[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 03 กรกฎาคม 2556 17:26:39



หัวข้อ: ของขลังจากสัตว์และธรรมชาติ มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 กรกฎาคม 2556 17:26:39
.

เครื่องขลังจากสัตว์
มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก

เครื่องรางที่มนุษย์เรานำมาจากสัตว์ ส่วนใหญ่ถือเป็นของ “ทนสิทธิ์” มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก

ครูบาอาจารย์บางท่านเล่าไว้ว่า เหตุที่สิ่งกายสิทธิ์เหล่านี้ไปเกิดอยู่กับตัวสัตว์นั้น เนื่องมาจากในอดีตชาติสัตว์เหล่านั้นผ่านการบำเพ็ญเพียรภาวนา หรือเป็นผู้มีวิชาอาคม เป็นผู้มีฤทธิ์ แต่วิบากกรรมนำพาให้ต้องมาเกิดเป็นสัตว์ในชาติภพนี้ ฤทธิ์อภิญญาที่ติดตัวมาแต่ชาติปางก่อน จึงทำให้อวัยวะบางส่วน อาทิ เขี้ยว เขา กลายเป็นของขลังคุ้มครองสัตว์นั้นๆ

เรื่องนี้นำมาเล่าเพื่อบันทึกไว้ในฐานะของเรื่องราวแปลกๆ ที่นับวันจะสูญหายไปจากสังคมไทย มิได้ต้องการให้ท่านผู้อ่านไปเสาะหาสิ่งเหล่านี้มาครอบครอง เพราะนอกจากจะถูกหลอกให้ซื้อของปลอมแล้ว ของขลังประเภทนี้ หลายๆ ชนิดยังได้มาด้วยการเบียดเบียนสัตว์ อีกทั้งยังผิดกฎหมายอีกด้วย

ของขลังจากสัตว์มีหลายประเภท ดังนี้

(https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTy1o6wd1e14CBlas4wRPwm5sSg32PWalPWmetOKvjiTkzldvuH_g)  ไม้ไก่กุก  
      ไม้ไก่กุก  
บรรพชนของเรามีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ  ท่านจึงสังเกตเห็นพฤติกรรมของไก่ตัวผู้  นอกจากจะสามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียได้ครั้งละเป็นฝูง ปกครองได้อย่างไม่มีปัญหาให้ยุ่งยากอย่างคนแล้ว มันยังมีเชิงเจ้าชู้ในการเกี้ยวพาราสีขั้นเทพ คือนอกจากจะตีปีกโก่งคอขันประกาศศักดาความเป็นเพศผู้แล้ว  ไอ้โต้งยังมีเล่ห์กลอีกประการหนึ่งในยามที่ตัวเมียหนีไม่ยอมให้ขึ้นทับผสมพันธุ์ มันจะแสร้งทำเป็นคุ้ยเขี่ยหาอาหาร แล้วคาบเศษไม้ขึ้นมาดั่งว่าพบเจอหนอนแมลง เมื่อตัวเมียเข้ามาใกล้หมายใจจะได้ส่วนแบ่ง  เจ้าโต้งก็จะทิ้งไม้นั้นให้ตัวเมีย

ครั้นตัวเมียเผลอตัวจิกเศษไม้  เจ้าโต้งก็จะใช้โอกาสนั้นเข้าเผด็จศึกทันที

คนโบราณท่านจึงเก็บเอาเศษไม้ที่ว่า มาทำเป็นของขลังทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม  พูดง่ายๆ ก็คือทำให้สาวรักสาวหลง จีบใครก็ได้ผลดังใจทุกรายไป  บางท่านว่าหากเป็นไม้ไก่กุกของไก่แจ้จะยิ่งขลัง เพราะไก่แจ้นั้นขึ้นชื่อนักในเรื่องของความเจ้าชู้

บางตำราท่านก็ว่าไม้ไก่กุกนั้นยังมีอีกประเภท คือ ท่อนไม้หรือตอไม้ที่เจ้าโต้งใช้เป็นที่ประจำในการขึ้นไปเกาะโชว์ตัว และจิกไม้นั้นดังกุกๆ เป็นการเรียกไก่สาว  ให้นำไม้นั้นมาทำเป็นของขลัง โดยมากจะนำมาแกะสลักเป็นปลัดขิกพกคาดเอว


(http://images.thaiza.com/172/172_20090305135831..jpg)  เขี้ยวเสือกลวง  
     เขี้ยวเสือกลวง  
เสือเป็นเจ้าป่า  ขึ้นชื่อในเรื่องเดชะ ตบะ พละ มีอำนาจความกล้าหาญเป็นที่หนึ่ง คำโบราณท่านว่า “จะดุต้องดุให้เหมือนเสือ อยู่ในกรงคนยังกลัว”  หนังหน้าผากเสือนิยมนำไปลงยันต์ม้วนทำตะกรุด  เล็บและเขี้ยวนำไปปลุกเสกแขวนห้อยคอและเป็นของขลังเด่นทางด้านคงกระพันชาตรี  มนุษย์แลภูตผีสยบเกรงบารมี  หนวดเสือพวกไว้เป็นที่เกรงขาม นำไปปรุงเป็นยาสั่งยาพิษได้ แม้กระทั่งรูปลักษณ์ของเสือก็นิยมนำไปเขียนเป็นแผ่นยันต์หรือสักลงบนผิวหนัง ที่โด่งดังเป็นตำนานก็เช่น ยันต์เสือเผ่น ของ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ (มรณภาพแล้ว)

ในที่นี้จะขอเล่าถึงเขี้ยวเสือ ซึ่งโดยปกติด้านในจะตัน แต่เขี้ยวเสือที่มีความพิเศษคือ ด้านในกลวงตั้งแต่รากฟันไปจนเกือบถึงปลายเขี้ยว ถือเป็นของทนสิทธิ์หายาก  ได้รับการกล่าวขวัญคู่กันกับเขี้ยวตันของหมูป่าว่า เขี้ยวหมูตัน-เขี้ยวเสือกลวง  หรือบางท่านก็เรียกว่า เขี้ยวเสือโปร่ง  ส่วนเขี้ยวหมูป่านั้นปกติด้านในจะมีรูกลวงตั้งแต่รากฟันขึ้นไปย่างน้อยครึ่งเขี้ยวหรือเกือบถึงปลายเขี้ยว หากเขี้ยวซี่นั้นด้านในตัน ก็ถือเป็นของทนสิทธิ์

ทั้งเขี้ยวเสือตันและเขี้ยวเสือกลวงนั้นมีฤทธิ์อำนาจยิ่งนัก  สัตว์นั้นย่อมฆ่าไม่ตาย ยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า แต่หากถึงวันตายตามวิบากกรรม สัตว์นั้นก็ย่อมถูกสังหารผลาญชีวิตได้ และผู้ได้เขี้ยวนั้นมาครอบครองต้องพึงตระหนักว่าในวันตรงกับวันที่สัตว์นั้นตาย (จันทร์, อังคาร, พุธ ฯลฯ) เขี้ยวนั้นก็จะไม่ขลังในวันนั้นเช่นกัน

หรือหากเป็นผู้มีบุญวาสนาต้องพานกัน ก็อาจพบซากเสือที่มีเขี้ยวกลวงและเก็บเอาเขี้ยวเสือกลวงนั้นมาได้  ซึ่งในกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นของคู่บุญ ไม่ต้องเกรงอาถรรพณ์หรือบาปกรรมใดๆ

เขี้ยวเสือนั้นครูบาอาจารย์ท่านมักนำมาแกะสลักเป็นรูปเสือนั่ง ลงอักขระ ปลุกเสก ในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ตำบลบางเหี้ย (ตำบลคลองด่านในปัจจุบัน) สมุทรปราการ เป็นเกจิที่มีชื่อเสียงเรื่องปลุกเสกเขี้ยวเสือ มีตำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปทำพิธีเปิดประตูน้ำที่คลองบางเหี้ย หลวงพ่อปานได้นำเขี้ยวเสือที่แกะสลักเป็นรูปเสือใส่พาน แล้วให้เด็กอายุราว ๗-๘ ขวบ (บางตำนานว่าเป็นเณร)  ถือพานที่ใส่เขี้ยวเสือเดินตามหลังท่านไป เมื่อถึงที่ประทับของรัชกาลที่ ๕ หลวงพ่อได้เรียกเอาพานใส่เขี้ยวเสือ แต่เด็กบอกกับท่านว่า “เสือไม่มีแล้ว มันกระโดดน้ำไปหมดแล้ว” (บางตำนานว่าเด็กทำหล่นน้ำ)  หลวงพ่อปานจึงเอาหมูที่ทำขึ้นจากดินเหนียวเสียบไม้ (บางตำนานว่าใช้เนื้อหมูสดผูกเชือก) แกว่งล่อเอาเสือขึ้นมาจากน้ำต่อหน้าพระพักตร์ เสือนั้นก็กัดติดหมูขึ้นมา...

และมีความอยู่ตอนหนึ่งจากพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสมณฑลปราจิณ  ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนิพนธ์ถึงหลวงพ่อปานไว้ดังนี้

“พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้นิยมกันในทางวิปัสสนาและธุดงควัตร... คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือ ให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ ข่าวที่ร่ำลือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเสกต้องใช้หมูมาล่อ ปลุกเสกเป่าเข้าไปเมื่อไรเสือนั้นจะกระโดดลงไปในเนื้อหมูได้...”


หัวข้อ: Re: ของขลังจากสัตว์ มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 กรกฎาคม 2556 17:35:19
.
(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRb--d7oQifL9sm7RtN1vqG9acvMw8mGD6K2xsQQsP9U34S8zGM)  เขี้ยวหมูตัน
      เขี้ยวหมูตัน
เชื่อกันว่า เขี้ยวหมูตันนั้นจะพบได้ในหมูท่อกหรือหมูป่าโทนที่ออกหากินเพียงลำพังไม่รวมฝูง บางตำนานกล่าวขานกันพิสดารถึงขนาดว่าหมูนั้นเป็นพญาหมู ไม่ต้องออกหาอาหารกินเอง มีนางหมูป่าและบริวารคอยปรนนิบัติหาอาหารให้ ซึ่งออกจะเกินจริงไปมาก

เขี้ยวหมูตันนั้นขึ้นชื่อเรื่องมหาอุด คงกระพัน ของมีคมไม่กล้ำกราย มีผู้เลื่อมใสเสาะหากันนัก ในวงการของขลังจึงมีของปลอม ของทำเทียมออกมามากมาย ดังที่กล่าวไว้ว่าเขี้ยวหมูปกตินั้นด้านในจะกลวง (ด้านในเป็นเนื้อรากฟัน)  ช่วงกลางไปถึงปลายจะเป็นเนื้อฟัน ผู้ค้าบางรายจึงนำมาตัดช่วงโคนออก เหลือแต่ช่วงที่ตัน แล้วกุตำนานว่าหมูเขี้ยวตันนั้นดุร้าย ขวิดต่อสู้และลับเขี้ยวอยู่เป็นนิจจนเหี้ยนสั้นกว่าเขี้ยวหมูปกติ

ผู้ค้าบางรายนำสารบางอย่าง (เช่น ยิปซั่มสำหรับอุดฟัน, ผงกระดูกผสมกาว) มาอุดโพรงในเขี้ยวหมูธรรมดาให้ทึบตัน บางรายใช้วิธีเลี่ยมห่อหุ้มอุดโคนด้วยโลหะ หรือถักลวด ถักเชือกทับจนมองไม่เห็นโคนเขี้ยว แล้วทำให้ดูเก่าด้วยวิธีต่างๆ  บางรายนำสารบางอย่างที่คล้ายเนื้อฟันมาหุ้มห่อโคนเขี้ยวเป็นตุ้มตรงปลายดังดอกเห็ดตูม และอ้างว่าของแท้ต้องมีรูปลักษณ์เช่นนี้ บางรายหล่อเรซินเป็นเขี้ยวหมูตัน


(http://www.pralanna.com/img/ir/rimg1488.jpg)  ช้องหมู
      ช้องหมู  
มีตำนานเล่าลือกันมาก แต่น้อยนักที่จะได้เห็นของจริง หรือจะมีอยู่จริงหรือไม่ ผู้เขียนก็ไม่อาจยืนยัน  ช้องหมูนั้นกล่าวกันว่าเกิดจากการที่หมูป่าที่มีตบะอำนาจมากได้กัดเอาขนขวัญมาอมไว้ในปาก (บางตำราว่าขนเพชร หมายถึงขนลักษณะพิเศษ มีสีขาวหรือขนาดผิดปกติ ซึ่งอยู่บริเวณใดของร่างกายก็ได้ เช่น หนุมาน ก็มีกุณฑล  ขนเพชร เขี้ยวแก้ว เป็นสำคัญ  ต่อมาคำว่าขนเพชรถูกใช้เป็นศัพท์สแลง จนภายหลังใช้กันไปผิดๆ ว่าเป็นขนบริเวณอวัยวะเพศ)  

โดยขนนั้นจะเกาะตัวกันเป็นวงกลมแบบกำไล หรือเป็นก้อนกลม  หมูป่าจะอมขนขวัญนี้ไว้ในปากตลอดเวลา เว้นแต่เวลากินอาหารหรือดื่มน้ำ พรานจะล่าหมูนี้ได้แต่เฉพาะในเวลาที่หมูป่าคายช้องออกจากปาก  หรือในวันดับของหมูตัวนั้น  ซึ่งการรู้วันดับนี้ทำให้ผู้มีช้องหมูรู้ว่าวันใดช้องหมูจะไม่ขลัง ไม่พึงพกพาช้องหมูไว้คุ้มกายในวันนั้นเป็นอันขาด  ช้องหมูนี้มีอำนาจด้านป้องกันเภทภัย มหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด ซึ่งบางตำนานก็กล่าวว่าช้องหมูเป็นปอยขนพิเศษที่หน้าผาก หรือขนที่โหนกคอ ซึ่งยาวมากจนหมูคาบอมไว้ในปากได้ (ขนบนหลังหมูป่าทั่วไปจะแข็งชี้ตั้งขึ้นเหมือนขนแปรง) บางท่านก็ว่าหมูป่าจะพันขนช้องไว้ที่เขี้ยว


หัวข้อ: Re: ของขลังจากสัตว์ มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 กรกฎาคม 2556 17:44:49
.

(http://www.amulet.in.th/forums/images/4651.jpg) เขากวางหด
      เขากวางหด
เขากวางหดหรือเขากวางคุด เป็นเขากวางที่มีลักษณะผิดปกติ ไม่เติบโตยืดยาวเป็นกิ่งก้าน แต่จะคุดเป็นก้อนปมตะปุ่มตะป่ำอยู่ที่โคนเขา อำนาจปาฏิหาริย์ของเขากวางหดนั้นอยู่ในจำพวกเดียวกับเขี้ยวหมูตัน มักนิยมเสาะหาที่มีจำนวนปุ่มปลายยอดเป็นเลขคี่ เช่น ๓ ยอดหมายถึง ตรีมูรติ  ๕ ยอดหมายถึงพระเจ้า ๕ พระองค์ ๙ ยอด หมายถึงความก้าวหน้า  

กวางนั้นผลัดเขาปีละครั้ง เขาแก่จะหลุดออกไปและมีเขางอกขึ้นมาใหม่ได้ เขากวางคุดจึงออกจะมีโอกาสพบได้ง่ายกว่าเขี้ยวเสือกลวงและเขี้ยวหมูตัน และอาจได้มาโดยไม่ต้องฆ่ากวางนั้น แต่ก็มีผู้นำเขากวางปกติมาตัดเอาเฉพาะโคนเขา ตกแต่งให้เหมือนเขาคุด และที่หล่อจากเรซินก็มีเช่นกัน


(http://www.watkositaram.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=6323.0;attach=32724;image) งากำจัด (งาขจัด) 
      งากำจัด (งาขจัด)
งากำจัด (งาขจัด) หมายถึงงาช้างที่หักคาอยู่กับต้นไม้ ในดินหรือหิน เนื่องจากช้างนั้นใช้งาแทงเปลือกไม้หรือดินโป่งเพื่อกินเป็นอาหาร หรือเกิดจากความคึกคะนองลองกำลังในยามตกมัน หากงานั้นหักจากการที่ช้างต่อสู้กันเรียกว่างากำจาย หรืองากระเด็น  

งาดังกล่าวนี้หากไม่ได้เก็บมาด้วยตัวเองแล้วพูดยาก ว่าเป็นของแท้หรือไม่ อาจเป็นเพียงแค่งาช้างที่เลื่อยตัดออกมาเท่านั้น งากำจัดนอกจากมีอำนาจด้านคงกระพัน เสริมบารมี แก้อาถรรพภ์ แล้วยังเชื่อว่ามีเสน่ห์อีกด้วย


หัวข้อ: Re: ของขลังจากสัตว์ มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 กรกฎาคม 2556 17:57:49
.

(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSL8S2VX6mrdaC-DWKGumpw_pfO9s0Rde92kD1nbaZ3WMtoz7fccA)  นาคบาศ ประเภทกลืนหางของตนเอง

      นาคบาศ
บ่วงนาคบาศในวรรณคดีนั้นมีอยู่ในเรื่องพระสุธนมโนราห์ ในตอนที่พรานบุญใช้นาคบาศจับตัวนางกินรี และปรากฏในเรื่องรามเกียรติ์เป็นชื่อศรของอินทรชิต   สำหรับในทางไสยศาสตร์นั้น นาคบาศมีอยู่หลายประเภท ประเภทแรกคืองูที่กลืนหางของตนเองจนกลายเป็นวงกลม  

(http://www.pralanna.com/img/ib/2877p1.jpg)  นาคบาศ ประเภทกลืนหางของกันและกัน

อีกประเภทหนึ่งนั้นคืองู ๒ ตัว ต่างกลืนหางของกันและกัน   ในตำราโบราณกล่าวว่า หากพบเห็นงูดังว่านี้ ให้ฆ่างูโดยบีบคอหรือใช้ของแหลมแทงยึดหัวงูไว้ให้ติดคาในลักษณะเดิม  นำงูนั้นไปทำพิธีย่างให้แห้ง อาจพันไว้ด้วยสายสิญจน์ หรือบางตำราว่าต้องไปเจองูที่ตายเองแล้วอยู่ในลักษณะกินตัวเองหรือกินกันอยู่จึงบูชาเอามา  

ทางล้านนานิยมทำนาคบาศด้วยโลหะชนิดต่างๆ ปลุกเสกเป็นของขลัง โดยยึดเอาลักษณะที่งูไม่สามารถกินตัวเองได้หมด เป็นเคล็ดว่า กินไม่หมด (ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้)  และมีฤทธิ์ในทางคุ้มครองป้องกันด้วย
งูที่คล้ายกับนาคบาศนี้มีอยู่ในตำนานของชาวอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย เรียกกันว่า Hoop Snake  เป็นงูที่ขดตัวเป็นวงกลม อมหางตัวเองไว้ในปาก และเคลื่อนที่ไปรวดเร็วเหมือนล้อรถ และในหลายอารยธรรมก็มีลักษณะงูกินหางที่เรียกว่า Ouroboros (Uroborus) หมายถึง วงจรที่หมุนเวียนไม่สิ้นสุด



(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTluYhRg0aKs9SLJlt_nKRPxuaVVUF5i-I4MLqsiVpeZ4AAwIlr)  กระเบนท้องน้ำ
      กระเบนท้องน้ำ
 
กระเบนท้องน้ำ หรือหัวกระเบนท้องน้ำ หรือคดกระเบน   ของขลังที่นิยมทางภาคใต้ มีอำนาจด้านป้องกันภัยทางน้ำ คุณไสย ลมเพลมพัด หัวกระเบนท้องน้ำที่นำมาทำของขลังคือ กระดูกของปลาโรนิน ปลาโรนัน และปลากระเบน (ส่วนใหญ่จะมาจากปลาโรนัน ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่าปลากระเบนท้องน้ำ)  เป็นปลากระดูกอ่อนเช่นเดียวกับฉลาม แต่จะมีปุ่มหนามแข็งบนหัวและลำตัว  เชื่อกันว่าเมื่อนำมาทำเป็นหัวแหวน กำไล หรือจี้  ปลายแหลมของหัวกระเบนท้องน้ำจะสามารถงอกยาวขึ้นมาได้อีกเรื่อยๆ


(https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRFuCJLDNOr6iXoUfPHRHlJWDxP9npdG5vzG1c6evwAJqSv_hEruA)  น้ำตาพะยูน
      น้ำตาพะยูน

น้ำตาของพะยูน หรือที่ชาวเลเรียกว่าดุหยงนั้น เป็นของขลังทางเสน่ห์อย่างแรงกล้าเช่นเดียวกับน้ำมันพราย  ซึ่งเนื้อเพลงรองเง็งพื้นบ้านของภาคใต้ก็ยังมีเรื่องราวถึงเสน่ห์จากน้ำตาพะยูนว่า
      ตันหยัง ตันหยง หยงไหรละน้อง เจ้าดอกเหมร
      บังไปไม่รอกเสียแล้วเด ถูกเหน่น้ำตาปลาดุหยง
      คดข้าวสักหวัด คิดถึงน้องรักบังกินไม่ลง
      ถูกเหน่น้ำตาปลาดุหยง บังกินไม่ลงสักคำเดียว

ในสมัยโบราณชาวพื้นเมืองกินเนื้อพะยูน เขี้ยวและกระดูกพะยูนก็มีการนำไปทำของขลัง รวมถึงนำไปปรุงเป็นยาโป๊ว  น้ำมันพะยูนเคยเชื่อกันว่าเป็นยารักษาโรคชั้นเลิศ  ในอดีตการล่าพะยูนนั้นเคยเป็นจารีตและพิธีกรรมความเชื่อของชาวเลชาวเกาะ และชนพื้นเมืองในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี  แม้พะยูนจะเป็นสัตว์สงวนของไทย แต่ในปัจจุบันก็ยังมีข่าวการพบซากพะยูนซึ่งมีรอยแผลถูกตัดเขี้ยวปรากฏให้เห็น

จาก หนังสือต่วย’ตูน พิเศษ  
   
ในอดีตนั้น การล่าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยังชีพและป้องกันภัยจากสัตว์ร้าย แต่ในยุคปัจจุบันวิถีชีวิตคนได้เปลี่ยนไปแล้ว  จึงขอวอนมายังผู้อ่านที่นิยมเรื่องไสยศาสตร์ว่าขอได้โปรดละเว้นการสรรหาเครื่องรางจากสัตว์มาครอบครอง เพราะสิ่งที่คุ้มภัยสร้างเสน่ห์และสร้างความสุขให้กับคนเราได้ดีที่สุดนั้น คือ การคิดดี พูดดี ทำดี ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมและตั้งอยู่ในความไม่ประมาทนั่นเอง



หัวข้อ: Re: ของขลังจากสัตว์ มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 05 สิงหาคม 2556 19:20:47
.

(http://variety.teenee.com/science/img8/74698.jpg)

เครื่องขลังที่ฝังอยู่ใต้ดิน
"ว่านจักจั่น"  
พืชมหัศจรรย์ที่ปรากฏกายเป็นสัตว์

ความลับที่ซ่อนอยู่ในร่างของวัตถุบูชารูปร่างประหลาดที่เรียกกันว่า ว่านจักจั่น  สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ ที่จะดลบันดาลให้มีโชคลาภร่ำรวยจากการสักการะบูชา

เชื่อกันว่า ว่านจักจั่น คือ พืชมหัศจรรย์ เป็นเครื่องรางของขลังที่ฝังอยู่ใต้ดิน ปรากฏกายเป็นสัตว์คล้ายกับตัวจักจั่น หากใครนำไปบูชา จะร่ำรวย ได้โชคได้ลาภ ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง และมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนดังเสียงร้องที่ก้องกังวานของจักจั่น

กระแสความเลื่อมใสศรัทธาในตัวว่านจักจั่น ยังได้รับความนิยม และลุกลามไปทั่วประเทศ ว่านจักจั่นร้อยกว่าตัวถูกส่งมาที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อทำพิธีกรรมปลุกเสก ร่ายมนต์คาถามหานิยมให้มีความแข็งกล้ามากขึ้น จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ทำให้ว่านจักจั่นธรรมดากลับกลายมาเป็นพญาว่านกายสิทธิ์ ทำให้ราคาซื้อขาย พุ่งสูงขึ้น จากหลักสิบ กลายเป็นหลักพันหลักหมื่นในพริบตา

ว่านจักจั่น เกิดจากตัวอ่อนของจักจั่นกำลังลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยแต่ติดเชื้อราจนตาย จากนั้นเชื้อราก็จะเข้าไปกินน้ำเลี้ยงในตัวจั๊กจั่น ซากอัปสปอร์บริเวณหัวทำให้จั๊กจั่นมีลักษณะคล้ายกับพืชที่มีเขา เมื่อสภาพอากาศเหมาะสม สปอร์ของเชื้อราก็จะเจริญเติบโต และแพร่กระจายต่อจักจั่นตัวอื่นๆ ต่อไป

ดังนั้น ว่านจักจั่นจึงเป็นเพียงซากจักจั่นที่มาราแมลงอาศัยอยู่เท่านั้นเอง ราแมลงที่พบในว่านจักจั่นส่วนใหญ่คือ ราสายพันธุ์คอร์ไดเซพ โซโบลิเฟอรา (Cordyceps sobolifera) และพบได้ในพื้นที่ป่าดิบชื้อของไทย ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ราแมลงสามารถเจริญเติบโตได้ดี


หัวข้อ: Re: ของขลังจากสัตว์และธรรมชาติ มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 31 สิงหาคม 2556 05:20:45
.

ตามล่า 'เหล็กไหล' ยอดของขลัง

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/32651522010564_1.jpg)
พิสูจน์ตำนานลี้ลับสุดยอดเครื่องรางของขลังอย่าง “เหล็กไหล”
ณ เขาอึมครึม อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี โดยมีผู้นำทาง
ฝีมือเก๋าระดับวาทสิทธ์ เผ่าพันธุ์แปลก หรือ “ลุงมี”
กลุ่มเจียระไนแร่ธาตุเขาอึมครึม พรานป่าใช้ชีวิตเก็บแร่
ที่เขาแห่งนี้มานานกว่า 40 ปี...


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/75232557538482_NjpUs24nCQKx5e1HT20Z7NitotqWkB.jpg)
ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดเครื่องรางของขลัง ว่ากันว่า “เหล็กไหล” เป็นโลหะธาตุ
ที่มีตำนานลี้ลับพิสดาร จัดอยู่ในธาตุกายสิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ
ทรงพลานุภาพในการปกป้องคุ้มภัย แคล้วคลาดคงกะพันหนังเหนียว
เมตตามหาอุตม์ พิธีกร หนุ่ม-คงกะพัน แสงสุริยะ จึงอาสาเดินทาง
ไป ณ เขาอึมครึม  อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เพื่อออกตามหา
“เหล็กไหล” โดยมีผู้นำทางฝีมือเก๋าระดับ วาทสิทธ์ เผ่าพันธุ์แปลก
หรือ “ลุงมี” กลุ่มเจียระไนแร่ธาตุเขาอึมครึม อดีตสุดยอดพรานป่า
 ใช้ชีวิตเก็บแร่ที่เขาแห่งนี้มานานกว่า 40 ปี

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/12466676616006_NjpUs24nCQKx5e1HT20Z7NitotqWkC.jpg)
ลุงมี เล่าว่า “แร่ที่ดีที่สุดจะหาได้ที่เขาอึมครึมเท่านั้น
เพราะแถวนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขายาว อากาศเย็น
และมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี เลยเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุชั้นยอด
ส่วนใครที่มีเหล็กไหลไว้ครอบครอง เชื่อกันว่าจะรอดพ้น
จากอุบัติภัยอันตรายต่างๆ รวมไปถึงอาวุธร้ายแรงนานาชนิด
ตัวลุงเองก็เคยผ่านเหตุการณ์เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว
แต่ก็รอดมาได้อย่างน่าอัศจรรย์”


จาก - .thairath.co.th


หัวข้อ: Re: ของขลังจากสัตว์และธรรมชาติ มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 18 พฤศจิกายน 2558 18:24:16
เครื่องขลังจากสัตว์
มีฤทธิ์ในตัวเองโดยไม่ต้องปลุกเสก

(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/7kywachangnam.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/21329609677195_101ac72f32e0b83a0b2b7673bbf9e7.jpg)  งาช้างน้ำ 
      งาช้างน้ำ
ช้างน้ำนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งตำนานป่าหิมพานต์เฉกเช่นเดียวกันกับมักกะลีผล ซึ่งอยู่อีกมิติหนึ่งที่ซ้อนกันอยู่กับโลกมนุษย์หรือจะเรียกว่าแดนสนธยาย่อมได้

มีฤทธิ์อำนาจ : เด่นทางมหาอำนาจราชศักดิ์ สยบศัตรู เมตตามหานิยม เสริมดวง กลับร้ายให้กลายเป็นดี แคล้วคลาด ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ อสรพิษ สัตว์ร้ายทุกชนิด

งาข้างน้ำมีลักษณะคล้ายเขี้ยวเสือแต่เล็กกว่า ไม่ใช่งาช้างน้ำในเทพนิยาย หรือฮิปโปโปเตมัส เป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในทะเลทางฝั่งตะวันตกของประเทศไทย ในอดีตผู้คนมีน้อย พวกชาวน้ำใช้หยวกกล้วยไปวางไว้ริมฝั่ง ในฤดูที่ช้างน้ำคึกคะนองมาพบหยวกกล้วยจะแทงทันที เพราะแทงแล้วไม่เจ็บปวดเหมือนแทงหินหรือพวกปะการัง บางครั้งงาจะหักหรือหลุดติดหยวกอยู่ ชาวน้ำจะได้งาช้างน้ำด้วยวิธีนี้ จึงนำมาเป็นเครื่องรางป้องกันปลาร้าย เช่น ปลาฉลาม โดยเฉพาะใครมีงาช้างน้ำ ช้างป่ากลัวมาก หมอจับช้างจะมีงาช้างน้ำเป็นส่วนมาก


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/78120132245951__3648_3604_3639_3629_3618_.jpg)
      เดือยงูเหลือม
เป็นอวัยวะชนิดหนึ่งที่สามารถงอกออกมาได้ข้างๆรูถ่ายของเสีย ซึ่งจะมีเฉพาะพญางูเหลือมหรืองูที่มีอายุมากเพศผู้เท่านั้น 

มีฤทธิ์อำนาจ : ดีในด้านเสี่ยงโชค ดีในด้านทำมาหากิน โชคลาภ ค้าขายดี ดีในด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม

เป็นของที่มีอาถรรพ์ในตัวเอง ที่เรียกว่าของวิเศษ คนโบราณได้กล่าวขานจวบจนถึงปัจจุบันว่าเดือยพญางูเหลือมเป็นของอาถรรพ์มีอานุภาพที่เร้นลับศักดิ์สิทธิ์เป็นของวิเศษ ผู้ใดมีไว้ครอบครองจะมีโชคมีลาภเข้ามาโดยตลอด ชีวิตรุ่งเรือง ทำมาค้าขายหากินง่ายขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

ซึ่งตามธรรมชาติพญางูเหลือมจะมีเฉพาะเพศผู้และมีอายุมากเท่านั้นถึงจะมี เดือย นับว่าเป็นของที่ทรงคุณค่าหรือวิเศษยิ่งนัก โดยธรรมชาติงูทั่วไปจะต้องเลื่อยออกไปหากิน แต่พญางูเหลือมที่มีอายุมากจะไม่ออกไปหากินเหมือนงูทั่วไปแต่จะออกเดินทางหากอาณาเขตในการนอนรอเหยื่อ  เมื่อพญางูเหลือมหิวอาหารจะมีเดือยงอกออกมาแถวๆ ใกล้รูถ่ายของเสียโดยที่มันจะใช้เดือยนี้วงเป็นอาณาเขตวงกลมรอบๆ ที่มันนอนอยู่ ในวงกลมอาณาเขตนั้นถ้าสัตว์ตัวใดหลงเดินเข้ามาอย่าหวังว่าจะได้เดินออกไปอีก เหมือนโดนคาถาต้องมนต์สะกดงงงวย สัตว์เหล่านั้นจะเดินเข้าไปให้พญางูเหลือมกินแบบสบายๆ  แม้แต่งูตัวเมียก็จะเดินเข้ามาให้ผสมพันธ์อยู่ไม่ขาด

ตำราโบราณได้บันทึกไว้เป็นจารึกว่าเป็นของ “วิเศษ” ยิ่งนัก แต่การที่จะเอามาทำเครื่องรางต้องเอาเฉพาะตัวที่มันตายพรายเท่านั้น (ตายเอง) เดือยพญางูเหลือมถึงจะขลังและทรงคุณค่ายิ่งนัก งูเหลือมเป็นงูชนิดเดียวที่มีเดือย ซึ่งจะมีเฉพาะงูตัวผู้ที่แก่แล้วเท่านั้น เหตุนี้ตำราโบราณจึงบอกว่าเป็นของดีที่วิเศษในตัว แต่การที่จะเอามาจะต้องเลือกเอามาได้เฉพาะตัวที่มันตายพราย คือแก่ตาย หรือตายโหง คือมีอุบัติเหตุ เช่นไฟป่าคลอกตาย เป็นต้น เท่านั้นถึงจะขลัง (ไม่ใช่ว่าไปจับมันมาแล้วฆ่า)

วิธีสังเกตว่าเป็นเดือยงูเหลือมจริง หรือเดือยงูเหลือมปลอมนั้น เพราะว่าเดือยงูเหลือมนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กับอุ้งตีนไก่ จะมีความแตกต่างกันอยู่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นถ้าเป็นอุ้งตีนไก่แล้วพอทุกส่วนมันแห้งสนิทหนังที่อุ้งตีนมันจะเหี่ยวแห้งยุบติดกับกระดูกไก่แนบกันสนิทแทบจะแกะออกไม่ได้ชนิดนี้เรียกว่า ของปลอม ถ้าเป็นเดือยงูเหลือมแท้ๆ มีลักษณะดังนี้ ที่โคนเล็บจะมีเนื้อเป็นก้อนเกาะกันแน่น แม้ว่าจะผ่านการตากแห้งเป็นเวลานานก็ตามมันจะไม่ยุบแห้งติดกระดูกเหมือนอุ้ง ตีนไก่ เล็บจะแข็งปลายยาวแหลม บางเดือยจะโค้งยาวมาก มันอยู่ตรงที่ว่างูเหลือมจะต้องมีตัวขนาดใหญ่มหึมา และกรงอุ้งเล็บของงูเหลือมนี้จะไม่หลุดออกจากกระดูก มันจะฝังอยู่อย่างเหนียวแน่นมาก นี้แหละเรียกว่าของแท้         
   
สรรพคุณ :-
- ดีในด้านเสี่ยงโชค ตามคำโบราณมีอยู่ว่า (สะกดคนที่เล่นการพนันกับเรา) แต่มีข้อแม้ว่าอย่าลุก ถ้าลุกเลิกเล่นได้เลย (แบบฉบับโบราณว่าไว้แบบนั้น) (สะกดคนที่เล่นการพนันกับเรา)                       
- ดีในด้านทำมาหากิน มีลูกค้ามาหาเอง เหมาะแก่งานธุรกิจออนไลน์(เหมือนที่เหยื่อเดินเข้ามาให้งูเหลือมกินเองแบบสบายๆแหล่ะครับ)  โชคลาภ ค้าขายดี                               
- ดีในด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ( เช่นที่มีงูตัวเมียเข้ามาให้ผสมพันธุ์ไม่ขาดนั่นแหล่ะครับ) มีเสน่ห์ในกาย ดึงดู เพศตรงข้าม


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/64438574430015_4d009254b6b54533f344e6cd9a5d2f.jpg)
      กระดูกงูเหลือม
ได้มาจากการที่ปล่อยให้งูเหลือมเน่าเปื่อยจนแห้งเหลือแต่กระดูก แล้วนำเอากระดูกสันหลัง มาทำเป็นเครื่องรางของคลัง เช่น ที่รัดเอว หรือกำไลข้อมือ

มีฤทธิ์อำนาจ : ใช้ป้องกันงูพิษทั้งหลาย  เชื่อกันว่างูเหลือมเป็นราชาของงูมาก่อน จึงใช้ป้องกันพวกงูพิษและแก้เจ็บหลังได้ด้วย


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/4tublak.jpg) (http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/5andkaothongdang.jpg)
      ตับเหล็ก
ทางภาคกลางและทางภาคเหนือ เรียกว่าตับทองแดง เล่ากันว่าตับเหล็กหรือตับทองแดงนี้ จะไม่ไหม้ไฟ คือศพของคนที่มีตับเหล็กนี้ ตับจะไม่ไหม้ไฟ จะเหลือตับเหล็กไว้ให้ถือเป็นของขลังชนิดหนึ่ง

 ตับเหล็ก หรือเคราทองแดงนี้เชื่อกันว่าเป็นของขลังที่สามารถเกิดขึ้นกับร่างกายของคนที่มีอาคมแก่กล้า มีคาถาอาคม เสกว่านยา กินเป็นประจำทำให้ตับเป็นเหล็กหรือเคราเป็นทองแดงใช้มีดโกนไม่เข้าก็มี แต่ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นเองได้ แต่ไม่ได้มีหรือเกิดขึ้นได้กับทุกคน นานๆ จะพบเห็นกันซะที


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/17Hairpeechor.jpg)
      ผมผีช่อ
เกิดจากผมของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนมากจะเกิดขึ้นตรงเหนือท้ายทอย ผมจะช่อกันเอง หวีไม่ไป ตัดไม่ออกมักปล่อยให้ยาวไปข้างหลังคล้ายเปีย หนังจันทร์แก้ว (ชื่อนายหนังตะลุง) เกิดผมผีช่อ จึงมีชื่ออีกชื่อว่าหนังสามเปีย ผมผีช่อมักจะหลุดออกจากหนังศรีษะเอง บางคนติดไปตลอดชีวิต เวลาตายถ้าไม่นอนตายทับผมผีช่อ จะเผาไฟไม่ไหม้ ผมผีช่อใช้บรรจุในถุงผ้าขาว แขวนคอ ป้องกันเวทมนตร์ ภูตผีปิศาจ และศาสตราวุธต่างๆ ได้


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/18hairpeepray.jpeg)
      ผมผีพราย
ได้จากผมของผู้หญิงที่คลอดลูกติดถึงตายเรียกกันว่าตายพรายทั้งกลม ใช้บรรจุในด้ามดาบ ด้ามมีด ด้ามพร้าโอ หรือพร้าลืมงอ จะทำให้อาวุธเหล่านี้มีอิทธิฤทธิ์ สังหารคู่ต่อสู้ที่มีเครื่องรางของขลัง มีเวทมนตร์ฉมังได้


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/19lookkrok.jpg)
      กรอก
เป็นทารกที่อยู่ในท้องแม่นานผิดปกติตัวเล็กขนาดปลายแขน ตายในท้องแม่ คลอดออกมาเรียกว่าลูกกรอก ครอบครัวที่ได้ลูกกรอกถือเป็นโชคลาภสำคัญห่อด้วยผ้าขาว วางบนพาน แล้ววางบนหิ้ง ให้กินเครื่องเซ่น วันละ 3 เวลา มีเครื่องประดับการแขวนผูกไว้บนหิ้ง ลูกกรอกจะให้ฝันบอกเหตุการณ์ได้ล่วงหน้า ป้องกันโจรขึ้นบ้าน เข้าทรงพ่อหรือแม่ บอกยารักษาคนป่วยได้ ยังบอกฉ้ายหวยเบอร์ใครถูกก็นำเงินมารางวัล พ่อแม่กลับมีฐานะดีขึ้นจริงๆ


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/9kangpenlak.jpg)
      เคงเป็นเหล็ก
เคงเป็นรังปลวกชนิดหนึ่ง อยู่ตามต้นไม้ เช่น ต้นมะพร้าว ตัวเล็กกว่าปลวกธรรมดา ก้นสีเหลืองอ่อน ใช้เลี้ยงนกคุ้มได้ดีจะด้วยสาเหตุใดบอกไม่ได้ เคงร้างหรือเคงที่ไม่มีตัวปลวก แล้วบางส่วนกลายเป็นเหล็ก ยังคงสภาพมีรูเล็กๆ เป็นทางเดินของตัวปลวกอยู่ แสนรังหรือล้านรังจะพบมีเคงเป็นเหล็กใช้เป็นเครื่องรางป้องกันศาสตราวุธต่างๆ ได้


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/10kodkanun.jpg)
      คด
ยอดคงกระพัน ในส่วนของพืช เครื่องรางของขลังที่มีผู้นิยมกันมากๆ คือ คด มีลักษณะเหมือนหิน เช่นคดขนุน และคดมะพร้าว ที่มีผู้ต้องการมากคือ คดขนุนที่กลายเป็นหิน ซึ่งจะให้คุณทั้งด้านความคงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหานิยม ปัจจุบันมีผู้ทำของปลอมออกมาโดยเอาหิน เอากรวดสวยๆ มาเจียระไน ตบแต่งเป็นคด หลอกขายกัน


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/11pednakang.jpg)
      เพชรหน้าทั่ง
ลักษณะคล้ายตะกั่วผสมอะลูมิเนียมอยู่ในก้อนหิน เมื่อแตกหินออกมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก หกเหลี่ยม มีขนาดและลักษณะเหมือนกันทุกอัน ใช้ทำหัวแหวนป้องกันศาสตราวุธต่างๆ ได้
 

(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/12mushroom.jpg)
    เห็ดเป็นหิน
บอกไม่ได้ว่าเป็นเห็ดชนิดใด แข็งเหมือนหินแต่ยังสภาพของเห็ดเหมือนเดิม นำมาผูกแขนสะเอวหรือแขวนคอ ป้องกันศาสตราวุธต่างๆ ได้


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/13kafakruk.jpg)
      กาฝากรัก
เป็นกาฝากที่เกิดตามกิ่งไม้รัก ที่ใช้ยางลงรักปิดทอง ชอบขึ้นริมลำคลอง ยางเป็นพิษ นกไม่กล้าจับเกาะกาฝากรักจึงหายาก นำมาทำเป็นลูกประคำร้อยติดกับสร้อยคอ ผู้ชายนิยมทำเป็นอวัยวะเพศชายแขวนสะเอว เป็นมหาเสน่ห์ สตรีเพศหลงรัก ผู้หญิงทำเป็นอวัยวะเพศหญิงแขวนสะเอวหรือบรรจุในกระเป๋าใส่ธนบัตร ขายสินค้าได้คล่อง แม่ค้านิยมกันมาก ลูกค้าติดอกติดใจ ผู้ชายหลงรัก สามีไม่ทอดทิ้ง


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/14kafakmayom.jpg)
      กาฝากมะยม
มักแขวนคู่กับกาฝากรัก ทำให้คนที่พบเห็นเกิดความนิยมชมชอบ และยังเปรียบเสมือนยมทัณฑ์อันเป็นไม้อาญาสิทธิ์ของพระยม ภูตผีปีศาจเกรงกลัว ศัตรูทำร้ายมิได้


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/15kurpee.jpg)
      เขอ
(ขื่อผี) เป็นกิ่งไม้จากต้นเดียวกัน แตกง่ามแล้วกลับไปทาบติดเป็นอันเดียวกัน ใช้ติดที่ประตูบ้านเรือน ผีทุกประเภทไม่กล้าขึ้นเรือน ถ้าผูกแขวนกับตัว ผีกลัวไม่กล้าหลอกหลอน


(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/16H2O.jpg)
      อากาศธาตุ
หรือฟันอาถรรพ์ ของขลังที่หายากอีกอย่างหนึ่ง อากาศธาตุ หมายถึง ฟันคน ที่ฃ ขึ้นอยู่บนเพดานปาก แทนที่จะขึ้นอยู่บนเหงือกเหมือนคนปกติทั่วไป ใครมีฟันแบบนี้ย่อมคงทนต่ออาวุธทั้งปวง ฟันบนเพดานปากนี้จะขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อขึ้นมาแล้วจะไม่ผุไม่กร่อนเหมือนซี่อื่นๆ จะมีความคงทน และอยู่กับเจ้าของไปตลอด และห้ามบอกใคร เพราะอาจจะโดนทุบ และยึดฟันไปทำของขลังได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก horoscope.sanook.com & social.tnews.co.th