หัวข้อ: 明白教日佛法教 बुद्ध के उपदेश เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 21 ตุลาคม 2553 09:06:54 (http://lh5.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TK20JiNp7HI/AAAAAAAABNs/_ZULt7cPfx8/DSCF237%20-6.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma ต้องสำรองข้อมูลไว้บ้างถ้าเกิดวันไหน น้า McK ยุบ - ยกเลิกเว็ป สุขใจ จะได้มีข้อมูลหลงเหลืออยู่้เลยสร้าง Blog ทุกสิ่งในโลกใบนี้ล้วนไม่แน่นอน - ไม่จีรังยั่งยืน My Forums.......http://forums.212cafe.com/boxser/board-1/topic-227.html (http://forums.212cafe.com/boxser/board-1/topic-227.html) My Blog...................http://happyhome-sunset.blogspot.com/ (http://happyhome-sunset.blogspot.com/) My Blog...................http://happyhome-sunset.blogspot.com/2010/10/blog-post.html (http://happyhome-sunset.blogspot.com/2010/10/blog-post.html) {อารมณ์} คือ สิ่งที่จิตกำลังรู้ นามธรรมรู้อารมณ์ คิดนึกเรื่องต่าง ๆ เมื่อคิดถูกจึงจะเป็นกุศล มีความสุขไม่ได้ถ้ายังคิดไม่ดีอยู่ อารมณ์ที่เป็นความนึกคิดของเราเอง ทำให้เราเป็นทุกข์ ความไม่รู้สภาพธรรมทำให้เป็นทุกข์ ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านอาจารย์.....เพราะฉะนั้น สำหรับผู้ที่แม้ว่าจะได้ฟังเรื่องของการเจริญสติปัฎฐานที่ จะใช้คำ ก็ควรจะใช้ให้ถูกต้องเพื่อที่จะแสดงให้เห้นว่า ความเข้าใจเรื่องการเจริญสติ- ปัฏฐานนี้ไม่คลาดเคลื่อน เช่นไม่สมควรใช้คำว่าใช้{สติ}ซึ่งบางคนอาจจะได้ยิน บ่อย ๆ และบางท่านก็บอกว่า เป็นคำพูดที่ติดปากเท่านั้นเอง แต่ความจริงแล้วการที่จะ ใช้คำพูดใด ๆ ก็ตาม ย่อมแสดงถึงความเข้าใจว่า ยังมีข้อที่คลาดเคลื่อนหรือเปล่า เพราะว่าไม่มีใครที่จะใช้{สติ}ได้เพียงแต่ว่าสามารถที่จะเกิดสติระลึกรู้ลักษณะของ สภาพธรรมขณะใดขณะนั้นก็เป็นขณะที่มี{สติ}ส่วนขณะใดที่สติไม่เกิดไม่ได้ระลึก ลักษณะของสภาพธรรม ขณะนั้นก็หลงลืม{สติ} แม้ว่าเป็นผู้ที่ได้ยินได้ฟังเรื่องของการ เจริญสติปัฏฐานมามาก และกำลังเป็นผู้ที่เรี่มอบรมเจริญ{สติปัฏฐาน}ก็ตาม แต่การ ที่จะได้ฟังเรื่่องของการเจริญ{สติปัฏฐาน}บ่อยขึ้นก็เป็นทางที่จะทำให้เข้าใจลักษณะ ของสภาพธรรมพร้อมกับขณะที่{สติระลึก}ได้ละเอียดขึ้นเช่นถ้าสังเกตจะรู้ได้ว่า ในขณะที่สติเกิดขณะที่{สติปัฏฐาน}เกิดขณะนั้นเป็นขณะทีเรี่มรู้ว่าขณะที่ คิดนึกเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งวันนั้นไม่ใช่ขณะที่มีสภาพปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ นี่ค่ะเป็นสี่งที่จะต้องพูดถึงบ่อย ๆ เพราะว่าทุกคนคิดมากทีเดียวทุกวัน แต่ว่าใน ขณะใดก็ตามที่กำลังคิดเป็นเรื่องเป็นราวต่าง ๆ ขณะนั้นไม่ใช่มีลักษณะของปรมัตถธรรม เป็น{อารมณ์}เพราะฉะนั้นวันหนึ่ง ๆ ก็จะตรวจสอบรู้จักตนเองตามความเป็นจริงได้ว่ามีการ รู้ลักษณะของปรมัตถธรรม มากน้อยแค่ไหนเพราะว่าขณะที่กำลังคิดขณะนั้นไม่มี {ปรมัตถอารมณ์}แล้ววันหนึ่ง ๆ ก็คิดมากแม้ในขณะนี้เองก็เป็นการที่จะพิสูจน์ได้ว่าใน ขณะนี้ กำลังมีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ หรือว่ากำลังคิดเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง วันหนึ่ง ๆ บางเรื่องก็คิดสั้น บางเรื่องที่คิดก็ยาว และคิดวันก่อนก็ยังไม่จบก็ยังต่อ อีกน่ะค่ะวันรุ่งขึ้นก็ยังคิดอีกแล้วก็วันต่อ ๆ ไปเรื่องเดียวกันนั้น ก็ยังไม่จบอีก ก็อาจจะ เป็นเรื่องที่ไม่ยาวแต่เฉพาะในวันหนึ่ง ๆ แต่ว่ายาวต่อไปทั้งอาทิตย์หรือว่า ยาวต่อไป ทั้งปี ทั้งชาติ ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้จริง ๆ ว่า ขณะใดที่{สติปัฏฐาน}ไม่เกิดขณะนั้นความ คิดนึกจะปิดบังไม่ให้รู้ลักษณะของปรมัตถธรรมที่กำลังปรากฏเพราะฉะนั้นใน ขณะนี้ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานด้วย และกำลังฟังเรื่องของการเจริญสติปัฏฐานย่อม จะมีโอกาส มีปัจจัยที่สติจะเกิด ระลึกได้ในขณะที่กำลังฟังนี้เองระลึก ลักษณะของปรมัตถธรรมสลับกับความคิดนึกก็ได้ เพราะฉะนั้นสติปัฏฐาน เมื่อมีปัจจัยก็เกิดขึ้น ระลึกรู้สี่งที่กำลังปรากฏแม้เพียงเล็กน้อยก็รู้ว่า ปรมัตถธรรมกำลังสลับกับความคิดนึก เช่นทางตาที่กำลังเห็น เป็นปรมัตถธรรมเป็นสภาพธรรมที่มีจริง สี่งที่ปรากฏทางตาก็ เป็นปรมัตถธรรม เป็นสี่งที่มีจริง เพราะฉะนั้นถ้าขณะใดที่เกิดระลึกศึกษาว่าขณะนี้ เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่ปรากฏทางตาเท่านั้น บางคนอาจจะรู้สึกว่าหลับตาแล้วก็ สบายดีเหมือนกันวลาที่ฟังพระธรรม เพราะว่าไม่จำเป็นจะต้องลืมตาและมองดูสี่นั้นสี่งนี้ ไม่ใช่ให้มีเจตนาที่ให้หลับ เพื่อที่จะได้รู้ลักษณะของสภาพธรรมชัดเจนไม่ใช่อย่างนั้น นะคะ แต่ว่าใครจะพักสายตาแล้วก็ฟังพระธรรม ก็เป็นสี่งที่เป็นไปได้ อาจจะลืมแล้ว อาจจะหลับสลับกัน เพราะว่าขณะใดที่เห็น ขณะนั้นระลึกว่าเป็นเพียง สี่งที่ปรากฏ ทางตาแล้วขณะทีได้ยินก็เปลี่ยนจากลักษณะที่ปรากฏทางตา เป็นสภาพธรรมอีกชนิด หนึ่งอีกทางหนึ่งเพราะฉะนั้นขณะที่กำลังฟังนี้เองสติปัฏฐานก็เกิดระลึกรู้ลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จนกว่าจะรู้ชัดจริง ๆ ว่า สี่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน เกิดแล้วก็หมดไป ในขณะที่ได้ยินเสียงเป็นอีกขณะหนึ่ง อีก สภาพธรรมหนึ่ง เพราะฉะนั้นในขณะนี้ ก็มีทั้งเห็นและก็มีทั้งได้ยิน ก็พิจารณาได้ {สติ}เกิดระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ สลับกันในขณะนี้ได้ตามความเป็นจริง แต่ทุกคนก็ต้องรู้ขณะที่สติเกิดกับขณะที่หลงลืม{สติ} ว่าเป็นขณะที่ต่างกัน ขณะที่หลงลืม{สติ}จะไม่มีการที่จะสังเกตรู้ลักษณะของสี่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นที่กำลังเป็นโลภะ ความไวจะทำให้ระลึกได้ว่า ขณะนั้นไม่ใช่ขณะที่กำลัง สังเกตศึกษารู้ลักษณะของสภาพธรรม ขณะที่เป็น{โลภะ}ขณะนั้นมีอะไรเป็นอารมณ์ เป็นปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์หรือว่าเป็นบัญญํติอารมณ์ขณะที่กำลังชอบสี่งหนึ่งสี่งใด ก็พออที่จะสังเกตได้เพื่อที่จะคลายการยึดถือสี่งที่ปรากฏด้วยการรู้แจ้งว่าอารมณ์ใน ขณะนั้นเป็นอะไรทีกำลังชอบกำลังพอใจ หรือว่าขณะที่กำลังโกรธ ขุ่นเคืองใจไม่ชอบ ขณะนั้นกำลังโกรธบัญญัติ เพียงแต่นึกถึงชื่อ ของบางคนก็อาจจะหงุดหงิด ขณะนั้นไม่มีปรมัตถธรรม ไม่มีคนจริง ๆ ไม่มีอะไรเลย เป็นแต่พียงเรื่องราว ที่คิดขึ้น เกียวกับความทรงจำเป็นบุคคลนั้น - บุคคลนี้ เพราะฉะนั้นในขณะนี้ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าโกรธบัญญัติไม่ได้มีปรมัตถธรรมเป็น อารมณ์หรือแม้แต่ขณะที่ทำทานกุศลขณะใดที่สติไม่เกิดไม่่ระลึกรู้ลักษณะของ ปรมัตถธรรม ขณะนั้นก็มีบัญญัติเป็นอารมณ์ขณะที่{วิรัติทุจริต}หรือขณะที่สงบก็ตาม ขณะใดก็ตามที่สติไม่เกิดไม่ระลึกลักษณะของปรมัตถธรรมขณะนั้นก้มีบัญัตัติเป็น อามณ์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็จะรู้ได้น่ะค่ะว่า บัญญัติในวันหนึ่ง ๆ ปิดบังไม่ให้รู้ลักษณะของปรมัตถธรรมตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ขณะใดที่สติเกิดเท่านั้นที่จะค่อย ๆเรีมศึกษารู้ลักษณะของ ปรมัตถถธรรมว่าไม่ใช่บัญัติ ที่เคยคิดเป็นเรื่องเป็นราวต่าง ๆ แต่เป็นสภาพธรรม ที่มีลักษณะที่จะต้องศึกษาสังเกตพิจารณา จนกว่าจะรู้ชัดใน ลักษณะของ {สภาพธรรม}ที่เป็น นามธรรม หรือเป็น รูปธรรม ทางตาบ้าง ทางหู บ้างกาย บ้า้งใจบ้าง หัวข้อ: Re: 明白教日佛法教 बुद्ध के उपदेश เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 21 ตุลาคม 2553 10:36:18 สุขใจไม่มียุบครับ มันกลายเป็นบ้านหลังที่สองของผมไปแล้ว ;D ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: 明白教日佛法教 बुद्ध के उपदेश เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 21 ตุลาคม 2553 11:08:36 สุขใจไม่มียุบครับ มันกลายเป็นบ้านหลังที่สองของผมไปแล้ว ;D ;D ;D ;D (:QS:)ไม่ยุบแน่น่ะน้า McK กลัวเป็นเหมือนเขากะลา (:QS:) |