หัวข้อ: พูดไป 2 ไพเบี้ย เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 16 สิงหาคม 2553 13:35:17 (http://lh3.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TGjp9cjVgwI/AAAAAAAABJc/P7ztK0sISyM/41121364.jpg) http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/03.%20Track%203.wma ..............................เวทีสะท้อนธรรม............................. เห็นบร์อดเงียบเลยตั้งกระทู้ธรรมขึ้นมา(ถ้าไม่โดนคุณ ต้นไม้ ฯ)ลบซ่ะก่อนใครพอจะวิสัสชนาต่อได้ไหม ?ในแต่ละวัน.....บร์อดอื่น เขาสนทนาธรรมกันอย่าง{เป็นกันเองแต่ที่นี่}ดูเหมือนตัวใครตัวมัน แต่ละท่านมีโลกส่วนตัวกันก็เลยไม่ตั้งกระทู้ธรรมมะกันเลย {ว่าแล้วต้องโดนลบ}ฮี่ ฮี่ ฮี่ (:-_-:) (:-_-:) (:-_-:) พูดไปสองไพเบี้ย........นิ่งเสียตำลึงทอง วลี...........ธรรมดาที่คุ้นหู และเหมือนรู้แล้ว...น่า....... แต่เมื่อศึกษาธรรมะ..........จะพิจารณาวลีนี้...............ได้ลึกซึ้งยิ่งนัก ท่าน...........มีความเห็นอย่างไร พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง ้ ภาษิตถูกทํานองเตือนเราให้ใช้เหตุผล, พูดไปให้เป็นเรื่องคนขุ่นเคืองเพราะคําตน นิ่งไว้ใจอดทน ตําลึงทองเป็นของเรา สุภาษิตไทยให้ข้อคิดที่เข้าใจกันทั่ว ๆ ไป คือ บางอย่างเมื่อพูดออกไปแล้ว ก่อ ให้เกิดประโยชน์เพียงเล็กน้อย(หรือไม่เกิดประโยชน์เลย)แต่เกิดผลเสียมากกว่า หากนิ่งเสียก็จะเป็นประโยชน์มากกว่า ในอกุศลกรรมบท10 มีการกล่าวถึงอกุศลกรรมทางวาจาถึง 4 ข้อ อกุศลกรรมบท 10 คือ........................................... 1. การฆ่า 2. การถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ 3. การประพฤติผิดในกาม 4. การพูดเท็จ 5. การพูดส่อเสียด 6. การพูดคำหยาบ 7. การพูดเพ้อเจ้อ 8. การเพ่งเล็งอยากได้ของ ๆ ผู้อื่นมาเป็นของตน 9. การคิดร้ายเบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน 10. การเห็นผิด (ทิฏฐิ) (http://lh3.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/S_5Cge0TPrI/AAAAAAAAA_s/5XKOKn-K_2w/P525005-1.jpg) หัวข้อ: Re: พูดไป 2 ไพเบี้ย เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 17 สิงหาคม 2553 12:31:41 (http://lh3.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TGjp9cjVgwI/AAAAAAAABJc/P7ztK0sISyM/41121364.jpg) การพูด เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันจำเป็นจะต้องพูดคุยสนทนากับผู้อื่นอยู่ เสมอและเป็นที่น่าพิจารณาว่าในวันหนึ่ง ๆ โดยปกติของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้นย่อม เป็นไป หวั่นไหวด้วยอำนาจของอกุศลเสียเป็นส่วนใหญ่ ตามการสะสม แม้แต่การพูด ก็เช่นเดียวกันไม่ใช่ว่าจะพูดด้วย{กุศลจิต}ตลอดบางครั้งก็พูดด้วย{อกุศลจิต}จึงมีวจี - ทุจริตเกิดขึ้นค่อนข้างมากในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะในเรื่องของการพูดเพ้อเจ้อ แต่เวลาที่หิริ(ความละอายต่ออกุศลธรรม)โอตตัปปะ(ความเกรงกลัวต่ออกุศลธรรม) มี กำลังมากขึ้น ก็จะทำให้พูดสิ่งที่ดีเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ก่อนอาจจะพูดไปโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะ เป็นโทษเป็นภัยอย่างไร แต่เวลาที่หิริโอตตัปปะเกิดขึ้นจะทำให้พิจารณาเห็นได้ว่า สิ่งใดที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ก็สามารถที่จะเว้นไม่พูดในขณะนั้นได้ ไม่ได้ห้ามการพูด ไม่ใช่ไม่ให้พูด แต่สิ่งใดที่พูดไปแล้วเป็นการเพิ่มอกุศลให้กับ ทั้งคนพูดและคนฟังก็ไม่ควรพูด(แต่ห้ามได้ไหม?...จนกว่าจะเห็นโทษจริง ๆ)แต่ ถ้าสิ่งใด เมื่อพูดไปแล้ว เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่ง{กุศลธรรม}ควรพูด(แต่จะเป็น ไปได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและเห็นประโยชน์) ในกรณีที่จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่น ไม่ควรนิ่งเฉย ควรอย่างยิ่งที่จะพูด เพื่อ อนุเคราะห์เกื้อกูลให้เขาเข้าใจตามความเป็นจริงหรือให้เขาแก้ไขความประพฤติที่ไม่ เหมาะสมทั้งทางกาย ทางวาจา ด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตา พร้อมกันนั้นก็ยังจะ ต้องดูกาละที่สมควรด้วยการพูดนั้นจึงจะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับฟัง เตือนแล้วไม่ฟังก็ไม่ควรที่จะพูดให้มากไปกว่านั้นพึงมีความเป็นกลางไม่หวั่นไหวไป ด้วย{โทสะ}ด้วยความเข้าใจว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน (http://lh3.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/S_5Cge0TPrI/AAAAAAAAA_s/5XKOKn-K_2w/P525005-1.jpg) |