[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 02:48:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สแกนกรรม และไม่แก้กรรมให้ตนเองก่อนพบวิบาก? เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2555 14:21:43
 คุณ Mckaforce : น้าแม๊ค ครับ


ผมต้องขอขอบพระคุณ  อ้านสิ่งที่คุณเขียนเลยนึกขึ้นมาได้อีกเรื่อง คือ  ถ้าพระพุทธองค์ไม่ยอมตาย = ทิ้งขันธ์ 5  กฎอนิจจัง  ทุกขัง อนัตตา  ก็ย่อมใช้ไม่ได้กับขันธ์ 5
2  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สแกนกรรม และไม่แก้กรรมให้ตนเองก่อนพบวิบาก? เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2555 14:15:42
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลจะปลงชีวิตตถาคต
ด้วยความพยายามของผู้อื่นนั่น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
เพราะพระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่ปรินิพพานด้วย  ความพยายามของผู้อื่น"

(พระไตรปิฎก เล่ม 7 พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค 2)



ตามนั้น


สาธุ  สาธุ  สาธุ   พระไตรปิฎกเล่ม 7 พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค 2 บทนี้ยืนยันว่า  ใครก็ฆ่ากายเนื้อพระพุทธเจ้าไม่ได้  นอกจากพระพุทธเจ้าต้องฆ่าตัวตายเอง........ตามนั้นแหละ  ผมขอเอาหลักฐานช้ินนี้มาลงอีกครั้งหนึ่ง

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลจะปลงชีวิตตถาคต
ด้วยความพยายามของผู้อื่นนั่น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
เพราะพระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่ปรินิพพานด้วย  ความพยายามของผู้อื่น"
3  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สแกนกรรม และไม่แก้กรรมให้ตนเองก่อนพบวิบาก? เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2555 12:08:21
"ทำไมพระพุทธเจ้าไม่แก้กรรม ไม่ตรวจกรรม ให้พระองค์เองก่อนจะพบวิบาก"

ตอบ

พระพุทธเจ้าตรวจกรรมให้ตนเองแล้ว

- ในคัมภีร์เถรวาท นายจุนทะถวายสูกรมัททวะ ให้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉัน พระพุทธองค์ได้ทรงเล็งเห็นแล้วว่า อาหารนี้เป็นพิษ จึงให้ถวายแต่พระองค์เพียงผู้เดียว ส่วนสูกรมัททวะที่เหลือ ทรงสั่งให้นายจุนทะฝังเสีย โดยพระองค์ทรงให้เหตุผลว่า ผู้อื่นนอกจากพระองค์รับประทานแล้วจะไม่ย่อย

   หลักฐานชิ้นนี้แสดงว่า ท่านแสกนกรรมตัวเองแล้ว แต่ไม่ต้องการหลีกเลี่ยงกรรมนั้น

พระพุทธเจ้าไม่แก้กรรม?

- พระพุทธองค์ท่านพยายามแก้กรรมแล้ว โดยพยายามพูดให้พระอานนท์คิดให้ออก จะได้ทูลขอให้อยู่ต่อหลายสิบครั้ง(จำไม่ได้) แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องรับคำขอของพยามารให้ดับขันธ์ไป

ไม่มีใครฆ่าพระพุทธเจ้าได้หรอก พระพุทธเจ้าดับขันธ์ ฆ่าตัวตายเอง

หลักฐาน

1. ใครหรืออะไรจะฆ่าพระพุทธเจ้าย่อมไม่ได้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า

“อย่าเลยอานนท์ บารมีเราได้สร้างมาดีแล้ว ไม่มีใครสามารถปลงชีวิตของตถาคตได้ ไม่ว่าสัตว์ดิรัจฉานหรือมนุษย์หรือเทวดามารพรหมใด ๆ”


2. วันที่"พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน"ณ ปัจฉิมยามแห่งราตรีวิสาขปรุณมีเพ็ญเดือน ๖ ขณะมีพระชนมายุ ๘๐ พรรษา พระอนุรุทธัมหาเถระเจ้าติดตามดูเส้นทางจิตของพระพุทธเจ้าตลอด


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ทรง
เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรง
เข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าวิญญาณัญ-
*จายตนะ ออกจากวิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออก
จากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌาน
แล้ว ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจาก
ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน
พระผู้มีพระภาคออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จปรินิพพานในลำดับ (แห่งการพิจารณาองค์จตุตถฌานนั้น
)

พระผู้มีพระภาคออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จปรินิพพานในลำดับ...พระพุทธเจ้าฆ่าตัวตายเอาเองไม่ใช่หรือครับ?

3. พระพุทธเจ้าตรัสก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปลงอายุสังขารของพระองค์เอง พระองค์ได้บอกกับพระอานนท์ว่า "หากพระองค์ประสงค์จะอยู่ต่อพระองค์สามารถเจริญอิทธิบาท 4 และจะมีชีวิตดำรงค์อยู่ต่อไปอีกได้ตลอดกัป"

อย่างไรก็ตาม ถ้าพระพุทธองค์เจริญอิทธิบาท 4 เพื่อให้ตนเองมีชีวิตดำรงค์อยู่ต่อไปอีกได้ตลอดกัป ก็จะสวนกับคำตรัสสอนว่า

- สิ่งทั้งปวง ย่อมเกิดแก่เจ็บตาย สังขารทั้งหลายเสื่อมไปเป็นธรรมดา จะห้ามไม่ให้เสี่อมไปเลยนั้น เป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้

- พระพุทธเจ้าคนต่อไปคือ พระศรีอาร์จะมีไม่ได้ เพราะจะมีพระพุทธเจ้าในโลกธาตุหนึ่งได้แค่พระองค์เดียว

สรุป

พระพุทธเจ้าสแกนกรรมตัวเองแล้ว แต่ไม่หลีกหนีกรรม ไม่อยากให้คนอื่นต้องรับเคราะห์กรรมของพระองค์ และไม่ต้องการละเมิดคำสอนของพระองค์เอง
4  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / กฎแห่งกรรม = กฎแห่งลูกหนี้เจ้าหนี้ เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2555 10:52:42
"กรรม" คือ การละเมิดสิทธิ หรือละเมิดสิ่งที่เขาต้องได้รับในชาิตินี้ คนที่โดนเราละเมิดสิทธิ จึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา

- เขากำลังเสวยผลบุญ มีเงินมีทรัพย์สินในชาตินี้  เราดันไปขโมยของของเขา  เขาก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรด้านลบของเรา

- เขากำลังเสวยผลของบาป คือเป็นขอทานในชาตินี้  เราดันเอาเงินไปให้กับเขา เขาก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรด้านบวกของเรา

กรรม มี เจ้าหนี้ และลูกหนี้  เราทำกรรมด้านบวกหรือด้านลบกับใคร เขาก็เป็นเจ้าหนี้=เจ้ากรรมนายเวรด้านบวกของเรา  เราก็เป็นลูกหนี้ของเขา

เพราะฉะนั้น กฎแห่งกรรม = กฎแห่งลูกหนี้เจ้าหนี้
5  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / จิตอยู่ที่สมองหรือ แล้วผีหัวขาด มันไม่มีสมองแล้ว ก็ไม่มีจิตใช่ไหม? เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2555 18:49:22
มีคนไปถามผมในเว็บเว็บหนึ่งว่า  จิตคือสมอง หรือสมองคือจิต ใช่หรือเปล่า?

ตอบ

ตอนที่เราเป็นมนุษย์ จิตคือสมอง และระบบประสาททั้งหมด  เพราะเราจดจำได้(สัญญาขันธ์) รู้สึกได้(เวทนาขันธ์) คิดเรื่องราวสารพัดได้(สังขารขันธ์) เราต้องใช้สมองและระบบประสาททั้งหมด 
- ดังนั้น เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ซึ่งเป็นจิต ก็คือ สมอง และระบบประสาททั้งหมด 

แล้วรูปขันธ์ วิญญาณขันธ์ล่ะ  มันก็เป็นจิตด้วยนะ....ใช่

รูปขันธ์ วิญญาณขันธ์ = กาย พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ตถาคตเรียก ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง"

จึงไม่ต้องเลยว่า รูปขันธ์ ก็เป็นจิตด้วย วิญญาณขันธ์ก็เป็นจิตด้วยเหมือนกัน  วิญญาณขันธ์เป็นเหมือนแหล่งหลังงานให้กาย(รูปชันธฺ์) กายเปรียบเหมือนหุ่นยนต์ วิญญาณขันธ์เปรียบเหมือนแบตเตอรี่ หรือถ่านที่ใส่ในหุ่นยนต์ให้มันทำงาน

มหาวรรคที่ ๗
๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑.....แต่ตถาคตเรียก ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง


สรุป

ในระดับมนุษย์   ขันธ์ 5 หรือกาย ไม่เพียงเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ที่เป็นจิตมนุษย์  ทำหน้าที่เป็น สมอง และระบบประสาททั้งหมด  แม้แต่รูปขันธ์ วิญญาณขันธ์ มันก็เป็นจิตมนุษย์ด้วย รูปขันธ์(กาย)เปรียบเหมือนหุ่นยนต์ วิญญาณขันธ์เปรียบเหมือนแบตเตอรี่ หรือถ่านที่ใส่ในหุ่นยนต์ให้มันทำงาน

พูดอีกนัยหนึ่ง จิตมนุษย์ = ขันธ์ 5  (รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์)
   
   อย่างไรก็ตาม เมื่อขันธ์ 5 ที่เป็นจิตมนุษย์ ตายหรือแตกสลาย  สมองของเรามันได้คิดปรุงแต่ง จดจำ และบันทึกเรื่องราวต่างๆเอาไว้ในจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)แล้ว 
   
   ผมก็เคยบอกแล้วว่า  จิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)มันมีโลกของมันอยู่  เรียกว่า โลกทิพย์ หรือโลกของจิตธาตุ หรือโลกของวิญญาณธาตุ  พลังงานสมองได้สร้างตัวของเรา ที่เรียกว่า กายทิพย์หรืออทิสมานกายตัวใหม่เสร็จสมบูรณ์เมื่อเราdeadแล้ว เข้าไปอยู่ในโลกแห่งจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)
   
   ผมเป็นคนหนึ่งที่ถอดจิตได้  จึงรู้ว่า กายทิพย์หรือกายฝันของเราในจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)...มันมีอยู่  และมันก็มีที่อยู่ของกายทิพย์(กายฝัน)ด้วย คือ นรก/สวรรค์/พรหมโลก   พระพุทธเจ้าและฤาษีต่างๆ เป็นผู้ที่เข้าฌาน 4 ได้ และถอดจิตได้  พวกท่านจึงถอดจิตไปดูนรก/สวรรค์/พรหมโลก แล้วนำมาบอกมนุษย์ธรรมดา
   
   จิตของพระพุทธเจ้าสงบที่สุดแล้ว และด้วยบุญบารมีที่สะสมมามากมาย (ผมจำไม่ได้ว่ากี่กัปกี่กัลป์)  ทำให้พระพุทธองค์สามารถเปิดห้องจิตในจิตใต้สำนึกได้ทุกบาน  ทำให้เข้าไปดูอดีตชาติได้ไม่สิ้นสุด แล้วยังท่องเที่ยวดูโลกและจักรวาลอื่นๆในทุกมิติได้ด้วย  เพราะแม่กุญแจลับเปิดเข้าไปในโลกและจักรวาลต่างๆทุกมิติ  มันอยู่ในจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต)  ส่วนลูกกุญแจมันก็คือบุญบารมีของเรานั่นเอง
   
  ในระดับกายทิพย์ จิตคือสมองของกายทิพย์หรือเปล่า
   
   กายทิพย์เป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่ออกจากสมองตอนเป็นมนุษย์อยู่  พลังงานกายทิพย์นี้  ถ้ามันมีพลังงานด้านลบมาก คือทำบาปมาก  กายทิพย์มันก็หนักตอนอยู่ในโลกของจิตใต้สำนึก  พลังงานกายทิพย์นี้  ถ้ามันมีพลังงานด้านบวกมาก คือทำบุญมามาก  กายทิพย์มันก็เบา
   
 การแสดงออกมาภายนอกโลกแห่งจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต) คือ แสดงเป็นโลกและจักรวาล  
 
   คนที่มีพลังงานด้านบวกมาก คือทำบุญมามาก  กายทิพย์มันก็เบา  มันก็ต้องลอยขึ้นไป ยิ่งบุญมาก ก็ยิ่งลอยสูงมาก สวรรค์มันจึงอยู่บนท้องฟ้าและในอวกาศนั่นเอง สวรรค์ชั้นจาตุ จึงอยู่ต่ำกว่าดาวดึงส์  ชั้นปรมินก็จะอยู่สูงไปไกลกว่าโลกมากๆๆๆ
   
   ส่วนนรกมันก็เป็นดาวอีกดวงในอวกาศนั่นเอง  ไม่ได้อยู่ใต้พื้นดินแต่อย่างใด  แต่ในจิตมันจะดูเหมือนถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์  สวรรค์ก็เหมือนลอยขึ้นไปด้านบน  หรือขึ้นลิฟต์
   
   การแสดงออกภายในโลกแห่งจิตใต้สำนึก(ภวังค์จิต) ทั้งสวรรค์นรกพรหมโลก  เป็นเพียงการเปลี่ยนภาพหรือมิติของจิตใต้สำนึกเท่านั้นเอง คนทำบาปมากก็เปลี่ยนภาพหรือมิติไม่ได้  ต้องอยู่ในภาพที่แย่และเลวร้ายตลอด   
       
   
      คราวนี้มาดูหลักฐานพุทธพจน์บ้างว่า ในระดับกายทิพย์ หรือนามกาย(อทิสมานกาย) จิตคือสมองของกายทิพย์หรือเปล่า
     
      พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่ในมหานิทานสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ ว่า:
         
         "ดูกรอานนท์เพราะนามรูปเป็นปัจจัยดังนี้แล จึงเกิดวิญญาณ
         เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงเกิดนามรูป..."
         
      และในสูตรที่ ๕ มหาวรรค อภิสมยสํยุตต์ นิทาน. สํ. ๑๖/๑๒๖/๒๕๐. ตรัสแก่ภิกษุ ท. ที่เชตวัน.
           
      ทรงค้นลูกโซ่แห่งทุกข์ ก่อนตรัสรู้
         
            ...เพราะ วิญญาณ นั่นแล มีอยู่ นามรูป จึงได้มี : เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนาม
         รูป" ดังนี้.
         
         ภิกษุ ท.! ความฉงนนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "เมื่ออะไรมีอยู่หนอ วิญญาณ จึงได้มี : เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ" ดังนี้.
         
         ภิกษุ ท.! ความรู้สึกอย่างยิ่งด้วยปัญญา เพราะการทำในใจโดยแยบคายได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "เพราะ นามรูป นั่นแล มีอยู่ วิญญาณ จึงได้มี : เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ" ดังนี้.
         
         ภิกษุ ท.! ความรู้แจ้งนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "วิญญาณนี้ ย่อมเวียนกลับจากนามรูป : ย่อมไม่เลยไปอื่น; ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ สัตว์โลกนี้ พึงเกิดบ้าง พึงแก่บ้าง พึงตายบ้าง พึงจุติบ้าง พึงอุบัติบ้าง : ข้อนี้ได้แก่การที่ เพราะมีนามรูป เป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ; เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป


      วิญญาณ(ธาตุ)เป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป หรือ ขันธ์ 5 ที่เป็นจิตมนุษย์ - อธิบายไปแล้วว่าขันธ์ 5 ของมนุษย์ทั้งหมดนั่นแหละคือจิต
     
      นามรูป(ขันธ์ 5)  เป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ(ธาตุ) = กายมนุษย์ที่มีสมองเป็นหลักใหญ่ที่สุดในการคิดปรุงแต่ง ก็เป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ(ธาตุ)ดวงใหม่ขึ้นมานั่นเอง
     
      แล้วไอ้ตัววิญญาณ(ธาตุ) หรืออทิสมานกาย หรือกายทิพย์ หรือนามกายในโลกวิญญาณ มันก็มีสมองเหมือนกันนี่ มันก็ต้องเป็นจิตเหมือนกันดิ  จะว่าใช่ก็ได้  ไม่ใช่ก็ได้  เพราะคราวนี้นามกายในโลกวิญญาณ  มันเกิดจากพลังงานความคิดของมนุษย์ ซึ่งเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง  แล้วเอาสมองเป็นตัวคิด มันเลยมีหัวมีสมองของวิญญาณธาตุ
     
      ผีหัวขาด....มันไม่มีสมองแล้ว  มันคิดปรุงแต่งได้ยังไงหว่า  จิตซึ่งเป็นพลังงานต่างหาก เป็นตัวคิดปรุงแต่ง  พระพุทธเจ้าจึงเรียกพลังงานจิตตัวนี้ว่า นามกาย  คือทุกจุตในร่างมายา - กายทิพย์ หรือนามกาย(อทิสมานกาย นี่แหละ คือจิต
     
      สรุป
     
      จิตของมนุษย์ คือ ขันธ์ 5 โดยมีส่วนสมองทำหน้าที่สำคัญในการคิดปรุงแต่ง(สังขารขันธ์) จดจำ(สัญญาขันธ์) รู้สึก(เวทนาขันธ์)
     
      จิตของอทิสมานกาย คือ ทุกส่วนของนามกายหรือกายทิพย์ = จิต
     
      .....ยังมีจิตของธรรมกาย และจิตของนิพพานอีก  แต่เรื่องพวกนี้ต้องไว้คราวหน้า.....
6  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: กวนอิม(แม่ศรี)เป็นผู้ทำให้เกิดนายก...ยิ่งรัก แต่น้องปู..ยิ่งรัก ไม่ใช่กวนอิม เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2555 22:08:55

แก้ไขจาก - กวนอิมทุกพระองค์ พวกเป็นก็พระอรหันต์โพธิสัตว์ เป็น - กวนอิมทุกพระองค์ พวกท่านก็เป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์
7  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / กวนอิม(แม่ศรี)เป็นผู้ทำให้เกิดนายก...ยิ่งรัก แต่น้องปู..ยิ่งรัก ไม่ใช่กวนอิม เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2555 18:07:38
กวนอิม(แม่ศรี)เป็นผู้ทำให้เกิด นายกรัฐมนตรีหญิงไทย...ยิ่งรัก ชินวัตร(น้องปู)  


ความเดิม

เมืองไทยในอดีต ก็มีเจ้าแม่กวนอิมที่เป็นคนไทยกับเขาเหมือนกัน ชื่อ แม่ศรี(พรรณวดีศรีโสภาค)  ท่านเป็นอวตารของกวนอิมเมี่ยวซ่าน(เกิดเมื่อ1400 ปีก่อน) ..กวนอิมเมี่ยวซ่านก็อวตารมาจากกวนอิมพันมือ(เกิดเมื่อหลายกัปหลายกัลป์มาแล้ว) ...ผม(พลศักดิ์ วังวิวัฒน์)confirm สิ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำรู้เห็นในจิต

คราวนี้...หลังจากแม่ศรี(พรรณวดีศรีโสภาค) บรรลุธรรมถึงขั้นเป็นกวนอิมแล้ว  แม่ศรี(พรรณวดีศรีโสภาค)ก็ได้กายธรรม(ธรรมกาย) เสร็จแล้วกายธรรมก็ไปสร้างกายทิพย์อมตะ ที่เป็นกวนอิมแม่ศรีขึ้นมา  ปกติพระอรหันต์ที่ได้กายธรรม(ธรรมกาย)จะดับหรือละลายกายทิพย์อทิสมานกายของมนุษย์ทิ้งไป เหมือนหลวงปู่มั่น ภูริภัตโตเล่าไว้ในเรื่อง "นิพพานไม่สูญ"ว่า
 
(แดนนิพพาน)เป็น แดนของวิสุทธิเทพคือผู้เป็นพระอรหันต์ ที่ละลายกายทิพย์หมดสิ้นแล้ว เหลืออยู่แต่จิตสุขใสเป็นดวงประกายพรึกพระ อรหันต์สถิตย์อยู่ในแดนพระนิพพานนั้น.......

ไม่ใช่กายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย กายทิพย์ หรือ ธรรมกาย ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานเป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม  ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ  ร่างธรรมกายของพระอรหันต์เป็นทิพย์ละเอียดใสสะอาดใสเป็นประกายคล้ายแก้วประกายพรึก  มีรัศมีสว่างไสวมากกว่าพระพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย มีความสุขที่สุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบเพราะความรู้สึกอื่นไม่มี มีแต่จิตสงเคราะห์


อย่างไรก็ตาม  พระอรหันต์ธรรมดาของเถรวาทไม่ใช่อรหันต์โพธิสัตว์  อรหันต์โพธิสัตว์ จะไม่ละลายกายทิพย์ของตนทิ้งไป  เพราะกายทิพย์อทิสมานกายนั้นสร้างบุญกุศลมามากมายเหลือเกิน  ยังเอาบุญกุศลนั้นไปช่วยชาวโลกได้

กวนอิมทุกพระองค์ พวกท่านเป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์  เหมือนที่โคตมะพุทธเจ้าเคยเป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์มาก่อน(คือเป็นพระเวสสันดร)   กวนอิมทุกพระองค์และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พวกท่านจะไม่ละลายกายทิพย์อทิสมานกายของพวกท่านทิ้งไป  แต่จะให้กายทิพย์อาทิสมานกายของพวกท่าน ไปเกิดใหม่  เพื่อจะได้ช่วยเหลือมหาประชาขนในทางใดทางหนึ่ง พระเวสสันดรช่วยมหาประชนชนโดยมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

กวนอิมแม่ศรีช่วยมหาประชาชน โดยให้กายทิพย์อทิสมานกายของท่านไปเกิดใหม่เป็นพระนางจามเทวี เป็นพระศรีสุริโยทัย และสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (พระนางเรือล่ม) ชาติปัจจุบันก็ให้มาเกิดเป็นน้องปู...ยิ่งรัก ชินวัตร เพราะกวนอิมแม่ศรี เป็นผู้ที่ทำบุญทำกุศลมามากมาย จะทิ้งผลบุญไปเฉยๆ  ก็เสียของเปล่าๆ  เอาบุญใหญ่ของท่าน มากู้แผ่นดินเมืองไทยที่ท่านอาศัยอยู่มานับชาติไม่ถ้วนดีกว่า

เข้าใจหรือยังครับที่คราวก่อน ผมเขียนทิ้งท้ายว่า....น้องปู(ยิ่งรัก)ไม่ใช่กวนอิมนะจ๊ะ  แต่กวนอิม(แม่ศรี)เป็นผู้ทำให้เกิดนายกยิ่งรัก ชินวัตร(น้องปู)จ่ะ  


..........................................

ใครจะอ่านเรื่องเดิมใหม่ก็ได้นะครับ  ผมยกมาให้แล้ว

ตามรอยประวัติในอดีตชาติของนายกสาวสวย ยิ่งรัก ชินวัตร(น้องปู)


ต้องเรียนให้ทุกท่านทราบก่อนว่า  เรื่องที่ผมเขียนนี้เป็นปัจจัตตัง ปฎิบัติกรรมฐาน(สมาธิ)ให้ถึงขั้นเมื่อไร  ถ้าบุญบารมีถึงระดับ  จะรู้เอง เห็นเอง ในจิต  ฟ้าคงจะกำหนดไว้แล้วว่าให้ผม นาย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ (phonsak) เป็นผู้รู้และเป็นเปิดเผยความจริงอันลี้ลับเรื่องนี้

ผมเป็นผู้มีความสามารถในการติดต่อกับโลกวิญญาณ(ปรโลก)ได้  โลกวิญญาณ(ปรโลก)นี้เป็นโลกแห่งภวังค์จิต  หรือโลกแห่งจิตใต้สำนึก  พระพุทธองค์เข้าไปรู้เรื่องราวในอดีตชาติทุกชาติ  รู้เรื่องโลก จักรวาล พูดคุยกับเทพพรหมทุกชั้นได้  โดยพระองค์ท่านถอดจิตหรือไม่ถอดจิตเข้าไปดูในภวังค์จิต  หรือดูโลกแห่งจิตใต้สำนึกนั่นเอง

ผมก็เป็นผู้ถอดจิตได้คนหนึ่ง   วันนึงเจ้าแม่กวนอิมมาบอกผมว่า...อ่านที่ผมจดบันทึกไว้แล้วกัน

  
พลศักดิ์ ถาม เจ้าแม่กวนอิม ตอบ... วันที่ 4 กค. 2011

เจ้าแม่กวนอิม    เธอจำได้ไหม  เมื่อปีที่แล้ว  เราบอกเธอว่า  ผู้หญิงจะครองเมือง  ก็ผู้หญิงที่ชนะเลือกตั้งคนนี้ยังไง  เป็นนายกหญิงคนแรก  และเป็นนายกหญิงที่อายุน้อยที่สุด   จะเป็นผู้นำประเทศพ้นจากหายนะ  เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง
 
พลศักดิ์   ตอนนั้นผมนึกว่า  ท่านหมายถึงราชวงค์ ว่าจะมีผู้หญิงครองเมือง  เรื่องนายกหญิง  หลวงพ่อฤาษีลิงดำก็ทำนายไว้แล้วเรื่อง "นารีขี่ม้าขาว"

เจ้าแม่กวนอิม    เราเป็นคนบอก หลวงพ่อฤาษี เรื่องนี้เอง

แล้วเจ้าแม่กวนอิมก็เล่าถึงประวัติในอดีตชาติของนายกสาวสวย ทรงเสน่ห์ ยิ่งรัก ชินวัตร(น้องปู)ให้ฟังว่า  ดวงวิญญาณผู้หญิงคนนี้ ในอดีตชาติเคยเป็น "พระศรีสุริโยทัย"  ชาติสุดท้ายเป็นเมียร.5

ต่อมาผมก็ไปเจอข้อเขียนของคุณWebsnow (เว็บมาสเตอร์พลังจิต) ที่มีความสามารถทางจิตเช่นเดียวกัน คุณเว็บสโนว์ระบุว่า แม่ศรี (พรรณวดีศรีโสภาค) คือ  ผู้หญิงไทยในอดีต ที่บรรลุธรรมเป็นเจ้าแม่กวนอิม  และเป็นอวตาร หรือเป็นองค์เดียวกับ เจ้าแม่กวนอิมเมี่ยวซ่าน  

อวตารในที่นี้หมายความว่า เจ้าแม่กวนอิมเมี่ยวซ่าน, ซึ่งเป็นอวตารของกวนอิมพันมือ, เป็นอาจารย์สอนธรรมในจิตให้กับแม่ศรี (พรรณวดีศรีโสภาค) จนศิษย์กลายเป็นแบบเดียวกับอาจารย์ คือเป็นกวนอิม

หลังจากนั้น  ผมก็ได้ไปอ่านข้อเขียนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ระบุว่า   ท่านแม่ศรี (พรรณวดีศรีโสภาค)ได้ลงมาเกิดในโลกมนุษย์หลายครั้ง อาทิ เป็น เป็นพระนางจามเทวี เป็นพระศรีสุริโยทัย และพระชาติสุดท้าย คือสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (พระนางเรือล่ม).....อ้างอิง คำสอนพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

เรื่องชักน่าสนใจแล้ว  ผมก็เลยสอบถามความจริงเรื่องนี้ดู  โดยถามพระโพธิสัตว์กวนอิมประทานพร  เจ้าแม่กวนอิมท่านconfirmกับผมว่า ท่านแม่ศรี (พรรณวดีศรีโสภาค) เป็นคนไทยที่เป็นกวนอิม  เป็นอวตารของกวนอิมพันมือจริง  

เมื่อเรื่องมันกระจ่างชัดแบบนี้ว่า แม่ศรี(พรรณวดีโสภาค)เป็นอวตารของกวนอิมพันมือจริง  คือเป็นอวตารต่อเนื่องจากกวนอิมเมี่ยวซ่าน ซึ่งเป็นอวตารสายตรงจากกวนอิมพันมือ  คราวนี้คงจำกันได้ว่า...
 
พระโพธิสัตว์กวนอิมประทานพร เคยบอกผมตอนยิ่งรัก(น้องปู)เพิ่งเป็นนายกใหม่ๆว่า  ยิ่งรัก ชินวัตร(น้องปู).... ดวงวิญญาณผู้หญิงคนนี้ ในอดีตชาติเคยเป็น "พระศรีสุริโยทัย"  ชาติสุดท้ายเป็นเมียร.5  ข้อมูลนี้ไปตรงกับที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเขียนว่า  แม่ศรี(พรรณวดีโสภาค) ได้ลงมาเกิดในโลกมนุษย์หลายครั้ง ... เป็นพระศรีสุริโยทัย และพระชาติสุดท้าย คือสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (พระนางเรือล่ม).....

สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (พระนางเรือล่ม) คือใครรู้ไหมครับ   สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (พระนางเรือล่ม)เป็นพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่  คือ  เป็นเมียร.5 นั่นเอง  

ผมคงขอค้างเรื่องนี้ไว้แค่นี้ก่อน  จะมาเขียนตอนจบอีกทีในคราวหน้า  จะมาอธิบายว่า  แม่ศรี(พรรณวดีโสภาค)คือ กวนอิมคนไทย  เป็นอวตารของกวนอิมพันมือ ที่ต่อเนื่องมาจากกวนอิมเมี่ยวซ่านก็จริง  แต่น้องปู(ยิ่งรัก)ไม่ใช่กวนอิมนะจ๊ะ  
8  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / เจาะลึกเรื่องนิพพาน เมืองพระนิพพาน พุทธภูมิ พุทธเกษตร เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2555 02:30:48
อธิบายดินแดนนิพพานอย่างละเอียดสุดๆ


ในทางพุทธศาสนา จุดมุ่งหมายสูงสุดคือ  ทำให้จิต(สังขาร)ที่ไม่บริสุทธิ์ของมนุษย์ สัตว์ เทพ มาร พรหม อสูร ฯลฯ  ที่มีความโลภโกรธหลง  มีความยึดมั่นถือมั่น อุปทานว่าสรรพสิ่งในโลกและในจักรวาลมีจริง  กลับกลายเป็นจิตบริสุทธิ์สูงสุด ที่เรียกว่านิพพาน ไม่มีความโลภโกรธหลง  ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ไม่มีอุปทานว่าสรรพสิ่งในโลกและในจักรวาล มีจริง

แล้วทำให้จิตไม่บริสุทธิ์ให้เป็นจิตมหาบริสุทธิ์เพื่ออะไรกันล่ะ?  ตอบ  ก็เพื่อย้ายฝั่งที่อยู่จากฝั่งที่ไม่บริสุทธิ์ไปอยู่ฝั่งที่มหาบริสุทธิ์ยังไงล่ะ  แล้วผู้ที่เป็นมหาบริสุทธิ์คือ ฝั่งพระอรหันต์ที่เข้าถึงนิพพานแล้ว  พระอรหันต์ก็ต้องมีอายตนะภายในหรือขันธ์  และมีอายตนะภายภายนอก คือที่อยู่ และมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ตนเองเนรมิตขึ้นมาเหมือนกัน  แต่ไม่เหมือนกับฝังของโลกและจักรวาล ที่ต้องหาเงินและใช้อำนาจไขว่คว้าเอามา

ฝั่งนิพพาน ไม่มีผู้เล่าถึงอย่างละเอียดมากนัก  ผมผู้ได้ปัญญาจากการปฏิบัติ  และสามารถติดต่อกับพระพุทธเจ้าต่างๆ พระมหาโพธิสัตว์ต่างๆ และพระอรหันต์หลายต่อหลายพระองค์  แล้วผมก็ชอบถามพวกท่านด้วย    เมื่อผมรู้แล้ว ถ้าไม่เขียนเล่าเรื่องสูงสูดเหล่านี้ออกไป ก็เป็นการเสียชาติเกิดของผมเปล่าๆ  เพราะผมรู้ในจิตว่า  ผมเกิดมามีนิสัยขี้สงสัย พูดมาก ชอบถามโน่นถามนี่  ผมรู้แล้วว่า ผมเกิดมาเพื่อการบอกความลับของฟ้าโดยเฉพาะ

เอาล่ะ...เข้าเรื่องกันต่อเลย นิพพานก็มี 2 แบบ คือ แบบที่เป็นจิตล้วน กับ แบบที่ป็นกายที่มีจิตอยู่ในร่าง  ขออธิบายดังนี้:

1.  นิพพานแบบที่ไม่มีร่างมีแต่ตัวจิต เรียกว่า "พระธรรม" สิ่งนี้มหายานเรียกว่า "พุทธภาวะเริ่มแรก  หรือ มหาสุญญตา" พระพุทธเจ้าเรียกไปทางเถรวาทว่า "นิพพาน" เฉยๆ  บางครั้งพระพุทธเจ้าก็เรียกว่า "นิพพานจิต"

 พระพุทธเจ้าตรัสกับพระมหากัสปะว่า   

   "ดูกรกัสสปะ เธอมีธรรมจักษุครรถ์อันถูกต้อง และ นิพพานจิต ลักษณะที่แท้จริง
    ย่อมไม่มีลักษณะ   เธอพึงรักษาไว้ให้ดี"

สรุป คำว่า นิพพาน...ก็คือนิพพานจิตล้วนๆ  หรือ พระธรรม หรือ พุทธภาวะเริ่มแรก  หรือ มหาสุญญตา

" พระธรรมหรือนิพพานเป็นสิ่งที่ชี้ให้ดูไม่ได้  บางครั้งก็เป็นแสง  บางครั้งก็เป็นความว่างเฉยๆ


2. นิพพานแบบที่มีกายหรือรูปที่เทวาพรหมมนุษย์มองไม่เห็น คือนิพพานที่มีจิตครองและส่งการกาย  จิตจะสั่งการร่าง  มี 2 แบบ คือ

  -  ธรรมกาย หรือกายธรรมอมตะ ตัวนี้คืออายตนะนิพพาน

พระสารีบุตรก็เคยสงสัยเรื่องธรรมกาย จึงถามพระอวโลกิเตศวร บันทึกอยู่ในปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรจึงตรัสสอนพระสารีบุตรว่า

" ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้ ก็คือ อายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง

ธรรมกายของพระอรหันต์แต่ละองค์  จะอยู่กับธรรมกายของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ในอายตนะนิพพานภายนอกหรือในเมืองพระนิพพาน  เมืองพระนิพพานของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์รวมกันเรียกว่า  "พุทธภูมิ"

   -  กายทิพย์บริสุทธิ์อมตะ หรือวิญญาณบริสุทธิ์อมตะ(เรียกแบบศาสนาคริสค์) หรือสัมโภคกาย(เรียกแบบมหายาน) หรือ พุทธนิมิต(เรียกแบบเถรวาท)

กายทิพย์บริสุทธิ์อมตะ หรือ วิญญาณบริสุทธิ์อมตะ หรือสัมโภคกาย หรือพุทธนิมิต สิ่งนี้ก็คือพระโพธิสัตว์อรหันต์ ที่จะอยู่ในพุทธเกษตรนั่นเอง

อธิบายนิพพานลึกไปอีกขั้น

ในพระนิพพาน.... จะมีแต่จิตที่เป็นพระธรรม  ที่เรียกว่า “มหาสุญญตา”ดำรงอยู่ในความว่างสงบอย่างเดียวชั่วกาลนาน ไม่ค่อยมีการคุยหรือสังสรรค์กัน  จะเรียกว่า เข้านิโรธถาวร หรือเข้านิโรธนานมากๆก็ย่อมได้ ไม่น่าเกลียด

ในพุทธภูมิ.... จะมีการสร้างกาย  ที่มีนิพพานจิตสั่งการ เรียกว่าธรรมกาย  แต่กายอรหันต์ต่างๆจะเข้าสมาธิอยู่ในนิโรธ  แต่ยังมีการพูดคุยกันบ้าง  ไปทำธุระบ้าง

ในพุทธเกษตร....คราวนี้ล่ะสบายเลย   เพราะธรรมกายของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ต่างๆ จะนิรมิตพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์  ที่เป็นกายทิพย์หรือสัมโภคกายออกมา  เรียกว่า อรหันต์โพธิสัตว์ หรือ โพธิสัตว์อรหันต์ พวกท่านจะสนธนา หรือจะทำกิจอันใดอันหนึ่งเพื่อช่วยโลกหรือช่วยใคร  หรืออะไร จะเนรมิตอะไร ก็ได้ทั้งนั้น

แล้วคุณรู้ไหม....พุทธภูมิก็อยู่ในพุทธเกษตรนั่นเอง  เมืองพระนิพพานที่เป็นอายตนะนิพพานภายนอกจึงเป็นพุทธเกษตร   พุทธเกษตรของพระศรีศากยมุนี = เมืองพระนิพพานของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุนัน

พุทธเกษตรของพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต คือ “ศุทธิไวฑูรย์” ฯลฯ

เอาล่ะพอแล้ว  ขี้เกียจเขียนเจาะลึกลงไปมากกว่านี้
หน้า: [1]
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.138 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 04 กันยายน 2566 18:27:39