[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 09 กันยายน 2553 12:37:31



หัวข้อ: ตำนาน แม่พระธรณี หรือ พระแม่ธรณี ลักษณะ การบูชา และความเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 09 กันยายน 2553 12:37:31
ตำนานแม่พระธรณี

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/151/151/images/chomphuwek/chomphuwekjpg.jpg)

คติความเชื่อเรื่องพระธรณีได้เผยแพร่มาจากอินเดียสู่ไทย เนื่องจากอิทธิพลคัมภีร์พระพุทธศาสนา
เป็นส่วนใหญ่ โดยมีความเชื่อเช่นเดียวกับทางอินเดียว่า เป็นเพศหญิง นอกจากนี้ ในพิธีกรรมต่างๆ
อาทิ พิธีการก่อนไปจับช้าง ก็มีการกล่าวบูชาพระธรณีเช่นกัน แต่ความเชื่อถือเกี่ยวกับพระธรณี
ในไทยก็มิได้เป็นที่แพร่หลายนัก ขณะเดียวกัน ยังมีชื่อแม่พระธรณีปรากฏในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง
อาทิ หนังสือเทศน์มหาชาติปฐมสมโพธิกถา ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นต้น โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป
เช่น นางพระธรณี พระแม่วสุนธราพสุธา ซึ่งมีความหมายเหมือนกัน คือ ผู้ทรงไว้ซึ่งทรัพย์สมบัติ
หมายถึงแผ่นดินนั่นเอง

สำหรับชาวไทยทั่วไปจะเรียกกันติดปากว่า แม่พระธรณี บ้าง พระแม่ธรณี บ้าง ตามความนิยม
รูปลักษณะที่เป็นจิตรกรรมของแม่พระธรณีนั้น เป็นเทวดาผู้หญิง ที่มีสรีระรูปร่างใหญ่ หากแต่อ่อนช้อย
งดงาม พระฉวีสีดำ พระพักตร์รูปไข่ มวยพระเกศายาวสลวย สีเขียวชอุ่มเหมือนกลุ่มเมฆ พระเนตร
สีเหมือนดอกบัวสาย คือ สีน้ำเงิน พระชงฆ์เรียว พระพาหาดุจ งวงไอยรา นิ้วพระหัตถ์เรียวเหมือนลำเทียน
มีพระทัยเยือกเย็น ไม่หวั่นไหว พระพักตร์ยิ้มละไมอยู่เสมอ

การสร้างรูปเคารพของพระแม่ธรณี เท่าที่สามารถสอบทานของไทยเรา พบตำราเก่าแก่สมัยอยุธยา
บันทึกเรื่องราวการจัดสร้างนางเทพเทวาที่เป็นรูปแบบแม่ธรณีขึ้นบูชาเพื่อการอำนวยผลทาง
ความมั่นคงและป้องกันสิ่งเลวร้าย ตำรานี้บอกเล่าต่อกันมาว่า ยังเก็บรักษาอยู่ที่ วัดคฤหบดี
กรุงเทพฯ ในด้านภาคอีสาน ก็มีวิชาเฉพาะที่เกี่ยวกับแม่พระธรณีหลายอย่าง เช่น ตะกรุดหัวใจพสุธา
ในสายสมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ แม้ในพิธีเบิกโขลนออกจับช้าง ก็ยังมีมนต์ที่กล่าวอ้างถึง
แม่พระธรณี เช่น “โอมเผนิกเบิกแนกแยกพระกำกวมงวม พระธรณี ทางเส้นนี้ก็เคยล่วงปล่อยทางนี้
เคยเที่ยว โอมสวาหุโนนะโมตัสสะ” ทางภาคเหนือ ก็มีพิธีกรรมเกี่ยวกับแม่พระธรณีอยู่หลากหลาย
และที่นับถือเป็นประเพณี เช่น พิธีบนนางธรณี นอกจากนี้แล้ว ยังมีคติความเชื่อด้วยว่า ในการรบทัพ
จับศึกในสมัยก่อน ก็มีพิธีกรรมหยิบดินที่เหยียบอยู่กลั้นใจว่า “แม่พระธรณีเอ๋ย อยู่หรือยัง
สังขาตังโลกะวิทู” แล้วโปรยบนศีรษะ เชื่อว่าจะพ้นภยันตรายทั้งปวง เพราะมีพระธรณีรักษาอยู่
ประเพณีนี้สืบต่อมาถึงการชกมวยในสมัยก่อน ที่ต้องหยิบดินมา “อาพัดธรณี” ในการเอาชนะคู่แข่งขัน
ซึ่งบางท่านที่ไม่เคยได้ศึกษาเรื่องความเชื่อโบราณ มักตีขลุมเอาว่า ที่ทำเช่นนั้นเป็นการดูว่า
ดินที่เวทีนั้นอ่อนหรือแข็ง จะได้คะเนไม้มวยเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ อันนี้ก็แล้วแต่จะมีมติว่ากันไป
แต่โบราณท่านเชื่อในคุณของแม่พระธรณีนี้ อย่างจริงจังมั่นคง

สำหรับ วิธีอาราธนา หรือ การบูชาแม่พระธรณี อ.ราม บอกว่า มีหลายตำรา เช่น ให้ตั้งนะโม ๓ จบ
ว่า พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วว่า “อิติปิโสภะคะวาสะวาอะระหัง สุคะโตสวาหะ” ๓ จบ
หลังจากนั้นสวดด้วย “ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต
ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตาทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”
อย่างน้อย ๓ จบ แต่ถ้าจะให้ดี ๒๑ จบ เพราะกำลังของแม่พระธรณี คือ ๒๑ คาถาทั้งสองบทนี้
ใช้ได้ตามอธิษฐาน ทำน้ำมนต์แก้คุณเสนียดได้ผลดียิ่ง หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้
อธิษฐานให้อภัยต่อกัน สวดคาถานี้ทำครบ ๗ วัน ฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป แต่อย่า
จองเวรเขาเลย จึงจะมีผล เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง เวลามีเหตุ
ให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า “สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้น
ไปได้เป็นอัศจรรย์ แม่พระธรณีในพุทธประวัติ พระธรณี เป็นเทพมารดาแห่งโลก เพราะเป็นผู้ที่
มีคุณต่อสรรพชีวิตบนโลกนี้ ที่ต้องอาศัยคุณของแม่พระธรณี ในศาสตร์ทางจิตเกือบทั่วทุกมุมโลก
ล้วนคำนึงถึงพลังจากปฐพีนี้เสมอมา





หัวข้อ: Re: ตำนาน แม่พระธรณี หรือ พระแม่ธรณี ลักษณะ การบูชา และความเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 09 กันยายน 2553 12:41:20
แม้ในพระพุทธศาสนาที่ว่าด้วยหลักการและเหตุผล ก็ยังกล่าวอ้างถึงดังปรากฏในปฐมสมโพธิญาณ
ภาพพุทธประวัติตอนที่ แม่พระธรณีบิดพระเกศา เกิดเป็นสมุทรธารา พญามารก็พ่ายแพ้
แก่พระบารมี เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพียร เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านได้ผจญกับเหล่าพวกพญามารทั้งหลาย พญามารได้ออกอุบายต่างๆ นานา เพื่อให้
พระพุทธองค์ทรงเกิดกิเลสตัณหา แต่พระพุทธองค์ทรงไม่ยินดี ยินร้ายต่อพวกเหล่ามาร
ในครั้งนั้น พระแม่ธรณี ทรงแสดงปาฏิหาริย์ ปราบเหล่าพญามาร โดยทรงบีบมวยผมให้น้ำ
ไหลออกมาท่วมพวกพญามารทั้งหลายให้พ่ายแพ้ไป สถานที่ที่พระมหาบุรุษประทับนั่ง
เพื่อทรงบำเพ็ญเพียรทางใจ แสวงหาทางตรัสรู้ ซึ่งอยู่ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น เรียกว่า
"โพธิบังลังก์ " พระยามารกล่าวตู่ว่า เป็นสมบัติของตน ส่วนพระมหาบุรุษทรงกล่าวแก้ว่า
บังเกิดขึ้นด้วยผลแห่งบุญบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาแต่ชาติปางก่อน แล้วทรงอ้าง
พระนางธรณีเป็นพยาน ปฐมสมโพธิว่า "พระธรณีก็มิอาจดำรงกายอยู่ได้... ก็อุบัติบันดาล
เป็นรูปนารี ผุดขึ้นจากพื้นปฐพี..." แล้วกล่าวเป็นพยานพระมหาบุรุษ พร้อมกับบีบน้ำ
ออกจากมวยผม น้ำนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า "ทักษิโณทก" อันได้แก่ น้ำที่พระมหาบุรุษทรงกรวด
ทุกครั้ง ที่ทรงบำเพ็ญบุญบารมีแต่ชาติปางก่อน เป็นลำดับมา ซึ่งแม่พระธรณีเก็บไว้ที่มวยผม
เมื่อนางบีบก็หลั่งไหลออกมา ปฐมสมโพธิว่า "เป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไป
ในประเทศทั้งปวง ประดุจห้วงมหาสาครสมุทร... หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้
ก็ลอยไปตามกระแสน้ำ ปลาสนาการไปสิ้น ส่วนคีรีเมขลชินทร ที่นั่งทรงองค์พระยาวัสสวัสดี
ก็มีบาทาอันพลาด มิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร...
พญามารก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด "