[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 17 กันยายน 2553 20:27:22



หัวข้อ: 讀書集理念意的其中
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 17 กันยายน 2553 20:27:22
(http://www.seesod.com/storage32/22S1vuTtuO1270975799/o.jpg)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/23.wma


ถามอาจารย์ครับ ขณะที่อาจารย์อ่านหนังสือธรรมหรือขณะที่กำลังพูดอาจารย์ตั้งสติไว้ที่ไหนครับ ?

ท่านอาจารย์ ไม่มีตัวตนที่จะตั้งเลยค่ะสติเป็น อนัตตานะค่ะ

ขณะใดสติเกิดรู้ว่าขณะนั้นต่างกับหลงลืมสติ

ถาม ขณะที่เราอ่านหนังสือไปถ้าเกิดเราไม่มีสติเราก็ไม่เข้าใจในเรื่องที่เราอ่าน

ท่านอาจารย์ มิได้ค่ะ เวลาที่อ่านหนังสือเป็นกุศลจิตหรือเป็นอกุศลจิต

(คนถาม)เป็นกุศลครับเพราะเป็นหนังสือธรรม

ท่านอาจารย์ อ่านหนังสือธรรมค่ะ เป็นกุศลจิต อย่างคำว่า พาราณสี เป็นกุศลจิต หรือ อกุศลจิต

(คนถาม)ผมไม่ทราบว่าเป็นกุศลหรืออกุศลเพราะว่าก็อ่านไปอย่างนั้นเอง

ท่านอาจารย์ นี่เรื่องไม่ทราบใช่ไหมค่ะ ก็เป็นเรื่อง{อหิริกะ}เพราะว่าไม่ทราบ

ถัาทราบจึงจะเป็น{หิริ} คือ กุศลจิตนะค่ะเพราะฉะนั้นเรื่องไม่ทราบนี่ก็เป็นเรื่องไม่รู้

จริง ๆ ว่าในวันหนึ่ง ๆ นี้ที่เรียกว่า โลก หรือว่าตัวเราในขณะนี้นั้นก็ไม่พ้นจากทาง

ตาที่เห็น.....ทางกายที่ถูกต้องทางใจที่คิดนึก

เพราะฉะนั้นทันทีที่เห็นทางตานี้มีโลกปรากฏไหมค่ะทางตา

(ถาม)มีครับ

ท่านอาจารย์ แต่ตามความจริงแล้ว สี่งที่ปรากฏทางตาเป็นของจริงอย่างหนึ่ง

ถ้าเป็นผู้ที่อบรมเจริญปัญญาจะรู้ได้จริงด้วย(หิริ)และ โอตตัปปะ ว่าในขณะ

นั้นสี่งที่ปรากฏทางตาเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งแล้วต่อจากนั้นเป็นความคิดทั้ง

หมดเรื่องสี่งที่ปรากฏทางตาและโลก

นี่เฉพาะทางตา เช่นในขณะที่อ่านหนังสือเหมือนกับมีเราแล้วก็มีโลกใช่ไหม

ค่ะแต่ว่าตามความเป็นจริงที่เกิด หิริโอตตัปปะ{สติ}และ ศรัทธา ปัญญา พิจารณา

รู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้นจะรู้ได้ว่าสี่งที่ปรากฏทางตาจะไม่เปลี่ยนแปลง

ลักษณะเลยเมื่อไรก็เมื่อนั้นสี่งที่ปรากฏทางตาก็ปรากฏอย่างนี้วันนี้จะหยิบหนังสือ

ขึ้นมาอ่านก็เป็นสี่งทีปรากฏทางตาพรุ่งนี้จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านก็เป็นสี่งที่

ปรากฏทางตากลับไปรับประทานอาหารลืมตาเมื่อไรก็มีสี่งที่ปรากฏทางตา

เพราะฉะนั้นสี่งที่ปรากฏทางตาไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเลยแต่

ความคิดหลังจากที่เห็นแล้วนี้เปลี่ยนตลอดเพราะฉะนั้นจะเห็นได้นะคะว่าสี่งที่

ปรากฏทางตาเป็นเพียงสี่งที่ปรากฏทางตาแต่ว่าโลกของความคิดของเรากว้าง

ใหญ่กว่ามากเกิดจากสี่งที่ปรากฏทางตาเมื่อไม่รู้ความจริงแต่ถ้ารู้ความจริงขณะใด

โลกก็คือสี่งที่ปรากฏทางตาและความคิดนึกเรื่องสี่งที่ปรากฏทางตาที่เห็น

เท่านั้นเองค่ะ

เพราะฉะนั้นจะบอกว่า(สติ)ตั้งที่ไหนในขณะที่อ่านหนังสือไม่ใช่มีกฏเกณฑ์

นะค่ะแต่ต้องเป็นการฟังเรื่องของสภาพธรรมจนกว่าจะเข้าใจจริง ๆ แล้ว(สัมมาสติ)จึง

จะระลึกได้ถูกต้องแล้วค่อย ๆ น้อมไปพิจารณาว่าเป็นความจริงอย่างนี้ไหมที่คิดว่าอยู่

ในโลกกว้างใหญ่่มีหลายคนความจริงคนเดียวจิตขณะเดียวเกิดขึ้นรู้อารมณ์

ทางตาแล้วดับไปหลังจากนั้นจิตทางใจเกิดขึ้นคิดนึกเรื่องสี่งที่เห็นทางตามากมาย

เป็นเรื่องราวใหญ่โตเพราะฉะนั้นทุกคนนี้ไม่ได้อยู่กับคนอื่นเลยตามความเป็นจริง

แล้วอยู่กับสี่งที่ปรากฏ ทางตาและความคิด

กับเสียง ที่ปรากฏ ทางหูและความคิด

กับกลี่นที่ปรากฏทางจมูกและความคิด

กับรสต่าง ๆ ที่ปรากฏ ทางลิ้นและความคิด

กับสี่งที่กระทบสัมผัสทางกายและความคิด

และแม้ไม่มีสี่งต่าง ๆ เหล่านี้ใจก็ยังคิดถึงรูปเสียงที่เคยเห็นเพราะฉะนั้น

ทุกคนอยู่ในโลกของตัวเองเป็นโลกเล็ก ๆ แต่ว่าในความรู้สึกเหมือนกับว่ามีสี่งต่าง ๆ

มากมายเป็นโลกที่กว้างขวางแต่ความจริงก็คือขณะจิตเดียว

คนถาม ความคิดนี้ก็มีอยู่ตลอดเวลา

ท่านอาจารย์ หลังจากเห็นแล้วก็คิดได้ หรือแม้ไม่คิด ก็คิดถึงเรื่องที่เคยเห็นได้

เพราะฉะนั้นนี่คือโลกตามความเป็นจริงที่จะต้องเข้าใจ

ที่บอกว่า{สติ}ตั้งที่ตรงไหนในขณะที่อ่านคือ ในขณะทีเห็นเหมือนกันค่ะแทน

ที่จะเห็นเป็น ก ข ก็เห็นเป็นเเส้นต่าง ๆ แล้วก็คิดไปในหนังสือที่อ่านมีชื่อของ

คนต่าง ๆ ใช่ไหมค่ะในขณะที่เห็นก็มี่เส้นต่าง ๆ ที่จะทำให้นึกถึงชื่อต่าง ๆ แต่ว่าไม่ได้อยู่

ในกระดาษเท่านั้นเองแต่ก็เป็นเพียงเมื่อเห็นแล้วทางใจก็คิดตามสี่งที่ปรากฏทางตา

เพราะฉะนั้นในโลกของแต่ละคนจะเป็น{กุศล}หรือป็น{อกุศล}ไม่เกี่ยวข้องกันคนอื่น

เลยจะได้ผลของ{กุศล}จะได้ผลของอกุศลกรรรมก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยตาม

ความคิดของแต่ละคนจะคิดว่าคนนั้นจะติเตียนจะคิดว่าคนอื่นจะเกลียดจะคิดว่าคน

อื่นจะรัก ก็คือความคิดของตนเองในเมื่อสี่งที่ปรากฏทางตาก็ดับไปทุกสี่งทุกอย่างที่

ปรากฏจะไม่กลับมาอีกเลยแม้แต่{สี}ที่ปรากฏ ทางตาที่ดับเร็วหรือเสียงที่ปรากฏ

ทาง หู ที่ดับไปแล้วก็จะไม่กลับมาอีกเลยแต่ว่าความคิดเรื่องสีเรื่องเสียง..............เรื่อง

{โผฏฐัพพะ}เรื่องสีต่าง ๆ มากมายในโลกอยู่กับคนมากมายในโลกแต่ตามความเป็น

จริงแล้วอยู่คนเดียวและไม่ใช่สัตว์บุคคลด้วยเพียงชั่วขณะจิตแล้วก็คิด

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้วทีจะไปตั้ง  สติ

นี้เป็นไปไม่ได้เลยเพราะว่าปัญญาไม่เกิดไม่รู้ชัดในลักกษณะของสภาพธรรมนั้น

ตามความเป็นจริงจะคิดถึงใครก็ไม่ใช่จะมีคนนั้นจริง ๆ ค่ะเป็นความคิดเป็นจิตที่เกิด

คิดขึ้นแล้วก็ดับไปเท่านั้เองแล้วถ้าเป็นสี่งทีปรากฏทางตาก็เหมือนกันหมดไม่ว่าจะ

เป็นในห้องนี้จะอ่านหนังสือหรือไม่อ่านหนังสือสี่งที่ปรากฏทางตาจะไม่เปลี่ยนแปลง{แต่ความคิดเปลี่ยน}


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

สำนักงานเลขที่ 174/1 ซอย เจริญนคร 78

ดาวคะนอง ธนบุรี