[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 ตุลาคม 2553 10:43:46



หัวข้อ: {恐怖 パパニコロウ}หิริโอตัปปะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 ตุลาคม 2553 10:43:46
(http://lh3.ggpht.com/_0PApGu2nb30/TLMlJSYSYnI/AAAAAAAAA4s/0DLrCed6EyY/PA11001-6.jpg)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/17.wma


หิริโอตัปปะ นั้น เรียกรวมกันว่า ความละอายและความเกรงกลัวต่อบาป ถือว่าเป็นธรรมะสำคัญ ต่อการใช้ชีวิต อยู่ร่วมกันของคนในสังคมนี้มาก เพราะบุคคลที่ไม่ละอายแก่ใจต่อการกระทำผิด ไม่เกรงกลัวต่อผล ของการกระผิดแล้วนั้น บุคคลนั้น สามารถทำสิ่งเลวร้ายได้ทุกชนิด สามารถสร้างความเดือดร้อน ความเสียหายให้แก่ตนเอง และผู้คนในสังคมได้ไม่หยุดหย่อน เพราะเหตุนี้ โลกนี้ สังคมนี้ ต้องการธรรมะสองข้อนี้ปกป้องคุ้มครอง เรียกได้ว่า เป็นธรรมโลกบาล หรือ ธรรมะที่คุ้มครองโลก เลยทีเดียว

{หิริ} หรือความละอายแก่ใจในการทำบาป หากหิริเกิดขึ้น สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ความชั่วชนะใจ เพราะมีความละอายที่จะคิด จะพูด หรือจะกระทำ ความชั่วเหล่านั้น หิริเกิดขึ้นได้จากการอบรมเลี้ยงดู ฝึกฝนตนเอง การคำนึงถึงชาติ วงศ์ตระกูล คนในสมัยโบราณอบรมเลี้ยงดูลูกหลานให้เกรงกลัวต่อบาป ด้วยการเล่าถึงนรก ยมบาล และการลงฑัณฑ์ในอเวจีขุมต่างๆ ทำให้คนเกรงกลัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรืองมงาย หากเรื่องเล่าเหล่านี้ สามารถคุ้มครองสังคม ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขได้ ผิดกับสังคมอุดมปัญญา ที่หาความละอายใจแก่บาปของคนในสังคมไม่ได้

{โอตัปปะ} หรือ ความเกรงกลัวต่อบาป หากคนกลัวแต่กฎหมาย ไม่กลัวกฏแห่งกรรม สังคมนี้จะมีแต่คนหากินกับ การหาช่องโหว่ทของกฏหมาย โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เหมาะสม สังคมควรมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ คือคนในสังคมควรยกย่องผู้กระทำดี มีศีลธรรม และตำหนิผู้ประพฤติชั่ว ไม่ใช่ยกย่องผู้มีเงิน มีอำนาจ โดยไม่สนใจที่มาของเงิน และอำนาจเหล่านั้น ซึ่งหากสังคมให้ยอมรับผู้มีศีลธรรม เป็นสำคัญ สังคมนั้นก็จะสงบร่มเย็น

ธรรม ๔ อย่าง ควรเจริญ เป็นไฉน

ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ คือ................................................

ภิกษุในธรรมวินัยนี้

พิจารณาเห็นกายในกาย ๑

พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา ๑

พิจารณาเห็นจิตในจิต ๑

พิจารณาเห็นธรรมในธรรม ๑

ธรรม ๔ อย่างเหล่านี้ควรเจริญ

ท่านอาจารย์..............ถ้าอีกขั้นหนึ่งก็คือ {หิริ - โอตตัปปะ}

ขณะใดทึ่สติปัฏฐานเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ

ขณะนั้นก็เป็น หิริโอตัปปะ ของขั้น อบรมเจริญ ปัญญา

เพื่อที่จะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท

แต่ถ้าใครยังไม่เห็นกำลังขอ อหิริกะอโนตตัปปะ คนนั้นก็คงจะคิดว่า

ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครเลยมีชีวิตวันหนึ่งๆเป็นสุขสบายดี

เพราะฉะนั้นก็ไม่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมเพื่อที่จะศึกษาให้ประจักษ์แจ้ง

ในสภาพธรรมที่ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน



หัวข้อ: Re: {恐怖 パパニコロウ}หิริโอตัปปะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 ตุลาคม 2553 10:48:17
(http://lh3.ggpht.com/_0PApGu2nb30/TLMlJSYSYnI/AAAAAAAAA4s/0DLrCed6EyY/PA11001-6.jpg)


เพราะฉะนั้นวิริยารัมภกถาที่จะให้เกิดความเพียร ที่สติจะระลึกลักษณะของสภาพ

ธรรมคือชี้แจงให้เห็นโทษของอกุศลและให้เห็นกำลังของอกุศลซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่า

ตลอดทั้งวันและตลอดทั้งคืนด้วยติดตามไปถึงความฝันกลางวันก็เต็มไปด้วยอกุศล

แล้วน่ะค่ะเวลาที่เห็นที่ได้ยิน - รู้สี่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ทางใจนอนหลับพักผ่อน

แล้ว{อหิริกะอโนตตัปปะ}ก็ยังติดตามไปถึงความฝันด้วยมีใครไม่ฝันบ้างไหมค่ะพระ

อรหันต์ไม่ฝันเพราะฉนั้นผู้ที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ฝันเพราะว่ายังมี{อหิริกะ - อโนตตัปปะ}

เวลาฝันนี้เป็นโลภะมูลจิตบ้างโทสะมูลจิตบ้างใช่ไหมค่ะใครที่ฝันเป็นกุศลได้ทุกคืน ๆ

หรือว่าในฝันเรื่่องหนึ่งซึ่งคืนหนึ่งนี้ฝันหลายเรื่องแล้วในฝันเรื่องหนึ่ง ๆ นี้เป็นกุศล

กี่ครั้งหรือว่าฝันด้วยอกุศลท้งนั้นตื่นเต้นสนุกสนานเป็นเรื่องเป็นราวต่าง ๆ ถึงสี่งที่เห็น

มาแล้วบ้างหรือว่าเคยลี้มรสมาแล้วต่าง ๆ เหล่านั้นเพระฉะนั้นก็จะเห็นได้น่ะค่ะว่า{อหิริกะ

อโนตตัปปะ}นอกจากจะมีมากในเวลากลางวันแล้วก้ยังติดตามไปจนถึงกลางคืนแม้ใน

ขณะที่กำลังพักผ่อนหลับนอนด้วย  

มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง ท่านก็อยากปฏิบัติมากเหลือเกิน ซึ่งก็คงจะไม่ใช่ท่านผู้ฟังท่าน

นี้ท่านเดียว ก็คงจะมีอีกหลายท่านทีเดียวที่อยากจะข้ามธรรมทั้งหมดเพื่อที่จะปฏิบัติ

เสียที ๆ รู้สึกว่ามีความตั้งใจรีบร้อนที่จะปฏิบัติ แต่ว่าถ้าการปฏิบัตินั้นไม่ใช่เพื่อรู้จักตัวเอง

ตามความเป็นจริงจะมีประโยชน์ไหมไม่รู้ว่าอกุศลเกิดในขณะไหนบ้างกุศลเกิดในขณะ




หัวข้อ: Re: {恐怖 パパニコロウ}หิริโอตัปปะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 ตุลาคม 2553 10:51:49
(http://lh3.ggpht.com/_0PApGu2nb30/TLMlJSYSYnI/AAAAAAAAA4s/0DLrCed6EyY/PA11001-6.jpg)


ไหนบ้างวันหนึ่งมีกุศลมากหรืออกุศลมาก ถ้าไม่รู้อย่างนี้

แล้วอยากจะปฏิบัติทันทีโดยไม่รู้อะไรทั้งหมด ในเรื่องของสี่งที่

ปรากฏทางตากาย ทางใจ ก็เท่ากับว่าไม่เป็น

การปฏิบัติเพื่อรู้จักตนเองเพราะฉะนั้นจะมีประโยชน์อะไรแต่ถ้าได้ฟังพระธรรม

และการปฏิบัติ ก็คือ{สติ}ระลึกลักษณะของสภาพธรรมทีไม่เคยรู้  

แต่เคยยึดถือว่าเป็นเราและเรี่มเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม

ตามความเป็นจริงขึ้นอันนั้นย่อมเป็นประโยชน์เพราะว่าเมี่อเห็น{อกุศล}

ตามความเป็นจริงย่อมเกิดความละอายความรังเกียจและอบรมเจริญปัญญา

ที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่จะคลาย{อกุศล}จนสมารถที่จะดับได้เป็น

สมุจเฉทเห็นกำลังของ{อหิริกะ - อโนตัปปะ}ไหมค่ะ

วันหนึ่ง ๆ มีมากแค่ไหน

และทุกวันเป็นอย่างนี้ใน{สังสารวัฏฏ์}

เพราะฉะนั้นการที่{อหิริกะและอโนตตัปปะ}จะลดกำลังไปได้

ก็ต่อเมื่อ{หิริ}และ{โอตตัปปะ}มีกำลังขึ้น





หัวข้อ: Re: {恐怖 パパニコロウ}หิริโอตัปปะ
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 14 ตุลาคม 2553 11:14:54

สาธุ อนุโมทนามิ

 (:BYE:) (:BYE:) (:BYE:)


หัวข้อ: Re: {恐怖 パパニコロウ}หิริโอตัปปะ
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 14 ตุลาคม 2553 11:35:28


(http://item.slide.com/r/1/108/i/e3mnHQBn5T8GmnlbgXQ2yYdcTDcpAd6P/)

 (:88:)  (:88:)  (:88:)