[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 06 มีนาคม 2557 12:57:34



หัวข้อ: พระอุปคุปต์ (พระบัวเข็ม) ในคติของชาวมอญ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 มีนาคม 2557 12:57:34
.

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2014/03/13938606611393860675l.jpg&width=260&height=260)   
มอญ ผู้บูชาพระอุปคุปต์

พระอุปคุปต์ เป็นรูปเคารพที่สร้างขึ้นแทนพระอรหันตสาวกสำคัญรูปหนึ่ง ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความเป็นเลิศทางอิทธิฤทธิ์ในสมัยหลังพุทธกาล เช่นเดียวกันกับที่พระโมคคัลลาน์ได้รับการยกย่องสมัยเมื่อครั้งพระพุทธองค์ยังทรงพระชนมชีพ ท่านมีอีกชื่อว่า "พระบัวเข็ม" ความเป็นมาในการบูชา "พระอุปคุปต์" สืบสาวราวเรื่องได้ว่าเริ่มต้นมาจากชาวมอญครับผม

"มอญ" เป็นชนชาติโบราณที่อาศัยอยู่ในแถบตอนล่างของพม่า เขตเมืองเมาะตะมะ เมาะลำเลิง พะสิม หงสาวดี แล้วก่อตั้งเป็นอาณาจักร "ศิริธรรมวดี" โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองหงสาวดี นับถือศาสนาพุทธลัทธิลังกาวงศ์

ศูนย์กลางของชาวมอญที่เรียกตัวเองว่า "รามัญ" หรือ "ตะเลง" นั้น จะอยู่ที่เมือง หงสาวดี ที่มีตำนานการสร้างเมืองเนื่องจากพบหงส์ทองสองตัวลงมาเล่นน้ำ ก่อนที่จะถูกพวก "พยู" หรือ "พม่า" แห่งอาณาจักรพุกามรุกราน จนต้องอพยพหลบหนีและกลายเป็นเมืองขึ้นกระทั่งถูกกลืนชาติในที่สุด อย่างไรก็ตาม ปรากฏหลักฐานค่อนข้างแน่ชัดว่า มอญเป็นกลุ่มชนชาติที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในแถบสุวรรณภูมิตั้งแต่ยุคทวารวดี เนื่องจากความสัมพันธ์ทางศาสนาและการค้ารูปงานประติมากรรม และงานสถาปัตยกรรม ที่ค้นพบในแถบนครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์

แต่อาจกล่าวได้ว่าแม้มอญจะพ่ายแพ้ในการรบ หากแต่มีชัยชนะเหนือ "งานศิลปะ" ซึ่งได้เข้าไปปรากฏอิทธิพลในพม่า จนอาจกล่าวได้ว่าศิลปะของพม่านั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของงานศิลปะของชาวมอญนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ในช่วงกรุงศรีอยุธยา ชาวมอญจำนวนมากอพยพหนีภัยพม่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารกษัตริย์แห่งสยามประเทศ โดยตั้งบ้านเรือนอยู่ชานพระนครกรุงศรีอยุธยาและบริเวณเมืองนนทบุรี ในสมัยกรุงธนบุรีชาวมอญได้ตั้งบ้านเรือนเป็นหลักเป็นฐานอยู่บริเวณบ้านสามโคก ปทุมธานี และบริเวณเกาะเกร็ด นนทบุรี เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระราโชบายที่จะรวบรวมผู้คนให้เข้ามาตั้งรกรากในพระนครธนบุรีที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่

การอพยพของชาวมอญที่เป็นต้นตระกูลมอญปากเกร็ดนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๒ ซึ่งทรงโปรดฯ ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณปากเกร็ด สามโคก และที่ปากลัด นครเขื่อนขันธ์ (พระประแดง) อันเป็นจุดเริ่มต้นให้ชาวมอญกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย แต่ยังคงรักษาขนบ ธรรมเนียมประเพณีที่เคร่งครัดกลายเป็นเอกลักษณ์แม้จะผสมกลมกลืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชาวไทยไปแล้วก็ตาม และที่จะยกมากล่าวถึงนี้คือ "ประเพณีลอยกระทง" ที่ชาวมอญมีคติความเชื่อแตกต่างจากไทยมาแต่ครั้งอดีต และนับเป็นต้นกำเนิดแห่ง "การบูชาพระอุปคุปต์"

ขณะที่สยามประเทศเชื่อเรื่องการบูชาพระแม่คงคาตลอดจนประเพณีการจองเปรียง หรือตำนานของนางพระยากาเผือก อันเป็นการผสมผสานระหว่างคติฮินดูกับพุทธศาสนา ชาวมอญกลับมีความเชื่อว่าประเพณีลอยกระทงผูกพันกับ "พระอุปคุปตเถระ" พระมหาเถระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์  ปรากฏเรื่องราวทางพุทธศาสนาว่า ท่านบำเพ็ญธรรมอยู่กลางมหานทีอันกว้างใหญ่ในโลหะปราสาท เมื่อครั้งพระเจ้าอโศกมหาราชกษัตริย์ที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในอินเดีย โปรดให้กระทำสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งที่ ๓ ปรากฏพญามารมาก่อกวนมณฑลพิธี จนต้องอาราธนาพระอุปคุปต์มาปราบ การสังคายนาพระไตรปิฎกจึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ชาวมอญแห่งเมืองศิริธรรมวดี หรือเมืองสะเทิม ที่มีนิวาสสถานใกล้กับใจกลางมหานทีหรือมหาสมุทร อันเป็นที่บำเพ็ญธรรมขององค์พระอุปคุปต์

เมื่อถึงวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ของทุกปี ชาวมอญจึงพากันบูชาโดยการสร้างเป็นแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่ มุงด้วยใบจาก ภายในบรรจุอาหารคาวหวาน ข้าวของเครื่องใช้ รูปจำลองขององค์พระอุปคุปต์ ซึ่งทุกเรือนชานบ้านช่องต่างพากันบริจาคข้าวของสิ่งละอันพันละน้อย เพื่อบูชาองค์พระอุปคุปต์ที่อยู่กลางมหานที และนำแพไม้ไผ่ไปลอยลงแม่น้ำใหญ่ หรือทะเล ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง หากผู้ใดตกทุกข์ได้ยากขาดแคลน เมื่อพบเจอแพบูชาก็สามารถนำข้าวของต่างๆ ไปใช้ได้ ซึ่งก็นับเป็นการทำกุศลของชาวมอญอีกลักษณะหนึ่ง

ธรรมเนียม "การบูชาพระอุปคุปต์" นี้แพร่หลายในหมู่ชาวพม่า โดยมีการสร้างรูปเคารพในลักษณะพระพุทธรูปไม้นั่งอยู่กลางน้ำ บนพระเศียรคลุมด้วยใบบัว และมีเข็มปักติดอยู่ทั่วพระกาย สื่อความหมายถึงพระธรรมที่ทรงแสดงปราบพญามาร นอกจากนี้ ชนชาติเขมรยังรับคติความเชื่อเรื่องพระอุปคุปต์มาจำลองเป็นเทวประติมากรรมขนาดเล็กทำด้วยสัมฤทธิ์เป็นรูปองค์พระนั่งอยู่ในเปลือกหอยลักษณะต่างๆ

สำหรับประเทศไทย รูปเคารพอุปคุปต์เข้ามาแพร่หลายในสมัยรัชกาลที่ ๓ โดยพระรามัญได้นำมาถวายพระวชิรญาณภิกขุ (ต่อมาคือ รัชกาลที่ ๔)

ต่อมากลายเป็นที่นิยมและมีการจัดสร้างกันอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน โดยเชื่อในพุทธคุณว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ขจัดภยันตราย และมีอิทธิฤทธิ์ในทางขอฝนอีกด้วย
...ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด