[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 มิถุนายน 2567 03:07:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 139 140 [141] 142 143 ... 1146
2801  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สีขาวยิ่งปัง ไฮโซเจนธิรา สวมชุดไทยบรมพิมานที่บรูไน เบื้องหลังทรหดยิ่งกว่าชุดด เมื่อ: 18 มกราคม 2567 01:50:09
สีขาวยิ่งปัง ไฮโซเจนธิรา สวมชุดไทยบรมพิมานที่บรูไน เบื้องหลังทรหดยิ่งกว่าชุดดำ
         


สีขาวยิ่งปัง ไฮโซเจนธิรา สวมชุดไทยบรมพิมานที่บรูไน เบื้องหลังทรหดยิ่งกว่าชุดดำ" width="100" height="100   สีขาวสวยไม่แพ้สีดำ ไฮโซเจนธิรา สวมชุดไทยบรมพิมาน ควงสามีร่วมฉลองงานแต่งเจ้าชายบรูไนสวยหล่อออร่ามาก
         

https://www.sanook.com/news/9186946/
         
2802  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้กับบริบทสังคมไทยปัจจุบัน เมื่อ: 18 มกราคม 2567 00:34:35
องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้กับบริบทสังคมไทยปัจจุบัน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 23:48</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="note-box">
<p>บทความชิ้้นนี้เขียนเมื่อปี 2554 ซึ่งยังมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่บ้าง ในกรณีที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.)กำลังนำพื้นที่สวนป่าฯ ออกเร่ขายหาเงิน ผ่านโครงการคาร์บอนเครดิต</p>
</div>
<p>นับเป็นเวลากว่า 64 ปี (พ.ศ. 2490 – 2554) ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ได้กำเนิดขึ้นในสังคมไทย ภายหลังจากที่บริษัททำไม้จากอังกฤษและบริษัทต่างประเทศอื่นๆ ซึ่งทำไม้สักในประเทศไทยมานานเกือบ 100 ปี (ประมาณปี 2399-2497) สิ้นอายุการสัมปทานในปี 2497 ทั้งนี้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ออป.เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2499 ด้วยทุนแรกเริ่มที่รัฐจัดสรรให้จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อทำหน้าที่หลักคือ การทำไม้ในเขตสัมปทาน การทำไม้นอกเขตสัมปทานในพื้นที่โครงการต่างๆของรัฐ เช่น พื้นที่สร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ และการใช้หรือขายไม้ที่อายัดจากการลักลอบตัดไม้หรือการทำไม้เถื่อน เป็นต้น </p>
<p>หากพิจารณาวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ออป. นอกไปจากการทำไม้แล้ว ยังมีวัตถุประสงค์อื่นๆอีก เช่น ปลูกสร้างสวนป่า การค้นคว้าวิจัย และเผยแพร่ความรู้ แต่ที่ผ่านมาบทบาทหลักของ ออป.จะเน้นหนักอยู่ที่การประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมป่าไม้และการปลูกสร้างสวนป่า เป็นด้านหลัก</p>
<p>ในบทความนี้ เครือข่ายฯ ขออนุญาตนำเสนอมุมมองต่อสถานภาพขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ( ออป.) ภายใต้บริบทสังคมไทยปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อพิจารณาแนวทาง มาตรการแก้ไขปัญหาขององค์กรดังกล่าว ให้เกิดความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อไป</p>
<p>1.ด้านเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490 – 2531</p>
<p>ออป. ถือเป็นผู้สัมปทานไม้รายใหญ่ของประเทศ และมีช่วงระยะเวลาการสัมปทานที่ยาวนาน ทำให้รายได้ของ ออป.ในแต่ละปีมีมูลค่ามหาศาล กล่าวคือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490-2515 ออป. มีกำไรสุทธิรวม 1,739.91 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 66.9 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ ปี พ.ศ. 2516-2533 ออป. มีกำไรสุทธิรวม 5,276.41 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 293 ล้านบาท ก่อนรายได้จะลดลงในปี 2534 และประสบภาวะขาดทุนในปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมา กระทั่งประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก จนต้องหาทางออกด้วยการเข้าไปทำไม้ในประเทศพม่า แต่ทว่าทำได้เพียง 3 ปีรัฐบาลพม่าก็ยกเลิกการอนุญาต ทำให้รัฐบาลต้องอุดหนุนองค์กรแห่งนี้ปีละไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท </p>
<p>สาเหตุสำคัญที่ทำให้ ออป. ประสบกับภาวะขาดทุนคือ การประกาศยกเลิกการสัมปทานทำไม้ทั่วประเทศ (ยกเว้นป่าชายเลน) ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2532 ภายหลังเกิดพายุเกย์ถล่มภาคใต้ในปลายปี พ.ศ. 2531 ทำให้ ออป. ไม่มีแหล่งรายได้หลักจากการสัมปทานตัดไม้นั่นเอง</p>
<p>หากพิจารณาสถิติรายได้ของ ออป. จะพบว่าลดลงเป็นลำดับ จาก 303.87 ล้านบาทในปี 2533 เหลือเพียง 35.86 ล้านบาทในปี 2534 และ 24.76 ล้านบาทในปี 2535 หลังจากนั้น ออป.ก็หนีไม่พ้นภาวะขาดทุนซึ่งมากถึง 71.40 ล้านบาทในปี 2536 และขาดทุนสะสมเรื่อยๆ กระทั่งในปี 2541 ออป.ขาดทุนสูงถึง 225.88 ล้านบาท</p>
<p><strong>กล่าวโดยสรุป สถานภาพของ ออป.ในทางเศรษฐกิจถือว่าประสบความล้มเหลวในการประกอบการอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังเป็นภาระของสังคมที่ต้องจัดหางบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นภาษีประชาชนมาใช้จ่ายในองค์กรแห่งนี้</strong> </p>
<p>2. ด้านนิเวศวิทยา ออป. ผู้รักษาหรือทำลาย เป็นที่แน่ชัดว่าวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ คือ การประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไม้ และการปลูกสร้างสวนป่า ซึ่งพื้นที่ดำเนินการจำแนกเป็น 5 ประเภท (โครงการ 1 – 5) จำนวน 124 แห่ง เนื้อที่ทั้งสิ้น 1,118,374.935 ไร่ โดยชนิดพันธุ์ไม้ที่ ออป.ปลูกสร้างส่วนใหญ่คือ ยูคาลิปตัส และปัจจุบันกำลังดำเนินการปลูกยางพาราในพื้นที่สวนป่าเดิม</p>
<p>กระบวนการปลูกสร้างสวนป่าของ ออป. จะมีลักษณะเป็นสวนป่าขนาดใหญ่ (Plantation) โดยการปลูกไม้เศรษฐกิจเชิงเดี่ยว ซึ่งต้องเตรียมแปลงโดยการไถปรับพื้นที่ ทำให้เกิดการทำลายไม้ธรรมชาติเดิมหมดไป ในหลายพื้นที่ เช่น สวนป่าคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ จะพบว่าเจ้าหน้าที่สวนป่าได้ทำลายไม้ธรรมชาติบางแห่ง เช่น ประดู่ แดง ไผ่ ฯลฯ เพื่อปลูกยางพารา เนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ทำให้พื้นที่เสื่อมสภาพ อีกทั้งในหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมในการลักลอบนำไม้ธรรมชาติในเขตสวนป่าออกไปจำหน่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว</p>
<p>จากสถิติพื้นที่ป่าไม้ที่จัดทำโดยกรมป่าไม้ ระบุว่าในปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้เหลืออยู่ 171.02 ล้านไร่ หรือร้อยละ 53.33 ของพื้นที่ประเทศ และในปี พ.ศ. 2547 พื้นที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 104.74 ล้านไร่ หรือร้อยละ 32.66 ของพื้นที่ประเทศ จำนวนพื้นที่ป่าที่เหลือ ได้ผนวกรวมเอาพื้นที่สวนป่าในการดูแลของ ออป. จำนวน 1,118,374.935 ไร่ ด้วย (ในจำนวนเนื้อที่สวนป่าทั้งหมด เป็นสวนป่าประเภทที่ปลูกตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ ในโครงการ 2 , 3 , และ 4 ทั้งสิ้น 597,646.75 ไร่)</p>
<p><strong>ดังนั้น การทำไม้จากสวนป่าที่กำลังดำเนินการอยู่ จะทำให้พื้นที่ป่าของประเทศไทยลดลงจากเดิม และ ในสายตาของประชาชนในท้องถิ่นมองว่า ออป. คือผู้ทำลายป่าไม้ ไม่มีภาพลักษณ์ของผู้ทำหน้าที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากปลูกแล้วตัด หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “โครงการปลูกไม้ ทำลายป่า”</strong></p>
<p>นอกจากนี้ จากรายงานของกรมทรัพยากรธรณี พบว่าสวนป่าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากมีจำนวน 46 สวนป่า ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือตอนบนและภาคเหนือตอนล่าง บริเวณดังกล่าวได้มีการตัดไม้สักออกจากสวนป่าเพื่อจำหน่าย และจะทำให้เกิดความรุนแรงของดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากเพิ่มมากขึ้น</p>
<p>ยิ่งไปกว่านั้น ออป. ได้ดำเนินการนำสวนป่าที่ปลูกตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ ไปขึ้นทะเบียนสวนป่าโดยเป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ทีดินตามกฎหมาย กล่าวคือ ตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 5 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้มีกรรมสิทธิ สิทธิครอบครองหรือผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ทีดินตามมาตรา 4 ประสงค์จะใช้ที่ดินนั้นทำสวนป่าเพื่อการค้า ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด......”</p>
<p>ดังนั้น การที่จะกล่าวว่า การดำเนินงานของ ออป. เป็นไปเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศชาติไว้ จึงเป็นคำกล่าวที่หาข้อเท็จจริงไม่ได้ </p>
<p>3. ด้านสังคม การเมือง จากที่กล่าวแล้วว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ ออป. ดำเนินการปลูกสร้างสวนป่าเป็นการปลูกสร้างตามเงื่อนไขสัมปทานตัดไม้ แต่ในทางข้อเท็จจริง กลับพบว่า ในหลายพื้นที่เป็นที่ดินที่ชาวบ้านถือครองทำประโยชน์มาก่อนการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ จากนั้นกรมป่าไม้ได้ให้อนุญาต ออป.เข้าดำเนินการปลูกสร้างสวนป่า กระทั่งเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งสภาพเช่นนี้เป็นมาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบัน</p>
<p>การปลูกสร้างสวนป่าของ ออป. โดยส่วนใหญ่จะใช้ระบบสมาชิกโครงการหมู่บ้านป่าไม้ โดยชักชวนให้ชาวบ้านที่ถือครองทำประโยชน์ในพื้นที่ดินเดิมสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งจะได้รับสิทธิในที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รายละ 1 ไร่ และ 5 – 15 ไร่ ตามลำดับ รวมทั้งสาธารณูปโภคพื้นฐานจำพวกวัด โรงเรียน ไฟฟ้า น้ำประปา และการเป็นลูกจ้างปลูกป่า เป็นต้น </p>
<p>แต่ในทางเป็นจริง การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ออป. ไม่ประสบความตามแผนงานข้างต้น ทั้งการจัดสรรที่ดินทำกิน ที่ไม่สามารถจัดหาให้กับเกษตรกรได้ แต่นำไปปลูกสร้างสวนป่า ส่วนการจ้างงาน จะพบว่า ในระยะ 1–3 ปีแรก จะใช้แรงงานตามแผนการปลูกป่า แต่เมื่อไม้เจริญเติบโตจึงไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานมากในการบำรุงดูแล ทำให้เกษตรกรสมาชิกโครงการประสบปัญหาว่างงานและไร้ที่ดินทำกิน ต้องอพยพแรงงานไปรับจ้างต่างจังหวัด ดังจะเห็นได้จากหมู่บ้านสวนป่าในหลายพื้นที่ของ ออป. </p>
<p>ทั้งนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเกษตรกรผู้ไม่ประสงค์สมัครเข้าเป็นสมาชิกโครงการหมู่บ้านป่าไม้ เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่มาขับไล่ออกจากที่ดินเดิม ต้องออกจากพื้นที่ด้วยสภาพที่อึดอัด คับข้องใจ เนื่องจากการข่มขู่ คุกคามของเจ้าหน้าที่และนักเลงอันธพาลในท้องถิ่นที่ ออป. จ้างวานมา รวมทั้งการใช้มาตรการทางกฎหมายบีบบังคับ และอิทธิพลเถื่อนอื่นๆในบางพื้นที่ เช่น การนำอาวุธสงครามไปฝังไว้ใต้กระท่อมชาวบ้าน แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นและจับกุมในข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง เช่นกรณีชาวบ้านอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เป็นต้น </p>
<p>ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวข้างต้น ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นบาดแผลเรื้อรังของประชาชนที่เคยถือครองทำกินมาก่อนการปลูกไม้เศรษฐกิจของ ออป. ในปัจจุบันมีชาวบ้านในหลายพื้นที่ได้ลุกขึ้นทวงสิทธิในที่ดินและทรัพยากรของตนเองคืน แต่ ออป. กลับเพิกเฉย และกล่าวอ้างถึงความชอบธรรมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ความจริงที่ปรากฏต่อสายตาชาวบ้านคือ การปลูกไม้โตเร็ว แล้วตัดขาย บนที่ดินที่พวกเขาถือครองมาก่อน</p>
<p>นอกจากนี้ เมื่อ ออป.ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ องค์กรแห่งนี้ได้พยายามดิ้นรนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการใช้ประโยชน์จากพื้นที่สวนป่าในรูปแบบต่างๆ เช่น การปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว การปลูกยางพาราในพื้นที่สวนป่า การดำเนินโครงการ 1 สวนป่า 1 โรงไฟฟ้าชีวมวล โดยจะเริ่มต้นที่สวนป่าศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นแห่งแรก และการขยายผลจากการปลูกป่าเพื่อเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิต โดยขอสนับสนุนเงินแหล่งทุนจากประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นญี่ปุ่น มาดำเนินการปลูกป่า แล้วเครดิตจากภาวะการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ที่ปลูก จะเป็นของประเทศผู้ให้ทุน ทั้งนี้ตามข้อตกลงในพิธีสารเกียวโต ว่าด้วยกลไกการพัฒนาแบบสะอาด (CDM) แต่อย่างไรก็ตาม การดิ้นรนเหล่านี้ ยังไม่สามารถตอบคำถามเรื่องความชอบธรรมจากสังคมได้ รวมถึงเรื่องเดิมที่ ออป.ได้สร้างปัญหามาแล้วยังไม่ได้แก้ไข อีกมากมาย</p>
<p>ในสภาพการณ์เช่นปัจจุบันนี้ อาจกล่าวได้ว่า ออป.ได้หมดยุคสมัย และหมดความจำเป็นต่อสังคมไทยไปแล้ว นับตั้งแต่การสิ้นสุดการสัมปทานตัดไม้ในปี พ.ศ. 2532 การพยายามดิ้นรนหาทางออกเช่นมาตรการข้างต้น นอกจากจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว ยังจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ทับซ้อนเรื่องเดิมเพิ่มขึ้นอีก</p>
<p>ดังนั้น มาตรการที่น่าจะเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อสังคมในมิติต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วคือ การยุบองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แล้วนำพื้นที่มาจำแนกจัดสรรใหม่ทั้งหมด เช่น พื้นที่ที่เหมาะสมในการสงวนไว้เพื่อสิ่งแวดล้อม ให้สิทธิชุมชน ท้องถิ่น และภาครัฐจัดการฟื้นฟูให้เป็นแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์ พื้นที่ที่ประชาชนเคยถือครองทำกินมาก่อน ให้นำมาจัดสรรแก่ชาวบ้านผู้เดือดร้อน โดยอาจจัดการในรูปแบบโฉนดชุมชนหรือรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่</p>
<p><strong>ส่วนทรัพย์สินและบุคลากรของ ออป. รัฐบาลควรมีมาตรการดูแลพนักงานเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติสุขต่อไป ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการเช่นนี้ได้ รัฐก็จะได้ไม่ต้องสูญเสียงบประมาณไปปีละ 1,000 กว่าล้านบาท ที่ดินสวนป่าเดิมกว่า 1,000,000 ไร่ ก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อสังคมมากขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้บริหารจะมีภาวะผู้นำในการตัดสินใจเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน</strong></p>
<p> </p>
<p><strong>ที่มาภาพ: </strong>นายอำเภอคอนสารบุกเข้าจับชาวบ้านโคกยาว เมื่อ 1 ก.ค.54 ดำเนินคดี 10 คน </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทคhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107674
 
2803  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กมธ.ความมั่นคงฯ รับหนังสือนักกิจกรรมชายแดนใต้กรณีถูกฟ้องปิดปาก จ่อเชิญหน่วยง เมื่อ: 17 มกราคม 2567 23:02:28
กมธ.ความมั่นคงฯ รับหนังสือนักกิจกรรมชายแดนใต้กรณีถูกฟ้องปิดปาก จ่อเชิญหน่วยงานชี้แจง 25 ม.ค.นี้
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 21:13</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'รังสิมันต์-รอมฎอน' ในนาม กมธ.ความมั่นคงฯ รับหนังสือนักกิจกรรมชายแดนใต้กรณีถูกใช้กฎหมายปิดปาก ชี้วิธีคิดหน่วยงานความมั่นคงมีปัญหา-แก้ปัญหาไม่ได้ ห่วงการดำเนินคดีจะผลเสียต่อกระบวนการสร้างสันติภาพ จ่อเชิญหน่วยงานชี้แจง 25 ม.ค. นี้</p>
<p>17 ม.ค. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (17 ม.ค.) ที่อาคารรัฐสภา นักกิจกรรมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เพื่อร้องเรียนกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 4 ฟ้องร้องดำเนินคดีนักกิจกรรมในพื้นที่ ทั้งกรณีการสวมชุดมลายู และการจัดกิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ โดยมี รังสิมันต์ โรม และรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนคณะกรรมาธิการฯ เข้ารับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว</p>
<p>รังสิมันต์ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้ารัฐยังใช้วิธีคิดภายใต้กรอบ “ความมั่นคง” แบบเดิมก็คงจะได้ผลแบบเดิม ที่ผ่านมาแม้ตนและเพื่อน สส.จากหลายพรรคจะได้ทำหน้าที่ผู้แทนเป็นปากเป็นเสียงอย่างเต็มที่แล้ว แต่ลำพังกลไกรัฐสภาอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ภาคประชาชนหลายฝ่ายก็พยายามทำทุกวิถีทางในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าวิธีคิดที่ผ่านมาของรัฐอาจจะทำให้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้</p>
<p>ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ซึ่งมี สส.จากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายคน และมีตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง ได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยในวันที่ 25 มกราคมนี้จะมีการประชุมกันในประเด็นการใช้กฎหมายและการคุกคามต่อทั้งนักกิจกรรมและประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งตนหวังว่าจะมีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึง กอ.รมน. เข้าร่วมด้วย เพื่อนำไปสู่การหาทางออกร่วมกันได้</p>
<p>“ยืนยันว่าเราอยากเห็นสันติภาพในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จริง การแก้ปัญหาต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นสะพานในการแก้ปัญหาที่ประชาชนได้รับความไม่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด” รังสิมันต์กล่าว </p>
<p>ขณะที่รอมฎอนระบุว่า ความน่าสนใจของกรณีนี้คือ นิยามของคำว่า “ความมั่นคง” ควรครอบคลุมกว้างแค่ไหน โดยขณะนี้คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ไม่ได้ดูแค่เรื่องของการทหารหรือความมั่นคงในแบบจารีตเท่านั้น แต่เราดูไปไกลกว่านั้น ซึ่งรวมถึงการสร้างสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ดังนั้น รัฐต้องมีนิยามเกี่ยวกับความมั่นคงใหม่ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงและเป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น</p>
<p>“จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากมิติของการดำเนินคดีแล้ว ยังมีผลกระทบในทางการเมืองและนโยบายการสร้างสันติสุขของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อผู้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากมาย ดังนั้น สภาผู้แทนราษฎรควรจะได้เป็นพื้นที่ในการพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน เราอาจจะได้นิยามความหมายใหม่ของคำว่าความมั่นคงที่เป็นธรรมต่อประชาชนมากขึ้น” รอมฎอนกล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107672
 
2804  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เปิดแชต 5 โจ๋ทรชน สารภาพกับรุ่นพี่ฆ่าป้าบัวผัน บอกชัดเด็ก 14 ลูกตำรวจเป็นคนเริ่ม เมื่อ: 17 มกราคม 2567 23:02:28
เปิดแชต 5 โจ๋ทรชน สารภาพกับรุ่นพี่ฆ่าป้าบัวผัน บอกชัดเด็ก 14 ลูกตำรวจเป็นคนเริ่ม
         


เปิดแชต 5 โจ๋ทรชน สารภาพกับรุ่นพี่ฆ่าป้าบัวผัน บอกชัดเด็ก 14 ลูกตำรวจเป็นคนเริ่ม" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เปิดแชต 5 โจ๋ทรชน สารภาพกับรุ่นพี่ฆ่าป้าบัวผัน บอกชัดเด็ก 14 ลูกตำรวจเป็นคนเริ่ม เพราะพาวเวอร์แบงก์อันเดียว
         

https://www.sanook.com/news/9187082/
         
2805  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - คลินิกทันตกรรม ‘บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่’ เผย ปชช.ตอบรับดีมาก เมื่อ: 17 มกราคม 2567 21:29:51
คลินิกทันตกรรม ‘บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่’ เผย ปชช.ตอบรับดีมาก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 18:51</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ที่มาภาพ: ทีมสื่อ สปสช.</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>คลินิกทันตกรรม ทันตแพทย์อดิเรก จ.แพร่ ซึ่งเป็นหนึ่งในคลินิกทันตกรรมที่ร่วมให้บริการประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) เปิดเผยว่าหลังคิกออฟโครงการ "บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่" พบว่ามีประชาชนให้การตอบรับดีมาก ทั้งในแง่จำนวนผู้รับบริการและความพึงพอใจ เนื่องจากรับบริการได้สะดวกรวดเร็วกว่าไปโรงพยาบาล แถมไม่จำกัดเฉพาะเวลาราชการเท่านั้น </p>
<p>17 ม.ค. 2567 ทีมสื่อ สปสช. แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า ทพ.อดิเรก วัฒนา ผู้ก่อตั้งคลินิกทันตกรรม ทันตแพทย์อดิเรก จ.แพร่ หนึ่งในคลินิกทันตกรรมที่ร่วมให้บริการประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ในจังหวัดนำร่องนโยบายยกระดับบัตรทอง "บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่" เปิดเผยว่า หลังจากที่เริ่มให้บริการแก่ประชาชนสิทธิบัตรทองตามนโยบายดังกล่าวอย่างเป็นทางการ พบว่าประชาชนให้การตอบรับที่ดีมาก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้รับบริการที่เพิ่มขึ้น และความพึงพอใจของผู้รับบริการที่รู้สึกสะดวกรวดเร็วขึ้น </p>
<p>"ประชาชนที่มารับบริการพอใจมาก เพราะจากเดิมที่ต้องไปโรงพยาบาล ต้องรอคิวนาน สถานที่มีความแออัด ก็สามารถมารับบริการที่คลินิกเอกชนซึ่งสะดวกกว่า ที่สำคัญคือระยะเวลาการให้บริการของเอกชนมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับวิถีชีวิตมากกว่า ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐต้องไปในเวลาราชการ แต่มาคลินิกเอกชนก็มาช่วงเย็นหลังเวลางานได้ ล่าสุดมีผู้ปกครองพาลูกมาทำฟันหลังเลิกเรียน เด็กไม่ต้องขาดเรียน ผู้ปกครองก็ไม่ต้องเสียเวลางาน ค่าใช้จ่ายทางอ้อมก็ลดลงไปได้เยอะ หรือบางคนที่ไม่รู้ว่ามีโครงการนี้ พอรับบริการแล้วพบว่าไม่ต้องจ่ายเงิน เขาก็รู้สึกประหลาดใจและดีใจมาก" ทพ.อดิเรก กล่าว </p>
<p>ทพ.อดิเรก กล่าวอีกว่า โครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ โดยหลักการแล้วถือว่าเป็นโครงการที่ดี ซึ่งหลังจากที่ตนทราบข่าวก็รู้สึกสนใจ ประกอบกับกลางเดือน พ.ย. 2566 ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ลงพื้นที่ จ.แพร่ เพื่อจัดประชุมชี้แจงนโยบาย ตนได้มีโอกาสซักถามในรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติม และได้หารือภายในกับทีมทันตแพทย์ของคลินิก ซึ่งทีมงานก็เห็นด้วยว่าเป็นมิติใหม่ของวงการสุขภาพ ขณะที่คลินิกก็มีศักยภาพและอยากมีส่วนร่วมให้โครงการนี้เกิดได้จริง จึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบ สปสช. โดยมีการเตรียมการเพิ่มจำนวนทันตแพทย์และผู้ช่วยทันตแพทย์เพื่อรองรับจำนวนผู้รับบริการที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนวางแผนการให้บริการให้เป็นที่พึงพอใจแก่ทั้งผู้ใช้สิทธิบัตรทองและผู้ป่วยที่จ่ายเงินเอง เช่น การจัดช่องทางบริการที่เป็นสัดส่วน การจัดระบบนัดหมายเพื่อไม่ให้ผู้รับบริการต้องรอคิวนาน เป็นต้น </p>
<p>“โครงการนี้มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ ที่จะได้กระจายงานรักษาขั้นพื้นฐานมาที่ภาคเอกชน ทำให้สามารถเอาเวลาไปดูแลงานเฉพาะทางได้มากขึ้น อย่างกรณีทันตกรรม ทันตแพทย์ก็จะมีเวลาทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น ผ่าฟันคุด รักษารากฟัน ฯลฯ ทำให้ระยะเวลารอคิวสั้นลง ส่วนคลินิกเอกชนที่เข้าร่วมโครงการก็จะมีปริมาณงานมากขึ้น ได้รับเงินชดเชยค่าบริการในอัตราที่ยอมรับได้ และเป็นที่รู้จักของชุมชนมากขึ้น ขณะที่ประชาชนก็มีความสะดวกในการรับบริการ ที่สำคัญคือเมื่อประชาชนเข้าถึงบริการปฐมภูมิมากขึ้น จะทำให้การเจ็บป่วยนั้นได้รับการรักษาที่รวดเร็ว เช่น ได้รับการอุดฟันอย่างทันท่วงที รอยโรคก็จะหยุดอยู่แค่นั้น ไม่ลุกลามไปถึงขั้นถอนฟันหรือรักษารากฟันในอนาคต หรือถ้าได้รับการขูดหินปูน ก็จะลดโอกาสในการเป็นเหงือกอักเสบ ซึ่งโรคเหล่านี้จะมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงกว่า”ทพ.อดิเรก กล่าว </p>
<p>ทพ.อดิเรก กล่าวต่อไปว่า สำหรับบริการที่ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถมารับบริการที่คลินิกได้นั้น จะเป็นไปตามที่ สปสช. กำหนด คือ บริการตรวจฟัน รวมทั้งงานหัตถการซึ่งจะมี 5 บริการ คือ 1.อุดฟัน 2.ถอนฟัน 3.ขูดหินปูน 4.เคลือบหลุมร่องฟัน 5.เคลือบฟลูออไรด์ โดยเบื้องต้น สปสช.กำหนดใช้สิทธิรับบริการได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีงบประมาณ แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องรับบริการเพิ่ม ก็สามารถไปรับบริการต่อในโรงพยาบาลรัฐ หรือรับบริการต่อที่คลินิกโดยชำระเงินเอง </p>
<p>“เนื่องจากระยะเวลาค่อนข้างสั้น ต้องขอขอบคุณหลายภาคส่วนที่ร่วมช่วยในช่วงการเตรียมการ ทั้งท่าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สปสช.ส่วนกลางและ สปสช. เขต 1 ที่ลงพื้นที่และช่วยเหลือหน่วยบริการเอกชนในพื้นที่ ที่ประสานงานในเรื่องระบบการบริหารจัดการ ทำให้คลินิกทันตแพทย์อดิเรกสามารถให้บริการผู้มีสิทธิบัตรทองได้ทันวันคิกออฟนโยบาย 8 ม.ค. 2567 ขอบคุณสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ ทันตแพทยสภาที่ดูแลเรื่องคุณภาพบริการและการอบรมออนไลน์ รวมทั้ง ทพ.เชาว์สิน ชัยทนุวงศ์ ผู้ก่อตั้งโปรแกรม Dent Cloud ที่ให้ใช้โปรแกรมฟรีแก่คลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมโครงการ ตลอดจนธนาคารกรุงไทยที่ดูแลโปรแกรมเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงิน ส่วนปัญหาที่เจอในตอนนี้คงเป็นเรื่องของระบบการบันทึกข้อมูล เนื่องจากมีโปรแกรมทั้งของ สปสช. และ Dent Town ทำให้การคีย์ข้อมูลคนไข้ใช้เวลานาน ดังนั้นหากสามารถเก็บข้อมูลเฉพาะที่จำเป็น และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างโปรแกรม จะทำให้ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น” ทพ.อดิเรก กล่าว </p>
<p>ทั้งนี้ดูรายชื่อสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมในโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ได้ที่เว็บไซต์ สปสช.</p>
<p>สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่   </p>
<p>1.สายด่วน สปสช. 1330  </p>
<p>2.ช่องทางออนไลน์ </p>
<p>• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก</p>
<p>• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คลิก</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107670
 
2806  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สาวประกาศเลิกเล่นหวยตลอดชีวิต เพราะงวดนี้ฝันเป็นจริง ถูกรางวัลที่ 1 สมใจแล้ว เมื่อ: 17 มกราคม 2567 20:30:53
สาวประกาศเลิกเล่นหวยตลอดชีวิต เพราะงวดนี้ฝันเป็นจริง ถูกรางวัลที่ 1 สมใจแล้ว
         


สาวประกาศเลิกเล่นหวยตลอดชีวิต เพราะงวดนี้ฝันเป็นจริง ถูกรางวัลที่ 1 สมใจแล้ว" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;สาวประกาศเลิกเล่นหวยตลอดชีวิต เพราะงวดนี้ฝันเป็นจริง ถูกรางวัลที่ 1 สมใจแล้ว เผยที่มาเลขเด็ด ถูกเลขท้ายหลายงวดจนซื้อมอเตอร์ไซค์ได้
         

https://www.sanook.com/news/9186898/
         
2807  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ศาลอาญายกฟ้อง "กลุ่มพันธมิตร" บุกสนามบินดอนเมือง สั่งปรับ 13 คน คนละ 2 หมื่น เมื่อ: 17 มกราคม 2567 20:25:17
ศาลอาญายกฟ้อง "กลุ่มพันธมิตร" บุกสนามบินดอนเมือง สั่งปรับ 13 คน คนละ 2 หมื่น
         


ศาลอาญายกฟ้อง &quot;กลุ่มพันธมิตร&quot; บุกสนามบินดอนเมือง สั่งปรับ 13 คน คนละ 2 หมื่น" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ศาลอาญายกฟ้องคดีก่อการร้าย "กลุ่มพันธมิตร" บุกสนามบินดอนเมือง สั่งปรับ 13 จำเลย คนละ 20,000 ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
         

https://www.sanook.com/news/9186718/
         
2808  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สภา กทม.เห็นชอบญัตติ ตั้ง กก.วิสามัญศึกษาแนวทางยุติตั้งครรภ์ปลอดภัยในสถานพยาบ เมื่อ: 17 มกราคม 2567 19:59:07
สภา กทม.เห็นชอบญัตติ ตั้ง กก.วิสามัญศึกษาแนวทางยุติตั้งครรภ์ปลอดภัยในสถานพยาบาล
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 19:44</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ประชุมสภา กทม. มีมติเห็นชอบญัตติตั้ง กก.วิสามัญศึกษาแนวทางยุติตั้งครรภ์ปลอดภัยในสถานพยาบาล กทม. และเสนอให้มีกรรมการวิสามัญทั้งสิ้น 17 คน หลัง ส.ก.ก้าวไกล เสนอให้ รพ. สังกัด กทม. ให้บริการยุติการตั้งครรภ์แทนการส่งตัวไปเอกชน ย้ำการยุติตั้งครรภ์เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ป้องกันการเสียชีวิตได้ หากรัฐไม่เมินเฉยต่อปัญหา </p>
<p>17 ม.ค. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (17 ม.ค.67) ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล เสนอญัตติขอให้สภา กทม. ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการให้บริการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยในสถานพยาบาลสังกัด กทม. โดยกล่าวว่า ขอให้ทุกคนเปิดใจรับข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพียงมายาคติของสังคมที่รับฟังต่อกันมา ในการเสนอตั้งกรรมการเรื่องนี้ ตนได้ศึกษาพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ที่ผ่านการยุติการตั้งครรภ์ ภาคเอกชนที่ต่อสู้ด้านนี้มาเป็น 10 ปี และความคิดเห็นของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย </p>
<p>ภัทราภรณ์ กล่าวว่า การยุติการตั้งครรภ์นั้นเป็นทางเลือกทางสุขภาพ และไม่มีใครตั้งใจท้องเพื่อทำแท้ง จากสถิติของผู้เข้ารับคำปรึกษาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ปี 2561-2565 พบว่าคนที่ยุติการตั้งครรภ์กว่า 80% มีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยผู้มีอายุ 25 ปีหรือวัยทำงาน มีจำนวนมากกว่า 60% รวมถึงผู้มีอายุ 35-44 ปีมีแนวโน้มยุติการตั้งครรภ์สูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ผู้ตั้งครรภ์กว่า 56.9% ที่เลือกยุติการตั้งครรภ์ เป็นคนที่มีบุตรมาแล้วอย่างต่ำ 1 คนหรือเคยผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว ที่สังคมเข้าใจกันว่าคนที่ยุติการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นท้องไม่พร้อม จึงไม่เป็นความจริง</p>
<p>ภัทราภรณ์ ชี้ว่าผู้ที่ยุติการตั้งครรภ์เพราะเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ แบ่งเป็นผู้ไม่มีรายได้ 32.9% ผู้มีรายได้ไม่แน่นอน 20.5% และส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนถึง 75.4% ส่วนผู้ที่ยุติการตั้งครรภ์เพราะเหตุผลทางด้านสุขภาพ 72.9% ก็มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และ 60% ของคนที่ยุติการตั้งครรภ์ก็มีการใช้การคุมกำเนิดอีกด้วย ซึ่งแบบเรียนสุขศึกษาระดับประถมก็สอนเราอยู่แล้วว่าไม่มีการคุมกำเนิดใดที่ได้ผล 100% ส่วนที่ไม่มีการคุมกำเนิดก็อาจเป็นเพราะไม่มีความรู้มากเพียงพอ กลัวอันตรายหรือถูกล่วงละเมิด อายุมากและประจำเดือนหมดแล้ว ไม่มีทุนทรัพย์พอในการเข้าถึงการคุมกำเนิด เพิ่งคลอดบุตรหรือแท้งบุตร เป็นต้น </p>
<p>นอกจากนี้ 85.6% ของผู้ขอใช้บริการมีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ตามกฏหมายกำหนด และหากอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์แต่เข้าเงื่อนไขกระทบต่อสุขภาพ หรือเกิดจากการกระทำความผิดทางเพศ รัฐก็สามารถให้บริการยุติการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐจะไม่ให้บริการแก่ประชาชนกลุ่มนี้ </p>
<p>จากสถิติเหล่านี้ สรุปได้ว่าคนที่ยุติการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน เคยมีบุตร เป็นประชากรที่พลาดตั้งครรภ์จากการคุมกำเนิด มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ตามกฎหมายกำหนด และอยู่ในฐานะที่ไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ </p>
<p>ภัทราภรณ์ กล่าวต่อว่า ภาพความเข้าใจเรื่องการทำแท้งในสังคมไทย มักออกมาในรูปแบบความน่ากลัว เลือดสาด เลวทราม และการลงโทษ รวมถึงผูกไว้กับศีลธรรมต่างๆ แต่ในความเป็นจริง การยุติการตั้งครรภ์ในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก และการยุติการตั้งครรภ์ในประเทศไทยปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธี คือ (1) การกินยา Mifepristone หรือ Misoprostol ให้เกิดการขับออกภายใน 8-13 วัน ซึ่งสามารถกินยาแล้วกลับบ้านได้ (2) การใช้กระบอกสุญญากาศขนาดเล็กสอดเข้าไปในช่องคลอด ใช้เวลาเพียง 15 นาที และสามารถกลับบ้านได้เลย</p>
<p>ส.ก.เขตบางซื่อ ยังกล่าวด้วยว่า ตนได้พูดคุยและหาความร่วมมือกับภาคประชาชนที่ต่อสู้เรื่องนี้มากว่า 13 ปี ทราบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการกับทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่า กทม. แล้วครั้งหนึ่ง รวมถึงพูดคุยกับชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่า กทม. เรื่องการนัดหมายเพื่อผลักดันเรื่องการยุติการตั้งครรภ์ แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีความคืบหน้าใดเกิดขึ้น ตนจึงต้องใช้ช่องทางของสภากรุงเทพมหานครเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มคนที่ถูกรัฐมองข้าม โดยมีข้อเสนอต่อไปนี้ </p>
<p>(1) ขอให้โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครให้บริการการยุติการตั้งครรภ์แทนการส่งตัวไปยังหน่วยงานเอกชน โดยใช้คณะกรรมการวิสามัญฯ นี้ พูดคุยถึงข้อจำกัดของทางโรงพยาบาลและหาทางออกร่วมกัน หากหมอปัจจุบันไม่ต้องการให้บริการก็อาจจ้างหมอภายนอกแทน 
(2) ขอให้ศูนย์บริการสาธารณสุขใน กทม. ให้บริการการยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการจ่ายยาได้ โดยอบรมหมอเดิมที่สมัครใจในการให้บริการ เนื่องจากการยุติการตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอสูตินารีแพทย์ สามารถเป็นหมออายุรกรรมได้เช่นกัน
(3) ขอให้ กทม. ประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงของการยุติการตั้งครรภ์ว่าเป็นทางเลือกด้านสุขภาพ วิธีการยุติการตั้งครรภ์ของประเทศไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่สังคมเข้าใจ</p>
<p>ภัทราภรณ์ กล่าวว่า วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยสากล จะเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการพูดคุยหาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม ที่ผ่านมาการที่เราไม่มีการให้บริการการยุติการตั้งครรภ์ที่เพียงพอ ไม่ได้ทำให้การทำแท้งลดลง แต่เป็นการผลักภาระของหน่วยงานรัฐให้ประชาชนไปหาทางเลือกเถื่อนหลังบ้านที่อันตรายต่อชีวิต ดังนั้นการเสียชีวิตจากการยุติการตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ เพียงแต่ภาครัฐต้องไม่เมินเฉยต่อการมีอยู่ของพวกเขาเท่านั้น</p>
<p>ทั้งนี้ ที่ประชุมสภา กทม. มีมติเห็นชอบญัตติดังกล่าว และเสนอให้มีกรรมการวิสามัญทั้งสิ้น 17 คน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107671
 
2809  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สภาฯ มีมติเอกฉันท์ รับหลักการ 'พ.ร.บ.อากาศสะอาด' ทั้ง 7 ฉบับ เมื่อ: 17 มกราคม 2567 18:28:25
สภาฯ มีมติเอกฉันท์ รับหลักการ 'พ.ร.บ.อากาศสะอาด' ทั้ง 7 ฉบับ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 16:21</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สภาฯ มีมติเอกฉันท์ รับหลักการ 'พ.ร.บ.อากาศสะอาด' ทั้ง 7 ฉบับ  ภัทรพงษ์ สส.ก้าวไกล อภิปรายสรุปเน้นจุดเด่น 'ร่างฯ ก้าวไกล' ย้ำบังคับจัดทำรายงานปล่อยมลพิษทางอากาศตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีบทลงโทษทั้งทางแพ่ง-อาญา-มาตรการทางสังคม ขอประชาชนร่วมจับตาวาระ 2 ต่ออย่างใกล้ชิด</p>
<p> </p>
<p>17 ม.ค. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (17 ม.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการจัดการอากาศสะอาดจำนวน 7 ฉบับ จากทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และภาคประชาชน ต่อเนื่องมาจากการประชุมเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 โดย ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคก้าวไกล ผู้เสนอ “ร่าง พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการปล่อยมลพิษข้ามพรมแดน” ได้เป็นผู้อภิปรายสรุปในส่วนของพรรคก้าวไกล</p>
<p>ภัทรพงษ์ระบุว่า สถานการณ์อากาศเป็นพิษเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับการแก้ไขทั้งระบบ ซึ่งร่างฯ ของพรรคก้าวไกลมีจุดเด่นที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาใน 7 ประเด็นหลัก ได้แก่</p>
<p>1) สิทธิของประชาชนในการเข้าตรวจโรค และสวัสดิการในการรับการรักษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม </p>
<p>2) การกระจายอำนาจในการจัดการปัญหาระดับจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไฟป่าหรือ PM2.5 ไปยังนายก อบจ. เพราะประชาชนต้องการให้คนที่ตนเลือกตั้งเข้ามาเป็นหัวเรือในการขับเคลื่อน มากกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอายุเฉลี่ยเพียง 1-2 ปีแล้วย้ายไป</p>
<p>3) ปัญหาไฟจากภาคเกษตร ร่างฯ ของพรรคก้าวไกลระบุชัดเจนในการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องมีการจัดทำงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันและสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลดการเผาในภาคเกษตรให้ชัดเจนมากขึ้น</p>
<p>4) ปัญหาจากการนำเข้าข้าวโพดอาหารสัตว์ ร่างฯ ของพรรคก้าวไกลระบุอย่างชัดเจนไม่ให้มีการนำเข้าข้าวโพดอาหารสัตว์ที่มีที่มาจากการเผา</p>
<p>5) ในด้านระบบการแจ้งเตือน ร่างฯ ของพรรคก้าวไกลระบุชัดเจนมากที่สุด ว่าการแจ้งเตือนต้องเกิดขึ้นแบบเฉพาะเจาะจงพื้นที่ เมื่อมีค่า PM2.5 เกินกว่าค่ามาตรฐานที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดไว้เกิน 24 ชั่วโมง </p>
<p>6) ในด้านคณะกรรมการหลักที่มีอำนาจกำกับดูแลปัญหา ร่างฯ ของพรรคก้าวไกลกำหนดให้ใช้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติชุดเดิมที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเพิ่มเติมบทบาทหน้าที่สำคัญคือ การจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นพิษเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพราะที่ผ่านมา ภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ แก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างไรประชาชนไม่เคยทราบ แต่ด้วยร่างฯ นี้ เราจะเห็นการจัดทำรายงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สภาฯ พิจารณาร่วมกันทุกปี</p>
<p>7) ในด้านการจัดการปัญหาที่ต้นตอ ร่างฯ ของพรรคก้าวไกลกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานการปล่อยมลพิษทางอากาศครอบคลุมทั้งระบบห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และต้องมีมาตรการลงโทษที่ชัดเจนทั้งทางแพ่งและทางอาญา รวมทั้งมาตรการเปิดเผยรายชื่อผู้กระทำผิดให้สาธารณะได้รับทราบ</p>
<p>ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่า หลังจากร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการจัดการอากาศสะอาดทั้ง 7 ฉบับผ่านวาระหนึ่งในวันนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณากฎหมายดังกล่าวต่อไป และจะมีการนำข้อดีของแต่ละร่างฯ มาประกอบกัน เพื่อให้ได้ พ.ร.บ.ที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาของประชาชนมากที่สุด จึงขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกันติดตามการปรับปรุงรายละเอียดของกฎหมายในชั้นกรรมาธิการต่อไป</p>
<p>หลังการอภิปรายสรุปจากผู้เสนอร่างกฎหมายทุกภาคส่วน สภาฯ ได้มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดทุกฉบับ โดยลงคะแนนเห็นด้วย 443 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยกำหนดระยะเวลาในการแปรญัตติ 15 วัน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107665
 
2810  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - จำคุก 'อานนท์' อีก 4 ปี ศาลชี้แม้โพสต์กล่าวถึงสถาบันฯ แต่มีนัยยะสื่อถึง ร.10 เจต เมื่อ: 17 มกราคม 2567 18:28:24
จำคุก 'อานนท์' อีก 4 ปี ศาลชี้แม้โพสต์กล่าวถึงสถาบันฯ แต่มีนัยยะสื่อถึง ร.10 เจตนาให้ปชช.เข้าใจผิด
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 16:56</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 'อานนท์ นำภา' อีก 4 ปี เหตุโพสต์ 3 ข้อความ ชี้แม้จะใช้คำว่า “ระบอบกษัตริย์” และ “สถาบันกษัตริย์” แต่สื่อถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 มีจุดประสงค์ให้ประชาชนที่เห็นข้อความดังกล่าวเข้าใจผิด</p>
<p> </p>
<p>17 ม.ค.2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วันนี้ (17 ม.ค.​ 67) เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษาในคดี ‘หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ของ อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และหนึ่งในแกนนำกลุ่ม “คณะราษฎร 2563” จากกรณีโพสต์ 3 ข้อความในเฟซบุ๊ก เมื่อเดือนมกราคม 2564 ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การบังคับใช้มาตรา 112 กับผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์และเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์</p>
<p>โดยศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่รอลงอาญา ระบุว่า ข้อความทั้งสามของจำเลยแม้จะใช้คำว่า “ระบอบกษัตริย์” และ “สถาบันกษัตริย์” แต่สื่อถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 มีจุดประสงค์ให้ประชาชนที่เห็นข้อความดังกล่าวเข้าใจผิดว่า ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเบียดบังเอาทรัพย์สินของประเทศไปเป็นของตนเอง และทรงใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ซึ่งเป็นความความเท็จ จาบจ้วงล่วงเกิน ทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="769" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Flawyercenter2014%2Fposts%2Fpfbid032qmVrSVTw9pZPVcQSRtQagpnCkwqacWj5thpsw9BAwgwYURv93NEsJT1xHeY2ZCXl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>คดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2564 แน่งน้อย อัศวกิตติกร ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์หรือ ศชอ. ได้เดินทางไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หลังเห็นโพสต์ 3 ข้อความของอานนท์ และพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกอานนท์ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2564 และแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3)</p>
<p>อานนท์ให้การปฏิเสธโดยตลอดตั้งแต่ชั้นสอบสวนจนถึงชั้นศาล ในการสืบพยานเมื่อเดือนเมษายนและพฤศจิกายน 2566 อัยการโจทก์พยายามนำสืบว่า การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจใส่ร้าย ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ แม้จำเลยไม่ได้มีการระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่าพาดพิงถึงบุคคลใด แต่มีนัยสื่อถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งทำให้พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติ ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ติชมอย่างสุจริตตามรัฐธรรมนูญ</p>
<p>ขณะที่ข้อต่อสู้ของอานนท์คือ โพสต์ทั้งสามกล่าวถึงคนในกระบวนการยุติธรรมที่บังคับใช้มาตรา 112 และสถาบันกษัตริย์ ไม่ได้เจาะจงกล่าวถึงกษัตริย์องค์ใด โดยมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การใช้มาตรา 112 เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง, บทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ซึ่งขัดกับหลักการของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รวมไปถึงเรื่องการใช้งบประมาณของสถาบันกษัตริย์</p>
<p>รายงานข่าวของศูนย์ทนายความฯ ระบุด้วยว่า ช่วงเช้าวันนี้ อานนท์ถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อมาฟังคำพิพากษา และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวมาที่ห้องพิจารณา 902 โดยในห้องพิจารณาได้มีผู้ที่มาให้กำลังใจอานนท์เป็นจำนวนมาก ญาติ สื่อมวลชน รวมไปถึงผู้สังเกตการณ์คดีจากองค์กรสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย</p>
<p>เวลา 09.20 น. ศาลออกนั่งอ่านคำพิพากษา สรุปใจความได้ว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์ทุกปากที่เข้านำสืบเบิกความในทำนองเดียวกันว่า โพสต์ทั้งสามตามฟ้องมีลักษณะใส่ร้ายในหลวงรัชกาลที่ 10 ทำให้ผู้พบเห็นข้อความดังกล่าวรู้สึกไม่ดีและดูหมิ่นเกลียดชังรัชกาลที่ 10 โดยมีการใส่ร้ายว่า พระองค์ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายที่ต่างประเทศ เบียดบังเอาทรัพย์สินของประเทศไปเป็นของพระองค์ อันเป็นการหมิ่นประมาท อาฆาดมาดร้ายพระมหากษัตริย์</p>
<p>แม้ในโพสต์จะใช้คำว่า “ระบอบกษัตริย์” และ “สถาบันกษัตริย์” ไม่ได้มีการเจาะจงถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 แต่เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้ว จะเข้าใจได้ว่าสื่อถึงรัชกาลที่ 10 นอกจากนี้ การที่จำเลยขอออกหมายเรียกเอกสารสำคัญอย่าง ตารางการเดินทางเข้าออกประเทศของรัชกาลที่ 10 ระบุในบัญชีพยานจำเลย เห็นว่า หากจำเลยไม่ได้มุ่งหมายถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 แล้ว เหตุใดถึงต้องอ้างหลักฐานดังกล่าวมาในบัญชีพยานจำเลย อีกทั้งจำเลยยังเบิกความอ้างว่า ต้องการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรัชกาลที่ 10 ให้กลับไปเป็นเหมือนในรัชกาลที่ 9 จึงเป็นการตอกย้ำยืนยันว่า ทั้งสามข้อความกล่าวถึงรัชกาลที่ 10</p>
<p>พยานหลักฐานโจทก์มีความแน่นหนาและปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยได้หมิ่นประมาทในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมกับมีจุดประสงค์ให้ประชาชนที่เห็นข้อความดังกล่าวเข้าใจผิดว่า ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเบียดบังเอาทรัพย์สินของประเทศไปเป็นของตนเอง และทรงใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ซึ่งเป็นความความเท็จ จาบจ้วงล่วงเกิน ทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ</p>
<p>พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 4 ปี และให้นับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกในคดีที่พิพากษาไปก่อนหน้านี้</p>
<p>ทั้งนี้ ศาลได้กำชับกับผู้ที่มานั่งฟังการพิพากษาว่า ขอให้สื่อมวลชนเผยแพร่คำพิพากษาอย่างระมัดระวัง เพราะว่าบางถ้อยศาลได้วินิจฉัยไปแล้ว</p>
<p>คดีนี้นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 2 ของอานนท์ที่ศาลมีคำพิพากษา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2566 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุกอานนท์ 4 ปี ในคดีจากกรณีการปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 โดยอานนท์ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์เรื่อยมา ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนถึงวันนี้ (17 ม.ค. 2567) เป็นเวลา 114 วันแล้ว และหากนับโทษจำคุกในคดีนี้และคดี #ม็อบ14ตุลา ต่อกันตามคำพิพากษา อานนท์มีโทษจำคุกจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น (ศาลอาญา) รวม 8 ปีแล้ว</p>
<p>ทั้งนี้ อานนท์ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จากการปราศรัยและโพสต์ข้อความในช่วงปี 63-64 รวมทั้งสิ้น 14 คดี โดยยังเหลือคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล 11 คดี และอยู่ในชั้นอัยการอีก 1 คดี</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107666
 
2811  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ด่วน! "บิ๊กโจ๊ก" ได้คลิปหลักฐาน "ลุงเปี๊ยก" ถูก ตร.จับเข้าห้องเย็น-คลุมหัว-ล่ เมื่อ: 17 มกราคม 2567 17:59:59
ด่วน! "บิ๊กโจ๊ก" ได้คลิปหลักฐาน "ลุงเปี๊ยก" ถูก ตร.จับเข้าห้องเย็น-คลุมหัว-ล่ามโซ่ เรื่องใหญ่แน่
         


ด่วน! &quot;บิ๊กโจ๊ก&quot; ได้คลิปหลักฐาน &quot;ลุงเปี๊ยก&quot; ถูก ตร.จับเข้าห้องเย็น-คลุมหัว-ล่ามโซ่ เรื่องใหญ่แน่" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เรื่องใหญ่แน่! "บิ๊กโจ๊ก" ได้หลักฐานใหม่ "ลุงเปี๊ยก" ถูกจับเข้าห้องเย็น-คลุมหัว-ล่ามโซ่ ตำรวจนายไหนเอี่ยว โดนหนักแน่
         

https://www.sanook.com/news/9186770/
         
2812  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ศาลสั่งปรับแกนนำ พธม.13 ราย 2 หมื่น ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ยกฟ้องที่เหลือถือเป็นชุมนุม เมื่อ: 17 มกราคม 2567 16:57:13
ศาลสั่งปรับแกนนำ พธม.13 ราย 2 หมื่น ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ยกฟ้องที่เหลือถือเป็นชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 16:17</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศาลอาญาพิพากษาแกนนำ พธม. 13 คน ผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและบุกรุก กรณีปิดสนามบิน แต่ให้ปรับลงโทษปรับ 2 หมื่นบาทข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินข้อหาเดียวเพราะมีโทษสูงสุด ส่วนข้อหากบฏ ก่อการร้ายและอื่นๆ ให้ยกฟ้องและจำเลยที่เหลือยกฟ้องทุกข้อหา ศาลเห็นว่าไม่เกิดความวุ่นวายสถานที่ไม่เกิดความเสียหาย หลังชุมนุมเปิดใช้สนามบินได้ ถือเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ</p>
<p>17 ม.ค.2567 ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีของกลุ่มแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่มีจำเลยในคดีทั้งหมด 31 คน(เสียชีวิตระหว่างการพิจารณาคดีแล้ว 1 คน)  ถูกฟ้องในข้อหาหลักได้แก่ข้อหากบฏ, ก่อการร้าย , ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กักขังหน่วงเหนี่ยว, ทำร้ายร่างกาย, ชุมนุมมั่วสุม, ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และอื่นๆ จากเหตุการณ์ชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองต่อเนื่องไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิช่วงวันที่ 24 พ.ย.-3 ธ.ค.2551</p>
<p>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอ่านคำพิพากษาวันนี้มีจำเลยบางรายที่ขอฟังคำพิพากษาฝ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้แก่ พล.ต. จำลอง ศรีเมืองที่อยู่ระหว่างรักษาอาการของโควิด-19 ที่โรงพยาบาลและเทิดภูมิ ใจดี ที่มีนัดล้างไตที่โรงพยาบาล และจำเลยที่ 6 ในคดีคือ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เสียชีวิตระหว่างการพิจารณาคดีไปแล้วศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบคดีความ</p>
<p>ศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยใช้เวลาในการอ่านราว 1 ชั่วโมงโดยทางฝ่ายทนายความขอให้อ่านคำพิพากษาอย่างย่อเพื่อให้เทิดภูมิเข้ารับการรักษาได้ตามคิวที่นัดไว้กับทางโรงพยาบาล</p>
<p>ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปได้ว่า ประเด็นแรกที่ทางฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่าคดีนี้เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์การชุมนุมของ พธม.หรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าแม้ว่าเหตุการณ์ในคดีจะเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ชุมนุมในเวลานั้น แต่ก็เกิดขึ้นต่างเวลาต่างสถานที่กันมีการฟ้องต่างข้อหากัน ศาลจึงเห็นว่าไม่ใช่การฟ้องซ้ำ</p>
<p>ศาลอ่านคำพิพากษาต่อถึงประเด็นการชุมนุมของ พธม.นั้นเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ว่า จากคำเบิกความของจำเลยที่ยืนยันว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่การชุมนุมประท้วงสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มาจนถึงช่วงที่สมชาย วงสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยการชุมนุมของ พธม.มีเหตุผลมาจากการเชื่อว่ารัฐบาลในเวลานั้นดำเนินนโยบายภายใต้การนำของทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากสมชายเป็นน้องเขยของทักษิณ และไม่เห็นด้วยกับการบริหารประเทศของรัฐบาล เช่นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ทำให้เกิดการโต้แย้งการบริหารประเทศของรัฐบาลและมีประชาชนมาร่วมชุมนุมเพื่อร่วมกันตรวจสอบรัฐบาลและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศที่แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิในการแสดงออกของประชาชนในรัฐธรรมนูญ ประชาชนย่อมมีสิทธิในการชุมนุมในการแสดงความเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้โดยสงบและปราศจากอาวุธ</p>
<p>ศาลพิจารณาต่อว่าการชุมนุมดังกล่าวของจำเลยทั้ง 31 คนเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ในส่วนของการสืบพยานฝ่ายโจทก์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบินทั้งสองแห่งเบิกความใกล้เคียงกัน โดยเจ้าหน้าที่ของสนามบินได้เบิกความต่อศาลและตอบคำถามค้านของทนายความจำเลยว่าการชุมนุมของกลุ่ม พธม.นั้นมีการชุมนุมอยู่ในบริเวณถนนหน้าทางเข้าอาคารสนามบินซึ่งเป็นส่วนของ Land site ที่เปิดให้ประชาชนและผู้โดยสารที่มาใช้บริการเข้าถึงได้ แต่ไม่ได้มีการเข้าไปถึงสนามบินในส่วนของการจัดการการบินหรือที่เรียกว่า Air site ที่เข้าถึงได้เฉพาะผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังมีกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่สนามบินดอนเมืองขอความร่วมมือกับทางจำเลยเพื่อขอให้ผู้ชุมนุมไม่เข้าไปในพื้นที่อาคารทางจำเลยก็ให้ความร่วมมือในการประกาศ</p>
<p>นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ของสนามบินยังได้เบิกความด้วยว่าหลังจากการชุมนุมสิ้นสุดลงเมื่อทำการตรวจสอบภายในสนามบิน ไม่พบว่ามีทรัพย์สินเสียหายและไม่พบว่ามีวัตถุระเบิดในพื้นที่ของสนามบิน ทำให้วันที่ 4 ธ.ค.2551 สามารถเปิดบริการได้ตามปกติ แม้ว่าในช่วงระหว่างการชุมนุมที่เกิดขึ้นจะเกิดความไม่สะดวกกับประชาชนที่มาใช้บริการ เมื่อเกิดการชุมนุมย่อมกระทบต่อการสัญจร และมีการหยุดใช้งานสนามบิน แต่ยังเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เพราะส่วนที่เกิดเหตุการณ์ผู้ชุมนุมถูกยิงด้วยเครื่องยิงระเบิด M79 นั้นเป็นฝ่ายผู้ชุมนุมที่ถูกกระทำ</p>
<p>อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าการชุมนุมของจำเลยเกิดขึ้นในพื้นที่ที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 และมีการประกาศข้อกำหนดห้ามการชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปและการชุมนุมของจำเลยยังเกิดขึ้นในพื้นที่ของสนามบินเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ส่วนจำเลยอื่นๆ เพียงแต่ขึ้นปราศรัยในที่ชุมนุม</p>
<p>ส่วนกรณีที่เกิดการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่สนามบินดอนเมืองและมีการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่เอาไว้ด้วยนั้น เจ้าหน้าที่ที่ถูกกระทำเบิกความว่าไม่ทราบว่าคนที่ทำร้ายตนเป็นใคร ไม่สามารถจำหน้าได้และจำไม่ได้ว่ามีจำเลยที่ 7 อยู่ในระหว่างเกิดเหตุด้วยหรือไม่ และไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ทำให้เห็นว่าจำเลยที่เหลืออยู่ในเหตุการณ์ ศาลเห็นว่าประเด็นนี้จากคำเบิกความของผู้เสียหายมีความไม่ชัดเจนและไม่มีพยานอื่นในเหตุการณ์ยืนยันว่าจำเลยในคดีเป็นผู้กระทำ ศาลจึงให้ยกฟ้อง</p>
<p>ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1-5,7-13 และ 31 ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 18 และข้อหาบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทจึงให้ลงโทษในข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มีอัตราโทษสูงกว่าเพียงข้อหาเดียว โดยศาลสั่งปรับจำเลยคนละ 20,000 บาท ข้อหาอื่นๆ ของจำเลยให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่เหลือนอกจากนี้ให้ยกฟ้องทุกข้อหา</p>
<p>คดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 31 คนได้แก่</p>
<ol>
<li>พล.ต. จำลอง ศรีเมือง</li>
<li>สนธิ ลิ้มทองกุล</li>
<li>พิภพ ธงไชย</li>
<li>สมศักดิ์ โกศัยสุข</li>
<li>สุริยะใส กตะศิลา</li>
<li>สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ (เสียชีวิต)</li>
<li>ศิริชัย ไม้งาม</li>
<li>สำราญ รอดเพชร</li>
<li>มาลีรัตน์ แก้วก่า</li>
<li>สาวิทย์ แก้วหวาน</li>
<li>สันธนะ ประยูรรัตน์</li>
<li>ชนะ ผาสุกสกุล</li>
<li>รัชต์ชยุตม์ หรืออมรเทพ หรืออมร ศิริโยธินภักดี หรืออมรรัตนานนท์</li>
<li>ประพันธ์ คูณมี</li>
<li>เทิดภูมิ หรือเทิดภูมิไท ใจดี</li>
<li>อัญชะลี ไพรีรัก</li>
<li>พิชิต ไชยมงคล</li>
<li>บรรจง นะแส</li>
<li>สุมิตร นวลมณี </li>
<li>พิเชฏฐ พัฒนโชติ</li>
<li>สมบูรณ์ ทองบุราณ</li>
<li>อธิวัฒน์ บุญชาติ</li>
<li>จำรูญ ณ ระนอง</li>
<li>แสงธรรม หรืออาร์ท ชุนชฎาธาร</li>
<li>ไทกร พลสุวรรณ</li>
<li>สุชาติ ศรีสังข์</li>
<li>อำนาจ พละมี</li>
<li>พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ</li>
<li>กิตติชัย หรือจอร์ส ใสสะอาด</li>
<li>เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา</li>
<li>บริษัทเอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด</li>
</ol>
<div class="more-story">
<ul>
<li>11 แกนนำ พธม.ถูกพิทักษ์ทรัพย์ เป็นคนล้มละลาย กรณีถูก ทอท. เรียกค่าเสียหายคดีปิดสนามบิน</li>
<li>
<p>ธนาคารเริ่มอายัดบัญชี 13 แกนนำพันธมิตรฯ แล้ว</p>
</li>
<li>
<p>ยกคำร้องขยายฎีกา คดีถึงที่สุด 13 แกนนำพันธมิตรฯ จ่าย 522 ล้าน ทอท.</p>
</li>
</ul>
</div>
<p>ทั้งนี้การอ่านคำพิพากษาในวันนี้เป็นเฉพาะในส่วนคดีอาญาเท่านั้น เนื่องจากคดีในส่วนแพ่งนั้น เมื่อ 21 ก.ย. 2560 ศาลฎีกามีคำพิพากษาสั่งให้แกนนำพันธมิตรจำนวน 13 คน ชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นเงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 ธ.ค. 51 เป็นต้นไป</p>
<p>จำเลยในคดีแพ่งทั้ง 13 คนได้แก่ พล.ต.จำลอง, สนธิ ลิ้มทองกุล, พิภพ ธงไชย, สุริยะใส กตะศิลา, สมศักดิ์ โกศัยสุข, ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, อมร อมรรัตนานนท์, นรัญยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง, สำราญ รอดเพชร, ศิริชัย ไม้งาม, มาลีรัตน์ แก้วก่า และ เทิดภูมิ ใจดี</p>
<p>ต่อมาเมื่อ 24 มี.ค. 2561 มีการรายงานข่าวว่าบ.การท่าอากาศยาน ได้ประกาศจ้างบริษัทเอกชนสืบทรัพย์(ค้นหาทรัพย์สิน)ทั้ง 13 คน  นอกจากนี้กรมบังคับคดี ส่งเอกสารถึงทุกธนาคาร ให้ดำเนินการอายัดทุกบัญชีของทั้ง 13 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว</p>
<p>จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2566 ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่องคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของแกนนำพันธมิตรทั้ง 11 คน จากกรณีที่บริษัทท่าอากาศยานไทยยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ลูกหนี้ทั้ง 11 คนล้มละลาย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483</p>
<p>ประกาศดังกล่าวระบุรายชื่อของลูกหนี้ทั้ง 11 คนไว้ได้แก่ พลตรีจําลอง ศรีเมือง ลูกหนี้ที่ 1, สนธิ ลิ้มทองกุล ลูกหนี้ที่ 2, พิภพ ธงไชย ลูกหนี้ที่ 3, สุริยะใส กตะศิลา ลูกหนี้ที่ 4, สมศักดิ์ โกศัยสุข ลูกหนี้ที่ 5, ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ลูกหนี้ที่ 6, อมรหรืออิทธิหรืออมรเทพหรือรัชต์ชยุตม์หรืออมรศักดิ์ อมรรัตนานนท์หรือศิรโยธินภักดีหรืออิทธิประชา ลูกหนี้ที่ 7, สําราญ รอดเพชร ลูกหนี้ที่ 8, นายศิริชัย ไม้งาม ลูกหนี้ที่ 9, มาลีรัตน์หรือมาลีรักษ์ แก้วก่า ลูกหนี้ที่ 10 และเทิดภูมิไทหรือเทิดภูมิ ใจดี ลูกหนี้ที่ 11</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107664
 
2813  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ตรวจหวย 17/1/67 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 17 ม.ค. 67 เมื่อ: 17 มกราคม 2567 15:29:47
ตรวจหวย 17/1/67 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 17 ม.ค. 67
         


ตรวจหวย 17/1/67 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 17 ม.ค. 67" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ตรวจหวย 17/1/67 ผลหวยออกวันที่ 17 มกราคม 2567 ตรวจรางวัลที่ 1 ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล Lottery ตรวจลอตเตอรี่ แสดงผลหวยทุกรางวัล
         

https://www.sanook.com/news/9186318/
         
2814  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 112 โลกวิสัย พุทธไทย และสถาบันกษัตริย์ (1) อำนาจในนามศาสนาของสถาบันกษัตริย์ต้องอย เมื่อ: 17 มกราคม 2567 15:25:19
112 โลกวิสัย พุทธไทย และสถาบันกษัตริย์ (1) อำนาจในนามศาสนาของสถาบันกษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 14:47</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล : สัมภาษณ์/เรียบเรียง</p>
<p>กิตติยา อรอินทร์ : ภาพปก</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>จารีตดั้งเดิมของสถาบันกษัตริย์ไทยมีอำนาจปกครองทั้งอาณาจักรและพุทธจักร มันทำให้เกิดปมยุ่งเหยิงทั้งต่อการปกครอง การเป็นเนื้อเดียวของรัฐกับศาสนา และอื่นๆ ที่จำต้องหาทางคลี่คลาย หากต้องการให้สังคมไทยเป็นประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง</p>
<div class="summary-box">
<ul>
<li>การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ การแก้มาตรา 112 การนิรโทษกรรมคดี 112 และการสร้างรัฐโลกวิสัยเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน</li>
<li>กษัตริย์พุทธไทยมีอำนาจเด็ดขาด (despotism) ในการปกครองทั้งอาณาจักรและพุทธจักร ต่างจากคริสต์ศาสนาในยุคกลางคริสต์ที่คริสตจักรโรมันคาทอลิกเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ขณะที่กษัตริย์เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณไม่ได้</li>
<li>นับจากกบฏ ร.ศ.130 ถึงความขัดแย้งทางการเมืองหลัง 2475 จนถึงทุกวันนี้ แก่นของปัญหาคือความพยายามคงอยู่ของอำนาจแบบศาสนาที่แตะต้องไม่ได้ กับความพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่การปกครองด้วยแนวคิดอำนาจทางการเมืองแบบทางโลก</li>
<li>การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยและการแก้ 112 คือการทำให้อำนาจแบบศาสนาพราหมณ์ฮินดู-พุทธมาอยู่ภายใต้หลักการโลกวิสัยหรือหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน</li>
<li>การนิรโทษกรรมคดี 112 คือการทำให้ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยไม่ต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยกฎหมายที่ปกป้องอำนาจแบบศาสนาของสถาบันกษัตริย์</li>
<li>ต้องทำให้อำนาจทางการเมืองในนามศาสนาหรืออำนาจในนามศาสนาของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยอันเป็นระบบอำนาจแบบโลกวิสัย</li>
</ul>
</div>
<p>ข่าวฉาวที่กัดกร่อนความเชื่อมั่นศรัทธาต่อพุทธศาสนาเกิดขึ้นแทบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นกรณียิบย่อยอย่างพฤติกรรมของพระไปถึงประเด็นครูกายแก้ว น้องไนซ์ เป็นต้น ถ้าพิจารณาในมิติว่าประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแบบไม่เป็นทางการและมีรัฐ-มหาเถรสมาคม-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคอยดูแลสอดส่องไม่ให้การตีความคำสอนขัดแย้งกับอุดมการณ์รัฐ พุทธศาสนาไทยจึงต้องเผชิญความท้าทายจากโลกที่เปลี่ยนไป</p>
<p>นับจากการชุมนุมของนิสิต นักศึกษาปี 2563 แนวคิดโลกวิสัยมีพื้นที่พูดคุยในสังคมไทยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการอิสระ ผู้ติดตามและผลักดันประเด็นนี้ผ่านเฟซบุ๊กของตนอย่างต่อเนื่อง ขยายองศาเรื่องโลกวิสัยออกไปอีกว่ามันเกี่ยวข้องไปถึงอำนาจของกษัตริย์และมาตรา 112 ด้วย</p>
<p>พูดอย่างย่นย่อ เพราะจารีตดั้งเดิมของสถาบันกษัตริย์ไทยมีอำนาจปกครองทั้งอาณาจักรและศาสนาจักรจนเกิดปมยุ่งเหยิงที่ต้องหาทางคลี่คลาย หากต้องการให้สังคมไทยเป็นประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/4879/46919271622_c28240ee08_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สุรพศ ทวีศักดิ์ (คนกลาง) แฟ้มภาพ</span></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ศาสนา-โลกวิสัย ศรัทธา-เหตุผล</span></h2>
<p>คำว่า ‘secularism’ ที่มักแปลว่า ‘ฆราวาสวิสัย’ หรือ ‘โลกวิสัย’ ในมุมมองของสุรพศคิดว่า ‘ฆราวาสวิสัย’ สะท้อนการแยกระหว่าง ‘ฆราวาส’ กับ ‘นักบวช’ ได้ชัดเจน เขาให้เหตุผลโดยถอยกลับไปสู่การปฏิรูปศาสนาของพวกโปรเตสแตนท์ในยุโรปในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการที่ฆราวาสแยกตนเองเป็นอิสระจากอำนาจนักบวชในการศึกษาคำสอนศาสนาและการอภัยบาปจากพระเจ้า</p>
<p>การปฏิรูปในครั้งนั้นยืนยันเรื่อง ‘ความเสมอภาคในสายตาของพระเจ้า’ อำนาจการตีความคำสอนในไบเบิ้ลของนักบวชกับฆราวาสเท่าเทียมกัน เพราะต่างก็มีเสรีภาพทางความคิดเห็น หรือ ‘freedom of conscience’ ในการตัดสินถูกผิดของคำสอนศาสนาเท่าเทียมกัน นำมาสู่การยืนยันว่าวิถีชีวิตแบบนักบวชและฆราวาสเท่าเทียมกันไปด้วย</p>
<p>“ไม่ใช่วิถีชีวิตนักบวชสูงส่งกว่าฆราวาสดังที่ศาสนจักรคาทอลิกถือกันมา ดังนั้น การเข้าใจคำสอนในไบเบิ้ล การเข้าถึงพระเจ้า หรือการอภัยบาปจากพระเจ้าเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลกับพระเจ้าโดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านนักบวชหรือศาสนจักรอีกต่อไป แต่ผมชอบใช้คำโลกวิสัยมากกว่า เพราะมันบ่งบอกการแยกกันระหว่างเรื่องทางศาสนากับเรื่องทางโลกที่สะท้อนประวัติศาสตร์การแยกศาสนาจากรัฐหรือ secularization ได้ชัดเจนกว่า”</p>
<p>สุรพศอธิบายว่ามันคืออิทธิพลจากการแยกระหว่าง ‘ศรัทธา’ (faith) กับ ‘เหตุผล’ (reason) ในยุคภูมิปัญญา เมื่อศรัทธาถูกจัดให้เป็นเรื่องทางศาสนาที่พิสูจน์ความจริงไม่ได้ด้วยหลักเหตุผล ส่วนเหตุผลถูกจัดให้เป็นเรื่องทางโลกคือเป็นเรื่องของความจริง ความรู้ต่างๆ และคุณค่าต่างๆ ทางโลกที่อธิบายได้ด้วยหลักเหตุผลและความเป็นวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างเช่นเราพิสูจน์ได้อย่างไรว่าพระเจ้ามอบอำนาจเทวสิทธิ์ให้พระสันตะปาปาปกครองทางจิตวิญญาณหรือความเชื่อของประชาชน และมอบอำนาจเทวสิทธิ์แก่กษัตริย์ปกครองบ้านเมือง ซึ่งเขาถือว่าอำนาจลักษณะนี้เป็นอำนาจเผด็จการทางความคิดความเชื่อและเป็นเผด็จการทางการเมือง นี่จึงปัญหาใหญ่ที่สุดที่จำเป็นต้องแยกศาสนาจากรัฐ</p>
<p>แนวคิดโลกวิสัยจึงเป็นการแยกเรื่องทางศาสนากับทางโลกออกจากกัน โดยถือว่าศาสนาเป็นเรื่องของศรัทธา หรือความเชื่อส่วนบุคคล กลุ่มบุคคล หรือชุมชนผู้ศรัทธาต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับอำนาจรัฐ หรืออำนาจทางการเมือง ส่วนเรื่องทางโลกคือเรื่องสาธารณะต่างๆ เช่น ที่มาและความชอบธรรมของอำนาจทางการเมือง ระบบการปกครอง กฎหมาย การจัดองค์กรทางสังคมและการเมือง รวมทั้งวิถีชีวิตทางสังคมและการเมืองของพลเมือง การศึกษา ศิลปวิทยาการ และอื่นๆ</p>
<p>การแยกเช่นนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากรัฐศาสนา เช่น Cristian state เป็นรัฐโลกวิสัยหรือ secular state กล่าวคือเปลี่ยนจากอำนาจการปกครองในนามศาสนาเป็นอำนาจปกครองแบบทางโลก เช่น เดิมทีระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในยุโรป อำนาจอธิปไตยของกษัตริย์คืออำนาจเทวสิทธิ์ที่อิงความเชื่อศาสนาคริสต์ พอเปลี่ยนเป็นระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยของประชาชนเป็นอำนาจแบบทางโลกที่อิงหลักเหตุผลและความเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะที่มาและความชอบธรรมของอำนาจ สามารถตรวจสอบได้ด้วยหลักเหตุผลและความเป็นวิทยาศาสตร์</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กษัตริย์พุทธไทย ผู้มีอำนาจทั้งทางโลกและทางธรรม</span></h2>
<p>มองพุทธศาสนาไทยอย่างเปรียบเทียบกับคริสต์ศาสนาจะพบว่าแก่นแกนของพุทธศาสนาไทยก็คือพุทธศาสนาแบบที่ให้กำเนิด ‘รัฐพุทธศาสนา’ (Buddhist state) มาตั้งแต่ยุคสุโขทัย กษัตริย์พุทธอ้างอำนาจ ‘การปกครองโดยธรรม‘ ที่มีความเป็นศาสนามากกว่ากษัตริย์คริสเตียนเพราะกษัตริย์คริสเตียนเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนผู้มีบาปกำเนิดเสมอภาคกับประชาชนทุกคน ต่างเพียงแค่มีอำนาจเทวสิทธิ์ปกครอง</p>
<p>ขณะที่กษัตริย์พุทธถูกสถาปนาเป็น ‘หน่อพระพุทธเจ้า’ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์จึงเป็นทั้งธรรมราชา เทวราชา สมมติเทพ พระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าอยู่หัว ที่เป็น ‘เทวราชา’ ด้วยแปลว่าสถานะอำนาจของกษัตริย์ไทยอิงคติพราหมณ์ฮินดู-พุทธ ส่วนกษัตริย์คริสต์เตียนกับศาสนจักรส่วนมากจะแยกกันปกครอง กษัตริย์ไม่มาเป็นนักบวช ไม่แต่งคัมภีร์ ไม่สอนศาสนา</p>
<p>แต่กษัตริย์พุทธมีออกบวช สอนศาสนา หรือเทศนาธรรมะ ทั้งยังแต่งคัมภีร์สำคัญทางศาสนาด้วย เช่น พระมหาธรรมราชาลิไทออกบวชและแต่งไตรภูมิพระร่วง รัชกาลที่ 4 บวชเป็นพระ 27 พรรษา ก่อตั้งธรรมยุติกนิกายเป็นนิกายของราชสำนัก รัชกาลที่ 5 ตั้งมหาเถรสมาคมเป็นศาสนจักรของรัฐ รัชกาลที่ 6 แสดงเทศนาเสือป่าที่ยืนยันว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย และให้กำเนิดอุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นต้น</p>
<p>“กษัตริย์พุทธไทยจึงมีอำนาจเด็ดขาด (despotism) ในการปกครองทั้งทางโลกและศาสนจักร กษัตริย์บางคนเป็นทั้งนักบวช แต่งคัมภีร์ เทศนาธรรมะ ก่อตั้งนิกายศาสนา แต่กษัตริย์ทุกคนเป็นผู้อุปถัมภ์หลักของพุทธศาสนา วางระบบการปกครองสงฆ์หรือตั้งศาสนจักรของรัฐ จัดการศึกษาสงฆ์ ออกกฎหมายควบคุมและลงโทษนักบวชที่ปฏิบัติผิดธรรมวินัย รวมทั้งวางนโยบายการศึกษาศีลธรรมพุทธศาสนาแก่ราษฎรตั้งแต่ยุค รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา</p>
<p>“กล่าวได้ว่ากษัตริย์พุทธไทยปกครองทั้งบ้านเมืองและเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณด้วย ดังคำว่าพึ่งพระบรมโพธิสมภารหรือพระบารมีปกเกล้า ซึ่งหมายถึงผู้ใต้ปกครองต้องพึ่งพระบารมีของกษัตริย์โพธิสัตว์ในการเดินตามเส้นทางธรรมเพื่อบรรลุนิพพานในอนาคต ขณะที่ชาวคริสต์ยุคกลางพึ่งศาสนจักรเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณเพื่อรอดจากบาปหรือเข้าถึงพระเจ้า กษัตริย์เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณไม่ได้ สถานะอำนาจของกษัตริย์พุทธไทยจึงมีความเป็นศาสนามากกว่ากษัตริย์คริสเตียน”</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เผชิญความท้าทาย</span></h2>
<p>ด้วยสภาพที่ค่อนข้างสถิตนิ่งกับจารีตเดิมของพุทธศาสนาไทยเมื่อปะทะกับความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันทำให้พุทธศาสนาไทยต้องเผชิญการท้าทาย แต่มิใช่ว่าการท้าทายเพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้ หากถูกท้าทายจากความคิดทางโลกมานานแล้ว</p>
<p>สุรพศยกตัวอย่างการถูกท้าทายจากวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่เข้ามาในยุคอาณานิคมทำให้ชนชั้นนำยุค รัชกาลที่ 4 ต้องทิ้งคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วงหันมาตีความว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีเหตุผลมีความเป็นวิทยาศาสตร์ หรือยุครัชกาลที่ 5 ถูกท้าทายด้วยข้อเสนอให้มีสภา (Parliament) เป็นปากเป็นเสียงแทนราษฎร ซึ่งแปลว่าอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่อิงคติพราหมณ์ฮินดู-พุทธถูกท้าทายด้วยแนวคิดอำนาจทางการเมืองแบบทางโลก ยุครัชกาลที่ 6 ถูกท้าทายด้วยแนวคิดชาตินิยม (nationalism) แบบทางโลก เช่น แนวคิดชาตินิยมแบบเสรีนิยมและสังคมนิยมจากตะวันตกและการปฏิวัติในจีน เป็นต้น จึงมีการสร้างแนวคิดชาตินิยมแบบชนชั้นนำสยามหรือราชาตินิยมภายใต้อุดมการณ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ที่ถือว่ากษัตริย์คือศูนย์กลางอำนาจปกครองทั้งชาติและศาสนา และเป็นศูนย์รวมความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า</p>
<p>“กบฏ ร.ศ.130 ในปี 2455 และการปฏิวัติสยาม 2475 ก็คือการท้าทายต่ออุดมการณ์ทางการเมืองที่ผนึกรวมพุทธศาสนาเป็นส่วนสำคัญหนึ่งดังกล่าวโดยตรง และประวัติศาสตร์ของความขัดแย้งทางการเมืองหลัง 2475 จนกระทั่งทุกวันนี้ แก่นแกนของปัญหาก็คือความพยายามคงอยู่ของอำนาจแบบศาสนาที่แตะต้องไม่ได้ กับความพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่การปกครองด้วยแนวคิดอำนาจทางการเมืองแบบทางโลก ที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นเหตุเป็นผลและเป็นวิทยาศาสตร์ แบบที่ประเทศประชาธิปไตยเจริญแล้วเขาเป็นกัน”</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">แยกศาสนาจากรัฐ ปฏิรูปสถาบันฯ แก้ 112 คือเรื่องเดียวกัน</span></h2>
<p>“ประเด็นที่เป็นแก่นแกนของโลกวิสัยคือการเปลี่ยนจากรัฐศาสนาเป็นรัฐโลกวิสัยหรือเปลี่ยนอำนาจการปกครองแบบศาสนาเป็นอำนาจแบบโลกวิสัย ทีนี้สถานะและอำนาจของสถาบันกษัตริย์ไทยก็คือสถานะและอำนาจที่สูงส่งศักดิ์สิทธิ์แตะต้องไม่ได้ที่อิงคติพราหมณ์ฮินดู-พุทธ ถ้าเราเคยอ่านคำฟ้องคดี 112 ของอัยการ หรือเคยไปดูศาลตัดสินคดี 112 จะเห็นว่าเขาอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ และโยงมาที่มาตรา 112 ว่าเป็นบทบัญญัติที่ปกป้องสถานะของกษัตริย์ตามมาตรา 6</p>
<p>“ประเด็นคือสถานะเป็นที่เคารพสักการะเป็นสถานะทางศาสนาหรืออิงความเชื่อทางศาสนา เพราะในทางโลกวิสัยหรือแนวคิดอำนาจแบบทางโลกตามระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ ประมุขของรัฐหรือผู้นำประเทศมีสถานะเป็นเกียรติของรัฐที่วิจารณ์ตรวจสอบได้ เพราะการมีเกียรติสัมพันธ์กับความมีเหตุผลและความเป็นวิทยาศาสตร์ เช่น กษัตริย์อังกฤษ กษัตริย์บางประเทศในยุโรป หรือจักรพรรดิญี่ปุ่น ก็ไม่ได้มีอำนาจเทวสิทธิ์ หรือมีสถานะเป็นที่เคารพสักการะประดุจเทพที่แตะต้องไม่ได้ สถาบันกษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติที่รักษาไว้เป็นเกียรติของประเทศ ภายใต้หลักเสรีภาพและประชาธิปไตยเท่านั้น เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นอำนาจทางโลกของประชาชนที่เหนือกว่าอำนาจประมุขของรัฐและรัฐบาล”</p>
<p>ดังนั้น การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยและการแก้ 112 ก็คือการทำให้อำนาจแบบศาสนาพราหมณ์ฮินดู-พุทธมาอยู่ภายใต้หลักการโลกวิสัยหรือหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน การนิรโทษกรรมคดี 112 คือการทำให้ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยไม่ต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยกฎหมายที่ปกป้องอำนาจแบบศาสนาของสถาบันกษัตริย์</p>
<p>พูดอีกนัยหนึ่งก็คือการนิรโทษกรรมคดี 112 ก็คือการทำให้การใช้สิทธิทางการเมือง สิทธิในเสรีภาพทางความคิดเห็น การพูด การแสดงออกของประชาชนตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหลักการทางโลกไม่ต้องเป็นความผิดและถูกลงทัณฑ์นั่นเอง เป็นการยืนยันว่าระเบียบการเมืองแบบทางโลกอยู่เหนือหรือเป็นอิสระจากการครอบงำของอำนาจตามความเชื่อทางศาสนาใดๆ เรื่องเหล่านี้จึงเป็นสาระสำคัญของการเปลี่ยนแปลงเป็นโลกวิสัยทางการเมือง (political secularization) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ให้เป็นจริง หรือทำงานได้จริง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จะยิ่งยากขึ้นหรือไม่?</span></h2>
<p>เมื่อถามต่อว่าการนำประเด็นแยกศาสนาจากรัฐกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้มาตรา 112 และนิรโทษกรรมคดี 112 จะยิ่งทำเรื่องซับซ้อนและขับเคลื่อนได้ยากขึ้นหรือไม่ สุรพศกล่าวว่า</p>
<p>“ที่จริงก็ไม่ใช่ผมนำสองเรื่องมารวมกัน แต่มันเป็นเรื่องเดียวกันตามที่พูดมาแล้ว เพียงแต่เราไม่พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ทั้งที่ตามความเป็นจริงไม่เคยมีการแยกสถานะอำนาจของกษัตริย์ออกจากหลักศาสนาพราหมณ์ฮินดู-พุทธอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญก็บัญญัติชัดว่าพระมหากษัตริย์ต้องทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกและทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้</p>
<p>“ทีนี้ประเด็นหลักหรือแก่นของโลกวิสัยก็คือการไม่มีอำนาจทางการเมืองในนามศาสนาในกรณีประเทศประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐอย่างฝรั่งเศส หรือการเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองในนามศาสนามาอยู่ใต้อำนาจแบบโลกวิสัย ในกรณีประเทศประชาธิปไตยมีกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างอังกฤษและญี่ปุ่น การผลักดันเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ การแก้ 112 และการนิรโทษกรรม 112 จึงเป็นเรื่องเดียวกับการเปลี่ยนแปลงเป็นโลกวิสัยทางการเมืองหรือเป็นการทำให้ระเบียบการเมืองแบบโลกวิสัยสามารถทำงานได้จริงโดยไม่ถูกครอบงำกดทับด้วยอำนาจแบบศาสนาใดๆ ดังที่พูดไปแล้ว”</p>
<p>ตรงกันข้าม สุรพศกลับเห็นว่าคำอธิบายแบบนี้จะช่วยให้มองเห็นความซับซ้อนและความยากของปัญหาการแยกศาสนาจากรัฐและการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ได้ตรงตามเป็นจริงและชัดเจนทุกมิติมากกว่า</p>
<p>สุรพศเสริมว่าประเด็นการแยกศาสนาจากรัฐส่วนมากมันเถียงเรื่องรัฐควรอุปถัมภ์หรือไม่อุปถัมภ์ศาสนา ศาสนาจะเจริญหรือเสื่อม พุทธไทยจะแตกเป็นหลายนิกายไหม หรือนักบวชจะประพฤติผิดธรรมวินัยมากขึ้นหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นประเด็นรอง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">อำนาจในนามศาสนาของสถาบันกษัตริย์ต้องอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ</span></h2>
<p>ทว่า ประเด็นหลักคือทำอย่างไรจะไม่มีอำนาจทางการเมืองในนามศาสนาหรือทำให้อำนาจในนามศาสนาของสถาบันกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยอันเป็นระบบอำนาจแบบโลกวิสัยดังที่สังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ทำสำเร็จมาแล้ว ถ้าแก้ประเด็นหลักนี้ได้ เรื่องรัฐจะอุปถัมภ์ศาสนาหรือไม่ จะยกเลิกหรือแก้กฎหมายองค์กรศาสนาพุทธ อิสลาม และอื่นๆ อย่างไร เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันได้อย่างเสรี เพราะรัฐโลกวิสัยบางแห่งก็ไม่อุปถัมภ์ศาสนาใดๆ เลย บางแห่งก็อุปถัมภ์ทุกศาสนาเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมต่อพลเมืองที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ ด้วย</p>
<p>“ส่วนประเด็นศาสนาจะเจริญหรือเสื่อมในอนาคต ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ ในสังคมประชาธิปไตยโลกวิสัยอย่างตะวันตกและที่อื่นๆ ศาสนาก็ยังปรับตัวอยู่ได้ตามบริบทที่เปลี่ยนไป”</p>
<p>นอกจากนี้ สุรพศยังเห็นว่าการที่ศาสนาเจริญรุ่งเรืองก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะในยุคกลางที่ศาสนารุ่งเรืองถึงขีดสุดทำให้สถาปนาระบบการเมืองแบบเผด็จการในนามศาสนา ระบบชนชั้นวรรณะ หรือระบบฐานันดรเจ้า ฐานนัดรนักบวชขึ้นมากดขี่คนส่วนใหญ่ ปัจจุบันประเทศในยุโรปแถบที่เป็นรัฐสวัสดิการมีคนไม่นับถือศาสนามากขึ้น แต่การเมืองเป็นประชาธิปไตย สังคมมีศีลธรรม ประชาชนส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากกว่าสังคมที่ไม่แยกศาสนาจากรัฐ</p>
<p>ส่วนจะถูกต่อต้านมากขึ้นหรือไม่ สุรพศให้เหตุผลว่า</p>
<p>“ที่ผมไม่กังวลเรื่องนี้มากนักเพราะขณะที่เรากลัวว่าจะถูกต่อต้าน เราอาจลืมความเป็นจริงไปว่าฝ่ายอนุรักษนิยมเขารุกคืบตลอดเวลาอยู่แล้ว เช่น รุกด้วยการทำรัฐประหารและเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่เพิ่มความเป็นรัฐศาสนามากขึ้นโดยลำดับ เช่น เพิ่มอำนาจนำทางการเมือง (political hegemony) ของสถาบันกษัตริย์ การบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้รัฐมีหน้าที่อุปถัมภ์พุทธเถรวาทเป็นพิเศษและศาสนาอื่นที่รัฐรับรอง การเน้นปลูกฝังอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมผ่านสถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา การสร้างสัปปายะสภาสถานที่แสดงสัญะของอำนาจทางการเมืองตามคติพราหมณ์ฮินดู-พุทธเหนืออำนาจแบบโลกวิสัยของรัฐสภาที่เป็นตัวแทนอำนาจอธิปไตยของประชาชน เป็นต้น ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเผชิญการต่อต้านใดๆ ด้วยการพยายามอธิบายความเป็นจริงของปัญหาอย่างตรงไปตรงมากขึ้น”</p>
<p style="margin:0in 0in 8pt"> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-0" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สัhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107662
 
2815  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - "จุลพันธ์" ยอมรับ เลื่อนแจกเงินดิจิทัล โต้ "ศิริกัญญา" ปัดใช้ ปชช.เป็นเบาะล้ เมื่อ: 17 มกราคม 2567 14:16:44
"จุลพันธ์" ยอมรับ เลื่อนแจกเงินดิจิทัล โต้ "ศิริกัญญา" ปัดใช้ ปชช.เป็นเบาะล้มโครงการ
         


&quot;จุลพันธ์&quot; ยอมรับ เลื่อนแจกเงินดิจิทัล โต้ &quot;ศิริกัญญา&quot; ปัดใช้ ปชช.เป็นเบาะล้มโครงการ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;“จุลพันธ์” ยอมรับเลื่อนแจกเงินดิจิทัล ไม่ทันพ.ค. แต่ยังไม่ถึงจุดยุติโครงการ ยันพร้อมฟังความเห็นรอบด้าน ปัดดันทุรัง พร้อมซัด กลับ “ศิริกัญญา” ฝ่ายค้านก็อย่าใช้ ป.ป.ช.เป็นเครื่องมือทำลายรัฐบาล

         

https://www.sanook.com/news/9186274/
         
2816  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'กัณวีร์' ขอหารือที่ประชุมสภาฯ ห่วงรัฐใช้กฏหมายปิดปากนักกิจกรรมชายแดนใต้ ต เมื่อ: 17 มกราคม 2567 13:54:19
'กัณวีร์' ขอหารือที่ประชุมสภาฯ ห่วงรัฐใช้กฏหมายปิดปากนักกิจกรรมชายแดนใต้ ตบหน้า กมธฯสันติภาพ สภาฯ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 12:29</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'กัณวีร์' สวมชุดมลายู ขอหารือที่ประชุมสภาฯ ห่วงรัฐใช้กฏหมายปิดปากนักกิจกรรมชายแดนใต้ ตบหน้า กมธฯสันติภาพ สภาฯ ที่ใช้พื้นที่สภาฯร่วมสร้างสันติภาพ</p>
<p>17 ม.ค.2567 ทีมสื่อพรรคเป็นธรรม รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้(17 ม.ค.67) กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ขอหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. กรณีมีความย้อนแย้งในการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ปาตานี </p>
<p>"รัฐบาลกำลังสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน แต่กลับมีการบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทำต่อนักกิจกรรม โดยมีหมายเรียก จากเจ้าหน้าที่รัฐ ต่อกลุ่มที่ทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และแสดงออกสิทธิพลเมืองการเมือง"</p>
<p>กัณวีร์ ได้ยกตัวอย่างนักกิจกรรมที่ถูกดำเนินคดี เช่น มูฮัมหมัด อลาดี เด็งนิ ซึ่งจัดงานแต่ชุดมลายูในวันฮารีรายอ แต่กลับถูกดำเนินคดีอั้งยี่ ซ่องโจร ยุยงปลุกปั่น จากกิจกรรมเมื่อปี 2565 ถือเป็นปิดกั้นการแสดงออกสิทธิเสรีภาพ  </p>
<p>ส่วน ซาฮารี เจ๊ะหลง ทำเพจพ่อบ้านใจกล้า ระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวของผู้ถูกวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งเข้าไม่ถึงการเยียวยาของรัฐ แต่กลับถูกข้อหาเอาเงินมาใช้เอง ซึ่งการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่ใช่อาชญากรรม และนักมนุษยธรรมไม่ใช่อาชญากร</p>
<p>ขณะที่ อาเต็ฟ โซะโก และกลุ่มนักศึกษาทำกิจกรรมเพื่อให้มีพื้นที่สันติภาพให้มีการแสดงความคิดเห็นเรื่องทำประชามติจำลอง ถือเป็นการปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน โดยขณะนี้มีการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน  กรณีเจ้าหน้าที่รัฐบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ที่ไม่ยุติธรรมนี้ด้วย </p>
<p>"การบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ ยังเป็นการตบหน้า คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่เราใช้สภาฯในการแก้ปัญหา แต่ใช้กฎหมายไปจัดการกับประชาชน"</p>
<p>กัณีวีร์ เป็นห่วงว่าการใช้กฎหมายปิดปากกำลังทำลายบรรยากาศการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ทบทวนการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมด้วย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107659
 
2817  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "เบสท์" ถือเค้กอวยพรวันเกิดพ่อ "สมรักษ์ คำสิงห์" โมเมนต์อบอุ่นพ่อลูก เมื่อ: 17 มกราคม 2567 12:59:06
"เบสท์" ถือเค้กอวยพรวันเกิดพ่อ "สมรักษ์ คำสิงห์" โมเมนต์อบอุ่นพ่อลูก
         


&quot;เบสท์&quot; ถือเค้กอวยพรวันเกิดพ่อ &quot;สมรักษ์ คำสิงห์&quot; โมเมนต์อบอุ่นพ่อลูก" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"เบสท์ รักษ์วนีย์" ถือเค้กอวยพรวันเกิดพ่อ "สมรักษ์ คำสิงห์" ภาพโมเมนต์อบอุ่นพ่อลูก
         

https://www.sanook.com/news/9186234/
         
2818  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ผลสำรวจพบพนักงานส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นยังถูกติดต่อเรื่องงานนอกเวลางาน เมื่อ: 17 มกราคม 2567 10:46:47
ผลสำรวจพบพนักงานส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นยังถูกติดต่อเรื่องงานนอกเวลางาน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-01-17 09:07</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผลสำรวจโดยสหภาพแรงงาน พบพนักงานส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น 72.4% ยังถูกติดต่อเรื่องงานนอกเวลางาน จากผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ 10.4% ระบุว่าถูกติดต่อนอกเวลางาน “แทบทุกวัน”</p>
<p><img alt="" src="https://img.pct.fyi/uploads/medium/788a0f129ccd82dbc3957402c1c38e41.jpg" /></p>
<p>การสำรวจล่าสุดของ 'สมาพันธ์สหภาพแรงงานญี่ปุ่น' (Japanese Trade Union Confederation) หรือ 'เร็งโง' (Rengō) ในปี 2023 เกี่ยวกับ 'สิทธิตัดขาดการติดต่อสื่อสารนอกเวลาทำงาน' (Right to Disconnect) พบว่า 72.4% ของพนักงานที่ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขาเคยถูกติดต่อเกี่ยวกับงานจากผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ</p>
<p>ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 8.2% เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ 64.2%</p>
<p>ความถี่ในการติดต่อแตกต่างกัน 10.4% ระบุว่า “แทบทุกวัน” 8.0% บอกว่า “4-5 วันต่อสัปดาห์” และ 14.3% ถูกติดต่อ “2-3 วันต่อสัปดาห์” มีเพียง 27.6% ของพนักงานที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า "ไม่เคยถูกติดต่อ"</p>
<p><img alt="" src="https://www.nippon.com/en/ncommon/contents/japan-data/2526198/2526198.png" /></p>
<p>เมื่อแยกตามอุตสาหกรรม 82.7% ของผู้ที่ทำงานในภาคก่อสร้างมีสัดส่วนถูกติดต่อนอกเวลางานสูงสุด รองลงมาคือ 79.6% ในภาคการแพทย์และสวัสดิการ และ 78.0% ในภาคบริการที่พักและอาหาร</p>
<p>นอกจากนี้ พนักงานที่ตอบแบบสอบถาม 44.2% ยังระบุว่า พวกเขาถูกติดต่อโดยลูกค้าเกี่ยวกับงานนอกเวลางาน ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับพนักงานในภาคก่อสร้าง (66.7%) และภาคการเงินและประกันภัย (50.9%) </p>
<p><img alt="" src="https://www.nippon.com/en/ncommon/contents/japan-data/2526200/2526200.png" /></p>
<p>62.2% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า “รู้สึกเครียดเมื่อลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้า ติดต่อเรื่องงานนอกเวลางาน” การสำรวจยังพบว่า 66.7% คิดว่า “จำเป็นต้องจำกัดการติดต่อ” เกี่ยวกับการติดต่อเรื่องงานจากลูกค้า ผู้ตอบแบบสอบถาม 19.9% ระบุว่าบริษัทของพวกเขามีระเบียบเกี่ยวกับการติดต่อนอกเวลางาน และในสถานประกอบการที่มีสหภาพแรงงาน ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 29.7%</p>
<p>เมื่อถามเกี่ยวกับสิทธิตัดขาดการติดต่อสื่อสารนอกเวลาทำงาน ซึ่งอนุญาตให้พนักงานปฏิเสธการตอบกลับการติดต่อที่เกี่ยวข้องกับงานนอกเวลางานหรือในวันหยุด จำนวนรวมของผู้ตอบแบบสอบถามที่ “เห็นด้วยอย่างเต็มที่” หรือ “เห็นด้วยบ้าง” ว่า “ต้องการปฏิเสธการติดต่อ” อยู่ที่ 72.6%</p>
<p><img alt="" src="https://www.nippon.com/en/ncommon/contents/japan-data/2526201/2526201.png" /></p>
<p>ในบรรดาผู้ที่ต้องการปฏิเสธ อุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนสูงสุดคือ พนักงานในภาคการเงินและประกันภัยที่ 81.8% อีก 2 อุตสาหกรรมหลักที่มีพนักงานรู้สึกเช่นนี้คือ ภาคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 79.8% และภาคก่อสร้าง 77.8%</p>
<p>การสำรวจทั่วประเทศนี้ดำเนินการทางออนไลน์ในเดือน ก.ย. 2023 ได้รับคำตอบ 1,000 ราย จากพนักงาน (เต็มเวลา พาร์ทไทม์ และฟรีแลนซ์) อายุตั้งแต่ 18 ถึง 59 ปี</p>
<p> </p>
<p><strong>ที่มา:</strong>
Right to Disconnect: Most Japanese Employees Get Contacted Out of Hours (nippon.com, 11 January 2024)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/01/107658
 
2819  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หวยงวดนี้ออกอะไร เช็กด่วน 10 เลขขายดี เลขเด็ดงวดนี้ 17/1/67 เมื่อ: 17 มกราคม 2567 10:27:36
หวยงวดนี้ออกอะไร เช็กด่วน 10 เลขขายดี เลขเด็ดงวดนี้ 17/1/67
         


หวยงวดนี้ออกอะไร เช็กด่วน 10 เลขขายดี เลขเด็ดงวดนี้ 17/1/67" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เช็ก 10 เลขเด็ดขายดี เลขเด็ดงวดนี้ 17/1/67 โค้งสุดท้ายก่อนตรวจหวย
         

https://www.sanook.com/news/9182006/
         
2820  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หนุ่มหวังฟิน แฟนทำสปาให้ทั้งตัว ช็อกตื่นอีกทีตัวดำเมี่ยม ฟังเหตุผลร้องห้ะ บอกเ เมื่อ: 17 มกราคม 2567 07:46:07
หนุ่มหวังฟิน แฟนทำสปาให้ทั้งตัว ช็อกตื่นอีกทีตัวดำเมี่ยม ฟังเหตุผลร้องห้ะ บอกเลิกทันที!
         


หนุ่มหวังฟิน แฟนทำสปาให้ทั้งตัว ช็อกตื่นอีกทีตัวดำเมี่ยม ฟังเหตุผลร้องห้ะ บอกเลิกทันที!" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เป็นเรื่อง! หนุ่มหลงกลแฟนสาว แก้ผ้านอนให้ทำสปาฟินๆ ตื่นอีกทีตัวดำเมี่ยม ฟังเหตุผลที่แกล้งแรงยิ่งฉุน ขอเป็นโสดดีกว่า!


         

https://www.sanook.com/news/9180370/
         
หน้า:  1 ... 139 140 [141] 142 143 ... 1146
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.978 วินาที กับ 26 คำสั่ง