[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 พฤษภาคม 2567 10:44:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  สุขใจในธรรม / ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม / Re: ขอประนามการกระทำที่ดูนอกรีตของสถานที่ที่เรียกตัวเองว่าวัด วัดป่าศิวิไลซ์ พิจิตร เมื่อ: 14 มีนาคม 2555 21:48:15
              ในการที่คุณพูดมาทั้งหมดโดยยึดหลักทางพระพุทธศาสนานั้นมันถูกต้องอยู่ครับ แต่อย่ายึดความคิดของคุณเป็นใหญ่ หรือคิดว่าความคิดของคุณจะถูกต้องที่สุดซิครับ คุณไม่ใช่เจ้าของศาสนาซะหน่อย หรือว่าคุณมีศาสนาพุทธ นิกายใหม่ที่เป็นของตนเอง ผมในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งจะได้ไปฝึกในแนวทางของคุณดูบ้างคุณศาสดา Mckaforce
              ในการที่คุณเอาสื่อมาตีแผ่แบบนี้เป็นเรื่องที่ดีครับ(ขอให้ได้อานิสงผลบุญนั้นไป) แต่ที่มาพูดในด้านลบนี้ถือว่าผิดทั้งทางโลกและทางธรรม มันไม่ดี สิ่งที่ดีๆที่ชอบมีอีกเยอะ สิ่งที่ไม่ดีไม่ชอบก็มีอีกเยอะ แต่เก็บเอาไว้ในใจจะดีกว่าไหม ในกรณีนี้คุณพูดราวกับว่าคุณสามารถตัดสินได้ว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว เหมือนว่าคุณได้รู้แจ้งเห็นจริงแล้วในสัจธรรม แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง รบกวนช่วยมาบรรพชาอุปสมบทให้ผมได้ไหม อยากปฏิบัติในแนวทางหรือวิธีของคุณ และขอมอบกายถวายตัวและใจเพื่อเป็นศิษยานุศิษย์ของเกจิ Mckaforce ด้วยคนครับ
              ตามที่คุณได้ตีแผ่และว่าความมาบวกกับที่ผมได้ศึกษาและปฏิบัติมา ไม่ว่าที่ไหนนะครับ ทุกที่ล้วนมีแนวทางการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป แต่จุดมุ่งหมายปลายทางหรือผลสำเร็จมันก็เหมือนกันทุกที่แหล่ะครับ พระพุทธเจ้าทรงได้สอนหรือบัญญัติไว้ไหมว่า การที่จะทำให้รู้แจ้งเห็นจริงมีวิธีหรือแนวทางในการปฏิบัติอย่างไร ไม่มีหรอกครับ ท่านได้สอนไว้เพียงว่า การที่จะบรรลุธรรมขั้นใดขั้นนึ่งนั้น ต้องทำให้จิตใจเราเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ก่อน แต่ไม่ได้บอกวิธีปฏิบัติเอาไว้ซะหน่อย ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ เมื่อเราหิวเราก็กินเพื่อให้อิ่ม แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่า จะกินอะไรให้อิ่นและใช้อะไรกิน สมัยก่อนก็ใช้มือ สมัยนี้ก็ช้อนซ้อม ถ้าคนจีนก็ตะเกียบ คล้ายกับว่า อยากทำจิตใจให้สงบก็ต้องนั่งสมาธิ และวิธีการทำสมาธิก็มีตั้งหลายวิธี ถ้ายึดติดกับความคิดของคุณ ก็หมายความว่า เกิดคุณใช้ช้อนซ้อมกินข้าว คนในสมัยก่อนกับคนจีนก็ปฏิบัติผิดวิธีผิดหลัก เพราะเค้าดันไปใช้มือกับตะเกียบกิน ยังนั้นน่ะหรอ......
               แล้วสุดไม่ว่าจะใช้อะไรกิน หรือกินอะไร ผลลัพธ์มันก็คือต้องการให้ท้องอิ่มเหมือนกันนั่นแหล่ะครับท่านศาสดา ศาสนาใหม่ ราวกับว่า สำนักสงฆ์แต่ละสำนักก็มีวิธีฝึกต่างวิธีกันแต่เป้าหมายก็คือให้เข้าถึงสมาธิวิปัสนากัมมัฏฐาน บางสำนักก็ให้ภาวนา พุทโธบ้าง สัมมาอรหังบ้าง
                อีกอย่าง ในสมัยก่อน ครูบาอาจารย์หรือเกจิอาจารย์ทั้งหลายเคยได้มีบันทึกไว้ไหมว่าท่านสามารถบรรลุคุณธรรมขั้นหนึ่งขั้นใดได้อย่างไร ไม่มีหรอกครับ มีแต่เรื่องเล่าประวัติความเป็นมา เต็มที่ก็วิถีการปฏิบัติ แต่ท่านทั้งหลายนั้นก็ยังไม่ได้บอกไว้เหมือนกันว่าปฏิบัติแบบนี้แล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร นี่แหล่ะเป็นสิ่งที่ทำให้ครูบาอาจารย์รุ่นหลังๆ นำมาค้นหาค้นคว้าแล้ว(ย้ำ)นำมาปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงก่อนที่นำมาสอนให้ศิษยานุศิษย์ลองปฏิบัติกันดู ใครจะทำตามก็ทำ ใครจะไม่ทำตามก็ไม่ต้องทำ ท่านเค้าไม่ได้บังคับ ชิมิ????
                  พอละ ขี้เกียจสาธยาย เมื่อยนิ้ว เอาเป็นว่า คิดให้ดีแล้วลงมือทำให้ดีที่สุด ดีไม่ดียังไงเรารู้คนเดียว แล้วเก็บไว้ในใจซะ อย่าได้ไปสอนหรือกล่าวอ้างว่ามันดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิดอย่างไร

ปล. ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด[/size][/size]
หน้า: [1]
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 27 คำสั่ง