.
๑๐. มะเนะคิเนะโกะ (แมวกวัก)
มะเนะคิเนะโกะ (แมวกวัก) เอ่ยถึงเครื่องรางเรียกทรัพย์ ถ้าจะไม่พูดถึงเจ้าแมวกวักจากญี่ปุ่นก็เห็นจะไม่ได้ แม้ว่าคนไทยเราจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ในเรื่องตำนานที่มานั้นมีแยกย่อยออกไปหลายแขนงและน่าสนุกดี จึงมีความน่าสนใจสมควรจะนำมาเล่าสู่กันฟัง
ตำนานแรก กล่าวกันว่าในยุคเอะโดะ มีหญิงชรายากจนเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง นางรักมันมาก แต่ด้วยความยากจนอดมื้อกินมื้อนางจึงจำใจต้องนำมันไปปล่อยตัวด้วยความเสียใจอย่างที่สุด คืนนั้นหญิงชราฝันว่าแมวของนางมาบอกให้ปั้นรูปแมวจากดินเหนียวแล้วจะโชคดี หญิงชราจึงปั้นรูปแมวดินเหนียวขึ้นตามความฝัน ชั่วเวลาไม่นานก็มีคนมาขอซื้อตุ๊กตาแมวดินเหนียวตัวนั้นไป นางก็ปั้นขึ้นใหม่อีก ก็มีคนมาซื้อไปอีก หญิงชราจึงปั้นตุ๊กตาแมวดินเหนียวออกมาเรื่อยๆ ซึ่งก็มีคนมาซื้อหาไปมิได้ขาด ฐานะของหญิงชราจึงดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถนำแมวที่นางรักกลับมาเลี้ยงได้อีกครั้ง
ตำนานต่อมา โอยรัน (โสภีณีชั้นสูง) นามว่าอุสุงุโมะ ที่อาศัยอยู่โนโยชิวาระ (ย่านเริงรมย์) ได้เก็บแมวตัวหนึ่งมาเลี้ยงไว้ กระทั่งคืนหนึ่งขณะที่เธอจะไปรับแขก เจ้าแมวได้เข้ามายื้อยุดชุดชายกิโมโนของเธอไว้ ในตอนแรกเธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่เจ้าแมวตัวนั้นก็ยังพยายามทำเช่นเดิมจนเจ้าของสถานเริงรมย์เห็นเข้า และเชื่อว่าเป็นแมวปิศาจจึงได้ฆ่าแมวด้วยการตัดหัว หัวแมวที่ถูกตัดกระเด็นขึ้นไปบนเพดาน แต่กระนั้นหัวแมวก็ได้กัดงูที่หลบอยู่บนเพดานหล่นลงมาด้วย ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าแมวน้อยพยายามช่วยปกป้องเจ้านายของมัน ความโศกเศร้าของอุสุงุโมะทำให้ลูกค้ารายหนึ่งเกิดความสงสาร เขาจึงมอบแมวแกะสลักให้เธอเป็นของขวัญปลอบใจ จากนั้นจึงได้มีการนิยมมอบรูปแมวจำลองให้แก่กันขึ้นมา
ตำนานนี้ บางแห่งก็กล่าวว่าผู้ที่ฆ่าแมวนั้นคือซามูไรลูกค้าที่มาติดพันโอยรัน และลงลาบตัดหัวแมวด้วยความชำนาญ
ตำนานสุดท้าย เป็นตำนานของวัดโกโตคุจิ ทางตะวันตกของโตเกียว แต่เดิมวัดแห่งนี้ยากจนชำรุดทรุดโทรมมาก จนพระชราที่เลี้ยงดูแมวชื่อทามะไว้รำพึงถึงความยากแค้นให้มันได้ยินบ่อยๆ กระทั่งวันหนึ่งมีชายผู้หนึ่ง มาหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้วัดแห่งนี้ เขาได้เห็นแมวในวัดยกเท้าขึ้นกวักคล้ายจะเรียกให้เข้าไปในวัด ชายผู้นั้นจึงเดินเข้าไปตามการเรียกหานั้น เดินไปได้ไม่เท่าไร ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมายังต้นไม้ที่เพิ่งจะผละออกมา เท่ากับว่าเขารอดตายได้เพราะแมวกวัก ด้วยความสำนึกในบุญคุณและเห็นว่าวัดทรุดโทรมมากเขาจึงได้บูรณะและอุปถัมภ์วัดแห่งนั้นด้วยความเต็มใจ ในกาลต่อมาเมื่อแมวตัวนั้นตายลง ก็ยังได้ฝังศพอย่างดีและสร้างรูปของแมวตัวนั้นไว้ด้วยความสำนึกในบุญคุณจนเป็นที่มาของรูปแมวกวักในชั้นหลัง ซึ่งว่ากันว่าชายผู้ได้รับการช่วยเหลือจากแมวกวักนั้นแท้จริงแล้วคือท่าน อีนะโอะซุเกะ ผู้ครองเมืองฮิโกะเนะ ซึ่งต่อมาได้รับตำแหน่งไทโร (คล้ายกับผู้สำเร็จราชการแทนโชกุน) และสุสานของท่านก็อยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย
แต่บางกระแสก็เชื่อกันว่า แท้จริงแล้วที่มาของแมวกวักนั้นไม่ได้มีตำนานมากมายอะไรเลย แต่มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อของชาวญี่ปุ่นว่า ถ้าเห็นแมวทำความสะอาดหน้า แสดงว่าจะแขกมาหา ซึ่งหากเป็นคนค้าขาย ก็หมายถึงจะมีลูกค้ามาเข้าร้านนั่นเอง
ในปัจจุบันมีการขยายความเชื่อเกี่ยวกับแมวกวักออกไปอีกมากมาย เช่น รูปปั้นแมวกวักยกขาข้างซ้ายใช้เรียกลูกค้า รูปปั้นยกขาข้างขวาใช้เรียกเงินทองและโชคลาภ รวมทั้งสีของแมวกวักก็ส่งผลต่อผู้ครอบครองด้วยเช่นกัน อาทิ สีทองให้ความร่ำรวย สีแดงให้การคุ้มครอง สีดำขับไล่สิ่งชั่วร้ายและช่วยให้สุขภาพดี แมวสามสีให้โชคลาภ สีเขียวให้ผลดีด้านการศึกษา แม้กระทั่งแมวกวักสีชมพูให้ความสำเร็จในเรื่องความรักก็มีการนิยมกันในยุคหลังนี้
จาก หนังสือต่วย'ตูน ฉบับพิเศษ โดย "เตียวกง"