[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 10 มีนาคม 2556 16:35:25



หัวข้อ: เคล็ดวิธี ต้มหัวปลีไม่ให้ดำ: ผักปลอดสารพิษ มากคุณค่า ราคาถูก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 มีนาคม 2556 16:35:25
.

(http://www.sookjaipic.com/images/3646682985_1.JPG)

หัวปลี  อาหารชั้นดีประจำครัวไทย


หัวปลี เป็นผักพื้นบ้านราคาถูก มีให้กินตลอดทั้งปี และอุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหารสูง  มีสรรพคุณเป็นผักสมุนไพร มีรสฝาดเย็นช่วยแก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ และแก้โรคโลหิตจาง  นอกจากนี้ ยังอุดมด้วยแคลเซียม เหล็ก เส้นใยอาหาร  ช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและการทำงานของระบบประสาท

ในสมัยโบราณจะแกงเลียงหัวปลีให้หญิงเพิ่งคลอดบุตรใหม่กิน เพื่อเร่งน้ำนม โดยใส่วัตถุดิบที่มีคุณค่ารอบๆ ตัวลงไปด้วย เช่น กุ้ง ปลา ไก่ อย่างใดอย่างหนึ่ง  

หัวปลี คือดอกของกล้วย ธรรมชาติของกล้วยจะออกดอกเป็นช่อ บางคนจึงเรียกหัวปลีว่าช่อดอก เมื่อกล้วยมีอายุประมาณ ๖-๘ เดือน  ลำต้นและใบจะเริ่มหยุดการเจริญเติบโต และระยะนี้จะกระตุ้นให้ตาดอกที่อยู่กลางเหง้าออกแทรกกลางลำต้น  และโผล่ออกมาที่ปลายลำต้นที่เรียกกันว่ากล้วยแทงปลีนั่นเอง

ภายในหัวปลีจะมีดอกย่อยเล็กเรียงแน่นขนัดโดยมีกาบปลีหุ้มไว้เป็นชั้นๆ   ซึ่งดอกย่อยนี้จะกลายเป็นผลกล้วยหวีเล็กๆ  เรียงสลับโดยมีกาบใบหุ้มปิด    ดอกย่อยส่วนบนสุดเป็นดอกตัวเมีย   ส่วนกลางมักเป็นดอกกระเทย และส่วนปลายสุดเป็นดอกตัวผู้


หลังจากกล้วยแทงปลีประมาณ ๓ เดือน  ดอกย่อยตัวเมียและดอกกระเทยที่สมบูรณ์จะทยอยให้ผลกล้วยไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งเหลือส่วนที่ปลายเครือเรียกว่าหัวปลี ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนของดอกตัวผู้ที่ไม่ออกผลนั่นเอง  หากไม่ตัดส่วนนี้ออกไป กาบปลีก็จะทยอยม้วนงอหลุดร่วง และหัวปลีจะฝ่อลงไปเรื่อยๆ   ชาวสวนผู้ปลูกกล้วยจะตัดหัวปลีทิ้งหรือนำไปขายเพื่อไม่ให้หัวปลีไปแย่งน้ำเลี้ยงของผล และการตัดหัวปลีทิ้งยังช่วยป้องกันการสะสมเชื้อโรคและแมลงที่จะมารบกวนอีกด้วย

หัวปลีทำอาหารได้อร่อย มีรสชาติพิเศษ คล้ายเนื้อไก่ มีรสหวานในเนื้อนิดๆ ยิ่งตัดใหม่ๆ เนื้อด้านในจะขาวและกรอบอร่อย แถมยังปลอดสารพิษ เพราะการปลูกกล้วยไม่ต้องฉีดยา

ครัวไทย นิยมกินหัวปลี ทั้งดิบและสุก บางคนนิยมนำหัวปลีไปเผาไฟทั้งหัวจนไหม้เกรียมส่งกลิ่นหอมฉุย แล้วลอกกาบปลีส่วนที่เป็นสีแดงม่วงทิ้ง เอาส่วนอ่อนไปจิ้มน้ำพริก หรือต้มจิ้มน้ำพริกก็ได้

ครัวภาคกลาง ต้มหัวปลีต้มกะทิ  กินกับน้ำพริกกะปิ โดยปอกเปลือกหัวปลีมาต้มในน้ำเดือดจัด  ปิดฝาหม้อแล้วต้มด้วยไฟแรง  หัวปลีจะไม่ดำ  เมื่อสุกแล้ว นำหัวกะทิมาตั้งไฟให้เดือดใส่เกลือตัดลงไปเล็กน้อยพอให้มีรสเค็มนิดหน่อย แล้วใส่หัวปลีต้มลงไปในหม้อกะทิ พอเดือดก็ใช้ได้  นำมากินกับน้ำพริกกะปิ แนมด้วยปลาทอด อร่อยอย่าบอกใครเชียว

นอกจากเป็นผักจิ้ม ครัวไทยยังนิยมกินหัวปลีดิบซึ่งมีรสออกฝาดที่ยางเล็กน้อย เป็นผักแนมกับผัดไทย กะปิคั่ว เต้าเจี้ยวหลน เพื่อตัดรสหวานของอาหารเหล่านี้

อาหารที่นิยมนำหัวปลีมาเป็นส่วนประกอบ เช่น ต้มยำหัวปลี   วิธีการ เริ่มนำหัวปลีไปย่างบนเตาถ่านให้เปลือกสุกจนไหม้เสียก่อน แล้วแกะเปลือกจนเหลือเนื้อในสีขาว จึงหั่นเป็นชิ้นพอคำ  นำไปต้มกับไก่ กะทิ หอมแดงเผา กระเทียมเผา พริกแห้งเผา ข่า และตะไคร้  ปรุงรสเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม กินกับข้าวสวยร้อนๆ
 
นอกจากนี้ ยังนิยมนำหัวปลีมาทำทอดมัน   โดยนำหัวปลีมาซอยผสมกับน้ำพริกแกง  เนื้อปลากรายขูด ใบมะกรูดซอยละเอียด เพื่อให้ส่วนผสมหนืดเหนียวและเกาะตัวกันดี
 

(http://www.sookjaipic.com/images/2380665896_2.JPG)
ปลีกล้วย

ปลีกล้วย คือดอกรวมที่มีกาบขนาดใหญ่ห่อหุ้มอยู่ภายนอกเรียงตัวทับซ้อนกันแน่นเป็นรูปดอกบัวตูมทรงสูง  แต่ดอกกล้วยที่แท้จริงก็คือส่วนที่เป็นหลอดสีเหลืองที่ติดและเรียงตัวอยู่รอบแกนขนาดใหญ่รวมกันเป็นช่อดอก แต่ละช่อจะถูกแบ่งกั้นด้วยกาบที่มีสีน้ำตาลแดงเป็นชั้นๆ  กล้วยหนึ่งดอกจะเจริญเป็นผลกล้วยเพียงหนึ่งผล  กล้วยหนึ่งช่อก็คือกล้วยหนึ่งหวีและกล้วยหลายๆ หวีมารวมกันเราเรียกว่ากล้วยหนึ่งเครือ

หัวปลีกินได้ทั้งแบบดิบและสุก แบบดิบทำในรูปของผักเป็นเครื่องเคียง รสชาติฝาด ถ้านำไปปรุงสุก รสชาติจะนุ่มหวานนิดๆ  หัวปลี เป็นอาหารบำรุงน้ำนมของผู้หญิงที่กำลังมีบุตร  มีธาตุเหล็กอยู่มาก ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร อุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และ ซี

ในตำรายาพื้นบ้านของประเทศอินเดีย ได้ระบุว่า น้ำคั้นจากหัวปลีกล้วย มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ปลีกล้วยจึงเป็นอาหารสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน.
 

คอลัมน์ : เรื่องน่ารู้ "ปลีกล้วย" หน้า ๒๘  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ   ฉบับประจำวันศุกร์ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖  


หัวข้อ: Re: เคล็ดวิธี ต้มหัวปลีไม่ให้ดำ: ผักปลอดสารพิษ มากคุณค่า ราคาถูก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 05 ตุลาคม 2556 11:56:52
.

(http://www.sookjaipic.com/images/5446498824_a.jpg)

วิธีต้มหัวปลีไม่ให้ดำ
กว่าจะได้วิธีต้มหัวปลีไม่ได้ดำ!.. ก็เกือบจะแก่ตายไปซะเปล่าๆ... สอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ และคนขายหัวปลี ว่ามีวิธีการอย่างไร? จึงจะต้มหัวปลีได้ขาวสวย สีไม่ดำ น่ารับประทาน

ทุกท่านตอบคล้ายกันเกือบหมด คือ ให้ผ่าหัวปลี นำไปแช่น้ำมะนาว  น้ำมะขามเปียก หรือน้ำส้มสายชู อย่างใดอย่างหนึ่ง ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ นำไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง แล้วต้มน้ำให้เดือดจัดจึงใส่หัวปลีลงไปต้มด้วยไฟแรง.

ซึ่งวิธีที่กล่าวมานี้ ได้ทดลองทำจนครบ และไม่เห็นผลเป็นที่น่าพอใจ  หัวปลีที่ต้มแล้ว ก็ยังมีสีดำ ไม่น่ารับประทานอยู่นั่นเอง

เลยมานึกๆ ดู ว่าแต่ก่อนตัวเราก็ต้มมะเขือออกมาสีดำคล้ายหัวปลี  วิธีแก้ไขของเราคือ นำมะเขือไปแช่น้ำธรรมดาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง จึงนำไปต้มด้วยไฟแรง ซึ่งได้ผลดี มะเขือต้มสุกมีสีขาวน่ารับประทาน

จึงทดลองนำวิธีนี้มาใช้กับการต้มหัวปลีค่ะ

1. เมื่อได้หัวปลีมาแล้ว ลอกกาบนอกทิ้งออกไปบ้าง ให้เหลือเพียงกาบอ่อนๆ เป็นพอ
    (เปลืองเนื้อที่ในภาชนะแช่น้ำ)
2. ใส่น้ำธรรมดาในหม้อ หรือกะละมัง  นำหัวปลีทั้งหัวแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน
3. รุ่งขึ้น ต้มน้ำในหม้อเคลือบให้เดือดจัด
4. ผ่าหัวปลีให้ได้ 4 ชิ้น  ใส่ลงหม้อต้ม ปิดฝาทิ้งไว้สักครู่
    กะประมาณว่าหัวปลีสุกดีแล้ว
5. ตักขึ้นแช่น้ำธรรมดา  ทิ้งไว้จนเย็น นำไปรับประทานกับน้ำพริกได้
6. วิธีการนี้ ไม่ต้องนำหัวปลีไปแช่น้ำมะนาว น้ำมะขาม หรือน้ำส้มสายชูแต่อย่างใด
   เพียงผ่าสี่ แล้วต้มในน้ำเดือดได้ทันทีค่ะ


*   หมายเหตุ : บางท่านอาจสงสัยทำไมต้องให้แช่น้ำทิ้งค้างคืน? เนื่องจาก เป็นผู้ทำอาหารวันละหนึ่งครั้ง คือเวลาเช้าประมาณตี 4
                  เพื่อใส่บาตร และแบ่งไว้รับประทานมือเย็นอีก 1 จานเป็นพอ (เลิกงานกลับบ้านตอนเย็นไม่คิดอยากทำอะไรแล้วค่ะ สองทุ่มก็หลับ)    
                  เพราะฉะนั้น ท่านที่ทำอาหารมื้อเย็น หรือมื้อกลางวัน ก็ลองกะระยะเวลาสำหรับการแช่หัวปลี ให้เหมาะสมด้วยค่ะ

(http://www.sookjaipic.com/images/9254470703_b.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images/7063123761_c.jpg)
หัวปลีต้ม รับประทานกับน้ำพริกปลาร้าผัดใส่หมูสับมากๆ... โอ๊ยอร่อย!


(http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/D3738270/D3738270-11.jpg)
ภาพนี้ จากเว็บไซต์ kong555
แสดงวิธีต้มหัวปลีเพื่อนำไปทำ "ยำหัวปลี"