[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
05 มิถุนายน 2567 10:49:08 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 80 81 [82] 83 84 ... 1140
1621  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สาวกำลังหลับ จู่ ๆ มือถือของสามีผู้ล่วงลับดังขึ้น เห็นข้อความทำจุกอก ความจริงท เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 22:13:06
สาวกำลังหลับ จู่ ๆ มือถือของสามีผู้ล่วงลับดังขึ้น เห็นข้อความทำจุกอก ความจริงที่ได้รู้
         


สาวกำลังหลับ จู่ ๆ มือถือของสามีผู้ล่วงลับดังขึ้น เห็นข้อความทำจุกอก ความจริงที่ได้รู้" width="100" height="100  แม่ลูก 2 กำลังนอนหลับ จู่ ๆ มือถือของสามีที่เสียชีวิตไป ดังขึ้นกลางดึก เมื่ออ่านข้อความในนั้น ทำเอาจุกอกกับความจริงที่เพิ่งรู้
         

https://www.sanook.com/news/9268566/
         
1622  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เชิญหน่วยงานชี้แจงมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 20:39:39
กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เชิญหน่วยงานชี้แจงมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-03-01 19:10</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เชิญหน่วยงานชี้แจงมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ขณะห่วงการสื่อสาร ขอทำความเข้าใจประชาชนให้ชัด ป้องกันเกิดความขัดแย้ง</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53561023271_a448c61195_k_d.jpg" /></p>
<p>เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 ว่านายปิยรัฐ จงเทพ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมของ กมธ.ซึ่งมีวาระสำคัญ คือการพิจารณาแนวทางการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้สมพระเกียรติและรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม </p>
<p>โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้นำเสนอลำดับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 และยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการรับมือต่อเหตุการณ์ตามหลักปฏิบัติงาน และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพระบรมวงศานุวงศ์หรือขบวนเสด็จแต่อย่างใด พร้อมชี้แจงบทบาทในการสนับสนุนภารกิจการถวายความปลอดภัยตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 ที่ย้ำถึงหลักการถวายความปลอดภัยอย่างสูงสุดและสมพระเกียรติ คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อประชาชนอยู่เสมอ </p>
<p>ภายหลังรับฟังข้อมูล กมธ.มีข้อเสนอแนะและความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการสื่อสารต่อสังคมถึงลำดับเหตุการณ์ ขั้นตอนการรับมือต่อเหตุการณ์ และกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย หากมีความไม่ชัดเจนจะทำให้กลายเป็นความเข้าใจผิด เกิดข้อถกเถียง ความขัดแย้งภายในสังคมได้ ประเด็นความโปร่งใสในกระบวนการพิจารณาและกล่าวโทษในคดีที่มีความรุนแรงอย่างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 โดยขอเจ้าหน้าที่พิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบบนพื้นฐานความยุติธรรม และขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับผู้กำกับการสถานีตำรวจแต่ละพื้นที่ จัดสรรกำลังพลตามแต่สมควรในการสนับสนุนภารกิจถวายความปลอดภัย คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนร่วมด้วย </p>
<p>นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ จะติดตามผลการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงระบบการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสารสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานรัฐและประชาชนต่อไป </p>
<p>นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. .... ซึ่งนายปิยรัฐ จงเทพ และคณะ เป็นผู้เสนอ ภายหลังการพิจารณาร่างดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนและสอบถามความเห็นกับตัวแทนจากแต่ละพรรคการเมือง พบว่าทุกพรรคการเมืองเห็นปัญหาด้านการขาดความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐในกระบวนการสืบเสาะ แสวงหาข้อเท็จจริงของ กมธ. อีกทั้งตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองพร้อมให้การสนับสนุนรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการทุกคณะ ในการหาข้อมูลข้อเท็จจริงและนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ที่ประชุม กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ มีมติรับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. .... โดยพร้อมสนับสนุนผลักดันร่างฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108272
 
1623  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ผีน้ำมันพรายอาฆาต เจ้าของตลับขี้ผึ้งสิ้นแล้ว เป็นศพที่ 5 หมอปลายังไม่ทันได้ทำพ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 19:42:55
ผีน้ำมันพรายอาฆาต เจ้าของตลับขี้ผึ้งสิ้นแล้ว เป็นศพที่ 5 หมอปลายังไม่ทันได้ทำพิธี
         


ผีน้ำมันพรายอาฆาต เจ้าของตลับขี้ผึ้งสิ้นแล้ว เป็นศพที่ 5 หมอปลายังไม่ทันได้ทำพิธี" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ผีน้ำมันพรายอาฆาต เจ้าของตลับขี้ผึ้ง ซึ่งเป็นต้นเรื่องทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว นับเป็นศพที่ 5 ของครอบครัว หมอปลายังไม่ทันได้ทำพิธี
         

https://www.sanook.com/news/9268542/
         
1624  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'เศรษฐา' เยี่ยมคารวะจุฬาราชมนตรี ยืนยันจะยกระดับความเป็นอยู่ชาวมุสลิมให้ด เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 19:07:31
'เศรษฐา' เยี่ยมคารวะจุฬาราชมนตรี ยืนยันจะยกระดับความเป็นอยู่ชาวมุสลิมให้ดีขึ้น
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-03-01 18:46</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'เศรษฐา' เยี่ยมคารวะจุฬาราชมนตรี ยืนยันรัฐบาลจะทำงาน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ระบุหลังลงพื้นที่ชายแดนใต้ได้มองเห็นศักยภาพ สามารถสร้างโอกาส เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ - 'รอมฎอน' สส.ก้าวไกล ประเมินเศรษฐาลงพื้นที่ชายแดนใต้ จงใจโชว์ภาพสวยงาม แต่ไม่พูดปัญหาความยุติธรรม ชี้จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การพูดคุยสันติภาพต้องเป็นหัวใจ ผู้นำต้องมีเจตจำนงทางการเมืองแน่วแน่</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53560133822_5f91185e7a_o_d.png" /></p>
<p>1 มี.ค. 2567 เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่าเวลา 16.30 น. ณ สำนักจุฬาราชมนตรี ถนนคลองเก้า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าเยี่ยมคารวะนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ในโอกาสได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้นำสูงสุดในกิจการของศาสนาอิสลามคนที่ 19 แห่งราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านศาสนาอิสลามแก่รัฐบาลไทย โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และนายประสิทธิ์ มะหะหมัด เลขานุการจุฬาราชมนตรี เข้าร่วมด้วย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้</p>
<p>การเข้าเยี่ยมคารวะฯ ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับนายอรุณ บุญชม ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี พร้อมกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 - 29 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้นำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากลงพื้นที่ได้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ และวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ สามารถสร้างโอกาส เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะมีการส่งเสริม สนับสนุนด้านต่าง ๆ เช่น การปรับปรุง ขยายด่านบริเวณชายแดน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและการขนย้ายสินค้าข้ามชายแดน นอกจากนั้น จะมีการพูดคุยหารือเกี่ยวกับการปรับปรุงถนนให้สะดวกสบาย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำงานเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชาวมุสลิม ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น </p>
<p>นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องความมั่นคง ในปีที่ผ่านมาปัญหาความไม่สงบลดน้อยลงมาก ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น อีกทั้ง นายกรัฐมนตรีได้รับฟังข้อเสนอและปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของแหล่งเงินทุน กฎหมายต่าง ๆ ที่บังคับใช้ในพื้นที่ โดยจะนำการพูดคุยวันนี้ไปพูดคุยกับคณะทำงานว่าจะใช้ช่องทางในการช่วยเหลือได้หรือไม่ นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีขอบคุณเสียงตอบรับจากชาวมุสลิม พร้อมย้ำจะทำงานแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาว 3 จังหวัดชายแดนใต้</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'รอมฎอน' สส.ก้าวไกล ประเมินเศรษฐาลงพื้นที่ชายแดนใต้ จงใจโชว์ภาพสวยงาม แต่ไม่พูดปัญหาความยุติธรรม</span></h2>
<p>ทีมสื่อพรรคก้าวไกล แจ้งข่าวว่าที่รัฐสภา รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลง Policy Watch หัวข้อ “ตรวจสุขภาพชายแดนใต้ในมือนายกฯ เศรษฐา” โดยระบุว่าตนมี 3 เรื่องที่ต้องการสื่อสารต่อสาธารณะและต่อนายกรัฐมนตรี รวมถึงอีก 3 บุคคลที่จะมีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำและกำหนดจังหวะก้าวของรัฐบาลเศรษฐาต่อสถานการณ์ความไม่สงบและการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือ “ปาตานี” คือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, ภูมิธรรม เวชยชัย และ ทักษิณ ชินวัตร</p>
<p>รอมฎอนกล่าวว่า เรื่องแรก คือการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ของนายกฯ เมื่อวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภาพที่สื่อสารออกมาเน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องและการท่องเที่ยว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เราเห็นตรงกัน แต่สิ่งที่ต่างกันและมีความสำคัญ คือรายละเอียดของการเดินทาง</p>
<p>สำหรับตน มองสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนคน การเดินทางลงไปครั้งนี้ เปรียบเหมือนคนที่ภายนอกดูมีร่างกายสมบูรณ์ดี แต่จริงๆ แล้วเป็นคนอมโรคอยู่พอสมควร เรื่องแรกที่ต้องพูดถึงและเป็นเสียงสะท้อนจากพื้นที่ คือเรื่องด่านและจุดตรวจ การเดินทางลงไปของนายกฯ ครั้งนี้มีนัยสำคัญมาก เพราะหลายด่านถูกทำให้หายไปชั่วคราว แต่ตอนนี้หลายคนบอกว่าด่านกลับมาแล้ว เรื่องนี้สำหรับคนภายนอก อาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเป็นเรื่องปกติในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นี่คือจุดสำคัญมากที่คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีประสบการณ์ในการถูกเจ้าหน้าที่ซักไซ้ไล่เรียง ถูกตรวจสอบสอดส่องโดยอำนาจรัฐ เป็นภาพติดตาประชาชน</p>
<p>ข้อมูลจาก กอ.รมน. ที่ชี้แจงต่อ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ พบว่ามีด่านตรวจอยู่ถึง 2,392 ด่านใน 3 จังหวัดและ 4 อำเภอ เฉลี่ยอำเภอละประมาณ 65 แห่ง ดังนั้น สำหรับคนใน ด่านเป็นสัญลักษณ์ของการใช้อำนาจที่เกินเลยต่อประชาชน</p>
<p>แต่กลายเป็นว่าการที่นายกฯ โชว์ภาพด้านบวกสวยงาม สื่อสารให้เห็นว่ามีโอกาสที่จะพัฒนาในทางเศรษฐกิจ กลายเป็นภาพที่เป็นผิวเปลือกเท่านั้น เพราะชะตากรรมหรือชีวิตปกติของผู้คนในสามจังหวัดต้องเผชิญกับการถูกตรวจสอบการถูกคุกคามโดยตลอด นี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้การวินิจฉัยโรคหรือการประเมินสถานการณ์ของนายกฯ บิดเบี้ยวบิดเบือนไป</p>
<p>ยิ่งเมื่อดูจากการสื่อสารของนายกฯ ก็เหมือนมีความตั้งใจว่าบางเรื่องจะทำเป็นมองไม่เห็นหรือไม่พูดถึง โดยตลอดการแถลงข่าวระหว่างลงพื้นที่ มีคำสำคัญ 3 คำที่นายกฯ พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก คือความเสมอภาค ความเท่าเทียม และโอกาส แต่สิ่งที่ขาดไปเลยและเป็นคำสำคัญของสันติภาพชายแดนภาคใต้ คือเรื่องความยุติธรรม ซ้ำร้ายยังพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่อดกลั้นและอ้างว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเข้าสู่เดือนรอมฎอน เรียกร้องให้ประชาชนยกโทษให้แก่กันและกัน</p>
<p>ตนไม่แน่ใจว่านายกฯ หมายถึงเหตุการณ์ตากใบเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วหรือไม่ เพราะเกิดขึ้นในเดือนรอมฎอนเหมือนกัน ในปฏิทินปกติเหตุโศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม แต่ในปฏิทินอิสลามจะอยู่ที่วันที่ 11 เดือนรอมฎอน ซึ่งในปีนี้จะครบรอบอีกครั้งราว ๆ วันที่ 21 หรือ 22 มีนาคม เหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้คือเหตุการณ์บาดแผลสำคัญ ซึ่งในความเห็นของตนและพรรคก้าวไกลเหตุการณ์ที่อำนาจรัฐใช้กำลังทำให้ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมหาศาลแบบนี้ ต้องมีการฟื้นคืนความยุติธรรมผ่านกลไกต่างๆ</p>
<p>“ผมไม่แน่ใจว่าที่ท่านนายกพูดถึงประเด็นนี้และเรียกร้องให้เราในฐานะประชาชนในพื้นที่ลืมและให้อภัย คือเหตุการณ์ตากใบหรือไม่ ถ้าท่านคิดอย่างนั้นจริงก็ถือว่าน่าเสียดาย เพราะความเสมอภาคความเท่าเทียมและโอกาสในทางเศรษฐกิจจะไม่มีความหมายเลย ถ้าปมในใจของประชาชนยังอยู่ และเรื่องที่เป็นหัวใจสำคัญที่สุดคือความยุติธรรม การรื้อฟื้นผลักดันคดีตากใบขึ้นมาเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่เรายังไม่เห็นรัฐบาลมีท่าทีต่อเรื่องนี้”</p>
<p>สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 คือกระบวนการสันติภาพที่หากพิจารณาหมุดหมายสำคัญในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบการลงนามในเอกสารสำคัญมากเมื่อ 11 ปีที่แล้วในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ นั่นคือเอกสาร “ฉันทามติทั่วไปว่าด้วยการพูดคุยสันติภาพ” (General Consensus on the Peace Dialogue Process) ที่มีการลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนจากขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (BRN) ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญต่อพัฒนาการในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพในชายแดนภาคใต้</p>
<p>ทั้งนี้ในช่วงรัฐบาลประยุทธ์ มีการฟื้นคืนการพูดคุยกับบีอาร์เอ็น เห็นพ้องกันหลายครั้งแต่ไม่มีการลงนามเลย รวมถึงเอกสารสำคัญอีกฉบับที่ลงนามในเดือนมีนาคม 2565 นั่นก็คือหลักการทั่วไปว่าด้วยกระบวนการพูดคุยสันติภาพ (General Principle on Peace Dialogue Process) มาถึงยุครัฐบาลเศรษฐา ได้แต่งตั้งรองเลขา สมช. เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทย ตอนนี้มีข้อตกลงจำนวนมากเรื่องแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติภาพแบบองค์รวม (JCPP) แต่สิ่งที่ต้องกังวลและนายกฯ ยังให้ความใส่ใจไม่มากพอ คือท่านไม่พยายามมองประเด็นที่เป็นปัญหาในระหว่างการลงพื้นที่</p>
<p>เรื่องที่ท่านอาจมองไม่เห็นคือบรรยากาศในการแสดงความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกจำกัดมาก กมธ. หลายชุดได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินคดีฟ้องปิดปากประชาชนในพื้นที่ เป็นการสร้างบรรยากาศให้อึมครึม เป็นบริบทที่ไม่เอื้อให้กระบวนการสันติภาพมีสุขภาพที่ดี</p>
<p>เมื่อเราวินิจฉัยโรคแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันต้องเรียกว่าเป็นการแก้ไขปัญหาหรือการสร้างสันติภาพแบบลูกผสม ระหว่างแบบเสรีกับแบบอำนาจนิยม รัฐบาลเศรษฐาทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน คือด้านหนึ่งให้มีการพูดคุย อีกด้านหนึ่งให้จำกัดเสรีภาพในการแสดงความเห็น พูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ไม่พูดถึงประเด็นความยุติธรรม</p>
<p>รอมฎอนกล่าวว่า เรื่องสุดท้าย คือวาระการทำงานของรัฐบาลเศรษฐาจะครบ 6 เดือน ตนเป็นคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์การแถลงนโยบายของรัฐบาลว่าไม่มีการระบุตรงๆ ถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ 2 อย่าง คือไม่แยแสเลย หรือไม่กล้าแตะอาณาบริเวณที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่</p>
<p>โดยตนมีข้อสังเกต ประการที่หนึ่ง ที่ผ่านมาดูเหมือนนายกฯ ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย เพราะการตีโอบหรือจำกัดบทบาทของมาเลเซีย เป็นหนึ่งในหนทางการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ และประเด็นที่สอง การพูดถึงบรรดาการบังคับใช้กฎหมายพิเศษต่างๆ ทำไปอย่างมะงุมมะงาหรา สำคัญที่สุดคือรัฐบาลยังไม่แตะกฎอัยการศึกเลย</p>
<p>“จะเป็นไปได้อย่างไรที่เราจะพัฒนาการท่องเที่ยวหรือพัฒนาเศรษฐกิจโดยไม่แตะเรื่องหัวใจสำคัญแบบนี้ พื้นที่นี้ถูกตีกรอบว่าต้องใช้กฎอัยการศึกตั้งแต่ปี 2547 เราจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างที่นายกฯ คาดหวังได้อย่างไร ถ้าบรรดากฎหมายพิเศษเหล่านี้ยังประกาศอยู่ สถานทูตยังมีคำเตือนต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ เขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์”</p>
<p>รอมฎอนกล่าวว่า โดยสรุปตนเห็นว่าตอนนี้คือปี 2567 แต่ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ตนนึกย้อนไปก่อนหน้าปี 2547 ในช่วงรัฐบาลทักษิณ ตอนนั้นรัฐบาลดูเบาสถานการณ์ความขัดแย้ง ประเมินต่ำมากว่าสิ่งที่เคยเป็นข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ข้อเรียกร้องเรื่องการแบ่งแยกดินแดนหรือการปกครองพื้นที่ที่ต้องมีกลไกพิเศษในการบริหารจัดการ ได้ผ่านไปแล้ว นายกฯ ทักษิณมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งถ้ารัฐบาลเศรษฐามองอย่างนั้นจริง ก็หมายความว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คือการประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริงหรือไม่</p>
<p>ด้วยเหตุนี้รัฐบาลเศรษฐาจึงไม่กล้าปะทะกับปัญหาใจกลางความขัดแย้งของจังหวัดชายแดนภาคใต้และมองข้ามไป คือเรื่องการปกครองที่ชอบธรรม ตนต้องย้ำว่าเราไม่สามารถควบคุมจากกรุงเทพฯ ส่งทหารไปแล้วอยู่กันอย่างนี้ได้อีกแล้ว แต่ต้องแบ่งสรรปันอำนาจ ต้องฟังเสียงประชาชน มีแต่หนทางนี้ที่ทำให้คนที่ใช้กำลังจะไม่สามารถระดมคนหรือความสนับสนุนได้</p>
<p>“นี่คือแนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ต้องคุยกันว่าเราจะสร้างโครงสร้างการปกครองที่ชอบธรรม ที่ผู้คนยอมรับได้อย่างไร แต่สิ่งนี้ดูเหมือนนายกฯ เศรษฐาจะละเลยไป ประหนึ่งหลับตาเดินข้ามถนนโดยทึกทักคิดเอาเองว่ารถจะไม่ชน รถจะไม่มี”</p>
<p>รอมฎอนกล่าวว่า เจตจำนงทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญมากในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท้ายสุดแล้วเราต้องการฝ่ายบริหารที่มุ่งมั่นแน่วแน่ว่าจะแก้ปัญหาในทางการเมือง ไม่ใช่ผู้นำที่พยายามหลีกเลี่ยงปัญหา วันนี้เราไม่เห็นการจัดตั้งกลไกที่เตรียมพร้อมสำหรับการแก้ไขปัญหาทางการเมือง รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงก็ไม่มี คณะกรรมการกำกับทิศทางการพูดคุยสันติภาพก็ไม่เห็น</p>
<p>“ต้องขอเตือนนายกฯ เศรษฐา ให้ทบทวนสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เสียใหม่ ถ้าดูเบาสถานการณ์เกินไปแล้วมอบหมายงานเหล่านี้ให้ฝ่ายความมั่นคงเพียงอย่างเดียว เกรงว่าในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร ผู้นำของรัฐบาลพลเรือน ท่านจะตัดสินใจทางการเมืองผิด” รอมฎอนกล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108271
 
1625  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สิ้นสุดลงทะเบียนหนี้นอกระบบ ลงทะเบียนรวม 151,175 แสนราย มูลหนี้ 11,732 ล้านบาท เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 17:37:13
สิ้นสุดลงทะเบียนหนี้นอกระบบ ลงทะเบียนรวม 151,175 แสนราย มูลหนี้ 11,732 ล้านบาท
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-03-01 16:46</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สิ้นสุดการเปิดรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบของ มท. เมื่อ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา ประชาชนลงทะเบียนรวม 151,175 แสนราย มูลหนี้ 11,732 ล้านบาท ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 18,509 ราย มูลหนี้ลดลง 771 ล้านบาท เดินหน้ากระบวนการไกล่เกลี่ยให้ครบ 100%</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="748" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fprmoithailand%2Fposts%2Fpfbid0JhfuPbXK9kvmvXzsA9x66VYVeFwipgqMypvnRbBjAYt9yyvnZxqK3nyNfAwZsFSbl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>เพจกระทรวงมหาดไทย PR รายงานเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 ว่านายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ 91 โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียนพบว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว 151,175 ราย มูลหนี้รวม 11,732.506 ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 125,081 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 27,348 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 125,302 ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก ดังนี้ 1. กรุงเทพมหานคร ยังคงมีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 10,091 ราย เจ้าหนี้ 9,047 ราย มูลหนี้ 1,065.464 ล้านบาท 2. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 6,115 ราย เจ้าหนี้ 5,887 ราย มูลหนี้ 425.187 ล้านบาท 3. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 5,570 ราย เจ้าหนี้ 4,589 ราย มูลหนี้ 383.455 ล้านบาท 4. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 5,273 ราย เจ้าหนี้ 4,443 ราย มูลหนี้ 489.563 ล้านบาท และ 5. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน 4,412 ราย เจ้าหนี้ 3,364 ราย มูลหนี้ 438.838 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 250 ราย เจ้าหนี้ 251 ราย มูลหนี้ 16.274 ล้านบาท 2. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 351 ราย เจ้าหนี้ 267 ราย มูลหนี้ 24.415 ล้านบาท 3. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 406 ราย เจ้าหนี้ 316 ราย มูลหนี้ 18.819 ล้านบาท 4. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 474 ราย เจ้าหนี้ 383 ราย มูลหนี้ 28.483 ล้านบาท และ 5. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 479 ราย เจ้าหนี้ 364 ราย มูลหนี้ 21.487 ล้านบาท</p>
<p>“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 28,725 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 18,509 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย 2,626.784 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 1,855.474 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 771.309 ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 3,373 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 518 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 287.587 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 53.511 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง 234.076 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหนี้และลูกหนี้มีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่แล้ว 310 คดี ใน 43 จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว</p>
<p>นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายในเรื่อง “การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ” ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนอยู่ในปัจจุบัน โดยให้คำจำกัดความว่าคนที่เป็นหนี้นอกระบบเปรียบเสมือนเป็น “ทาสยุคใหม่” จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง เราจึงได้มีช่องทางในการรวบรวมข้อมูลโดยการเปิดรับลงทะเบียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 จนถึง 29 ก.พ. 2567 ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับลงทะเบียนแล้ว ข้อมูลของประชาชนทุกคนที่มาลงทะเบียนจะเป็นฐานข้อมูลของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ในฐานะหัวหน้าศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจังหวัด/อำเภอ จะได้บูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งอัยการ ทหาร ตำรวจ ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือในเรื่องหนี้นอกระบบ อำนวยความสะดวกทำให้ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ในอัตราที่เป็นธรรม และเข้าสู่ระบบของสถาบันการเงินของรัฐ โดยมีการชำระเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้พี่น้องประชาชนได้มีแหล่งเงินทุนในการชำระหนี้ และได้มีเงินไปเลี้ยงดูครอบครัวได้</p>
<p>“ในส่วนของกระบวนการไกล่เกลี่ย จากการดำเนินการมาตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ ซึ่งมาตรการในระยะสั้นเราได้เชิญลูกหนี้และเจ้าหนี้มาพูดคุยตกลงกัน สามารถลดต้นลดดอกของหนี้ได้ ทำให้เราสามารถช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบกลุ่มแรกได้สำเร็จ ในส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการต่อไป อาจต้องใช้เวลาในการนำลูกหนี้และเจ้าหนี้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกัน ในส่วนของข้อมูลเจ้าหนี้ที่มีพฤติการใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ในการทวงหนี้ จำนวนกว่า 5 หมื่นราย ทางกระทรวงมหาดไทยได้ส่งข้อมูลให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป สำหรับมาตรการระยะยาว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีนโยบายในการช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับลูกหนี้นอกระบบ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ โดยบูรณาการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่กระบวนการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมแนวทางให้ลูกหนี้สามารถลดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวและการเลี้ยงสัตย์เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ตลอดจนส่งเสริมแนวทางจัดทำบัญชีครัวเรือน ลดความฟุ่มเฟือย หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา การเล่นพนัน และรวมไปถึงการขยายโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว</p>
<p>นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันสิ้นสุดการรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบ แต่เป็นวันเริ่มต้นในการสะสางปัญหาหนี้ให้กับผู้ที่มาลงทะเบียน เพราะกระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบยังไม่สิ้นสุด และเราจะเดินหน้าต่อจนกว่าจะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยครบ 100% อย่างไรก็ตามประชาชนยังคงลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ https://debt.dopa.go.th ภายในเวลา 24.00 น. ของวันนี้ โดยหลังจากที่ปิดรับลงทะเบียนแล้วหากมีประชาชนผู้ที่เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบประสงค์จะขอความช่วยเหลือ สามารถโทรสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ เพื่อให้ทางราชการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งเราไม่ได้ช่วยเหลือแค่หนี้นอกระบบแต่ยังเป็นการช่วยเหลือในทุกด้าน อาทิ การศึกษา ยาเสพติด ที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค หรือปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ที่พี่น้องประชาชนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง เพราะทุกปัญหามีทางออก จึงขอให้ทุกท่านอย่าได้ลังเลใจที่จะขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางของรัฐ ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย ที่จะเป็นช่องทางที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยมีไว้เพื่อให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108269
 
1626  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "ปุ้มปุ้ย" พา "น้องไซอัลบลู" ไปดูโลมา ช็อตฟีลสิ่งที่ลูกกับแม่เห็น ต่างกันม เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 17:10:42
"ปุ้มปุ้ย" พา "น้องไซอัลบลู" ไปดูโลมา ช็อตฟีลสิ่งที่ลูกกับแม่เห็น ต่างกันมาก
         


&quot;ปุ้มปุ้ย&quot; พา &quot;น้องไซอัลบลู&quot; ไปดูโลมา ช็อตฟีลสิ่งที่ลูกกับแม่เห็น ต่างกันมาก" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;จุดนี้ทำเอา ปุ้มปุ้ย เก็บอาการไม่อยู่เลย ไม่รู้ว่าคุณแม่หรือคุณลูกที่แอปปี้กว่ากัน
         

https://www.sanook.com/news/9268206/
         
1627  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - แรงงานถูกเลิกจ้างที่ปทุมธานียื่นคำร้องพนักงานตรวจแรงงาน หวั่นไม่ได้รับเงินช เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 16:02:40
แรงงานถูกเลิกจ้างที่ปทุมธานียื่นคำร้องพนักงานตรวจแรงงาน หวั่นไม่ได้รับเงินชดเชย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-03-01 15:09</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและ สส.ก้าวไกล นำอดีตพนักงานบริษัท โฟเซร่า จำกัด ใน จ.ปทุมธานี ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน หวั่นไม่ได้รับเงินชดเชยหลังถูกเลิกจ้าง</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="714" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpermalink.php%3Fstory_fbid%3Dpfbid0oPGb653JqvsxRL1V18htHL2bD9cdX3ZFyh1YRtDEQZuCkAGP9SrGuC4TdTnfxbc7l%26id%3D100064877343323&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>1 มี.ค. 2567 ประชาไทได้รับแจ้งว่าเมื่อเวลา 8:00 น. ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดปทุมธานี กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง นายเซีย จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ปีกแรงงานของพรรคก้าวไกล นายสกล สุนทรวาณิชย์กิจ สส. แบบแบ่งเขต จ.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล นำอดีตลูกจ้างยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานหลังเมื่อวานนี้ (29 ก.พ. 2567) บริษัท โฟเซร่า จำกัด ได้รับหนังสือบอกเลิกจ้างพนักงานทุกคนจำนวน 53 คน โดยมีผลในวันนี้ (1 มี.ค. 2567)</p>
<p>อดีตลูกจ้างจำนวน 32 คน กังวลว่าจะไม่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย เพราะหนังสือบอกเลิกจ้างไม่ได้ระบุว่าจะจ่ายเงินชดเชยภายในวันใด ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานนายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยทันที</p>
<p>บริษัท โฟเซร่า จำกัด มีโรงงานผลิตระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ครัวเรือน ตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี โดยสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศเยอรมนี </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108263
 
1628  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ตรวจหวย 1/3/67 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 1 มี.ค. 67 เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 14:40:08
ตรวจหวย 1/3/67 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 1 มี.ค. 67
         


ตรวจหวย 1/3/67 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 1 มี.ค. 67" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ตรวจหวย 1/3/67 ผลหวยออกวันที่ 1 มีนาคม 2567 ตรวจรางวัลที่ 1 ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล Lottery ตรวจลอตเตอรี่ แสดงผลหวยทุกรางวัล
         

https://www.sanook.com/news/9268258/
         
1629  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เปิดประวัติศาสตร์การเผาตัวเองประท้วง หลังทหารอเมริกันเผาตัวเองประท้วงสงคราม เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 14:30:38
เปิดประวัติศาสตร์การเผาตัวเองประท้วง หลังทหารอเมริกันเผาตัวเองประท้วงสงครามอิสราเอลบุกปาเลสไตน์
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-03-01 13:18</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: ภาพฟุตเทจวิดีโอ แอรอน บุชเนล กำลังจุดไฟเผาตัวเองประท้วงสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม X เมื่อ 26 ก.พ. 2567 ของผู้ใช้บัญชี "@KimDotcom"</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เปิดหน้าประวัติศาสตร์การเผาตัวเองประท้วงทางการเมืองทั้งในไทยและเทศ หลังล่าสุดทหารอเมริกันรายหนึ่งเผาตัวเองประท้วงหน้าสถานทูตอิสราเอลจนเสียชีวิต เพื่อประท้วงสงครามที่อิสราเอลโจมตีปาเลสไตน์</p>
<p> </p>
<p>กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า แอรอน บุชเนลล์ ทหารอเมริกัน ที่จุดไฟเผาตัวเอง เพื่อประท้วงสงคราม เสียชีวิตแล้ว บุชเนลล์ เป็นทหารอากาศกองทัพสหรัฐฯ ที่ทำการจุดไฟเผาตัวเองเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงการที่อิสราเอลโจมตีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า สาเหตุของจากเสียชีวิตมาจากการบาดเจ็บจากการจุดไฟเผาตัวเอง</p>
<p>บุชเนลล์ จุดไฟเผาตัวเองที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลในกรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมกับถ่ายวิดีโอไลฟ์สดผ่านโซเชียลมีเดีย “Twitch” (ทวิตช์) โดยระบุว่าจะไม่ยอมมีส่วนร่วมกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่อิสราเอลกระทำต่อปาเลสไตน์อีกต่อไป รวมถึงมีการตะโกนซ้ำๆ ว่า "ปลดปล่อยปาเลสไตน์"</p>
<p>หลังการเสียชีวิตของ บุชเนลล์ ก็มีผู้ประท้วงต่อต้านสงครามปาเลสไตน์ทำการไว้อาลัยให้กับบุชเนลล์ ที่หน้าสถานทูตฯ อิสราเอล มีการวางดอกไม้และพวงหรีด บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบนิ่ง โดยที่ยังคงมีการวางป้ายและถือป้ายประท้วงสงคราม</p>
<p>นี่ไม่ใช่การเผาตัวตายเพื่อประท้วงสงครามปาเลสไตน์ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2566 มีหญิงไม่ทราบชื่อรายหนึ่งเผาตัวเองประท้วงที่หน้าสถานกงสุล เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย หลังจากที่เธอทำการประท้วงที่หน้าสถานทูต โดยที่มีธงปาเลสไตน์ตกอยู่ในสถานที่ประท้วง ตำรวจระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเป็นการก่อการร้าย แต่ "น่าจะเป็นการประท้วงทางการเมืองแบบสุดขั้ว"</p>
<p>การเผาตัวเองประท้วงนี้มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และยังเคยเกิดขึ้นหลายครั้ง แม้แต่ในยุคหลังคริสต์ทศวรรษที่ 2020 โดยมีหลายประเด็นและข้อเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บแค้นจากการถูกกดขี่ปราบปรามทางการเมือง ความลำบากยากแค้นทางเศรษฐกิจ การต่อต้านสงครามอย่างเช่นสงครามเวียดนาม การประท้วงการถูกกีดกันเลือกปฏิบัติ การประท้วงความไม่เป็นธรรมในสังคม ไปจนถึงการประท้วงเรื่องโลกร้อน</p>
<p>กรณีที่มีชื่อเสียงมากและจุดชนวนการเป็นการประท้วงใหญ่ในหลายประเทศในภูมิภาคแถบนั้นคือกรณีของ โมฮัมเหม็ด บูอาซีซี คนขายผลไม้ผู้จุดไฟเผาตัวเองประท้วงรัฐบาลตูนีเซีย จนทำให้เกิดแรงบันดาลใจในประเทศใกล้เคียงให้พวกเขาลุกฮือประท้วงต่อต้านรัฐบาลของตนเองจนกลายเป็นปรากฏการณ์ "อาหรับสปริง" ในปี 2554</p>
<p>ถึงแม้ว่าการเผาตัวเองประท้วงจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับศาสนาฮินดู และประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์ ที่ย้อนกลับไปได้หลายพันปีก่อน แต่หนึ่งในการเผาตัวเองประท้วงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ คือ กรณีพระเวียดนาม ทิก กว่าง ดึ้ก (Thich Quang Duc) เผาตัวเองประท้วงที่เมืองไซ่ง่อน ในปี 2506 เพื่อประท้วงการปราบปรามพุทธศาสนาโดยรัฐบาลเวียดนามใต้ในยุคนั้นที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ จากนั้น ก็มีพระหลายรูปที่ประท้วงตามด้วยวิธีเดียวกัน</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53560875263_b9502588ec_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">พระทิ๊ก กว่าง ดึ๊ก เผาตัวเองประท้วงรัฐบาลเวียดนาม เมื่อปี ค.ศ. 1963 หรือ พ.ศ. 2506</span></p>
<p>ภาพการประท้วงของ ทิก กว่าง ดึ้ก กลายเป็นหนึ่งในภาพถ่ายที่ตราตรึง และหลอกหลอนอยู่ในสำนึกของผู้คนมากที่สุดภาพหนึ่ง ไมเคิล บิกก์ส ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด กล่าวว่า ในขณะที่ชาวอเมริกันทั่วไปจะบอกว่าพวกเขาต่อต้านคอมมิวนิสต์สนับสนุนประชาธิปไตย พอพวกเขาเห็นภาพพระที่ประท้วงรัฐบาลอเมริกันด้วยการพลีชีพตัวเองแบบนี้แล้ว มันก็จะทำให้พวกเขารู้สึกสะพรึง</p>
<p>ในยุคสมัยสงครามเวียดนามก็เคยมีชาวอเมริกันชื่อ นอร์มัน มอร์ริสัน เผาตัวเองประท้วงหน้าเพนทากอน เพื่อประท้วงสงครามเวียดนาม </p>
<p>อีกกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นสิบกว่าปีที่ผ่านมา คือกรณีพระทิเบตจุดไฟเผาตัวเองเพื่อประท้วงการที่จีนใช้อำนาจปกครองทิเบต จนนำมาซึ่งการประท้วงใหญ่ในทางตะวันตกของจีน มีพระรวมแล้วมากกว่า 100 รูป ที่เผาตัวเองประท้วงตลอดช่วงเวลาหลายปีถัดจากนั้น</p>
<p>สำหรับในไทยนั้นเคยมีกรณีของ สังเวียน รักษาเพ็ชร (ป้าสังเวียน) เกษตรกรที่มาร้องเรียนเรื่องหนี้สินกับรัฐบาลเผาตัวเองประท้วงเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2557 และก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีการจุดไฟเผาตัวเอง เพื่อประท้วงทางการเมืองอื่นๆ เช่น กรณี แมน ตรวจมรรคา เมื่อปี 2551 และกรณี ธนาวุฒิ คลิ้งเชื้อ นักศึกษารามคำแหง ในปี 2533 ที่จุดไฟเผาตัวเองเพื่อประท้วงผู้นำรัฐบาลในสมัยนั้นคือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ในการชุมนุมรำลึกครบรอบ 17 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ</p>
<p> </p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong></p>
<p>The History of Self-Immolation as Political Protest, Time, 26-02-2024</p>
<p>https://time.com/6835364/self-immolation-history-israel-hamas-war/</p>
<p>Demonstrators Rally Outside Israeli Embassy Following Self-Immolation Protest of US Airman, Voice of America, Youtube, 28-02-2024</p>
<p>https://www.youtube.com/watch?v=gF0WGKglU_Q</p>
<p>Protester sets self on fire outside Israeli consulate in Atlanta, suffers critical burns, PBS, 02-12-2023</p>
<p>https://www.pbs.org/newshour/nation/protester-sets-self-on-fire-outside-israeli-consulate-in-atlanta-suffers-critical-burns</p>
<p> </p>
<p><strong>ข้อมูลบางส่วนจาก</strong></p>
<p>"ทหารอเมริกัน" เสียชีวิต หลังจุดไฟเผาตัวประท้วงสงครามกาซา, ไทยพีบีเอส, 27-02-2024</p>
<p>https://www.thaipbs.or.th/news/content/337466</p>
<p>ป้าสังเวียนเผาตัวประท้วงหน้าทำเนียบ-เสียชีวิตแล้วหลังรับการรักษา 5 เดือน</p>
<p>https://prachatai.com/journal/2015/03/58411</p>
<p>https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_political_self-immolations</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108260
 
1630  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หวยสัญจรสงขลา รวมเลขเด็ดเลขดังประจำจังหวัด แนวทางหวยงวดนี้ 1/3/67 เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 12:09:20
หวยสัญจรสงขลา รวมเลขเด็ดเลขดังประจำจังหวัด แนวทางหวยงวดนี้ 1/3/67
         


หวยสัญจรสงขลา รวมเลขเด็ดเลขดังประจำจังหวัด แนวทางหวยงวดนี้ 1/3/67" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;คอหวยจดให้ไว หวยสัญจรงวดนี้ 1/3/67 ออกรางวัลที่สงขลา เผยเลขเด็ด-เลขดังประจำจังหวัด
         

https://www.sanook.com/news/9258638/
         
1631  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ส่องเลย "เป็ด เชิญยิ้ม" โชว์เลขจากหางประทัด ตรงเป๊ะมา 3 งวดติดแล้ว เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 09:37:29
ส่องเลย "เป็ด เชิญยิ้ม" โชว์เลขจากหางประทัด ตรงเป๊ะมา 3 งวดติดแล้ว
         


ส่องเลย &quot;เป็ด เชิญยิ้ม&quot; โชว์เลขจากหางประทัด ตรงเป๊ะมา 3 งวดติดแล้ว" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เป็ด เชิญยิ้ม โชว์เลขเด็ดจากหางประทัด บรรดาคอหวยรอเลย เอ็มมี่ แม็กซิม บอกให้มาติดๆ 3 ตัวตรง 3 งวดแล้ว


         

https://www.sanook.com/news/9268186/
         
1632  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กวีประชาไท: ชีวิตสำคัญกว่า เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 08:27:27
กวีประชาไท: ชีวิตสำคัญกว่า
 


<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2024-02-29 23:24</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>คนไทยเดิ้ง เซิ้งกวี</p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="poet-box">
<p> </p>
<p> </p>
<p>แม้มุ่งมั่น หันเชิดหน้า สู้ฟ้ากว้าง
แม้อาทิตย์ ยากคิดขวาง เส้นทางฝัน
แม้ต่อต้าน ตามวิถี “ทานตะวัน”
แม้เดิมพัน ด้วยชีวิต คิดท้าทาย</p>
<p>อีกไม่นาน กาลเวลา พาเปลี่ยนแปลง
ยอดกำแพง แห่งสังคม จะล่มสลาย
ไม่จำเป็น ต้องเซ่นแลก ด้วยความตาย
เก็บใจกาย ลมหายใจ ไว้รอวัน</p>
<p>เป้าหมายใหญ่ ชัยชนะ จะไร้ค่า
หากเพื่อนสู้ ด้วยกันมา ต้องอาสัญ
ถ้าชนะ ก็จะคว้าชัย ไปด้วยกัน
ความสำคัญ สัมพันธภาพ เหนือสิ่งใด</p>
<p>จุดมุ่งหมาย ปลายทางฝัน นั้นคงอยู่
แต่ก็รู้ ที่จะถอย ค่อยเริ่มใหม่
“..จักยอมแพ้ ขอแค่เพื่อน ยังหายใจ
ถึงปราชัย ก็ใช่ว่า สยบยอม..”
</p>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทควhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108253
 
1633  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "โก๊ะตี๋" ติดหนี้ 20 ล้านบาท ย้อนเล่าอดีต ชีวิตรักกับภรรยาเกือบไม่ได้ไปต่อ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 07:06:07
"โก๊ะตี๋" ติดหนี้ 20 ล้านบาท ย้อนเล่าอดีต ชีวิตรักกับภรรยาเกือบไม่ได้ไปต่อ
         


&quot;โก๊ะตี๋&quot; ติดหนี้ 20 ล้านบาท ย้อนเล่าอดีต ชีวิตรักกับภรรยาเกือบไม่ได้ไปต่อ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;โก๊ะตี๋ ควงภรรยาสาว กวาง สุภัค ออกมาเปิดใจ เคยติดหนี้ 20 ล้าน อีกทั้งชีวิตรักยังเกือบไม่ได้ไปต่อ
         

https://www.sanook.com/news/9266554/
         
1634  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กวีประชาไท: แลนด์สไลด์ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 06:55:51
กวีประชาไท: แลนด์สไลด์
 


<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2024-02-29 23:30</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ธุลีดาวหาง</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="poet-box">
<p> </p>
<p> </p>
<p>ผืนแผ่นดินสิ้นเหลื่อมล้ำนำรอยจูบ
ปฏิรูปที่ดินคงสิ้นหวัง
ส.ป.ก.4-01 หึ่งอีกครั้ง
ก็คงยังเหยิงยุ่งอีนุงตุงนัง</p>
<p>ตั้งแต่สมัยชัยหลีกพวนทบทวนถึง
ที่ครั้งหนึ่งนั่งนายกหมกความหลัง
จะแก้ไขความจนยากฉากชิงชัง
ภูเก็ตครั้งกระนั้นถึงขั้นยุบสภา</p>
<p>"ลุงกำนัน" พลันโด่งดังจากครั้งนั้น
ประวัติพลันบันทึกผนึกหน้า
แจกส.ป.ก.แก่เศรษฐีมีศักดา
ความเป็นมา"ลุงกำนัน"ไม่บันเบา</p>
<p>เปิดกูเกิ้ลพาเจริญเชิญชวนค้น
ข้อมูลความสัปดนคนรุ่นเขา
รับผิดชอบปฏิรูปที่ดินสิ้นลำเนา
"กำนัน"เอาแจกเศรษฐีภูเก็ต เกษตรกร?</p>
<p>พื้นที่ป่าสงวนสมบูรณ์สูญโปร่งใส
เพราะไม่ใช่เกษตรกรจน ผลเดือดร้อน
ฝ่ายค้านจะอภิปรายเสี่ยหนีเสียก่อน
ไม่รอดสันดอนชัยหลีกพวนด่วนยุบสภา</p>
<p>เรื่องราวนี้ปี 2537 ภูเก็ตโฉ่ฉาว
เรื่องคาว ๆ ของเศรษฐีรุ่นพี่เศรษฐา
"ลุงกำนัน"พลันโด่งดังแต่ครั้งนั้นมา
ก่อนหน้าเป็นเลขา กปปส.เร่ขอทาน</p>
<p>ครั้นถึงปี 2567 ภูเก็ตโมเดล
แผลฝีหนองกรรมเวรมีซอมบี้พล่าน
หมุด ส.ป.ก.บุกรุกไล่เขาใหญ่อุทยาน
ทับซ้อนยันทับลานบ้านสัตว์ไพร</p>
<p>ปฏิรูปที่ดินไยไปบุกป่า
ไยไม่กล้าหรือกลัวเจ้าสัวใหญ่!
ที่เจ้าสัวเบียร์ช้างมีกี่แสนไร่ ฯลฯ ?
ช้างชื่อไอ้ "ด้วน" ออกมาชวนไปดู...</p>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทควhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108254
 
1635  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สุรพศ ทวีศักดิ์: กฎหมายหมิ่นศาสนามีไว้ทำไม เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 05:16:57
สุรพศ ทวีศักดิ์: กฎหมายหมิ่นศาสนามีไว้ทำไม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2024-02-29 23:47</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>สุรพศ ทวีศักดิ์</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.พรรคประชาชาติเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206/1 และมาตรา 206/2 โดยมีสาระสำคัญว่า การเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา กรณีการลบหลู่ หรือเหยียดหยามในประการที่ “น่าจะ” ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทศาสนา </p>
<p>ผมคิดว่าถ้ามีกฎหมายหมิ่นศาสนา จะเกิดปัญหาสำคัญตามมา คือ</p>
<p><strong>1. อะไรคือหมิ่นศาสนา </strong>ในประวัติศาสตร์ โสกราตีสถูกศาลแห่งเอเธนส์ตัดสินประหารชีวิตด้วยข้อหาชักนำเยาวชนไปในทางที่ผิด และนำเสนอเทพเจ้าองค์ใหม่ เยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขนด้วยข้อหากบฏและ “ดูหมิ่นพระเจ้า” ทั้งสองกรณีมีความพัวพันระหว่างการเมืองและการใช้ข้อหาหมิ่นศาสนาเป็นเครื่องมือขจัดคนคิดต่าง แต่ผลก็คือข้อกล่าวหาทำนอง “หมิ่นศาสนา” ที่ผู้กล่าวหาตีความว่า “น่าจะ” ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย เป็นส่วนสำคัญหนึ่งในการประหารชีวิตนักปรัชญาและศาสดาคนสำคัญของโลก แต่ตามข้อเท็จจริงแล้ว โสกราตีสก็ไม่ได้ทำอะไรให้ศาสนาของชาวเอเธนส์ “เสื่อมเสีย” ได้จริง และเยซูกลับเป็นผู้ให้กำเนิดศาสนาคริสต์ที่คนส่วนใหญ่ในโลกนับถือ </p>
<p>นายสุพจน์ อาวาส โฆษกพรรคประชาชาติได้อธิบายลักษณะของการกระทำที่เป็นการ “ดูหมิ่นศาสนา” เพื่อเป็นเหตุผลสนับสนุนการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวว่า </p>
<p><span style="color:#2980b9;">“ปัจจุบันมีบุคคลและกลุ่มบุคคลบางกลุ่มใช้เสรีภาพในการนับถือศาสนาของตนเองก่อให้เกิดความแตกแยก ด้วยการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จมีลักษณะ ลบหลู่ และเหยียดหยามคำสอนและศาสดาของศาสนาที่มีหมู่ชนจำนวนมากเลื่อมใสศรัทธาเคารพนับถือ</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">ซึ่งการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเกลียดชังกันหมู่ของประชาชนโดยส่วนรวม เป็นอันตรายต่อความมั่นคงปลอดภัยของรัฐ และเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมทั้งเป็นการขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นในการนับถือศาสนา และการประกอบพิธีกรรมตามหลักความเชื่อตามหลักการทางศาสนาของตน</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">พฤติการณ์ของบุคคลและกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีการเจตนาเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ใส่ความ บิดเบือนเกี่ยวกับเนื้อหาคำสอนของศาสดาของศาสนาบางศาสนา การเผยแพร่ข้อความอันเป็นความเท็จดังกล่าวทำให้ประชาชนผู้ได้รับข้อมูลข่าวสารนั้นหลงเชื่อ ทำให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาในศาสนาที่ถูกใส่ความ บิดเบือน ลบหลู่ หรือ เหยียดหยามได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ของประชาชนภายในประเทศ เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ ประกอบกับประมวลกฏหมายอาญาซึ่งเป็นกฏหมายที่มีบทบัญญัติเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก
</span> (ดู https://www.matichon.co.th/politics/news_3193941)</p>
<p>ผมอ่านหลายรอบก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่า นี่เป็นข้อกล่าวหาแบบ “การล่าแม่มด” ในยุคโบราณและยุคกลางเลย เพราะคำว่า “หมิ่นศาสนา” สามารถตีความได้ครอบจักรวาล ไม่ต่างจากข้อกล่าวหาที่เคยใช้กับโสกราตีส, เยซู, กาลิเลโอ, และคนอีกเป็นแสนๆ ในยุคกลาง หรือในรัฐศาสนาอย่าง “รัฐอิสลาม” ในปัจจุบัน </p>
<p><strong>2. ถ้ามีกฎหมายหมิ่นศาสนาจะมีหลักประกันอะไรว่า จะไม่มีการใช้กฎหมายหมิ่นศาสนาแบบการใช้มาตรา 112</strong> เพราะนิยามของ “การหมิ่นศาสนา” ตามที่โฆษกพรรคประชาชาติอธิบายมันครอบจักรวาลเหมือนหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามที่มีการใช้มาตรา 112 เลย </p>
<p>ปัญหาสำคัญของการมีและการใช้มาตรา 112 คือ ทำให้มีการใช้กฎหมายนี้กดปราบประชาชนที่คิดต่างทางการเมือง หรือใช้กฎหมายนี้กลั่นแกล้งกันในทางการเมืองได้อย่างง่ายดาย แทนที่ 112 จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ให้ดำรง “ความเป็นกลางทางการเมือง” กลับทำให้มีการอ้างเรื่องปกป้องสถาบันกษัตริย์เพื่อใช้ 112 ปิดปากฝ่ายคิดต่าง ดังนั้น การใช้ 112 จึงเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งทางการเมืองตามที่เป็นมาและเป็นอยู่ </p>
<p>เช่นเดียวกัน การอ้างว่ามีกฎหมายหมิ่นศาสนาแล้วจะแก้ปัญหาความขัดแย้งแตกแยก แต่ความจริงแล้วอาจนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพราะนิยามการหมิ่นศาสนาที่ครอบจักรวาล ย่อมทำให้ง่ายต่อการใช้กฎหมายหมิ่นศาสนากดปราบคนคิดต่าง และสร้างความขัดแย้งในหมู่ประชาชน เท่ากับกฎหมายนี้เป็นเงื่อนไขให้มี “การนำศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้ง” เพราะกฎหมายหมิ่นศาสนาอาจนำปสู่การใช้กลั่นแกล้งกันในทางการเมือง และปิดปากคนคิดต่างได้ง่ายดาย ไม่ต่างอะไรกับการใช้ 112 เพราะเป็นการนำเอาศาสนาที่ควรเป็น “ความเชื่อส่วนบุคคล” ไปผูกกับรัฐหรือความมั่นคงของรัฐ ซึ่งเป็นหลักคิดแบบ “รัฐศาสนา” มากกว่าจะเป็นหลักคิดแบบ “รัฐประชาธิปไตยสมัยใหม่” หรือรัฐเสรีประชาธิปไตย </p>
<p><strong>3. กฎหมายหมิ่นศาสนาขัดหลักความยุติธรรมสาธารณะในระบอบเสรีประชาธิปไตย</strong> เพราะหลักความยุติธรรมสาธารณะในระบอบเสรีประชาธิปไตย ต้องเป็นหลักความยุติธรรมที่มี “ความเป็นธรรม” (fairness) แก่พลเมืองทุกคน ไม่ว่าจะถือศาสนาใดๆ หรือไม่ถือศาสนาก็ตาม </p>
<p>ดังนั้น ตามหลักความยุติธรรมสาธารณะ รัฐต้อง “เป็นกลางทางศาสนาและความเชื่อที่ไม่ใช่ศาสนา” โดยรัฐต้องประกันเสรีภาพ, ความเสมอภาคทางศาสนา และให้การศึกษาที่ส่งเสริมให้พลเมืองมีความเคารพและอดกลั้นระหว่างกลุ่มคนที่มีความเชื่อทางศาสนาต่างกัน และกลุ่มคนไม่มีศาสนา รัฐจะไม่ออกกฎหมายใดๆ เพื่อ “อภิสิทธิ์ทางศาสนา” (religious privileges) เช่น กฎหมายบัญญัติศาสนาประจำชาติ กฎหมายอุปถัมภ์ศาสนา กฎหมายห้ามหมิ่นศาสนา การบังคับเรียนศาสนาในโรงเรียนของรัฐ การให้งบฯ อุดหนุนศาสนา เป็นต้น </p>
<p><strong>4. บทบาทของสถาบันต่างๆ ในรัฐเสรีประชาธิปไตย</strong> เช่น บทบาทของรัฐบาล พรรคการเมือง กองทัพ ศาล หน่วยงานราชการต่างๆ ต้องปฏิบัติตามและปกป้อง “คุณค่าหลัก” (core values) ของระบอบเสรีประชาธิปไตย เช่น หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน หลักเสรีภาพทางการเมือง เสรีภาพปัจเจกบุคคล เสรีภาพทางศาสนา หรือเสรีภาพทางความคิดเห็น การพูด การแสดงออก การชุมนุมโดยสงบ เป็นต้น  </p>
<p>ทำไมสถาบันต่างๆ ในรัฐเสรีประชาธิปไตยต้องปฏิบัติตามและปกป้องคุณค่าหลักของระบอบเสรีประชาธิปไตย ก็เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยมั่นคงได้ ถ้าละเมิดคุณค่าหลัก เช่น ทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมมนุญก็เท่ากับทำลายคุณค่าหลัก และประชาธิปไตย หรือการออกกฎหมายใดๆ ที่ขัดหลักเสรีภาพทางการเมืองและเสรีภาพปัจเจกบุคคล หรือกฎหมายที่ง่ายต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือลิดรอนเสรีภาพดังกล่าว ย่อมทำให้ประชาธิปไตยไม่มั่นคง </p>
<p>การพูดถึง “ความมั่นคงของชาติ” โดยไม่พูดถึง “ความมั่นคงของหลักเสรีภาพและประชาธิปไตย” ย่อมเป็นการพูดที่ไร้ความหมาย เพราะ “ชาติ” คือ “ประชาชน” และประชาชนมีอำนาจอธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้จริง ก็ต่อเมื่อประชาธิปไตยมั่นคง</p>
<p><strong>5. ปัญหาของพรรคการเมืองมุสลิมและกลุ่มเคลื่อนไหวชาวพุทธ </strong>คือการเป็นพรรคการเมืองและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อ้างหลักศาสนาของกลุ่มตนในทางที่ขัดกับหลักความยุติธรรมสาธารณะ หรือคุณค่าหลักของระบอบเสรีประชาธิปไตย</p>
<p>เช่น กรณี ส.ส.พรรคประชาชาติอ้างหลักศาสนาอิสลามคัดค้านการออกกฎหมายสมรสเท่าเทียม และการเสนอร่างกฎหมายหมิ่นศาสนา เป็นต้น ทั้งๆ ที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นการให้หลักประกัน “สิทธิเท่าเทียม” แก่คนทุกคนศาสนาและคนไม่มีศาสนาสามารถ “เลือกได้” ว่าจะสมรสเพศเดียวกันเพื่อให้มีสิทธิอื่นๆ เท่าเทียมกับเพศชาย-หญิงเท่านั้น ไม่ใช่กฎหมายที่ “บังคับ” ให้ชาวมุสลิมหรือชาวศาสนาไหนๆ ต้องสมรสเพศเดียวกันแต่อย่างใด ถึงมีกฎหมายเช่นนี้ชาวมุสลิมก็มีสิทธิ์เลือกที่จะไม่สมรสเพศเดียวกันได้อยู่แล้ว การทำหน้าที่ ส.ส.ของพรรคประชาชาติในกรณีนี้จึงขัดกับหลัก “สิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียม” ของระบอบเสรีประชาธิปไตย ทำให้เกิดคำถามว่าคุณเป็น “ผู้แทนของชาวมุสลิมเท่านั้น” หรือ “เป็นผู้แทนปวงชน” ไม่ว่าจะเป็นชาวมุสลิม ชาวศาสนาไหนๆ รวมทั้งคนไม่มีศาสนาด้วย </p>
<p>อีกกรณีคือ กลุ่มชาวพุทธที่ประกอบด้วยพระสงฆ์และฆราวาสเคลื่อนไหวเรียกร้องให้บัญญัติพุทธศาสนาเป็น “ศาสนาประจำชาติ” ในรัฐธรรมนูญ และเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐออกกฎหมายอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนาเป็นต้น รวมทั้งชาวมุสลิมเรียกร้องการออกฎหมายพิเศษทางศาสนาของกลุ่มตน ล้วนแต่สวนทางกับการพัฒนาไปสู่ระบอบเสรีประชาธิปไตยโลกวิสัยทั้งสิ้น กลุ่มชาวพุทธและมุสลิมเหล่านี้ “เล่นการเมือง” เพื่ออภิสิทธิ์ทางศาสนาของกลุ่มตนอย่างขัดหลักความยุติธรรมสาธารณะ หรือคุณค่าหลักของระบอบประชาธิปไตย</p>
<p><strong>6. หยุดทำให้ศาสนาขัดแย้งกับศีลธรรม</strong> ประวัติศาสตร์ของการมีและการใช้กฎหมายหมิ่นศาสนาล่าแม่มด กดปราบคนคิดต่าง คือประวัติศาสตร์ของ “การทำให้ศาสนาขัดแย้งกับศีลธรรม” เพราะขณะที่พระศาสดาสอนให้ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง, จงให้อภัยแก่ศัตรู” แต่ในยุคกลางศาสนจักกลับใช้ข้อหาหมิ่นศาสนาที่ตีความได้ครอบจักรวาลจับผู้คนนับแสนๆ มาขังคุกทรมาน แขวนคอ และเผาทั้งเป็น </p>
<p>ปัจจุบันประเทศที่ยังเป็นรัฐศาสนา ก็ใช้กฎหมายหมิ่นศาสนาลงโทษรุนแรงอย่างขัดหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งล้วนแต่เป็นการทำให้ศาสนาขัดแย้งกับคำสอนพระศาสดา หรือขัดแย้งกับ “พระเจ้า” และเสรีภาพแห่งความเป็นมนุษย์</p>
<p>ในสังคมสมัยใหม่มีแนวคิดศีลธรรมที่เป็นอิสระจากศาสนา คือ “ศีลธรรมโลกวิสัย” หรือ “ secular morality” ที่ถือว่า “แก่น” ของศีลธรรมคือการที่ปัจเจกบุคคลมี “autonomy” คือมีอิสรภาพหรือเสรีภาพในการกำหนดตนเอง การมีเสรีภาพทำให้เราแต่ละคนกำหนดกฎศีลธรรมขึ้นมาใช้สำหรับตนเองและใช้ร่วมกันกับทุกคนได้ เช่นเดียวกับเรามีเสรีภาพกำหนดกฎกติกาทางสังคมและการเมืองขึ้นมาใช้ร่วมกันได้บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน </p>
<p><strong>ดังนั้น ศีลธรรมสมัยใหม่จึงสอดคล้องไปกันได้กับหลักความยุติธรรมสาธารณะหรือคุณค่าหลักของระบอบเสรีประชาธิปไตย การมีกฎหมายหมิ่นศาสนาจึงเป็นการทำให้ศาสนาเป็นปฏิปักษ์ต่อศีลธรรมสมัยใหม่ ซึ่งย่อมขัดแย้งกับกระแสเรียกร้องเสรีภาพ ความเสมอภาค และความเป็นประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่อย่างมีนัยสำคัญด้วย</strong></p>
<p>ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พรรคการเมือง และกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวพุทธและชาวมุสลิมในไทย จะเกิด “การเรียนรู้” และ “ตื่นรู้” เสียทีว่า พุทธศาสนาและศาสนาอิสลามสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี และมีคุณค่าต่อบุคคลหรือกลุ่มคนผู้ศรัทธาควบคู่กับการปกป้องรักษาหลักความยุติธรรมสาธารณะ หรือคุณค่าหลักของระบอบเสรีประชาธิปไตยได้ </p>
<p><strong>หรือตื่นรู้เสียทีว่า ศาสนาไม่จำเป็นต้องขัดแย้ง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อศีลธรรมสมัยใหม่ แล้วเลิกเคลื่อนไหวเรียกร้องการบัญญัติกฎหมายใดๆ เพื่ออภิสิทธิ์ทางศาสนาของกลุ่มตน ซึ่งขัดหลักการประชาธิปไตยโลกวิสัย และขัดกับคำสอนของพระศาสดา หรืออาจขัดหลักธรรมะ และพระประสงค์ของพระเจ้าเสียเอง!  </strong></p>
<p> </p>
<p><strong>ที่มาภาพ </strong>https://siamrath.co.th/n/320868</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทคhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108255
 
1636  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - น้อยไปหรือ? หนุ่มส่งเงินให้แม่เดือนละหมื่น แต่ยังไม่พอ พอถามก็ทะเลาะ-ทวงบุญคุณ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 04:30:45
น้อยไปหรือ? หนุ่มส่งเงินให้แม่เดือนละหมื่น แต่ยังไม่พอ พอถามก็ทะเลาะ-ทวงบุญคุณ
         


น้อยไปหรือ? หนุ่มส่งเงินให้แม่เดือนละหมื่น แต่ยังไม่พอ พอถามก็ทะเลาะ-ทวงบุญคุณ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;หนุ่มกลุ้มใจ ส่งเงินให้แม่เดือนละ 12,000 บาท แม่บอกไม่พอ พอถามก็ทะเลาะกัน แถมทวงบุญคุณ ถามควรทำอย่างไร
         

https://www.sanook.com/news/9267282/
         
1637  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เมื่อโรงงานคือท้องถนน: อำนาจต่อรองของไรเดอร์ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 03:30:35
เมื่อโรงงานคือท้องถนน: อำนาจต่อรองของไรเดอร์
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-03-01 00:08</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>พฤกษ์ เถาถวิล
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี</p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พ้นปีใหม่ไม่ถึง 2 เดือน การลดค่ารอบอย่างไม่เกรงใจใครของบริษัท ทำให้การประท้วงของไรเดอร์เกิดขึ้นในหลายจังหวัด การประท้วงไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น Rocket Media Lab รวบรวมข้อมูลการประท้วงของไรเดอร์ระหว่างปี 2562 – 2566 พบว่าในช่วง 5 ปี มีการประท้วงเกิดขึ้นรวม 113 ครั้ง เฉลี่ยปีละ 23 ครั้ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สาเหตุเกิดจากความคับข้องใจต่อการลดค่ารอบ และสาเหตุอื่นๆ เช่น ระบบรับงานจ่ายงาน สวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน<a href="#_edn1" name="_ednref1" title="" id="_ednref1">[1][/url]</p>
<p>คลื่นการประท้วง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการลุกฮือของไรเดอร์ ทำให้บริษัทฟังเสียงไรเดอร์อยู่บ้าง เช่น บริษัทชะลอการลดค่ารอบ ปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อจูงใจไรเดอร์หรือลูกค้า แต่สิ่งที่บริษัทแสดงออกอย่างชัดเจนคือ การไม่ยอมพบ ไม่เจรจา ไม่ร่วมเวทีพูดคุย และหาจังหวะลดค่ารอบอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดแสดงถึงความมั่นใจในอำนาจเหนือกว่าของบริษัท ในสนามที่ดุลกำลังแตกต่างกันเช่นนี้ ไรเดอร์จะรับมือกับสถานการณ์อย่างไร ?  </p>
<p>บทความนี้เสนอแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์ ในการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และกำหนดแนวทางต่อสู้ระยะยาว โดยนำเสนอสาระสำคัญของเครื่องมือช่วยคิด ซึ่งเป็นที่รู้จักในขบวนการแรงงานนานาชาติ เพื่อปรับใช้กับกรณีของไทย</p>
<p><strong>“ทรัพยากรอำนาจ” (power resources approach) </strong>เป็นแนวการวิเคราะห์ที่ก่อตัวขึ้นปลายทศวรรษ 1960 ท่ามกลางสถานการณ์ที่สหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นฐานกำลังของขบวนการแรงงานอ่อนแรง และฝ่ายทุนปรับตัวไปสู่ยุทธศาสตร์การจ้างงานแบบยืดหยุ่น ซึ่งเป็นการจ้างงานที่ให้ประโยชน์กับทุน และช่วยอำพรางความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้าง-ลูกจ้าง แนววิเคราะห์ทรัพยากรอำนาจ ได้ก่อตัวขึ้น โดยมีคำถามสำคัญว่า ท่ามกลางดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียมระหว่างทุนกับแรงงาน แรงงานมีแนวทางสร้างและทำให้อำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นได้อย่างไร<a href="#_edn2" name="_ednref2" title="" id="_ednref2">[2][/url]</p>
<p>รากของแนววิเคราะห์ทรัพยากรอำนาจ มาจากสองทาง ทางหนึ่งมาจาก <strong>แนววิเคราะห์ชนชั้น </strong>ของนักคิดฝ่ายซ้าย ที่เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างทุนกับแรงงาน เป็นความสัมพันธ์เชิงปฏิปักษ์ ผลประโยชน์ของแรงงานจะได้มาก็ด้วยอำนาจต่อรองที่เข้มแข็ง อีกทางหนึ่ง มาจากบทเรียนของสหภาพแรงงาน ที่พบว่าการออกจากรั้วโรงงานและประเด็นเศรษฐกิจของแรงงาน ไปเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม คือแนวทางคงความสำคัญของสหภาพแรงงาน แนวทางนี้ต่อมาถูกเรียกว่า <strong>สหภาพแรงงานที่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม (social movement unionism)</strong><a href="#_edn3" name="_ednref3" title="" id="_ednref3">[3][/url]         </p>
<p>“ทรัพยากรอำนาจ” พูดอีกอย่างคือ “แหล่งที่มาของอำนาจ” หากทราบลักษณะและแหล่งที่มาของอำนาจ จะช่วยให้แรงงานมีแนวทางสร้างและขยายอำนาจต่อรองให้สูงขึ้น จากแนวคิดที่ก่อตัวขึ้นเบื้องต้น<a href="#_edn4" name="_ednref4" title="" id="_ednref4">[4][/url] ได้เกิดการพัฒนาต่อยอด นำไปสู่การตกผลึกทางความคิด ว่าด้วยทรัพยากรอำนาจ 4 ด้าน<a href="#_edn5" name="_ednref5" title="" id="_ednref5">[5][/url] ได้แก่</p>
<p><strong>อำนาจการรวมตัว (associational power)</strong>  เกิดจากการรวมตัวเป็นองค์กร เช่น กลุ่ม สมาคม สหภาพ  องค์กรยิ่งเข้มแข็ง มีสมาชิกกว้างขวาง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมขับเคลื่อนภารกิจ ยิ่งมีอำนาจมาก อำนาจจากการรวมตัว อาจเห็นได้จากการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น การนัดหยุดงาน ประท้วง รณรงค์ ความเต็มใจสนับสนุนเงินหรือทำงานให้กับองค์กร</p>
<p><strong>อำนาจเชิงโครงสร้าง (structural power)</strong> เกิดจากตำแหน่งแห่งที่ของแรงงานในระบบเศรษฐกิจ หากเป็นงานในอุตสาหกรรมสำคัญ และแรงงานมีทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการของนายจ้าง แรงงานจะมีอำนาจต่อรองสูง เช่น แรงงานในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ มีอำนาจต่อรองสูงกว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอโดยเปรียบเทียบ อำนาจเชิงโครงสร้างยังขึ้นอยู่กับความสามารถทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือหยุดชะงัก (disrupt) ของการผลิตและเศรษฐกิจ เช่น แรงงานท่าเรือ ขนส่งมวลชน ขนส่งสินค้า สามารถขัดขวางและหยุดห่วงโซ่การขนส่งทั้งหมดได้ อำนาจเชิงโครงสร้างจึงเป็นอำนาจต่อรองที่เกิดขึ้นทั้งในตลาดแรงงานและในสถานที่ทำงาน</p>
<p><strong>อำนาจเชิงสถาบัน (institutional power)</strong> มาจากกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายแรงงานที่ก้าวหน้า ให้ความคุ้มครองตามมาตรฐาน เกิดจากการมีส่วนร่วมของแรงงาน รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงแรงงาน ศาลแรงงาน ที่เที่ยงธรรมเป็นที่พึ่งของแรงงาน พรรคการเมืองของชนชั้นแรงงาน หรือพรรคที่มีนโยบายสนับสนุนแรงงาน และครอบคลุมถึงสถาบันของแรงงาน เช่น สภาแรงงาน สมาพันธ์แรงงาน ที่เป็นเอกภาพ และเป็นองค์กรปกป้องผลประโยชน์ของแรงงานอย่างแท้จริง   </p>
<p><strong>อำนาจเชิงสังคม (societal power)</strong> เกิดจากความร่วมมือขององค์กรแรงงาน กับองค์กรทางสังคมอื่นๆ เช่น องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ ภาคประชาสังคม พรรคการเมือง และประชาชนทั่วไป ซึ่งมีเป้าหมายขับเคลื่อนประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของสังคม ด้านหนึ่ง อำนาจทางสังคมเกิดจากการสร้างความร่วมมือกับองค์กรทางสังคมอื่นๆ อีกด้านหนึ่ง เกิดจากการสื่อสารกับสังคมวงกว้าง ให้สังคมเข้าใจ เห็นใจ และทำให้เรื่องสิทธิแรงงาน เป็นส่วนหนึ่งของวาระทางสังคม</p>
<p>ในความเป็นจริง อำนาจทั้ง 4 ด้านเหลื่อมซ้อน สนับสนุนกัน ไม่หยุดนิ่ง ผันแปรไปตามสถานการณ์ เพราะฝ่ายรัฐและทุนต่างเป็นผู้เล่นในสมการอำนาจ และไม่มีสูตรสำเร็จการสร้างอำนาจต่อรอง หากขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการเมือง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53559900498_c5e692fb97_c_d.jpg" style="width: 640px; height: 360px;" /></p>
<p>เมื่อทดลองนำแนววิเคราะห์ทรัพยากรอำนาจ มาทาบวัดขบวนการไรเดอร์ไทย โดยประเมินจากข้อมูลที่ผู้เขียนมีอยู่ ซึ่งยังขาดความสมบูรณ์ ทำให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้น ซึ่งเป็นตัวอย่างเพื่อการถกเถียง หรือพัฒนาให้ชัดเจนขึ้น อำนาจต่อรองของไรเดอร์พิจารณาจากทรัพยากรอำนาจ 4 ด้านเป็นดังนี้<a href="#_edn6" name="_ednref6" title="" id="_ednref6">[6][/url]</p>
<p>อำนาจการรวมตัว  ในทำนองเดียวกับต่างประเทศ อำนาจการรวมตัวเป็นจุดแข็งของไรเดอร์ไทย เห็นได้จากการประท้วงบ่อยครั้ง การประท้วงมีพื้นฐานจากกลุ่มธรรมชาติ ที่กระจายตัวตามย่านเมือง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด  กลุ่มสื่อสารกันโดยพบหน้าในที่ทำงาน และโซเชียลมีเดีย กลุ่มมีพัฒนาการเชิงองค์กรต่างกัน บางส่วนเริ่มจัดองค์กรเป็นทางการ บางส่วนจดทะเบียนเป็นสมาคม ไรเดอร์สานตัวเป็นเครือข่ายความร่วมมือแนวระนาบ ผ่านโซเชียมีเดีย มีเพจเฟสบุ๊คที่มีบทบาทสูงจำนวนหนึ่ง เป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น ให้กำลังใจ รณรงค์ และระดมสรรพกำลังประท้วงในบางโอกาส</p>
<p>อำนาจเชิงโครงสร้าง ด้วยเหตุที่งานของไรเดอร์ สมัครงานง่าย ในตลาดแรงงานมีคนพร้อมทำงานจำนวนมาก และเป็นงานทักษะไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับงานอื่นๆ ทำให้ไรเดอร์มีอำนาจเชิงโครงสร้างต่ำ ขณะที่บริษัทมีอำนาจเชิงโครงสร้างสูง จึงไม่น่าประหลาดใจที่บริษัทไม่อ่อนข้อ และเดินหน้านโยบายตามความต้องการของบริษัท อย่างไรก็ตาม ไรเดอร์มีอำนาจสร้างความปั่นป่วนให้กับบริษัท คือการนัดหยุดงาน หรือ “ปิดแอป” การปิดแอปใช้ได้ผลหลายครั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การปิดแอปเป็นเครื่องมือต่อรองที่ไรเดอร์มีเหนือกว่าแรงงานกลุ่มอื่นเป็นพิเศษ แต่การแสดงพลังนี้ได้ก็มีข้อจำกัดหลายประการ</p>
<p>อำนาจเชิงสถาบัน เป็นจุดอ่อนที่สุด เพราะไทยไม่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานแพลตฟอร์ม ในขณะที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานที่มีอยู่ ตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของการจ้างงานแบบใหม่ แพลตฟอร์มจึงใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการหาประโยชน์ อีกทั้งกฎหมายจัดตั้งสหภาพ และเสรีภาพในการรวมตัว สกัดกั้น หรือไม่เอื้อต่อการรวมตัวสร้างอำนาจต่อรองของไรเดอร์ รวมไปถึงบรรดาหน่วยราชการ พรรคการเมือง สถาบันแรงงานส่วนใหญ่ ซึ่งไม่สามารถเป็นที่พึ่งของแรงงานได้</p>
<p>อำนาจเชิงสังคม  ค่อนข้างมีภาษี เห็นได้จากการให้ความสนใจขององค์กรทางสังคมต่อไรเดอร์ เช่น ภาควิชาการ แหล่งทุนวิจัย องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ด้านหนึ่งความสนใจมาจากองค์กรทางสังคมที่เห็นว่าไรเดอร์เป็นแรงงานกลุ่มใหม่ในสังคมไทย อีกด้านหนึ่งมาจากกลุ่มไรเดอร์ ที่ตระหนักถึงการสร้างภาพลักษณ์ในสังคม ผ่านสื่อและกิจกรรมต่างๆ และไรเดอร์จำนวนหนึ่งออกไปร่วมงาน ประสานงาน จัดทำโครงการต่างๆ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และผลักดันให้ประเด็นปัญหาของไรเดอร์เป็นที่รับรู้ของสังคมวงกว้าง</p>
<p>การวิเคราะห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของไรเดอร์ ด้านที่เป็นจุดแข็งคือ อำนาจการรวมตัวซึ่งมีพื้นฐานที่ดี ขั้นต่อไปคือการสร้างความเข้มแข็งขององค์กร ซึ่งไม่จำกัดว่าต้องเป็นสหภาพแรงงานแบบดั้งเดิม แต่อาจมีรูปแบบแตกต่างออกไป ที่ผ่านมามีการริเริ่มสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มหรือองค์กรในแนวระนาบ ทั้งระหว่างกลุ่มไรเดอร์เอง ไรเดอร์กับสหภาพแรงงาน และองค์กรทางสังคมอื่นๆ ซึ่งอาจนำไปสู่รูปแบบใหม่ๆของขบวนการแรงงานไทย</p>
<p>จุดแข็งอีกด้านคืออำนาจเชิงสังคม ไรเดอร์ประสบความสำเร็จในการใช้โซเชียลมีเดียสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จัดตั้งทางความคิด และอัตลักษณ์ทางสังคม ไรเดอร์ยังมีส่วนช่วยผลักดันวาระทางสังคม เช่น ความไม่มั่นคงของแรงงานกลุ่มใหม่ อุบัติเหตุและสุขภาพจากการทำงาน มลภาวะทางอากาศ สิทธิของแรงงานหญิง ดังเห็นได้จากหลายองค์กรเข้ามารับลูกผลักดันประเด็นดังกล่าว ในขั้นต่อไปของอำนาจเชิงสังคมคือการขยายเครือข่ายความร่วมมือ และผลักดันวาระทางสังคมของแรงงาน ให้กว้างขวางมากขึ้น</p>
<p>ส่วนด้านจุดอ่อนคือ อำนาจเชิงโครงสร้าง การที่บริษัทมีอำนาจด้านนี้เหนือกว่าไรเดอร์มาก ทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะกดดันให้บริษัทยอมรับข้อเรียกร้อง และไรเดอร์ต้องสร้างอำนาจจากแหล่งอื่นมาถ่วงดุล แต่ในจุดอ่อนก็มีจุดแข็ง คืออำนาจสร้างความปั่นป่วนจากการนัดปิดแอป ซึ่งหากเข้าใจธรรมชาติของอำนาจด้านนี้ จะทำให้สามารถออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสม และสามารถสร้างความเสียหายให้บริษัทมากกว่าที่คาดคิด</p>
<p>และอีกด้านที่อาจกล่าวว่าเป็นจุดอ่อนที่สุด คืออำนาจเชิงสถาบัน กฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ตามไม่ทันสถานการณ์ ทำให้บริษัทสามารถฉกฉวยโอกาสจากช่องว่างทางกฎหมาย แต่หากสามารถอุดช่องว่างนั้นได้ จะเป็นการพลิกสถานการณ์ให้มาอยู่ข้างไรเดอร์ การต่อสู้เรื่องกฎหมาย อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่เมื่อมองทรัพยากรอำนาจที่สัมพันธ์กันทั้ง 4 ด้านแล้ว จะเข้าใจว่า การต่อสู้ผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าสำหรับแรงงานทุกคน เป็นสมรภูมิที่ละเลยไม่ได้   </p>
<p><strong>การที่บริษัทลดค่ารอบอย่างไม่ฟังเสียง มาจากการประเมินว่าบริษัทมีอำนาจเหนือไรเดอร์ในทุกด้าน บริษัทคาดว่าการลดค่ารอบ จะบีบให้ไรเดอร์ส่วนหนึ่งลาออก เหลือคนที่ยอมรับค่าตอบแทนในระดับต่ำสุดตามที่บริษัทต้องการ แต่การสู้ไม่หยุด และการเกิดรูปแบบใหม่ๆของการสร้างอำนาจต่อรองของไรเดอร์ แสดงให้เห็นว่าแรงงานไทยกลุ่มใหม่ มาไกลเกินกว่าจะถอย.  </strong>  <span style="font-size:11pt"><span style="text-justify:inter-cluster"><span style="line-height:normal"><span style="font-family:Calibri,sans-serif"><span lang="TH" style="font-size:16.0pt" xml:lang="TH"><span style="font-family:&quot;TH SarabunPSK&quot;,sans-serif">    </span></span></span></span></span></span></p>
<div> 

<div id="edn1">
<p> </p>
<p><strong>อ้างอิง</strong></p>
<p><a id="1" name="1">[1][/url] Rocket Media Lab, 22 มกราคม 2557. 5 ปีไรเดอร์ไทย ต้องต่อสู้กับแพลตฟอร์มเรื่องใดบ้าง, https://rocketmedialab.co/rider-protest/</p>
</div>
<div id="edn2">
<p><a href="#_ednref2" name="_edn2" title="" id="_edn2">[2][/url] Schmalz S., Ludwig C. and Webster E. (2018). The Power Resources Approach: Developments and Challenges. Global Labour Journal, 9(2), pp. 113–134.</p>
</div>
<div id="edn3">
<p><a href="#_ednref3" name="_edn3" title="" id="_edn3">[3][/url]แนววิเคราะห์ชนชั้นดูตัวอย่างจาก Wright, E. O. (2000). Working-Class Power, Capitalist-Class Interests, and Class Compromise American Journal of Sociology. Vol. 105, No. 4 , pp. 957-1002.; สหภาพแรงงานที่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมดู Waterman, P. (1993). "Social-Movement Unionism: A New Union Model for a New World Order". Review (Fernand Braudel Center). Fernand Braudel Center. 16 (3): 245–278.; ภาษาไทยดู นภาพร อติวานิชยพงศ์ (2561). สหภาพแรงงานไทยที่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม. กรุงเทพฯ: มูลนิธิฟรีดริด เอแบร์ท</p>
</div>
<div id="edn4">
<p><a href="#_ednref4" name="_edn4" title="" id="_edn4">[4][/url] Wright, E. O. (2000). Working-Class Power, Capitalist-Class Interests, and Class Compromise American Journal of Sociology. Vol. 105, No. 4 , pp. 957-1002. และ Silver, B. (2003). Forces of Labor: Workers’ Movements and Globalization since 1870. New York: Cambridge University Press.</p>
</div>
<div id="edn5">
<p><a href="#_ednref5" name="_edn5" title="" id="_edn5">[5][/url] Schmalz S., Ludwig C. and Webster E. (2018). The Power Resources Approach: Developments and Challenges. Global Labour Journal, 9(2), pp. 113–134.</p>
</div>
<div id="edn6">
<p><a href="#_ednref6" name="_edn6" title="" id="_edn6">[6][/url] ข้อมูลในส่วนนี้มาจากงานของผู้เขียน พฤกษ์ เถาถวิล และวรดุลย์ ตุลารักษ์. (2566). อุบัติเหตุและสุขภาพของคนขับรถจักรยานยนต์ส่งอาหารภายใต้การควบคุมของแพลตฟอร์ม. รายงานการวิจัย โครงการพัฒนาความรู้และความเข้มแข็งกลุ่มแรงงานนอกระบบเพื่อสุขภาวะ มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา. เข้าดูได้จาก https://shorturl.asia/vIga6  และข้อมูลอีกส่วนหนึ่งมาจากการสำรวจภาคสนามในการวิจัยของผู้เขียน ระหว่างกลางปี 2566 ถึงต้นปี 2567 รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์จะเผยแพร่ประมาณกลางปี 2567 </p>
</div>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทคhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108256
 
1638  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ศัลยกรรมพลาด สาวสมองพิการตลอดชีวิต นอนเป็นผัก 4 ปี คลินิกยังไม่เยียวยาสักบาท เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 01:58:28
ศัลยกรรมพลาด สาวสมองพิการตลอดชีวิต นอนเป็นผัก 4 ปี คลินิกยังไม่เยียวยาสักบาท
         


ศัลยกรรมพลาด สาวสมองพิการตลอดชีวิต นอนเป็นผัก 4 ปี คลินิกยังไม่เยียวยาสักบาท" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;คลินิกศัลยกรรมทำพลาด สาวสมองพิการตลอดชีวิต นอนเป็นผัก 4 ปี ศาลสั่งเยียวยา 29 ล้าน แต่ยังไม่ได้สักบาท
         

https://www.sanook.com/news/9267402/
         
1639  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - [Live] ความตื่นตัวของนศ.ในวาระ 20 ปี ทนายสมชายถูกอุ้มหาย กับนายกฯ ลงพื้นที่ 'เที่ยวใ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 01:42:45
[Live] ความตื่นตัวของนศ.ในวาระ 20 ปี ทนายสมชายถูกอุ้มหาย กับนายกฯ ลงพื้นที่ 'เที่ยวใต้สุดใจ'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-03-01 01:12</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/MuzFc8COy2w?si=h7eA9cPSiHNtHu0s" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>บันทึกถ่ายทอดสดการสนทนากับ เอกรินทร์ ต่วนศิริ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี เพื่อชวนมองปรากฏการณ์นักศึกษา คณะรัฐศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี จัดกิจกรรมรำลึกการอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร กับวาระครบรอบ 1 ปี ที่ พ.ร.บ.อุ้มหาย มีผลบังคับใช้ จนถึงชวนมองโจทย์หลังนายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนใต้ ชูส่งเสริมการท่องเที่ยว “เที่ยวใต้สุดใจ” จะเป็นวิธีการแก้ปัญหาในพื้นที่จริงหรือ และประเด็น ที่ สว.ออกมาส่งสัญญาณเตือนรัฐบาล หลักรัฐไทยกับ BRN มีข้อตกลงร่วมในแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสันติสุขแบบองค์รวม
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-0" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สัมภhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108257
 
1640  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - จำคุก 6 ปี 'ไบร์ท-ชินวัตร' ไม่รอลงอาญา ผิด 'ม.112-มั่วสุม' ปราศรัยม็อบ #25พฤศจิกาไ เมื่อ: 01 มีนาคม 2567 00:07:46
จำคุก 6 ปี 'ไบร์ท-ชินวัตร' ไม่รอลงอาญา ผิด 'ม.112-มั่วสุม' ปราศรัยม็อบ #25พฤศจิกาไปSCB
 


<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2024-02-29 14:16</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>หมายเหตุ : 29 ก.พ.2567 เวลา 21.15 น. ประชาไทมีการปรับแก้เนื้อหาและพาดหัวข่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศาลพิพากษา 'ไบรท์ ชินวัตร' จำคุกรวม 6 ปี ลดเหลือ 3 ปี ไม่รอลงอาญา ข้อหา 'ม.112-ชุมนุมมั่วสุม' กรณีปราศรัยในการชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB  หน้าธ.ไทยพาณิชย์ ก่อนส่งศาลอุทธรณ์ประกัน</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Flawyercenter2014%2Fposts%2Fpfbid02x816xkqDNLxhYMVjP3Gx529pMk77vnAP1nTCC1rzCEjssHbPoPxoywJURP2MiBw7l&amp;show_text=true&amp;width=500" width="500" height="792" style="border:none;overflow:hidden" scrolling="no" frameborder="0" allowfullscreen="true" allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share"></iframe></p>
<p>29 ก.พ. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าวันนี้ (29 ก.พ.) ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีของ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ซึ่งมีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีปราศรัยในการชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB ที่บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563</p>
<p>ศูนย์ทนายฯ ได้รับแจ้งว่า ศาลออกนั่งพิจารณาคดีและอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ สามารถสรุปได้ ดังนี้ เห็นว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ลงโทษจำคุก 4 ปี, ข้อหา “มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป” และ “เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกมั่วสุมแต่ไม่เลิก” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ มาตรา 216 ลงโทษจำคุก 2 ปี, ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงโทษปรับ 10,000 บาท, ข้อหา “กีดขวางทางสาธารณะ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ลงโทษปรับ 2,000 บาท และข้อหา “ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ ลงโทษปรับ 200 บาท</p>
<p>รวมจำคุก 6 ปี ปรับ 12,200 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี ปรับ 6,100 บาท ไม่รอลงอาญา</p>
<p>ต่อมาเวลา 16.07 น. ทนายความแจ้งว่าได้ยื่นขอประกันตัวชินวัตรระหว่างอุทธรณ์แล้ว โดยนายประกันของชินวัตรวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 150,000 บาท ตามที่เจ้าหน้าที่ศาลประเมินมูลค่าให้</p>
<p>อย่างไรก็ตาม ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ทำให้ในวันนี้ ชินวัตรถูกนำตัวไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ</p>
<p>ศูนย์ทนายฯ ระบุดว้ยว่า จากการติดตามของศูนย์ทนายฯ จนถึงปัจจุบัน (29 ก.พ. 2567) มีผู้ถูกคุมขังในคดีจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมืองแล้วถึง 42 คน โดยมีชินวัตรเป็นรายล่าสุด จำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 จำนวน 25 คน และเป็นผู้ต้องขังระหว่างการต่อสู้คดีโดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวถึง 30 คน แยกเป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 19 คน และคดีข้อหาอื่นๆ อีก 11 คน</p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>ประมวลสถานการณ์ชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB</li>
<li>
<p>'รุ้ง-บอย' เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 จาก #25พฤศจิกาไปSCB และ #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว</p>
</li>
</ul>
</div>
<div>ศูนย์ทนายฯ รายงานจ้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับคดีนี้เติมด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 คดีนี้เคยถูกพนักงานอัยการสั่งฟ้องต่อศาลอาญา โดยมีผู้ถูกดำเนินคดีทั้งหมด 8 ราย ได้แก่ อานนท์ นำภา, “ตี้” วรรณวลี ธรรมสัตยา, “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี, “ไบร์ท” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, “แอมป์” ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, “บอย” พงศธรณ์ ตันเจริญ และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก นอกจากนั้นยังมี “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ถูกอัยการแยกฟ้องต่างหาก ก่อนภายหลังจะมีการรวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกันในวันที่ 9 พ.ค. 2565</div>
<div> </div>
<div>กระทั่ง วันที่ 25 ม.ค. 2567 ซึ่งเป็นนัดสืบพยานโจทก์ ชินวัตรตัดสินใจถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คดีจึงเสร็จการพิจารณาในส่วนของชินวัตร และนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ ดังกล่าว</div>
<div> </div>
<div>
<h2><span style="color:#2980b9;">คำฟ้องใหม่คดีของนักกิจกรรม 7 ราย ยืนยันให้การปฏิเสธและต่อสู้คดี</span></h2>
<p>ศูนย์ทนายฯ รายงานข้อมูลคดีของจำเลยอีก 7 ราย ไว้ด้วยว่า ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี และให้พนักงานอัยการแยกฟ้องจำเลยทั้งหมดเข้ามาใหม่ โดยได้สั่งฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลอาญาแล้วในวันที่ 7 ก.พ. 2567 สามารถสรุปได้ ดังนี้</p>
<div class="note-box">
<p style="margin-left: 40px;">เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563 จำเลยทั้ง 7 กับพวก ได้ร่วมกันประกาศชักชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมทางการเมืองที่มีชื่อว่า #25พฤศจิกา หรือ #25พฤศจิกาไปSCB ที่บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านทางบัญชีเฟซบุ๊กของจำเลยและผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และ “เยาวชนปลดแอก”</p>
<p style="margin-left: 40px;">กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องทวงคืนทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์หรือทรัพย์สินที่ควรเป็นของชาติ โดยมีข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพพ้นออกจากตำแหน่งไป เพราะมีที่มาไม่ถูกต้องและเพื่อเปิดทางให้ประเทศไทยกลับสู่ครรลองของระบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญและเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากประชาชน</p>
<p style="margin-left: 40px;">ในวันเกิดเหตุ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 8,000 คน โดยมีการปราศรัยผ่านเครื่องกระจายเสียง ซึ่งมีใจความสำคัญในลักษณะว่าสถาบันกษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจแทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติและทรงใช้ภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ อาทิ การดำเนินงานพิธีการหรือการตกแต่งในงานเนื่องในวันพระราชพิธีต่างๆ หรือกิจการในส่วนสถาบันพระกษัตริย์</p>
<p style="margin-left: 40px;">พนักงานอัยการระบุว่า จำเลยทั้ง 7 กับพวกได้ร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยผลัดเปลี่ยนกันพูดปราศรัยและเป็นดำเนินรายการในระหว่างชุมนุมสาธารณะ ดังนี้</p>
<p style="margin-left: 40px;">อานนท์ นำภา จำเลยที่ 1 ได้พูดปราศรัยเกี่ยวกับความกังวลที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทูลเกล้าถวายคืนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้องค์พระมหากษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว ได้ใช้จ่ายตามพระราชอัธยาศัย</p>
<p style="margin-left: 40px;">พริษฐ์ ชิวารักษ์ จำเลยที่ 2 ได้พูดปราศรัยโดยเริ่มจากร้องเพลงฉ่อยร่วมกับ ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา ก่อนปราศรัยเกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน</p>
<p style="margin-left: 40px;">ภาณุพงศ์ จาดนอก จำเลยที่ 3 ได้พูดปราศรัยเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือ การจะไม่ยอมให้ทรัพย์สินของแผ่นดินตกไปเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง</p>
<p style="margin-left: 40px;">วรรณวลี ธรรมสัตยา จำเลยที่ 4 ได้พูดปราศรัยเกี่ยวกับการที่ประชาชนเสียภาษีให้กับกษัตริย์เฉลี่ยปีละ 430 บาท ต่อคน และพูดแสดงความเห็นว่าหากวันใดที่เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลง ก็ควรจะลดอัตราการเสียภาษีลงมาให้เกิดความเหมาะสม</p>
<p style="margin-left: 40px;">พงศธรณ์ ตันเจริญ จำเลยที่ 5 ได้พูดปราศรัยเกี่ยวกับความต้องการเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์</p>
<p style="margin-left: 40px;">พรหมศร วีระธรรมจารี จำเลยที่ 6 ได้เป็นผู้ดำเนินรายการ</p>
<p style="margin-left: 40px;">ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา จำเลยที่ 7 ได้ร่วมกันกล่าวคำปราศรัย โดยนำเสนอผ่านการแสดงเพลงฉ่อย ร่วมกับพริษฐ์ ชิวารักษ์</p>
<p style="margin-left: 40px;">อัยการระบุในฟ้องว่าเมื่อบุคคลที่ 3 ได้ฟังคำปราศรัยดังกล่าว ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจว่าพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ทรงมีเจตนาเอาทรัพย์สินส่วนรวมมาเป็นของตัวเอง เบียดเบียนเอาภาษีของประชาชนมาเป็นของส่วนตัว ทรงใช้พระราชอำนาจเข้าไปแทรกแซงการเมืองการปกครอง อันเป็นการใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ด้วยข้อความหยาบคาย เป็นเท็จหรือบิดเบือน โดยน่าจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง</p>
<p style="margin-left: 40px;">ในท้ายคำฟ้องพนักงานอัยการได้ระบุข้อกล่าวหาต่อจำเลยทั้ง 7 ราย ดังนี้</p>
<p style="margin-left: 40px;">1.ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112</p>
<p style="margin-left: 40px;">2.ร่วมกันทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116</p>
<p style="margin-left: 40px;">3.ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215</p>
<p style="margin-left: 40px;">4.เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกการกระทำแต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216</p>
<p style="margin-left: 40px;">5.ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 10</p>
<p style="margin-left: 40px;">6.ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 108, 114</p>
<p style="margin-left: 40px;">7.ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4</p>
<p style="margin-left: 40px;">8.ร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย ตามข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ</p>
<p style="margin-left: 40px;">คดีใหม่นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 1 ก.ค. 2567 เวลา 13.30 น.</p>
</div>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108249
 
หน้า:  1 ... 80 81 [82] 83 84 ... 1140
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.728 วินาที กับ 21 คำสั่ง