หัวข้อ: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 06:38:11 (http://www.watpa.com/images_forum/2480.jpg) คำสอนหลวงปู่ท่อนนี้ได้มาจากหนังสือเล่มเล็กๆ ซึ่งได้รับแจก ชื่อว่า บันทึกธรรมจากหลวงปู่ -ได้จากบ้านผดุงธรรม แถวแจ้งวัฒนะ - เห็นว่าท่านสอนดี จึุงขอสรุปให้ฟังค่ะ By : Kat_kine - การแผ่เมตตา ต้องแผ่เป็นอัปปมัญญา - ถ้ามีว่าคนนี้รัก ให้มากๆ - คนไม่ชอบใจ ไม่ให้ - แสดงถึงความมีอคติ - ต้องให้เท่าเทียม ไม่เจาะจง ให้หมด ใจจึงจะเป็นกลาง ให้หมดแหละ - แผ่เมตตาให้เต็มดวง -พ่อแม่จะได้บุญน้อยลงไปไหม ไม่หรอก - เหมือนพระอาทิตย์ส่องโลก มันก็สว่างไปหมดทั่วทุกมุมโลก ทุกคนก็เห็นความสว่างเท่ากันหมด - เวลาไหนเราไม่ปรุงไม่แต่งไปตามสังขาร -ราคะ โทสะ โมหะ สังขารปรุงไม่ได้ - เรียกนิพพานชั่วขณะ - ที่ว่าว่างๆ นั้นคือ -มันว่างจากอารมณ์ยินดียินร้าย - แต่ความรู้ไม่ว่าง - รู้ชัดทุกลมหายใจ - หายใจเข้าก็รู้ชัด หายใจออกก็รู้ชัด รู้อยู่ตลอดเวลา - แต่ว่างจากอารมณ์ยินดียินร้าย -เหมือนดังชามที่ว่าง ไม่มีอะไร - ให้มีความเมตตาปรารถนากับสรรพสัตว์จริงๆ อย่างไม่มีประมาณ - ไม่ว่าคนนั้นสัตว์นั้นจะดีกับเราแค่ไหน หรือร้ายกับเราขนาดไหน - ก็ให้เมตตาปรารถนาดีเท่าเทียมกัน - อย่าให้มีเลือกที่รักมักที่ชังแม้แต่น้อย - ให้เหมือนดังแม่เมตตาลูก - ไม่คิดจะทำให้ทุกข์แม้แต่น้อย ทั้งกายวาจาใจ - ตามดูอาการหลับให้ละเอียด - มันค่อยๆหลับไปอย่างไร (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:RxE6MDDgdTc59M) หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 07:04:47 - ให้ดูกระดูกอย่างเดียว ดูจุดเดียว - อย่าไปพิจารณากาย 32- งานมันมาก เอาอย่างเดียว เอามันให้แจ้ง - มันก็คลายได้ เอามันอยู่อย่างนั้น - ผ้าจีวร ให้เป็นผ้าขี้ริ้ว ผ้าราคาถูกแค่ไหน แพงหรือดีแค่ไหน - กายมันก็ไม่รู้อะไรด้วย - เอามาคลุมกาย กายมันก็เฉยๆ อยู่ไม่เห็นว่าอะไร - มีแต่กิเลสมันไปยึดโน้นยึดนี้ ยึดสมมติทางโลก - ต้องอย่างนั้นดี อย่างนี้ไม่ดี แล้วก็ทุกข์เอง - ถ้าเราเสียเปรียบ เราดีใจ - ถ้าเราได้เปรียบ เราเสียใจ - อันไหนดีให้เขา - ของเราอย่างไรก็ได้ --> นี่เรียกคนใจเจริญ - ให้เขานิดเดียว เราเอามากๆ - ไม่ดีเลย - เราผิดธรรม ตำหนิตัวเอง ใจเราเสื่อม ใจเราไม่ดี - ให้เอาชนะความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยความเสียสละ - ถ้ายังคิดว่าเราจะเอาชนะคนอื่นด้วยการเอารัดเอาเปรียบเขา - ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้แพ้(ตนเอง) ตลอดไป - การปฏิบัติธรรม -อย่าอยากได้ อยากเห็นอยากเป็นใดๆเลย - ให้รู้มันอยู่อย่างเดียว มีอะไรก็ช่าง รู้อยู่อย่างเดียว -ถ้าอยากก็ไม่ไปไหน เป็นสมาธิอยู่ก็หลุดจากสมาธิ - เราปฏิบัติเพื่อความปล่อยวาง เพื่อละความยึดมั่นต่างๆ เพื่อละความยินดียินร้าย - เราเป็นผู้ดู ไม่ใช่ผู้บังคับให้มันเป็น หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 07:28:22 - ครั้งหนึ่ง หลวงปู่นั่งภาวนา แต่ในหมู่บ้านตีกลองเสียงดังมาก - หลวงปู่จึงเปลี่ยนเสียงที่รำคาญใจเป็นเสียงธรรม - หูได้ยินอยู่ แต่มันดังเป็นเสียงธรรมที่ใจ - เสียงของกลอง ป๊ะโทนๆ ป๊ะโทนๆ - เวลามาดังที่ใจเป็น ทำจริงๆ ได้ผลจริงๆ - ไม่มีห่วง ไม่มีดีใจ ไม่มีเสียใจ ไม่มีพอใจ ไม่มีหัวเราะ ไม่มีร้องไห้ ไม่มีบุญ ไม่มีบาป ไม่มีดี ไม่มีเลว- จึงใกล้นิพพาน - ถ้ายังห่วง -แสดงว่ายังไกลอยู่ ยังเก็บ ยังกอบ ยังกำ ยังโกยอยู่ - แสดงว่ายังห่างอยู่มากอยู่ - เราจะไม่ให้มีความห่วงอยู่เลย - จะไม่ให้มีความตระหนี่ถี่เหนียวมาเป็นใหญ่กว่าใจเราได้เลย - เราจะขูดออกขัดออก - น้ำใสน้ำนิ่ง จะเห็นปลา เห็นทรายชัด - ถ้าน้ำกระเพื่อมก็ไม่เห็น - เปรียบกับจิตที่เป็นหนึ่ง หยุดนิ่งย่อมรู้หมด มีอะไรรู้หมด รู้จิตผู้อื่น - ต้องทำให้เป็นวสี จึงจะรู้ได้ตลอด - ถาม - มีสิทธิ์ รู้ได้ไหมครับว่า ใครดี ใครไม่ดี ใครจะโกงเรา - ตอบ - รู้อยู่ รู้ได้อยู่ที่ใจ แต่นักปราชญ์ท่านไม่รุกรานเขาหรอก - ถ้าเขาชั่วก็ชั่วของเขา - ถ้าเขาไม่ยอมกลับตัว มันก็ตัวของเขา - ครูบาอาจารย์ก็บอกไม่ได้แล้ว - เขาทำตัวเขาเอง เรื่องของเขา - วาจาใดที่ทำให้ตนเองบ้าง ทำให้ผู้อื่นบ้าง ไม่สบายหู ไม่สบายใจ - วาจานั้นถือว่าเป็นวาจาที่ไม่ควรพูด - เมื่อนกจับต้นไม้ต้นใด มันก็ถือว่าสักแต่จับอยู่เท่านั้น - เมื่อบินไปแล้วก็หมดเรื่อง ไม่มีความอาลัยกับต้นไม้นั้น - ต้องรวมพลังจิตไปอยู่จุดเดียว - จึงเกิดพลังพิเศษ จึงเห็นธรรม - วางอยู่เสมอๆ - เราก็จะไม่มี เราก็จะไม่ทุกข์ ไม่สุข ไม่หวง ไม่ห่วง ไม่ติดในห้วงมหรรณพ -สักว่าแต่อยู่ สักว่าแต่ใช้อาศัยไปเฉยๆ - ถ้าใจวางก็เหมือนคนตายแล้ว- ไม่มีอะไรจะยึดถือ - ว่าง...วางเฉย - ความสันโดษ มักน้อย - เป็นทรัพย์อันประเสริฐของผู้ต้องการความพ้นทุกข์ หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 07:48:53 - ผู้ใดได้รับความสงบมากๆ คนนั้นรวย - ผู้ใดสะสมกองกิเลสมากๆ มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐิพพะ ธรรมารมณ์มากๆ ฟุ่มเฟือยอยู่ในกามสุข - คนนั้นคนจน มีหนทางถึงหายนะแน่นอน - มัวแต่ห่วงโลกอยู่ เลยไม่ได้ไปพระนิพพาน - ผู้จะไปพระนิพพานได้ ท่านไม่ห่วง ไม่มีห่วงโลกห่วงใดๆ ทั้งนั้น - เรื่องรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ท่านตัดขาดพรวดไปเลย ไม่มีอีกแล้ว - เรียกว่าตัดกิเลสตาย คลายกิเลสหลุด ถึงวิมุตติ มรรคผลนิพพาน สว่างโร่ ไม่มืดอีกแล้ว - ผู้เจริญย่อมไม่เบียดเบียนใคร ไม่อาฆาตใคร ไม่พยาบาทใคร - ให้อภัยแก่คนทุกจำพวก ไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรกับใครเลย - ต้องพร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ - อย่างนี้ ใจเราสบาย - กิเลสเป็นของร้อนเผาตัวเอง - ให้รู้เท่ามัน -มันก็ไม่มารบกวนหรอก - ผู้จะไปพระนิพพาน- ต้องไม่มีอะไรข้องสักอย่าง - รูปเสียงกลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็ไม่ข้อง - ต้องเป็นผู้เลี้ยงง่าย กินง่าย อยู่ง่าย นอนง่าย มีแต่ง่ายๆ มันก็ไม่ข้อง - ใครจะว่าชั่วก็ตามที - ใครจะว่าดีก็ตามชัง - อยู่อย่างนั้นแหละ ไม่มีดี ไม่มีชั่วตามใครทั้งนั้น - โลกธรรมถูกต้องไม่หวั่นไหว สบายตัวคนเดียวก็พอ - คนเราชอบหลงหาเรื่องข้องใส่ตัวเอง - เห็นรูปถูกใจๆ ก็ไปข้อง - เห็นเสียงถูกใจๆ ก็ไปข้อง - ได้กลิ่นหอมๆ ถูกใจก็ไปข้อง - รสอร่อยๆ ก็ไปข้อง - โผฏฐัพพะเครื่องถูกต้องร่างกาย อยากได้ผ้าดีๆ ที่นอนดีๆ ก็เป็นเครื่องข้อง - โลกทั้งหลาย เขาอยู่ด้วยราคะ โทสะ โมหะ - ติดกันอยู่แค่นี้ เขาทำไปตามอำนาจกิเลส - จะไปไหนๆ ทำอะไรๆ ก็เอากิเลสออกหน้า - ใส่ปุ๋ยให้ราคะ โทสะ โมหะ มันก็ใหญ่โตไปเรื่อยๆ - เพราะตามใจมันทุกอย่าง - ทำให้หลง หลงรัก หลงใคร่ หลงอยากได้ หลงยินดี หลงหาทั้งตาปี - หลงแล้วก็ติด ติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ - พอมันพลัดพรากจากเราไปก็เป็นทุกข์ เพระความหลง - ถ้าไม่เพ่ง ไม่ตัดมันเสียก่อน มันก็มีกำลังอยู่อย่างนั้น หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 10:02:23 - คนจะรวย ก็เพราะรวยน้ำใจมาก่อน - คนจะจน ก็เพราะจนน้ำใจมาก่อน - เกิดเป็นมนุษย์ใช้ร่างกายให้คุ้มค่า ศีลของเราดีหรือเปล่า ทานของเราดีหรือเปล่า ภาวนาของเราตั้งใจมั่นหรือเปล่า - ถ้าไม่แน่วแน่ ยังวอกแวก ไม่เป็นอันเดียว -มันก็งมโข่งไปเรื่อย - ถ้าเราแน่วแน่ในใจเต็มที่ ไว้วางใจตนเอง เป็นที่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไร มีดวงจิตดวงเดียวเท่านั้น - เวลาตายยิ้มตาย ไม่กลัวอะไรเลย - ความเกษมสุข ความไม่เศร้าโศก -เป็นมงคล ใจจะรื่นเริงเสมอ - ถ้าเศร้าโศกจะเสียมงคลไปหมด - เหมือนต้นไม้มันเฉา แล้วน่าดูไหม - เอาน้ำมารด เอาปุ๋ยมาใส่ ชุ่มชื่นขึ้นมามันเป็นยังไง - มันสดชื่นน่าชม - เป็นนิมิตก็ดี เป็นอะไรก็ดี - ของเหล่านั้นไม่ใช่เราหรอก - อย่าไปถือว่าเป็นเรา - มันไม่รู้อะไร มันแค่ปรากฎเป็นตนเป็นตัวขึ้นมา - เป็นภาพลวงตา ลวงใจเราให้ไปหลงมันซื่อๆ หรอก - อย่าหลงตะครุบเงา อย่าหลงไปตามสัญญาอารมณ์ ส่งออกนอก - เห็นนั้น เห็นนี่ ตัวไหนไปเห็น - หายใจเข้า รู้ -หายใจออก รู้ - อย่าหลงเอามาเป็นเรา เพียงไปเห็นเฉยๆ - ถ้าเอาลมมาเป็นเรา ก็ตะครุบเงา - ไม่ได้ตะครุบตัวจริง - ความโกรธทำลายผิวพรรณ - ขี้โกรธ ผิวพรรณจะขี้ริ้ว เป็นไฝ เป็นฝ้า ไม่ดี - ถ้าไม่มีความโกรธ สีสันวรรณะ จะดี ไม่เปลืองเครื่องสำอางใดๆเลย - กิเลสมันเหนียวมันแน่น ความตระหนี่ถี่เหนียว เป็นต้น - เอาอะไรมาขัดมันออก มันเหนียว เหนียวจริงๆ - ท่านจึงบัญญัติว่า ทานัง เทติ - ให้ทานเป็นเครื่องขัดเครื่องเกลากิเลสในหัวใจ - ความตระหนี่ก็จะเบาบางไป - จึงควรทำทานอยู่บ่อยๆ หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 10:55:01 - ไม่ว่าประเทศไหน -เอาความโลภเป็นหัวหน้าปฏิบัติงาน - พังทุกราย - ความโลภเป็นอันตรายแก่ธรรมทั้งหลาย แก่ความเจริญทั้งหลาย - โลภมากเท่าไร เป็นอันตรายแก่ตัวเองเท่านั้น - รีบกำจัดความโลภ ด้วยการทำทานขัดเกลากิเลส - อย่าให้ความตระหนี่ถี่เหนียวมาเป็นนายกุญแจ ปิดกุญแจแห่งกุศลของเรา - ใครจะว่าจะนินทา - เฉยไว้ก็ดีเอง - สนิมกินเหล็ก - กิเลสกินใจ - การเจริญเมตตาปรานี - ต้องให้มีไมตรีจิตมิตรภาพปรารถนาดีในเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย - เมื่อมีเมตตามากๆ - ความยินดีในความโกรธอาฆาตพยาบาทจะหมดไป - เมื่อเราทำเช่นนี้มากๆ - ความตระหนี่ถี่เหนียวก็จะหายไป - จะกลายเป็นผู้เสียสละอยู่อย่างนั้น - เมื่อเป็นเช่นนี้ ราคะ โทสะ ก็จะเบาบาง ด้วยการแผ่เมตตาปรารถนาดี ให้กันและกันเสมอๆ - เมื่อไม่มีความโกรธแล้ว แต่ความหลงยังมีอยู่นะ - หลงโลภ หลงรัก หลงชัง อะไรต่างๆ - เหล่านี้เป็นกิเลส เป็นตัณหา เป็นกิเลสวัฏฏะ เป็นตัวจักรของกิเลส - ซึ่งเป็นเหตุให้ทำกรรมไปต่างๆ - เพราะฉะนั้น เรจึงต้องมาทำกรรมฐาน ทำสมาธิภาวนากัน - หมากัดขาเรา - เราอย่าไปกัดขาหมาตอบ - ถ้าไปกัด คงน่าเกลียดจริงๆ - หมากัดขาเรา ก็รักษาแผลไป ไม่ต้องไปกัดขาหมาตอบ - ถ้ามีคนอื่นตำหนิเรา อย่าอย่าไปตำหนิเขาตอบ - ใครทำให้เราโกรธ เราอย่าหลงไปโกรธเขาตอบ - ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 11:11:20 - เราได้อาศัยร่างกายที่มีแต่ของเน่าๆ เปื่อยๆ มาทำประโยชน์ ไปวันๆ เท่านั้นเอง - ยังน่าปลื้มใจที่อาศัยไหว้พระสวดมนต์ รักษาศีล ทำบุญให้ทาน ทำสมาธิภาวนา ทำคุณความดีเพื่อประโยชน์ตนบ้าง เพื่อประโยชน์ผู้อื่นบ้าง ยังน่าปลื้มนะ - ให้ทำความดีเยอะๆ ทำบุญให้ทาน นั่งสมาธิ และรักษาศีลให้บริสุทธิ์ให้มากๆ - อย่าได้ประมาทเลย พยายามทำให้ต่อเนื่อง มันจะแก่กล้าขึ้น - การทำอย่างที่ว่ามานี้ เขาเรียกว่าอบรมบ่มอินทรีย์ให้แก่กล้า - สร้างบุญบารมีให้ใหญ่โต - ถ้าเราพิจารณกายให้ลึกลงไป ให้เห็นลงไปจริงๆ - ลงไปถึงใส้ใหญ่ ใส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า เหล่านี้มันมีอะไรวิเศษนัก - จึงถือทิฐิมานะ ไม่ยอมกราบไหว้ผู้อื่น - ทำไมยึดถือของเน่าๆ อยู่เต็มตัว จนไม่ยอมกราบไหว้ เคารพนับถือผู้อื่น - ก็ได้ร่างกายเน่าๆ นี่แหละ พิจารณาให้ซึ้งให้ถึงแก่นเถอะ - ให้ช่ำชอง ชำนาญในการเข้าและออกจนจิตใจผ่องใส ไม่มีมลทินโทษแล้ว - ทิฐิบริสุทธิ์ ญาณทัศนะ ธาตุก็จะบริสุทธิ์ - ตายแล้วกระดูกเป็นพระธาตุแน่นอน - พระคุณต้องทดแทน ถ้าเคียดแค้นต้องอโหสิ - อเวรัง อะสะปัตตัง - พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พวกเราเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่จองเวร เป็นผู้อโหสิ - ผู้ถึงพร้อมด้วยทาน ศีล ภาวนา - ได้ชื่อว่ามีใจที่พัฒนาแล้ว เจริญแล้ว - จะไม่มีทางเอารัดเอาเปรียบ - มีแต่การเสียสละ จะอยู่ร่วมกันได้โดยสงบสุข - บุคคลใดเป็นคนเลี้ยงง่าย มีกิจวัตรประจำวันที่เรียบง่าย - ใจจะสบาย การปฏิบัติก็รวมใจเป็นหนึ่งได้ง่าย - ความวุ่นวายก็น้อยลง ความกังวลติดยึดจะไม่มี หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 11:28:13 - การทำความเพียร -ไม่ใช่เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิ ไม่ใช่ทำทั้งวันทั้งคืนหรอก - ถ้ายังเดินคิด นั่งคิด ก็จัดว่าเป็นความเพียรไม่ได้ - เรียกว่าฟุ้งซ่าน - การทำความเพียร หมายถึงการมีสติ ทำอะไรทำอย่างมีสติระลึกได้อยู่ - จะก้าวหน้า จะถอยหลัง เหลียวซ้าย แลขวา จะพูดจาอะไรมีสติ กำหนดรู้ทั่วอยู่ ระลึกได้อยู่เสมอ - นี่เรียกทำความเพียร - ทุกอิริยาบถจดจ่ออยู่ อย่าเผลอ - ร่างกายมันพักผ่อน ใจก็ยังมีสติอยู่ นี่เรียกว่าความเพียร - ทรัพย์ภายใน ท่านว่า แสวงรู้ แสวงอ่าน แสวงฟัง แสวงเรียน - นี่เป็นทรัพย์ภายใน - แต่ถ้าท่านผู้ใดปล่อยให้วันเวลาล่วงไปๆ ไม่แสวงหาทรัพย์เหล่านี้ไว้ในใจ - ก็จะโง่ ไม่ฉลาด จะทำให้เป็นคนจนได้ - คนที่ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง - จะเป็นที่พึ่งของใครไม่ได้ พึ่งตัวเองก็ไม่ได้ ไม่มีทางออก - บางคนพอคิดอะไรไม่ออก ก็คิดสั้นฆ่าตัวตายไปให้เป็นวิบากกรรม ติดตามไปในภพหน้าชาติหน้าต่อไปอีกชั่วกาลนาน - มีหลายคนแล้วที่ประสบกับปัญหาเข้าขั้นวิกฤติ ยามเข้าตาจน - แล้วรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ จากปัญหาร้ายแรงมาได้อย่างคาดไม่ถึง - เป็นเพราะเขาระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งบ่อยๆ - เพียงน้อมระลึกนึกถึงก็ได้บุญกุศล ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตไว้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 11:43:13 - ราคะไม่มี, โทสะไม่มี, โมหะไม่มี - ความดึงดูดของโลกดูดไม่ได้เลย - เพราะไม่มีสิ่งที่จะดึงดูดดูดกันได้แล้ว - เพราะฉะนั้น พระอริยเจ้าท่านไปไหนมาไหน ท่านเหาะเอา - เพราะโลกไม่ดึงดูด - มัวแต่คิดจะต่อต้านผู้อื่น - ทำไมไม่คิดต่อต้านกิเลสตัวเอง เอาชนะกิเลสตัวเอง - ทำอย่างไรความโลภมันจึงจะเบาบางลง - ทำอย่างไรความโกรธมันจึงจะเบาบางลง - ทำอย่างไรความหลงมันจึงจะเบาบางลงไป - นี่คือหน้าที่ของเราโดยตรง - ผู้ภาวนาชั้นยอด - ท่านเพียรฆ่าความโกรธให้มันหมด - ฆ่าความโลภให้มันหมด - ฆ่าความหลงให้มันหมด - ไปเดือดร้อนอะไรกับคนนินทา - ใครนินทา เราไม่ได้ยิน ไม่ใส่ใจก็สบาย - คนนินทาน่ะ เป็นยาชูกำลังที่จะเตือนตัวเอง - เขาติดีกว่าเขาชม จะได้รู้ตัว - ถ้าเราเป็นอย่างนั้นจะได้ปรับปรุง เราจะไปโกรธเขาทำไม - ถ้าไปโกรธเขา ก็เรียกว่าเราแพ้ตัวเอง - ไม่ต้องรู้อะไรมาก - รู้ภายในน้อยๆ รู้ตามคำสั่งสอนน้อยๆ มันก็กว้างออกมาได้ - รู้ทุกขัง รู้อนิจจัง รู้อนัตตา รู้แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว - สังขารความคิดปรุงแต่ง มันไม่ใช่เรา - แต่มันลากเราให้ติดให้ทุกข์ ไม่รู้จักจบจักสิ้น- เพราะฉะนั้นจงอย่าเชื่อสังขาร - เรียนทางโลก - เรียนไปๆ ก็ยิ่งหนาไปเรื่อย ไม่เบาบางได้เลย - เรียนทางธรรม เรียนละ- ละโลภ ละโกรธ ละหลง ละกิเลสตัณหา - มันก็เบาไปๆ จนไม่มีภาระ หมดภาระ ถาม - ทำสมถะมากๆ มันแช่ในอารมณ์ นิ่งไปเลย มันติดในสมาธิ ตอบ - มันจะแช่อะไร - เราวุ่นวายมาตั้งเท่าไหร่ - จะทำความสงบให้ใจ มันจะแช่อะไร - สมถะนี่แหละตัวสมาธิ ให้ใจมันสงบ ให้ใจมันแน่เสียก่อน - จึงค่อยวิปัสสนา พิจารณาร่างกาย ผมขนเล็บ ฟัน หนัง หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 12:38:41 - เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส - ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เป็นใหญ่ มีอำนาจมาก -แต่โกงกินแผ่นดิน จนประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก - ต่อมาประชาชนรวมตัวกันขับไล่ จนต้องหนีออกนอกประเทศ - เงินที่โกงกินแผ่นดินมาถูกยึดคืนหมด - ในที่สุดก็ตายอย่างหมาข้างถนน - ความโลภ เป็นอันตรายแก่ความเจริญทั้งหลาย - ทำลายชื่อเสียง เกียรติยศ รสนิยมพังไปตามๆ กัน - ทำทานรักษาศีลเจริญภาวนาก็เพื่อกำจัดกิเลส - มีศีล มีธรรม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน - จึงเป็นคนดีได้ - ถ้าไม่มีก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน - สัตว์เดรัจฉานเห็นกันก็กัดกัน -มีอาหารกิน มันก็ไม่แบ่งใคร - มันหวงแต่ตัวคนเดียว กินไม่หมดโน่นแหละจึงให้เขา - ไวปากเสียศีล ไวตีนตกต้นไม้ - เขามาว่า หรือทำไม่ดีกับเรา ก็สาธุๆไว้ - อย่าไปโกรธเขา - เราจะไม่โกรธ จะไม่ต่อสู้ใครเลย - แม้แต่ยุงมากัด ก็ไม่คิดทำร้ายมันเลย - ไม่ต้องถามปัญหาอะไรหลาย - ไม่มีปัญหา ไม่ต้องสงสัยอะไร - มีความสงสัยเกิดขึ้น รู้อยู่ อย่าไปตาม - ถ้าปล่อยให้มันสงสัย มันก็สงสัยเรื่อยไป - รู้เท่าทันความสงสัยพอ หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 สิงหาคม 2553 12:41:31 สาธุครับ พูดตรง ๆ เลยว่าเพิ่งเคยได้ยินชื่อหลวงปู่ท่อน
แต่ลองอ่านแล้ว ดีมากเลยครับ อนุโมทนาครับ หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 13:16:15 (http://www.kunnathum.com/wp-content/profile-pics/1.jpg) - ธรรมที่ทำให้งามคือ ขันติ - ความอดกัน ทนทานไม่โกรธง่าย โสรัจจะ - ความสงบเสงี่ยมเจียมตัว อ่อนน้อม สะอาดเรียบร้อย - คนวู่วาม ทำตามใจตน เป็นคนโกรธง่าย ขาดขันติไม่งามเลย - คนเราถึงแม้หน้าตาจะดีแค่ไหน ให้แต่งตัวสวยๆ ใส่เครื่องประดับ ราคาแพงมากมายขนาดไหนก็ตาม - แต่ถ้าขาดความเสงี่ยมเจียมตัว หยิ่งยโส แข็งกระด้าง - มีผู้ใหญ่นั่งอยู่ เวลาเดินผ่านไม่มีก้มศีรษะ เดินคอแข็งผ่านไปเฉยเลย - ดูงามไหมล่ะ ดูไม่ได้เลย ไม่งามเลย - ฆราวาสธรรมมี4 ข้อ 1. สัจจะ - ความซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน 2. ทโม - รู้จักข่มใจตนเอง เมื่อประสบกับอารมณ์อันไม่พึงปรารถนา 3. ฐิติ - ขันติ ความอดทนอดกลั้น 4. จาโค - การเสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น - หากบุคคลใดมีฆราวาสธรรมครบทั้ง 4 ข้อแล้ว - ทำมาค้าขึ้นซื้อง่ายขายคล่อง - เทวดานิยมชมชอบคอยดูแลช่วยเหลือ -ทำน้อยๆ ก็ได้มามาก - หากไม่มีฆราวาสธรรม แม้ทำแทบแย่ แต่ก็ได้มานิดเดียว - เฮ็ดเพียงตีน มันก็ขึ้นมาเพียงตา -เฮ็ดเพียงตา มันก็ได้มาเพียงตีน (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:S8mO_oIXJy9hDM:i475.photobucket.com/albums/rr120/peelek/Lotus7.jpg) http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=katkine&date=31-07-2009&group=4&gblog=5 (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=katkine&date=31-07-2009&group=4&gblog=5) อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 สิงหาคม 2553 13:41:52 สาธุครับ พูดตรง ๆ เลยว่าเพิ่งเคยได้ยินชื่อหลวงปู่ท่อน แต่ลองอ่านแล้ว ดีมากเลยครับ อนุโมทนาครับ เคยพบ และได้ฟังท่านเทศน์ได้กราบท่าน ที่วัดธรรมมงคล ถนสุขุมวิท ซอยปุณวิถีซอย ๒๐ งานแสดงมุทิตาจิต วันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อวิริยังค์ เป็นงานประจำปี ทุกวันที่๗ม.ค. เค้ามีสวดลักขีบวชชีน่ะค่ะ คุณไกรเคยนำภาพงานปิดทองลูกนิมิตรมาลงไว้ที่เวปเขากะลา แต่มี สวดชัยยะมงคลคาถา (นะโม เม).wmv พร้อมข้อมูลทางวัดบางส่วน ที่นี่ค่ะ... http://www.sookjai.com/index.php?topic=2485.0#lastPost (http://www.sookjai.com/index.php?topic=2485.0#lastPost) หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 00:43:11 (http://images.thaiza.com/34/34_20080727102255..jpg) บันทึกธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร หลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ) · คำพูดที่ไม่พิจารณาก็ย่อมกระทบกระเทือนผู้อื่น ให้พิจารณากลั่นกรองให้ดีเสียก่อนจึงค่อยพูด · นิพพาน ใจจะต้องเด็ดเดี่ยวมากนะ ต้องไม่ห่วงใคร จะต้องไปคนเดียว · เกิดบังดับ โลกบังธรรม งามบังผี ดีบังจริง สมมติบังวิมุตติ หลักธรรมบังพระนิพพาน · แม้ภูเขาสูงแสนสูง หากบุคคลผู้มีความเพียรพยายามปีนป่ายขึ้นไปจนถึงยอด ภูเขาสูงแสนสูงก็ต้องอยู่ใต้ฝ่าตีนของคนผู้นั้น · จิตหรดี คือ จิตที่เด็ดเดี่ยว ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวไปกับอะไร เป็นมงคลอย่างยิ่ง · หลวงปู่มักเตือนว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ · อย่าส่งจิตออกนอก ส่งออกมันเป็นบ่วงแห่งมาร · อย่ากินของร้อน (ราคะ โทสะ โมหะ) อย่านอนบนไฟ (โลภ โกรธ หลง) ให้ไปอย่างแร้ง (ไม่ติด ไม่สะสม) แสวงหาบริสุทธิ์ (ของที่ชอบธรรม) · อย่าไปรีบ ไปเร่ง อย่าไปเคร่ง ไปเครียด ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ เวลาจะได้ มาเองนั่นแหละ อย่าไปยึดมั่นในสิ่งใดๆ แม้การปฏิบัติ · อย่าไปสนใจจิตของผู้อื่น จงสนใจจิตของตน · อาหารบิณฑบาต ประเสริฐกว่ารับนิมนต์ หรือเขามาส่งตามวัด · หลวงปู่ไปเมตตาคนป่วยด้วยคำเตือนใจสั้นๆ ว่า รู้อยู่ที่ใจได้ไหม · ใครจะเป็นอย่างไรก็ยิ้ม ยืนยิ้มดูไปเฉยๆ · เราคนเดียวเที่ยวรัก เที่ยวโกรธ หาโทษใส่ตัว หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 00:45:28 · ให้มีสติตามดูจิต เหมือนคนเดินบนถนนลื่นๆ ต้องระวังทุกก้าว ให้มีสติจดจ่อไม่วาง ดูจิตมันจะปรุงไปไหน จะคิดไปไหน จดจ่อดูมันก็ได้ แน่ๆ จะไปไหน ถ้ามันดื้อนัก ถ้ายังไป เราจะไม่นอนให้นะ · (หลวงปู่เมตตาเล่าเรื่องนางปฏาจาราเถรี) ทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเธอในครั้งนี้ใครทำ ไม่ใช่เธอทำเองหรือ เพราะความรัก ความยึดมั่นในสิ่งรัก จึงทำให้ทุกข์ มีรักที่ไหน มีทุกข์ที่นั่น · เวลาไหนเราไม่ปรุงไม่แต่งไปตามสังขาร ราคะ โทสะ โมหะ สังขารปรุงไม่ได้ เรียกนิพพานชั่วขณะ · ให้พิจารณาจนเห็นทุกข์ในโลก เห็นโทษของกาม · รักษาจิตให้ดี มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่อยู่ของใจ · ให้สำรวมอินทรีย์ พิจารณาวิปัสสนาภูมิ อริยสัจ ๔ มรรค ๘ คือ ทางเดิน · ตามดูอาการหลับให้ละเอียด มันค่อยๆ หลับไปอย่างไร · เมื่อเกิดความปรุงแต่ง ก็ให้รู้ รู้แล้วพิจารณาตลอดสาย พิจารณาให้เกิดปัญญา รู้แล้วดับ · สมาธิ คือ สมาธิ ยังเป็นสมุทัย พอถอนให้พิจารณากาย เอาให้มันเบื่อหน่าย ไม่งั้นจะเกิดทิฐิว่าตัวได้ ตัวถึง เป็นวิปลาส · พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ พึงเอาชนะความเบียดเบียนด้วยความไม่เบียดเบียน ชนะคนไม่ดีด้วยความดี พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้ · น้ำในน้ำนิ่ง จะเห็นปลา เห็นทรายชัด ถ้าน้ำกระเพื่อมก็ไม่เห็น เปรียบกับจิตที่เป็นหนึ่งหยุดนิ่งย่อมรู้หมด มีอะไรรู้หมด รู้จิตผู้อื่นต้องทำให้เป็นวสีจึงจะรู้ได้ตลอด · วาจาใดที่ทำให้ตนเองบ้าง ทำให้ผู้อื่นบ้างไม่สบายหู ไม่สบายใจ วาจานั้นถือว่าเป็นวาจาที่ไม่ควรพูด · เมื่อนกจับต้นไม้ต้นใด มันก็ถือว่าสักแต่จับอยู่เท่านั้น เมื่อบินไปแล้วก็หมดเรื่องไม่มีความอาลัยกับต้นไม้นั้น · อริยทรัพย์เป็นทรัพย์อันประเสริฐอยู่ภายในจิตใจ ดีกว่าทรัพย์ภายนอก เพราะไม่มีผู้ใดแย่งชิงได้ ไม่สูญหายไปด้วยภัยอันตรายใดๆ ทำให้ใจไม่อ้างว้างยากจน เป็นทุนสร้างทรัพย์ภายนอกได้ด้วย · ต้องรวมพลังจิตไปอยู่จุดเดียว จึงเกิดพลังพิเศษ จึงเห็นธรรม · ความสันโดษ มักน้อย เป็นทรัพย์อันประเสริฐของผู้ต้องการความพ้นทุกข์ · ผู้ใดได้รับความสงบมากๆ คนนั้นคนรวย ผู้ใดสะสมกองกิเลสมากๆ มีรูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์มากๆ ฟุ่มเฟือยอยู่ในกามสุข คนนั้นเป็นคนจน มีหนทางถึงหายนะแน่นอน หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 00:47:40 · อวิชชา คือความไม่รู้ ถ้ารู้อยู่เป็นวิชชา
· อย่าเอาแต่จะชนะอย่างเดียว เสียงแข็งขึ้นเพราะจะเอาชนะกัน ยิ่งแข็งยิ่งแตกหักง่าย · ใจมันต้องเผ็ดเด็ดเดี่ยวลงไป ทำความเพียรแผดเผากิเลสให้หนักแน่น · จงอยู่กับพระวินัยให้เคร่งครัด · ผู้จะไปนิพพานต้องไม่มีอะไรข้องสักอย่าง รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะก็ไม่ข้อง ต้องเป็นผู้เลี้ยงง่าย กินง่าย อยู่ง่าย นอนง่าย มีแต่ง่ายๆ มันก็ไม่ข้อง · ใครจะว่าชั่วก็ตามที ใครจะว่าดีก็ตามชัง อยู่อย่างนั้นแหละ ไม่มีดี ไม่มีชั่วตามใครทั้งนั้น โลกธรรมถูกต้องไม่หวั่นไหว สบายตัวคนเดียวก็พอ · คนจะรวยก็เพราะรวยน้ำใจมาก่อน คนจะจนก็เพราะจนน้ำใจมาก่อน · ถ้าตั้งสติแล้วไม่ห่วงใคร ใครจะเป็นใครจะตายมันเรื่องของเขา เรื่องของเรามีหน้าที่ภาวนา · ความเกษมสุข ความไม่เศร้าโศก เป็นมงคล ใจจะรื่นเริงเสมอ ถ้าเศร้าโศก จะเสียมงคลไปหมด เหมือนต้นไม้มันเฉาแล้ว น่าดูไหม เอาน้ำมารด เอาปุ๋ยมาใส่ชุ่มชื่นขึ้นมามันเป็นยังไง มันสดชื่นน่าชม · ใจต้องให้ขาดจากความเกี่ยวความข้อง ตัดน้ำยังตัดไม่ขาด สายสวาทตัดขาดอย่างไร ตัดบัวก็ยังไว้ใย ตัดน้ำใจยังมีเมตตา มีเมตตาอยู่ ก็ข้องอยู่ ก็ติดอยู่นั้นแหละ · ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ไม่ให้ตกไปสู่โลกชั่วทุรกันดาร · กรรมฐานอะไรมันถูกจริต อะไรมันเป็นที่สบายก็เอาอันนั้น ไม่มีกฎบังคับกันหรอก · ใครจะว่านินทา ช่างเขาเฉยไว้ก็ดีเอง · การทำความเพียร อย่าหลอกลวงตัวเอง ให้เอาจริงเอาจังกับมัน · ถ้าปล่อยใจคิดไปทางอื่นก็ใช้ไม่ได้ ทำให้เราหลง หมดท่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย · สนิมกินเหล็ก กิเลสกินใจ · พระคุณต้องทดแทน ถ้าเคียดแค้นต้องอโหสิ อเวรัง อะสะปัตตัง พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พวกเราเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่จองเวร เป็นผู้อโหสิ หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 00:49:41 · ทานัง เทติ การให้ทานเป็นเครื่องขัดเกลาอันแรก ทำบ่อยๆ จะเกิดความไม่เห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ ไม่หวงแหน ไม่เหนียวแน่น · สีลัง รักขติ เครื่องขัดที่สอง ให้รักษาศีล ๕ ให้ครบ เพราะศีล ๕ เป็นหลักประกันของสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข รักในทุกๆ ชีวิตเหมือนเป็นญาติของตน · ศีลมีอยู่ ๓ แบบ คือ สัมปัตตวิรัต คืองดเว้นเอาเอง ตั้งใจงดโดยไม่ต้องขอศีลจากพระ สมาทานวิรัต คือ สมาทานศีลกับพระ สมุทเฉทวิรัต คือ ศีลของเหล่าพระอริยเจ้า ไม่ต้องสมาทานอีกแล้ว · บางครั้งเราก็พูดแบบห้วนๆ ให้หมู่อยู่เหมือนกัน ใครฟังเป็นก็ไม่โกรธ ใครฟังไม่เป็นก็โกรธ · ผู้ถึงพร้อมด้วยทาน ศีล ภาวนา ได้ชื่อว่ามีใจที่พัฒนาแล้ว เจริญแล้ว จะไม่มีทางเอารัดเอาเปรียบ มีแต่การเสียสละ จะอยู่ร่วมกันได้โดยสงบสุข · บุคคลใดเป็นคนเลี้ยงง่าย มีกิจวัตรประจำวันที่เรียบง่าย ใจจะสบาย การปฏิบัติก็รวมใจเป็นหนึ่งได้ง่าย ความวุ่นวายก็น้อยลง ความกังวลยึดติดจะไม่มี · ทรัพย์ภายใน ท่านว่า แสวงรู้ แสวงอ่าน แสวงฟัง แสวงเรียน นี่เป็นทรัพย์ภายในแต่ถ้าท่านผู้ใดปล่อยให้วันเวลาล่วงไปๆ ไม่แสวงหาทรัพย์เหล่านี้ไว้ในใจ ก็จะโง่ไม่ฉลาด จะทำให้เป็นคนจนได้ · ศรัทธา คือ ความเชื่อ เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อว่าบาป บุญ เวรกรรมนั้นมีจริงต้องสร้างศรัทธาให้เข้มแข็งขึ้น จึงจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำแต่ความดี · ถ้าไม่ติดในตัวเจ้าของก็ไปได้แล้ว...สบาย · ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อน จะทำบาปทำบุญก็ใจเป็นไปก่อน · โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อการทำบาปไม่กล้าทำบาป แม้ถูกจ้างวาน ถ้ารู้ว่าเป็นบาปเราก็ไม่กล้าทำ ยอมอด เราจะเกิดโอตตัปปะ เพราะฉะนั้นจิตใจเราจะสะอาดบริสุทธิ์มาก · เวลาพูด ให้พูดด้วยความมีสติ มันจึงเป็นสาระเป็นประโยชน์ ถ้าพูดด้วยความไม่มีสติมันเฟ้อ ดูอย่างเวลาที่หลวงปู่มั่นท่านพูด ไม่ว่าที่ไหนๆ เป็นสาระออกมาน่าฟังทั้งนั้น เพราะท่านพูดด้วยความมีสติ · ถ้าตั้งใจที่จะภาวนา อย่าส่งจิตไปทางอื่น ให้รู้อยู่ในกายในใจของเรานี่แหละ ถ้ายังตามความคิดอยู่ไม่ใช่ภาวนา หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 00:51:32 · ถ้าคนมีสติแล้วไม่พูดพล่ามอะไรหรอก อยู่กับสติของตัว ไม่พูด..เสียเวลา
· ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา ให้เคารพต่อการฟังธรรมด้วยใจจริง ไม่ส่งจิตไปทางอื่น เพื่อให้ได้เนื้อหาสาระเข้ามาสู่ใจของเราจริงๆ · เรื่องการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติอะไร ปฏิบัติจิตปฏิบัติใจของเรานี่แหละ ทำอย่างไรใจของเราจะสะอาดหมดจด ปราศจากมลทิน ปราศจากโทษทั้งปวง · ผู้ที่มีจิตใจผ่องใส สะอาด ไม่มีโทษจะมีหน้าตาผ่องใส ไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่น ไม่มัว เป็นที่น่าคบค้าสมาคมด้วย บุคลิกลักษณะนั้นบ่งบอกถึงความสุขของใจ · เรื่องจิตไม่ใช่เรื่องอะไร นอกจากการตั้งสติไม่ให้เผลอ จะทำกิจอันใด ก็ทำด้วยความรู้ไม่ใช่ด้วยโมหะ โมหะ คือ ความหลงความไม่รู้ เมื่อเราไม่รู้มันก็ปรุงเราแต่งเรา · วาง....เฉย มันก็ไม่ติดภพติดชาติ · เวลาเรายืนเราก็มีสติ เราเดินเราก็มีสติ เรานั่งเราก็มีสติ เรานอนเราก็มีสติ จนกว่าจะหลับไป อยู่กับสติปัฏฐาน ๔ มีสติรู้อยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรมนี่แหละ · หลวงปู่มักเมตตาเตือนพระเณร ให้รู้จักตน รู้จักบุคคล รู้จักกาล รู้จักประมาณ · คนเราถ้าไม่ปฏิบัติธรรมแล้ว เรียกว่า ย่ำต้นกิเลส เหยียบย่ำต้น กินแต่ผลย่อมมีแต่จะเสื่อมไปสิ้นไป ถ้าปฏิบัติธรรมแล้ว เรียกว่าบำรุงต้นให้งามจึงออกดอกออกผลให้ได้บริโภคใช้สอย · พระเอาสิ่งใดที่พอเหมาะพอดี เราก็เอาสิ่งนั้น อย่าให้มันเกินไป เป็นธรรม · เราอยู่ในโลก อย่าฝืนโลก ถ้าฝืนโลกมันผิดธรรมดา ฝืนธรรมดา · ถ้าเป็นพระควรพิจารณาในการรับ แต่ถ้าเป็นแพะเอาแหลกทุกอย่าง ผิดธรรมผิดวินัยก็ไม่ใส่ใจ · สิ่งใดที่ผิดธรรมผิดวินัย พวกเราอย่าทำ อย่าฝ่าฝืนคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาทำตามธรรมตามวินัย ให้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ก็เป็นธรรมไปเรื่อยๆ ไม่เหยียบไม่ย่ำจะมีแต่ความเจริญ · ราคะไม่มีโทสะไม่มีโมหะไม่มี ความดึงดูดของโลกดูดไม่ได้เลย เพราะไม่มีสิ่งที่จะดึงดูดกันได้แล้ว เพราะฉะนั้นพระอริยเจ้าท่านไปไหนมาไหน ท่านเหาะเอาเพราะโลกไม่ดึงดูด · ผู้ภาวนาชั้นยอด ท่านเพียรฆ่าความโกรธให้มันหมด ฆ่าความโลภให้มันหมด ฆ่าความหลงให้มันหมด · ไปเดือดร้อนอะไรกับคนนินทา ใครนินทาเราไม่ได้ยินไม่ใส่ใจก็สบาย คนนินทาน่ะเป็นยาชูกำลังที่จะเตือนตัวเอง เขาติดีกว่าเขาชม จะได้รู้ตัว ถ้าเราเป็นอย่างนั้นจะได้ปรับปรุง เราจะไปโกรธเขาทำไม ถ้าไปโกรธเขาก็เรียกว่าเราแพ้ตัวเอง หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 00:53:36 · ใครเป็นคนประคบประหงม ใครเป็นคนเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ใครเป็นคนดูแลให้ความปลอดภัย ผู้นั้นคือ บิดา มารดา · ไม่ต้องรู้อะไรมาก รู้ภายในน้อยๆ ก็ตามคำสั่งสอนน้อยๆ มันก็กว้างออกมาได้รู้ทุกขัง รู้อนิจจัง รู้อนัตตา รู้แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว · สังขารความคิดปรุงแต่ง มันไม่ใช่เรา แต่มันลากเราให้ติดให้ทุกข์ไม่รู้จักจบจักสิ้นเพราะฉะนั้นจงอย่าเชื่อสังขาร · เรียนทางโลก เรียนไปๆ ก็ยิ่งหนาไปเรื่อย ไม่เบาบางได้เลย เรียนทางธรรมเรียนละ ละโลภ ละโกรธ ละหลง ละกิเลสตัณหา มันก็เบาไปๆ จนไม่มีภาระ หมดภาระ · ธรรมะแสดงอยู่ทุกเมื่อ เกิดอยู่เสมอ ผู้มีปัญญาย่อมโอปนยิโก คือ น้อมเข้ามาใส่ตัวเอง น้อมเข้ามาพิจารณาในตัวเอง เมื่อพิจารณามากเข้าก็จะปัจจัตตัง คือ รู้ได้เฉพาะตน · กิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นอันตรายเด้อลูกหลานเอ๋ย เป็นกิเลสอย่างน่ากลัว ร้อนกว่าไฟ ใสกว่าแก้ว บ่มีเขี้ยวกัดกินคน กิเลสมันกัดกินคน เราจะทำตามมันอยู่หรือ เราต้องฝืนมันบ้างสิ อย่าไปตามใจมัน · รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง รู้จักจับ รู้จักวาง รู้ทางพระนิพพาน · บุญกุศลเกิดขึ้นที่ใจเรา ถ้าใจเรามีศีล มีสมาธิ มันก็เกิดปัญญาขึ้นมา ถ้าใจของเราไม่มีศีลไม่มีสมาธิ ไม่มีความมั่นคงอะไรเลย มันก็ไม่เกิดปัญญา ไม่สิ้นสงสัยได้ · ไม่ต้องถามปัญหาอะไรหลาย ไม่มีปัญหาไม่ต้องสงสัยอะไร มีความสงสัยเกิดขึ้น รู้อยู่ อย่าไปตาม ถ้าปล่อยให้มันสงสัย มันก็สงสัยเรื่อยไป รู้เท่าทันความสงสัยก็พอ · อยู่ในผ้าเหลืองเป็นเพศอันสงบ เป็นเพศอันสบาย เป็นเพศอันอุดม ให้รู้จักรักษา รู้จักทำความเพียร ถ้าละความเพียรก็จะเวียนไปหาความมักมาก · ใจมันหยุดนึกหยุดคิด มันสบายจริงๆ ไม่มีเรื่องร้อนมาปรุงตัวเอง นั่งสบาย นอนสบาย เป็นเสรีเต็มตัว กิเลสมันปรุงออกไปมันร้อน พอเห็นหน้ามันมาก็รู้ทันทีพอแล้วๆ ตัวเองสอนตัวเอง รู้เท่าเอาทัน อย่าให้มันปรุง · เมื่อได้อะไรมาก็ว่าของกูๆ ไม่ปล่อยไม่วางได้เลย กอดทุกข์อยู่นั้นแล้ว ปล่อยไม่ได้เลย · จะเป็นพระ เณร อุบาสก อุบาสิกา ที่ดีได้ต้องมี สติสัมปชัญญะ ระลึกได้อยู่เสมอรู้ตัวอยู่เสมอ ต้องฝึกให้ยิ่ง · บวชให้พ่อให้แม่ อย่าทำศีลของเราให้ขาดมันไม่ดี อย่าเห็นแก่ความสนุกสนาน กิเลสมันบังคับไปอย่างนั้นอย่างนี้ จะทำไปตามอำนาจกิเลสมันไม่ถูก อดกลั้นไว้บ้าง · อย่ากินสมอยาก อย่าปากสมเคียด เป็นคำที่หลวงปู่เตือนลูกศิษย์ลูกหาเสมอๆ · เรื่องที่แล้วไปแล้ว มันก็แล้วไปแล้ว จะเอามาคิดอะไรอีก ผ่านไปแล้ว อย่าเอามาคิด จิตจะฟุ้งซ่านขุ่นมัว หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 00:56:21 · ถ้าจิตใจเศร้าโศกไม่เบิกบานร่าเริงแล้วเสียมงคลไปหมด ใจอภัย แต่ถ้าจิตใจไม่เศร้าไม่โศก มีแต่ร่าเริงเกษมสำราญแล้ว เป็นมงคลอย่างยิ่ง · ธรรมดาคนหลงทั้งหลายเขาไม่เคยพอ มีหนึ่งมีสองแล้วเขายังหาเอาใหม่ต่อไปอีกเรียกว่าคนโลภ โลภในกาม ไม่รู้จักเบื่อจักหน่าย เมื่อไหร่ที่มันเบื่อมันหน่ายจะรู้จักเองหรอก โอ! มันทุกข์ขนาดนี้หนอ · แต่งงานแล้วมันสุขหรือทุกข์ มันทุกข์หนักจริงๆ สุขนิดเดียวเอง อุ้มท้องก็ลำบากแสนสาหัส พอคลอดลูกก็แทบล้มแทบตายไป สร้างโลกเรียกว่าสร้างกองทุกข์ · ต้องพิจารณาให้เห็นทุกข์ในโลก เห็นโทษของกามเสียก่อน จึงอยู่สบายในพรหมจรรย์ · มัวแต่พูดสอนคนอื่น ตัวเองยังสงสัยอยู่เลย ยังไม่สิ้นอาสวะ ไม่ดีเท่าไรหรอก · มีสุขอยู่ที่ไหน มีทุกข์อยู่ที่นั่น หาสุขจากกาม หาสุขในโลก จะได้มาจากไหน มันคือการหาสุขในทุกข์ สุขไม่มี ตัวของเราไม่มีในนั้น · การทำความเพียรอย่าหลอกตัวเอง ให้เอาจริงเอาจังกับมัน ว่าจะตั้งก็ต้องตั้งสิว่าจะกำหนดก็ต้องกำหนดสิ ให้สติมันแก่กล้า ทำสัมปชัญญะให้มันแจ้ง · เห็นคนอื่นเห็นสัตว์อื่นมีความสุข เราผู้นั่งดูก็สุขด้วย · หลวงปู่มักนำข้อคิดของคนโบราณมาเตือนว่า ทำดีไว้ให้ลูก ทำถูกไว้ให้หลาน พัฒนาการไว้ให้ชาติบ้านเมือง · ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ที่เราทำกันนั้นมีความหมาย ถ้าทำแล้วกำจัดกิเลสของตัวได้เป็นการดี แต่ถ้าทำแล้วกำจัดไม่ได้ ก็ชื่อว่ามาทำเล่นๆ ไม่ดี · อบรมตัวเองให้รู้จักข้อวัตรปฏิบัติ ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี อะไรที่มันผิดเราก็จะต้องพยายามละ ไม่ทำตามความคิดฝ่ายต่ำของตัวเอง ทำแต่คุณงามความดี · ดูตัวเองสิปัญญาเรามีไหม เราพิจารณาได้ไหม ทำอย่างนี้จะเจริญจริงไหม ทำอย่างนี้จะเสื่อมไหม พิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนเองดู · เราไม่เก็บ ไม่กำ ไม่กอบ ไม่โกย ไม่โกง ไม่กิน ไม่เอาเปรียบผู้ใดเลย แต่ถ้าเราเก็บ กำ กอบ โกย โกง กิน ตัวเองก็มีแต่จะเสื่อม หมดสง่าราศี · เครื่องประดับใดๆ ในโลก ก็สู้ธรรมะไม่ได้ ถ้ามีธรรมะประดับใจตนแล้ว ย่อมเป็นผู้เจริญรุ่งเรืองแน่นอน · ผู้ปฏิบัติต้องฝึกหัดสติกันทั้งนั้นแหละ · อย่าปล่อยสติให้มันเป็นไปตามความชอบใจของมันเอง ทำอะไรก็ให้มีสติทำข้อวัตร ปฏิบัติอะไรก็ให้มีสติอยู่เสมอ จับแก้วก็ให้มีสติ จะวางตรงไหนก็ให้มีสติ ถ้าไม่มีสติ เวลาวางเสียงจะดัง ข้าวของอาจเสียหายได้ ผู้ที่ไม่ปล่อยสติให้เลินเล่อดูแล้วงาม หัวข้อ: Re: - คำสอน หลวงปู่ท่อน ญาณธโร - เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 กันยายน 2553 01:05:09 (http://thummada.com/php_upload/white29.jpg) · ฟังเทศน์ถ้ามีสมาธิในการฟังชื่อว่าเคารพแล้ว อย่าเอาใจส่งไปไร่นาไปที่ไหน ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ได้ยินอยู่ที่หู รู้อยู่ที่ใจ ใช้วิจารณาณอยู่ในตัว คบคิดเนื้อหาอยู่กับตัวนั่นแล เรียกว่าได้ความเคารพ · เห็นเงินหน้าดำ เห็นคำหน้าเศร้า เห็นข้าวตาโต พาโลอยากได้ เป็นคำที่หลวงปู่มักนำมาเตือนพระเณร ไม่ให้ตกเป็นทาสของความโลภ · โกรธเขาเราทุกข์เองนั่นแหละ ถ้าไม่โกรธก็ไม่ทุกข์ สบาย ฆ่าความโกรธได้อยู่เป็นสุข เราจะชนะความโกรธของเขา ด้วยความไม่โกรธของเรา · ไม่เผลอ ไม่หลง ไม่ส่ง ไม่ส่าย ไม่วุ่น ไม่วายกับเรื่องใดๆ ทั้งนั้น ก็สบายแฮ อยู่อย่างนั้น...สบาย · กินหลายบ่หายอยาก (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) นอนมากบ่รู้ตื่น รักคนอื่นกว่ารักตัว สิ่งควรกลัวกลับกล้า (ราคะ โทสะ โมหะ) ของสั้นสำคัญว่ายาว (ชีวิต) · ถ้ามีศรัทธาความเชื่อมั่นแล้ว ทำให้ไม่ลำบากในการบำเพ็ญกุศล เพราะไม่มีสิ่งมากีดขวาง · สัปปายะ ๕ ได้แก่ อาหารเป็นที่สบาย อากาศเป็นที่สบาย เสนาสนะเป็นที่สบาย บุคคลเป็นที่สบาย ธรรมะเป็นที่สบาย ท่านว่าอยู่ได้ มีโอกาสเจริญจิตตภาวนาไปได้สะดวก · เมื่อใจสงบลงไปแล้ว จะเห็นบาปเป็นบาป เห็นบุญเป็นบุญ · ถ้าจะสึก ตัวเป็นโยมแต่ใจเป็นพระได้ไหม มักน้อย ไม่แสวงหา ไม่แต่งตัว ไม่ห่วงหล่อ ห่วงสวย ถ้าไม่ได้ก็อยู่อย่างนี้ดีกว่า (อย่าสึกดีกว่า) · เวลาภาวนา ต้องไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีอะไร เป็นอาการว่างไปหมด แต่ความรู้ไม่ว่างให้ย้อนเข้ามาพิจารณาธรรมะว่า เราตกอยู่ในกองทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เราเป็นผู้รู้ผู้เดียว แม้ที่สุดก็ไม่มีเราในรู้นั้น ไม่ยึดมั่นยึดถืออะไรอีก วางหมด มันเบาไม่หนักแล้ว · ความโมโหพาตัวตกต่ำ อย่าไปโมโหโกรธผู้อื่น มันเป็นไฟ มันจะไหม้หัวใจเจ้าของเอง ถ้าเขาไม่ดีมันเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา · ทำทานแล้วต้องรักษาศีลด้วย เหมือนเอาถ้วยชามมาใส่ของ ใส่อย่างเดียว ไม่ล้างถ้วยล้างชามก็ไม่น่าใช้ · นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ทำใจให้เป็นไปอย่างนั้นเด้อ · ขันธ์ทั้งห้าเป็นภาระอันหนัก ต้องรู้จักวาง รู้จักเฉยซะ หากเราวางได้ จะเบากายเบาใจอย่างยิ่ง · ถ้าท่านรู้ตัวท่านดีกว่าท่านไม่ได้ผิด ก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นจะต้องหวั่นไหวอะไรเลย ต่อให้คนทั้งโลกจะชี้หน้าว่าผิดแม้ตัวผมเอง (หลวงปู่ชี้นิ้วเข้าหาหลวงปู่ก็ไม่ต้องหวั่นไหว) · ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ทำอย่างไรกับเรา อย่าหวั่นไหว เฉยไว้ก็ดีเองๆ · เห็นธรรม คือ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำอย่างไรเราจะพ้นจากกองทุกข์ เห็นว่าของทุกอย่างไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา แม้ร่างกายที่อยู่ร่วมกันก็ไม่ใช่เราเลย มันอยากเจ็บมันก็เจ็บ มันอยากแก่มันก็แก่ มันอยากตาย มันก็ตาย ห้ามมันไม่ฟัง ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นไม่กลัวตาย ตายเมื่อไรช่างมัน ทำความดี...ดีกว่า คำสอนหลวงปู่ท่อนนี้ได้มาจากหนังสือเล่มเล็กๆ ซึ่งได้รับแจก ชื่อว่า บันทึกธรรมจากหลวงปู่ -ได้จากบ้านผดุงธรรม แถวแจ้งวัฒนะ (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSqtC6no-etBJFM_LE-6oqZpxqe6WMYA9-phlZSBRmCWYomS3M&t=1&usg=__edKdylMhYVktm0jTYqgiqpvFJ_0=) ที่มา http://www.dhammajak.net/ (http://www.dhammajak.net/) http://variety.thaiza.com/ธรรมโม+33+1.html (http://variety.thaiza.com/ธรรมโม+33+1.html) http://www.tairomdham.net/index.php/topic,1562.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,1562.0.html) |