หัวข้อ: ชาตินนี้ - ชาติหน้า เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 27 สิงหาคม 2553 09:23:22 (http://www.seesod.com/storage34/Cq1DYqiLBt1278048865/o.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/17.wma ภาพประกอบเนื้อหาโดย(บางครั้ง) เพราะฉะนั้นแต่ละท่านก็ลองพิจารณาตนเองจะคิด - จะพูด - จะทำ - จะชอบ จะไม่ชอบ สี่งหนึ่งสี่งใดไม่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียวนะค่ะแต่ว่าต้องเคยคิดเคยทำ เคยพูดเคยชอบเคยไม่ชอบอย่างนั้น ๆ มาแล้วในอดีตจนกระทั่งเป็นปัจจัยทำให้ เกิดคิดพูดหรือทำให้ขณะนี้เป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะด้วย กุศลจิต หรือ อกุศลจิต ประเภทใด ๆ ก็ตามทั้งนี้ก็เพราะว่าโดย ปกติปนิสสยปัจจัย ข้อความใน อรรถกถามหานิบาต มโหสถชาดกที่ ๕ มโหสถทูลพระเจ้าวิเทหราชว่าคนพาลเห็นโลกนี้เป็นปกติไม่เห็นโลกหน้าเป็นปกติ เพียงสั้น ๆ นี้แต่ก็เป็นชีวิตประจำวันของทุก ๆ คนที่ว่านี้ทุกคนโลภต้องการสีงหนึ่ง สี่งใดในชีวิตประจำวันก็เพราะเห็นความสำคัญในโลกนี้เท่านั้นถ้าต้องการลาภ ต้องการยศต้องการสรรเสริญต้องการสักการะจะติดตามไปถึงโลกหน้าได้ไหมค่ะ ลาภะที่ปราถนานักในโลกนี้แม้แต่ยศและสรรเสริญไม่สามารถติดตามไปได้เลย แต่ทำไม ? จึงติดในในลาภ ยศ สรรเสริญ ในสักการะ เพราะว่าคนพาลเห็นโลกนี้เป็นปกติ คือคิดถึงฉพาะโลกนี้ที่กำลังเป็นอยู่เท่านั้นจนกระทั่งสามารถจะกระทำทุจริตต่าง ๆ หรืออาการที่เป็นไปเพราะอกุศลจิตต่าง ๆ ด้วยโลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง เพราะ ไม่เห็นโลกหน้าเป็นปกติ ถ้ามีมานะ มีความสำคัญตนในโลกนี้ ในชาตินี้ ในลาภในยศ ในสรรเสริญ ในสักการะ ชาติหน้าลองคิดดูสิค่ะว่าจะหนาแน่นขึ้นอีกเท่าไรที่จะเป็นผู้ติดในลาภ ยศ สรรเสริญ ในสักการะยากแก่การที่จะสละที่จะคลายเพระว่าชาตินี้ไม่ยอมคลายความติดใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สักการะ เพราะฉะนั้นแต่ละขณะซึ่งเกิดขึ้น เป็นอกุศลแล้วดับไป ก็เป็น ปกตูปนิสสยปัจจัยที่ จะทำให้อกุศลจิตนั้น ๆ เกิด ในอนาคตข้างหน้าเพราะฉะนั้นโลภะมูลจิตที่เกิดเพียง ขณะนิดเดียวเป็น อุปนิสสยปัจจัยที่จะทำให้เกิด{อกุศลธรรม}ข้างหน้าอีก {มีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมค่ะเชิญค่ะ} ท่านอาจารย์อย่างที่ได้เรียนให้ทราบว่าสังสารวัฏฏ์ยืดยาวจนกระทั่งทุกคนเคยป็น ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคนพิการก็เคยเป็นพระมหกษัตริย์ก็เคยเป็นคนสวยก็เคย ทั้งหมด แต่ว่าไม่ซ้ำกันนะค่ะ เพราะว่าภพหนึ่งชาติหนึ่งสั้นมากและจะไม่ย้อน กลับมาเป็นบุคคลนี้อีก มีข้ข้อสงสัยไหมค่ะในเรื่่องของปกตูปนิสสยปัจจัย เชิญค่ะ คุณประวิทย์ เมื่อกี้อาจารย์กล่าวว่าคนพาลเห็นชาตินี้เป็นปกติและบัณฑิต เห็นอย่างไร ท่านอาจารย์ บัณฑิตก็ต้องคำนึงถึงชาติต่อไปและโลกหน้าด้วยไม่ใช่แต่เฉพาะ ชาตินี้เช่นโลภะมูลจิต ที่ติดในลาภ ในสรรเสริญ ในยศ ในสักการะถ้า เป็น{บัณฑิต}ก็จะคิดถึงว่าถ้าไม่่รีบละเสียตั้งแต่ในชาตินี้ชาติต่อไปจะละยากสักแค่ไหน แต่ถ้าเป็นคนพาลนะค่ะลาภเท่าไรไม่พอต้องทำทุจริตกรรมเพื่อที่จะให้ได้ลาภ อย่างนั้น ๆ หรือว่า สรรเสริญก็ติดต้องการที่จะได้รับการสรรเสริญมาก ๆ แต่การที่ จะเป็นบุคคลนี้ ชั่วระยะเวลาที่สั้นมากเหลือเกินสรรเสริญในการเป็นบุคคลนี้ไม่เท่าไร ก็จะต้องจากคำสรรเสริญไปและไม่มีวันที่จะได้รับคำสรรเสริญอย่างนั้นอีกเพราะว่า เป็นบุคคลอื่นเสียแล้วแต่ว่าสำหรับบุคคลผู้เป็น{บัณฑิต}ก็ย่อมเห็นว่า อกุศล แต่ละขณะที่เกิดขึ้นจะสะสมสืบต่อไปถึงชาติต่อ ๆ ไปด้วย .........ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์........ http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/) หัวข้อ: Re: ชาตินนี้ - ชาติหน้า เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 สิงหาคม 2553 13:57:12 (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT7Hi-FyEw0pVyq1gZjXvXPi6u_BvznG5SkCE6sMNgNxeeBNb0&t=1&usg=__0FpyTlYQt9m8fLlwJbwFdQAHwUg=) (:88:) (:88:) (:88:) |