[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 21:33:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  [1] 2 3 ... 59
1  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / ทำไมฉี่ต้องสีเหลือง ทำไมถึงไม่เป็นสีอื่น ๆ ? เมื่อ: 09 มกราคม 2567 15:35:10
ทำไมฉี่ต้องสีเหลือง กับคำตอบที่นักวิทยาศาสตร์ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน




ฉี่หรือปัสสาวะเป็นของเสียจากร่างกายที่มีสีเหลือง เหลืองอ่อน เหลืองเข้ม หรือบางทีก็ใส แม้จะเป็นของเสียพื้นฐานที่นักวิทยาศาสตร์ และแพทย์รู้ว่ามันมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง แล้วถ้าฉี่มีสีที่เปลี่ยนไปสามารถบอกได้ถึงโรคอะไรบ้าง แต่คำตอบที่แท้จริงว่าทำไมฉี่ถึงเป็นสีเหลืองยังคงปริศนาค้างคาใจบรรดานักวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนาน ทั้งที่เป็นเรื่องพื้นฐานที่องค์ความรู้วิทยาศาสตร์น่าจะไปถึงนานแล้ว จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2024

นักวิทยาศาสตร์ได้พบคำตอบที่แท้จริงว่าทำไมฉี่ถึงสีเหลือง โดยเขาพบว่าเป็นผลมาจากเอนไซม์ที่ชื่อบิลิรูบินรีดักเตส (Bilirubin Reductase) ที่ถูกผลิตจากแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจเพียงว่าสีเหลืองจากฉี่เป็นผลมาจากการกำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงเมื่อเซลล์หมดอายุขัย และนำไปกำจัดผ่านไต และทำให้เกิดสารบิลิรูบิน (Bilirubin) ที่มีส้มเหลืองขึ้น และส่งไปยังลำไส้ที่มีแบคทีเรียอยู่ หลังจากนั้นแบคทีเรียในลำไส้จะย่อยสลายสารนี้จนกลายเป็นสารสีเหลืองที่ทำให้ฉี่ของเรากลายเป็นสีเหลือง ชื่อว่า ยูโรบิลิน (Urobilin)
ถึงอย่างนั้น ชนิดของแบคทีเรียในลำไส้ที่ทำหน้าที่แยกสารสีเหลืองนี้ออกมาก็ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การค้นพบเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งประตูสำคัญที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจกลไกการทำงานของร่างกายมากขึ้น และช่วยสร้างองค์ความรู้สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบขับถ่าย อย่างความสัมพันธ์ของฉี่ ไต ลำไส้ แบคทีเรียในลำไส้ที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ อย่างโรคดีซ่านที่ทำให้เกิดผู้ป่วยตัวเหลือง ตาเหลือง รวมถึงโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง และโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

ทีมนักวิจัยได้ตรวจสอบแบคทีเรียในลำไส้ของผู้ใหญ่สุขภาพดีจำนวน 1,801 คน เพื่อหายีนแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสีในฉี่ และพบว่า 99.9 เปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้าร่วมการศึกษานี้มีแบคทีเรียในลำไส้ที่ทำให้เกิดสีเหลืองในฉี่ เลยยืนยันได้ว่าที่ฉี่ของเราเป็นสีเหลือง ส่วนหนึ่งนั้นมีกลไกมาจากการทำงานของแบคทีเรียในลำไส้

ส่วนคนที่เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง และเด็กทารกที่มีอาการดีซ่านจำนวนหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์พบว่าร่างกายขาดยีนของแบคทีเรียที่จะช่วยเปลี่ยนสารบิลิรูบินให้กลายเป็นสารสีเหลือง และขับออกมากับฉี่ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเหล่านั้นขึ้น

กล่าวโดยสรุปคือนักวิทยาศาสตร์พบอีกหนึ่งกลไกที่ทำให้ฉี่กลายเป็นสีเหลือง คือ เอนไซม์ที่เกิดจากแบคทีเรียภายในลำไส้ในกลุ่ม Firmicutes แต่ยังไม่รู้สายพันธุ์เฉพาะที่มีส่วนในการแยกสารสีเหลืองออกจากสารบิลิรูบิน ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ช่วยให้พบปัจจัยของอาการป่วยของโรคที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ และระบบขับถ่าย




ที่มา: Livescience
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
2  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / Re: คนไททิ้งแผ่นดิน(รางวัลวรรณกรรมจากมูลนิธิจอห์น เอฟ เคนเนดี้ปี 2516) เมื่อ: 29 ธันวาคม 2566 10:13:21
 รัก
3  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: อาหารทำท้องผูก 7 อย่างมีอะไรควรเลี่ยงบ้าง ? เมื่อ: 09 ธันวาคม 2566 14:50:30

5.นมและผลิตภัณฑ์จากนม

นมวัวดูเหมือนจะเป็นสาเหตุทั่วไปของอาการท้องผูก อย่างน้อยก็สำหรับบางคน ทารก เด็กวัยหัดเดิน และเด็กเล็กดูเหมือนมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ
อาจเป็นไปได้เนื่องจากความไวต่อโปรตีนที่พบในนมวัว การทบทวนการศึกษาที่ดำเนินการในช่วง 26 ปีพบว่าเด็กบางคนที่ท้องผูกเรื้อรังพบอาการดีขึ้น
เมื่อหยุดดื่มนมวัว

ในงานวิจัยล่าสุด เด็กอายุ 1-12 ปีที่ท้องผูกเรื้อรังดื่มนมวัวเป็นระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นนมวัวจะถูกแทนที่ด้วยนมถั่วเหลืองในช่วงเวลาต่อมา เด็ก 9 ใน 13 คน
ในกลุ่มศึกษาพบว่าอาการท้องผูกบรรเทาลงเมื่อเปลี่ยนจากนมวัวเป็นนมถั่วเหลือง


6.เนื้อแดง

เนื้อแดงอาจทำให้อาการท้องผูกแย่ลงด้วยเหตุผล 3 ประการคือ มีเส้นใยอาหารน้อยซึ่งโดยปกติเส้นใยจะช่วยเพิ่มปริมาณให้กับอุจจาระ
และช่วยให้เคลื่อนไหวได้ นอกจากนั้นเนื้อแดงอาจลดปริมาณเส้นใยอาหารประจำวันโดยรวมโดยตรง เพราะแทนที่จะเลือกอาหารที่มีเส้นใยสูงกว่า
และเหตุผลสุดท้ายคือ เนื้อแดงไม่เหมือนกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ เช่น สัตว์ปีกและปลา โดยทั่วไปเนื้อแดงมีไขมันสูงกว่า และอาหารที่มีไขมันสูง
ใช้เวลานานกว่าที่ร่างกายจะย่อยได้ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสการเกิดอาการท้องผูกมากขึ้นไปอีก


7.อาหารทอด หรืออาหารจานด่วน

การทานอาหารทอดหรืออาหารจานด่วนในปริมาณมากหรือบ่อยครั้งอาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการท้องผูกได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะอาหารเหล่านี้
มักมีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ ซึ่งชะลอการย่อยอาหารได้เช่นเดียวกับเนื้อแดง นอกจากนี้อาหารทอดและอาหารจานด่วนมักจะมีโซเดียมจำนวนมาก
ซึ่งสามารถลดปริมาณน้ำในอุจจาระ ทำให้แห้งและทำให้ขับถ่ายออกได้ยากขึ้น

สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณกินเกลือมากเกินไป ร่างกายของคุณจะดูดซับน้ำจากลำไส้ของคุณเพื่อช่วยชดเชยเกลือส่วนเกินในกระแสเลือดของคุณ
นี่เป็นวิธีหนึ่งที่ร่างกายของคุณทำงานเพื่อนำความเข้มข้นของโซเดียมกลับสู่สภาวะปกติและมันสามารถนำไปสู่อาการท้องผูกได้

 

 

 






Cr: Sanook.com


4  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: อาหารทำท้องผูก 7 อย่างมีอะไรควรเลี่ยงบ้าง ? เมื่อ: 09 ธันวาคม 2566 14:48:52

3.โรคแพ้กลูเตนที่ไม่เป็นโรคเซลิแอค (non-celiac gluten sensitivity) และ กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (irritable bowel syndrome)

เป็นภาวะอีกสองภาวะที่ลำไส้ของบุคคลอาจตอบสนองต่อข้าวสาลี ผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้ไม่แพ้กลูเตน แต่ดูเหมือนจะไวต่อข้าวสาลีและธัญพืชอื่นๆ

หากสงสัยว่ากลูเตนเป็นสาเหตุของอาการท้องผูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาโรคเซลิแอคก่อนตัดกลูเตนออกจากอาหารvนี่เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากกลูเตน
จำเป็นต้องอยู่ในอาหารเพื่อให้การทดสอบโรคเซลิแอคทำงานได้อย่างถูกต้อง หากตรวจพบโรคเซลิแอคแล้ว อาจต้องทดลองรับประทานกลูเตนในปริมาณ
ที่แตกต่างกันเพื่อประเมินผลกระทบต่อตนเอง


4.ธัญพืชแปรรูปและผลิตภัณฑ์ของธัญพืชแปรรูป


ขนมปังขาว ข้าวขาว และพาสต้าขาว มีปริมาณไฟเบอร์ต่ำกว่าและอาจทำให้ท้องผูกได้มากกว่าธัญพืชไม่ขัดสี เหตุผลมาจากส่วนรำและจมูกของเมล็ดพืช
ถูกเอาออกระหว่างการแปรรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งรำนั้นมีไฟเบอร์ซึ่งเป็นสารอาหารที่เพิ่มปริมาณให้กับอุจจาระและช่วยให้เคลื่อนไหวได้

การศึกษาหลายชิ้นได้เชื่อมโยงการบริโภคไฟเบอร์ที่สูงขึ้นกับความเสี่ยงของอาการท้องผูกที่ลดลง ในความเป็นจริง การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้รายงานว่าโอกาสการเกิด
อาการท้องผูกจะลดลง 1.8% สำหรับทุกๆ ไฟเบอร์หนึ่งกรัมที่บริโภคต่อวัน
ดังนั้น ผู้ที่ประสบปัญหาอาการท้องผูกอาจได้รับประโยชน์จากการลดปริมาณธัญพืชแปรรูปลงทีละน้อยและแทนที่ด้วยธัญพืชไม่ขัดสี
แม้ว่าไฟเบอร์เสริมจะมีประโยชน์สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็พบผลตรงกันข้าม สำหรับพวกเขาไฟเบอร์เสริมอาจทำให้อาการท้องผูกแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น
หากคุณท้องผูกและบริโภคธัญพืชไม่ขัดสีที่อุดมด้วยไฟเบอร์อยู่แล้ว การเพิ่มไฟเบอร์มากขึ้นในอาหารของคุณก็ไม่น่าจะช่วยได้
ในบางกรณีอาจทำให้ปัญหาเลวร้ายลงได้ หากเป็นเช่นนี้สำหรับคุณลองลดปริมาณไฟเบอร์รายวันของคุณทีละน้อยเพื่อดูว่าจะช่วยบรรเทาอาการได้หรือไม่


5  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / อาหารทำท้องผูก 7 อย่างมีอะไรควรเลี่ยงบ้าง ? เมื่อ: 09 ธันวาคม 2566 14:36:12
7 อาหารต้นเหตุอาการท้องผูก ไม่อยากเหนื่อยตอนถ่ายให้เลี่ยง




อาหารบางชนิดสามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือทำให้รุนแรงขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารและการลดการบริโภคอาหารเหล่านี้
สามารถช่วยส่งเสริมการขับถ่ายได้ปกติ อาการท้องผูกเป็นปัญหาทั่วไปโดยทั่วไปหมายถึงการถ่ายอุจจาระน้อยกว่าสามครั้งต่อสัปดาห์
ในความเป็นจริงมากถึง 27% ของผู้ใหญ่ประสบกับอาการท้องผูก และอาการที่เกี่ยวข้องเช่นท้องอืดและแก๊ส ยิ่งคุณอายุมาก
หรือขาดการออกกำลังกายมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสประสบปัญหานี้มากขึ้นเท่านั้น อาหารบางชนิดสามารถช่วยบรรเทาหรือลดความเสี่ยง
ของอาการท้องผูกได้ ในขณะที่อาหารอื่นๆ อาจทำให้แย่ลงได้ และต่อไปนี้คืออาหาร 7 ชนิดที่สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกได้

1.แอลกอฮอล์

เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ท้องผูกได้ เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอาจเพิ่มปริมาณของเหลวที่สูญเสียผ่านปัสสาวะ
ทำให้ร่างกายขาดน้ำ การขาดน้ำไม่ว่าจะเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือสูญเสียของเหลวมากเกินไปผ่านปัสสาวะมักเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
ในการเกิดอาการท้องผูกที่เพิ่มขึ้น น่าเสียดายที่ไม่พบการศึกษาใดๆ เกี่ยวกับความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างการบริโภคแอลกอฮอล์และอาการท้องผูก
นอกจากนี้บางคนรายงานว่าประสบปัญหาท้องเสียแทนที่จะท้องผูกหลังจากดื่มเหล้าทั้งคืน เป็นไปได้ว่าผลกระทบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
หากต้องการลดผลกระทบที่อาจทำให้เกิดจากการขาดน้ำ และท้องผูกของแอลกอฮอล์ควรพยายามชดเชยแด้วยน้ำหนึ่งแก้วหรือเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อื่นๆ แทน

2.อาหารที่มีกลูเตน

กลูเตนเป็นโปรตีนที่พบได้ในธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ ข้าวโพด บางคนอาจมีอาการท้องผูกเมื่อรับประทานอาหารที่มีกลูเตน
นอกจากนี้บางคนยังมีอาการแพ้กลูเตน ซึ่งเรียกว่า โรคเซลิแอค (celiac disease) เมื่อคนที่มีโรคเซลิแอครับประทานกลูเตน
ภูมิคุ้มกันจะโจมตีลำไส้อย่างรุนแรง ทำให้ลำไส้เสียหาย

ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 0.5-1% ของประชากรเป็นโรคเซลิแอค แต่หลายคนอาจไม่ทราบ อาการท้องผูกเรื้อรังเป็นอาการที่พบได้บ่อยในโรคเซลิแอค
การหลีกเลี่ยงกลูเตนสามารถช่วยบรรเทาและรักษาลำไส้ได้



6  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 17:55:48


ทีนี้พอมาปั๊บในใจก็นึกถึงแม่อ๋อยตลอดเวลา เพราะยี่สิบกว่าปีแล้วยังไม่ได้สร้างรูปหล่อพระปัจเจกให้ท่าน

พอมาถึงที่นี้ก็ลงมือบอกบุญ เรื่องทองคำสร้าง ก็รวบรวมสร้างได้ในหน้าตัก ๙ นิ้ว เป็นทองคำบริสุทธิ์

น่าจะ ๙๖.๕ ที่จะแข็งตัวเป็นพระได้ น้ำหนัก ๘ กิโลกรัม ทีนี้หลวงตาจะเอาไว้ในกุฏิก็ไม่ได้

หลวงตาก็เลยคิดว่าจะสร้างวิหารสักหลังหนึ่ง แล้วเนื่องจากจะต้องใช้เป็นคาถา หลวงตาเลยนึกถึงคำว่า

เงินบริสุทธิ์ขึ้นมา.. ก็เลยอธิษฐานขอสร้างเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าที่เป็นเงินบริสุทธิ์อีกองค์หนึ่งเท่าตัวคน

จะสร้างเป็นพระประธานในวิหารพระปัจเจกพุทธเจ้า และข้างบนก็จะเป็นมณฑปองค์พระทองคำ

ตรงหน้าจะมีบาตรเงิน มีคาถาตัวทองให้ทรงคุณค่าของพระคาถา ติดแอร์ให้สบายใจ มีระบบเสียงเปิดวน ๒๔ชม.

ใครเข้ามากราบจะนั่นฟังคาถาภาวนาไป นั่งดูพระให้เพลินก็ได้ หรือจะท่องไปด้วยตามใจ

ซึ่งลงมือสร้างแล้ว อยู่ท้ายโบสถ์เห็นพระครูวินัยธรนิพพานบอกว่า ในวันเกิดหลวงตาในเดือน ก.ค. นี้

จะให้เสร็จรับแขกได้ พอรับแขกได้แต่ยังไม่ 100% ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้าที่จะหล่อด้วยเงินบริสุทธิ์นี้

จะใช้เงินประมาณ 300 กิโลกรัม ตอนนี้ได้สักประมาณ 250 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นมาร่วมกันได้ ถ้าจะเอาเงินมาให้ทางวัด

ต้องเอาเงินเป็นเม็ดๆนะ ถ้าเป็นสร้อยจะไม่บริสุทธิ์พอ เราจะหล่อกันในวันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย. นี้

คนที่เลื่อมใสคาถาอยู่.. หรือว่ารู้จักหลวงตาเป็นส่วนตัว.. หรือเคารพหลวงปู่ปานกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

บูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็มาร่วมได้ทุกคน

จริงๆแล้วก็ถือเป็นงานประจำปี คือในปีนึงเนี่ย! หลวงตาขออนุญาตท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล

พระอาจารย์อนันต์ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ขอเอาวัดเขาวงเป็นจุดรวมท่านเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักในสายหลวงพ่อทุกองค์

มาเจอกันปีละครั้ง เอาวัตถุมงคลของตัวเองที่สร้างทั้งปีเอามารวมกันในถ้ำนารายณ์ มานั่งอธิษฐานจิตรวมกัน

ในตอนเช้าก็บำเพ็ญกุศลกัน ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ก็พุทธาภิเษกเสร็จแล้วก็พักกันหน่อย แล้วก็หล่อพระกัน

หลวงตาขอรับภาระ.. ถ้าใครสงสัยคำพูดหลวงตาในด้านความงมงาย สงสัยในคุณพระพุทธ

พระธรรม พระสงฆ์ หลวงตาขอรับผิดชอบ มาคุยกันมาพูดให้ฟังจะละเอียดกว่านี้ จะรับภาระตรงนี้

จะยืนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง แต่ไม่แน่ใจความสามารถของตัวจะพูดได้สมอย่างที่ใจอยากจะพูดใหม

ในบรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อ หลวงตาถือว่าเป็นท้ายแถว และเป็นคนสุดท้ายของท้ายแถวด้วย

เพราะว่าในบรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อทั้ฤาษีลิงดำ คุณหลวงปู่ปานมีจริง คุณของพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้ามีจริง

แต่สุดวิสัยจะให้คนไม่เชื่อ หรือคนมีทิฐิมานะสูงเชื่อได้ แต่ก็จะคุยเฉพาะคนที่คุยกันรู้เรื่อง มาคุยกันที่นี้ก็จะคุยกันได้ตลอดเวลา






7  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 17:55:11



ได้มีโอกาสพูดถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าและคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าให้ลูกหลานฟังแล้ว..

หลวงตาขอพูดถึงพระเทวทัต หลวงตาเรียกหลวงปู่เทวทัตเลยนะ เพราะท่านเป็นรุ่นพระพุทธเจ้าเรานะ

รุ่นสมเด็จพ่อสมณโคดมบำเพ็ญบารมีคู่กันมา บำเพ็ญมาไม่ใช่ว่าทำความเลวคู่กับท่านนะ

ดีก็ทำมา แต่ก็พลั้งเผลอไปทำร้ายกันสลับฉากไปด้วย ถ้าท่านเลวจริงๆ ตกนรกไปในชาติก่อนๆ

เกิดมาไม่ทันพระพุทธเจ้าหรอก ท่านก็เจอผูกพันกันมาตลอด แสดงว่าท่านก็มีบารมีที่เข้มแข็งกันอยู่พอสมควร

พอชาติสุดท้ายคู่กันนี่! เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่อของเราเนี้ยแล้วองค์นี้(พระเทวทัต)ก็ส่งเสริมกัน

เหมือนกับสีขาวกับสีดำ ชี้ให้เห็นความดีคืออะไร.. ความไม่ดีคืออะไร..

หลังจากท่านลงไปเสวยกรรมอยู่ในนรกแล้ว ถ้าขึ้นมาความดีของท่านจะไม่ให้ท่านใช้หรือ?

ท่านทำมาพอกับพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตามพระไตรปิฏกตามพระสูตร หรือตามพระเถระผู้ใหญ่

อย่างหลวงพ่อฤาษี หลวงปู่ปานท่านเล่าต่อักันมา ก็คือว่าหลังจากที่ท่านลงไปใช้กรรมในส่วนนี้แล้ว

ท่านจะเสด็จขึ้นมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ในยุคพุทธันดร

หลายคนจะว่าท่านตอนท่านเลวต่อพระพุทธเจ้าก็ว่าไปเถอะ! แต่ว่าในปัจจุบันท่านหยุดเลวของท่านแล้ว

ท่านรับกรรมของท่านแล้ว ต่อไปข้างหน้าท่านหมดกรรม แล้วได้รับผลดีนี่ จะไปด่าท่านยันพุทธันดรหน้าได้อย่างไร

หลวงพ่อฤาษีท่านสอนเสมอว่า มนุษย์ทุกคนที่เห็นหน้ากันอยู่ ทั้งไก่ทั้งหมู ทั้งหมา ทั้งงู

เขามีดวงจิตไปเสวยชาติเป็นเดรัจฉานอยู่ เสวยมนุษย์ที่เป็นมิจฉาทิฐิอยู่ เป็นสัมมาทิฐิอยู่

หลังจากที่ละความเลวตามสมควรแล้ว ทำความดีจนถึงพร้อมใจผ่องใสแล้ว ทุกดวงจิตต้องเป็นพระอรหันต์

อย่างใดอย่างหนึ่ง หนึ่งในสามนี้แน่นอนอนาคต แต่กาลเวลาของท่านยาวนานแค่ไหนอยู่ที่ท่านทำเอาเอง

แต่ผลสุดท้ายเมื่อท่านสิ้นกรรมเลวแล้ว ท่านต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ก็พระปัจเจกพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันตสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแน่นอน

ปี๓๕ หลังจากรับใช้พระศพท่านในศาลา ๑๒ไร่ จนเข้าวิหารแก้วแล้ว หลวงตาก็ออกมาอยู่สระบุรี

ในปี ๓๘ ไปอยู่ศูนย์พุทธศรัทธา ๘ - ๙ เดือน แล้วย้ายมาอยู่ตรงนี้โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์

วัดสระเกศราชวรมหาวิหารกับเจ้าคุณพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศองค์ปัจจุบัน

ท่านเป็นเณรวัดนี้แล้วไปอยู่วัดสระเกศ วัดนี้มีอยู่ก่อนหลวงตามาแล้ว ท่านพามาเป็นเจ้าอาวาสตรงนี้



8  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 17:54:42


หรือไปใส่ที่ไหนก็ได้ เพื่อตั้งอธิษฐานขอข้าวน้ำของเราจงเป็นชีวิตของพระสงฆ์สืบพระศาสนา

ตลอดห้าพันปีไปแบบนี้ วันไหนถ้าใส่บาตรไม่ได้ เพราะมีธุระอะไรก็ตามให้เอาเงินเท่าราคาที่เราจะใส่บาตร

แต่ละวันใส่ในขันหรือตรงไหนก็ได้ จำนวนหนึ่งท่องคาถาเงินล้านเหมือนท่องต่อหน้าพระปัจเจกพุทธเจ้า

เวลาจะใส่บาตร เขาก็เอาขันข้าวท่องคาถา ‘วิระทะโย วิระโคนายัง’ พอจบเสร็จพระมาพอดี..

เขาก็ตักของเชาอย่างนี้ เวลาเราจะจบคาถาหยอดในบาตร เราก็ท่องคาถา เหมือนประหนึ่งว่าพระสงฆ์

มายืนอยู่ตรงหน้า และก็ท่องคาถา ก็มี ๓จบ ๕จบ ๗จบ ๙จบ ในสมัยหลวงปู่ปานต้องการแค่๙จบสูงสุด

ท่องเสร็จก็เอาตังค์หยอดไว้ รุ่งขึ้นพระสงฆ์มาก็ใส่บาตรตามปกติ ส่วนเงินจำนวนนี้พอได้ตามสมควรแล้ว

เราก็เอาไปหาพระที่เราเคารพห่อไปเลยยังไงก็ได้

เอาไปแล้วไปบอกว่า พระคุณเจ้าเงินนี้เป็นเงินขอถวายค่าอาหารพระสงฆ์

ในการสืบอายุพระศาสนา ขอจงรับไว้เป็นบุญแก่ฉัน เป็นการแทนคุณเจ้าของพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยเถิด

เพราะฉะนั้นครูบาอาจารย์สมัยนี้จึงบอกเช้าตื่น่ขึ้นมาสวดมนต์แล้ว ก็สวดคาถาเงินล้านนี้

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ ถ้าต้องการให้ทรงตัวอยู่ได้แบบไม่อดอยาก ก็ท่อง๓จบ

ถ้าหากจะมีเหลือพอทำบุญด้วย ก็๕จบ มีเหลือเก็บก็ ๗จบ ๙จบ

แล้วแต่ความเพียรในการบูชาคาถาเป็นกรรมฐานอยู่แล้วเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว

ส่วนความสงสัยที่ว่าเราก็ยังมีพระสัมมาพระพุทธเจ้าองค์นี้เป็นที่พึ่งอยู่ ถ้าบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าจะขัดกันมั้ย

หลวงตาก็เคยคิด ตอนนั้นหลวงพ่อฤษีท่านเรียกหลวงตาเข้าไปก่อนจะบวช ท่านบอก

“วัชระชัย แกท่องคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นกรรมฐานเลย”

หลวงตาก็เถียง”แล้ว พุทโธ ละครับ “

ท่านดุเอา”ไอ้นี่ ของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน คิดว่าเป็นคาถา พระพุทธเจ้าได้ผลเหมือนกัน เป็นฌานสมาบัติเหมือนกัน”

เป็นกรรมฐานเหมือนกัน เป็นความดีเหมือนกัน พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ห้าม เป็นอารมณ์กรรมฐาน

พอหลวงพ่อฤาษีให้เปลี่ยนมาใช้คาถานี้ เราอยากจะกลับไปพุทโธ ยังไงก็ตามคาถานี้ก็จะตีขึ้นมาในใจเสมอ

ก็จะใช้อยู่เป็นประจำ

9  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 17:54:00
คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ





คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ

เป็นคาถากรรมฐานเหมือนพุทโธ.. เหมือนอิติปิโสภควา..

พอท่านทำกรรมฐานเป็นฌาน ๔ ท่านบอกอย่างนั้นนะ

เป็นประกายพรึกแบบนี้.. มีอยู่รายหนึ่ง เอาที่ไปจำนองธนาคารไว้ (นี้หลวงพ่อฤาษีฯ เล่าให้ฟัง)

มันจะขาดอีกอาทิตย์หนึ่งเนี่ย เพิ่งรู้ตัวหาเงินให้เค้าไม่ได้ ก็เอาเรื่องมาบอกนายห้างประยงค์

บอกนายห้างเป็นคนดีช้วยไถ่เอาไว้ แล้วนายห้างก็เอาไปเถอะฉันไม่เอาอะไรหรอก

ก็ยังไงฉันก็สูญเปล่าอยู่แล้วคุณประยงค์ก็ให้เงินโยมคนนั้นไปใช้ตามสมควรและก็ไปไถ่โฉนดมา

สมมุติโฉนดราคาหนึ่งล้านบาท หลายสิบไร่ ก็ปรากฏพอมาอยู่ในอำนาจคุณประยงค์ประมาณครึ่งเดือน

คนจีนใต้หวันจะมาสร้างโรงงานแถวที่ดินตรงนั้น หาที่ดินไม่ได้สมัยก่อนก็ไม่อยากจะสร้าง

อยากจะมาสร้างตอนนี้ก็มาขอซื้อกับคุณประยงค์ได้ราคาเพิ่มเป็น๕เท่าตัว

ทำไมหละ! สมมุติท่านทำบุญไป๕แสนบาทใจผ่องใสปั๊บ!

แล้วซื้อที่ดินมาอีกสามล้าน ได้มาเป็นสิบล้านมันสองเท่า สามเท่าของห้าแสนใหม

ลาภจะมาแบบนี้..

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ เป็นคาถากรรมฐานเหมือนพุทโธ..

เหมือนอิติปิโสภควา.. แต่อันนี้ท่องไปแล้วนึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วศัพท์เสียงคาถานี้

ไม่เพราะเหมือนอิติปิโสภควา เป็นคาถาโบราณ ห้ามแปล!

ตอนท่องคาถาต้องท่องให้เป็นกรรมฐาน ให้จิตผ่องใส มีศีลห้าบริสุทธิ์อยู่แล้ว เคารพพระพุทธ

พระธรรม พระสงฆ์อยู่แล้ว เชื่อมั่นในพระนิพพาน นใพรหมเทวดา

ในคุณความดีของพ่อแม่ในอดีตชาติอยู่แล้ว เริ่มเบื่อหน่ายร่างกาย อยากจะไปนิพพานอยู่บ้าง

ตามสมควรแล้ว ถึงจะได้ผลแบบคุณประยงค์ ลืมบอกไปว่า

คนที่เจริญคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า มีกฏอยู่อย่างนึงคือ ต้องใส่บาตรทุกเช้า

ใส่บาตรให้พระสงฆ์ที่ผ่านมาหน้าบ้าน


10  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / ว่าด้วยพระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัย สวดมนต์บทไหน เทวดาชอบฟังมากที่สุด ? เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 15:17:28
สวดมนต์บทไหน เทวดาชอบฟังมากที่สุด?



พระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัย หมายถึงพระสูตรที่เมื่อแสดงออกมาแล้ว มีเทวดาบรรลุมรรคผลกันมาก
อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 18 โกฏิ (1 โกฏิ = 10 ล้าน) อย่างมากก็คือไม่สามารถจะนับจำนวนได้ มีอยู่ 6 พระสูตรคือ

1. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
2. มงคลสูตร
3. มหาสมัยสูตร
4. ราหุโลวาทสูตร
5. ปราภวสูตร
6. สมจิตตสูตร


ห้าพระสูตรแรกนั้น พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงแสดงเอง แต่พระสูตรสุดท้าย คือสมจิตตสูตรนั้น พระสารีบุตรผู้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาซึ่งเลิศด้วยปัญญาเป็นผู้แสดง

ความสำคัญของพระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัย คือมีเทวดาบรรลุมรรคผลจากพระสูตรเหล่านี้เป็นจำนวนมาก และเป็นธรรมดาที่ว่า ผู้ใดบรรลุมรรคผลเพราะพระสูตรใด
ก็จะมีความชอบในพระสูตรนั้นมากเป็นพิเศษ แสดงว่าเทวดาที่ชอบพระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัยนั้น จะมีมากกว่าพระสูตรทั่วๆ ไป ฉะนั้นท่านโบราณจารย์
จึงแนะนำให้พุทธศาสนิกชน นำพระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัยมาสวดบ่อยๆ เพราะว่าผู้สวดจะเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาจำนวนมาก เทวดาทั้งหลายก็จะคุ้มครองรักษาให้อยู่เย็นเป็นสุข
จะประกอบกิจการอันใด ก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยเทวานุภาพ และเมื่อนำไปสวดในสถานที่ใด จะทำให้บังเกิดเป็นมงคลสถานเจริญรุ่งเรือง สถานที่นั้นและบุคคลในสถานที่นั้น
จะได้รับการคุ้มครองรักษาจากเทวดาทั้งหลาย

พระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัยที่นิยมนำมาสวดกัน คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร มงคลสูตร และมหาสมัยสูตร สำหรับธัมมจักกัปปวัตตนสูตรและมงคลสูตรนั้น
มีพิมพ์เผยแพร่แพร่หลายตามหนังสือสวดมนต์ทั่วไป อย่างเช่นในหนังสือมนต์พิธี สามารถหาดูได้ง่าย แต่สำหรับมหาสมัยสูตรนั้น จะมีครบถ้วนเต็มสูตรอยู่ในหนังสือสวดมนต์ 12 ตำนาน
และหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวง ในหนังสือมนต์พิธีนั้นไม่มีมหาสมัยสูตรครบเต็มสูตร มีแต่ท่อนท้าย จะปรากฏอยู่ในหนังสือมนต์พิธีว่า ท้ายมหาสมัยสูตร



ต่อไปนี้คือนิทานที่นำมาแสดงเพื่อให้เห็นว่า มหาสมัยสูตร เป็นที่รักที่ชอบใจแก่เทวดาทั้งหลาย นิทานเรื่องนี้อยู่ใน คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย มหาวรรค ตอนมหาสมัยสูตร
ท่านกล่าวว่า มหาสมัยสูตรนี้เป็นที่รักที่ชอบใจของพวกเทวดา ฉะนั้นในสถานที่ใหม่เอี่ยม (เช่นวัดเริ่มสร้าง บ้านสร้างใหม่) เมื่อจะกล่าวมงคล ก็พึงกล่าวแต่พระสูตรนี้นั่นเทียว

ในช่วงเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังแสดงมหาสมัยสูตรอยู่นั้น พวกเทวดาพากันคิดว่า พวกเราจะฟังพระสูตรนี้ แล้วก็เงี่ยโสตลงฟัง ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงจบ
เทวดาจำนวนหนึ่งแสนโกฏิได้บรรลุพระอรหัตผลแล้ว ส่วนมรรคผลเบื้องต่ำทั้ง 3 คือ อนาคามี สกิทาคามี โสดาบันนั้น จำนวนเทวดาที่บรรลุไม่สามารถที่จะนับได้
ฉะนั้นเพราะเหตุนี้มหาสมัยสูตรจึงเป็นสูตรหนึ่งที่เป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาทั้งหลายเป็นอันมาก

มีเรื่องเล่าว่า ที่วัดโกฏิบรรพต มีเทพธิดาองค์หนึ่งอยู่ที่ต้นกากะทิง ใกล้ประตูถ้ำกากะทิง ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งท่องมหาสมัยสูตรภายในถ้ำ เทพธิดาองค์นั้นได้ฟังแล้ว ในเวลาจบพระสูตร
เทพธิดาก็ได้ให้สาธุการด้วยเสียงอันดัง

ภิกษุหนุ่มจึงถามว่า “นั่นใคร”

เทพธิดาตอบว่า “ดิฉันเป็นเทพธิดาเจ้าค่ะ”

ภิกษุหนุ่มถามอีกว่า “ทำไมจึงได้ให้สาธุการ”

“ท่านเจ้าคะ ดิฉันได้ฟังพระสูตรนี้ในวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งแสดงในป่ามหาวัน วันนี้ได้ฟังอีก ธรรมบทนี้ท่านถือเอาดีแล้ว เพราะไม่ทำให้อักษรแม้ตัวเดียว
คลาดจากคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ที่ป่ามหาวันเมื่อครั้งโน้นเลย”

ภิกษุถามอีกว่า “เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังแสดงอยู่ คุณได้ฟังหรือ”

“อย่างนั้นเจ้าค่ะ”

“เขาว่าเทวดาเข้าประชุมมาฟังกันมาก แล้วคุณยืนฟังที่ไหน”

“ท่านเจ้าคะ ดิฉันเป็นรุกขเทวดาอยู่ในป่ามหาวัน มีศักดิ์น้อย เมื่อเทวดาชั้นผู้ใหญ่กำลังพากันมาดิฉันไม่ได้ที่ว่างในชมพูทวีปเลย ต้องถอยร่นไปสู่ตามพปิณณิทวีป
ยืนริมฝั่งที่ท่าชัมพูโกล แต่แม้จะถอยมาถึงท่านั้นแล้วก็ตาม เมื่อเทวดาชั้นผู้ใหญ่ทยอยมาเพิ่ม ดิฉันก็ต้องถอยร่นมาโดยลำดับ แช่น้ำทะเลลึกแค่คอ
ทางส่วนหลังของหมู่บ้านใหญ่ในจังหวัดโรหณะ แล้วก็ยืนฟังในที่นั้น”

“จากที่ซึ่งคุณยืนอยู่มันไกลนัก แล้วคุณเห็นพระศาสดาหรือ เทพธิดา”

“ทำไมจะไม่เห็นท่าน ด้วยพุทธานุภาพนั้น ดิฉันรู้สึกว่า พระศาสดาซึ่งกำลังทรงแสดงธรรมอยู่ในป่ามหาวัน ทรงแลดูดิฉันโดยเฉพาะเจาะจงอยู่เสมอ จนดิฉันรู้สึกเกรงและละอาย”

ภิกษุจึงถามต่อว่า “เขาเล่าว่า วันนั้นมีเทวดาแสนโกฏิสำเร็จพระอรหัตผล แล้วคุณล่ะตอนนั้นได้สำเร็จพระอรหัตผลด้วยหรอกหรือ”

“ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ”

“สำเร็จอนาคามิผล กระมัง”

“ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ”

“เห็นจะสำเร็จสกิทาคามิผล กระมัง”

“ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ”

“เขาว่า พวกเทวดาที่สำเร็จมรรคผลตั้งแต่โสดาบันไปจนถึงอนาคามีนั้นไม่สามารถนับจำนวนได้ แล้วคุณล่ะเทพธิดา สงสัยจะได้บรรลุโสดาบันกระมัง”

ซึ่งความจริง ในวันนั้นเทพธิดาองค์นี้ได้บรรลุโสดาปัตติผล เมื่อถูกภิกษุถามเจาะจงเข้าจึงรู้สึกเขินอาย เทพธิดาจึงได้กล่าวตัดบทว่า “พระคุณเจ้าไม่น่าถามซอกแซก”

ลำดับนั้น ภิกษุนั้นจึงกล่าวกับเทพธิดาว่า “นี่แน่ะ คุณเทพธิดา คุณจะสามารถแสดงกายให้อาตมาเห็นได้หรือไม่”

เทพธิดาตอบว่า “จะแสดงหมดทั้งตัวไม่ได้หรอกค่ะท่านผู้เจริญ ดิฉันจะแสดงแก่พระคุณเจ้าแค่ข้อนิ้วมือ” ว่าแล้ว เทพธิดาก็เอานิ้วสอดเข้าไปในถ้ำ
นิ้วมือก็ปรากฏแก่ภิกษุนั้นเหมือนกับว่าพระจันทร์พระอาทิตย์ขึ้นเป็นพัน ๆ ดวง เทพธิดากล่าวว่า “จงอย่าประมาทในธรรมนะ ท่านเจ้าคะ” แล้วไหว้ภิกษุหนุ่ม ก่อนจากไป

อันว่ามหาสมัยสูตรนี้ ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาทั้งหลายอย่างนี้ เพราะว่าเทวดาทั้งหลายย่อมถือว่าพระสูตรนั้นเป็นของเราด้วยประการฉะนี้แล



อนึ่งมิใช่แต่มหาสมัยสูตร พระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัยย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของหมู่เทวดาทั้งหลายเช่นเดียวกัน ฉะนั้นท่านสาธุชนทั้งหลายจงปลูกศรัทธาให้บังเกิดขึ้นในดวงจิต
หมั่นสวดสาธยายพระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัยอยู่เถิด ท่านจะเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา เทวดาทั้งหลายจะคอยคุ้มครองปกปักรักษาให้อยู่ดีมีสุขเจริญรุ่งเรือง
คิดจะประกอบกิจการอันใดก็จะสำเร็จผลเป็นอัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง ด้วยอำนาจเทวานุภาพช่วยเหลือเกื้อกูลดังนี้แล




Credit: ขอบคุณที่มาจาก หนังสือพุทธมงคลอานิสงส์ – พระชุมพล พลปญฺโญ
11  สุขใจในธรรม / ธรรมะจากพระอาจารย์ / Re: บ้านไหนมีโต๊ะหมู่ มีพระพุทธรูป เมื่อสวดมนต์ก็มีเทวดามาร่วมสวดด้วย - หลวงพ่อจรัญ เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 15:11:09






12  สุขใจในธรรม / ธรรมะจากพระอาจารย์ / บ้านไหนมีโต๊ะหมู่ มีพระพุทธรูป เมื่อสวดมนต์ก็มีเทวดามาร่วมสวดด้วย - หลวงพ่อจรัญ เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 15:08:41





หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรีได้กล่าวถึงองค์พระพุทธโสธร

อาตมาถามว่าเทวดาไปชวนคนสวดมนต์ทุกบ้านหรือเปล่า

เทวดาบอกว่า

“เปล่า บ้านไหนจัดที่บูชามีโต๊ะหมู่ มีพระพุทธรูปตั้งไว้ แล้วเจ้าของบ้านสวดมนต์
เทวดาก็มาร่วมสวดมนต์ด้วย พระพุทธรูปเหล่านั้น ที่ไม่ได้เข้าพิธีอะไร
เช่ามาบูชาจากเสาชิงช้า หากเจ้าของบ้านเอามาสวดมนต์ไหว้พระทุกวันด้วยใจศรัทธา
เทวดามาสวดมนต์ หนักเข้าก็เลยเข้าสิงรักษาองค์พระเอาไว้
ก็เลยศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ทำให้เกิดสิริมงคลในครัวเรือน"

หลวงพ่อพระพุทธโสธรนั้น คนกราบไหว้บูชากันมาก เลยมีเทวดามารักษา 16 องค์
ทำให้เกิดอภินิหารนานาประการ พระพุทธรูปสำคัญๆ ก็มีเทวดารักษาทั้งนั้นแหละ

เทวดา ท่านว่าอย่างนั้นและเทวดาก็ว่าบ้านไหนมีพระพุทธรูปแค่ตั้งโชว์ เทวดาก็ไม่ไปสวดมนต์
เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยทำวัตรสวดมนต์ เทวดาก็ไม่มา ผ่านเลยไปเลย
คนเราก็มีเทวดารักษา คนดีมีศีลธรรม เทวดาที่เป็นบัณฑิตรักษา
ถ้าคนชั่วขี้เหล้าเมายาทำชั่ว เทวดาพาลพวกมิจฉาทิฐิก็มารักษา





13  สุขใจในธรรม / เสียงบทสวดมนต์ / นัมเมียวโฮเร็งเงเคียว บทสรรเสริญพระไตรปิฏกสัทธรรมปุณฑริกสูตร เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 15:03:11

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Ks9vAoVXGBY" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=Ks9vAoVXGBY</a>





การสวด "นัมเมียวโฮเร็งเงเคียว" คือการสรรเสริญพระไตรปิฎก(พุทธมหายาน) "สัทธรรมปุณฑริกสูตร"
ซึ่งเป็นพระสูตรสุดท้ายที่สำคัญสุด ที่ได้กล่าวถึงความจริงสูงสุดของกลไกจักรวาลและชีวิต
และกล่าวว่าสภาวะพระพุทธเจ้ามีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว

พระนิชิเร็นไดโชนินได้เขียนตัวหนังสือโบราณให้เป็นตัวแทนพระสูตรนี้ลงในกระดาษแผ่นเดียว
และเรียกว่า Gohonzon(โงะฮนซน) ตั้งโต๊ะไว้เพื่อสวด ไม่ได้ถือว่าเป็นกระดาษวิเศษมีอำนาจใดๆ
เป็นแค่สื่อให้ปฏิบัติสวดจริงจัง แต่จำเป็นต้องเชื่อศรัทธาใน Gohonzon นี้ด้วยจึงจะเห็นผลได้
ถ้าไม่มีก็สวดอย่างเดียวได้

บทสวดนี้คือรหัสลับเชื่อมต่อกับกลไกจักรวาลสูงสุดโดยตรง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
ต่อชีวิตจริงได้ และดึงสภาวะพุทธะในตัวคนออกมาได้ เปลี่ยนแปลงดวงชะตาชีวิตได้
ใช้สวดเพื่ออุทิศบุญกุศลได้ เป็นคาถาสารพัดนึก เชื่อกันว่าสวดคาถานี้แค่หนึ่งจบ
ได้พลังบุญกุศลมากกว่าสวดคาถาอื่นๆทุกบทรวมกัน และนำไปนิพพานได้

14  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / หาบั้งไฟพญานาค ไปกับเพจ พิสูจน์บั้งไฟพญานาค เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2566 14:54:53

หาบั้งไฟพญานาค ไปกับเพจ พิสูจน์บั้งไฟพญานาค

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=R862fEN5pcU" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=R862fEN5pcU</a>



ถึงเราจะเจริญกว่าลาวแค่ไหน สุดท้ายลาวก็ยิงปืนไปหัวเราะเยาะเสียงเฮของเราไปอยู่ดี
เทคโนโลยีพิสูจน์ได้ประจักษ์ถึงขั้นถ่ายภาพมุมสูงจากอากาศ
แต่คนงมงามก็ยังงมงายและหาเหตุผลในการจะดึงดันเชื่ออยู่วันยังค่ำ

 หัวเราะลั่น
15  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: Popcorn Lung ปอดป๊อปคอร์น ภาวะเชื่อมโยงกับบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อ: 27 สิงหาคม 2566 23:57:11


น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีสารไดอะเซทิล(DIACETYL) หรือไม่?

จริงอยู่ที่สารไดอะเซทิล(diacetyl) สามารถพบได้ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาพอตบางชนิดและบางยี่ห้อในร้านบุหรี่ไฟฟ้า
หากแต่ไม่เสมอไป เนื่องด้วยสารปรุงแต่งกลิ่นที่ใช้ในการผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและหัวพอต(Pods)บางยี่ห้อ
มีการใช้สารไดอะเซทิล(diacetyl)เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้กลิ่นรสของเนย คัสตาร์ดและขนมหวานอื่นๆ เมื่อผู้ใช้สูบควัน

อันตรายต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการรับสาร ไดอะเซทิล(diacetyl) ในการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและพอต เป็นประเด็นที่ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า
กังวลกันมาตั้งแต่การถือกำเนิดโทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ซึ่งได้มีงานวิจัยรองรับด้วยบทความทางวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรกในปี 2014
โดยแพทย์โรคหัวใจ Konstantinos Farsalinos ทีมวิจัย ได้พบไดอะเซทิล(diacetyl)เป็นส่วนประกอบในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
รสนม และรสเนย จำนวนมาก

หากแต่ทีมวิจัยของ Konstantinos ได้กล่าวว่า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำพวกนี้ถือเป็น “ความเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
กล่าวคือ คุณสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อโรค Popcorn lung(ปอดป๊อปคอร์น) ได้โดยการ งดใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ารสหวาน
หรือรสที่คล้ายกับเนย ซึ่งมักมีไดอะเซทิล(diacetyl)เป็นส่วนผสมของน้ำยา

ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าต่อให้หลีกเลี่ยงยังไง บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงอันตรายในทางใดทางหนึ่งอยู่เสมอ







ขอขอบคุณชุดข้อมูลหลักจากเว็บไซท์ พอดซามูไร
16  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: Popcorn Lung ปอดป๊อปคอร์น ภาวะเชื่อมโยงกับบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อ: 27 สิงหาคม 2566 23:53:52

อาการของโรคปอดป๊อปคอร์น

เมื่อเกิดแผลเป็นบนเนื้อเยื่อปอดและมีภาวะปอดป๊อปคอร์น ผู้ที่ป่วยจะเกิดโรคปอดป๊อปคอร์นจะมีอาการใกล้เคียงกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
แต่อาการปอดป๊อปคอร์นสามารถเกิดขึ้นและสังเกตเห็นได้ภายใน 2-8 สัปดาห์ ในขณะที่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง(bronchiolitis)
มักใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีกว่าอาการจะออกให้คุณสังเกตได้ และนี่คือสัญญาณเริ่มต้นของอาการปอดป๊อปคอร์นที่คุณสามารถพบได้

1. ไอแห้ง
2. หายใจถี่ขึ้น
3. ความอดทนปอดต่ำ
4. หายใจเสียงดัง คล้ายหอบหืด
5. เหนื่อยล้าง่าย

แม้โรคปอดป๊อปคอร์นจะเป็นโรคที่พบได้ยากมาก แต่อาการเริ่มแรกของโรคปอดป๊อปคอร์นอาจทำให้แพทบ์เข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดปกติได้
ในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อาการเหล่านี้จะรุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการหายใจและการดูดซึมออกซิเจนบกพร่องในที่สุด
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา โรคปอดป๊อปคอร์นอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้จากการหายใจที่ล้มเหลวในช่วงระยะเวลาหลายเดือนหรือหลายปีที่เผชิญโรคร้ายนี้

การวินิจฉัยโรคปอดป๊อปคอร์นอาจเป็นเรื่องยากและไม่มีตัวชี้วัดที่แน่นอน แม้ว่าการ CTสแกน และการทดสอบการทำงานของปอด
โดยแพทย์จะสามารถบ่งชี้โรคได้ แต่วิธีเดียวที่จะมั่นใจได้ถึงผลตรวจและวินิจฉัยโรคปอดป๊อปคอร์นคือการตรวจชิ้นเนื้อปอดโดยการผ่าตัด
ซึ่งต้องใช้ชิ้นเนื้อจำนวนมากของผู้ป่วยเพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด




ทำไมถึงได้ชื่อว่าโรคปอดป๊อปคอร์น



เนื่องด้วยในปี พ.ศ. 2545 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้รายงานว่า มีผู้ป่วยที่เป็นพนักงานของโรงงานข้าวโพดคั่วในรัฐมิสซู สหรัฐอเมริกา
จำนวน 8 ราย ซึ่งมีอาการปอดเสียหายในภาวะที่รุนแรง เนื่องจากผู้ป่วยทั้ง 8 รายทำหน้าที่ผสมเครื่องปรุงข้าวโพดคั่วเป็นเวลานาน
ซึ่งต้องรับสารเคมีอันตรายอย่าง ไดอะเซทิล(diacety) กับน้ำมันร้อนในถังคั่่วข้าวโพดตลอดระยะเวลาปฎิบัติหน้าที่
และได้รับคำวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคปอดป๊อปคอร์นครั้งแรกที่ตรวจพบในที่สุด

ด้วยหลักการทำงานของหลอดลมภายในร่างกายของมนุษย์นั้นเริ่มต้นผ่านกล่องเสียงในคอหอย ลงไปสู่หลอดลมขนาดใหญ่
ที่แบ่งออกเป็นหลอดลมหลักด้านขวาและด้านซ้าย จากนั้นอากศภายในหลอดลมจึงกระจายไปทั่วบริเวณปอดต่างๆ ค่อยๆ ตีแคบลงจนถึงถุงลม(ปอด)
กล่าวคือ ปอดของมนุษย์และหลอดลมเปรียบเสมือนเครื่องแลกเปลี่ยนก๊าซซึ่งหลอดลมฝอยนั้นเป็นส่วนเล็ก ๆ ของหลอดลมก่อนถึงถุงลม
หลอดลมส่วนนี้มีแถบผังกล้ามเนื้อเรียบหนาล้อมรอบ สามารถควบคุมแรงต้านของทางเดินหายใจโดยรวมได้ เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้หดตัว
จากโรคปอดป๊อปคอร์น เราจะได้ยินเสียงปอด “หวี๊ด” เหมือนกับเสียงที่ได้ยินจากผู้ป่วยในโรคหอบหืด และยังคล้ายกับเสียงข้าวโพด
ที่กำลังจะคั่วกลายเป็นป๊อปคอร์นสุกอีกด้วย

เมื่อช่วงปี 2000 มีรายงานโรคปอดป๊อปคอร์นนี้ ปรากฏมากในหมู่คนงานในโรงงานป๊อปคอร์นแบบบรรจุห่อ สำหรับสาเหตุนั้น
ต้องสืบย้อนไปถึงสารไดอะเซทิล(diacetyl) ซึ่งเป็นสารปรุงแต่งรสเนยในป๊อปคอร์นกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นพิสูจน์พบในชั้นศาลว่า ไดอะเซทิล(diacetyl)
เป็นสารอันตรายและเป็นสารที่เป็นสาเหตุหลักที่เกิดโรคปอดป๊อปคอร์นในหมู่พนักงานภายในโรงงาน



17  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Popcorn Lung ปอดป๊อปคอร์น ภาวะเชื่อมโยงกับบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อ: 27 สิงหาคม 2566 23:50:40

ปอดป๊อปคอร์น ชื่อน่ารัก แต่หนักหน่วง



Popcorn lung (ปอดป๊อปคอร์น) คือคำที่ใช้เรียกโรคภาวะรุนแรงในปอดที่รู้จักกันในชื่อ Bronchiolitis Obliterans โดยใช้ชื่อย่อว่า BO
และบางครั้งเรียกว่า หลอดลมฝอยอักเสบตีบ โรคนี้มีลักษณะโรคที่สังเกตได้โดยง่ายคือจะเกิดแผลเป็นทางเดินหายใจที่ขนาดเล็กที่สุดในปอด
ซึ่งก็คือหลอดลมฝอย ซึ่งหากเกิดโรคปอดป๊อปคอร์นขึ้นร่างกายจะลดการทำงานของปอดและความจุของปอด ซึ่งการปลูกถ่ายปอดใหม่
ยังคงเป็นวิธีเดียวในการรักษาภาวะนี้

BO หรือ โรคหลอดลมฝอยอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และจากเชื้อรา หรือการหายใจเอาอนุภาคเคมี
เข้าไปในปอดซึ่งเป็นสารเคมีที่อัตราย เช่น ไดอะซิทิล(diacetyl) มักเกี่ยวข้องกับโรค Popcorn lung(ปอดป๊อปคอร์น) ที่เรากำลังกล่าวถึง
ทั้งการปลูกถ่ายปอดซึ่งเป็นวิธีเดียวในการรักษาโรคปอดข้าวโพดคั่วนี้ ก็สามารถนำไปสู่ภาวะนี้ซ้ำขึ้นอีกครั้งได้ นี่จึงเป็นสาเหตุหลัก
ที่กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมฝอยอักเสบจากการติดเชื้อ (Bronchiolitis obliterans syndrome – BOS) มักปฏิเสธการปลูกถ่ายปอดเรื้อรังอีกครั้ง


18  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / รวมเพลงบรรเลงดนตรีไทย - วงเครื่องสายผสมขิม เมื่อ: 28 เมษายน 2566 09:12:13

บรรเลงด้วยวงเครื่องสายผสมขิม
โดยนายมัชฌิม บุญคง เป็นผู้บันทึกเสียงและบรรเลงเองทั้งหมด

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=dmTQQpDxcCY" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=dmTQQpDxcCY</a>
19  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / เรื่องราวของ 'เสด็จเตี่ย' กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในทัศนะของ ส. ศิวรักษ์ เมื่อ: 31 มกราคม 2565 11:09:58


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=R-1jOj_oguo" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=R-1jOj_oguo</a>


"ท่านไปเรียนกับหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า ลือกันว่า ท่านสามารถเสกใบมะขามเป็นตัวต่อ ตัวแตน ฯลฯ เป็นหมอยา รักษาโรคต่าง ๆ
.
"ตอนที่ท่านออกจากราชการ ท่านก็รักษาผู้คน เป็นหมอยา หมอยาแพทย์แผนไทย ทีนี้หมอยามันก็ต้องปนไสยศาสตร์บ้าง ก็เลยลือกันว่า ท่านมีอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ร้อยแปดพันประการ ซึ่งไม่ใช่ท่านคนเดียวนะ ลูกเขยท่านก็ได้อันนี้มา หลวงศุภชลาศัยลูกเขยท่านนะ หลวงศุภชลาศัยก็มีชื่อ ในเรื่องอมน้ำมนต์พ่นน้ำหมาก ฯลฯ
.
"ท่านหญิงทิพยฯ ก็ไม่ได้หึงหวงอะไรนะ แต่ว่าท่านคงไม่ให้เวลากับลูกกับเมีย อยู่กับลูกศิษย์ลูกหามากเกินไป ใช้เงินไม่ให้ท่านหญิงทิพยฯ ใช้เงินเพียงพอ ท่านหญิงทิพย์ก็ไปขอพ่อ ขอสองครั้งสามครั้งพ่อก็กริ้ว พ่อก็ว่า "มีผัวแล้วยังมาขอพ่ออยู่อีก" ครั้งที่สามขอไม่ได้ ท่านก็เลยฆ่าตัวตาย"
.
เรื่องราวของ 'เสด็จเตี่ย' กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในทัศนะของ ส. ศิวรักษ์


20  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / ทำไมถึงเรียก ฉะเชิงเทรา ว่า เมืองแปดริ้ว - ชื่อนี้ได้มาจากปลาช่อนจริงหรือ ? เมื่อ: 22 สิงหาคม 2564 11:47:11

เมืองแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา - ชื่อนี้ได้มาจากปลาช่อน ?




ประวัติจังหวัดฉะเชิงเทรา

จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือที่นิยมเรียกกันว่า “แปดริ้ว” นั้นมาจากคำบอกเล่าต่อกันมาว่า เมืองนี้เป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ในน้ำอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด
โดยเฉพาะปลาช่อน ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดมีชุกชุมและขนาดใหญ่เมื่อนำมาแล่เพื่อตากทำปลาแห้ง ต้องแล่ออกถึงแปดริ้ว เมืองนี้จึงเรียกว่า “แปดริ้ว”

ตามขนาดของปลาช่อน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเมือง สำหรับชื่อ “ฉะเชิงเทรา” ในปัจจุบันเป็นไปได้ว่าชาวเมืองสมัยโบราณอาจเรียกชื่อแม่น้ำบางประกงว่า
คลองลึก หรือ คลองใหญ่ ตามลักษณะที่มองเห็น แต่ด้วยอิทธิพลเขมรจึงเรียกชื่อแม่น้ำเป็นภาษาเขมรว่า “สตึงเตรง” “ฉทึงเทรา” ซึ่งแปลว่าคลองลึก
ครั้นเรียกกันนานๆ ต่อมาเสียงเลยเพี้ยนกลายเป็น”ฉะเชิงเทรา” หรือ “แซงเซา”

          ข้อสันนิษฐานการตั้งเมืองฉะเชิงเทรา ปรากฏครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นใน หรือ เมืองจัตวา
ในแผ่นดิน สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991 – 2013) แต่สำหรับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ปรากฏหลักฐานชัดเจนในสมัยพระนเรศวร
ที่ใช้เมืองฉะเชิงเทรา เป็นที่รวบรวมไพร่พล ด้วยชัยภูมิของเมืองที่เหมาะแก่การทำสงครามกองโจร ทำให้ฉะเชิงเทราเป็นเมืองหน้าป้องกันศัตรู
เพื่อป้องกันเมืองหลวง จวบจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อทรงเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแผ่นดินใหม่ ฉะเชิงเทรา จึงมีฐานะเป็นเมือง ๆ หนึ่ง
ในมณฑลปราจีนบุรี จากนั้นในปี พ.ศ.2476 มีการกระจายอำนาจจากส่วนกลาง สู่ 3 มิภาค จึงได้เปลี่ยนจากเมืองมาเป็นจังหวัด
เรียกว่า จังหวัด “ฉะเชิงเทรา”



คำขวัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา

“แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต
พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธร
พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย
อ่างฤาไนป่าสมบูรณ์”   




หน้า:  [1] 2 3 ... 59
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.154 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 21 เมษายน 2567 10:57:15