[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 พฤษภาคม 2567 09:41:09 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 64 65 [66] 67
1301  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ดูดวง ทำนายทายทัก / ทายนิสัยจากตัวอักษรที่ขึ้นต้นอี-เมล์ของคุณ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:35:09

ขึ้นต้นด้วย A J S แสดงว่าคุณเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ชอบทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ ถ้าจะทำงาน
สักชิ้นต้องเป็นงานที่โดดเด่นได้แสดงออกถึงความสามารถของตน นอกจากนั้นจะเป็นพวกชอบเดินทาง ผจญภัย ถ้ามีแฟนจะเป็นคนที่ไม่ให้คำสัญญาใดๆที่เป็นการผูกมัด(เอ….ดีมั๊ยเน๊ย)

ขึ้นต้น B K T เป็นคนร่าเริงกระฉับกระเฉงชอบโต้แย้งความคิดเห็น ชีวิตของคุณจะดำเนินไปตาม
ความรู้สึกและอารมณ์ ไวต่อสิ่งรอบข้าง ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งนาน ค่อนข้างไฮเปอร์ แต่เป็นคนที่ไม่ยอมย่อท้อต่อปัญหาที่เข้ามาในชีวิต

ขึ้นต้น C L U เป็นคนมองโลกในแง่ดี อ่อนโยน เข้ากับคนง่าย มีความสามารถพิเศษในการติดต่องาน แต่มีโลกที่ผู้อื่นยากเข้าถึง ไม่ค่อยเผยแพร่ความต้องการของตัวเองให้คนอื่นรู้ ชอบทำงานศิลปะ
ให้ความสำคัญกับจิตนาการ

ขึ้นต้น D M V ค่อนข้างมีระเบียบในชีวิต ทั้งเรื่อง ส่วนตัว ครอบครัว ทำงาน ทำอะไรก้อต้อง
เรียบร้อยหมด ไม่ขอบขีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลง เท่าไหรนัก เป็นคนขยัน หนักแน่น อดทน
เหมาะกับการเป็นผู้นำ

ขึ้นต้น E N W มีนิสัยซอกแซก เห็นทุกเรื่องน่าสนใจไปหมด ชอบทดสอบ ทดลองทุกอย่างด้วยตนเอง เป็นพวกอยากรู้อยากลอง แต่ถ้าเป็นเรื่องของคุณใครอย่ามายุ่ง จะปิดบังไว้อย่างดี เป็นคนขี้ระแวง
ไปนิด ไม่เชื่อใครง่าย จนกว่าจะได้พิสูจน์ว่า เค้าดีจริง

ขึ้นต้น F O X เป็นคนอ่อนโยน มีน้ำใจกับทุกคน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เกลียดการกระทำที่หยาบคาย ให้ความสำคัญกับครอบครัวอันดับหนึ่ง อยากให้คนใกล้ชิดมีความสุขรักใคร่กัน แต่ข้อเสียคือ ไม่มี
ความเป็นตัวของตัวเอง ชอบหนีปัญหา

ขึ้นต้น G P Y เป็นคนรักความปราณีต จะต้องให้สมบูรณ์ทุกกระบวน ชอบความหรูหราเริ่ดหรู รสนิยมดี รักศักดิ์ศรี ไม่ยอมใครง่ายๆแตถ้าเจอคนถูกใจแล้วเท่าไหรก้อเท่ากัน ยอมได้ทุกอย่าง

ขึ้นต้น H Q Z มีน้ำอดน้ำทนสูงกับทุกเรื่อง ไม่ว่าเป็นปัญหาส่วนตัวหรือเรื่องอื่น เข้าใจโลกและเข้าใจชีวิต เป็นนักแก้ปัญหาด้วยความรอบคอบอย่างมีเหตุผล ไม่ค่อยวางใจคนอื่น เพราะมีความเชื่อมั่นเป็นหลัก

ขึ้นต้น I R เป็นนักอุดมคติ มีความคิดทันสมัย บางครั้งถึงขั้นล้ำสมัย ชอบหาเหตุและผลให้กับทุกเรื่อง ชอบทำงานเพื่อส่วนรวม มีน้ำใจ ใจเปิดกว้าง เปิดโอกาสให้คนอื่นแสดงความคิดเห็น แม้ตัวเองจะไม่เห็นด้วย
1302  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:28:32
นอกจากหนังสืออินทร์ตกที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีพระผู้ทรงศีลองค์หนึ่ง
ได้เห็นเนื้อในอักษรธรรม เขียนจารึกไว้บนก้อนหินศิลาที่พึ่งพ้นจากพื้นดิน
ในภูผาดงแห่งหนึ่งที่พระรูปนี้ได้เดินธุดงค์ วิปัสนากรรมฐานผ่านไป
ไม่ขอบอกนามพระและกำหนดสถานที่อย่างแจ้งได้ เพราะได้สอบหา
ข้อมูลละเอียดแล้ว พระผู้ทรงศีลกล่าวว่า ‘‘ โยมเอ๋ย...ถ้าไม่เชื่อก็สุด
แล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าโยมเชื่อก็เป็น
กุศล ถ้าไม่เชื่อก็เป็นอกุศล ’’ รู้เพียงเท่านั้น จึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำ
กล่าวของ พระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่าในปีระกา– ปีจอและกุล
เดือน 7-8 จะเกิดเหตุร้ายแรงตามถนนหนทาง
เดือน 9-10 คนใจบาปหยาบช้าจะถูกล้างผลาญให้หมด
- มีบ้านก็ไม่มีคนอยู่
- มีข้าวก็ไม่มีคนกิน
- มีทาง ก็ไม่มีคนเดิน

สุดท้ายพระผู้ทรงศีลยังได้กล่าวเน้นมาถึงความศักดิ์สิทธิ์ดังหนังสือ
‘‘ อินทร์ตก ’’ ‘‘ อินทร์ตื่น ’’
ถ้าท่านผู้ใดเชื่อ ศรัทธา บูชา เคารพกราบไหว้หรือบนบานว่าจะ
บอกเล่าถึงผู้อื่นหรือลงพิมพ์แจกให้สาธุชน คนทั้งหลายรับรู้ด้วยแล้ว ท่าน
จะปราถนาสิ่งใดจะได้ดังใจนึก พยาธิที่เบียดเบียนก็จะหายขาด...
ขอบคุณ
http://bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=r1287562
1303  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:26:40
‘‘ ปะโต เมตัง ปะละชิมินัง สุขะโต จุติ
เมตตะ นินะนัง สุขะโต จุติ ’’


พระคาถาข้อนี้จะเขียนลงใส่ใบลานแผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้
บนประตูห้องเรียนหนือรถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ในยามเกิดเหตุการณ์จะ
ช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย ในกาละเวลานี้เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้ที่คุ้มครอง
รักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผล
บุญ (ความดี) เพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรม (ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วน
เมื่อเป็นเช่นนี้พระอินทร์จะได้ลงโทษกับมนุษย์โลกถึง 9 ข้อ นับตั้งแต่ปีจอ
ถึงปีกุน คือ
- จะให้เกิดพายุลงแรง
- จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (อากาศ – อาหารเป็นพิษ)
- จะให้เกิดไฟไหม้ (อัคคีภัย)
- จะให้เกิดกาฬโรคต่างๆ (พยาธิร้าย)
- จะให้เกิดน้ำท่วม (อุทกภัย)
- จะให้เกิดอดข้าว ปลา อาหาร
- จะให้เกิดฟ้าผ่า
- จะให้เกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเอง สำหรับคนใจบาป
- จะให้เกิดร้อนมากหนาวมาก
มหันตภัยทั้ง 9 อย่างนี้ จะรอดพ้นเฉพาะคนใจบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำ
พร้อมสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจกบอกต่อกันไปให้รีบเร่งทำแต่
ความดีมากกว่าทำบาปกรรมชั่วร้าย ถ้าผ่านปีจอ ปีกุลไปแล้ว ทุกคน
ลูกหลาน เหลน จะได้รับความสุขสบายกันทั่วหน้า (เวลาเหลือน้อย) ให้
ทุกคนเคร่งครัดถือศีล 5 ข้อ ให้ขยันไหว้พระ ภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศล
อย่างต่อเนื่อง ศีล 5 ข้อ ได้แก่

1.ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต(ทุกชีวิตใครก็รัก)
2.ห้ามลักหรือขโมยเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตน
3.ห้ามล่วงเกิน เป็นชู้ผู้อื่น เมีย ผัว คนที่มีเจ้าของ
4.ห้ามพูดปดหลอกลวงคนอื่นในทางที่ไม่ดีซึ่งเป็นเหตุให้เกิด
ความแตกแยกสามัคคีหรือสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง
5.ห้ามดื่มหรือเสพของมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง
1304  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:24:46

วิกฤตการณ์เลวรายหน้าหวาดหวั่นจะบังเกิดขึ้นทั่วโลกความหวาดกลัว
ไม่จำเป็นต้องรับรู้ผ่านหน้าจอทีวี เพราะมนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้รับรู้
รสชาติแห่งความกลัวตายกันทุกคน มนุษย์ที่รอดชีวิตไปได้ จะเข้าสู่ยุคใหม่
จะมีจิตใจที่ดีงามและมีอายุขัย ที่ยาวจนหน้าประหลาดใจ มีอารบธรรมเจริญก้าวหน้า
โดยที่ไม่ได้สร้างเทค โนโลยีที่ก่อปัญหาให้กับโลก ไทยและลาวอาจรวมประเทศ
ภายใต้กษัตริย์ไทยในปีจอนี้ ขึ้น 4 ค่ำ ผู้มีบุญจะลงมาเกิด

หนังสือพยายมของครูบาอินต๊ะวิชัยผ้าขาวปี๋วัดกลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม
พร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าไม่มีอยู่ในบ้านเรือนบ้านช่องของผู้ใด จะมี
พวกผีปีศาจร้ายเข้าทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอต่อปีกุลยามเดือนหงาย จะเกิด
มีงูพิษอยู่บนหัวกัดฉกให้ตาย และฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลาย ประการ เช่น

- ทุกข์ยากเดือดร้อน เพราะศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากร้อน เพราะมีคนตาย ตามทุ่งไร่ ทุ่งนา
- ทุกข์ยากร้อน เพราะน้ำและไฟ ทุกข์ยากร้อนเพราะไม่มีผู้เฒ่า
- ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีใครจะดูใคร ทุกข์ยากร้อน เพราะไปต่างประเทศไม่สะดวก
- ทุกข์ยากร้อน เพราะอดข้างปลาอาหาร
- ทุกข์ยากร้อนเพราะนอนไม่หลับ
- ทุกข์ยากร้อน เพราะผัวเมียไม่เห็นหน้ากัน

ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทร์ จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมา
เป็นพ่อค้า ในปีจอ ขึ้น 8ค่ำ ห้ามไม่ให้ใครตักน้ำ อาบน้ำ กินน้ำ ตามห้วย
หนองคลองบึง หลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนมืดค่ำ)พญายมราชจะนำเอา
ยา พิษมาพ่นมาใส่โลกมนุษย์

ในปีจอ เมืองกรุงเทพฯ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้ว
มรกตหัวเมืองเชียงใหม่เม็ดข้าวใหญ่ จะได้กลับคืนสู่เมืองเวียงจันทร์
นี่คือพระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน
จงรักษาเก็บไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์
มหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้ดังนี้
1305  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:21:59

เทือกเข้าตะนาวศรีในจังหวัดราชบุรี จะพังทลายลงมาเนื่องจาก
แผ่นดินไหวที่รุนแรงซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นถึงภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่
หลังจาก นั้นไม่นานภูเขาไฟลูกแรกในประเทศไทยจะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงเสียงดัง
กึกก้องกัมปนาทดังมาถึงกรุงเทพ ธารลาวาจะไหลลงไปยังฝั่งพม่า ไม่นานนัก
ระเบิดลูกที่สองและลูกที่สามก็ตามมา ลูกที่สี่จะมีความรุนแรงอย่างถึงที่สุด
ซึ่งจะสร้างความอำมหิตให้กับภาคเหนือและภาคอีสานต่อไป
ทุกจังหวัดในประเทศไทยต่างก็ได้รับความบอบช้ำด้วยกันทั้งสิ้น
จะ มากน้อยต่างกันไป บริเวณใดที่มีผู้คนที่มีศีลธรรมอาศัยอยู่อาจได้รับ
การปกป้อง บรรเทาภัยพิบัติให้เบาบางลงไปได้บ้าง...
 
ข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระดับความรุนแรง
จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังเช่นภูเขาไฟที่กล่าวว่าจะเกิดในสถานที่
หลายแห่งนั้น อาจเกิดระเบิดกึกก้องกัมปนาทรวมกัน
ในสถานที่แห่งเดียวกันแต่จะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ
กล่าวคือ อาจมีลาวาจะพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงเป็นพิเศษถึง 6 กิโลเมตร เป็นต้น
เหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมานั้นจะมีอยู่วันหนึ่งที่เหตุการณ์รุนแรงที่สุด
คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลกเป็นพลังงานที่เกิดจาก
ลมพายุสุริยะอันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่11 มนุษย์ทุกคนบนโลก
จะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆจะรู้สึกหดหู่เวิ้งว้าง
ท้องฟ้าจะวังเวงพิกลหลังจากนั้นไม่นานนัก ลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น
เสียงฟ้าเสียงลมจะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ดัง
ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เป็นเสียงของพญามัจจุราชที่พิพากษาโลกในด้าน
ความเป็นมนุษย์คนชั่วทุกคนจะถูกประหารชีวิตและจะตายอย่างทรมาน ไม่
เว้นแม้แต่ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ ส่วนคนดีจะได้รับการ
ยกเว้นเอาไว้ให้ได้ทำความดีโดยไม่มีอุปสรรคต่อไป

ปลายปีพ.ศ.2548 นี้ จะเริ่มเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งจะส่งผลให้มี
คนตายมหาศาล ส่วนผู้ที่รักษาศีล5ขึ้นไปจะรอด และต่อไปนี้น้ำจะท่วมภาคใต้
และจะร้ายแรงกว่าสึนามิหลายเท่า ผู้คนที่รอด ชีวิตจำต้องเดินทางขึ้นเหนือ
เพื่อให้พ้นภัยโดยระหว่างทางจะพบกับคนนอน ตายเกลื่อนกลาดจำนวนมาก
1306  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:18:44

สถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่จะได้เผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้โลก
จะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรก ในภาคอีสานตาม
รอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาว เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของ
แผ่นดินคดเคี้ยวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธารโลหะร้อนจะไหลลาม
แผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้างข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน จากนั้นพายุที่รุนแรงจะนำ
น้ำมาดับไฟก่อให้เกิดน้ำท่วมและโรคร้ายแรงที่จะระบาดอย่างรุนแรงจนสุดที่จะเยียวยาได้
โดยเฉพาะอหิวาตกโรคสายพันธ์ใหม่ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดจนหมดไปจากโลกนี้แล้ว
แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัวและจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าเดิม ซึ่ง สามารถคร่าชีวิต
ผู้รับเชื้อไดในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น

ท้องฟ้ามืดมิด ฝนจะตกหนักทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำจะเอ่อขึ้น
เรื่อยๆจนเข้าท่วมแผ่นดินในหลายๆพื้นที่ พายุไซโคลน จะพัดกระหน่ำและ
จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 160 กม/ชั่วโมง พัดผ่านกรุงเทพผ่าน
แม่น้ำเจ้าพระยา ตึกแห่งหนึ่งริมน้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้กับสะพานกลางเก่า
กลางใหม่ย่านฝั่งธนบุรีจะพังทลายลงมาจากการโหมกระหน่ำและความบ้า
คลั่งของลมพายุ มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 600 คน ในเวลาหลัง
จากนั้นไม่นานนัก ตึกสีขาวที่อยู่ริมน้ำฝั่งตรงข้ามจะพังทลายตามลงมา
ยอดตึกที่พังทลายจะแลเห็นโผล่เหนือน้ำให้เห็นเป็นอนุสรณ์ของคราบน้ำตา
หลังคาบ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงจะปลิวว่อนเสาไฟฟ้าจะล้มระเนระนาด
ด้วยความรนแรงของลมพายุผนังตึกส่วนหนึ่งจะรูดลงมากองกับพื้น ลมพายุ
ที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในบริเวณ
ใกล้เคียงอย่างเหลือคณานับ
1307  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:14:26
การเตรียมจิตวิญญาณ

1.ชำระกรรมให้บางเบาโดย หยุดโลภ โกรธหลง ทำจิตใจให้สงบเบิก
บานเพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เพราะเสียงที่ดังกึกก้องไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้นต้อง
ปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบอก จะช่วยได้มาก
2.สำนึกทางจิตวิญญาณ
3.ฝึกการละวาง
4.มีสติรู้ตัวตลอดเวลา
5.ฝึกการทำโฆษกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวร หรือผู้ที่เราล่วงละเมิด


การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย

1.ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้อง
ไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลัง
จะตาย หรือ ได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัวต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป หากละ
วางไม่ได้จะเกิดอาการ ‘‘ ตายก่อนตาย ’’ (ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการ
ตายทั้งเป็น)
2.ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
3.อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้กลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำเช่น
อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวกเกิดการอิ่มเอิบ
4.สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น
ลางบอกเหตุก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่(ระยะ2)
ท้องฟ้ามืดผิดปกติ ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงาย แลดูหดหู่ !
ทั้งหลายจะไม่ปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามี!เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเห็นมันวิ่ง
ลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม
1308  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 18:12:34
การดูแลชีวิตในช่วงเวลาวิกฤติ

1.ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็จขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้าเปิดไม่
ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม เพราะบางทีเขาอาจตายไปแล้ว
2.ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้าง
ขึ้น
3.ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้าง
ทุกครั้ง
4.ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้ง
สามจะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คน
ที่มาเยือนอาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็
เป็นได้และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็จขาด
5.ห้ามกินเนื้อ!ทุกชนิด
6.ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
7.ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
8.ระวังอากาศที่หนาวเย็น
9.ระวัง!ร้าย !มีพิษ เช่น งูพิษ จระเข้
10.ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง
1309  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:58:51
การเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว

1.เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3-6 เดือน
2.เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำ
ร้อน ผ้าห่มฯลฯเพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
3.เครื่องใช้ที่จำเป็น
4.ที่อยู่อาศัย
5.ยารักษาโรค
6.ด่างทับทิมและคาราไมล์ (จำเป็นมาก)ห้ามกินอาหารที่ไม่ได้ล้าง
ด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนคาราไมล์จะมีไว้
รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะ
หายได้อย่างอัศจรรย์
7.ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
8.เครื่องช่วยชีวิต
9.แสงสว่าง เช่น เทียน ตะเกียงพายุ(เวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน
เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
10.เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
1310  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:57:18
การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่

1.ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้
ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลายจะนำไปสู่
คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว )
2.เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วันในระหว่างเดือน ตุลาคม
พฤศจิกายน
3.ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก ( ระยะชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน )
*ระยะเวลาเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงของโลกรวมแล้วมีระยะเวลา
ทั้งสิ้น 56 วัน
*ใน 3 วันแรก จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่ทวิปเอเชีย ในประเทศที่เป็น
อริต่อกัน
ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหม่
2. พายุถล่ม
3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว
4. ภูเขาไฟระเบิด ( จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง
3 ลูก อีกทั้งที่จังหวัดราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้อยกวาง
5.คลื่นยักษ์จากทะเล
6.โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ VIRUSTERIA,อหิวาตกโรคสาย
พันธ์ใหม่ ผู้ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันทีภายใน 6 วัน
7.คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดัง
ขนาดนั้นมาก่อน
8.อดยากขาดแคลนอาหาร
1311  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:55:33
 1.สังคหวัตถุ 4ได้แก่
1.1 ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน สร้างความ
รักเข้าไว้ อย่างสร้างศัตรู
1.2 ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุขเขาจะรักเรา เราก็
มีความสุข
1.3 อัตถจริยา ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน
1.4 สมานัตตตา ไม่ถือตัวไม่ถือตน
2.พรหมวิหาร 4 ได้แก่
2.1 เมตตา ความรัก
2.2 กรุณา ความสงสาร
2.3 มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใคร ได้ก็ยินดีด้วย
2.4 อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่ดิ้นรนยอมรับตาม
ความเป็นจริง
จงอย่าประมาทในชีวิต จงทรงจิตของท่านให้มีความมั่นคงในคุณพระ
รัตรตรับ 3 ประการ คือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาอย่งยิ่ง
ให้มีจิตยึด พระพุทธคุณ ให้ภาวนาว่า ‘‘ พุทธโธ ’’
ก่อนจะหลับให้กำหนดการเข้าออกของลมหายใจ หายใจเข้านึกว่า
‘‘ พุทธ ’’ หายใจออกนึกว่า ‘‘ โธ ’’ และเวลาตื่นนอนใหม่ๆทำแบบนี้เป็นปกติ
เวลาที่ยังตื่นอยู่ ถ้าคิดขึ้นมาได้เมื่อไหร่ก็ทำใจให่นึกถึงความดีขององค์พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า ภาวนาว่า ‘‘ พุทโธ ’’ เป็นปกติอย่างนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงไตร

สรณคมน์ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ จิตของท่าน
จะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้าจะทำจิตใจของท่านให้เยือกเย็นมี
ความสุข อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็จะพ้นภัยด้วย อำนาจของ
พุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ
ถ้าจิตของเราไม่นิยมในขันธ์ 5 หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์พระสัมมาพุทธเจ้าว่า
พระองค์อยู่ที่ไหนเราจะไปที่นั่น ท่านจะพนจากกิเลส จะเข้าถึงพระนิพพาน ได้...
1312  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / Re: คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:52:37
พระพุทธเจ้าบอกว่า ค.ศ.2000 โลกจะไม่สลาย...
พระพุทธศาสนา จะทรงอยู่ได้ตลอด 5,000 ปี
ทรงตรัสชี้ว่า เขตประเทศต่อไปนี้ จะเป็นประเทศที่มีความ
เจริญรุ่งเรืองมากจะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ 5,000 ปี
ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามาก
ขึ้น ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่ม
เป็นกุศล เวลานั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น
เพราะกลัวตาย...

สำหรับท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิตก็จะเร่งรัดตัวเองกำลังใจก็จะมี
สมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิดก็จะใช้ผลของอภิญญาและ
ญาณต่างๆที่ได้จากสมาธิและวิปัสสนาญาณเอามาช่วยบรรดาพุทธบริษัท
ทั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย ขอให้ทุกท่านยอมรับนับถือความดีของ
พระพุทธเจ้าที่ให้ไว้ คือ
1313  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / คำพยากรณ์ของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:50:35

คำพยากรณ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

‘‘ อานันทะ ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงพุทธกาล 15 ปี จะเกิดการณ์
ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลง
มาจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกัน
เป็นอันมาก แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงพุทธกาล 15ปี จะถือว่าเป็นการณ์
ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว
อานันทะ ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาล
มาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกัน
ฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา
กัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก ’’
1314  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: กรรมฐาน คืออะไร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:41:49
วิธีการต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้น  ทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เป็นอุบายในการฝึกสังเกตความเป็นไปของจิตขณะ   กระทบอารมณ์ต่าง ๆ    เป้าหมายการสังเกตอยู่ที่ความสามารถในการรับรู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของตนเองก่อนที่จะ   แสดงพฤติกรรมอะไรออกไปทางกาย วาจา หากเราเข้าใจช่วงต่อของความรู้สึกนึกคิด จากความรู้สึกเก่า (วิบากวัฏ) ปรุงแต่งไปสู่ความรู้สึกใหม่ (กิเลสวัฏ)  เป็นเหตุให้เกิดการกระทำใหม่อีก (กรรมวัฏ) ว่าวิบากเป็นเพียงผลมาจากอดีตกรรม ไม่มีใครเลือกรับแต่วิบากดี   หรือย้อนกลับไปเปลี่ยนกรรมในอดีตได้  ตัววิบากเองไม่ดีและไม่ชั่วรับผลแล้วดับไป  แต่การดับไป ถูกตัวกิเลสปิดบัง และปรุงแต่งให้ดูเหมือน  ยังมีอยู่ตลอดเวลา ไม่ด้วยวิธีการสืบต่ออารมณ์อย่างรวดเร็วไม่ขาดสาย ก็ด้วยความเป็นกลุ่มของ อัตตาที่ยึดถือขึ้นมาเอง ความยึดถือและสำคัญผิดนี้ คือส่วนของการปรุงแต่งเป็นกรรมใหม่ที่พยายาม จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง  สิ่งภายนอกให้เป็นไปตามความต้องการของตน วัฏสงสารแห่งกิเลส - กรรม - วิบาก อันเป็นปมปัญหาของชีวิต  ที่เคยทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้น แฝงอยู่ ณ จุดเชื่อมต่อระหว่างความรู้สึกนึกคิดในปัจจุบันนั่นเอง

 หากเข้าใจจุดมุ่งหมายและสามารถปฏิบัติกรรมฐานธรรมไปตามแบบที่พระพุทธองค์วางไว้จนเกิดผลในระดับหนึ่งแล้ว ประสบการณ์ทางศาสนาดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้น มิใช่ศรัทธาที่เกิดขึ้นจากการ ฟังตามกันมา แต่เป็นความศรัทธาที่มั่นคงในความจริงเฉพาะหน้า  รู้จักว่าส่วนใดเป็นคุณค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนา  ส่วนใดมิใช่คุณค่า และหาโอกาสตอบแทนบุญคุณพระศาสนาด้วยความเคารพและกตัญญู

พุทธศาสนิกชนที่มีความประสงค์จะแสวงหาวิชาในด้านพระพุทธศาสนา ควรศึกษาพระไตรปิฎก อรรถกา ฎีกา จากท่านผู้รู้ที่มีวิทยฐานะโดยถูกต้องและสมบูรณ์ จึงจะได้รับความรู้นั้นตามความประสงค์ ได้เหตุผลในการปฏิบัติอย่างถูกต้อง ถ้าหากว่ามีแต่การชอบฟังในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาโดยทำนอง ปาฐกถาบ้าง ธรรมเทศนาบ้าง ธรรมสากัจฉาบ้างเช่นนี้แล้ว ความประสงค์ที่จะได้รับวิชาความรู้โดยถ่องแท้นั้น จะมีแก่ตนไม่ได้เลย เพียงแต่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง ผ่องใส เป็นกุศลจิตเกิดขึ้นชั่วครู่หนึ่ง ๆ พร้อมกับความรู้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น (พระสัทธัมมโชติกะ ๒๕๑๐ : ๕๕ )
1315  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: กรรมฐาน คืออะไร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:40:50
จุดมุ่งหมายของกรรมฐาน

 การฝึกกรรมฐาน  เป็นกิจกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา  เกิดขึ้นเพื่อเป็น พื้นฐานรับรองเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ดังกล่าว ในพระศาสนา แม้จะ มีจุดหมายสูงสุดอยู่ที่การบรรลุ คุณวิเศษ คือ มรรค ผล นิพพาน แต่ถ้าจิตใจยังพัฒนา ไม่ผ่านขั้นตอนการยอมรับ การเวียนว่ายตายเกิด  อันยาวนานของตนเอง หรือยังมีความสงสัยในเรื่องภพชาติ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและที่จะเป็นไปในอนาคตแล้ว ขบวนการถอนรากถอนโคนกิเลสตัณหา อาสวะ และอนุสัยต่าง ๆ ในจิตใจอย่างจริงจังจะยังไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ภัยของภพชาตินั้น มาจาก ความจำเจวนเวียน ที่ชีวิตต้องอยู่กับ ความสุขบ้าง  ความทุกข์บ้าง  มีความผันแปรไปตามเหตุปัจจัย มิได้ผันแปรไปตาม ความต้องการของตนเอง   การเห็นภัยจึงมีความสำคัญทำให้ผู้เห็นภัยดังกล่าวยอมเปลี่ยนวิถีชีวิตจากที่เคยวนเวียน เป็นไปเนื่องด้วยกิเลสตัณหา   สู่วิถีชีวิตที่มีสติสัมปชัญญะดำเนินชีวิตไปตามทางมรรคได้อย่างมั่นคง

 ความกลัวภัย ทำให้เราเปลี่ยนแนวความคิด เปลี่ยนความต้องการใหม่ ตรงนี้คือ จุดเริ่มของพระพุทธศาสนา การทำทาน รักษาศีล ไม่ช่วยให้เกิดความรู้สึกกลัวภัยได้   คนที่จะน้อมเข้ามาในการปฏิบัติกรรมฐานจะต้องเห็นภัยในวัฏสงสารก่อน จึงจะมองหาการปฏิบัติ แต่การปฏิบัติบางอย่างอาจทำให้เกิดความสุขมากมาย ซึ่งไม่ช่วยให้เห็นภัยของวัฏฏะ นั่นก็ไม่ตรงกับพระพุทธศาสนา  พื้นฐานความคิดเกี่ยวกับ  ภัยของวัฏสงสารจะได้จากการเรียนก่อน จากนั้นจึงน้อมเข้ามาสู่การปฏิบัติ (พระมหาณรงค์ศักดิ์ ฐิตญาโณ. สัมภาษณ์.)

 การพิสูจน์การเวียนว่ายตายเกิดนั้น มิใช่เพียงการทำจิตให้สงบแล้วพาไปดูนรกสวรรค์หรือจินตนาการถึงพระนิพพาน  ว่าเป็นเมืองแก้วตามที่ได้ยินมา การยอมรับว่ามีนรกสวรรค์ดังกล่าว มีประโยชน์ในแง่ของการสร้างศรัทธา ที่จะทำความดี ละเว้นความชั่ว เพื่อความสุขของชีวิตในภพนี้และภพหน้า  แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อและทิฏฐิ ที่เป็นอนุสัยนอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานได้ จึงมีความปรารถนาการเกิดอยู่เสมอไป ไม่รู้สึกว่าสังสารวัฏฏ์ จะเป็นภัย ต่อชีวิตตนเองได้อย่างไร การเผชิญ กับความเกิดดับ (ตาย) อย่างซ้ำซากเฉพาะหน้า จำต้องอาศัยความเข้าใจ และการปฏิบัติบำเพ็ญเพียรทางจิตขั้นเอกอุ จึงจะยอมรับภัยของชีวิตได้    ซึ่งมีวิธีการอยู่ ๒ วิธี คือ สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน
1316  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: กรรมฐาน คืออะไร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:39:27
พระพุทธศาสนามิได้สอนหรือบังคับให้หนีสังคม มิได้ถ่วงความเจริญ หรือพยายามหยุดยั้งเทคโนโลยีที่กำลังก้าวกระโดดนั้น อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน ที่จริงแล้วจะมีเทคโนโลยีหรือไม่มีก็ตาม ปัญหาก็มิได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นจากเดิม ทั้งนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ มีทั้งส่วนที่ให้คุณและให้โทษ ขึ้นอยู่กับผู้ที่นำไปใช้มากกว่า จุดยืนทางศาสนาอยู่ที่การเป็นสัญญาณ เตือนภัยที่จะเกิดแก่มนุษย์ ภัยนั้นมีอยู่รอบด้านโดยเฉพาะภัยทางความคิด ซึ่งมนุษย์มองไม่เห็นและไม่เชื่อว่าเป็นภัยจริง  มุมมองที่คับแคบอาจทำให้มนุษย์มอง เห็นเพียงด้านเดียว  ของความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี แล้วกล่าวอ้างถึงความเจริญทันสมัย เพื่อสนับสนุนความคิดของตน และเลือกที่จะทำตามความคิดนั้น จนละเลยปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง

 ศาสนามีหน้าที่แสดงความจริงเกี่ยวกับโลกและชีวิต แนะนำถึงความรอบคอบ  และรอบรู้ในการดำเนินชีวิต  โดยเกิดความเดือดร้อน น้อยที่สุด รอบรู้ว่าสิ่งใดควรคิดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ช่วยให้มนุษย์เข้าใจชีวิตและส่วนที่เป็นปัญหา มีระเบียบในเรือนใจ และการยอมรับเหตุผล ทำให้สามารถหาทางออกจากความขัดแย้งและอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยปัญหาได้อย่างผู้รู้กาลเทศะ
 
1317  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: กรรมฐาน คืออะไร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:37:54
เนื่องจากกรรมฐานเป็นกุศโลบายบางอย่างที่เกิดจากความตั้งใจสร้างแนวคิดขึ้นหรือไม่ก็เป็นการตั้งใจรับความรู้สึกโดยไม่ผ่านแนวคิด อารมณ์ที่จิตอิงอยู่จึงไม่เหมือนอารมณ์ทั่วไป ที่รับรู้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน ภาพลักษณ์และความรู้สึกตัวเป็นผลมาจากความตั้งใจ ดังกล่าว และถูกจัดเป็นหมวดหมู่ของอารมณ์พิเศษที่มีหลักการและวิธีการรับรู้เป็นการเฉพาะสำหรับกรรมฐานแต่ละประเภท เช่น แนวคิดของคำหรือภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นจากสมถกรรมฐาน ๔๐ อย่าง หรือความรู้สึกตัวในนาม-รูปจากวิปัสสนากรรมฐาน  มีขันธ์ อายตนะ เป็นต้น อารมณ์พิเศษและวิธีการเฉพาะนี้มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาได้โดยบังเอิญ หรือนึกคิดจะทำตามความนิยมที่สืบต่อกันมาก็ทำได้  แต่เป็นสิ่งที่ต้องการความเข้าใจในเหตุปัจจัยและหลักการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลตามที่ต้องการ ดังนั้น การเข้าหาอาจารย์ผู้มีความชำนาญในการใช้อุบายกรรมฐาน การรู้ถึงจริตอัธยาศัยผู้เรียน การอยู่ในสถานที่ที่ไม่พลุกพล่าน มีการเรียนการสอน และการปฏิบัติควบคู่กันไป และการอุทิศเวลาบางส่วนเพื่อศึกษาและปฏิบัติจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเจริญกรรมฐาน

 ความสำคัญของกรรมฐาน

 ความทุกข์เป็นสิ่งที่ชีวิตไม่ต้องการ พระพุทธศาสนาแบ่งความทุกข์ไว้ ๒ อย่าง คือทุกข์ประจำและทุกข์จร ทุกข์ประจำ หมายถึง ทุกข์ที่มาพร้อมชีวิต คือ การเกิด แก่ ตาย ไม่มีใครหลีกเลี่ยงทุกข์ประจำนี้ได้ ส่วนทุกข์จรได้แก่ ความเศร้าโศก รำพัน ต้องอาลัยไม่ขาด การไม่สมความปรารถนา และการพลัดพรากจากของรัก เป็นต้น เป็นเพียงทุกข์ที่ผลัดกันเกิดขึ้นในระหว่างที่เกิดแก่และตายนั่นเอง อาจจะบรรเทาได้บางส่วนตามสมควร แต่ก็ไม่อาจทำให้ทุกข์จรนั้น หมดไปได้เช่นกัน สังคมในอดีตเคยต้องเกิด แก่ ตายอย่างไร ปัจจุบันแม้จะมีเทคโนโลยี ที่ก้าวหน้าทันสมัยอย่างไร เทคโนโลยีเหล่านั้น ก็ยังไม่อาจ แก้ปัญหาชีวิตที่ต้องแก่และต้องตายของชีวิตใครได้
1318  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: กรรมฐาน คืออะไร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:36:36
กล่าวโดยสรุป การฝึกกรรมฐานเป็นการกระทำกุศลกรรมชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะมโนกรรม ต่างจากกรรมทั่วไป  ตรงที่เป้าหมายการกระทำเป็นไปเพื่อความสิ้นภพชาติ สิ้นทุกข์ ไม่ต้องไปเกิดในแหล่งกำเนิดใดอีก เนื่องจากจิตต้องอิงอาศัยอารมณ์จึงเกิดขึ้นได้ และธรรมชาติของจิตมีความสัดส่ายไปตามอารมณ์ ไม่อาจหยุดนิ่งเพื่อการพิจารณาแม้เพียงชั่วครู่ จึงจำเป็นต้องใช้อุบายบางอย่าง เพื่อลดความสัดส่าย โดยหาสิ่งที่ไม่เป็นโทษให้จิตอิงอยู่ อุบายที่ว่านี้คือ  ที่มาของกิจกรรมที่เรียกว่ากรรมฐาน

 อุบายดังกล่าวแยกออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่

๑. อุบายสงบใจ  กล่าวคือ อาศัยวิธีการท่องถ้อยคำบางอย่างซ้ำ ๆ กัน และบังคับตนเองในลักษณะ การสร้างแนวคิด เกี่ยวกับคำนั้น สิ่งที่เราสร้างขึ้นไม่ว่าจะเป็นแนวคิด ความคิด หรือภาพพจน์ของคำ ๆ นั้น ล้วนเป็นองค์ประกอบของความสงบที่เรียกว่า    สมถกรรมฐาน
๒. อุบายเรื่องปัญญา อาศัยความรู้สึกตัวที่มีอยู่ รู้ถึงการสัมผัสทางทวารทั้ง ๖ รู้ถึงปรากฏการณ์ทางจิต ขณะร่างกายมีการกระทบสิ่งเร้า เฝ้าติดตามการรับรู้นี้ด้วยความตั้งใจ เมื่อมีความตั้งใจอยู่ที่ การรับ กระทบความคิดต่าง ๆ ก็จะถูกตัดออกไป จนไม่สามารถสอดแทรกเข้ามาได้ ไม่เปิดโอกาส ให้มีการก่อตัว ของแนวคิด ภาพลักษณ์หรือความคิดใด ๆ ตามมา เท่ากับเป็นการรู้เท่าทัน กระบวนการที่เกิดขึ้นโดยตรงในทันทีที่เกิดขึ้น จึงไม่เกิดการบิดผันใด ๆ ทางด้านความคิดนี้ คือ  ส่วนของกิจกรรมที่เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน (ชิน วินายะ มปป : ๒ - ๗ )
1319  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: กรรมฐาน คืออะไร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:35:35
การปฏิบัติกรรมฐาน เป็นการกระทำด้วยความตั้งใจหรือจงใจลักษณะหนึ่ง แต่เป็นไปในฝ่ายกุศลส่วนเดียว เพราะมิได้มีเหตุจูงใจจากความต้องการในกามคุณอารมณ์ การปฏิบัติกรรมฐานจึงไม่ขึ้นกับโลกธรรมและกามคุณดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายพื้นฐาน คือ การอบรมจิตใจให้สงบจากนิวรณ์ธรรม คือ ตัณหา ความคิดมุ่งร้าย ความเกียจคร้าน ความเร่าร้อน ไม่สบายใจ และระแวงสงสัย เป็นต้น จิตที่สงบจากนิวรณ์ธรรมทั้งหลายจักเข้าถึงสภาวะแห่งปัญญาได้ไม่ยากนัก

 เนื่องจากพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ (กิริยวาท) และเป็นศาสนาแห่งความเพียรหรือวิริยวาท (พระมหาบุญชิต สุดโปร่ง : ๒๕๓๖) ความเพียรในการปฏิบัตินี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่สำคัญ คือ ศรัทธา ๔ ได้แก่ ความเชื่อในเรื่องกรรมหรือการกระทำ (กมฺมสทฺธา) ในเรื่องผลของกรรม (วิปากสทฺธา) ในความเป็นเจ้าของกรรมที่ตนทำ (กมฺมสกฺตาสทฺธา) และความเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ (ตถาคตโพธิสทฺธา) ดังนั้น “ กรรม ” จึงเป็นคำสำคัญในคัมภีร์พระพุทธศาสนาใช้อธิบายแนวคิดเกี่ยวกับโลกและชีวิตในเชิงพุทธ มีความหมายสัมพันธ์กับคำว่า กุศล อกุศล บุญ บาป วาสนา บารมี (พระเมธีธรรมาภรณ์, “กรรม” ในคำ : ร่องรอยความคิดความเชื่อไทย ๒๕๓๗ : ๑ )
การกระทำโดยทั่วไปมี ๓ ลักษณะ โดยแบ่งตามช่องทางที่แสดงออก คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีทั้งส่วนที่เป็นกุศลและอกุศล ส่วนมากอาศัยอารมณ์ทั้ง ๕ และมีโลกธรรม ๘ เป็นอารมณ์ และเป็นเหตุจูงใจให้มีการกระทำที่เป็นกุศลหรืออกุศล เช่น บุคคลมีเจตนาคิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของผู้อื่น (อกุศลมโนกรรม) ด้วยอำนาจความโลภ จึงแสดงพฤติกรรมของการแย่งชิง หรือไม่ก็หยิบฉวยไปโดยไม่ได้รับอนุญาต (อกุศลกายกรรม) เป็นต้นทรัพย์สมบัติของผู้อื่นซึ่งเป็นรูปธรรมจึงเป็นเหตุให้มีการกระทำต่าง ๆ ตามมา
1320  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / กรรมฐาน คืออะไร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2552 17:34:15
กรรมฐานคืออะไร

กรรมฐาน  เป็นคำเรียกโดยรวมในหมวดของการปฏิบัติธรรมประเภทหนึ่งในพระพุทธศาสนา หมวดกรรมฐาน ประกอบด้วย ตัวกรรมฐาน และโยคาวจร  ตัวกรรมฐาน คือ สิ่งที่ถูกเพ่ง ถูกพิจารณา ได้แก่ อารมณ์ต่าง ๆ ส่วนโยคาวจร คือ ผู้เพ่งหรือผู้พิจารณา ได้แก่ สติสัมปชัญญะและความเพียร การฝึกกรรมฐานว่าโดยธรรมาธิษฐานจึงหมายถึงการใช้สติสัมปชัญญะพิจารณาอารมณ์ ที่มากระทบ อย่างระมัดระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น เพียรหมั่นระลึกถึงกุศลและรักษากุศลนั้นอยู่มิให้เสื่อมไป   

หากกล่าวถึง คำว่า กรรมฐาน เราจะเข้าใจกันว่า กรรมฐาน คือ สมาธิหรือการนั่งหลับตาท่องคำซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นการกระทำบางอย่างที่ต่างไปจากพฤติกรรม การให้ทาน การรักษาศีล แต่สำหรับความหมาย ที่มีมาในพระบาลี ตามนัยแห่งมูลฎีกาแสดงวินิจฉัยคำ “กรรมฐาน” ไว้ว่า

กมฺมเมว วิเสสาธิคมนสฺส ฐานนฺติ กมฺมฐาน

              แปลว่าการงานที่เป็นเหตุแห่งการบรรลุคุณวิเศษชื่อว่า“กรรมฐาน”

เหตุแห่งการบรรลุคุณวิเศษนั้น มิได้เกิดขึ้นเพียงเพราะนั่งหลับตาภาวนาดังกล่าว แต่มีองค์ประกอบและรายละเอียด อีกมากมาย ดังนั้น ความหมายของกรรมฐานเท่าที่เราเข้าใจ จึงยังคลุมเครือและยังต่างจากความหมายที่แท้จริงอยู่มาก การสร้างความบริสุทธิ์แห่งจิตนี้ จำเป็นจะต้องมีสิ่งที่ไม่เป็นโทษให้จิตอิงอยู่ได้ สิ่งอิงที่ว่านี้มี  ๒  ลักษณะ คือ อาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่อยู่ภายนอกระบบร่างกายและจิตใจ หรือสิ่งที่อยู่ภายในระบบร่างกายและระบบจิตใจก็ได้ สิ่งที่อยู่นอกระบบร่างกายและจิตอาจเป็นส่วนที่สร้างขึ้นหรือมาจากภาวะแวดล้อม เช่น ดวงกสิณ ซากศพ หรืออาหารที่รับประทานอยู่ทุกวัน ส่วนสิ่งที่มาจากภายในระบบร่างกายและระบบจิตใจ ก็คือ อริยาบถต่าง ๆ และความคิด เป็นต้น ทั้งหมดเหล่านี้สามารถนำมาเป็นองค์ประกอบในการฝึกอบรมจิตที่เรียกว่ากรรมฐานได้ (ชิน วินายะ มปป : ๒)
หน้า:  1 ... 64 65 [66] 67
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.162 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 11 พฤศจิกายน 2566 06:15:37