจ้าพระยากลาโหม ผู้เป็นแม่ทัพ ก็เลยยกตนเองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ใน พ.ศ.๒๑๗๓ (ค.ศ. ๑๖๓๐) ทรงได้พระสมญาว่า พระเจ้าปราสาททอง แต่ราชวงศ์ของพระองค์ก็อยู่ได้ไม่นานนัก รัชกาลพระเจ้าปราสาททองไม่ใช่รัชกาลที่เจริญ มีแต่การกบฏและการผลาญชีวิต ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังทรงปลีกเวลาจัดการก่อสร้างตึกรามอันงดงามในพระราชวัง อันน่าจะสมกับพระสมญา ครั้นพระองค์สวรรคตใน พ.ศ.๒๒๐๒ กรุงศรีอยุธยาก็เข้าสู่ยุคอันน่าเศร้าและน่าอับอาย พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าปราสาททอง ทรงครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดาได้เพียงหนึ่งปีกว่ ๆ พระอาและพระอนุชาทรงพระนามว่า เจ้าฟ้านารายณ์ ทรงคบคิดกันจับพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหญ่ปลงพระชนมชีพเสีย พระอาก็ได้ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ในไม่ช้าก็ปรากฏว่าทรงมีพระนิสัยไม่หนักแน่นและทรงมีกำหนัดจัด จนกระทั่งทรงรบกวนหลานของพระองค์เอง คือพระกนิษฐาของเจ้าฟ้านารายณ์ เจ้าฟ้านารายณ์ทรงปราดเปรื่องในการคบคิด ทรงมีพวกพ้องมาก จึงจัดการกำจัดและปลงพระชนม์พระเจ้าอาเสียได้โดยง่าย แล้วยกพระองค์เองขึ้นครองราชย์สมบัติ และไทยเราเรียกพระองค์ท่านอย่างง่ายๆ ว่า พระนารายณ์ (สมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ข้อมูล : ๑.หนังสืออักรานุกรมประวัติศาสตร์ไทย จัดพิมพ์เผยแพร่โดยกรมศิลปากร เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ ๒.หนังสือเจ้าชีวิต พระนิพนธ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ * ฉนวน เป็นคำเรียกทางเดินซึ่งมีเครื่องกำบัง ๒ ข้าง อาจจะเป็นผนัง หรือแผงกั้นบังตาคนภายนอก เป็นเส้นทางสำหรับพระมหากษัตริย์หรือเจ้านายฝ่ายใน เสด็จขึ้นลงหรือผ่านเข้าออก หรือบางครั้งก็ใช้เรียกทางเดินมีที่กำบังสำหรับลงสรงน้ำที่ศาลาริมแม่น้ำของพระสงฆ์ด้วย เช่น ที่วัดพระเชตุพนสมัยโบราณ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/29947298475437_3.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/99295840577946_4.JPG) |