[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 พฤษภาคม 2567 04:18:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 63 64 [65] 66 67
1281  จากใจถึงใจ / สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน) / Re: ท่านพึงพอใจกับเวบนี้หรือไม่ เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 17:31:32
เข้าห้อง chat ไม่ได้เลย ทำไงดีจ้า น้าแมค   หือ ? งอแง แหวะ
1282  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปรษณีย์ / ลักษณะของผู้ชายที่ดี......... เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 22:05:20
                           

มีชายคนหนึ่งเดินอกมาจากผับ มีขอทานคนหนึ่งหน้าตามอมแมมเนื้อตัวสกปรกอยู่ข้างๆ
"พี่ขอเงินสัก 20 บาทสิครับผมยังไม่ได้กินข้าวเลย" ขอทานเอ่ยปาก
ชายหนุ่มหยุดมอง "เอางี้แล้วกัน ไปกินเหล้าต่อกะพี่เด๋วพี่เล้ยงเอง"
ขอทานบอก "ไม่เป็นไรครับพี่ผมไม่กินเหล้า"
ชายหนุ่มเลยบอก "งั้นไปบ่อนกับพี่มั้ย เด๋วพี่ออกทุนให้"
ขอทานก็ยังคงปฎิเสธ "ผมไม่เล่นการพนันครับ"
ชายหนุ่มเลยถามต่อ "เอางี้ พี่พาน้องไปลงอ่างดีกว่า"
ขอทานก็ตอบอีกว่า "คือ ผมไม่เที่ยวผู้หญิงครับพี่"
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆแล้วถามว่า "ตะกี้น้องขอเงินเท่าไรนะ"
ขอทานบอก " 20ครับพี่ "
ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปกระซิบบอกว่า ........
เอางี้แล้วกันน้อง พี่ให้ 200 เลย ไปที่บ้านกะพี่หน่อยดิ
ขอทานทําหน้างงงง "ทําไมหรอครับพี่"
ชายหนุ่มควักตังค์ให้พร้อมพูด
"ไปให้เมียพี่มันดูหน่อยว่ะ ว่าไอ้คนที่ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน
ไม่เที่ยว ผู้หญิงน่ะ สภาพมันเป็นยังไง"
1283  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / เจียวไข่ให้หนานุ่ม เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 21:32:07

ใครจะคิดว่าเรื่องง่าย ๆ อย่างการจะทำไข่เจียว ให้อร่อย ก็ต้องมีเทคนิค
กับเขาเหมือนกัน

ถ้าคุณเคยไปทานเจอ ไข่เจียวที่เนื้อหนา แต่นุ่ม หอม อร่อย แต่เจียวทานเอง
ไม่เคยได้อย่างเขาสักที ขอแนะนำ ให้ลองวิธีตามนี้นะคะ เริ่มแรก ไข่ไก่ที่ใช้ต้องสดค่ะ
จะทำไข่เจียวแบบหนา ๆ อาจต้องหาคนช่วยทานซักหน่อย เพราะเวลาเจียว
ก็น่าจะต้องใช้ไข่อย่างน้อย 4-5 ฟองขึ้นไปค่ะ

ตอกไข่ใส่ชาม ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ และตีไข่ให้เข้ากัน ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน
ต้องใช้นำมันเยอะหน่อยนะคะ กรอกน้ำมัน บนผิวกระทะเล็กน้อย รอจนน้ำมันร้อนจัด
แล้วจึงเทไข่ทั้งหมดลงในกระทะ ด้วยปริมาณไข่ที่มาก จะสังเกตได้ว่า ไข่บริเวณขอบ
และไข่ที่อยู่ด้านล่าง จะสุกก่อน ส่วนไข่ด้านบน จะยังเป็นน้ำไข่ดิบอยู่ รอสักครู่จนไข่
ด้านล่าง เริ่มสุกพอประมาณ เองตะหลิวเจาะตรง กลางไข่ให้เป็นรอยบาก จากนั้นแซะไข่
จากด้านล่างยกขึ้น ให้น้ำไข่ดิบ ไหลจากช่องตรงกลาง ลงมาสัมผัสผิวกระทะ อาจแยกแซะ
ฝั่งซ้าย 1 ครั้ง ฝั่งขวา 1 ครั้ง รอครู่หนึ่งจนน้ำไข่ที่ไหลลงไปเริ่มสุก ถ้ายังมีน้ำไข่ค้างอยู่อีก
ให้ทำอีก แต่ถ้าไม่มีแล้วก็ให้กลับไข่ (อันนี้ต้องใช้ฝีมือนิดนึงนะคะ ถ้าอยากให้ ไข่เจียวดู
เป็นแผ่นกลม แต่ถ้ายากเกินความสามารถ ก็แบ่งไข่กลับด้านทีละครั้งก็ได้ค่ะ) ถ้าเริ่มมีควันขึ้น
กระทะอาจร้อนจัดเกินไป ให้ลดไฟลงเล็กน้อย จะสังเกตได้ว่าไข่จะดูฟูขึ้น ๆ ค่ะ พอสุกสีสวย
ก็ตักขึ้นใส่จานเสริฟได้เลยค่ะ
 
 
1284  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ดูดวง ทำนายทายทัก / รังสีออร่าในตัวคุณ เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 21:27:50
รังสีออร่าในตัวคุณ


          หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า "รังสีออร่า" แต่รู้กันไหมล่ะว่ามันคืออะไร และสามารถ
บอกถึงอะไรในตัวเราได้บ้าง
          โดยรังสีออร่า คือสีของความคิดและอารมณ์จะมีลักษณะเป็นหมอกไหลปรากฏเป็นหย่อมๆ
เห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะและเหนือบ่า

          วิธีคิดหารังสีออร่าของตัวคุณ เพียงคำนวณตามสูตร นำวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน
สมมุติว่า เกิดวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1960 ก็นำเลขทั้งหมดมาบวกกันคือ
5 + 5 + 1960 = 1970

          จากนั้นก็แยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครั้ง จะได้เป็น 1 + 9 + 7 + 0 = 17
ก็นำมาแยกบวกอีกจนกว่าจะได้เลขตัวเดียว ซึ่งก็คือ 1 + 7 = 8

          เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียว แล้วขอให้ดูว่าตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐานสีอะไร
มีความหมายว่าอย่างไร แต่ถ้าเลขบวกกันแล้วได้ผลเป็น 11 และ 22 ไม่ต้องแยกบวกอีก
เพราะเป็นพวกพิเศษกว่าพวกอื่น 

           1. สีแดง : ผู้นำ
          พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ
ทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉงและพลังทางเพศ มีเสน่ห์
พูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ

          คุณวิ่งไม่เร็ว มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ
คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำ ชอบสร้างโครงการท้าทายความสามารถ
แต่ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสมกับตัวด้วย

          ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนกและอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างาน
มากไปจนเครียด ควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด 

           2. สีส้ม/ แสด : มนุษยสัมพันธ์ดี
          คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย กระฉับกระเฉงว่องไว มีความสุข
เป็นสีที่คอบควบคุมกล้ามเนื้อ แต่มีมากไปจะเย่อหยิ่ง ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหา
ให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือ และทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ จิตใจสมถะ
ชอบปิดทองหลังพระ คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ

          ข้อเสีย ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ 

           3. สีเหลือง : มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด
          คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่ายปรับตัวเก่ง
ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้ และทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เป็นคนฉลาด
หลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว มีเมตตา รักเพื่อนมนุษย์ เป็นสีคุ้มกันโรคภัย
มีพรสวรรค์ด้านการพูด งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน
นักการทูต ที่ปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก

          ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง 

           4. สีเขียว : รักษาโรค
          คุณเป็นคนรักสงบ ละเอียดอ่อน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต
ไว้วางใจได้ คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู
คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้ มีความสามารถในการใช้มือ เป็นสีแห่งความสมดุลและปรับตัว

          ข้อเสีย ดื้นรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

           5. สีน้ำเงิน : เป็นได้ทุกอย่าง
          คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้างแต่ยังยิ้มสู้เสมอ
เชื่อมั่นในตนเอง ซื่อตรง พยายามยืนหยัดด้วยตัวเอง แสงออร่าของคุณจึงกว้าง
และสว่างไสวเสมอ ทำให้กระชุ่มกระชวยดูอ่อนกว่าวัย
คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์
และมีจินตนาการ ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน

          ข้อเสีย ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด ทำอะไร
ไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า และขาดความอดทนอีกด้วย 

           6. สีคราม : มีความรับผิดชอบสูง
          คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจ
โอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6
โทรจิตต่างๆ มีความคิดฉลาดล้ำลึกและสร้างสรรค์ นิยมความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต

          ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง
จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง

           7. สีม่วง : ฉลาดล้ำลึก และสันโดษ
          คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตร์ลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ
คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 สูง รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้ มักมีปัญหาบริเวณท้อง

          ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป 

           8. สีชมพู : นักบริหาร นักธุรกิจ
          คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้อรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง มุ่งมั่นที่จะ
ให้บรรลุเป้าหมายและความสำเร็จ ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก คุณจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย
มีพลังที่แจ่มใส รักสงบ เต็มไปด้วยความรัก โรแมนติก อารมณ์ขัน ถ่อมตน ปลอบประโลมคนเก่ง

          ข้อเสีย มักจะใจคอโลเล อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ 

           9. สีทองเหลือง : นักสังคมสงเคราะห์
          คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม
มีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี

          ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง

           11. สีเงิน : นักอุดมคติ
          คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน
เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ
เป็นคนซื่อสัตย์ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริง
คุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว

          ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้
ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ 

           22. สีทอง : ไม่มีขอบเขตจำกัด
          คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่อง
ปอกกล้วยเข้าปาก คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ
ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน มีอุดมคติและความสามารถสูง
เป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้

ที่มา Forward Mail
 


 
1285  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: สาว สาว จากงานมอเตอร์โชว์ เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 20:41:53

ปู่ซ่าส์ เก็บอาการหน่อย น้ำยายไหยแล้ว
เฮ้อ คนแก่ก็อย่างนี้แหละ ไม่มีน้ำยา
เลยต้องดูแต่รูป ปลงอสุภะหน่อยนะจ๊ะ ปู่จ๋า
เดี๋ยวอายุไม่ถึง 100 หง่ะ   :-* :-*
1286  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ตลาดสด / Re: นิทานเรื่อง.... เเม่มด อาเธอร์ และ กาเวน เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 14:16:31

เพราะเขาได้ให้ความเคารพ
และให้เธอเป็นตัวของตัวเอง



(ขอบคุณมาก ๆ  สำหรับคำตอบนี้) 
1287  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ตลาดสด / Re: จัดอันดับประเทศที่มีคนหล่อเฉลี่ยสูงสุดในโลก เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 14:08:52
รูปแรก ๆ ใช้ได้หมด โดนใจจังเลยจ้า 
ส่วนรูปสุดท้าย ต้องปรับปรุง ถ้าไปเกิดใหม่ได้จะ ดีม๊ากกกกก
1288  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / Re: หลวงพ่อพุธตอบปัญหาธรรมะ เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 10:51:19

คำถาม :   ขณะที่เราพิจารณากายคตาสติ เราพิจารณาถึงตัวเองก่อน พอพิจารณาเพ่ง ๆ ไป
เราจะเป็นตัวของเรานั้นไม่มี เป็นของว่างเปล่า  เมื่อพิจารณาตัวเราเองเสร็จแล้วเราพิจารณาคนอื่น 
เราก็จะเห็นในลักษณะเดียวกัน หรือเห็นแต่เพียงฆนะ  ความเป็นก้อนที่รวมกันอยู่เท่านั้น
แท้จริงแล้วเขาไม่มีอะไรเลย เป็นของว่างเปล่าเมื่อเราพิจารณาเห็นอย่างนี้เป็นประจำต่อไป
ควรปฏิบัติอย่างไรครับ


หลวงพ่อพุธตอบ :   ต่อไปก็ควรปฏิบัติอย่างนี้เป็นประจำ
ใครคล่องตัวต่อการพิจารณาในเรื่องอันใด ให้ยึดเอาอันนั้นแหละพิจารณาซ้ำ ๆ อยู่นั่นแหละ
แม้จะเป็นเรื่องเดียวตลอดชีวิตก็ตาม วันนี้เราอาจจะพิจารณารู้เพียงแค่ว่าร่างกายของเราก็ดี
ร่างกายของคนอื่นก็ดี เป็นเพียงฆนะ เป็นเพียงก้อนอันหนึ่ง  แท้ที่จริงก็ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
เราพิจารณาในเรื่องนี้ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เข้า ความรู้ของเราจะเกิดขึ้นใน ๒ ลักษณะ ลักษณะอย่างหนึ่ง
กำหนดรู้เพียงแค่ว่า ร่างกายเป็นแต่เพียงฆนะ  เป็นแค่ก้อน  รู้ชัดแจ้งเห็นจริง เป็นความรู้ขั้นสมถกรรมฐาน
และอาศัยการพิจารณาอย่างเดียวนั้นแหละ เมื่อจิตปฏิวัติไปสู่ความรู้ เกิดอนิจจสัญญา ความสำคัญ
มั่นหมายว่าไม่เที่ยง  แต่อาศัยอารมณ์อันเดียวนั้นแหละเป็นพื้นฐานให้เกิดความรู้เช่นนั้น จิตของเรา
ก็ก้าวขึ้นสู่ภูมิแห่งวิปัสสนาอย่าไปเข้าใจว่าเราพิจารณาอันนี้จนคล่องตัว ชำนิชำนาญจนรู้จริงเห็นจริงแล้ว
เราทิ้งเอาไว้ไม่ต้องนึกถึงมันอีกล่ะ เราหมดธุระหน้าที่ที่จะค้นคว้าพิจารณาเพราะเรารู้จริงเห็นจริงอย่าไป
เข้าใจผิดอย่างนั้น ถ้ายิ่งรู้จริงเห็นจริงเท่าไรยิ่งเอามายกเป็นเรื่องพิจารณาให้มันคล่องตัว ความเปลี่ยนแปลง
ของจิตนั้นอยู่ตรงที่ว่าเรามีสติสัมปชัญญะดีขึ้น  แล้วมีการปล่อยวางกิเลสอารมณ์ได้ดีขึ้น  ส่วนความเป็น
ของจิตนั้นใครจะภาวนาถึงระดับใดก็ตาม จิตก็ย่อมเดินอยู่ในระดับของวิตก  วิจาร  ปีติ  สุข  เอกัคคตา 
แม้แต่ภูมิของสามัญชนที่ยังไม่ได้บรรลุมรรคผลอันใดก็ตาม ก็เดินอยู่ในขั้นของวิตก  วิจาร  ปีติ  สุข 
เอกัคคตา เหมือนกัน แล้วเราจะเอาวิตกถึงเรื่องอะไรมาเป็นคู่ของใจก็ได้ ถ้าพิจารณาเรื่องนั้นทำให้เรา
รู้จริงเป็นจริงตามที่เราต้องการรู้ แล้วจิตของเราสามารถปล่อยวางกิเลสและอารมณ์ได้มาก เราถือว่า
เป็นผลงานของเรา แล้วก็ยึดเอาอันนั้นแหละพิจารณาเรื่อยไป เราอาจจะอาศัยอารมณ์อย่างเดียวนี้
ทำให้จิตของเราบรรลุโสดา  สกิทา  อนาคา  อรหันต์ได้.
1289  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ / ฮือฮามะกันพบดาวเคราะห์ เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 09:55:07

นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ค้นพบดาวเคราะห์ 2 ดวงขนาดใหญ่กว่าโลก โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ 2
ลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ เผยอาจมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่

วันนี้ (16ธ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐ ค้นพบดาวเคราะห์ 2
ดวงขนาดใหญ่กว่าโลก โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ 2 ดวงที่มีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ทั้งขนาดและอายุ

ดาวเคราะห์ดังกล่าวมีลักษณะทางกายภาพเป็นหินแข็ง ขนาดใหญ่กว่าโลก แต่เล็กกว่าดาวยูเรนัส
และเนปจูน นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการค้นพบครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะพบดาวเคราะห์ที่มีโอกาส
มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่

นักวิทยาศาสตร์ได้รวบรวมข้อมูลเป็นเวลาหลายปีจากห้องสังเกตการณ์ดับเบิลยูเอ็ม เค ในฮาวาย
และจากกล้องโทรทรรศน์ที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย พบดาวเคราะห์ทั้งสองดวงนี้จากการ
ติดตามสังเกตอาการซวนเซของดาวฤกษ์ ซึ่งเกิดมาจากอิทธิพลของแรงดึงดูดระหว่างดาวเคราะห์กับดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์ที่เป็นดาวแม่ให้กับดาวเคราะห์ดวงนี้มีชื่อว่า 61 เวอร์จิ้นส์ อยู่ไกลจากโลกเพียง 28 ปีแสง
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่บริเวณกลุ่มดาวหญิงสาว ดาวเคราะห์ดวงที่พบมีมวลมากกว่าโลก
เพียง 5 เท่า และใช้เวลาโคจรรอบดาวฤกษ์ครบ 1 รอบด้วยเวลาเพียง 4 วัน นับเป็นดาวเคราะห์
ดวงเล็กที่สุดดวงหนึ่งเท่าที่เคยค้นพบนอกสุริยจักรวาล ส่วนดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งถูกค้นพบว่า
โคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ชื่อ เอชดี 1461 อยู่ไกลจากโลก 76 ปีแสง มีมวลมากกว่าโลก 7.5 เท่า


ข่าวจาก เดลินิวส์
เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 09:02:59   

1290  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ / นายกฯดาราศาสตร์ไทยฟันธงวัตถุประหลาดไม่ใช่ยูเอฟโอ. เมื่อ: 17 ธันวาคม 2552 09:42:36

 นายกฯดาราศาสตร์ไทยฟันธงวัตถุประหลาดไม่ใช่ยูเอฟโอ.

 17 ธค. 2552 08:56 น. (The Nation)

นางประพีร์ วิราพร นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวถึงวัตถุเรืองแสงที่เกิดขึ้น
บนท้องฟ้ากรุงเทพฯ กล่าวว่า วัตถุเรืองแสงดังกล่าว เบื้องต้นตนสามารถยืนยัน
ได้เลยว่าไม่ใช่ดาวบนท้องฟ้าอย่างแน่นอน เพราะช่วงเวลาดังกล่าวดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง คือ วัตถุดังกล่าวไม่แนบท้องฟ้า ดังนั้นในเบื้องต้นตนอยากจะสรุปว่า
วัตถุดังกล่าวน่าจะเป็น บอลลูน , โคมลอย และลูกโป่ง ที่มีการใช้ในการเปิดงานต่างๆ
ส่วนข้อสงสัยว่าทำวัตถุดังกล่าวทำมีแสงในตัวเองนั้น ความจริงแสงที่เราเห็นนั้นมันเกิดจาก
แสงพระอาทิตย์ไปกระทบโดนวัตถุดังกล่าวแล้วมาเข้าตาของเรา เราะหากเราจะสังเกตจะพบว่า
เมื่อพระอาทิตย์ตกไปแล้ว วัตถุดังกล่าวก็ไม่ได้ปรากฎให้เห็น

" ขอยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ยูเอฟโอ.อย่างแน่นอน เพราะหากวัตถุดังกล่าวเป็นยูเอฟโอ.จริง
ดิฉันเชื่อว่าองค์การนาซ่า หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะมีคำตอบในเรื่องนี้ออกมาแน่
เรื่องนี้น่าเสียดายที่หน่วยงานเกี่ยวด้านดาราศาสตร์ไม่ได้มีโอกาสใช้กล้องส่องดู ซึ่งเรานำ
กล้องส่องดูดาว เราจะสามารถเห็นรายละเอียดขิองวัตถุดังกล่าวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น "
นางสาวประพีร์ กล่าว และว่า ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ตนไม่ได้อยู่ในจุดที่จะเห็น
วัตถุดังกล่าว แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มได้มีโอกาสเห็น ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังตน และได้เล่าบอก
ลักษณะของวัตถุที่ปรากฎให้ฟัง ซึ่งพวกเราก็สามารถลงความเห็นว่าวัตถุดังกล่าวน่าจะเป็น
บอลลูน , โคมลอย หรือลูกโป่งที่ใช้ในการเปิดงาน

เมื่อถามว่า หากมีคนสามารถถ่ายรูปวัตถุดังกล่าวเอาไว้ เราจะสามารถนำรูปดังกล่าวมาขยาย
เพื่อใช้วิเคราะห์วัตถุดังกล่าวได้หรือไม่ นางสาวประพีร์ กล่าวว่า เราคงจะไม่สามารถวิเคราะห์
ได้อย่างแน่นอน เพราะหากเราขยายภาพให้เพิ่มมากขึ้น สิ่งที่เราจะเห็นก็เป็นเพียงแสงสะท้อน
ที่มีความวาวๆ เท่านั้น ดังนั้นเบื้องต้นตนสามารถยืนยันได้ในเวลานี้ว่าวุตถุดังกล่าวไม่ใช่ยูเอฟโอ.
อย่างแน่นอน
 
 
 
1291  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / กระบวนการ NEW AGE / Mind Control การจูงจิตกับมนุษย์ต่างดาว เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 19:31:11
Mind Control  การจูงจิต


การจูงจิตคืออะไร? การจูงจิตไม่ใช่การจูงใจ เพราะการจูงใจมักจะมีสิ่งตอบแทน
แต่การจูงจิตจะคล้ายการสะกดจิตตัวเอง การสะกดจิตเป็นการเล่นกับจิตใต้สำนึก
ไม่ว่าจะสะกดจิตตัวเองหรือคนอื่น คนที่ถูกสะกดจิตจะตอบสนองได้โดยไม่รู้สึกตัว
เช่นคนทรงเจ้าเข้าวิญญาณก้ สะกดจิตตัวเองก่อนว่ามีอะไรๆมาสิงร่างตน แล้วแสดงไป
ตามนั้นโดยไม่รู้สึกตัวเลย ,จิตแพทย์สะกดจิตคนไข้ขณะทำการรักษา


การจูงจิตสามารถ กระทำได้โดยขณะที่รู้สึกตัว หลักง่ายๆคือการตอกย้ำกับจิตเอง
หรือผู้อื่นซ้ำๆ บางที่อาจต้องมีการตอกย้ำกับร่างกายด้วย เพื่อแสดงสิ่งพิเศษต่างๆ
ออกมาตามที่ต้องการ เช่น นักกีฬายกน้ำหนัก  ก่อนยกร้องคำว่า “สู้เว้ย”
แล้วยกน้ำหนัก100 กว่ากิโลกรัมขึ้นมาได้, นักคาราเต้ ร้องว่า “ย้าก”
แล้วต่อยอิฐแข็งๆให้แตกกระจุยได้ และอื่นๆอีกมากมาย คนพวกนี้ใช้การจูงจิตทั้งนั้น


วิธีการคือต้องคิดว่าตนทำสิ่งนั้นได้ๆๆๆ(ใส่ไม้ยมกตามที่ต้องการ) แต่แค่คิดไม่อาจพอ
ต้องฝึกฝนร่างกาย ต้องลงมือกระทำจริงๆ เปนการตอกย้ำซ้ำสองทั้งร่างกายและจิตใจ
ยิ่งความต้องการสิ่งพิเศษมากเท่าไหน ก้ต้องยิ่งจูงจิตแรงมากขึ้นๆเท่านั้น  และการจูงจิต
ยังใช้กับคนอื่นได้ด้วย เช่นนักกีฬาที่มีเสียงเชียร์ มีโอกาสเล่นดีขึ้นกว่าปกติ ,สามีมีงาน
สำคัญ ถ้าภรรยาบอกว่า “ชั้นเชื่อว่าคุณทำได้” โอกาสสำเร็จจะมีมากตามไปด้วย
แม้แต่เพื่อนนักเรียนที่ตบหลัง ตบไหล่ไล่ให้เราไปจีบสาวก้ใช่

ตอนแรกๆอาจไม่เห็นผลทันตาทันใจ แต่อย่างที่บอกว่าเปนการจูงจิต
(จูง=ลากเบาๆ) ต้องค่อยๆทำไปเรื่อยๆ ใช้เวลาหน่อย ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราต้องการ
 

ที่มา :  บล็อคโอเคเนชั่น
1292  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / วันกีฬาแห่งชาติ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 19:06:49

รัฐบาลได้ทำการส่งเสริมทางด้านการส่งเสริมทางด้านกีฬาไทยด้วยดีเสมอมา
เพราะตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการเล่นกีฬา นอกจากจะเป็น
การออกกำลังกายแล้ว ยังทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง การกีฬายังเป็นเครื่องช่วย
ผ่อนคลายความเครียด ช่วยปรับปรุงในด้านความคิดและอุปนิสัยให้ประชาชนในชาติ
เป็นผู้มีความเสียสละ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และมีความสามัคคีต่อกัน

          เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงเป็นตัวแทนของนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วม การแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4
ที่กรุงเทพฯ และทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทองในการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค.
ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ทางการกีฬาของประเทศไทย นอกเหนือจากกีฬาเรือใบแล้ว
แบดบินตันก็เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงโปรดปรานมากเช่นกัน ในหอประชุมวังจิตรลดาฯ ได้ปรับแต่งเป็นสนามแบดมินตัน
มาตรฐาน ส่วนมากพระองค์จะทรงแบดมินตันในตอนเย็นและวันศุกร์ และเช้าวันอาทิตย์
พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางการกีฬานี้ เป็นที่เลื่องลือ
ไปทั่วโลกว่า พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริงและทรงสนับสนุนกีฬาจนเป็นที่ปรากฏชัด

          ดังนั้นในการประชุมใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลครั้งที่ 29 ที่เมืองอิสตันบูล
ประเทศตุรกี โดยมีนายฮวน อันโตนีโอ ซามาร้านซ์ ประธานคณะโอลิมปิกสากล
เป็นประธานการประชุมพร้อมทั้งสมาชิกเข้าร่วมประชุมอีก 87 ประเทศ ได้มีมติเอกฉันท์
ให้ทูลเกล้าฯถวายเหรียญดุษฎีกิตติมศักดิ์ของโอลิมปิกสากล คือ
"อิสรยาภรณ์โอลิมปิกชั้นสูงสุด" (ทอง) แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ณ ศาลาดุสิตาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายเหรียญ
โอลิมปิกชั้นสูง สมควรที่นักกีฬาและประชาชนชาวไทยควรที่จะเจริญรอยตามเบื้อง
พระยุคลบาท อันจะเป็นโอกาสให้สามารถนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติและวงศ์ตระกูล

          เพื่อเป็นการระลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง
ครั้งที่ 4 และเพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนชาวไทยเห็นคุณค่าความสำคัญ
ของการกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย จึงได้มีมตินำเสนอคณะรัฐมนตรีลงความเห็นชอบ
เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2529 กำหนดให้วันที่ 16 ธันวาคม ของทุกปี
เป็นวัน "วันกีฬาแห่งชาติ"
1293  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ตลาดสด / จดหมายลูกโซ่ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 19:02:15

ถึงจะอยู่ในเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้วการติดต่อกันและกันด้วยจดหมาย
ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของคน แต่ถ้าวันดีคืนดีเกิดได้รับ "จดหมายลูกโซ่" ขึ้นมา
เราจะรับมืออย่างไรดี

จดหมายลูกโซ่มักเริ่มต้นด้วยความต้องการที่จะเผยแพร่หรือกระจายข้อมูลข่าวสารบางอย่าง
แต่เพื่อให้รวดเร็วเป็นทวีและตรีคูณจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ และเรื่อยไปอย่างรวดเร็ว
จึงขู่สำทับไว้ว่าหากผู้รับไม่ช่วยส่งต่อในอัตราเร่งและเพิ่มจำนวนอย่างที่ว่านั้น จะเกิดความทุกข์
ความเดือดร้อน หรืออาจจะโชคร้ายและแม้กระทั่งล้มตายได้

มีการกล่าวอ้างถึงบุคคลสำคัญ ผู้มีชื่อเสียง หรือนักบวชในศาสนาอย่างเข้มข้น ครื้นแครง
และออกจะน่าเชื่อถือ โดยปกติแล้วกรมไปรษณีย์โทรเลขมีระเบียบที่จะระงับการจ่าย
พัสดุไปรษณีย์ที่พิจารณาแล้วเห็นว่า ผิดกฏหมายหรือทำลายความสงบสุขของประชาชน
โดยเฉพาะการหลอกลวงให้ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผลหรือมูลความจริง อย่างเช่น
จดหมายลูกโซ่นี่เอง พัสดุไปรษณีย์อย่างนี้อาจถูกพิจารณาระงับการจ่ายโดยดุลพินิจ
ของสำนักงานย่อย

แต่ทุกวันนี้คนไม่กลัวจดหมายลูกโซ่เสียแล้ว เพราะมีความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์
ทำให้รู้เท่ากันและใช้เหตุผลประกอบการกระทำมากขึ้น

ที่มา วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)

http://knowledgesharing.thaiportal.net/บทความ/tabid/93/articleType/ArticleView/articleId/177/.aspx
1294  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / ดูแลผิวช่วงหน้าหนาว เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:56:51

ใครที่อยากมีผิวสวยช่วงหน้าหนาว วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีดูแลผิวมาฝาก...

- การล้างหน้า ควรเลียนแบบธรรมชาติมากที่สุด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าควรจะมีฟองน้อยหรือไม่มีฟองเลย เพราะจะเป็นมิตรต่อเซลล์ผิวมากที่สุด หลังจากล้างหน้าเสร็จ ผิวหน้าต้องรู้สึกนุ่มแต่ต้องไม่ตึง เพราะถ้าหน้าตึงแสดงว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่แรงเกินไป

- การอาบน้ำ สามารถอาบน้ำได้บ่อยๆ เพื่อให้สดชื่นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใดๆ ทุกครั้งที่อาบน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อากาศหนาวเย็น

- การใช้ครีมบำรุงผิว สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุวัยกลางคนเป็นต้นไป ผิวหนังมักจะแห้งกว่าวัยหนุ่มสาว ควรที่จะทาครีมบำรุงผิวอย่างน้อย 2 ครั้ง ส่วนวัยหนุ่มสาวผิวหน้าจะมีน้ำมันมาก การทาครีมบำรุงผิวควรจะทาบางๆ เมื่อรู้สึกว่าผิวหน้าแห้งเท่านั้น

เพียงเท่านี้ก็ทำให้มีผิวสุขภาพดีในช่วงหน้าหนาวกันได้แล้ว
1295  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ / Re: กำเนิดความเป็นมา เครื่องรางของขลัง เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:49:52

ดังนั้น พระเถรานุเถระผู้ทรงไว้ด้วย ญาณสมาบัติ ก็มักจะใช้ฤทธิ์ของท่านช่วยมนุษย์
และสัตว์โลก ซึ่งถือเอาหลัก พระเมตตาคุณ เป็นการรอยพระยุคบาทแห่ง
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระบรมศาสนา นั่นเอง

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องที่ถกเถียงกันมานานแสนนานทีเดียว แต่ลงรอยกันไม่ได้
นั่นก็คือคำว่า “เครื่องราง” กับ “เครื่องลาง” ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
เขียนว่า “เครื่องราง” อันหมายถึงเครื่องป้องกันภัยที่สำเร็จด้วยรางหรือร่อง
แต่สำหรับ นักนิยมสะสม เครื่องราง ระดับสากลนิยมจะเรียกว่า “เครื่องลาง”
อันหมายถึง เครื่องที่ใช้เกี่ยวกับโชคลาง เพราะดั่งเดิมนั้น มนุษย์ ทำของเช่นนี้ขึ้นมา
เพื่อป้องกัน เหตุร้ายที่เรียกว่า “ลาง” ซึ่งเป็นลางดีและไม่ดี แต่ก็เอาละเมื่อเขียนว่า
“เครื่องราง” ก็เอาตาม พจนานุกรมนั่นแหละ
 

จบ……กำเนิดความเป็นมา  เครื่องรางของขลัง
1296  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ / Re: กำเนิดความเป็นมา เครื่องรางของขลัง เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:47:42

การกระทำดังกล่าวนี้จำต้อง มีที่หมายทางใจ เพื่อความสำรวม ฉะนั้นภาพจำหลักของ
เทพเจ้าทั้ง 3 ก็มีขึ้น จะเห็นได้จากรูปหะริหะระ ( HariHara ) แห่งประสาทอันเดต
(Prasat Andet) ที่พิพิธภัณฑ์ เมืองพนมเปญ อันเป็นภาพจำหลักของ พระนารายณ์
ใน ศาสนาพราหมณ์ กับ เทวรูปมหาพรหม แห่ง พิพิธภัณฑ์กีเมต์ที่ประเทศฝรั่งเศส
นับเป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้นด้วย ความมุ่งหมายเอาเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางใจใน
ศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นศาสนาเก่าแก่ในประเทศอินเดีย  กาลต่อมาพระพุทธศาสนา
ก็บังเกิดขึ้นในโลก โดย พระบรมศาสดา (เจ้าชายสิทธัตถะ) เป็นผู้ทรงค้นพบ
อมตะธรรมวิเศษ อันมีผู้เลื่อมใส่สักการะแล้วยึดเป็นสรณะ ดังนั้น พระพุทธองค์
ทรงมีพระสาวก ตามเสด็จ ประพฤติปฏิบัติมากมาย  จนเป็นพระอสีติมหาสาวกขึ้น
ซึ่งท่านมหาสาวก เหล่านี้ล้วนเป็นผู้ทรงไว้ ความเป็นเอตทัลคะ ในด้านต่างๆกันมี
พระสารีบุตร ทรงความเป็นยอดเยี่ยมทางปัญญา ส่วน พระโมคคัลลานะทรงความเป็น
ยอดเยี่ยมทางอิทธิฤทธิ์ ในพระพุทธศาสนานั้น ผู้ที่สำเร็จญาณสมาบัติได้ ต้องเป็นผู้ที่มี
จิตใจบริสุทธิ์ ย่อมแสดงอิทธิฤทธิ์ ได้หลายอย่าง เป็นอเนกประการ อิทธิฤทธิ์ เหล่านี้
เรียกว่า “อิทธิปาฏิหาริย์” เป็นการกระทำที่สามัญชนไม่สามารถจะกระทำได้
ดังมีหลักฐานปรากฏอยู่ใน “พระไตรปิฎก” มากมาย และพระคณาจารย์เจ้า
ผู้สำเร็จญาณสมาบัติ ท่านย่อมทรงไว้ซึ่งฤทธิ์

         โดย ที่พระพุทธองค์ ผู้เป็นเจ้าของ “พุทธศาสนา” นั้น พระองค์ทรงไว้ด้วย พระคุณ 3 ประการ คือ 1. พระเมตตาคุณ 2. พระปัญญาคุณ 3.พระบริสุทธิคุณ
1297  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ / Re: กำเนิดความเป็นมา เครื่องรางของขลัง เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:44:33


เมื่อได้แบ่งแยกกันออกไป เป็นหมวดหมู่ย่อยๆ ออกไปให้เห็นกันง่ายๆแล้ว ทีนี้ก็จะจะมา
พูดถึงว่าเขาสร้างเครื่องรางกันทำไม เรื่องนี้อธิบายได้พอสังเขปก็แล้วกัน

เรื่องก็มีอยู่ว่าเดิมทีนั้นโลกไม่มีศาสนาบังเกิดขึ้นมนุษย์ก็รู้จักกับปรากฏการณ์ของธรรมชาติ
เท่านั้น อาทิเช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และ ดาวตก 
หรือแม้กระทั่ง ไฟ ดังนั้น เมื่อเห็น พระอาทิตย์ มีแสงสว่างก็เคารพ แล้วเขียนภาพ
ดวงอาทิตย์ไว้ในผนังถ้ำ เพื่อให้เกิด ความอบอุ่นใจในตอนกลางคืน เมื่อเขียนใส่
ผนังถ้ำแล้วก็มาสลักลงบนหิน เพื่อติดตัวไปมาได้ ก็กลายเป็น เครื่องรางไปโดยบังเอิญ
และเมื่อรู้จักไฟก็คิดว่าไฟเป็นเทพเจ้า ก็บูชาไฟ ทำรูปดวงไฟ แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น
สิ่งประหลาด อาทิ นกที่มีรูปร่างประหลาด เป็นต้น ต่อมาก็สร้างรูปเคารพของเทพต่างๆ
และค่อยๆ เปลี่ยนรูปมาเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จาก ประเทศ อียิปต์ กรีก โรมัน เพราะเป็น
ประเทศที่มีเครื่องราง มากมาย ดังนั้นเมื่อก่อนพุทธกาลราว 2,000 ปีเศษ ศาสนาพราหมณ์
ถือเอาพระผู้เป็นเจ้าเป็นสรณะก็บังเกิดขึ้น พระผู้เป็นเจ้านั้นก็คือ พระศิวะ พระนารายณ์
พระพรหม และ เมื่อต้องการความสำเร็จผลใน สิ่งใด ก็มีการสวด อ้อนวอน อันเชิญ
ขออำนาจของ เทพเจ้าทั้งสามให้มาบันดาลผลสำเร็จที่ต้องการนั้นๆ
1298  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ / Re: กำเนิดความเป็นมา เครื่องรางของขลัง เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:40:20

การแบ่งตามรูปแบบลักษณะดังนี้

        1. ผู้ชาย อันได้แก่ รักยม กุมารทอง ฤาษี พ่อเฒ่า ชูชก หุ่นพยนต์ พระสีสแลงแงง
และสิ่งที่เป็นรูปของเพศชายต่างๆ
        2. ผู้หญิง อันได้แก่ แม่นางกวัก แม่พระโพสพ แม่ศรีเรือน แม่ซื้อ แม่หม่อมกวัก เทพนางจันทร์ พระแม่ธรณี  และสิ่งที่เป็นรูปของผู้หญิงต่างๆ
        3. สัตว์ ในที่นี้ หมายถึง พระโพธิสัตว์ อาทิ เสือ ช้าง วัว เต่า จระเข้ งู ดังนี้เป็นต้น

การแบ่งตามระดับชั้น ดังนี้

        1. เครื่องรางชั้นสูง อันได้แก่ เครื่องราง ที่ใช้บนส่วนสูงของร่างกาย ซึ่งนับตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงบั้นเอว สำเร็จด้วย พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
        2. เครื่องรางชั้นต่ำ อันได้แก่ เครื่องราง ที่เป็นของต่ำ อาทิ ปลัดขิก อีเป๋อ  (แม่เป๋อ) ไอ้งั่ง  (พ่องั่ง) ไม่ได้สำเร็จด้วยของสูง
        3. เครื่องรางที่ใช้แขวน อันได้แก่ ธงรูปนก รูปตั๊กแตน รูปปลา หรือ กระบอกใส่ยันต์และอื่นๆ
1299  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ / Re: กำเนิดความเป็นมา เครื่องรางของขลัง เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:38:55


การแบ่งตามการใช้ดังต่อไปนี้

        1. เครื่องคาด อันได้แก่ เครื่องราง ที่ใช้คาดศีรษะ คาดเอว คาดแขน ฯลฯ
        2. เครื่องสวม อันได้แก่ เครื่องราง ที่ใช้สวมคอ สวมศีรษะ สวมแขน สวมนิ้ว ฯลฯ
        3. เครื่องฝัง อันได้แก่ เครื่องราง ที่ใช้ฝังลงไปในเนื้อหนังของคน เช่น เข็มทอง ตะกรุดทอง ตะกรุดสาลิกา (ใส่ลูกตา) และการฝังเหล็กไหล หรือ ฝังโลหะมงคล ต่างๆ ลงไปในเนื้อจะรวมอยู่ใน
พวกนี้ทั้งสิ้น
        4. เครื่องอม อันได้แก่ เครื่องราง ที่ใช้อมในปาก อาทิเช่น ลูกอม ตะกรุดลูกอม
(สำหรับในข้อนี้ไม่รวมถึง การอม เครื่องราง ชนิด ต่างๆ ที่มีขนาดเล็กไว้ในปากเพราะไม่เข้าชุด)


การแบ่งตามวัสดุดังนี้

        1. โลหะ
        2. ผง
        3. ดิน
        4. วัสดุอย่างอื่น อาทิ กระดาษสา ชันโรง ดินขุยปู
        5. เขี้ยวสัตว์ เขาสัตว์ งาสัตว์ เล็บสัตว์ หนังสัตว์
        6. ผมผีพราย ผ้าตราสัง ผ้าห่อศพ ผ้าผูกคอตาย
        7. ผ้าทอทั่วๆไป
1300  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ / กำเนิดความเป็นมา เครื่องรางของขลัง เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:37:34


กำเนิดความเป็นมา  เครื่องรางของขลัง

        หากจะพูดถึงเรื่อง เครื่องรางของขลัง  เป็นเรื่องที่ลึกลับและกว้างขวาง  ซึ่งในตำราพิชัยสงคราม กล่าวว่า เครื่องรางของขลัง ที่นักรบสมัยโบราณจะมีติดตัวเป็นมงคล ซื่งมีด้วยกันหลายชนิดและมี
ความเชื่อต่อ เครื่องรางของขลังนั้นๆและพระคณาจารย์เหล่านั้นอย่างมั่นคง จะเห็นได้จากการสืบทอดสรรพตำรา ตกทอดกันมาเนิ่นนานทีเดียว ซึ่งแบ่งออกไปตามประเภทย่อๆดังนี้

        1. ความเป็นมาจากตามธรรมชาติ ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่มีการสรรค์สร้าง
ซึ่งถือว่ามีดีในตัวและมีเทวดารักษา สิ่งนั้น ได้แก่ เหล็กไหล คดต่างๆ เขากวางคุด เขี้ยวหมูตัน
เขี้ยวเสือกลวง เถาวัลย์ ฯลฯ
        2. ส่วนของดีที่สร้างขึ้นมานั้น ได้แก่ สิ่งของที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เช่น แร่ธาตุ ต่างๆ ที่หล่อหลอมตามสูตร การเล่นแร่แปรธาตุ อันได้แก่ เมฆสิทธิ์ เมฆพัด เหล็กละลายตัว สัมฤทธิ์ นวโลหะ สัตตะโลหะ ปัญจโลหะ เป็นต้น ทั้งนี้คลุมไปถึง เครื่องราง ลักษณะต่างๆ ที่ได้รับการสร้างขึ้นมาเพื่อคุ้นกันภัยอันตราย
หน้า:  1 ... 63 64 [65] 66 67
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.169 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 22 พฤศจิกายน 2566 11:39:34