9. ถ้าคุณเห็นช้างก่อน

แม้ว่าภายนอกคุณอาจจะเป็นคนที่ดูน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วจิตใจคุณน่ะกลับตรงกันข้าม คุณใจดี น่ารัก และไว้ใจได้ คุณมีบุคลิกที่มั่นคงและมั่นใจในตัวเอง
สิ่งที่กระตุ้นความโกรธของคุณคือ “พฤติกรรมที่หยาบคาย” และคุณจะไม่ให้อภัย “คนที่ใจร้ายไร้เมตตา” ง่าย ๆ

   

8. ถ้าคุณเห็นนกอินทรีก่อน

คุณเป็นพวกที่ชอบตั้งเป้าหมายสูง ๆ ในชีวิต ต่อให้จะหมายถึงการทำมันคนเดียวก็ตาม คุณไม่ค่อยปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เพราะคุณมักจะจดจ่อและมุ่งมั่น
ในแนวทางของตัวเอง ไม่มีเวลามาดราม่าหรือสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต อย่างไรก็ดี คุณต้องการให้คนอื่นคิดเหมือนกับคุณ ดังนั้น สาเหตุที่ทำให้คุณโกรธก็คือ
“เรื่องดราม่า และคนที่ชอบทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่”

7. ถ้าคุณเห็นแมวก่อน

คนอื่นอาจมองว่าคุณเป็นคนขี้อาย แต่จริง ๆ แล้วคุณก็แค่ไม่ชอบที่จะพูดมากก็เท่านั้น คุณไม่ต้องการความสนใจจากคนอื่น ชอบที่จะใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง
โดยไม่ต้องมาคอยกังวลว่าคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไรกับตัวคุณ เพราะฉะนั้น ความโกรธของคุณจะก่อตัวขึ้น หากคุณเจอ “คนที่พูดมากเกินไป”

   

6. ถ้าคุณเห็นสุนัขจิ้งจอกก่อน

คุณคือคนที่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากผู้คนได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย ไม่ว่าคุณจะเป็นซีอีโอหรือพนักงาน คุณก็ไม่สามารถอดทนต่อคนที่ชอบข่มขู่ได้
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นพ่อหรือแม่ของคุณก็ตาม คุณวางตำแหน่งของตรรกะไว้เหนือสิ่งอื่นเสมอ ความโกรธของคุณจึงมักถูกกระตุ้นโดย
“คนที่ชอบกดขี่และเอาแต่ใจ”

   

5. ถ้าคุณเห็นโลมาก่อน

คุณเป็นคนหนึ่งที่มักพึ่งพาจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ให้ความสำคัญกับความคิดริเริ่มที่ไม่ซ้ำกับใคร คนที่คุณไม่ชอบเอามาก ๆ คือคนที่มักเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เพียงเพื่อให้ตัวเองเข้ากับคนหมู่มากได้ หรือคนที่ยอมทำให้คนอื่นพึงพอใจด้วยการตามใจคนเหล่านั้ แม้แต่ทำให้คนอื่นพอใจผ่านความโปรดปราน
ดังนั้น ความโกรธของคุณจะถูกกระตุ้นเมื่อคุณเจอ “คนที่ไม่จริงใจ ไม่น่าเชื่อถือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง”

   

4. ถ้าคุณเห็นสิงโตก่อน

คุณเป็นคนที่มีจิตใจกล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษ และเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่ตนเองชอบหรือเป้าหมายของตัวเอง แถมคุณยังเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเอง
และจิตใจดีอีกต่างหาก สิ่งที่สามารถกระตุ้นความโกรธของคุณได้ก็คือ “การยอมแพ้

   

3. ถ้าคุณเห็นจิงโจ้ก่อน

นิยามความเป็นคุณคือ คนที่เสียสละด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณจะเผชิญชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ มาอย่างไร คุณก็ไม่ยอมปล่อยให้อดีตมาทำให้คุณผิดหวัง
คุณชอบที่จะอยู่กับคนที่ติดดินและซื่อสัตย์ต่อคุณ ดังนั้น พวกเพื่อนจอมปลอมทั้งหลายและคนโกหกจึงไม่มีที่ยืนในชีวิตคุณ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ “การทรยศ”
คือสิ่งกระตุ้นความโกรธของคุณ

 
 
 

2. ถ้าคุณเห็นปลาก่อน

คุณจัดอยู่ในกลุ่มคนที่ใช้จินตนาการ สติปัญญา และสามัญสำนึกในการตัดสินใจและแก้ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งคุณจะไม่ขออดทนกับคนประชดประชันเก่ง คนที่ไม่ต้องการช่วยเหลือ
คนที่ชอบโต้เถียง และคนที่หัวเราะเยาะคนอื่น ตัวกระตุ้นความโกรธของคุณก็คือ “พวกที่ทำตัวโง่เขลา” นั่นเอง

 
 
 

1. ถ้าคุณเห็นหมีก่อน

คุณเป็นคนซับซ้อนคนหนึ่ง ทว่าก็เป็นคนที่เอาใจใส่และจริงใจมากเช่นกัน แม้ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่คุณก็ไม่ใช่คนประเภท
ที่จะยอมให้ใครมาบังคับหรือทำให้คุณรู้สึกกดดัน ด้วยตัวคุณเองก็เป็นคนที่จิตใจดี คุณจึงทนไม่ได้กับคนประเภทที่ชอบบงการ หลอกลวง และพวกแทงข้างหลัง
ความโกรธของคุณจะปะทุได้ง่ายหากถูกกระตุ้นจาก “พวกที่หลงตัวเอง”

คุณเห็นสัตว์ชนิดใดก่อน ? เปิดเผยสิ่งที่กระตุ้น “ความโกรธ” ของคุณ

พฤติกรรม ความรู้สึก และความคิดของคนเรา เป็นสิ่งที่ทำให้บุคลิกของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ซึ่งลักษณะเหล่านี้จะค่อนข้างถาวรตลอดชีวิต
ไม่เปลี่ยนแปลงง่าย ๆ ซึ่งเมื่อพูดถึง “ความโกรธ” คนเราแต่ละคนก็จะมีบางสิ่งบางอย่างที่สามารถกระตุ้นอารมณ์โกรธหรือโมโหได้เป็นพิเศษแตกต่างกันไป
การทดสอบในวันนี้จะเปิดเผยให้คุณรู้ถึงสิ่งที่มักจะกระตุ้นให้คุณโกรธอยู่เสมอ

แบบทดสอบความโกรธ
ภาพที่มองเผิน ๆ แล้วเหมือนแผนที่โลกด้านล่างนี้ มีเงาของสัตว์หลายตัวซ่อนอยู่ ลองมองภาพนี้แบบผ่าน ๆ แล้วระบุว่าคุณเห็นภาพของสัตว์ชนิดใดเป็นอย่างแรก
สัตว์ชนิดนั้นจะเปิดเผยถึงสิ่งที่กระตุ้นความโกรธของคุณ

   

ดูในภาพแล้วบอกตัวเองว่าเห็นสัตว์อะไรเป็นตัวแรก !!!
เมื่อเห็นแล้วก็ไปดูคำทำนายกันเลย

วิธีกำจัดแมลงสาบ


แมลงสาบ สัตว์โลกตัวน้อยที่มีชีวิตทนทานมานานกว่า 250 ล้านปี แต่ใคร ๆ เป็นต้องร้องอี๋เมื่อพบเห็น เพราะแมลงสาบเป็นสัตว์สกปรก
ที่รบกวนการใช้ชีวิตของผู้คนมาอย่างช้านาน ทั้งยังเป็นพาหะนำโรคร้ายสารพัดจนไม่ควรปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในบ้าน

แต่แมลงสาบก็กำจัดได้ยากยิ่งนัก แถมยังมีงานวิจัยที่ระบุว่า พวกมันสามารถพัฒนาตัวเองให้ทนต่อสารเคมีต่าง ๆ ที่เคยฆ่าพวกมันได้อีกด้วย
ลองมาดู 6 วิธีกำจัดแมลงสาบอย่างถาวร และได้ผลจริงกัน


อันตรายของแมลงสาบ

ก่อนจะเข้าสู่วิธีกำจัดแมลงสาบอย่างได้ผล ทุกคนต้องทราบเรื่องพื้นฐานของแมลงสาบเสียก่อน เพราะในโลกนี้
มีแมลงสาบอยู่กว่า 4,000 สายพันธุ์ แต่ที่จะพบเห็นตามบ้านในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่จะมีอยู่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่

  1. แมลงสาบเยอรมัน
  2. แมลงสาบลายน้ำตาล
  3. แมลงสาบอเมริกัน
  4. แมลงสาบออสเตรเลีย

แมลงสาบทั้ง 4 สายพันธุ์ต่างก็ชอบอยู่อาศัยในที่มืด อับชื้น และสกปรก โดยเฉพาะในท่อน้ำทิ้ง และมักจะหาเศษอาหาร
ตามกองขยะหรือมูลสัตว์ ด้วยความเป็นอยู่ในลักษณะนี้ พวกมันจึงเป็นพาหะนำโรคหลายชนิดเข้ามาในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น

  - โรคจากแบคทีเรีย เช่น กาฬโรค บิด ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค และไทฟอยด์
  - โรคจากเชื้อรา เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนัง
  - โรคจากพยาธิ เช่น พยาธิปากขอ พยาธิไส้เดือนกลม พยาธิตัวตืด และพยาธิใบไม้เลือด
  - โรคจากไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบ

เห็นรายชื่อโรคร้ายทั้งหมดนี้แล้ว ก็สมควรแก่เวลาของการกำจัดแมลงสาบทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ให้หมดไปจากบ้านโดยเร็วที่สุด
แต่เนื่องจากแมลงสาบเป็นสัตว์ที่ตายยาก แมลงสาบจึงถูกกำจัดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งไม่ค่อยได้ผล และไม่นานพวกมันก็จะกลับมาใหม่
จึงต้องผสานวิธีกำจัดแมลงสาบให้ตายยกรังแบบบูรณาการ ดังนี้




ใช้สารเคมีกำจัดแมลงสาบ

การใช้ยาฆ่าแมลงเป็นวิธีกำจัดแมลงสาบตัวเล็กที่ได้ผลดี แต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพกับแมลงสาบตัวใหญ่แล้ว
(สังเกตได้ว่าพ่นยาใส่แมลงสาบตัวใหญ่จะไม่ตายทันที แต่มันจะวิ่งพล่านไปอีกหลายนาที แล้วปล่อยมูลเรี่ยราดเป็นคำสั่งเสียก่อนตาย)
แต่ถึงอย่างไรก็ควรมียาฆ่าแมลงสาบติดบ้านไว้สักกระป๋อง เพราะสิ่งนี้คืออาวุธชิ้นสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี
เมื่อพบแมลงสาบในบ้าน และช่วยป้องกันไม่ให้แมลงสาบมารุกรานบริเวณที่พ่นยาได้ชั่วคราว


ใช้กาวดักแมลงสาบ

แมลงสาบมักจะออกหากินในเวลากลางคืน นี่จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการใช้วิธีกำจัดแมลงสาบด้วยการวางกาวดัก โดยใช้อาหารหอม ๆ
วางล่อบนกาวดัก แล้วนำไปวางใกล้กับถังขยะหรือในบริเวณที่คาดว่าแมลงสาบจะเดินผ่าน ซึ่งกาวดักจะมีความสามารถดักเก็บแมลงสาบ
หลายตัวในคราวเดียว และอาจรวมถึงแมลงหรือสัตว์ไม่พึงประสงค์ชนิดอื่นที่เดินมาติดกาวด้วย


ใช้เหยื่อล่อแมลงสาบ

การใช้เหยื่อล่อคือยุทธวิธีกำจัดแมลงสาบให้ตายยกรัง โดยการวางเหยื่อล่อให้แมลงสาบสักตัวหนึ่งเข้ามากินแล้วเดินกลับไปตายในรัง
จากนั้นแมลงสาบตัวอื่น ๆ ก็จะเข้ามากินแมลงสาบตัวที่ตาย พวกมันก็จะได้รับสารพิษจากเหยื่อล่อเป็นทอด ๆ แล้วพากันตายยกรัง
ภายในไม่กี่สัปดาห์ โดยเหยื่อล่อสำเร็จรูปก็มีวางจำหน่ายโดยทั่วไป หรือจะทำเองจากเบกกิ้งโซดาหรือกรดบอริกก็ได้


ใช้สมุนไพรกลิ่นฉุนเข้าช่วย

แม้จะทนทานมานานกว่า 250 ล้านปี แต่แมลงสาบก็ถูกกำจัดให้พ้นไปจากบ้านได้ด้วยสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุน ไม่ว่าจะเป็นตะไคร้หอม
ใบกระวาน สะระแหน่ และหัวหอมใหญ่ เจ้าของบ้านสามารถใช้น้ำมันสกัดหรือน้ำหมักฉีดพ่นรอบบ้าน หรือนำน้ำหมักราดลงท่อน้ำทิ้งก็ได้
สมุนไพรเหล่านี้จึงควรปลูกไว้ในรั้วบ้านเพื่อช่วยรบกับแมลงสาบเป็นอย่างมาก


ใช้ฝาท่อกันแมลงสาบ

ฝาท่อแบบป้องกันแมลงสาบถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้แมลงสาบเดินย้อนท่อเข้ามาในบ้าน แต่ฝาท่อประเภทนี้
ต้องไม่ใช่แค่ตะแกรงเหล็กปิดรูท่อเท่านั้น การใช้ฝาท่อป้องกันแมลงสาบให้ได้ผลจะต้องใช้ฝาท่อกันแมลงสาบแบบโลหะหรือซิลิโคน
ที่มีชิ้นส่วนยื่นเข้าไปในท่อ และมีกลไกที่ซับซ้อนพอเพื่อไม่ให้แมลงสาบเดินย้อนขึ้นมา


รักษาความสะอาดในบ้าน

การรักษาความสะอาดในบ้านให้ดี ถือเป็นหนึ่งในวิธีกำจัดแมลงสาบที่ได้ผลดีที่สุด โดยเฉพาะการกำจัดเศษอาหารไม่ให้เหลือตกค้าง
ตามพื้นหรือฝาท่ออ่างล้างจาน ปิดถังขยะให้มิดชิดและหมั่นทิ้งนอกบ้านเป็นประจำ เมื่อบ้านสะอาดจนปราศจากแหล่งอาหารของแมลงสาบ
พวกมันก็จะเข้ามารบกวนในบ้านน้อยลง


และนี่ก็คือวิธีกำจัดแมลงสาบที่สามารถช่วยให้บ้านทุกหลังรอดพ้นจากการเป็นศูนย์บัญชาการของกองทัพแมลงสาบ และขอเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
วิธีกำจัดแมลงสาบอย่างถาวรนั้นไม่ใช่แค่การฉีดยาฆ่าแมลงใส่แล้วจบกัน แต่ยังต้องทำอีกหลายวิธีตามที่อธิบายไว้ในข้างต้น
เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ที่เป็นพาหะนำสารพัดโรคนี้ แอบเข้ามาเดินสำรวจจาน ชาม และแปรงสีฟันในห้องน้ำในยามวิกาลได้อีกตลอดไป






ที่มา: Sanook.com

  อะไรบ้างที่ดึงดูด "แมลงสาบ" เข้าบ้าน

  


ไม่ว่าคุณจะมีแมลงสาบชนิดใดอยู่ในบ้าน สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือคุณไม่ต้องการให้มีแมลงสาบอยู่ เพราะแมลงสาบนั้นนำมาซึ่งทั้งอาการแพ้
แพร่กระจายโรค และทำให้สภาพแวดล้อมดูไม่สะอาดอีกด้วย โชคดีที่ขั้นตอนแรกในการกำจัดแมลงสาบคือการทำความเข้าใจ
ว่าอะไรดึงดูดพวกมันมายังบ้านของคุณตั้งแต่แรก และมาดูกันว่าอะไรบ้างที่ดึงดูดแมลงสาบเข้ามาในบ้าน
และแมลงสาบเข้ามาในบ้านเราได้อย่างไร

---

  


แหล่งอาหาร
แมลงสาบเป็นสัตว์กินพืชทุกชนิด หมายความว่าพวกมันจะกินอะไรก็กินได้พวกมันชอบแป้ง ขนมหวาน อาหารมันๆ และเนื้อสัตว์เป็นพิเศษ
แหล่งอาหารง่ายๆ เช่นจานสกปรกในอ่างล้างจาน อาหารสัตว์เลี้ยงบนพื้น หรือเศษอาหารบนเคาน์เตอร์จะดึงพวกมันเข้ามา
แมลงสาบยังชอบขยะอีกด้วย ดังนั้นควรทิ้งขยะอย่างสม่ำเสมอและปิดฝาถังขยะให้แน่น


ที่หลบภัย
แมลงสาบเข้าบ้านเพื่อหลบภัยขึ้นอยู่กับชนิดของแมลงสาบ พวกมันอาจอาศัยอยู่หลังกรอบรูป ในโพรงไม้ ในที่ชื้นๆ
เช่น ใต้อ้างล้างหน้า หรือหลังห้องน้ำ  หรือที่หลังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของแมลงสาบ
เมื่ออุณหภูมิภายนอกลดลงแมลงสาบจะเข้าไปในบ้าน พวกมันชอบพื้นที่ที่เงียบสงบและไม่เป็นที่สนใจ
และมันอาจอาศัยอยู่่ใต้เครื่องใช้ขนาดใหญ่ในมุมของห้องใต้ดินและห้องใต้หลังคา


ที่ตั้ง
หากคุณสงสัยว่า "ทำไมบ้านสะอาดของฉันถึงมีแมลงสาบ" การแก้ปัญหาแมลงสาบอาจทำให้คุณหงุดหงิด
โดยเฉพาะหากไม่ได้ระวังถึงสิ่งที่ดึงดูดมันเข้าไป น่าเสียดายที่สถานที่บางแห่งดึงดูดแมลงสาบได้มากกว่าสถานที่อื่นๆ
อย่างแมลงสาบสายพันธุ์อเมริกันไม่ต้องการสภาพที่ไม่ถูกสุขอนามัยเพื่อเจริญเติบโต พวกมันต้องการแค่เข้าไปในช่องว่าง
ของซีลหน้าต่างหรือประตูที่เปิดทิ้งไว้และเริ่มสร้างตัวเองในบ้านของคุณ


น้ำ
เช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆ แมลงสาบต้องการน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด และพวกมันจะเข้าไปในบ้านที่มีสุขอนามัยมากที่สุดเพื่อตามหาน้ำ
ท่อและก๊อกน้ำที่รั่วเป็นสิ่งดึงดูดทั่วไป เช่นเดียวกับสิ่งที่อาบน้ำแบบเปิดโล่ง และอ่างน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง


แลนด์สเคป
ในขณะที่แมลงสาบชอบอาศัยอยู่ในบ้าน พวกมันเข้ามาในบ้านของคุณเพื่อค้นหาอาหารที่พักพัก และน้ำ น้ำนิ่งในอ่างน้ำ รางน้ำ
และกระถางดอกไม้จะดีงดูดแมลงสาบ

แปลกแต่จริง “ฝนปลา” ปรากฏการณ์ธรรมชาติน่าทึ่ง เหตุเกิดในอินเดีย

   


สภาพอากาศที่สุดแปลกประหลาด เมื่อปลากลายเป็นส่วนหนึ่งของ 'สายฝน' จากฟากฟ้าตกลงมา
ฝนปลา (ปลาตกมาจากท้องฟ้า ) เกิดขึ้นในเมือง Jagtial รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย เมื่อ 11 กค. 2565
ชาวเมือง Jagtial หลายคนออกมาจับปลาหลายตัวบนถนน

ตามรายงานของ ABP News ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง Jagtial เพิ่งตื่นขึ้นเพราะ 'ฝนปลา' ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ฝนสัตว์หายากชนิดหนึ่ง
“ฝนปลา” เกิดจาก มรสุมลมหมุนพัดพาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก อาทิ ปลา กบ ปู จากแหล่งน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมา

เมื่อไม่กี่วันก่อน ปรากฏการณ์เดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นในเขต Bhupalpally ของรัฐเตลังคานา ในสถานที่ที่เรียกว่า Kaleswaram
เมื่อเดือนที่แล้ว มีรายงานเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ป่าทึบของมหาเทพปูร์ด้วย ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีรายงานเหตุการณ์ที่คล้ายกัน
เมื่อผู้อยู่อาศัยในเขต Bhadohi ในรัฐอุตตรประเทศได้เห็นปรากฏการณ์เดียวกันกับที่ปลาเริ่มตกลงมาจากฟากฟ้า
สัตว์ทะเลเหล่านี้มาพร้อมกับลมแรงและฝนตกหนักที่พัดบริเวณพื้นที่ในวันนั้น เห็นปลาตัวเล็ก ๆ กำลังตก
ใกล้บริเวณประตู Kandhiya ของ Chauri ซึ่งทำให้ผู้ชมแปลกใจ ตื่นเต้น

ปรากฎการณ์นี้เคยเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เช่นที่ประเทศฮอนดูรัสในอเมริกากลางได้เห็น 'ฝนปลา' มากเสียจนเหตุการณ์นี้มีชื่อเป็นของตัวเอง
Lluvia de Peces ซึ่งแปลว่า 'Rain of Fish' 

หรือที่สหรัฐอเมริกา ปี 2021 เกิดขึ้นที่รัฐเท็กซัส ส่วนจำนวนปลาที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ปริมาณมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับช่วงลม
ที่หอบเอาฝูงปลาขึ้นไป

'ฝนของสัตว์' เป็นปรากฏการณ์อุตุนิยมวิทยาที่หาได้ยากซึ่งสัตว์ที่บินไม่ได้ตกลงมาจากฟากฟ้า ฝนสัตว์ที่พบบ่อยที่สุด
ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับปลาและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีการรายงานถึงเหตุการณ์ดังกล่าวจากส่วนต่างๆ ของโลก

“ไม่มีอะไรเหนือธรรมชาติในเรื่องนี้ สมมติฐานหนึ่งก็คือว่าบางครั้งพวยน้ำแบบทอร์นาโดจะจับสิ่งมีชีวิต เช่น ปลาหรือกบ
และอุ้มพวกมันไปได้ไกลหลายไมล์ เมื่อความเร็วลมค่อยๆ ลดลง ทุกสิ่งก็ตื่นตระหนก สิ่งมีชีวิตจึงตกลงมากับน้ำฝน”
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศกล่าว









ที่มา: เว็บไซท์ผู้จัดการ
อ้างอิง: oneindia.com/india/telangana-jagtial-town-witnesses-a-rare-weather-phenomenon-as-fish-rain-from-the-sky-3432294.html

ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับท้าวเวสสุวรรณ

คนไทยโบราณนิยมนำผ้ายันต์รูปยักษ์ผูกไว้ที่หัวเตียงเด็กเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายไม่ให้มารังควานแก่เด็ก
ท้าวกุเวรองค์นี้มีกล่าวถึงในอาฏานาฏิยปริตรว่านำเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
และได้ถวายสัตย์ที่จะดูแลพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวกไม่ให้ยักษ์หรือบริวารอื่น ๆ ของท้าวจตุโลกบาลไปรังควาน

ท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณนั้น ส่วนมากเราจะพบเห็นในรูปลักษณ์ของยักษ์ยืนถือกระบองยาวหรือคทา
(ไม้เท้าเป็นรูปกระบอง) กันซะส่วนใหญ่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังมีรูปเคารพของท่านในรูปของชายนั่งในท่ามหาราชลีลา
มีลักษณะอันโดดเด่นคือ พระอุระพลุ้ยอีกด้วย กล่าวกันว่าผู้มีอาชีพสัปเหร่อ หรือมีอาชีพประหารชีวิตนักโทษ
มักพกพารูปท้าวท้าวเวสวัณ สำหรับคล้องคอเพื่อเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภัยจากวิญญาณร้ายที่จะเข้ามาเบียดเบียน

ในภายหลังภาพลักษณ์ของท้าวกุเวรที่ปรากฏในรูปของชายพุงพลุ้ยเป็นที่เคารพนับถือในความเชื่อว่าเป็นเทพแห่งความร่ำรวย
แต่ท้าวกุเวรในรูปของท้าวเวสวัณซึ่งมาในรูปของยักษ์เป็นที่เคารพนับถือว่า เป็นเครื่องรางของขลังป้องกันภูติผีปีศาจ
นอกจากนี้ยังมีกล่าวว่า ท้าวเวสวัณยังมีกายสีเขียว สัณฐานสูง 2 คาวุต (ประมาณ 200 เส้น) มีอาวุธเป็นกระบอง
มีพาหนะ ช้าง ม้า รถ บางทีปราสาท อาภรณ์มงกุฎประดับรูปนาค ดำรงอิสริยศเป็นเจ้าแห่งยักษ์ มีบริวารแสนโกฏิ
ถือโล่แก้วประพาฬ หอกทอง

ในประเทศไทยมีคติการบูชาท้าวเวสวัณอีกรูปแบบหนึ่ง โดยเรียกเทพเจ้าองค์นี้ว่า พระไพศรพณ์ ตามนามในภาษาสันสกฤต
ไวศฺรวณ มือขวาถือตะบอง มือซ้ายยกเสมอหน้าอกแสดงการห้ามปรามมิให้ (เทวดา) ทำผิด
เนื่องจากมีหน้าที่รักษาความเรียบร้อยยุติธรรมในสวรรค์ ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของอัยการมานาน
คาดว่าตั้งแต่แรกตั้งกรมอัยการเมื่อกว่า 100 ปีมาแล้วเนื่องจากยกกระบัตร (ชื่อเรียกอัยการในสมัยโบราณ)
หรืออัยการในปัจจุบันก็มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมและกฎหมายเช่นเดียวกับหน้าที่ของพระไพศรพณ์ในสวรรค์
แต่ยังตรวจไม่พบหลักฐานว่าได้มีประกาศเป็นทางการให้ใช้รูปพระไพศรพณ์เป็นเครื่องหมายราชการของอัยการตั้งแต่เมื่อใด

มีความเชื่อกันว่า ผู้ใดห้อยบูชาท้าวเวสสุวรรณ จะบังเกิดโชคลาภมากมาย ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ไม่ขาดแก้ปีชง เสริมปีชง
เทพแห่งปีชง ป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ป้องกันภูติ ผีวิญญาณต่างๆไม่กล้ามาทำอันตรายใดๆให้กับคนในครอบครัว
ในร้านนั้นๆ เพราะภูติผีปีศาจ ยักษ์ เป็นบริวารท้าวเวสสุวรรณ คนมีลูกเพิ่งคลอด หรือมีเด็กเล็ก
มักนิยมบูชาท้าวเวสสุวรรณ ตั้งไว้ตรงที่เด็กนอนหลับ เพราะมีความเชื่อว่าภูติผีปีศาจจะไม่กล้ามารบกวนเด็ก
เพราะท้าวเวสสุวรรณเป็นผู้ปกครองแห่งภูติผีปีศาจนั่นเอง จึงแนะนำคนที่มีลูกอ่อน ลูกเล็ก หากชอบร้องไห้ตอนกลางคืน
ไม่หลับไม่นอนเหมือนมีอะไรมารบกวนเด็ก และยังสามารถกันภูติผีปีศาจคุณไสย์มนต์ดำได้หมด

ในตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดต้องการ ความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา สูงสุดทางมหาเศรษฐีมีทรัพย์
ลาภยศ สรรเสริญสุข ไหลมาไม่ขาดสาย และขจัด ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลไม่กล้าเข้ามารบกวน
และช่วยบันดาลโชคลาภโภคทรัพย์ให้แก่ผู้บูชา





.
ภาพประกอบจากเว็บไซท์เฮงกิจไพศาล
ข้อมูลจากเว็บไซท์สนุกดอทคอม

"ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา"


" .. มีศรัทธาอย่างเดียวก็ไม่สำเร็จ "จะต้องมีศรัทธาและก็ต้องมีปัญญา"
เช่นว่า คนให้ทานนี่ก็นึกว่าจะให้ทานเอาบุญ ๆ ถามว่าบุญนั้นคืออะไร
ก็นึกว่าเราให้ทานมาก ๆ แล้วว่าเราได้บุญ "ความเป็นจริงทานนี้
ก็เพื่อจะสำรอกความมืด ให้เกิดปัญญา" ให้เป็นความสงบ

"บุญที่แท้จริงก็คือการปล่อยวาง คือความสงบระงับ ทำจิตไม่ให้มีโทษนั่นเอง"
ในที่สุดก็เป็นยอดของบุญ เป็นความสงบแล้ว ถ้าหากว่าเป็นบุญธรรมดา
ที่เราทำด้วยความโง่ ทำบุญเพื่อจะเอาบุญ เมื่อเหตุเกิดขึ้นมา ก็ระงับไม่ได้
มีศรัทธาอยู่ก็จริงแต่ปัญญาไม่มี "การทำบุญก็เพื่อถอนสิ่งเหล่านี้ออกไป
คือถอนความโลภ ความหลง" ออกไปจากตัวเองต่างหาก .. "


"สุภัททานุสรณ์"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

ศึกษาให้รอบ




มีดเล่มนี้วางอยู่นี่
มันมีทั้งคมมัน มันมีทั้งสันมัน นั่นนะ
มันมีทั้งด้ามมันทุกอย่าง

เราจึงยกมีดมันขึ้นมา
จะเอาแต่คมมันขึ้นมาได้ไหม
จะจับมีดเล่มมนี้ขึ้นมาแต่สันได้ไหม
เอาแต่ด้ามมันได้ไหม

ด้ามมันก็ด้ามมีด สันก็สันมีด คมก็คมของมีด
เมื่อเราจับมีดเล่มนี้ขึ้นมา
มันก็เอาด้ามขึ้นมาด้วย
เอาสันขึ้นมาด้วย เอาคมมันขึ้นมาด้วย
มันจะแบ่งแต่คมมันได้ไหม

อย่างนี้ เป็นตัวอย่างอย่างนี้

เราจะไปยกแต่สิ่งที่มันดี ชั่วมันก็ติดขึ้นไปด้วย
เพราะเราหาสิ่งที่ในดี สิ่งที่มันชั่วเราจะทิ้งมัน
เราไม่ได้ศึกษาว่ามีสิ่งที่ไม่ดีๆ ไม่ชั่ว
ไม่ศึกษา มันอยู่ตรงนั้น

อย่างนั้นมันก็ไม่จบ เอาดีไป ชั่วก็ตาม
มันก็ตามอยู่อย่างนี้
ถ้าเราเอาสุข ทุกข์ก็ตาม มันติดต่อกันอยู่




ที่มา : จากเทปพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา ม้วนที่ ๖
ใน “ความผิด ในความถูก” โดย พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท),
พิมพ์ครั้งที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง), หน้า ๙

โพสท์ที่เว็บไซท์ ธรรมจักร โดยคุณกุหลาบสีชา

   รายการล่าข้ามเวลา

   

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=zX10K2oIvLE" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=zX10K2oIvLE</a>

คดีฉาว ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท เรื่องราวทุจริตสุดโด่งดังสมัย ร.6




ตามติดคดีฉาวลอตเตอรี่ในสมัยรัชกาลที่ 6

หากพูดถึง “ลอตเตอรี่” หรือ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” ผู้คนก็จะเห็นเป็นช่องทางรวยอีกช่อง เพราะว่ารางวัลที่ได้รับนั้นมีมูลค่าสูง
และด้วยรางวัลเหล่านี้ ทำให้ผู้คนเกิดการขวนขวายหาเลขเด็ดต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางโลกก็ดี ทางไสยศาสตร์ก็ดี
เพื่อให้พวกเขาได้รางวัลอันมากค่านั้น และด้วยรางวัลเหล่านั้น ทำให้เกิดคดีฉาวที่เกี่ยวข้องกับลอตเตอรี่ในหน้าประวัติศาสตร์
ช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งคดีที่จะกล่าวถึงนี้มีความน่าสนใจ
เพราะเป็นคดีที่เกิดจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง ของเหล่าข้าราชการที่ดูแลการออกสลากและรางวัลโดยตรง

ลอตเตอรี่หรือสลากกินแบ่งในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่มีประเด็น คือ “ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท” ที่ถูกพิมพ์ขึ้นมา 1 ล้านฉบับ
ฉบับละ 1 บาท เพื่อใช้ในการระดมทุนจัดหาอาวุธให้กองเสือป่า อย่างไรก็ตาม เรื่องราวถูกผู้คนและหนังสือพิมพ์จับจ้อง
ถึงความไม่น่าเชื่อถือในการจ่ายเงินรางวัล มีการตั้งข้อสงสัยว่าผู้ซื้อสลากและถูกรางวัล 3 รางวัลแรก
คือ นายชื่น, นายเส็งและอีกคนหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อแน่ชัด ตามลำดับ ที่มีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้ว ว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?
โดยลอตเตอรี่ระดมทุนนี้มีต้นคิดและอำนวยการโดย “มหาเสวกตรี” และ “นายพลเสือป่า พระยานนทิเสนสุเรนทรภักดี”

คดีนี้ถูกตีแผ่เป็นเรื่องใหญ่โตเมื่อหนังสือพิมพ์ “เกราะเหล็ก” เกิดประหลาดใจในเลขรางวัลทั้งสาม ขึ้นต้นด้วย 183 ทั้งสิ้น
และ “คณะแก่นเพชร” ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์พระยานนทิเสนสุเรนทรภักดีผ่านการแสดงลำตัดและร้อยแก้ว ก่อนที่จะแพร่หลาย
ไปยังหนังสือพิมพ์อื่นๆ ที่พูดถึงเรื่องดังกล่าวอย่างมากหลาย ถึงขั้นที่ว่าจั่วหัวในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ว่า
“ลากไส้พระยานนทิเสน” จนเรื่องไปถึงพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น
จึงมีบัญชาการให้สืบสวนเจ้าหน้าที่และกรรมการที่ออกลอตเตอรี่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกฝรั่ง

ผลการสืบสวนพบว่า ผู้ได้รับรางวัลทั้งสามนั้น “ไม่มีตัวตนอยู่จริง” ซึ่งเป็นความจริงตามที่หนังสือพิมพ์สงสัย

ตำรวจกองพิเศษ (ซึ่งเปลี่ยนชื่อในภายหลังว่า “สันติบาล”) ที่ได้สืบสาวเรื่องราวจนได้ข้อเท็จจริง จึงออกหมายจับ
พระยานนทิเสนสุเรนทรภักดี, พระยาสิทธิศรสงคราม, หลวงอนุสรณ์นนทิกิจ และขุนสิทธิ์
เพื่อส่งให้ศาลโปริสภา (ศาลแขวงในปัจจุบัน) สอบสวนว่าคดีมีมูลจริง และส่งเรื่องให้กรมอัยการฟ้องต่อศาลอาญา
และคดีก็สิ้นสุดที่ศาลฎีกา โดยตัดสินโทษจำคุกให้พระยานนทิเสนสุเรนทรภักดีจำเลยที่ 1 จำคุก 15 ปี
พระยาสิทธิศรสงคราม จำเลยที่ 2 จำคุก 5 ปี หลวงอนุสรณ์นนทิกิจ จำเลยที่ 3 ศาลตัดสินปล่อยตัวทันที
และจำเลยที่ 4 คือขุนสิทธิ์ ก็ได้ปล่อยตัวในชั้นศาลฎีกา

คดีลอตเตอรี่เสือป่าที่เป็นข่าวใหญ่ในช่วงเวลานั้นกล่าวได้ว่าเป็นผลของสื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นตัวช่วยเผยแพร่ข้อมูลและข้อสงสัย
อันนำไปสู่การเสาะหาความจริงของคดีครั้งนี้ เรียกได้ว่า เป็นกระจกสะท้อนอิทธิพลของสื่อมวลชนต่อสังคม
ในการผลักดันการทำคดีของคณะตำรวจให้เปิดโปงความฉ้อฉลของคดีดังกล่าวได้สำเร็จ



ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซท์ศิลปวัฒนธรรม > silpa-mag.com/history/article_33731
อ้างอิง : สถิตย์ เสมานิล. (2514). วิสาสะ (ว่าด้วยการหนังสือพิมพ์ไทยยุครัชกาลที่ 5, 6 และ 7).
จัดพิมพ์โดย สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย

เนื้อเพลง (เป็นภาษาฮินดีนะครับ คำแปลหาไม่เจอ)

Tujhe tak tak tak takte rehna

Teri bak bak bak sunte rehna

Kaam-kaaj sab bhool bhula ke

tere piche piche chalte rehna

ee to hai waste of time

Love is a waste of time

Pyaar vyaar waste of time

Ee love is waste of time



Aa aa aa...


Phir bhi soch liya hun man maa

Ek baar toh iss jeevan maa

Kar le waste of time

Karna hai waste of time

I want to waste my time

I Love this bhaste of time..


Aa aa aa...


Poore 75 baar mirror'wa dekhe

32 baar hum apna baal banaaye

8 martaba kapda change kiye hum

Bhar bhar botal badhiya scent lagaaye

Sajte rahe, sanwarte rahe

Kiya na koi bhi kaam

Aaj samajh mein aa gaya bhaiya

Love is waste of time


Phir bhi soch liya hun man maa

Ek baar toh iss jeevan maa

Kar le waste of time

Karna hai waste of time

I want to waste my time

I Love this bhaste of time..


Aa aa-aa...


Ajab ghajab si uthal hai man maa

Kaisi hai ye feeling kaise batayein

Baithe baithe bina baat muskaayein

Kya hai maajra kuch bhi samajh na aaye

Udne ka mann kare mann ki jor jor chillaye

Aaj samajh mein aa gaya bhaiya

Love is bhaste of time


Phir bhi soch liya hoon man maa

Ek baar toh iss jeevan maa

Kar le waste of time..

Karna hai bhaste of time..

I want to bhaste my time..

I Love this bhaste of time..

Aa aa-aa...