[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี => ข้อความที่เริ่มโดย: น้ำมนต์ ที่ 24 กันยายน 2556 10:44:19



หัวข้อ: ตำนาน ปนาลี หรือ การ์กอยล์
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำมนต์ ที่ 24 กันยายน 2556 10:44:19
ตำนาน ปนาลี หรือ การ์กอยล์

(http://image.ohozaa.com/i/58f/hSEFzb.jpg)

ปนาลี หรือ การ์กอยล์ (ภาษาอังกฤษ: Gargoyle) ความหมายของปนาลีทางสถาปัตยกรรม
หมายถึงหินที่แกะเป็นรูปอัปลักษณ์ (grotesque)
ยื่นออกไปจากสิ่งก่อสร้างที่มีรางและช่องให้น้ำจากหลังคาไหล ห่างจากตัวสิ่งก่อสร้าง

คำว่า “gargoyle” มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า “gargouille” ซึ่งแปลว่าคอหอย
ซึ่งมาจากภาษาละติน “gurgulio, gula” หรือคำที่มีรากมาจาก “gar” ที่แปลว่า กลืน
ซึ่งคล้ายเสียงน้ำไหลในท่อ

(ตัวอย่าง: ภาษาสเปน “garganta” แปลว่าคอหอย จึงใช้คำว่า “garganta” สำหรับ “gargoyle”)




หัวข้อ: Re: ตำนาน ปนาลี หรือ การ์กอยล์
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำมนต์ ที่ 24 กันยายน 2556 10:46:01

(http://image.ohozaa.com/i/70c/6ABTJ6.jpg)


รูปอัปลักษณ์ที่มิได้ใช้เป็นรางน้ำแต่ใช้เป็นสิ่งตกแต่งตามภาษาสามัญก็ยังเรียกว่า ปนาลี
ถึงแม้ว่าทางสถาปัตยกรรมจะแยกการใช้ระหว่างคำว่า “ปนาลี” และคำว่า “รูปอัปลักษณ์”
ปนาลีจะเป็นคำที่ใช้สำหรับรูปอัปลักษณ์ที่ใช้เป็นรางน้ำ และ คำว่า “รูปอัปลักษณ์”
จะหมายถึงรูปสลักที่มิได้ใช้เป็นรางน้ำ

ปนาลี จะเป็นรูปสลักตามมุมต่าง ๆ ของสถาปัตยกรรมในแบบกอธิคในยุโรป
โดยมากจะสลักเป็นรูปมังกร หรือ ปีศาจในท่วงท่าต่าง ๆ โดยท่าที่รู้จักมากที่สุด
คือ นั่งยอง ๆ ตามองไปทางข้างหน้า





หัวข้อ: Re: ตำนาน ปนาลี หรือ การ์กอยล์
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำมนต์ ที่ 24 กันยายน 2556 10:47:50

(http://image.ohozaa.com/i/ce3/vOFVYR.jpg)


ปนาลี เชื่อว่า เดิมเป็นมังกร ชาวยุโรปในยุคกลางเชื่อว่า การ์กอยล์เมื่อตอนกลางวันจะเป็นรูปสลัก
ตกกลางคืนจะกลายร่างเป็นมังกรบินไปทั่วหมู่บ้านหรือเมืองที่อาศัย
เพื่อปกป้องดูแลมิให้มีสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ เข้ามารังควาน

การ์กอยล์ ปัจจุบันอาศัยอยู่ตามโบสถ์ มหาวิหาร อาคารต่างๆ ของซีกโลกตะวันตก
มหาวิหารดังๆที่โลกรู้จักกันก็มีมังกรการ์กอยล์ อาศัยอยู่ เช่น


(http://image.ohozaa.com/i/a7e/lm6NpO.jpg)
วิหารนอเตรอดาม แห่ง กรุงปารีส (Notre Dame de Paris)

(http://image.ohozaa.com/i/766/psxTgK.jpg)
มหาวิหารนอเตรอ-ดาม แห่ง ดิฌง (Notre Dame de Dijon)

(http://image.ohozaa.com/i/5f6/H3gxZW.jpg)
วิหารแห่งชาติ ณ กรุงวอชิงตัน (Washington National Cathedral)






หัวข้อ: Re: ตำนาน ปนาลี หรือ การ์กอยล์
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำมนต์ ที่ 24 กันยายน 2556 10:52:16

นับว่าเจ้ารูปสลัก การ์กอยล์ เป็นประติมากรรมที่สวยงามชิ้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
และก็ไม่ได้มีไว้ประดับประดาอาคารเพื่อความสวยงามเท่านั้นยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย
นั่นคือ เป็นที่ระบายน้ำฝน

ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่า รูปสลักหน้าตาประหลาด ๆ เหล่านี้มักมีอากัปกิริยาแตกต่างกันไป
แต่จะมีจุดหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ มีช่องทางให้ระบายน้ำได้ ไม่ว่าจะเป็นทางปาก จมูก หู
หรือส่วนอื่น ๆ ของรูปสลักเหล่านี้ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีรูปร่างพิลึกพิลั่นอยู่บ้าง

มากล่าวถึงชื่อที่เรียกว่า การ์กอยล์ กันบ้าง สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า
ลา การ์กุยย์ (La Gargouille) ในภาษาฝรั่งเศส อันมีรากศัพท์มาจาก เกอร์กูลิโอ (Gurgulio)
ในภาษาละติน หมายถึง คอ และ พ้องกับเสียงของน้ำที่ไหลผ่านรางน้ำฝนบนตัวอาคาร
มีตำนานมากมายกล่าวถึงที่มาของชื่อ การ์กอยล์ หรือ ลา การ์กุยย์ นี้

แต่ตำนานเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คือ ตำนานอันเก่าแก่ของฝรั่งเศส ที่เล่าขานกันว่า
ประมาณ ศตวรรษที่ 7 ณ หมู่บ้านรูออง (Rouen) ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส
มีมังกรไฟตัวหนึ่งซึ่งมีนิสัยดุร้ายอาศัยอยู่ในถ้ำใกล้ริมแม่น้ำแซน (Seine)
เจ้ามังกรตัวนี้ยื่นคำขาดให้ผู้คนในหมู่บ้านส่งหญิงพรหมจรรย์มาสังเวยมันทุกปี
มิฉะนั้นมันจะพ่นไฟให้ทั้งหมู่บ้านจมอยู่ในกองเพลิงภายในพริบตา
ด้วยความกลัว ชาวบ้านจึงจำต้องส่งหญิงสาวไปให้มันทุกปี หากปีใดไม่สามารถหาสาวบริสุทธ์ได้
ก็จำต้องส่งนักโทษไปแทน แน่นอนว่าเจ้ามังกรตัวนี้ไม่พอใจอย่างยิ่ง
ดังนั้นมันจะมาบินวนรอบ ๆ หมู่บ้านพร้อมกับพ่นไฟและ ส่งเสียงขู่คำรามในลำคอ
อันเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกเจ้ามังกรตัวนี้ว่า ลา การ์กุยย์
ชาวบ้านรูอองต้องหวาดกลัวเจ้ามังกรพ่นไปตัวนี้เป็นเวลานาน

จนกระทั่งวันหนึ่ง นักบวช เซนต์ รูมานีส์ (Saint Romanis) ได้มาเดินทางเยือนหมู่บ้านแห่งนี้
เมื่อได้รับรู้ชะตากรรมของชาวบ้าน ท่านก็เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ โดยมีข้อแม้ว่า
หากท่านปราบมังกรตัวนี้ได้ ชาวบ้านจะต้องสร้างโบสถ์ให้ท่านหนึ่งหลัง
ซึ่งชาวบ้านก็ตกลงรับเงื่อนไขนี้โดยดี (โบสถ์หนึ่งหลังแลกกับไปฆ่ามังกร คุ้มครับคุ้ม)

(http://image.ohozaa.com/i/0be/9hmrHz.jpg)

ท่านนักบวชได้เดินทางไปยังถ้ำมังกรโดยไม่มีอาวุธใด ๆ นอกจากไม้กางเขนและศรัทธาต่อพระเจ้าเท่านั้น
แต่กระนั้น ท่านก็สามารถสยบเจ้ามังกรร้ายตัวนี้ได้ และนำมันกลับมายังหมู่บ้าน
ชาวบ้านรูอองรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขเสียที
หลังจากต้องหวาดกลัวมังกรร้ายมาตลอดเวลา

ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่ามังกรไฟ ลา การ์กุยย์ นี้จะไม่สามารถกลับมาทำร้ายใครได้อีก
ชาวบ้านจึงจับมังกรนี้มัดและเผามันทั้งเป็น แต่เนื่องจากเจ้า ลา การ์กุยย์ เป็นมังกรพ่นไฟ
เพลิงจึงเผาผลาญทุกส่วนของมัน ยกเว้น หัวและคอ ซึ่งไม่ว่าใช้วิธีใดก็ไม่สามารถทำลายมันได้
ดังนั้น เมื่อชาวบ้านสร้างโบสถ์ให้นักบวช แซงต์ รูมานีส์ ตามสัญญา
นักบวชเลยแนะนำให้เอาหัวมังกรไปประดับไว้กับตัวโบสถ์เพราะเจ้ามังกรตัวนี้มีอำนาจศักด์สิทธิ์
ดังนั้นมันจะสามารถขับไล่มิให้ภูติผีปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ เข้ามาใน ตัวโบสถ์ได้
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การนำเอารูปสลักสัตว์หน้าตาประหลาดต่าง ๆ
มาประดับโบสถ์วิหารก็กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาในยุโรป
และเมื่อชาวยุโรปได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา ก็ได้นำประติมากรรมประหลาดนี้ไปด้วย
ดังนั้น ตามวิหารหรืออาคารจำนวนไม่น้อยในสหรัฐอเมริกาจึงประดับด้วยรูปสลักการ์กอยล์นี้เช่นกัน



ที่มา CMXSeed