[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => ประสบการณ์ ผี ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 10 มกราคม 2553 03:39:18



หัวข้อ: ผีเปรต เพราะไปลบหลู่สิ่งที่ไม่ควรจะลบหลู่ !!!
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 10 มกราคม 2553 03:39:18
เรื่องราวเกี่ยวกับ "เปตร" ได้แบ่งแยกคนออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน คือ พวกที่เชื่อว่า "เปตร" มีจริงกับพวกที่เชื่อว่า "เปตร" เป็นเรื่อง…เหลวไหล
เช้าวันนั้นเจ้าของโรงพิมพ์เรียกผมไปพบ และบอกว่าอยากให้ผมทำหนังสือเกี่ยวกับเปตรออกมาสักเล่มหนึ่ง ซึ่งมือปืนรับจ้างอย่างผมมีรึจะปฏิเสธ ผมรีบออกหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเปตรทันที เทพชัยเพื่อนผมทำงานเป็นพนักงานคอมพิวเตอร์ในบริษัทแห่งหนึ่ง ถูกผมตามตัวให้มาเป็นหนึ่งในทีมงาน
เนื้อหาสาระของหนังสือเล่มนั้นผมเชื่อว่าค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ปัญหาที่ผมมองข้ามไปก็คือเรื่องของภาพประกอบ ผมจะต้องมีภาพเปตรเป็นจำนวนมาก
.........วันนั้นผมมีแผนการเดินทางจะไปถ่ายรูปเปตรที่วัดไผ่โรงวัว ซึ่งวัดไผ่โรงวัวที่กล่าวถึงนี้ถือว่าเป็นวัดแห่งแรกในประเทศเลยก็ว่าได้ ที่มีการปั้นรูปเปตรนำออกเผยแพร่ให้พวกชาวบ้านได้ดูกัน แต่รถเจ้ากรรมของผมดันเกิดสตาร์ทไม่ติด
เนื่องจากวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ตามอู่ต่างๆ จึงปิดทำการ ผมได้โทรศัพท์ไปหาเทพเพื่อที่จะชวนเขาไปวัดไผ่โรงวัวกับผม ซึ่งเทพก็ตอบตกลงทันที
เมื่อไปถึงวัดไผ่โรงวัว ผมได้สนทนากับเจ้าอาวาสวัดครู่หนึ่ง ผมกับเทพได้ปรึกษากันว่าจะถ่ายภาพเปตร 2 แบบ คือ ถ่ายในเวลากลางวันกับถ่ายในเวลากลางคืน ซึ่งเทพก็เห็นด้วยกับแนวความคิดของผม แต่ช่วงเวลาที่รอให้พระอาทิตย์ตกดิน มันต้องใช้เวลาเกือบๆ 3 ชั่วโมง ผมจึงมีความคิดจะตอบแทนเทพ ที่เขามีน้ำใจอุตส่าห์สละเวลาขับรถพาผมมาที่วัดไผ่โรงวัว
"เอาน้ำสีเหลืองๆ อาบพยาธิในท้องสักหน่อยมั้ยเพื่อน"
"เป็นพระคุณกำลังอยากอยู่ทีเดียว"
ผมขับรถออกจากวัดไผ่โรงวัวไปยังอำเภอสองพี่น้อง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดไผ่โรงวัวประมาณ 30 กว่าโล บริเวณสองข้างทางมีร้านคาราโอเกะ 3-4 เจ้า สถานที่ก็เป็นแบบพื้นๆ ตามสไตล์ของพวกชาวบ้าน
.........วันนั้นเทพเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาชงเหล้าผสมเบียร์และโค้ก ซึ่งคอสุราเรียกว่า "สังขยา" พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ยอมให้เจ้า 3 สิ่งอยู่รวมกันในแก้วเดียวกันเป็นอันขาด (มันจะเมาไม่รู้เรื่อง) แต่เทพก็บอกผมว่าระดับเขาแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงยังไงก็ไม่เมา แต่ตอนนั้นเวลาพูดลิ้นเริ่มพันกันแล้ว
เราออกจากร้านเกือบจะ 3 ทุ่ม เทพสะลืมสะลือด้วยฤทธิ์ของ สังขยา หน้าที่ขับรถจึงตกเป็นของผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอรถผมวิ่งเข้ามาในวัดไผ่โรงวัว เจ้าหน้าที่วัดรีบเดินมาดูเหตุการณ์ แต่พอเห็นผมซึ่งพวกเขาจำได้ว่าเป็นนักข่าวต่างก็แยกย้ายกันไป ผมจึงเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์ในการทำงาน เพราะมัวสารวนยุ่งกับกล้องและการจัดแสง พอเหลือบมาอีกทีก็เห็นเทพกำลังยืนปัสสาวะข้างๆ เปตรตนหนึ่ง ตอนนั้นผมตกใจมาก
"เฮ้ย ทำบ้าอะไรวะเทพ ที่นี่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์นะโว้ย ทำไมจึงทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้"
"ก็ฉันปวดท้องเยี่ยวนี่หว่า"
"ก็ควรจะหาที่เหมาะๆ ซิวะ ทำไมต้องไปฉี่ตรงนั้นด้วย"
"ก็ฉันชอบตรงนี้นี่หว่า อย่างมงายนักเลย เปตรบ้าเปตรบอในโลกนี้มีซะเมื่อไหร่"
"เอ้าตะโกนเข้าไป เดี๋ยวเถอะมึงพระเจ้าได้ออกมาไล่ ไม่ต้องถ่ายรูปกันพอดี"
.........ผมมีความเชื่อว่าเวลานั้นเทพเมาจนครองสติไม่อยู่ เขาเดินสะเปะสะปะแอ่นหน้าแอ่นหลัง ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองว่า ต้องรีบทำงานให้เร็วที่สุด ก่อนที่เทพจะเพี้ยนมากไปกว่านี้ ผมใช้เวลาทำงานไม่ถึง 10 นาทีงานทุกอย่างก็เสร็จ ส่วนเทพขึ้นไปนอนหลับอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
ผมเก็บเครื่องมือใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัวจะกลับ แต่ปรากฏว่ารถเกิดสตาร์ทไม่ติด ผมพยายามสตาร์ทจนไฟรถเริ่มอ่อนมันก็ยังไม่ติด ตอนนั้นเริ่มไม่สบายใจ เพราะว่ามันไม่ใช่รถของผมแต่เป็นรถของเทพกลัวว่ารถเขาจะเป็นอะไรไป
ผมนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถ พยายามหาทางออก พักใหญ่ๆ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าหน้าวัดไผ่โรงวัวมีอู่ซ่อมรถ ด้านหน้าเขียนบอกว่าบริการ 24 ชั่วโมง เรียกได้ตลอดเวลา ผมบอกกับเทพว่าจะไปตามช่างที่หน้าวัด เทพก็พยักหน้าและยังบอกว่าหากเจอเบียร์กระป๋องก็ช่วยซื้อมาฝากด้วย แสดงว่าสติเริ่มกลับคืนมาบางส่วนแล้ว
..........ผมเดินไปที่อู่ซ้อมรถหน้าวัด ซึ่งมีระยะทางประมาณเกือบๆ 400 เมตร กดกริ๊งอยู่พักหนึ่งก็มีคนมาเปิดประตู เขาเป็นเจ้าของอู่รถทราบชื่อภายหลังว่า "พี่แดง" พี่แดงฟังผมเล่าอาการของเครื่องยนต์ จากนั้นก็เตรียมเครื่องมือใส่รถกระบะ ขับเข้ามาในวัดไผ่โรงวัวเพื่อมาซ่อมรถ
เมื่อมาที่รถปรากฏว่าเทพหายไปแล้ว ผมใจไม่ดีกลัวว่าเขาจะตกลงไปในบ่อเลี้ยงปลาข้างวัด ซึ่งเป็นบ่อขนาดใหญ่มาก ผมเดินหาจนทั่วก็ไม่พบร่างของเขา จึงเดินกลับมารถอีกครั้ง ........ตอนนั้นหูผมได้ยินเสียงคนครางฮือๆ เสียงดังมาจากข้างๆ รูปของพระมาลัยเปิดโลก ผมจึงรีบเข้าไปดู ผมได้พบกับเทพนั่งคุดคู้ตัวสั่นแสดงความหวาดกลัว เมื่อเทพเห็นผมเขาก็รีบโผเข้ามาจับแขนผมไว้แน่น
"ฉันเห็นเปตร มันจะมาเอาชีวิตฉัน"
"ตาฝาดไปหรือเปล่าวะ เปตรที่ไหนกัน" ผมชักเริ่มใจเสียไปด้วย
เทพชี้ไปเปตรตนหนึ่ง ซึ่งผมจำได้ว่าเป็นตัวที่เขาได้ปัสสาวะรดไปเมื่อก่อนหน้านี้ "เปตรตัวนั้นยังไง มันมาหาฉันเมื่อตะกี้นี้ ฉันกำลังนอนหลับมันมาทุบกระจกรถ ตอนแรกคิดว่าเป็นคนก็ลงมาดู ก็เห็นมันยืนอยู่ แกต้องช่วยฉันนะ ฉันกลัวจริงๆ"
"เทพ แกต้องไปขอขมาเขา เพราะแกล่วงเกินเขามากเกินไป"
"ฉันยกมือไหว้ไปแล้ว แต่เขาบอกว่าจะต้องเอาชีวิตฉันให้ได้ เขาจะไม่ยกโทษให้ฉัน ฉันตายแน่ๆ"
"เอาอย่างนี้ พอกลับไปกรุงเทพแกต้องรีบไปรดน้ำมนต์ มันเป็นทางเลือกเดียวที่แกจะรอดพ้นจากความตาย"
พี่แดงใช้เวลาในการซ่อมเครื่องรถพักใหญ่ก็แล้วเสร็จ ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง พี่แดงมีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขาเล่าว่าเปตรที่วัดนี้ทุกตัวมีชีวิต สามารถเคลื่อนไหวได้จริงๆ พ่อของเขาเคยเห็นมาแล้ว และคนแก่คนเฒ่าต่างก็พูดตรงกันว่าเปตรวัดไผ่โรงวัวมีชีวิตจริงๆ พร้อมกับแนะนำให้เทพรีบไปรดน้ำมนต์
"เพื่อนของคุณไม่น่าเลย สิ่งลี้ลับใครเขาล่อเล่นกันบ้างล่ะ คุณจะต้องรีบพาเพื่อนไปรดน้ำมนต์เป็นอย่างด่วนเลยนะ ชักช้าผมบอกว่างานนี้ถึงตายจริงๆ ด้วย"
.........คืนนั้นผมกลับถึงกรุงเทพ ฯ ก็ได้ตัดสินใจนอนค้างที่ห้องของเทพ เพราะตั้งใจว่าตอนเช้าจะปลุกให้เขาลุกขึ้นใส่บาตร อาการของเทพไม่ดีขึ้น เขากลายเป็นคนตกใจง่าย มีอาการหวาดผวาตลอดเวลา บางครั้งก็เอะอะโวยวายบอกว่ามีเปตรจะมาหักคอเขา อาการของเทพเป็นแบบนี้อยู่ประมาณเดือนกว่าๆ ในที่สุดที่ทำงานก็ต้องเลิกจ้างเขา มันยิ่งทำให้เทพคิดฟุ้งซ่านมากขึ้น และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการผูกคอตาย
คนทั่วไปเชื่อว่าเทพเป็นโรคประสาท คงจะมีผมเท่านั้นที่รู้ว่า เทพไม่ได้ป่วยทางจิต ภาพของเปตรที่เขาเห็นทุกอย่างมันเป็นความจริง เปตรตนนั้นบอกเขาว่าจะต้องเอาชีวิตเทพให้ได้ ในสุดท้ายเปตรก็มาเอาชีวิตเขาไปจริงๆ
เขาตาย….เพราะไปลบหลู่สิ่งที่ไม่ควรจะลบหลู่ !!!

ที่มา........http://www.geocities.com/maibelie/M1.htm (http://www.geocities.com/maibelie/M1.htm)