หัวข้อ: ว่ากันด้วยเรื่องของ " นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม " เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 พฤษภาคม 2556 10:28:59 ว่ากันด้วยเรื่องของ " นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม "
(http://i.imgur.com/k7UiCUM.jpg) ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ความเห็นผิดมีโทษมาก ความเห็นผิดมีโทษมาก สามารถทำบาปได้ทุกอย่างเพราะมีความเห็นผิดเป็นปัจจัย ความเห็นผิดที่ดิ่ง มี 3 อย่าง (นิยตมิจฉาทฎฐิ ๓) คือ - อเหตุกทิฎฐิ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเองเป็นเองไม่อาศัยเหตุปัจจัยให้เกิดให้มีขึ้น ไม่เชื่อในเหตุ - นัตถิกทิฎฐิ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ผลอันเนื่องมาแต่เหตุผลของการทำดีทำชั่ว ไม่มีโลกนี้โลกหน้า สัตว์บุคคลไม่มี เป็นแต่ธาตุประชุมกันตายแล้วสูญไม่เกิดอีก เชื่อว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น - อกิริยทิฎฐิ เห็นว่าการกระทำใดๆ ไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำผลบาปบุญไม่มีแก่ผู้ทำกระทำ แล้วก็เป็นอันแล้วกันไป ปฏิเสธการกระทำโดยประการทั้งปวง มิจฉาทิฏฐิที่ดิ่งเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ มีโทษมากกว่าอนันตริยกรรม (ฆ่า บิดา มารดา เป็นต้น) เพราะอนันตริยกรรมยังพอกำหนดอายุที่จะไปอบายได้ เช่น ไปนรก 1 กัป ดังเช่น พระเทวทัตทำสังฆเภท (ทำสงฆ์ให้แตก) ซึ่งเมื่อครบกำหนดอายุกรรมแล้วก็สามารถไปเกิดในสุคติภูมิ และบรรลุธรรมภายหลังได้ ดังเช่น พระเทวทัต ภายหลังท่านก็ได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาล แต่ว่ามิจฉาทิฏฐิไม่สามารถออกจากวัฏฏะได้เลย (ตอวัฏฏะ) และยังเป็นเหตุให้ที่ทำบาปกรรมต่างๆมากมายด้วย มีการทำอนันตริยกรรม เป็นต้น จึงไม่สามารถไปสุคติภูมิได้และไม่มีทางบรรลุมรรคผล จึงมีโทษมากดังนี้ ด้วยเหตุนั้นนั่นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อ้างถึง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรามองไม่เห็น ธรรมอย่างหนึ่ง อันอื่นที่มีโทษมาก เหมือน อย่างมิจฉาทิฏฐิเลย กระบวนโทษทั้งหลาย มิจฉาทิฏฐิมีโทษอย่างยิ่ง. ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ขอขอบคุณเนื้อหา : dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=19609 หัวข้อ: Re: ว่ากันด้วยเรื่องของ " นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม " เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 พฤษภาคม 2556 10:31:52 พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 389
ข้อความบางตอนจาก.... อรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร ในนิยตมิจฉาทิฏฐิทั้ง ๓ นั้น บางคนดิ่งลงสู่ทัศนะเดียว บางคน ๒ ทัศนะ บางคน ๓ ทัศนะก็มี เมื่อดิ่งลงไปในทัศนะเดียวก็ดี ใน ๒ ๓ ทัศนะก็ดี ย่อมเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ ห้ามทางสวรรค์ และห้ามทางนิพพาน ไม่ควรไปสวรรค์แม้ในภพที่ติดต่อกันนั้นจะกล่าวไปไยถึงนิพพานเล่า สัตว์นี้ชื่อว่าเป็นตอวัฏฏะ เป็นผู้เฝ้าแผ่นดิน โดยมากคนมีทิฏฐิเห็นปานนี้ออกจากภพไม่ได้. เพราะฉะนั้น บัณฑิตผู้เห็นประจักษ์หวังความเจริญ พึงเว้นอกัลยาณปุถุชนให้ห่างไกล เหมือนคนเว้นห่าง งูมีพิษร้ายฉะนั้น. |