[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 19:46:20 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 73 74 [75] 76 77 ... 1118
1481  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - นิด้าโพลเผยคนกังวลความขัดแย้งทางการเมืองฉุดเศรษฐกิจ เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 17:39:17
นิด้าโพลเผยคนกังวลความขัดแย้งทางการเมืองฉุดเศรษฐกิจ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-02-18 16:08</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นิด้าโพลสำรวจ 1,310 คน ถามถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง 38.93% กังวลเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลง 20.08% กังวัลเกิดความแตกแยกในสังคม 44.73% เชื่อมี "นักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง" อยู่เบื้องหลัง</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53535311977_14e20ab94f_o_d.jpg" /></p>
<p>18 ก.พ.2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ความขัดแย้งทางการเมือง” ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 13-15 ก.พ. 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0</p>
<p>จากการสำรวจเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.93 ระบุว่า เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง รองลงมา ร้อยละ 20.08 ระบุว่า ความแตกแยกในสังคม ร้อยละ 19.39 ระบุว่า ไม่กังวลใด ๆ เลย ร้อยละ 11.75 ระบุว่า การใช้ความรุนแรงในสังคม ร้อยละ 9.54 ระบุว่า ความไม่มีเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตย และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/
ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</p>
<p>ด้านความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองส่วนใหญ่มีนักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.73 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 27.18 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 12.06 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 10.84 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 5.19 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ  </p>
<p>ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง รอบใหม่ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 29.85 ระบุว่า ค่อนข้างกังวล รองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่กังวลเลย ร้อยละ 22.75 ระบุว่า กังวลมาก ร้อยละ 19.62 ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ    </p>
<p>   </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108123
 
1482  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - นักวิชาการชี้บทเรียนวิกฤตพม่าตอกย้ำแก้ปัญหาด้วยรัฐประหารทำให้ประเทศแตกเป็น เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 16:09:07
นักวิชาการชี้บทเรียนวิกฤตพม่าตอกย้ำแก้ปัญหาด้วยรัฐประหารทำให้ประเทศแตกเป็นเสี่ยง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-02-18 15:26</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นักวิชาการชี้บทเรียนวิกฤตพม่าตอกย้ำแก้ปัญหาด้วยรัฐประหารทำให้ประเทศแตกเป็นเสี่ยง ผู้ลี้ภัยผลัดถิ่นมากกว่า 1 ล้านคน เสียชีวิต บาดเจ็บพิการจากสงครามกลางเมืองหลายหมื่นคน รัฐบาลเผด็จการทหารบังคับเกณฑ์ทหารพลเรือน สะเทือนยอดแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตทำงานในไทย กระทบภาคการผลิตและภาวะขาดแคลนแรงงานในไทยระยะหนึ่ง จะเกิดภาวะแรงงานพม่าหลบเข้าเมืองผิดกฎหมายมาทำงานเพิ่มขึ้น กระทบ แรงงาน MOU ไทยควรมีบทบาทนำในการเจรจาสันติธรรมและปกป้องมนุษยธรรม</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53385466253_770fc81603_o_d.png" />
<span style="color:#f39c12;">ภาพทหารพม่าเสริมกำลังในนครย่างกุ้งมากขึ้น เผยแพร่ในเทเลแกรมกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่าเมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2566 | ที่มาภาพ: Irrawaddy</span></p>
<p>18 ก.พ. 2567 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหาร สถาบันปรีดี พนมยงค์ และกรรมการวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  กล่าวว่า วิกฤตการณ์สงครามกลางเมืองในพม่าหลังการรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ. 2564 หลังผู้นำกองทัพไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งของประชาชน ได้นำมาสู่ภาวะไร้เสถียรภาพ ความรุนแรงนองเลือด เกิดภาวะระส่ำระสายทางการเมืองไปทั่ว มีประชาชนกลายเป็นผู้ลี้ภัยและผลัดถิ่นไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตและบาดเจ็บพิการล้มตายหลายหมื่นคน เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ระบบสถาบันการเงินล่มสลาย เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ความยากลำบากทางเศรษฐกิจปกคลุมไปทั่ว การด้อยค่าและดิ่งลงของค่าเงินจ๊าด เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าจำเป็นพื้นฐาน ความมั่นคงสั่นคลอนอย่างรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวการณ์แตกเป็นเสี่ยง ๆ ของสหภาพพม่า </p>
<p>ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ชนชั้นนำไทยพึงตระหนักถึงบทเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน และ ต้องแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามวิถีทางประชาธิปไตยและสถาปนาความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย และ ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมในสังคมไทย ไม่ส่งเสริมการกระทำต่าง ๆ ที่ไป เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ภราดรภาพ สันติธรรมและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ สังคมไทยต้องช่วยกันลดการกระทำยั่วยุให้เกิดการขยายตัวของความขัดแย้งในบ้านเมือง ใช้การสานเสวนาและกลไกรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยในฐานะเพื่อนร่วมชาติและเพื่อนร่วมโลก ความพยายามของ “เครือข่ายจารีตอนุรักษ์นิยมขวาจัดแบบอำนาจนิยม” ในการฟื้นคืนสู่อำนาจด้วยวิถีทางนอกระบบนิติรัฐนิติธรรม นอกวิถีทางประชาธิปไตย โดยใช้กลไกของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เปิดช่องเอาไว้เกิดขึ้นได้เสมอหากเงื่อนไขทางการเมืองและสังคมสุกงอมพอ พวกเขาคงเลือกใช้ “นิติสงคราม” “ตุลาการภิวัฒน์” ก่อน หากไม่สำเร็จคงจะใช้กำลังยึดอำนาจรัฐประหารเช่นที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยอันลุ่มๆดอนๆของไทยในช่วง 92 ปีที่ผ่านมาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 สังคมไทยและขบวนการของผู้รักชาติรักประชาธิปไตยจึงไม่ควรประมาทเพราะประเทศไทยมีรัฐประหารสำเร็จโดยเฉลี่ยทุก ๆ 7 ปี มีรัฐประหารมาแล้ว 13 ครั้ง ความพยายามในการก่อรัฐประหารอีกหลายครั้งที่ไม่สำเร็จกลายเป็นกบฎ ขอให้พวกเราช่วยกันรับมือความท้าทายของการสร้างเงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การรัฐประหารในอีก 1-2 ปีข้างหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น การรัฐประหารโดยตุลาการ หรือ การรัฐประหารโดยกองทัพ เพื่อ เซาะกร่อนบ่อนทำลาย อำนาจอธิปไตยของประชาชน 
     
การเข้าแทรกแซงระบอบประชาธิปไตยในอนาคตด้วยการใช้รถถังหรืออาวุธมายึดอำนาจมีความเสี่ยงน้อยลง แต่จะมีการใช้ “นิติสงคราม” มากขึ้น “นิติสงคราม” นี้จะต้องมีการปูพื้นหรือสร้างกระแสในสังคมก่อนผ่านการใช้สงครามปฏิบัติการข่าวสารหรือไอโอเพื่อทำลายความชอบธรรมของฝ่ายตรงกันข้าม ปฏิบัติการข่าวสารบิดเบือน ไอโอของข่าวลวงข่าวเท็จพวกนี้จะพุ่งเป้าทำลายไปที่นโยบายของพรรคการเมือง สถาบันพรรคการเมือง และ นักการเมืองทั้งหลาย โดยเฉพาะพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีจุดยืนประชาธิปไตย การปฏิบัติการข่าวสารบางส่วนจะใช้ ข้อมูลกึ่งเท็จกึ่งจริง เพื่อทำลายภาพลักษณ์นักการเมืองให้เสียหายจนประชาชนสิ้นศรัทธา หรือ การปลุกปั่นความคิดทางการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมขวาจัด หรือ แอบอ้างสถาบันสำคัญของชาติในการสร้างความแตกแยกในสังคมอย่างสุดโต่ง ทำลายบรรยากาศของความเห็นต่างที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยการพูดคุยด้วยเหตุผล ปฏิบัติการไอโอของเครือข่ายจารีตอนุรักษ์นิยมขวาจัดสุดโต่งอำนาจนิยม มักจะ แอบอ้างสถาบันสำคัญของชาติ และมีการทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นเครือข่ายจนกระทั่งพัฒนาสู่ความเป็นสถาบันหรือฝังตัวอยู่ในบางสถาบันแล้วในขณะนี้ การแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีด้วยการโต้กลับด้วยความจริงและเหตุผลอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะรักษาความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยและความสันติสุขของสังคมได้ และ สามารถ สกัดกั้น การเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ของฝ่ายปรปักษ์ประชาธิปไตย ได้อย่างมีประสิทธิผล     </p>
<p>ดร.อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า พม่าประเทศที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของระบอบเผด็จการทหารอย่างยาวนาน 50 ปี และมีประชาธิปไตยในช่วงสั้น ๆ ประเทศกำลังไปได้ดีและเกิดความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ นักลงทุนต่างชาติแห่เข้าไปลงทุนในพม่าจนพลิกโฉมให้สหภาพพม่าทันสมัยขึ้นอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในยุคการปกครองแบบปิดประเทศของผู้นำกองทัพ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนกำลังจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาธิปไตยที่ดำเนินมาเกือบทศวรรษต่อเนื่องจากรัฐบาลทหารสายปฏิรูป พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา ของประธานาธิบดี เตงเส่ง และ รัฐบาลพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย หรือ พรรคเอ็นแอลดี สะดุดหยุดลงด้วยการรัฐประหารล่าสุดของผู้นำกองทัพในปี พ.ศ. 2564  สถานการณ์ในพม่าได้ตอกย้ำให้หลายประเทศตระหนักถึงผลกระทบของการรัฐประหารโดยใช้กำลัง ว่าทำให้ประเทศแตกเป็นเสี่ยง ผู้ลี้ภัยผลัดถิ่นมากกว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตจากสงครามกลางเมืองหลายหมื่นคน</p>
<p>สถานการณ์สงครามกลางเมืองล่าสุดในพม่า กองทัพพม่าภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหาร มิน อ่อง ล่าย ประสบความพ่ายแพ้ยับเยินในหลายพื้นที่ต่อกองกำลังต่อต้านการรัฐประหาร รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติพม่า (NUG) และ กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าจึงได้บังคับเกณฑ์ทหารพลเรือนขึ้น โดยประกาศบังคับเกณฑ์ทหารดังกล่าวจะครอบคลุมแรงงานหนุ่มสาวชาวพม่าที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยภายใต้ MOU ด้วย  สภาวะดังกล่าวจะกระทบต่อภาคการผลิตบางกิจการของไทยและจะเกิดภาวะขาดแคลนแรงงานในไทยเป็นการชั่วคราวระยะหนึ่งเท่านั้น เพราะจะเกิดภาวะแรงงานพม่าหลบเข้าเมืองผิดกฎหมายมาทำงานเพิ่มขึ้น คนหนุ่มสาวจะหนีการเกณฑ์ทหารเข้ามาเป็นผู้ลี้ภัยในค่ายอพยพหรือเข้ามาเป็นแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น หากประเมินดูตลาดแรงงานของไทยพบว่า ประชากรในวัยทำงานของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องและในอัตราเร่งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยปี 2566  มีผู้สูงวัย 20% วัยแรงงาน 63% และวัยเด็กเพียง 16% ประชากรในวัยทำงานปัจจุบันอยู่ที่ 42.4 ล้านคน และ มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ขณะนี้บางกิจการ บางอุตสาหกรรมสามารถทำการผลิตต่อไปได้โดยอาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน บางอุตสาหกรรมปรับใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ ระบบหุ่นยนต์และเอไอมากขึ้น พึ่งพิงแรงงานมนุษย์ลดลง และผลิตภาพเพิ่มสูงขึ้น   จากงานวิจัยของ ธนาคารโลก เรื่อง “Aging and the Labour Market in Thailand พบว่า ภาวะประชากรสูงวัยส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดแรงงานไทยและการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม จำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลงของประเทศไทยส่งผลให้รายได้เฉลี่ยของบุคคลในประเทศเติบโตลดลง และหากไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้การเติบโตของ GDP ต่อหัวลดลงอีกร้อยละ 0.86 ในทศวรรษ 2020 ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างมาก นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า หากอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานนั้นคงที่ตามอายุและเพศแล้ว โครงสร้างประชากรของประเทศไทยจะเปลี่ยนไปโดยคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานโดยรวมจะลดลงประมาณร้อยละ 5 ระหว่างปี 2563 ถึงปี 2603 และจำนวนแรงงานลดลงถึง 14.4 ล้านคน ทั้งนี้จำนวนแรงงานที่ลดลงอาจส่งผลให้ประเทศอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงานซึ่งอาจขัดขวางโอกาสในการเติบโตของประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น อาจช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้บางส่วน ในขณะที่ผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ อาจทวีความรุนแรง เนื่องจากความต้องการแรงงานที่มีทักษะความชำนาญในด้านนี้เพิ่มมากขึ้น </p>
<p>ปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้บรรเทาลงอย่างมากจากแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ภาคการผลิต ภาคบริการในหลายกิจการต้องอาศัยแรงงานต่างชาติไม่ต่ำกว่า 60-70% ของกำลังแรงงานทั้งหมด หากพิจารณาตัวเลขข้อมูลล่าสุด พบว่า จำนวนแรงงานต่างด้าวที่รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายภายใต้มาตรา 59 (ทั้งแบบทั่วไป และ นำเข้าแรงงานตาม MOU) มาตรา 62 (ส่งเสริมการลงทุน) มาตรา 63/1 (ชนกลุ่มน้อย) มาตรา 63/2 (ตามมติ ครม 7 กุมภาพันธ์ และ มติ ครม 3 ตุลาคม 2566) และ แรงงานต่างด้าวทำงานแบบไปกลับตามมาตรา 64 ตามพระราชบัญญัติ การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ยอดคงค้างรวมที่ยังคงทำงานในประเทศในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 3.145 ล้านคน ในจำนวนแรงงานต่างด้าวสามล้านกว่าคนนี้เป็นชาวพม่ามากกว่า 1.4 ล้านคน คิดเป็น 44% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด และ ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว หากถูกเรียกเกณฑ์ทหารแล้วกลับไปพม่า จะกระทบต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจไทยทันที อย่างไรก็ตาม การประกาศการบังคับเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าอาจไม่มีผลในทางปฏิบัติหากรัฐไทยไม่ให้ความร่วมมือส่งกลับ เพราะแรงงานพม่าส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากกลับไปรบเพื่อรักษาอำนาจให้เผด็จการแต่อย่างใด ไม่ได้กลับไปรบเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ หากรัฐบาลชุดนี้ให้ความร่วมมือต่อการร้องขอของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าส่ง แรงงานภายใต้ MOU ก็จะเกิดปรากฏ หนีหมายเรียกบังคับเกณฑ์ทหาร กลายเป็น แรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมายไป แรงงานพม่าอาศัยและทำงานอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลประมาณ 747,417 คน หากแรงงานเหล่านี้หายไปเกิน 50% บางธุรกิจอุตสาหกรรม หรือ กิจการจะเกิดภาวะชะงักงันในการทำงานทันที ฉะนั้น รัฐบาลไทยและหน่วยราชการต้องแสวงหาวิธีที่เหมาะสมในการไม่ส่งคนหนุ่มสาวที่ถูกหมายเกณฑ์กลับพม่า เพราะคนเหล่านี้ก็ไม่อยากกลับประเทศตัวเองอยู่แล้ว และ ยิ่งต้องไปถูกเกณฑ์เป็นทหารให้ปกป้องรักษา ระบอบเผด็จการมิน อ่อง ล่าย ยิ่งไม่มีใครอยากกลับ แรงงานเหล่านี้คงจะกลับประเทศเมื่อสงครามกลางเมืองและการปกครองของระบอบเผด็จการกดขี่สิ้นสุดลง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี และเมื่อสถานการณ์ในพม่าเปลี่ยนแปลงไป รัฐไทยก็ต้องเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ว่า นโยบายสาธารณะเกี่ยวกับโครงสร้างประชากร นโยบายแรงงานและแรงงานต่างด้าวควรเป็นอย่างไร   </p>
<p>ดร.อนุสรณ์ ประเมินว่าหากรวมแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองแบบไม่ถูกกฎหมายแล้ว แรงงานต่างด้าวที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยน่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน หากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในพม่ายังดำเนินต่อไปและมีการบังคับการเกณฑ์ทหาร จะมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากหนีออกนอกประเทศผ่านทั้งช่องทางตามกฎหมายและช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน ด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมและผลบวกต่อเศรษฐกิจของไทย ไทยควรขยายบทบาทค่ายผู้ลี้ภัยด้วยความร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ และ การยืดอายุการทำงานให้กับแรงงานพม่าภายใต้ MOU ในประเทศไทยทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิตของคนเหล่านี้เอาไว้และยังเป็นผลดีต่อภาคการผลิตและระบบเศรษฐกิจที่ไม่ต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการบังคับการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า   </p>
<p>การที่ ไทยและประชาคมอาเซียนที่เคยมีจุดยืนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยยึดหลักการ “ไม่แทรกแซงกิจการภายใน” ทำให้ มิติประชาธิปไตย มิติมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่าง ไทย และ อาเซียน กับ พม่า ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ในสมัยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้นำเสนอแนวทางการทูตแบบ “พัวพันอย่างสร้างสรรค์” (Constructive Engagement) แต่รัฐบาลสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วย จึงปรับมาใช้แนวทางหรือนโยบาย “ความพัวพันอย่างยืดหยุ่น” (Flexible Engagement) แทนและกรอบแนวทางนี้อาเซียนก็ใช้มาจนปัจจุบันนี้ แต่ดูเหมือนการฑูตของไทยในยุค รัฐบาล คสช จะไม่ค่อยยึดแนวทางนี้มากนัก จึงขอเรียกร้องให้ รัฐบาลชุดนี้ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น การที่รัฐบาลชุดนี้มีความริเริ่มให้เกิดพื้นที่ทางด้านมนุษยธรรมขึ้นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี  ประเทศไทยและอาเซียน ควรมีบทบาทนำให้มีเจรจายุติการหยุดยิงและการหารือเพื่อให้เกิดสันติภาพในพม่า และนำไปสู่การคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการจัดการเลือกตั้งที่เป็นอิสระและยุติธรรม รัฐบาลไทยควรมีบทบาทเชิงรุกในการทำให้เกิดการเจรจาสันติภาพในพม่า บทบาทดังกล่าวของไทยจะช่วยรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวพม่าผู้บริสุทธิ์ รักษาความสงบสันติภาพ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองฝั่งตามแนวชายแดน การยุติสงครามกลางเมือง และนำไปสู่การปฏิรูปประชาธิปไตยของพม่าจะเป็นผลโดยตรงจากความมุ่งมั่นและจริงจังของกลุ่มพลังต่างๆภายในประเทศ แต่การเปลี่ยนแปลงให้เกิด สันติธรรมประชาธิปไตยในพม่า นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากอาเซียน ไทยและนานาชาติ รวมทั้งองค์การสหประชาชาติ  </p>
<p>ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า การที่จะเปลี่ยนผ่านประเทศที่ปกครองแบบอำนาจนิยมเผด็จการทหารอย่างยาวนานให้เป็นประชาธิปไตย ทำให้ประเทศที่มีสงครามกลางเมือง เป็น ประทศที่มีสันติธรรม ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน การมีแนวทางพัวพันอย่างยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ต่อพม่าของไทยและอาเซียนเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ และ อาจต้องเริ่มต้นให้มีการหยุดยิงและเจรจากันก่อน บทบาทของไทยมีความสำคัญ และ ไทยเคยทำสำเร็จมาแล้ว กรณีการเจรจาสันติภาพและยุติสงครามกลางเมืองในกัมพูชา มีการปรับเปลี่ยนนโยบายจากสนามรบเป็นสนามการค้า </p>
<p>ไทยสามารถแสดงบทบาทต่อสันติธรรมประชาธิปไตยในพม่าและอาเซียนได้ ไทยต้องแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานและความก้าวหน้าบางอย่างที่สามารถยึดถือเป็นแบบอย่างได้ ดังต่อไปนี้  </p>
<p>1. ต้องมีการแก้ไขกติกาสูงสุดรัฐธรรมนูญของไทยให้ยึดถือหลักการประชาธิปไตยเสียก่อน เนื้อหาส่วนไหนที่ขัดแย้งต่อหลักการประชาธิปไตย และ เป็นเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมต้องตัดออก ต้องปลดปล่อยนักโทษทางความคิดและนักโทษทางการเมืองออกจากการจองจำ ยกเลิกกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นต้น </p>
<p>2. ไทยควรมีบทบาทนำในการเรียกร้องให้ รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน และ คณะกรรมการปรึกษาหารือเพื่อยุติสงครามกลางเมืองและฟื้นฟูประชาธิปไตยและสันติภาพในพม่า  </p>
<p>3. ไทยควรสนับสนุนการดำเนินงานของสหประชาชาติให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของพม่า และ ประเทศอื่นๆในอาเซียนที่ยังมีปัญหาความเป็นประชาธิปไตยและละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่ </p>
<p>4. เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนที่ตกอยู่ในอันตราย หรือ หลบหนีจากพม่า และ ประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตอย่างรุนแรง ร่วมกับอาเซียนในการเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังโดยพลการ รวมทั้งผู้ที่ถูกจำคุกโดยไม่เป็นธรรมทั้งหมด </p>
<p>5. เพิ่มแรงกดดันทางการทูต ผ่าน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและที่ประชุมสมัชชาเพื่อหยุดยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงในพม่า </p>
<p>6. เรียกร้องกดดันให้กองทัพพม่ายุติปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อพลเรือน </p>
<p>7. รัฐบาลใหม่ต้องดำเนินการกวดขันตามแนวชายแดนเพื่อยุติการส่งมอบอาวุธและทรัพยากรอื่นๆที่ถูกใช้เพื่อปรามปรามประชาชนและละเมิดสิทธิมนุษยชนของกองทัพพม่า รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจังในการปราบปรามขบวนการค้าอาวุธค้ายาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง</p>
<p>8. ต้องสร้างเครือข่ายความร่วมมือของขบวนการประชาธิปไตยในภูมิภาคอาเซียน และ รักษาเอกภาพขบวนการประชาธิปไตยภายในแต่ละประเทศ และ สร้างพลังขับเคลื่อนให้เกิด “สันติธรรมประชาธิปไตย” ภายในประเทศและสร้างพลังเครือข่ายร่วมกันเพื่อให้ภูมิภาคนี้ เป็นภูมิภาคที่เคารพต่อสิทธิมนุษยชน ยึดถือมนุษยธรรม เป็นภูมิภาคที่มีเสถียรภาพและความมั่นคง สงบสันติ สิทธิเสรีภาพเบ่งบาน เป็นภูมิภาคอาเซียนของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ปัญหาความเป็นเผด็จการและอำนาจนิยมในแต่ละประเทศในภูมิอาเซียนนั้นไม่เหมือนกัน ฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยอำนาจนิยม ใน ไทย อาจดูโหดร้าย ใช้ความรุนแรงน้อยกว่า เผด็จการทหารพม่า เป็นระบอบอำนาจนิยมที่ฉลาดกว่า เนียนกว่า และ หลอกล่อให้ ขบวนการประชาธิปไตยแตกแยกลง และ อ่อนแอลง กรณีการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 อันบิดเบี้ยวเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นปรากฎการณ์ที่เราเห็นอย่างชัดเจน และ ขอให้ท่านติดตามความพยายามในการตัดสิทธินักการเมือง และ ยุบพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ให้ดี การกระทำดังกล่าวจะนำมาสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองและการเผชิญหน้าขัดแย้งรอบใหม่ได้ </p>
<p>9. ขยาย MOU ให้แรงงานต่างด้าวชาวพม่า ได้ทำงานในไทยต่อไป ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและความมีมนุษยธรรมของสังคมไทย ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศโดยเฉพาะสหประชาชาติพัฒนาพื้นที่ทางด้านมนุษยธรรมปลอดการสู้รบเพื่อให้ผู้ลี้ภัยสงคราม ผู้รักสันติ ได้อพยพตั้งถิ่นฐานเป็นการชั่วคราวจนกว่า ประเทศพม่า จะมีสันติภาพ </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108122
 
1483  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "เบสท์ รักษ์วนีย์" อย่างขาว! นุ่งบิกินีเอวต่ำ โพสแซ่บริมหาด จังหวะนี้เห็นแล้ว เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 15:10:49
"เบสท์ รักษ์วนีย์" อย่างขาว! นุ่งบิกินีเอวต่ำ โพสแซ่บริมหาด จังหวะนี้เห็นแล้วจะวูบ
         


&quot;เบสท์ รักษ์วนีย์&quot; อย่างขาว! นุ่งบิกินีเอวต่ำ โพสแซ่บริมหาด จังหวะนี้เห็นแล้วจะวูบ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ใจละลายเกินต้าน "เบสท์ รักษ์วนีย์" อย่างขาว! นุ่งบิกินีเอวต่ำ โชว์ลีลาโพสแซ่บริมหาด จังหวะนี้บอกเลยเห็นแล้วจะวูบ
         

https://www.sanook.com/news/9242614/
         
1484  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “ก้าวไกล” แถลงจุดยืนปม “ทักษิณ” พักโทษ ซัดรัฐบาลอย่าให้ใครได้รับอภิสิทธิ์-ไม่ส เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 14:46:58
“ก้าวไกล” แถลงจุดยืนปม “ทักษิณ” พักโทษ ซัดรัฐบาลอย่าให้ใครได้รับอภิสิทธิ์-ไม่สองมาตรฐาน
         


“ก้าวไกล” แถลงจุดยืนปม “ทักษิณ” พักโทษ ซัดรัฐบาลอย่าให้ใครได้รับอภิสิทธิ์-ไม่สองมาตรฐาน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9241978/
         
1485  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'เศรษฐา' ร่วมพิธีมอบใบอนุญาตทำประโยชน์ในพื้นที่ราชการ จ.สกลนคร เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 14:38:45
'เศรษฐา' ร่วมพิธีมอบใบอนุญาตทำประโยชน์ในพื้นที่ราชการ จ.สกลนคร
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-02-18 14:18</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'เศรษฐา' วมพิธีมอบใบอนุญาตทำประโยชน์ในพื้นที่ของราชการ รับฟังประเด็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จ.สกลนคร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา หวังให้พุทธศาสนาเป็นศูนย์กลาง หล่อหลอมจิตใจ - สั่งหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาที่ดินวัดทั่วประเทศนำร่องสกลนคร 10 วัด สั่ง พศ. ดำเนินการด่วน</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53536055851_4e41a67933_o_d.png" /></p>
<p>18 ก.พ. 2567 เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่าเมื่อเวลา 10.30 น. ณ วัดถ้ำผาแด่น ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมพิธีมอบใบอนุญาตทำประโยชน์ในพื้นที่ของราชการ และพูดคุยประเด็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสกลนครให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมด้วย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
 
นายกรัฐมนตรีเข้ากราบสักการะหลวงพ่ออุดมสมบูรณ์ และกราบนมัสการพระครูปลัดอุดมวัฒน์ (ปกรณ์ กนฺตวีโร) เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาแด่น จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังประเด็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสกลนครให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา จากผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยวัดถ้ำผาแด่นถือเป็นหนึ่งในวัดท่องเที่ยวของโครงการอารามภิรมย์ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2567 นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธาน kick off โครงการอารามภิรมย์ที่วัดถ้ำผาแด่นแห่งนี้ โดยหวังให้วัดเป็นศูนย์กลางชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าวัดมากขึ้น อันเป็นการช่วยส่งเสริมความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต และการกระจายรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่
 
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีมอบใบอนุญาตทำประโยชน์ในพื้นที่ของราชการ พร้อมกล่าวว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นเทือกเขาภูพาน โดยในสมัยก่อนนั้นเป็นพื้นที่ที่ไม่มีสันติภาพ มีสงครามสู้รบกับคอมมิวนิสต์มาโดยตลอด แต่วันนี้ผ่านมา 30 ปี สันติภาพเป็นเรื่องที่เราอยู่ร่วมกันมา ทำให้ประชาชนทำมาหากินได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอันตราย เรื่องสันติภาพจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องรักษาเพื่อความสมัครสมานสามัคคี เพราะเราคงไม่อยากกลับไปสู่จุดเดิม ทั้งนี้ ต้องขอบคุณรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้มาพัฒนาและยกที่ดินให้กับพุทธศาสนา ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าชาวไทยพุทธทุกคนมีความเชื่อในเรื่องพุทธศาสนา เราอยากให้พุทธศาสนาเป็นศูนย์กลางเพื่อหล่อหลอมจิตใจให้มีความรักความสามัคคี นำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน</p>
<p>มติชนออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมว่านายกรัฐมนตรีได้ถวายใบอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าให้แก่วัดและสำนักสงฆ์ที่ประสบปัญหาที่ดิน จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ 1.วัดถ้ำผาแด่น 2.ที่พักสงฆ์นางเลิงนฤมิตร 3.ที่พักสงฆ์ป่าภูน้อย 4.ที่พักสงฆ์ป่าภูโล้น 5.ที่พักสงฆ์เกาะแก้ว 6.ที่พักสงฆ์บ้านเม่นน้อย 7.ที่พักสงฆ์ดอนแสงธรรมประชารัฐ 8.ที่พักสงฆ์ป่าสว่างธรรม 9.ที่พักสงฆ์ป่าศรัทธาธรรม และ 10.ที่พักสงฆ์ป่าโคกหินแผง ซึ่งเป็นไปตามที่ ส.ส.สกุณา สาระนันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร ได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2567 แม้วัดและที่พักสงฆ์ดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ใช้ที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี แต่ยังไม่ได้รับพิจารณาแต่อย่างใด ทำให้พระสงฆ์และชาวบ้านในชุมชนไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาได้ จนกระทั่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เร่งแก้ปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด</p>
<p>“ท่านนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงต่อความเป็นอยู่ของคณะสงฆ์และการปฏิบัติศาสนกิจทางพระพุทธศาสนา จึงได้สั่งการเร่งให้ความช่วยเหลือและแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง ได้มีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมป่าไม้ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสกลนคร และลงพื้นที่จริง พบว่ามีวัดและที่พักสงฆ์หลายแห่งทั่วประเทศประสบปัญหาเช่นเดียวกัน จึงได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรวบรวมและติดตามให้ความช่วยเหลือ โดยให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างใกล้ชิด ในอนาคตเราตั้งเป้าจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับวัดและที่พักสงฆ์ทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง วันนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราสามารถช่วยเหลือวัดและสำนักสงฆ์ 10 แห่งของ จ.สกลนคร ได้ ถือเป็นความสำเร็จที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือทั้งคณะสงฆ์และประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นางพวงเพ็ชร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108120
 
1486  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - พรรคก้าวไกลแถลงจุดยืนต่อกรณี 'ทักษิณ' ได้รับการพักโทษ เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 13:07:26
พรรคก้าวไกลแถลงจุดยืนต่อกรณี 'ทักษิณ' ได้รับการพักโทษ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-02-18 12:07</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พรรคก้าวไกลแถลงจุดยืนต่อกรณี 'ทักษิณ' ได้รับการพักโทษ ระบุหากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง ต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="770" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FMoveForwardPartyThailand%2Fposts%2Fpfbid0qMVj74creJia69RPaKk9ESt6L6CLXcXXp47o9T5HiQmVQACzLWMCmikiv7qKPZrbl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>18 ก.พ. 2567 พรรคก้าวไกลได้เผยแพร่ จุดยืนพรรคก้าวไกล ต่อกรณีคุณทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ โซเชียลมีเดียของพรรค โดยระบุว่าแม้รัฐบาลและนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณ ชินวัตร ตลอด 180 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของคุณทักษิณ ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนั้น กลับเพิ่มคำถามที่มีในใจของประชาชนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่</p>
<p>แน่นอนว่าหากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อคุณทักษิณ</p>
<p>แต่หากมองมาที่ปัจจุบัน เมื่อคุณทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญทั้งเรื่องสุขภาพของคุณทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้คุณทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่นๆ </p>
<p>พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน </p>
<p>ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108117
 
1487  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - “เศรษฐา” ยินดี “ทักษิณ” พักโทษ-กลับบ้าน ขออย่าดราม่านายกฯ 2 คน เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 12:39:04
“เศรษฐา” ยินดี “ทักษิณ” พักโทษ-กลับบ้าน ขออย่าดราม่านายกฯ 2 คน
         


“เศรษฐา” ยินดี “ทักษิณ” พักโทษ-กลับบ้าน ขออย่าดราม่านายกฯ 2 คน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9242174/
         
1488  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ป.ป.ช.รับพิจารณาคำร้องเจ้าหน้าที่รัฐอนุญาต 'ทักษิณ' รักษาตัวนอกเรือนจำ เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 11:37:04
ป.ป.ช.รับพิจารณาคำร้องเจ้าหน้าที่รัฐอนุญาต 'ทักษิณ' รักษาตัวนอกเรือนจำ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-02-18 11:18</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่าป.ป.ช.รับพิจารณาคำร้องเจ้าหน้าที่รัฐอนุญาต 'ทักษิณ' รักษาตัวนอกเรือนจำเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างข้อเท็จจริง หากมีมูลก็จะตั้งไต่สวน ชี้หากกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ ต้องมาดูการใช้ดุลยพินิจ</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53536317440_500ff238ff_o_d.png" /></p>
<p>สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2567 ว่านายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงการร้องเรียนให้ตรวจสอบอธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจและฝ่ายการเมืองผู้เกี่ยวข้องในกรณีพิจารณาอนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังเด็ดขาดไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ ว่ามีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์และกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ว่า ป ป.ช. รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ทั้งกรมราชทัณฑ์​และโรงพยาบาล​ตำรวจ เพราะตามขั้นตอน ต้องได้ข้อมูล ข้อเท็จจริงก่อน ระเบียบมีกฎหมายวิธีปฏิบัติอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร จะต้องตรวจว่าคนที่เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ มีตำแหน่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่</p>
<p>ส่วนจะเป็นความผิดหรือไม่ต้องดูที่ข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลความผิดจริง จะมีการตั้งไต่สวน แล้วเชิญพูดถูกกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แต่หากพบว่ากฎหมายเปิดช่องให้สามารถดำเนินการได้ เป็นการใช้ดุลยพินิจถูกต้องก็ไม่มีปัญหา ป.ป.ช.ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ หากฝ่าฝืนกฎหมาย ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงยังเร็วไปที่จะชี้ว่าใครถูกหรือผิด</p>
<p>ส่วนการตรวจสอบพฤติกรรมว่ามีการเอื้อประโยชน์จริงหรือไม่แม้จะมีกฎหมายรองรับนายนิวัติไชย กล่าวว่ามีกฎหมายระเบียบรองรับและไม่ได้ทำผิดกฎหมายและกฎหมายเปิดช่องให้สามารถทำได้ ต้องมีการแยกกันกับเรื่องความเหมาะสม ป.ป.ช.ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องความเหมาะสมหรือเจตนาได้ หากมีการทำตามกฎหมาย แต่ถ้าดำเนินการผิดกฎหมายจึงจะมีเจตนาในทางอาญา หากมีการดำเนินการตามกฎหมายว่าควรจะส่งบุคคลไหนไปรักษาตัวและกฎหมายเปิดช่องว่าให้เป็นดุลยพินิจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็อาจจะใช้ดุลยพินิจ ซึ่งอาจจะมีการใช้ดุลยพินิจกับคนอื่นอีกก็ได้ ป.ป.ช. ไม่ทราบว่าการใช้ดุลยพินิจกับใครบ้าง</p>
<p>ส่วน ป.ป.ช.จะตรวจสอบไปถึงการใช้ดุลยพินิจว่ามีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่และการใช้ดุลยพินิจตามอำนาจที่มีอยู่ในกฎหมายไปในทางไม่ถูกต้องหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่าจะต้องมีการตรวจสอบควบคู่กันไป แต่อย่างแรกต้องดูข้อกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ และมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้วางเส้นแล้วไม่ให้มีการฝ่าฝืน ส่วนหลังจากเมื่อมีกฎหมายแล้วทำเลยกฎหมาย ระเบียบและมติที่อนุญาตให้ทำได้ ก็ต้องมาดูแนวปฏิบัติ ว่ามีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจ อย่างไรก็ตามหากกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ ก็ยอมรับว่าเรื่องของการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจเป็นเรื่องลำบาก เหมือนกรณีศาลตัดสินคดีก็มีฝ่ายที่แพ้ฝ่ายชนะ ก็เป็นการใช้ดุลพินิจที่ทำได้โดยกฎหมาย ระเบียบวิธีปฏิบัติ แล้วจะชี้อย่างไร ซึ่งยังไม่รู้ข้อเท็จจริงเพียง จึงพูดโดยหลักการเท่านั้น</p>
<p>ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรมราชทัณฑ์มีการออกระเบียบมารองรับไว้ก่อนแล้ว และหลังจากนั้นก็ได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์นั้น เลขาฯ ป.ป.ช.กล่าวว่าต้องดูว่าสิ่งที่ทำ ทำคนเดียวหรืออย่างไร เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่สามารถไปวิจารณ์ก่อนหน้าว่าทำเพื่อเอื้อประโยชน์ ย้ำว่าขอดูข้อเท็จจริงก่อน เพราะเป็นเพียงปัญหาตุ๊กตายังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108115
 
1489  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เอม พินทองทา ร่ายความรู้สึก 17 ปี บททดสอบชีวิตที่เข้มข้น ร้องไห้เพราะคำที่ลูกเขี เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 10:00:12
เอม พินทองทา ร่ายความรู้สึก 17 ปี บททดสอบชีวิตที่เข้มข้น ร้องไห้เพราะคำที่ลูกเขียนให้คุณตา
         


เอม พินทองทา ร่ายความรู้สึก 17 ปี บททดสอบชีวิตที่เข้มข้น ร้องไห้เพราะคำที่ลูกเขียนให้คุณตา" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เอม พินทองทา ร่ายความรู้สึก 17 ปี บททดสอบชีวิตที่เข้มข้น ขอบคุณพ่อที่ตัดสินใจกลับมา วันนี้ร้องไห้เพราะประโยคที่ลูกเขียนป้ายให้คุณตา
         

https://www.sanook.com/news/9241594/
         
1490  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เปิดทะเบียนรถ "ทักษิณ" นั่งออกจาก รพ.ตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังได้รับก เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 08:46:04
เปิดทะเบียนรถ "ทักษิณ" นั่งออกจาก รพ.ตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังได้รับการพักโทษ
         


เปิดทะเบียนรถ &quot;ทักษิณ&quot; นั่งออกจาก รพ.ตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังได้รับการพักโทษ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เปิดทะเบียนรถหรูสีดำ "ทักษิณ" นั่งกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังได้รับการพักโทษ อุ๊งอิ๊ง นั่งอีกคันมา รพ.ตำรวจ ขากลับนั่งประกบคุณพ่อ
         

https://www.sanook.com/news/9241314/
         
1491  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ครอบครัวใจสลาย ลูกชายจมน้ำตาย ยายเผยลางร้าย เคยบอกจะตายตอน 9 ขวบ เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 07:28:33
ครอบครัวใจสลาย ลูกชายจมน้ำตาย ยายเผยลางร้าย เคยบอกจะตายตอน 9 ขวบ
         


ครอบครัวใจสลาย ลูกชายจมน้ำตาย ยายเผยลางร้าย เคยบอกจะตายตอน 9 ขวบ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เด็กชาย 8 ขวบ จมน้ำเสียชีวิต แม่-ยายยังทำใจไม่ได้ ยายเผยหลานเคยบอกว่า "อายุ 9 ขวบจะตาย" ไม่คิดว่าจะเป็นจริง
         

https://www.sanook.com/news/9238854/
         
1492  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'พีมูฟ' ปักหลักวันที่ 12 รอตั้ง คกก. อำนวยความยุติธรรมฯ แก้ กม.เก็บภาษีโฉนดชุมช เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 05:28:12
'พีมูฟ' ปักหลักวันที่ 12 รอตั้ง คกก. อำนวยความยุติธรรมฯ แก้ กม.เก็บภาษีโฉนดชุมชนอย่างเป็นธรรม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2024-02-18 03:28</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: พีมูฟ กลับมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 5 ก.พ. 2567 (ที่มา: เฟซบุ๊ก ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>คุยกับพีมูฟ เรื่องความคืบหน้าข้อเรียกร้อง หลังมาปักหลักหน้าทำเนียบวันที่ 12 รอตั้ง คกก.อำนวยความยุติธรรมฯ แก้การเก็บภาษีโฉนดชุมชน พร้อมผลักดันธนาคารที่ดินและอัตราภาษีที่ดินก้าวหน้า กระจายที่ดินให้ประชาชนเข้าถึงได้ </p>
<p> </p>
<p>18 ก.พ. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ ขปส. (พีมูฟ) มาชุมนุมปักหลักตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2567 เพื่อติดตามและทวงถามรัฐบาลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ </p>
<p>ทั้งนี้ เมื่อ 2-17 ต.ค. 2566 ขปส. เคยเดินทางมาปักหลักหน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ และอนุกรรมการ เพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่าย ขปส. ด้านนโยบาย 10 ข้อ และมีปัญหารายกรณีอื่นๆ </p>
<p>โดยเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2566 จึงได้ยุติการชุมนุมหลังการเจรจากับรัฐบาลได้ผลที่น่าพอใจ มีการตั้ง คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ในวันที่ 9 ต.ค. 2566 และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 10 ต.ค. 2566 ก็ได้รับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 10 ด้านของพีมูฟ </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53231014223_9289dbc694_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">การชุมนุมของพีมูฟ เมื่อ 3 ตุลาคม 2566 (ที่มา: ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move)</span></p>
<p>ทั้งนี้ ข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 10 ด้าน ได้แก่ สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย, การกระจายอำนาจ, ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม, กระจายการถือครองที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม, การจัดการทรัพยากร, การจัดการภัยพิบัติ, ชาติพันธุ์, สิทธิสถานะบุคคล, รัฐสวัสดิการ และที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค</p>
<p>โดยคณะกรรมการชุดใหญ่แก้ไขปัญหาของ ขปส. มี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน และสัดส่วนของคณะกรรมการฯ เท่ากันระหว่างพีมูฟ และเจ้าหน้าที่รัฐ</p>
<p>อย่างไรก็ตาม เมื่อ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ขปส. กลับมาชุมนุมที่หน้าประตูทำเนียบฯ อีกครั้ง เนื่องจาก “รัฐบาลเพิกเฉย ดำเนินการแก้ปัญหาล่าช้า ไม่มีความคืบหน้า” และมี 3 ข้อเรียกร้องหลักคือ </p>
<p>1. รัฐบาลต้องเดินหน้าโฉนดชุมชน ยุติการคุกคามประชาชนด้วย คทช. (คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) โดยต้องเปิดประชุมคณะกรรมการโฉนดชุมชน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ</p>
<p>2. แก้ปัญหาเรื่องด่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยพีมูฟขอเปิดเจรจากับรัฐมนตรี พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เพื่อหารือกรอบแนวทางการทำงานร่วมกันทั้งระบบรายกรณี และนโยบาย และหากไม่เปิดโอกาสให้ได้เข้าพบ ทางพีมูฟจะไม่ร่วมประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นี้</p>
<p>3. เปิดประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ ซึ่งมี ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธาน เพื่อนำข้อสรุปการแก้ไขปัญหาทั้งหมดเข้าสู่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธานต่อไป</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ความคืบหน้า: เรื่องข้อเรียกร้อง</span></h2>
<p>ทีรเนตร ไชยสุวรรณ ประธาน พีมูฟ กล่าวถึงความคืบหน้าด้านข้อเรียกร้องของพีมูฟ หลังได้มาปักหลักที่หน้าทำเนียบรัฐบาลวันที่ 12 โดยข้อเรียกร้องของพีมูฟมีหลากหลาย ทั้งประเด็นด้านสิทธิที่ดินทำกิน โฉนดชุมชน ทรัพยากร ไปจนถึงสวัสดิการ และที่ผ่านมา พีมูฟกำลังผลักดันเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุจากเดิม 600 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาท โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา มีการประชุม และตอนนี้มติที่ประชุมเคาะแล้ว เหลือแต่ผ่านขั้นตอนคณะกรรมการชุดใหญ่ และส่งเข้าการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53534281542_a206753be5_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ทีรเนตร ไชยสุวรรณ (ที่มา: สหภาพคนทำงาน)</span></p>
<p>ต่อมา ประธานพีมูฟ กล่าวถึงข้อเรียกร้องการจัดตั้ง ธนาคารที่ดิน เพื่อให้คนจนเมือง และเกษตรกร เข้าถึงที่ดินได้ ตอนนี้กำลังหาทางผลักดันให้ประกาศเป็นกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับประโยชน์ </p>
<p>ประธานพีมูฟ ระบุต่อว่า แนวคิดของธนาคารที่ดินจะต่างจากธนาคารรูปแบบพาณิชย์ทั่วไป คือจะไม่มีลักษณะค้ากำไร และต้องการลดความเหลื่อมล้ำ โดยประชาชนคนรวยที่ครอบครองที่ดินจำนวนมาก สามารถเอาที่ดินมาขายให้ธนาคาร จากนั้น ทางธนาคารฯ จะกระจายให้กับผู้ที่มีความประสงค์ไม่ว่าจะนำที่ดินไปเป็นที่อยู่อาศัย หรือทำการเกษตรกรรม ผู้มีความประสงค์ใช้ที่ดินก็ไปเช่าซื้อ และก้ทำข้อตกลงกัน ทีรเนตร คาดหวังว่า ธนาคารที่ดินจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการกระจายที่ดิน และลดความเหลื่อมล้ำ และกล่าวย้ำว่าเรื่องนี้ทางพีมูฟ ยังติดตามอย่างเข้มข้นแน่นอน  </p>
<p>ทั้งนี้ พีมูฟ ระบุด้วยว่า สำหรับกรณีรายประเด็นมีมากกว่า 200 กรณี มีการประชุม และมีการแก้ไขปัญหาคืบหน้าเป็นลำดับ และยืนยันว่าจะใช้ประชาธิปไตยทางตรงในการต่อสู้ต่อไป </p>
<p>ไมตรี จงไกรจักร ที่ปรึกษาพีมูฟ ระบุว่า สำหรับความคืบหน้าเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตชาติพันธุ์ ฉบับประชาชน จะเข้าสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 21 ก.พ. 2567 และนายกรัฐมนตรีจะลงนามรับรอง </p>
<p>ทีรเนตร กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่อง การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทวงคืนผืนป่า จำนวนราว 4 หมื่นคดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแย่งยึดที่ของรัฐบาลยุค คสช.นั้น </p>
<p>ประธานพีมูฟ เผยว่า ประเด็นนี้มีความคืบหน้า และคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในเร็วๆ นี้ โดยหลักการพิจารณาคือ ถ้าประชาชนพิสูจน์สิทธิ์ได้ว่าอยู่มานานแล้ว และเข้าเกณฑ์ทุกอย่าง พวกเขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตในที่ดินเดิมของพวกเขา และจะมีการล้างมลทินให้ด้วย </p>
<p>ด้านไมตรี กล่าวเสริมว่า ส่วนกฎหมายปฏิรูปที่ดิน และคดี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คดีป่าไม้ และที่ดินทั้ง คาดว่าภายใน 3 เดือน (พ.ค. 2567) จะเริ่มล่ารายชื่อ และเชื่อว่ากฎหมายเหล่านี้จะเกิดประโยชน์กับคนทั้งประเทศ </p>
<p>ไมตรี ฝากถึงประชาชนที่สนใจติดตามการทำกิจกรรมของพีมูฟ หรือต้องการให้กำลังใจ สนับสนุนทำได้หลายช่องทาง โดยสามารถติดตามได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-Move” สามารถเข้ามานั่งฟังเรื่องราวในที่ชุมนุมด้วยตัวเองที่หน้าทำเนียบรัฐบาล หรือสามารถแสดงความเห็นช่องทางต่างๆ </p>
<p>"เรามีความคาดหวังว่าจะสร้างความเป็นธรรม ให้กับสังคมและลดความเหลื่อมล้ำ รากของปัญหาไม่ใช่มาแก้ไขที่ปลายเหตุ เพราะฉะนั้น ถ้าแก้ต้นตอของปัญหา มันจะนำไปสู่การพัฒนา และเกิดความยั่งยืนของประชาชนทั้งประเทศได้" ไมตรี กล่าว </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ความคืบหน้า: นโยบายการเก็บภาษีที่ดินโฉนดชุมชนอย่างเป็นธรรม </span></h2>
<p>ประภาส ปิ่นตบแต่ง ที่ปรึกษาพีมูฟ ตัวแทนชาวบ้านโฉนดชุมชนคลองโยง จ.นครปฐม ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงข้อเรียกร้องที่ชุมชนคลองโยง ระบุว่า ทางคลองโยง มาร่วมผลักดันกับพีมูฟ โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญคือการจัดเก็บภาษีที่ดินลักษณะโฉนดชุมชนอย่างเป็นธรรม ตามรายแปลง รวมถึงการผลักดันการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราก้าวหน้า เพื่อให้เกิดการกระจายที่ดินให้ผู้มีรายได้น้อย หรือไม่มีรายได้ </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53534287512_ceeda4c9bd_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ประภาส ปิ่นตบแต่ง (ที่มา: สหภาพคนทำงาน)</span></p>
<p>ประภาส กล่าวว่า สำหรับประเด็นปัญหาที่ชุมชนคลองโยง สืบเนื่องมาจากการเก็บภาษีที่ดินชุมชนคลองโยง ซึ่งเป็นโฉนดชุมชน ถือครองร่วมกันเป็นแปลงใหญ่ ถูกเก็บภาษีในอัตราที่ดินแปลงใหญ่ ไม่เป็นธรรม ซึ่งสร้างภาระให้กับประชาชนอย่างมาก </p>
<p>ประภาส ระบุว่า ชุมชน 'คลองโยง' เดิมทีได้รับมอบที่ดินมาจากรัฐบาลที่มาจากการเช่าซื้อ จำนวน 1,800 ไร่ แบ่งรายแปลง 24 แปลง แปลงละ 20 ไร่ ที่เหลือเป็นของสหกรณ์ไว้ใช้ส่วนกลาง </p>
<p>อย่างไรก็ตาม โฉนดที่ดิน 1,800 ไร่ของชุมชนคลองโยง ถูกจัดเก็บภาษีตามอัตราภาษีแปลงใหญ่ ทำให้มีราคาแพงกว่าแปลงย่อย หรือแปลงเล็ก โดยปกติชุมชนคลองโยง เสียภาษี 500-600 บาทต่อไร่   ทีนี้ถ้าเป็นแปลงย่อย หรือที่ดินมูลค่าไม่เกิน 75 ล้านบาท จะเสียภาษีเพียงร้อย 0.01 ประมาณนี้ ซึ่งน้อยมากและปัญหานี้ไม่ได้เกิดที่คลองโยงที่เดียว แต่มีที่ภาคเหนือทั้งรูปแบบสหกรณ์แบบคลองโยง หรือรูปแบบที่ดินของ สปก. และที่ดินของคนจนเมือง อย่างในกรณีของบ้านมั่นคง มีเนื้อที่ 1 ไร่ แต่ซอยย่อยเหลือแปลงละ 8 ตารางวา มีหลายหลังในนั้น ซึ่งที่ดินก็จะเป็นในรูปแบบสหกรณ์ ฉะนั้น ประชาชนต้องจ่ายภาษีในอัตรา 1 ไร่ ไม่ใช่ 8 ตารางวา ซึ่งภาระประชาชนก็จะแตกต่างกันมาก </p>
<p>ที่ปรึกษาพีมูฟ ระบุว่า เขาขอเรียกร้องให้รัฐบาลเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม ภายใต้หลักคิดของโฉนดชุมชน หรือที่ดินแปลงรวมที่ชุมชนต้องการบริหารจัดการร่วมกัน แต่ให้เก็บตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่เก็บภาษีที่ดินตามกรรมสิทธิ์ร่วมกันแบบสหกรณ์ </p>
<p>ที่ปรึกษาพีมูฟ ระบุต่อว่า ข้อเรียกร้องนี้สำคัญคือ ถ้ารัฐบาลไม่แก้ไข จะส่งผลให้โฉนดชุมชนไม่สามารถดำเนินต่อได้ </p>
<p>ประภาส กล่าวด้วยว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เราต้องการให้รัฐบาลทำได้ 2 ลักษณะ ความคืบหน้าคือในคณะกรรมการแก้ไขปัญหา คือยอมรับหลักการว่าจะต้องมีการเพิ่มเติมในประกาศกระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2543 คือที่ดินในลักษณะนี้ให้เก็บตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่เก็บตามกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ในลักษณะสหกรณ์แปลงรวม และจะมีวาระการพิจารณาของ คทช. ในวันที่ 20 ก.พ. 2567 </p>
<p>นอกจากนี้ ประภาส กล่าวด้วยว่า พีมูฟยังมีการเรียกร้องให้มีการเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า เพื่อกระจายการถือครองที่ดิน ให้คนที่มีที่ดินเยอะๆ ควรจะต้องถูกจัดเก็บภาษีในทางก้าวหน้า เพื่อให้เขามีภาระทางภาษี ให้เขาคลายที่ดินออกมา และนำมากระจายให้ประชาชนคนอื่นๆ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ไม่มีรายได้ หรือรายได้น้อย ให้เขาได้นำไปใช้ทำมาหากิน และอื่นๆ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ติดตามตั้ง คกก.อำนวยความยุติธรรมฯ</span></h2>
<p>สมบัติ ชูมา ประธานกรรมการบริหาร พีมูฟ และเครือข่ายกะเหรี่ยงตะวันตก ระบุว่า มาติดตามข้อเรียกร้องตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วเคยรับปากไว้ และสืบเนื่องจนมาถึงรัฐบาลนี้ และมีเรื่องที่รัฐบาลทำงานค้างคากันไว้ ไม่ว่าจะเป็นมติ ครม.ที่เกี่ยวพันกับความเดือดร้อนของประชาชน พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตชาติพันธุ์ ฉบับประชาชน รวมถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยความยุติธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53535494054_511665d179_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">สมบัติ ชูมา (ที่มา: สหภาพคนทำงาน)</span></p>
<p>สมบัติ ระบุว่า คณะกรรมการอำนวยความยุติธรรมของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการเลื่อนแต่งตั้งมาตลอด พวกเขาเลยคุยกับคณะกรรมการบริหารพีมูฟ แล้วว่าถ้ายังไม่มีการแต่งตั้ง พวกเขาก็ไม่กลับ แต่ถ้าอนุกรรมการมีการเซ็นลงนามแต่งตั้ง เขาเชื่อว่าการทำงานระหว่างพีมูฟ และทางการ จะดีขึ้น</p>
<p>สมบัติ กล่าวต่อว่า กระบวนการแก้ไขปัญหาตอนนี้ไม่สามารถขยับไปได้ และความเดือดร้อนของประชาชนก็ไม่สามารถรอได้ ดังนั้น การชุมนุมปักหลักยาวหน้าทำเนียบ เราคาดว่าพวกเขาอาจจะเข้าใจมากขึ้น มีการเซ็นอนุมัติ หรือการเปิดประชุม เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน และสร้างกลไกการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบต่อไป</p>
<p>ปธ.กก.บห.พีมูฟ ระบุว่า สำหรับอนุกรรมการอำนวยความยุติธรรม มีบทบาทจะดูแลเรื่องคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามคำร้องของประชาชนในเครือข่ายที่ได้รับผลกระทบเรื่องคดีแพ่งและคดีอาญา หรือแม้แต่การแก้ไขความทับซ้อนเชิงกระบวนการกฎหมายต่างๆ จำเป็นมากที่จะต้องได้คนที่มีความรู้กฎหมายเข้ามาแก้ไขปัญหา เรื่องคดีความต่างๆ ต้องให้ รอง ผบ.ตร. เข้ามานั่งในอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยตรง</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108111
 
1493  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - อึ้งทั้งชั้นเรียน เด็กชายเอาเงิน 128,000 บาท แจกครู-เพื่อน พ่อแม่ช็อก เผยที่มาเงิน เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 04:57:53
อึ้งทั้งชั้นเรียน เด็กชายเอาเงิน 128,000 บาท แจกครู-เพื่อน พ่อแม่ช็อก เผยที่มาเงิน
         


อึ้งทั้งชั้นเรียน เด็กชายเอาเงิน 128,000 บาท แจกครู-เพื่อน พ่อแม่ช็อก เผยที่มาเงิน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;พ่อแม่แทบช็อก ครูโทรมาแจ้ง ลูกชายวัยประถมกลายเป็นสายเปย์ หอบเงิน 128,000 บาท มาแจกที่โรงเรียน รู้ที่มาของเงินอึ้งยิ่งกว่า
         

https://www.sanook.com/news/9239086/
         
1494  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กว่า 12,000 รายชื่อ ยื่นเสนอร่างกฎหมาย PRTR ขอ 'เศรษฐา' อย่าปัดตก เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 02:18:25
กว่า 12,000 รายชื่อ ยื่นเสนอร่างกฎหมาย PRTR ขอ 'เศรษฐา' อย่าปัดตก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-17 10:52</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ภาคประชาชน ยื่นรายชื่อประชาชน 12,165 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติการรายงาน และเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ…. (ร่างกฎหมาย PRTR) ขอให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน พิจารณาผ่านร่างกฎหมาย เพื่อเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53534136359_e4c351def5_o_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)</span></p>
<p>เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2567 ตัวแทนจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม มูลนิธิบูรณะนิเวศ กรีนพีซ ประเทศไทย และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน  ยื่นรายชื่อประชาชน 12,165 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติการรายงาน และเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ…. (ร่างกฎหมาย PRTR) พร้อมมอบป้ายผ้าลายจิ๊กซอว์ที่มีข้อความว่า “สิ่งแวดล้อมจะดีต้องมี PRTR” ให้กับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่สัปปายะสภาสถาน และขอให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน พิจารณาผ่านร่างกฎหมาย เพื่อเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร</p>
<p>ลายจิ๊กซอว์บนป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “สิ่งแวดล้อมจะดีต้องมี PRTR” เปรียบเสมือนตัวแทนสัญลักษณ์ของภาครัฐและประชาชนที่ต้องทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันให้เกิดกฎหมายการรายงานและเปิดเผยข้อมูลปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ หรือ PRTR มาบังคับใช้ในประเทศไทย เพราะกฎหมาย PRTR จะเป็นกลไกเชื่อมความรับรู้ข้อมูลมลพิษให้กับประชาชน ในขณะที่ภาครัฐสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล และกำหนดบทลงโทษกับผู้ที่ก่อมลพิษได้ และเป็นการช่วยภาคเอกชนให้มีระบบการจัดการสารเคมีที่ดีขึ้นและมีระบบการรายงานได้ตามมาตรฐานสากลด้วย</p>
<p>รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน ด้วยการจัดสรรงบประมาณดูแลสุขภาพของประชาชนทุกคน กฎหมาย PRTR คือ สิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน (Community Right-to-Know)  ที่กำหนดให้มีการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนเกี่ยวกับชนิดและปริมาณของสารเคมีหรือมลพิษที่มีการปลดปล่อยจากแหล่งกำเนิดมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หากประเทศไทยมีกฎหมาย PRTR จะช่วยให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลมลพิษ ช่วยกันติดตามตรวจสอบ ไปจนถึงจัดการเบื้องต้นกับปัญหามลพิษที่อยู่ใกล้ตัวเองได้</p>
<p>เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า “กฎหมาย PRTR ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เริ่มต้นกันมาตั้งแต่ปี 2535 ส่วนประเทศไทยก็มีการเรียกร้องให้มีกฎหมาย PRTR มากว่า 20 ปีแล้วเพื่อใช้เป็นกฎหมายเฉพาะสำหรับการแก้ปัญหามลพิษอุตสาหกรรมและลดอุบัติภัยจากสารเคมี นับจากที่ประเทศไทยดำเนินโครงการนำร่อง PRTR เพื่อแก้ปัญหามลพิษอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยองตั้งแต่ปี 2556 ระยะเวลาได้ล่วงเลยมานานสิบปีแล้ว ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่างเห็นว่า ระบบ PRTR จะช่วยแก้ปัญหามลพิษได้ดีและจะทำให้หน่วยงานของภาครัฐกำกับดูแลอุตสาหกรรมและแหล่งกำเนิดมลพิษต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทำไมจนถึงทุกวันนี้กลับยังไม่มีการประกาศออกมาเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้ทั่วประเทศสักที”</p>
<p>สุรชัย ตรงงาม เลขาธิการ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “หากประเทศไทยเรามีกฎหมาย PRTR จะทำให้เราสามารถใช้กฎหมายในการกำกับดูแลสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันเรายังขาดข้อมูลการปล่อยมลพิษขั้นพื้นฐาน (Emission Inventory) ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะไม่มีข้อมูลพื้นฐานเพื่อนำไปประกอบการบังคับใช้กฎหมาย”</p>
<p>อัลลิยา เหมือนอบ นักรณรงค์ด้านมลพิษทางอากาศ กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า “การเข้าถึงข้อมูลการปล่อยมลพิษนี้ คือ การทำงานร่วมกันระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน เพราะการเข้าถึงข้อมูลนี้ จะช่วยให้ประชาชนสามารถช่วยกันติดตาม และตรวจสอบได้ว่ามีแหล่งปล่อยมลพิษอยู่ที่ไหน จำนวนเท่าไหร่ ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ประชาชนจะใช้ในการปกป้องสุขภาพของตนเองและเรียกร้องสิทธิในการเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่ดี”</p>
<p>เครือข่ายภาคประชาชนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะพิจารณาผ่านร่างกฎหมาย PRTR เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐสภา โดยไม่ปัดตกด้วยเหตุผลด้านงบประมาณการเงิน เพราะการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีคือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน</p>
<p><strong>หมายเหตุ</strong>
<span style="color:#3498db;">[1]</span> กฎหมาย PRTR คืออะไร
<span style="color:#3498db;">[2]</span> ศาลปกครองพิพากษาคดี PM2.5 สั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำ PRTR</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108101
 
1495  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สาวสั่งข้าวร้านประจำ บอกตรงๆ เหลือเงินแค่ 100 ขอข้าวเพิ่ม แต่สิ่งที่ได้ทำน้ำตาไห เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 02:18:24
สาวสั่งข้าวร้านประจำ บอกตรงๆ เหลือเงินแค่ 100 ขอข้าวเพิ่ม แต่สิ่งที่ได้ทำน้ำตาไหล
         


สาวสั่งข้าวร้านประจำ บอกตรงๆ เหลือเงินแค่ 100 ขอข้าวเพิ่ม แต่สิ่งที่ได้ทำน้ำตาไหล" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;สาวกดแอปฯ สั่งข้าวร้านประจำ บอกตรง ๆ เหลือเงินแค่ 100 สุดท้าย ขอเพิ่มข้าว แต่สิ่งที่ได้รับ ทำเอากินไปน้ำตาไหลไป
         

https://www.sanook.com/news/9239234/
         
1496  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เหยื่อซ้อมทรมานยื่นหนังสือถึงผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2567 00:47:39
เหยื่อซ้อมทรมานยื่นหนังสือถึงผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-17 11:16</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผู้เสียหายจากการถูกซ้อมทรมานระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อปี 2564 ยื่นหนังสือถึงผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการทรมานฯ ขอให้จับตาและติดตามการละเมิดสิทธิฯ ของเจ้าหน้าที่รัฐไทย</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53534023188_971c590308_o_d.png" /></p>
<p>มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 7 ก.พ 2567 ที่ผ่านมา อรรถสิทธิ์ นุสสะ ผู้เสียหายจากการถูกซ้อมทรมานระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อปี 2564  ได้ยื่นหนังสือถึงผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (UN Special Rapporteur on torture and other cruel, inhuman or degrading treatment) เพื่อเรียกร้องให้ผู้รายงานพิเศษฯ รับทราบถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอให้ร่วมจับตาและกำชับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐไทยให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานระหว่างประเทศต่อไป</p>
<p>คดีนี้สืบเนื่องจากนายสอรรถสิทธิ์ นุสสะ ผู้เสียหาย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายเพื่อบังคับให้บอกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ชุมนุม ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในสน.ดินแดงเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564 หลังอรรถสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมจุดเทียนไว้อาลัยและทวงถามความยุติธรรมให้แก่ วาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าสน.ดินแดง โดยระหว่างที่เข้าร่วมกิจกรรมไว้อาลัยอรรถสิทธิ์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง จับกุมและควบคุมตัวไว้ใน สน.ดินแดง เป็นเวลาหนึ่งคืน และถูกซ้อมทำร้ายร่างกายบังคับให้สารภาพในคืนนั้น จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณดวงตาและร่างกาย ต่อมาอรรถสิทธิ์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายของวันที่ 30 ต.ค 2564</p>
<p>ก่อนหน้านี้อรรถสิทธิ์พร้อมด้วยทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในนามภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ดินแดง หลังเกิดเหตุเพียงหนึ่งวัน และเดินหน้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ช่วยสอบสวนหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดีแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกราย อย่างไรก็ตามปัจจุบันคดีอาญายังคงไม่มีความคืบหน้าหลังสำนวนคดียังคงอยู่ที่สน.ดินแดง ในส่วนของคดีแพ่ง อรรถสิทธิ์ยังได้เดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิด ณ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 3,385,155 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยคดีดังกล่าวศาลนัดสืบพยานในวันที่ 26-27 มิ.ย 2567 นี้</p>
<p>จากการดำเนินการที่ล่าช้าของภาครัฐสร้างความน่ากังกลใจให้กับอรรถสิทธิ์อย่างยิ่งจึงได้ยื่นหนังสือถึงผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี เพื่อขอให้ช่วยจับตาและติดตามกรณีดังกล่าว</p>
<p>มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชน ร่วมกันติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิดถึงความคืบหน้าของกรณีนายอรรถสิทธิ์ว่าจะได้รับความยุติธรรมและนำเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงมารับผิดได้หรือไม่ อีกทั้งจะสามารถยกระดับมาตราฐานแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานระหว่างประเทศอย่างแท้จริงได้หรือไม่</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108102
 
1497  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เซอร์ไพรส์แฟนเก่าเจ้าบ่าวมาร่วมงานแต่ง พ่อผัวพูดประโยคเดียว ใจสลายแทนเจ้าสาว เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2567 23:48:02
เซอร์ไพรส์แฟนเก่าเจ้าบ่าวมาร่วมงานแต่ง พ่อผัวพูดประโยคเดียว ใจสลายแทนเจ้าสาว
         


เซอร์ไพรส์แฟนเก่าเจ้าบ่าวมาร่วมงานแต่ง พ่อผัวพูดประโยคเดียว ใจสลายแทนเจ้าสาว" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;แฟนเก่าเจ้าบ่าวมาร่วมงานด้วย การกระทำของครอบครัวเจ้าบ่าวทำอึ้ง คำพูดของพ่อฝ่ายชายยิ่งจุกอก ใครรู้ก็อยากกอดเจ้าสาว
         

https://www.sanook.com/news/9239510/
         
1498  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ฟอร์ติฟายไรท์' เรียกร้องบังกลาเทศร่วมมือ ICC สอบสวน ตชด. พม่าที่หลบหนีอยู่ในป เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2567 23:16:21
'ฟอร์ติฟายไรท์' เรียกร้องบังกลาเทศร่วมมือ ICC สอบสวน ตชด. พม่าที่หลบหนีอยู่ในประเทศ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-17 11:43</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ในช่วงที่มีสงครามกลางเมืองพม่าระหว่างสภากองทัพเผด็จการพม่า กับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ก็มีตำรวจตระเวนชายแดนฝ่ายเผด็จการพม่าจำนวนหลายร้อยนายหนีไปยังประเทศบังกลาเทศที่อยู่ติดกับพม่า องค์กรสิทธิมนุษยชน 'ฟอร์ติฟายไรท์' เรียกร้องให้มีการสอบสวนว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมโหดร้ายในพม่าหรือไม่ โดยให้ประสานงานกับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในการนี้</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53534053503_98fa60503b_o_d.png" /></p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์ องค์กรด้านการตรวจสอบการละเมิดสิทธิฯ ระบุในบทความเว็บไซต์ของพวกเขาลงวันที่ 8 ก.พ. 2567 เรียกร้องให้รัฐบาลบังกลาเทศสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (BGP) ของกองทัพเผด็จการพม่าที่หนีเข้าบังกลาเทศ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เหล่านี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมความโหดร้ายในพม่า</p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์เรียกร้องให้มีการประสานความร่วมมือกับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในการสืบสวนอาชญากรรมต่อชาวโรฮิงญาที่เป็นชนกลุ่มน้อยในพม่า หลังจากที่ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีตำรวจตระเวนชายแดนพม่าหลายร้อยนายที่หนีจากการสู้รบกับอาระกันอาร์มีเข้าสู่บังกลาเทศ โดยที่กลุ่มอาระกันอาร์มีเป็นกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งในรัฐยะไข่ ประเทศพม่า</p>
<p>เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 หน่วยตระเวนชายแดนของบังกลาเทศกล่าวว่าตำรวจตระเวนชายแดนพม่า 264 นายได้เดินทางเข้าสู่บังกลาเทศเนื่องจากกำลังเกิดการสู้รบอยู่ในพม่า มีบางวันที่ตชด.เหล่านี้อพยพเข้าสู่ประเทศมากกว่า 100 นายในวันเดียว และมีบางส่วนที่ "บาดเจ็บสาหัส" ซึ่งพวกเขากำลังเข้ารับการรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลในบังกลาเทศ</p>
<p>โมฮัมเหม็ด มิซานูร์ รอห์มัน กรรมาธิการด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ลี้ภัยและการส่งกลับประเทศของบังกลาเทศ ที่มีฐานในเมืองค็อกซ์บาซาร์ กล่าวว่า ตำรวจตระเวนชายแดนของพม่าจะได้รับการดูแลในเมืองบานดาร์บานที่อยู่ใกล้เคียงก่อนที่จะส่งตัวกลับพม่า</p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์ระบุว่า บังกลาเทศไม่ควรจะบังคับให้ตำรวจตระเวนชายแดนพม่ากลับประเทศของตัวเอง</p>
<p>แมทธิว สมิทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟอร์ติฟายไรท์กล่าวว่า "บังกลาเทศควรจะหลีกเลี่ยงไม่รีบส่งตัวเจ้าหน้าที่เหล่านี้กลับประเทศ แต่ควรจะให้การดูแลและคุ้มครองตามความต้องการของพวกเขา และควรจะมีการสอบสวนพวกเขาถึงความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมความโหดร้ายในพม่า"</p>
<p>"มันจะเป็นประโยชน์กับทหาร, ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ชายแดนนายอื่นๆ ของพม่าเอง ในการที่จะออกมายอมรับการกระทำของตัวเอง และให้ความร่วมมือกับกลไกยุติธรรมนานาชาติ" สมิทธ์กล่าว</p>
<p>ทางศาล ICC เองก็เคยมีการตัดสินเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2562 อนุญาตให้ สำนักงานอัยการของ ICC (OTP) ทำการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในพม่าตามที่มีการกล่าวหา อย่างน้อยก็ในส่วนที่เกิดขึ้นในอาณาเขตของบังกลาเทศ</p>
<p>ทางศาล ICC ยังไม่ได้ออกหมายจับในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมความโหดร้ายต่อโรฮิงญา การสืบสวนของ OTP ยังอยู่ในช่วงของการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาราว 4 ปีแล้ว</p>
<p>บังกลาเทศเป็นประเทศสมาชิก ICC ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมาและก่อนหน้านี้ก็เคยประสานงานกับศาลในการนำตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดจากพม่ามาดำเนินคดี</p>
<p>เมื่อเดือน ก.ย. 2563 ทหารพม่า 2 นายคือ พลทหาร Myo Win Tun และ Zaw Naing Tun ปรากฏตัวที่พรมแดนบังกลาเทศ-พม่า ทั้งสองคนขอการคุ้มครองจากทางการบังกลาเทศ ในฐานะที่บังกลาเทศเป็นสมาชิกของ "ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ" ทางการบังกลาเทศได้แจ้งเตือนเรื่องพลทหารสองนายนี้ต่อ ICC โดยที่ทหารสองนายนี้ได้สารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่, การข่มขืน และอาชญากรรมอื่นๆ ต่อชาวโรฮิงญาในพม่า ทหารสองนายนี้ถูกส่งตัวต่อไปที่กรุงเฮก (เมืองที่ตั้งของ ICC) และนับเป็นผู้ก่อเหตุกลุ่มแรกในพม่าที่ถูกส่งตัวให้กับ ICC</p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์เสนอว่าทางการบังกลาเทศควรจะประสานงานกับกลไกอิสระนานาชาติเพื่อพม่า (IIMM) ในการเก็บรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับอาชญากรรมนานาชาติในพม่า คณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติจัดตั้ง IIMM ขึ้นในปี 2562 เพื่อเก็บรวบรวมและเก็บรักษาหลักฐานอาชญากรรมนานาชาติในพม่าเพื่อที่จะนำมาใช้สำหรับการดำเนินคดีในอนาคต</p>
<p>ในปี 2559-2560 กองทัพพม่าเป็นผู้นำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ โดยมีการเผาทำลายหมู่บ้านหลายร้อยแห่ง มีกรณีการสังหาร, ข่มขืน และทารุณกรรม เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน และบีบให้ประชาชนมากกว่า 700,000 คนลี้ภัยไปที่บังกลาเทศ ฟอร์ติฟายไรท์, รัฐบาลสหรัฐฯ, คณะผู้แทนค้นหาข้อเท็จจริงที่ได้รับแต่งตั้งโดยสหประชาชาติ, องค์การต่างๆ ที่นำโดยชาวโรฮิงญา และหน่วยงานอื่นๆ ต่างก็ระบุว่าการโจมตีต่อชาวโรฮิงญาในกรณีนี้นับเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์</p>
<p>สมิทธ์ กล่าวว่า "รัฐบาลบังกลาเทศมีความคงเส้นคงวาในการกระทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยการช่วยสร้างความคืบหน้าด้านกระบวนการยุติธรรมนานาชาติสำหรับกรณีอาชญากรรมความโหดร้ายในพม่า และพวกเราก็หวังว่าทางการจะยังคงเดินตามเส้นทางเดิมต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้"</p>
<p>"ตำรวจตระเวนชายแดนเหล่านี้ อาจจะมีข้อมูลที่ช่วยนำตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบต่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาและอาชญากรรมอื่นๆ ที่กำลังปรากฏให้เห็นในพม่า และพวกเขาก็ควรจะได้รับการสอบสวนอย่างเหมาะสม" สมิทธ์กล่าว</p>
<p><span style="color:#2980b9;"><strong>เรียบเรียงจาก</strong></span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">Bangladesh: Investigate Fleeing Myanmar Junta-Forces, Coordinate with International Criminal Court, Fortify Rights, 08-02-2024</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108104
 
1499  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กลุ่มคนไทยต่างประเทศประนามการจับกุมและดำเนินคดีประชาชนและผู้สื่อข่าว เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2567 21:46:16
กลุ่มคนไทยต่างประเทศประนามการจับกุมและดำเนินคดีประชาชนและผู้สื่อข่าว
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-17 12:01</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กลุ่มคนไทยต่างประเทศ Coast to Coast USA และเครือข่าย ออกแถลงการณ์ประนามการจับกุมและดำเนินคดีประชาชนและผู้สื่อข่าว ชี้ไทยล้มเหลวในการรักษาพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53526952064_ec712b6ef8_h_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">แฟ้มภาพประชาไท</span></p>
<p>17 ก.พ. 2567 กลุ่มคนไทยต่างประเทศ Coast to Coast USA และเครือข่าย ออกแถลงการณ์ประนามการจับกุมและดำเนินคดีประชาชนและผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า เมื่อวันที่อังคารที่ 12 ก.พ. 2567 เวลา 17:00 น. ผกก.สส.น.9  นำหมายจับ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ มาแสดง ขณะที่ตะวันมาให้กำลังใจนายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพอิสระ โดยเป็นการจับกุมจากกรณีที่ตะวัและแฟรงค์ได้บีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ ในขณะที่ขบวนเสด็จฯ กำลังแล่นผ่านบนทางด่วนย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.พ. 2567 ตะวันได้ถูกนายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่ม “กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน” หรือ ศปปส. พุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายขณะทำกิจกรรมโพลความคิดเห็นประเด็นขบวนเสด็จฯ ณ บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม </p>
<p>นอกจากนี้ในวันอังคารที่ 12 ก.พ. 2567 นายณัฐนนท์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวประชาไท และนายณัฐพล ช่างภาพอิสระ ถูกตำรวจชุดนอกเครื่องแบบแสดงหมายจับข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหาย ซึ่งมาจากกรณีที่ทั้งสองได้ไปทำหน้าที่ติดตามรายงานข่าวเหตุการณ์เมื่อ 28 มี.ค. 2566 กรณีที่ศิลปินอายุ 25 ปี ได้พ่นสีข้อความทำเป็นสัญลักษณ์ไม่เอา 112 และเครื่องหมายสัญลักษณ์ "อนาคิสต์" บนกำแพงวัดพระแก้ว ด้านตรงข้ามสนามหลวง และจากรายงานข่าวล่าสุด นายณัฐนนท์เพิ่งได้รับการปล่อยตัว </p>
<p> ประเทศไทยเป็นผู้ลงนามในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ตามกติกานั้น ประเทศไทยได้ให้คํามั่นที่จะรักษาหลักการที่ยึดถือ หลักการเหล่านั้นแสดงอุดมคติที่ว่ามนุษย์ที่เป็นอิสระต้องมีเสรีภาพทางแพ่ง และการเมือง ประเทศไทยมีหน้าที่ส่งเสริมความเคารพสากล และการปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนภายใต้สนธิสัญญานั้น สิทธิเหล่านั้นรวมถึงการชุมนุมอย่างสันติภายใต้มาตรา 21 สิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีการแทรกแซงภายใต้มาตรา 19 และเสรีภาพในการสมาคมภายใต้มาตรา 23 จากกรณีที่มีการจับกุมพลเมืองที่ใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็น และนักข่าวที่ทำหน้าที่รายงานข่าวตามวิชาชีพ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยล้มเหลวในการรักษาพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง </p>
<p> ดังนั้นเรากลุ่มคนไทยต่างประเทศ ในนาม Coast to Coast USA และองค์กร เครือข่าย แนวร่วม ตามรายชื่อด้านท้าย ขอประณามการจับกุมพลเมืองไทยเหล่านี้ด้วยข้อหาตามมาตรา 112 และ 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และขอประณามเจ้าหน้าที่รัฐถึงการตั้งข้อหา “ร่วมสนับสนุนการกระทำผิดในคดีอาญา” ต่อสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ติดตามและเสนอข่าวตามวิชาชีพสื่อ ซึ่งเป็นการบั่นทอนต่อสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน และเป็นการปิดกั้นการรับรู้ของประชาชนในเรื่องที่รัฐไม่ได้ต้องให้สื่อนำเสนอ </p>
<p>สุดท้ายเราเชิญชวนพี่น้องชาวไทยที่มีความห่วงใยในสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทยให้ร่วมกันลงชื่อสนับสนุน และผลักดัน “ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน” นิรโทษกรรมให้ “ทุกข้อหา” ที่เกิดจากการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น คดีตามประกาศ/คำสั่งคสช. คดีพลเรือนในศาลทหาร คดีมาตรา 112 คดีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือคดีพ.ร.บ.ประชามติฯ เพื่อให้สภาพิจารณา สามารถอ่านรายละเอียดและลงชื่อทางออนไลน์ได้ที่ : https://amnestypeople.com </p>
<p>USA 
- Coast to Coast USA
 - Thai New Yorkers for democracy 
 - Thai Rights Now
 - Free youth Chicago
 - Boston for Thai Democracy
 - LA for Thai Democracy </p>
<p> Europe 
 - Thai Eu Dem
 - Nana España Thai community
 - Norge frihet for thai demokrati
 - Thai Expat Club NL</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108105
 
1500  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - อึ้งทั้งชั้นเรียน เด็กชายเอาเงิน 128,000 บาท แจกครู-เพื่อน พ่อแม่ช็อก เผยที่มาเงิน เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2567 21:13:41
อึ้งทั้งชั้นเรียน เด็กชายเอาเงิน 128,000 บาท แจกครู-เพื่อน พ่อแม่ช็อก เผยที่มาเงิน
         


อึ้งทั้งชั้นเรียน เด็กชายเอาเงิน 128,000 บาท แจกครู-เพื่อน พ่อแม่ช็อก เผยที่มาเงิน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;พ่อแม่แทบช็อก ครูโทรมาแจ้ง ลูกชายวัยประถมกลายเป็นสายเปย์ หอบเงิน 128,000 บาท) มาแจกที่โรงเรียน รู้ที่มาของเงินอึ้งยิ่งกว่า
         

https://www.sanook.com/news/9239086/
         
หน้า:  1 ... 73 74 [75] 76 77 ... 1118
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.764 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 19 ตุลาคม 2566 03:22:18