หัวข้อ: "วัดตาปะขาวหาย" ฟื้นตำนานการหล่อพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 กรกฎาคม 2556 17:18:17 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/51230220331085_1.jpg) ตำนานการหล่อพระพุทธชินราช วัดตาปะขาวหาย อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ.๑๘๙๘ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏก รัชกาลที่ ๔ ในราชวงศ์พระร่วง เจ้ากรุงสุโขทัย ได้โปรดให้ช่างฝีมือดี กรุงศรีสัชนาลัย ร่วมกับช่างสวรรคโลก เชียงแสนและช่างหริภุญไชย ช่วยกันสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๓ องค์ คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีเถาะ พ.ศ.๑๘๙๘ ได้มงคลฤกษ์ทำพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ และเมื่อแกะพิมพ์ออก ปรากฏว่าพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ทองแล่นติดตลอด องค์พระสวยงาม ส่วนพระพุทธชินราช ทองแล่นติดไม่เต็มองค์ พระองค์จึงรับสั่งให้นายช่าง ร่วมกันทำหุ่นและเททองอีกถึง ๓ ครั้ง ก็ไม่สำเร็จ พระองค์จึงตั้งสัตยาธิษฐาน เสี่ยงเอาบุญบารมีของพระองค์เป็นที่ตั้ง ทั้งทวยราษฎร์พร้อมกันรักษาศีล กาลครั้งนั้น องค์อินทราธิราชเจ้า ประสงค์จะบำเพ็ญกุศลด้วยพระองค์เอง จึงได้จำแลงพระองค์เป็น “ตาปะขาว” รับเป็นนายช่างใหญ่ และได้เริ่มปั้นหุ่นขึ้นใหม่ ครั้นได้มหามงคลฤกษ์ วันพฤหัสบดีขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๑๙๐๐ ได้ประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธชินราช โดยมีองค์ตาปะขาวเป็นเจ้าพิธี ด้วยเทวานุภาพ การเททองครั้งนี้ทองแล่นเต็มองค์บริบูรณ์ตลอดองค์พระ สวยงามมิมีที่ติ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ทรงปีติโสมนัสเป็นล้นพ้น จึงตรัสหานายช่างตาปะขาวเข้าเฝ้าเพื่อพระราชทานรางวัล ปรากฏว่าองค์ตาปะขาวได้เดินเลียบริมแม่น้ำน่านขึ้นเหนือ และได้หายตัวกลับวิมาน ณ บริเวณนี้ พระองค์ได้โปรดให้สร้างวัดขึ้น และพระราชทานตั้งชื่อว่า “วัดตาปะขาวหาย” ในปี พ.ศ. ๑๙๐๐ ไว้เป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ จนถึงทุกวันนี้ คัดจาก ... แผ่นป้ายจารึกในศาลเทพตาปะขาว วัดตาปะขาวหาย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/79668213220106_5.JPG) พระอุโบสถ วัดตาปะขาวหาย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/12120721571975_7.JPG) วิหารเก่า ของวัดตาปะขาวหาย วัดตาปะขาวหาย ฟื้นตำนานการหล่อพระพุทธชินราช วัดตาปะขาวหาย ตั้งอยู่หมู่ที่ ๔ ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สันสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นสมัยสุโขทัยตอนต้น แต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า “วัดเตาไห” เพราะเป็นวัดที่อยู่ในละแวกหมู่บ้านที่ปั้นเตาและไห มีหลักฐานสำคัญได้แก่เตาทุเรียงโบราณ ซึ่งกรมศิลปากรบูรณะซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ยังไม่มีป้ายบอกเส้นทางไปแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว วัดตาปะขาวหาย ตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันออก ริมแม่น้ำน่าน ในอดีตถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลกัดเซาะตลิ่ง จนวัดจมลงในแม่น้ำน่านสองครั้งมาแล้ว หลักฐานคือใบเสมาและใบอุโบสถซึ่งยังจมอยู่กลางแม่น้ำน่าน สมัยก่อนยังไม่ได้ก่อสร้างเขื่อน เมื่อถึงฤดูแล้ง น้ำในแม่น้ำลดระดับ จะแลเห็นใบเสมาและอุโบสถ นอกเหนือจากนั้นยังพบฐานเจดีย์ซึ่งก่อด้วยอิฐเป็นจำนวนมากที่ริมตลิ่งแม่น้ำน่าน ศาสนสถาน ศาสนวัตถุของวัดตาปะขาวหายที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ก่อสร้างขึ้นใหม่และนับเป็นการก่อสร้างครั้งที่สาม (http://www.sookjaipic.com/images_upload/40322946715685_1.JPG) ศาลาช่องฟ้า จุดที่ชีปะขาวหายตัวไป สร้างก่ออิฐถือปูน ทาสีชมพูอมส้ม (http://www.sookjaipic.com/images_upload/14870525979333_2.JPG) ประตูหน้าและหลัง มีรูปปั้นยักษ์ด้านละ ๒ ตน เข้าไปเที่ยวชมในวัดเข้าใจว่าคือศาลาสีชมพูอมส้มคือวิหารเก่าแก่ แต่คุณป้าที่ช่วยกิจกรรมในวัด เล่าว่าสถานนี้ เรียกว่าศาลาช่องฟ้า เมื่อหล่อพระพุทธชินราชเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตาปะขาวเดินเลาะเรียบ ริมแม่น้ำน่านขึ้นไปทางเหนือ เมื่อมาถึงจุดที่ก่อสร้างศาลาช่องฟ้าแห่งนี้ เทพตาปะขาวได้หายตัวไป ซึ่งขณะหายตัวนั้น มีควันขาวหนาแน่น จากพื้นดินเป็นช่องกลวงขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อหมอกควันจางหายไป ก็ไม่ปรากฏมีใครพบเห็นเทพตาปะขาวนั้นอีก (http://www.sookjaipic.com/images_upload/17485929735832_3.JPG) ราหูอมจันทร์ ข้างศาลาช่องฟ้า (http://www.sookjaipic.com/images_upload/95421985371245_8.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/33047087242205_9.JPG) ศาลเทพตาปะขาว ภายในบริเวณวัดตาปะขาวหาย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/43051018814245_6.JPG) ศาลาสวดมนต์ วัดตาปะขาวหาย เป็นศาลาเก่า อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้แล้ว (http://www.sookjaipic.com/images_upload/90284234782059_11.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/22168747377064_16.JPG) |