[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
02 พฤษภาคม 2567 02:41:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 1120
2821  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - คนทำงานในยุโรปหยุดงานประท้วงก่อนคริสต์มาส เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 20:28:26
คนทำงานในยุโรปหยุดงานประท้วงก่อนคริสต์มาส
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-12-24 19:27</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พนักงานคลังสินค้าของ Amazon ในเยอรมนีและสเปน หยุดงานประท้วงก่อนคริสต์มาส ทวงสิทธิ์สภาพการทำงานที่ดีขึ้น ส่วนที่อิตาลี สหภาพแรงงานในภาคการค้า บริการ และท่องเที่ยว หยุดงานประท้วง เรียกร้องต่ออายุข้อตกลงสภาพการจ้างทั้งอุตสาหกรรม</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53417862471_9bb812e4dd_o_d.png" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: UNI Global Union</span></p>
<p>ในสังคมที่สหภาพแรงงานมีความเข้มแข็งและผู้คนมีความเข้าอกเข้าใจแรงงาน สหภาพแรงงานมักจะนัดหยุดงานประท้วงในช่วงเทศกาลเพราะต้องการสร้างความกดดันให้นายจ้างยอมทำตามข้อเรียกร้องของตน โดยหวังว่าการหยุดงานในช่วงเทศกาลที่มีความต้องการสินค้าและบริการสูงจะทำให้นายจ้างยอมเจรจาต่อรองมากขึ้น นอกจากนี้ สหภาพแรงงานยังมองว่าการหยุดงานในช่วงเทศกาลเป็นโอกาสที่จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแรงงานต่อสังคม โดยแสดงให้เห็นว่าหากไม่มีแรงงานก็จะไม่มีสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน</p>
<p>สหภาพแรงงาน UNI Global Union รายงานว่าก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส พนักงานคลังสินค้าของ Amazon ในเยอรมนีและสเปน ได้เริ่มต้นการประท้วงหยุดงานอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากการประท้วง "Make Amazon Pay Day" ที่ประสบความสำเร็จในวัน Black Friday เมื่อวัน 24 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนและความสนใจจากขบวนการแรงงานในหลายประเทศ</p>
<p>ในช่วงก่อนคริสต์มาส พนักงานจากคลังสินค้า Amazon หลายแห่งในเมือง Winsen ประเทศเยอรมนี ออกมาประท้วง ข้อเรียกร้องหลักของพวกเขาคือการเพิ่มค่าแรง และข้อตกลงที่รับประกันสภาพการทำงานที่มั่นคง รวมถึงเอื้อต่อสุขภาพที่ดีของพนักงาน</p>
<p>การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ สมาชิกสหภาพแรงงาน ver.di ของเยอรมัน ต่อสู้กับแนวปฏิบัติด้านแรงงานของ Amazon มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึงทศวรรษ พวกเขาเรียกร้องให้ Amazon เพิ่มค่าแรงและลงนามใน "ข้อตกลงร่วมสำหรับการทำงานที่มั่นคงและสุขภาพที่ดีของคนทำงาน"</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีการหยุดงานประท้วงที่คล้ายคลึงกันในสเปน โดยพนักงานที่คลังสินค้า Amazon ใน Dos Hermanas เมืองเซวิลล์ ประเทศสเปน ก็หยุดงานประท้วงเช่นกัน สหภาพแรงงาน UGT, CCOO และ FETICO ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงาน Amazon ในสเปน ได้ประกาศการหยุดงานประท้วงแบบไม่มีกำหนดที่ศูนย์โลจิสติกส์ เพื่อเรียกร้อง "เงินเดือนที่เหมาะสม ความเคารพและเห็นคุณค่าของงานที่พนักงานทุกคน"</p>
<p>กลุ่มสหภาพแรงงานวางแผนที่จะเริ่มการประท้วงอย่างเป็นทางการในวัน 18 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงพีคของเทศกาลคริสต์มาสในสเปน ข้อเรียกร้องของพวกเขาประกอบด้วยการเรียกร้องค่าแรงที่ยุติธรรม ค่าจ้างการทำงานในวันหยุด ค่าชดเชยการทำงานล่วงเวลา การฝึกอบรม และอื่นๆ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">สหภาพแรงงานในภาคการค้า บริการ และท่องเที่ยวในอิตาลีหยุดงานประท้วง เรียกร้องต่ออายุข้อตกลงสภาพการจ้างทั้งอุตสาหกรรม</span></h2>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="652" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FFilcamsCgilNaz%2Fposts%2Fpfbid02hQpGCpYy4fxi3S28zLcLzYY3WNJ5kJugC8yE2TbqCJegajuiNk5h44jVKgy87cUTl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2566 ตามเสียงเรียกร้องของสหภาพแรงงาน UNI Global Union ในอิตาลี ได้แก่ Filcams-CGIL, Fisascat-CISL และ UILTuCS ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานภาคการค้า บริการ และการท่องเที่ยว สมาชิกของสหภาพแรงงานเหล่านี้หลายล้านคนจะหยุดงานประท้วงและลงถนนเพื่อเรียกร้องการปรับขึ้นค่าแรงและการต่ออายุข้อตกลงสภาพการจ้างทั้งอุตสาหกรรม</p>
<p>ข้อตกลงสภาพการจ้างระดับอุตสาหกรรมของอิตาลี สำหรับภาคการค้าและการท่องเที่ยวครอบคลุมแรงงานประมาณ 5 ล้านคน ตามกฎหมายข้อตกลงดังกล่าวมีอายุ 3 ปี และการเจรจารอบล่าสุดระหว่างสหภาพแรงงานและสมาคมนายจ้างก็ยังไม่ได้ข้อสิ้นสุด</p>
<p>สหภาพแรงงานเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าแรงตามอัตราเงินเฟ้อและปรับปรุงกรอบการกำกับดูแล รวมถึงการปรับปรุงระบบการจัดประเภทวิชาชีพและการเสริมสร้างสิทธิของพนักงานในการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง</p>
<p>อย่างไรก็ตาม สมาคมนายจ้างปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานหลายครั้ง และเสนอการตัดสิทธิที่พนักงานได้รับมาอย่างยากลำบากผ่านการต่อรองในอดีต เช่น โบนัส วันหยุดพักผ่อน และสวัสดิการอื่นๆ สมาคมนายจ้างยังต้องการลดความมั่นคงในการจ้างงาน ผ่านการใช้สัญญาจ้างระยะเวลาแน่นอนที่ยืดหยุ่นมากขึ้น</p>
<p>สหภาพแรงงาน UNI Global Union ในอิตาลีได้ทำการตอบโต้ด้วยการเรียกร้องให้มีการหยุดงานประท้วง และจะมีการประท้วงเพิ่มเติมในกรุงโรม มิลาโน เนเปิลส์ คาลยารี และปาแลร์โม โดยคณะผู้แทนระดับนานาชาติจาก UNI Global Union, IUF และ FAECY of Argentina จะเข้าร่วมการชุมนุมในมิลาโนเพื่อสนับสนุนสหภาพแรงงานและแรงงานในอิตาลี</p>
<p>"ขบวนการแรงงานทั่วโลกยืนหยัดเคียงข้าง Filcams-CGIL, Fisascat-CISL และ UILTuCS ในการต่อสู้เพื่อต่ออายุข้อตกลงสภาพการจ้างทั้งอุตสาหกรรม" มาเทียส โบลตัน (Mathias Bolton) ประธาน UNI Commerce กล่าว </p>
<p>"นายจ้างต้องฟังเสียงของแรงงาน 5 ล้านคนและสหภาพแรงงานของพวกเขา และผมแน่ใจว่าด้วยการประท้วงเสียงของพวกเขาจะได้รับการรับฟัง คนทำงานในภาคนี้สมควรได้รับสัญญาที่เป็นธรรม เราจะสนับสนุนและต่อสู้เคียงข้างพวกเขาจนกว่าจะชนะ"</p>
<p><strong>ที่มา:</strong>
AMAZON WORKERS IN GERMANY AND SPAIN STRIKE BEFORE CHRISTMAS (UNI Global Union, 18 December 2023)
ITALIAN RETAIL AND TOURISM UNIONS TO STRIKE BEFORE CHRISTMAS (UNI Global Union, 20 December 2023)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107370
 
2822  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "พี ชานนท์" อวดโมเมนต์หวาน "แพท ณปภา" ต้อนรับคริสต์มาส เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 19:13:06
"พี ชานนท์" อวดโมเมนต์หวาน "แพท ณปภา" ต้อนรับคริสต์มาส
         


&quot;พี ชานนท์&quot; อวดโมเมนต์หวาน &quot;แพท ณปภา&quot; ต้อนรับคริสต์มาส" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"พี ชานนท์" อวดโมเมนต์หวาน "แพท ณปภา" ต้อนรับคริสต์มาส
         

https://www.sanook.com/news/9155482/
         
2823  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - นักวิชาการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล 2024 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 18:57:44
นักวิชาการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล 2024
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-12-24 17:17</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นักวิชาการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล 2024 ผลของ Generative AI และ Tokenized Economy ต่อระบบเศรษฐกิจ การลงทุนและระบบการเงิน</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53045022670_88a0b52d1d_k_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพประกอบ: starline/Freepik</span></p>
<p>24 ธ.ค. 2566 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การเงินและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัลปี พ.ศ. 2567 หรือ ค.ศ. 2024 จะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดด้วยการขับเคลื่อนของเทคโนโลยี Generative AI หรือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สามารถทำงานสร้างสรรค์ได้ด้วยการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดย AI </p>
<p>การแข่งขันกันนำเสนอการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Generative AI ในธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆของบริษัทไฮเทคจะพลิกผัน หรือ Disrupt ธุรกิจอุตสาหกรรมเดิมพลิกโฉมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะจะมีทางเลือกใหม่ สินค้าใหม่ บริการใหม่เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย บางกิจการจะถูกเข้ามาแทนที่ ถดถอยและหายไปจากตลาด บางกิจการจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดพร้อมผลิตภาพและกำไรสูงขึ้น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งเป็นแหล่งรวมงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ หากควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing) สามารถนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้จะทำให้การประมวลผลรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้านี้ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนอีกมากมาย  </p>
<p>อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัเทสลา ได้แสดงความเห็นสอดคล้องกับ บิล จอย ผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Microsystem ว่า หุ่นยนต์ที่มีการเรียนรู้อัตโนมัติด้วยการเลียนแบบการทำงานโครงข่ายประสาทของมนุษย์ (Neurons) และ สมองกลอัจฉริยะปัญญาประดิษฐ์ อาจสร้างปัญหาต่ออารยธรรมของมนุษย์ในอนาคตได้หากไม่มีวางยุทธศาสตร์และกำกับควบคุมให้เหมาะสม ขณะที่การกำกับมากเกินไปก็ไปลดทอนพลังแห่งความก้าวหน้าสร้างสรรค์ได้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยกังวลว่า หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะมาแย่งงานแรงงานมนุษย์ไปจนถึงกังวลถึงขั้นว่าจะทำให้ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์หรือไม่ การกังวัลถึงขั้นว่า ปัญญาประดิษฐ์และสมองกลอัจฉริยะ จะทำลายอารยธรรมมนุษย์และทำลายล้างมนุษย์นั้น เป็นความวิตกกังวลที่มากเกินไปและไม่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ภาวะที่เราเรียกว่า Technological Singularity คือ ภาวะที่การพัฒนาของเทคโนโลยีได้เติบโตอย่างทวีคูณจนทำไปสู่สถานการณ์ที่ ปัญญาประดิษฐ์และสมองกลอัจฉริยะ ฉลาดกว่ามนุษย์และอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์และBrookings Institution เคยคาดการณ์ว่า ระบบอัตโนมัติและระบบหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนตำแหน่งงานรวม 25% แต่จะเกิดตำแหน่งงานใหม่ๆขึ้นมาเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน McKinsey &amp; Company (2023) ระบุว่า Generative AI อาจจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 2.6 ถึง 4.4 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ช่วยทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจหรือ Business Model ใหม่ๆ แรงงานมนุษย์สามารถลดชั่วโมงทำงานลงได้หากระบบการผลิตถูกออกแบบไม่ให้ค่าตอบแทนลดลงเพราะผลิตภาพ (Productivity) เพิ่มขึ้นใช้เวลาในการทำงานน้อยลง ทำให้มนุษย์มีเวลาไปพักผ่อนและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ หรือสร้างนวัตกรรมต่อยอดได้ </p>
<p>การเงินและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า ภายใน ปี ค.ศ. 2030 ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกจะเพิ่มเป็นมากกว่า 8 พันล้านราย คิดเป็น 90% ของประชากรโลก ในปัจจุบันนี้มีประชาชนที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ประมาณ 5 พันกว่าล้านราย ทำให้ช่องว่างดิจิทัลยังมีอยู่มาก อุปสรรคสำคัญ คือ การเข้าถึงได้ในราคาถูกและง่ายต่อการใช้งาน ช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงดิจิทัลจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในระบบทุนนิยมโลกเพิ่มขึ้นอีก เมื่อโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้ถูกพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ จะทำให้การผลิตด้วยระบบอัตโนมัติและการทำงานจากการควบคุมทางไกล ส่งผลต่อระบบการบริหารงานคลังสินค้าครบวงจรระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อเกิดขึ้นแบบไร้รอยต่อ ทำให้ระบบซัพพลายเชนแบบเดิมล้าหลังไปทันที ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมนั้นสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้เหมือนกันแต่ระดับบการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอาจแตกต่างกัน อุตสาหกรรมการเงิน อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมและสื่อสารมวลชน อุตสาหกรรมบันเทิง กลุ่มนี้จะเปิดรับในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเร็วกว่าอุตสาหกรรมการศึกษา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมทั้งอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์  ผู้นำตลาดดั้งเดิมมักไม่เร่งรีบนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จากการที่ได้ลงทุนไปในเทคโนโลยีแบบเดิมไปมากและยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากพอ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นตัวถ่วงรั้งหรือแรงฝืดต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ ส่วนผู้แข่งขันรายใหม่ที่ยังไม่ได้มีการลงทุนทางกายภาพเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีแบบเดิมก็มักจะเร่งรัดในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล คือ แรงผลักดันที่มาจากลูกค้าและสังคม ย่อมเกิดความเสี่ยงหรือความวิตกกังวลและโอกาสเกิดขึ้นเมื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล </p>
<p>รศ.ดร.อนุสรณ์ ได้วิเคราะห์ถึงโอกาส ความเสี่ยงและความวิตกกังวลจากระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลว่า  </p>
<p>ประการแรก ความเสี่ยงและความวิตกกังวลในอนาคตที่มีพลวัตสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนกระทั่งมีผลต่อการปรับตัวของกิจการ การดำเนินชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภค ผู้ที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับพลวัตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วย่อมได้รับผลกระทบอย่างมาก ขณะที่ผู้ที่สามารถปรับตัวได้ และ สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ Generative AI จะเกิดโอกาสอย่างมากในทางธุรกิจ สร้างงานใหม่ สร้างนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นมากมายและเปลี่ยนแปลงสังคมและคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้น ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่างๆจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างมหาศาล พร้อมกับความเหลื่อมล้ำของระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากไม่มีกฎระเบียบ ระบบกำกับดูแลหรือระบบภาษีที่เท่าทันต่อพลวัตเหล่านี้      </p>
<p>ประการที่สอง ความเสี่ยงและความวิตกกังวัลเรื่องการว่างงานของแรงงานมนุษย์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สมองกลอัจฉริยะเอไอจะส่งผลต่อโครงสร้างของตลาดแรงงานมากขึ้นตามลำดับ กิจการจำนวนมากเริ่มนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต อย่างเช่น หุ่นยนต์และสมองกลอัจฉริยะ และ อาจส่งผลให้เลิกจ้างงานพนักงานโดยเฉพาะงานผลิตซ้ำต่างๆที่มูลค่าต่ำ แต่ก็ไม่ใช่ทุกตำแหน่งจะเผชิญกับความเสี่ยง ด้วยเทคโนโลยีเดิมก่อนการเกิดขึ้นของ Generative AI งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ยังไม่สามารถนำระบบอัตโนมัติหรือ AI มาใช้แทนได้มากนัก แต่ในอนาคตจะทดแทนได้มากขึ้น ความเสี่ยงเรื่องนี้จะกระทบต่อประเทศไทยไม่มากเนื่องจาก ไทยจะมีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แต่จะมีคนบางกลุ่มไม่มีทักษะมากพอสำหรับการทำงานในระบบการผลิตแบบใหม่ ซึ่งภาครัฐต้องทำการ Upskill และ Reskill อย่างมียุทธศาสตร์และเป็นระบบ นอกเหนือจากการดำเนินการผ่านระบบการศึกษาที่เป็นทางการ  คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ. 2576 เมื่อสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ไทยจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานมากกว่าเดิม และจะต้องใช้งบสวัสดิการสำหรับผู้ชราภาพสูงทะลุ 1 ล้านล้านบาท ภาระทางการคลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยสำคัญ และมีความจำเป็นต้องลดภาระทางการคลังด้วยการดำเนินการในนโยบาย 3 ด้านดังต่อไปนี้ คือ พัฒนาระบบการออมเพื่อชราภาพให้ขยายขอบเขตและเข้มแข็งขึ้น ยืดอายุการเกษียณ การปฏิรูประบบแรงงาน และ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ควรมีการศึกษานโยบายการเปิดเสรีแรงงานและควรพิจารณาการรับผู้อพยพผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีคุณภาพหรือไม่ </p>
<p>ประการที่สาม จะเกิดผลงานสร้างสรรค์ขึ้นมากมายจาก Generative AI ผลงานจำนวนไม่น้อยที่สร้างสรรค์โดย Generative AI ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยแรงงานมนุษย์ หรือ หากใช้แรงงานมนุษย์ต้องใช้เวลานานมาก ขณะเดียวกัน Generative AI จะมีผลกระทบต่อตำแหน่งงานในงานสร้างสรรค์ต่างๆมากขึ้น  จากบทความวิจัย “GPTs are GPTs: An Early Look at the Labor Market Impact Potential of Large Language Models” (2023) โดย Tyna Eloundou, Sam Manning, Pamela Mishkin, Daniel Rock. ประเมินว่า ประมาณ 80% ของแรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องถูกกระทบโดย Generative AI ( กรณีศึกษา ศึกษาเทคโนโลยี Chat GPT) อย่างน้อย 10% ของเนื้องานที่ต้องทำนอกจากนี้ 19% ของแรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะต้องถูกกระทบโดย Generative AI อย่างน้อย 50% ของเนื้องานที่ต้องทำ  ไม่ว่าท่านจะมีความคิดทางเศรษฐกิจแบบไหน อำนาจนิยม ชาตินิยม เสรีนิยมหรือสังคมนิยมแบบไหนก็ตาม เชื่อว่า ทุกคนมีความรู้สึกร่วมกันว่า Generative AI ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่ไม่มีกฎระเบียบควบคุมอาจส่งผลกระทบทางลบต่อผู้ใช้แรงงานในทุกระดับรวมทั้งงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ขั้นสูง งานที่ถูกกระทบมากจาก Generative AI จะเป็นงานประเภท Non-Routine Cognitive Analytical Tasks และงานประเภท Routine Cognitive Tasks Disruption จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในระบบการผลิตและเศรษฐกิจรอบนี้จะต่างจากรอบก่อนๆที่เป็นระบบเครื่องจักรอัตโนมัติ คอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์พื้นฐาน งานถูกกระทบมักจะเป็นงานประเภท Physical Routine Tasks ประเทศไทยต้องศึกษาว่า ระหว่างการเก็บภาษีหุ่นยนต์ ภาษีการใช้ Generative AI กับ การออกระเบียบเข้มงวดเรื่องการเลิกจ้าง แนวทางแบบหลังน่าจะเป็นไปได้มากกว่าในการสร้างความเป็นธรรมของระบบการจ้างงานในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะการเก็บภาษีจะไปสกัดกั้นความก้าวหน้าของนวัตกรรมได้และอาจชักนำให้บรรดาบริษัททั้งหลายหาช่องทางใหม่ๆในการหลีกเลี่ยงภาษีและก่อให้เกิดการบิดเบือนในระบบเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ประกาศใช้กฎหมายภาษีหุ่นยนต์ฉบับแรกของโลกและยังมีการจัดเก็บภาษีการจ้างงานแบบเหมาช่วง (Outsource) อีกด้วย     </p>
<p>ประการที่สี่ ความเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและประเด็นเรื่องความมั่นคง </p>
<p>ประการที่ห้า สามารถทำให้เกิด Mass Customization ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อสังคมออนไลน์และเทคโนโลยีทางด้านข้อมูลสามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้า ประวัติการทำธุรกรรมต่างๆอย่างละเอียด พฤติกรรมในการใช้ชีวิต การบริโภคสินค้าและการใช้บริการ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาสร้างโปรไฟล์และอัลกอริทึมคาดการณ์เพื่อเข้าพฤติกรรมในอดีตและอนาคตของผู้บริโภค ผู้บริโภคบางคนมองว่าศักยภาพของ AI เป็นเหมือนเครื่องมือที่เปิดให้ปรับเปลี่ยนบริการและสินค้าตามความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) จำนวนมากๆได้พร้อมกัน เรียกว่า สามารถทำ Mass Customization ได้นั่นเอง  </p>
<p>ประการที่หก วิถีชีวิตแบบดิจิทัลและผลข้างเคียงเชิงพฤติกรรม สังคมและเศรษฐกิจแบบดิจิทัลทำให้ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพกันลดลง แอฟพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ สื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย และ เกมเสมือนจริงต่างๆ กระตุ้นความสนใจและช่วยให้ผู้คนในสังคมมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องจนผู้ใช้อยู่กับหน้าจอวันละหลายชั่วโมง ทำให้การปฏิสัมพันธ์แบบพบปะสังสรรค์แบบดั้งเดิมลดลง การเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง มีพฤติกรรมเสพติดสื่อสังคมออนไลน์และอยู่หน้าจอนานเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพและขาดการทำกิจกรรมอย่างอื่นในชีวิต ขณะที่เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้กิจกรรมประจำวันสะดวกยิ่งขึ้นและออกแรงน้อยลงไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อของใช้ให้ส่งถึงบ้านไปจนถึงเดินทางโดยอาศัย Google Map ขณะเดียวกันเป็นผลให้คนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปจนทำให้เกิด สิ่งที่เรียกว่า AI and Automation Bias ขึ้นได้ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆทั้งการบริหารกิจการและในชีวิตประจำวัน </p>
<p>ประการที่เจ็ด สื่อดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์ก้าวเข้าแทนที่สื่อแบบดั้งเดิม สื่อใหม่เหล่านี้สามารถกุมอำนาจกำหนดมุมมองและสร้างกระแสความคิดที่มีอิทธิพลทางสาธารณะได้ เทคโนโลยีสื่อดิจิทัล และ Generative AI ที่สามารถเลียนเสียง หน้าตาและพฤติกรรมของบุคคลได้อย่างสมจริงจะทำให้เราแยกข้อเท็จจริงกับเรื่องลวงได้ยากขึ้น การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือการบิดเบือนข้อมูลสามารถเกิดขึ้นได้และดูสมจริงอย่างยิ่งซึ่งเรียกกันว่า Deep Fake ความสามารถของเทคโนโลยี AI ช่วยให้ปลอมเสียงและวิดิโอเหมือนเป็นของจริง เราต้องหาวิธีในการปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับ Deep Fake เหล่านี้ การส่งต่อ ข่าวปลอม (Fake News) เกิดขึ้นได้ง่าย โดยทางยูเนสโก (UNESCO) ได้จำแนกออกมาว่า ประกอบไปด้วย ข้อมูลบิดเบือน (Disinformation) เป็นข้อมูลข่าวสารเท็จที่จงใจสร้างขึ้น ข้อมูลผิด (Misinformation) เป็นข้อมูลผิดผลาดไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจบิดเบือนซึ่งอาจเกิดจากความผิดผลาดในการแสวงหาข้อมูลมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้อมูลที่แฝงเจตนาร้าย (Malinformation) เป็นข้อมูลข่าวสารลวง สร้างขึ้นมาจากพื้นฐานข้อมูลจริงบางอย่าง เจตนาของข้อมูลแบบ Disinformation ก็ดี ข้อมูลแบบ Malinformation ก็ดี ล้วนจงใจสร้างขึ้นเพื่อโจมตีใส่ร้ายทำลายเป้าหมายให้เกิดความเสียหาย </p>
<p>ประการที่แปด  การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมและเศรษฐกิจแบบดิจิทัลทำให้เกิดการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลของบุคคลจำนวนหนึ่งที่สามารถใช้ประโยชน์จากสภาวะดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สร้างแพลตฟอร์มและระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำธุรกรรม การดำเนินชีวิต การประกอบธุรกิจ การลงทุนต่างๆโดยไม่ถูกจำกัดโดยพรมแดนของรัฐชาติ ไม่ถูกจำกัดโดยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และสามารถเสนอบริการหรือผลิตสินค้าข้ามกิจการอุตสาหกรรมต่างๆได้ ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้เกิดโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ จากงานวิจัยของ Goldman Sachs มีการประเมินเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ความก้าวหน้าใน Generative AI มีศักยภาพในการขับเคลื่อนผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างมีนัยสำคัญ มีการประเมินว่า Generative AI สามารถเพิ่ม GDP ทั่วโลกได้ 7% (เกือบ 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) และเพิ่มผลผลิตเพิ่มขึ้น 1.5 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระยะเวลา 10 ปี อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้านี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการจ้างงานด้วย โดยประมาณสองในสามของอาชีพในสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับการทำงานอัตโนมัติในระดับหนึ่งโดย AI แม้ว่าระบบอัตโนมัติอาจแทนที่ภาระงานบางส่วนในบางอาชีพ แต่แนวโน้มในอดีตบ่งชี้ว่างานใหม่มักจะถูกสร้างขึ้น ซึ่งชดเชยผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ตนมีความเห็นว่า การใช้ระบบอัตโนมัติมากเกินไปอาจไปลดจีดีพีได้ แทนที่จะไปเพิ่ม เพราะในหลายกรณี แรงงานมนุษย์มีผลิตภาพมากกว่าหุ่นยนต์ การที่เกิดสภาวะการใช้ระบบอัตโนมัติมากเกินความเหมาะสมก็เนื่องจากหลายประเทศมีความลำเอียงในระบบภาษี ใช้หุ่นยนต์ได้ลดหย่อนภาษี ใช้แรงงานมนุษย์ต้องจ่ายสมทบเงินประกันสังคม </p>
<p>ประการที่เก้า เกิดข้อมูลมหาศาลและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ข้อมูลขนาดใหญ่และฐานความรู้ดิจิทัลเร่งให้เกิดการเรียนการสอนออนไลน์ หรือ MOOC (Massive Open Online Courses) เติบโตอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง และสามารถให้ AI วางแผนการอบรมออนไลน์และช่วยสอนได้ แพลตฟอร์มดิจิทัลและระบบนิเวศเปลี่ยนโฉมการดำเนินธุรกิจ โดยทำให้ฝ่ายต่างๆ ได้แก่ บริษัทลูกค้า และ ผู้มีส่วนได้เสียอื่นเชื่อมต่อกันสนิทและทำให้การสื่อสารและการทำธุรกรรมไม่มีขีดจำกัดลดลงอย่างมาก </p>
<p>ประการที่สิบ ชีวิตที่สุขสบายขึ้น ชีวิตอัจฉริยะ และยืนยาวขึ้น Neuralink โครงการของ อีลอน มัสก์ พัฒนาการฟังชิปคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ทำให้มนุษย์ใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บ้านอัจฉริยะและสำนักงานอัจฉริยะทำให้ชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายขึ้นอย่างมาก ขณะที่ เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงทำให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาว เมื่อนำข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้กับด้านสุขภาพช่วยให้ AI ค้นพบยาชนิดใหม่และการรักษาที่แม่นยำ ความรู้ทางด้านพันธุกรรมขั้นสูงและโครงสร้างยีน ทำให้มนุษย์ปรับแต่งโครงสร้างยีนเพื่อป้องกันและรักษาโรคพันธุกรรมได้ ประสาทเทคโนโลยีและสมองกลทำให้รักษาภาวะความบกพร่องของสมองได้ </p>
<p>ประการที่สิบเอ็ด การเพิ่มความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล หรือ Digital Transformation เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบ Smart Grid  และพลังงานหมุนเวียนทำให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานและมีการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในภาคอุตสาหกรรม AI ช่วยลดการสูญเสียตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การเลือกวัสดุ ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจแบบแบ่งปันได้ง่ายขึ้นภายใต้เทคโนโลยีใหม่</p>
<p>นโยบาย Digital Economy ควรมีเป้าหมายในระดับประเทศที่ชัดเจน ได้แก่ การเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่ง GDP ที่จะเพิ่มได้นั้น ไม่ได้เกิดจากที่รัฐเป็นผู้ให้บริการ แต่รัฐต้องเป็นผู้กำหนดนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้เอกชนเป็นผู้สร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการ ที่อยู่บนระบบเศรษฐกิจดิจิทัลดังกล่าว ดังนั้น นโยบาย Digital Economy จึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะต้องคิดและเขียนออกมาให้ได้ตรงตามเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ การเพิ่ม GDP ให้กับประเทศไทย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มผลิตภาพทั้งระบบ และต้องให้เกิดความเป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำไม่เพิ่มขึ้น รวมทั้ง การทำให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) ในระยะยาว </p>
<p>รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่ารูปแบบการทำงานในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอีก ระบบการทำงานแบบไฮบริด (คือการทำงานในสำนักงานผสมผสานกับการทำงานจากที่ไหนก็ได้) จะแพร่หลายมากขึ้น ระบบบริหารจัดการแบบใหม่ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ระบบค่าจ้างต้องเปลี่ยนแปลงตามแนวโน้มระบบการทำงานแบบใหม่นี้ด้วย ท่ามกลางพลวัตความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล การเกิดขึ้นของ Metaverse การเกิดขึ้นของ Generative AI และ การ Tokenized ระบบการเงินและเศรษฐกิจทำให้ระบบการเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานและระบบการจ้างงานเปลี่ยนไป</p>
<p>ขณะนี้ มีแนวโน้มของการทำให้เกิด Tokenization ในหลายประเทศ ผลของ การ Tokenization ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงินเป็นเรื่องที่ต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างละเอียดว่าเราควรจะมีแนวทาง นโยบายและการบริหารจัดการอย่างไรในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำกันอย่างเอาจริงเอาจัง การ Tokenized Economy จะต้องมีกระบวนการแปลงสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรดักต์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ รวมถึงสินทรัพย์การลงทุนอย่างเช่นอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน ต่างๆให้สามารถครอบครองความเป็นเจ้าของผ่านโทเคนดิจิทัลและสามารถที่จะซื้อขายหรือโอนให้กันผ่านบล็อกเชนได้ การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงินและเศรษฐกิจลงอย่างมาก การทำธุรกรรมหลายอย่างไม่ต้องผ่านคนกลาง โดยเฉพาะต้นทุนการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศจะลดลงมากที่สุด 
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107369
 
2824  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - โพลระบุคน กทม. เที่ยว ตจว. ค่าจ่ายเฉลี่ย 5,000-10,000 บาทต่อคน เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 17:26:56
โพลระบุคน กทม. เที่ยว ตจว. ค่าจ่ายเฉลี่ย 5,000-10,000 บาทต่อคน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-12-24 16:56</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>บ้านสมเด็จโพลสำรวจความเห็นคน กทม. 1,156 คน ระบุเที่ยวต่างจังหวัดค่าจ่ายเฉลี่ย 5,000-10,000 บาทต่อคน จังหวัดยอดนิยม เชียงใหม่ ขอนแก่น ระยอง เพชรบุรี อยุธยา กระบี่ </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53418044034_e05b74475f_o_d.png" /></p>
<p>24 ธ.ค. 2566 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพล สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,156 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 9 - 13 ธ.ค. 2566  
    
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลกล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้เรื่องการท่องเที่ยว และของฝาก เนื่องจากในเดือนธันวาคมมีวันหยุดราชการและเป็นช่วงเวลาการส่งท้ายปีเก่า ในปีนี้ทางรัฐบาลประกาศ วันที่ 29 ธ.ค.2566-1 ม.ค.2567 เป็นวันหยุดยาว 4 วันในช่วงปีใหม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศไทย คนกรุงเทพมหานครจะนิยมออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงเวลานี้ การท่องเที่ยวในประเทศไทยภูมิภาคใดที่เป็นจุดมุ่งหมายของของคนกรุงเทพมหานคร จังหวัดใดคือจุดมุ่งหมายในการท่องเที่ยว การหาที่พักในรูปแบบที่คนกรุงเทพมหานครต้องการเข้าพัก โดยผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อเรื่องการท่องเที่ยว มีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าจะไปท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ อันดับแรกคือ ภาคเหนือ ร้อยละ 22.1 อันดับสองคือ ภาคกลาง ร้อยละ 19.5 อันดับสามคือ ภาคตะวันตก ร้อยละ 18.3 อันดับสี่คือ ภาคตะวันออก ร้อยละ 18.2 อันดับห้าคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 15.7 และอันดับสุดท้ายคือ ภาคใต้ ร้อยละ 6.2</p>
<p>การท่องเที่ยวในภาคเหนือ อันดับแรกคือ จังหวัดเชียงใหม่ ร้อยละ 42.4 อันดับสองคือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร้อยละ 39.7 อันดับสามคือ จังหวัดพะเยา ร้อยละ 37.1 อันดับสี่คือ จังหวัดเชียงราย ร้อยละ 33.8 และอันดับห้าคือ จังหวัดแพร่ ร้อยละ 30.6</p>
<p>การท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันดับแรกคือ จังหวัดขอนแก่น ร้อยละ 32.4 อันดับสองคือ จังหวัดนครราชสีมา ร้อยละ 30.6 อันดับสามคือ จังหวัดนครพนม ร้อยละ 28.3 อันดับสี่คือ จังหวัดบึงกาฬ ร้อยละ 27.4 และอันดับห้าคือ จังหวัดบุรีรัมย์ ร้อยละ 27.3</p>
<p>การท่องเที่ยวในภาคตะวันออก อันดับแรกคือ จังหวัดระยอง ร้อยละ 40.1 อันดับสองคือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ร้อยละ 37.9 อันดับสามคือ จังหวัดชลบุรี ร้อยละ 36.6 อันดับสี่คือ จังหวัดจันทบุรี ร้อยละ 32.4 และอันดับห้าคือ จังหวัดตราด ร้อยละ 31.1</p>
<p>การท่องเที่ยวในภาคตะวันตก อันดับแรกคือ จังหวัดเพชรบุรี ร้อยละ 46.1 อันดับสองคือ จังหวัดกาญจนบุรี ร้อยละ 43.4 อันดับสามคือ จังหวัดราชบุรี ร้อยละ 43.3 อันดับสี่คือ จังหวัดตาก ร้อยละ 36.6 และอันดับห้าคือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร้อยละ 26</p>
<p>การท่องเที่ยวในภาคกลาง อันดับแรกคือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร้อยละ 29.8 อันดับสองคือ จังหวัดนครสวรรค์ ร้อยละ 28.5 อันดับสามคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ ร้อยละ 28.4 อันดับสี่คือ จังหวัดพิจิตร ร้อยละ 27.6 และอันดับห้าคือ จังหวัดพิษณุโลก ร้อยละ 27.4</p>
<p>การท่องเที่ยวในภาคใต้ อันดับแรกคือ จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 33.4 อันดับสองคือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 29.3 อันดับสามคือ จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 28.9 อันดับสี่คือ จังหวัดพังงา ร้อยละ 26.4 และอันดับห้าคือ จังหวัดชุมพร ร้อยละ 25.3</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าจะใช้จ่ายในการท่องเที่ยวประเทศไทย อันดับแรกคือ 5,000 – 10,000 บาท ร้อยละ 71.1 อันดับสองคือ น้อยกว่า 5,000 บาท ร้อยละ 22.8 และอันดับสามคือ 10,000 บาทขึ้นไป ร้อยละ 6.1 และคิดว่าจะหาที่พักในการท่องเที่ยวประเทศไทย อันดับแรกคือ โรงแรม ร้อยละ 56 อันดับสองคือ รีสอร์ท ร้อยละ 27.7 และอันดับสามคือ โฮมสเตย์ ร้อยละ 16.3</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107368
 
2825  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ดาวติ๊กต็อกเกาหลี ยอดฟอล 55 ล้าน หายหน้าไปหลายเดือน ช็อก ที่แท้ถูกจับคดีข่มขืน เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 16:41:19
ดาวติ๊กต็อกเกาหลี ยอดฟอล 55 ล้าน หายหน้าไปหลายเดือน ช็อก ที่แท้ถูกจับคดีข่มขืน
         


ดาวติ๊กต็อกเกาหลี ยอดฟอล 55 ล้าน หายหน้าไปหลายเดือน ช็อก ที่แท้ถูกจับคดีข่มขืน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ช็อกวงการเน็ตไอดอลเกาหลี ดาวติ๊กต็อกยอดฟอล 55 ล้าน หายหน้าหายตาไปหลายเดือนคนนึกว่าเข้ากรม ที่แท้ถูกจับคดีข่มขืนผู้หญิงตอนเมา
         

https://www.sanook.com/news/9155458/
         
2826  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ไร้บรรยากาศคริสต์มาสที่ 'เบธเลเฮม' เพราะเหตุอิสราเอลโจมตีกาซ่า เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 15:56:28
ไร้บรรยากาศคริสต์มาสที่ 'เบธเลเฮม' เพราะเหตุอิสราเอลโจมตีกาซ่า
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-12-24 14:57</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ปกติแล้วเบธเลเฮมที่มีความสำคัญทางประวัติคริสต์ศาสนานั้นมักจะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาท่องเที่ยว-แสวงบุญในช่วงคริสต์มาส แต่คริสต์มาสปีนี้กลับเงียบเหงา ไม่มีไฟประดับ และผู้คนไม่มีอารมณ์เฉลิมฉลอง หลังจากที่เกิดเหตุอิสราเอลโจมตีกาซ่า</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53417728903_394d8b81ef_o_d.png" />
<span style="color:#f39c12;">แฟ้มภาพ Tourist Israel</span></p>
<p>เบธเลเฮม เป็นเมืองในเขตเวสต์แบงค์ที่มีความสำคัญต่อชาวคริสต์ในฐานะเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู โดยปกติแล้วในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเบธเลเฮมมักจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาแสวงบุญและมาท่องเที่ยวช่วงคริสต์มาส เป็นพื้นที่ๆ มีการประดับต้นคริสตมาส ขบวนพาเหรด และพิธีกรรมทางศาสนาซึ่งมักจะจัดที่โบสถ์พระคริสตสมภพ จัตุรัสแมงเกอร์</p>
<p>แต่ในปีนี้ (2566) ไม่มีบรรยากาศของการเฉลิมฉลองหรือพิธีกรรมทางศาสนาเกิดขึ้นที่เบธเลเฮม เหตุเพราะการที่รัฐบาลอิสราเอลยังคงทำการโจมตีอย่างต่อเนื่องต่อชนวนกาซ่า และเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ท้องถนนและลานต่างๆ ในเบธเลเฮมแทบจะปราศจากผู้คน ถนนสายที่นำไปสู่เมืองถูกปิดกั้นโดยกองทัพอิสราเอล เมืองหลายเมืองในพื้นที่ใกล้เคียงต่างก็ถูกถล่มอย่างรุนแรงโดยทหารฝ่ายอิสราเอล</p>
<p>ฮูไวดา อาร์ราฟ ทนายความนักสิทธิมนุษยชนชาวอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์มักจะประดับประดาบ้านของเขาที่มิชิแกนด้วยเครื่องตกแต่งตามเทศกาลอยู่เสมอ แต่ในปีนี้เขาทำแค่แขวนป้ายไว้ที่หน้าบ้านของเขาว่า "เบธเลเฮมยกเลิกคริสต์มาสเพราะอิสราเอลสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ #GazaGenocide"</p>
<p>เช่นเดียวกับชาวปาเลสไตน์ที่เป็นคริสเตียนจำนวนมาก อาราฟไม่ได้ฉลองเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้ ในขณะที่มียอมผู้เสียชีวิตชาวกาซ่าสูงมากกว่า 18,600 ราย เช่นนี้ หลายๆ คนคงยากที่จะรู้สึกสุขสันต์ในช่วงเทศกาลเช่นนี้โดยไม่มีความรู้สึกผิด</p>
<p>"โลกของเราจะเฉลิมฉลองคริสตมาสและเฉลิมฉลองการสมภพของเจ้าชายแห่งสันติภาพได้อย่างไร ในเมื่อบ้านเกิดของพระองค์เอง สถานที่ๆ พระองค์ประสูติ กำลังมีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่อุกอาจเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครทำอะไรเพื่อหยุดมัน" อาร์ราฟกล่าว</p>
<p>นอกจากอาร์ราฟแล้ว นักกิจกรรมและชาวอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์อื่นๆ ก็ทำแบบเดียวกันเพราะคำนึงถึงกรณีปาเลสไตน์ มีโบสถ์หลายแห่งและชุมชนชาวคริสต์หลายแห่งที่ยกเลิกการเฉลิมฉลองคริสต์มาสแล้วหันมาแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตและประท้วงความรุนแรงจากชาวอิสราเอลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ภาพจำลองพระเยซูใต้ซากสงครามในเบธเลเฮม</span></h2>
<p>แม้กระทั่งในเบธเลเฮมก็มีการแสดงออกที่สื่อถึงเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นจากการรุนรานของอิสราเอล เช่น โบสถ์ลูเทอแรนในเบธเลเฮมก็มีการจัดแสดงภาพจำลองการประสูติของพระเยซูที่แสดงให้เห็นถึงพระเยซูที่เป็นทารกเกิดมาภายใต้ซากปรักหักพังอันเป็นผลมาจากการทำลายล้างกาซ่า</p>
<p>"ถ้าหากพระเยซูประสูติในปัจจุบัน พระองค์จะประสูติภายใต้ซากปรักหักพังและการยิงระเบิดถล่มจากอิสราเอล" บาทกลวง มุนเทอร์ ไอแซค กล่าว นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า "เบธเลเฮมนั้นเศร้าและผุพัง" สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกหมดหวังแบบเดียวกับที่ผู้อาศัยในพื้นที่รู้สึก ท่ามกลางระเบิดที่ทิ้งลงมายังกาซ่า</p>
<p>ชาวปาเลสไตน์ทั้งในพื้นที่ ในสหรัฐฯ และชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับรวมหลายพันคน ต่างก็มีความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแบบเดียวกัน</p>
<p>นาบิล เคารี แพทย์จากทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐมิชิแกนกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่มีต้นคริสต์มาสในปีนี้ ไม่มีการรวมตัวกันใหญ่ มันเงียบมาก ไม่มีความรู้สึกรื่นเริง ไม่มีการเฉลิมฉลอง มันเป็นเรื่องยากที่จะเฉลิมฉลองในช่วงที่มีครอบครัวและเพื่อนฝูงคนชาติเดียวกันกำลังเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มันค่อนข้างจะไปกันไม่ได้</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ</span></h2>
<p>การที่เบธเลเฮมขาดนักท่องเที่ยวและการฉลองเทศกาลเช่นนี้ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเมืองไปด้วย เช่นร้านค้าของ แจ็ก เกียกามาน เขามักจะชอบบอกกับลูกค้าว่าทุกวันเป็นวันคริสต์มาสที่ร้านของเขา ซึ่งเป็นร้านที่มีงานคราฟไม้โอลีฟ, ฉากจำลองการประสูติของพระเยซู, รูปปั้นอูฐ และกางเขน</p>
<p>ร้านของเกียกามานที่ชื่อว่า "คริสต์มาสเฮาส์" ประสบปัญหาหลังจากที่เกิดสงครามครั้งล่าสุดได้ไม่นาน ในสงครามดังกล่าวนี้มีกลุ่มติดอาวุธฮามาสเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 คน จากสถิติของทางการอิสราเอล หลังจากนั้นอิสราเอลก็โต้ตอบด้วยการใช้กำลังทางอากาศและการใช้กำลังบุกโจมตีภาคพื้นดิน จนเป็นเหตุให้มีประชาชนถูกสังหารมากกว่า 18,000 ราย จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า</p>
<p>เกียกามานบอกว่า "นี่เป็นคริสตมาสครั้งที่แย่ที่สุด ขนาดว่าในช่วงอินติฟาดาครั้งแรกและอินติฟาดาครั้งที่สอง (คือช่วงที่ชาวปาเลสไตน์พยายามขับไล่อิสราเอลออกจากพื้นที่เวสต์แบงค์และกาซ่าในปี 2530 กับ 2543) ยังไม่แย่เท่านี้"</p>
<p>เกียกามานเป็นชาวคริสต์ที่อาศัยอยู่ในเบธเลเฮมมาตลอดชีวิต เขามีบรรพบุรุษที่นับย้อนกลับไปได้ถึงสมัยสงครามครูเสดที่เข้ามาในพื้นที่นี้หลายศตวรรษก่อนหน้านี้ ร้านค้าของเขาขายของงานฝีมือจากกลุ่มช่างกลุ่มเล็กๆ ที่สร้างรูปปั้นพระแม่มารีและพระเยซูตอนเป็นทารก และเครื่องประดับคริสต์มาสอื่นๆ ร้านค้าของเกียกามานดำเนินต่อเนื่องมาเป็นรุ่นที่ 3 แล้วและเคยเผชิญกับวิกฤตช่วงโรคระบาด COVID-19 อยู่ช่วงหนึ่งแต่ก็รอดมาได้ กระนั้น เกียกามานก็บอกว่ากรณีที่คนไม่มาเที่ยวในช่วงคริสต์มาสปีนี้เป็นกรณีที่แย่ที่สุดเท่าที่เขาจำความได้</p>
<p>นอกจากร้านค้าแล้วกลุ่มคนขับแท็กซี่ก็บ่นถึงเรื่องที่ไม่มีคนมาเที่ยว โอซามา อัล-อัลลี กล่าวว่าแทบจะทุกปีมักจะมีคนจำนวนมากหลั่งไหลกันมาจากทุกมุมโลก แล้วก็มีแสงไฟประดับประดามากมาย แต่ในตอนนี้พอถึงกลางคืนก็ไม่มีแสงไฟอะไรเลย อัล-อัลลี บอกว่าเขาเป็นมุสลิมแต่ก็ภาวนาให้มีสันติภาพทั้งเกิดกับทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ ให้พวกเขาหันหน้าเข้าหากัน</p>
<p>รูลา มายาห์ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของปาเลสไตน์กล่าวว่าภาคส่วนการท่องเที่ยวนั้นสูญเสียอย่างมากจากการที่อิสราเอลใช้กำลังโจมตีกาซ่า ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าการสูญเสียในภาคส่วนการท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 200 ล้านดอลลาร์ (ราว 6,900 ล้านบาท) โดยที่การสูญเสียอย่างน้อยร้อยละ 60 ส่งผลกระทบต่อเบธเลเฮมโดยตรง</p>
<h2><span style="color:#3498db;">กลุ่มนิกายอีแวนเจลิกในสหรัฐฯ แสดงออกสนับสนุนอิสราเอล</span></h2>
<p>ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องที่ถูกนำเสนอเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลอิสราเอลละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวคริสต์ในปาเลสไตน์ ขบวนการการเมืองชาวคริสต์ใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ โดยเฉพาะนิกายอีแวนเจลิกกลับสนับสนุนอิสราเอลโดยอ้างเหตุผลเรื่องศาสนา มีบางคนถึงขั้นโยงความขัดแย้งในปัจจุบันกับคำทำนายของคัมภีร์ไบเบิลที่พูดถึงวันสิ้นโลกและการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู</p>
<p>แต่ เล็กซิส เซดาน นักกิจกรรมอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ในดีทรอยต์กล่าวว่าการตีความแบบของนิกายอีแวนเจลิกนั้นเป็นการตีความที่ผิด เพราะสิ่งที่อิสราเอลกำลังทำต่อชาวปาเลสไตน์เป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของคริสต์ เซดานบอกว่า "พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเกนเพื่อไถ่บาปให้กับพวกเรา และการฆ่านั้นเป็นบาป"</p>
<p>อาร์ราฟ ทนายความสิทธิมนุษยชนกล่าวต่อต้านการอ้างใช้ศาสนามาให้ความชอบธรรมแก่ความอยุติธรรมต่อชาวปาเลสไตน์เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันก็กล่าวเน้นย้ำว่าเธอไม่แบ่งแยกว่าเหยื่อจากความโหดร้ายของอิสราเอลจะเป็นชาวคริสต์หรือชาวมุสลิม</p>
<p>"พวกเราล้วนแต่เป็นมนุษย์ด้วยกัน แต่ถ้าพวกนั้น (ผู้นำนิกายอีแวนเจลิก) มองว่าศาสนาของพวกเขามีอะไรเหนือกว่าจนทำให้พวกเขาอยากแบ่งแยก พวกเขาก็กำลังให้ความชอบธรรมต่อการกดขี่ชาวคริสเตียนไปด้วย" อาร์ราฟกล่าว</p>
<p>"การเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่คุณร้องเพลงสรรเสริญเจ้าชายแห่งสันติภาพและสันติภาพของโลกเช่นนี้ คุณไม่สามารถมีสันติภาพได้ด้วยการใช้กำลังความรุนแรงเข้ายึดครอง ด้วยแนวคิดแบบอาณานิคมผู้ตั้งถื่นฐาน ด้วยการแบ่งแยกกีดกัน" อาร์ราฟกล่าว</p>
<p>แต่บาทหลวง มุนเทอร์ ไอแซค จากโบสถ์อีแวนเจลิก ลูเทอแรน ใกล้กับโบสถ์พระคริสตสมภพ ในเบธเลเฮม ที่มีการจัดแสดงพระคริสต์ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น กลับแสดงออกต่างออกไปจากนิกายอีแวนเจลิกในสหรัฐฯ โดยที่ในปีนี้เขาจะทำการแถลงถึงกรณีที่มีเด็กถูกสังหารจำนวนมากในกาซ่า</p>
<p>"ผมพูดมาโดยตลอดว่าเราควรจะเลิกสร้างภาพโรแมนติกให้กับคริสต์มาสได้แล้ว ... ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับทารกที่เกิดมาภายใต้สภาพการณ์ที่ยากลำบากและอยู่ภายใต้การยึดครองของจักรวรรดิโรมัน พระเยซูทรงเป็นผู้ที่รอดพ้นจากการสังหารหมู่เด็กในตอนที่พระองค์ประสูติ ดังนั้นแล้วสำหรับพวกเรามันก็เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกันได้ในตัวมันเอง" ไอแซคกล่าว</p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong>
‘Without work and hope’: Bethlehem’s Christmas economy bleeds from Gaza war, Aljazeera, 23-12-2023
Christmas cancelled: US Palestinians feel no holiday joy amid war on Gaza, Aljazeera, 13-12-2023
There's no Christmas in Bethlehem this year. With war in Gaza, festivities are off, NPR, 16-12-2023</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107365
 
2827  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เปิดธรรมเนียบ 10 "ผู้นำฝ่ายค้าน" ไขข้อข้องใจ เงินเดือนเท่าไหร่ มีหน้าที่อะไร? เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 14:38:52
เปิดธรรมเนียบ 10 "ผู้นำฝ่ายค้าน"  ไขข้อข้องใจ เงินเดือนเท่าไหร่ มีหน้าที่อะไร?
         


เปิดธรรมเนียบ 10 &quot;ผู้นำฝ่ายค้าน&quot;  ไขข้อข้องใจ เงินเดือนเท่าไหร่ มีหน้าที่อะไร?" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ของ”ชัยธวัช ตุลาธน” ที่เพิ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งอย่างเป็นทางการนั้น เป็นไปตาม มาตรา 106 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

         

https://www.sanook.com/news/9155226/
         
2828  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - โอน รพ.สต. ไป อบจ. หลังพบหลายแห่งไม่พร้อมทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณ เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 14:26:24
โอน รพ.สต. ไป อบจ. หลังพบหลายแห่งไม่พร้อมทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-12-24 13:24</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา ติดตามปัญหาการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัย และ รพ.สต. ไปยัง อบจ. หลังพบหลายแห่งไม่พร้อมทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณ แนะกระทรวงสาธารณสุขชะลอการถ่ายโอนบางแห่งไว้ก่อน และเร่งหารือกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/52710081095_22864f7568_o_d.png" /></p>
<p>เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2566 ว่านายแพทย์เจตน์  ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา เป็นประธานการประชุม กมธ. โดยมีวาระพิจารณาร่างรายงานการพิจารณาของอนุคณะอนุ กมธ. ติดตามการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เรื่อง “การติดตามการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัย (สอน.)/ รพ.สต. ไปยัง อบจ.” พบว่า จากประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์ปกปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ไปยัง อบจ. ประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 พบว่า รพ.สต. บางแห่งไม่มีการดำเนินการตามกฎหมายฉบับดังกล่าว เช่น การจัดทำข้อมูลระบบสุขภาพ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคระบาด เนื่องจากกระบวนการถ่ายโอนไม่ได้แสดงถึงความพร้อมที่แท้จริงของ อบจ. ในการรับถ่ายโอน รวมทั้งไม่มีการเตรียมความพร้อมก่อนถ่ายโอนจึงส่งผลต่อการดำเนินงานของ รพ.สต. เช่น ด้านบุคลากร รพ.สต. บางแห่งไม่มีบุคลากรถ่ายโอนไปด้วยบางแห่งมีบุคลากรถ่ายโอนไปจำนวนน้อย ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้ ส่วนด้านงบประมาณไม่สามารถจัดสรรงบประมาณได้เต็มตามกรอบที่กำหนด ระบบการจัดสรรของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่สามารถแยกเงินค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (Out-patient: OP) และงบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคระดับประเทศ (National priority program and central procurement: PP) ได้ ทำให้เกิดปัญหาในการเบิกจ่ายงบประมาณนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล คลินิก ร้านยา โรงพยาบาลเอกชน และระบบอื่น ๆ</p>
<p>นพ.เจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากปัญหาดังกล่าว อนุ กมธ. ได้พิจารณาจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย อาทิ ปัญหาความไม่พร้อมของการถ่ายโอน ซึ่งต้องการความพร้อมในการดำเนินการ หากยังไม่สามารถดำเนินการได้ ควรชะลอการถ่ายโอนไว้ก่อน ส่วน รพ.สต. ที่มีการถ่ายโอนไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุขควรช่วยเหลือสนับสนุน รพ.สต.ไปพลางก่อน และคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ที่กำหนดหลักเกณฑ์ควรหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ควรพัฒนาและเร่งรัดให้เกิดระบบสุขภาพปฐมภูมิในชุมชนหรือพื้นที่ และควรให้เทศบาล หรือ อบต. นำระบบ Telemedicine มาใช้ในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนเวชศาสตร์ครอบครัว รวมทั้งคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ ซึ่งมีนายก อบจ. เป็นประธาน แต่การบริหารจัดการด้านสาธารณสุขในพื้นที่ควรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงานในภูมิภาค และเป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107361
 
2829  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "น้องเวนิส" ลูกสาว "แบม จณิสตา" ทั้งสวยทั้งเก่ง โชว์ลีลาบนลานไอซ์สเก็ต เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 14:09:09
"น้องเวนิส" ลูกสาว "แบม จณิสตา" ทั้งสวยทั้งเก่ง โชว์ลีลาบนลานไอซ์สเก็ต
         


&quot;น้องเวนิส&quot; ลูกสาว &quot;แบม จณิสตา&quot; ทั้งสวยทั้งเก่ง โชว์ลีลาบนลานไอซ์สเก็ต" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"น้องเวนิส" ลูกสาว "แบม จณิสตา" ทั้งสวยทั้งเก่ง โชว์แฟชั่นวาดลีลาบนลานไอซ์สเก็ต
         

https://www.sanook.com/news/9155166/
         
2830  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - นึกว่าตุ๊กตา! พี่ชายทำการบ้าน จับน้องสาวตั้งบนโต๊ะ แม่เผยเบื้องหลังยิ่งอบอุ่นใ เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 11:35:35
นึกว่าตุ๊กตา! พี่ชายทำการบ้าน จับน้องสาวตั้งบนโต๊ะ แม่เผยเบื้องหลังยิ่งอบอุ่นใจ
         


นึกว่าตุ๊กตา! พี่ชายทำการบ้าน จับน้องสาวตั้งบนโต๊ะ แม่เผยเบื้องหลังยิ่งอบอุ่นใจ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;นึกว่าตุ๊กตา! พี่ชายทำการบ้าน จับน้องสาวตั้งเป็น "มาสคอต" ให้กำลังใจบนโต๊ะ นั่งนิ่งสุดๆ งานนี้ไม่รู้ว่าพี่ติดน้อง หรือน้องติดพี่เนี่ยยยย
         

https://www.sanook.com/news/9155086/
         
2831  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ด่วน! รางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วงยาว 5 กม. เกี่ยวสายไฟโค่น หล่นทับรถ 3 คัน ระทึกช่วงรุ่ เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 09:04:42
ด่วน! รางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วงยาว 5 กม. เกี่ยวสายไฟโค่น หล่นทับรถ 3 คัน ระทึกช่วงรุ่งสาง
         


ด่วน! รางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วงยาว 5 กม. เกี่ยวสายไฟโค่น หล่นทับรถ 3 คัน ระทึกช่วงรุ่งสาง" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เหล็กรางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ร่วงหล่นเป็นทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร หน้าตลาดกรมชลประทาน ทำเสาไฟฟ้าแรงสูงโค่น และพังรถยนต์ 3 คัน เบื้องต้นอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุ
         

https://www.sanook.com/news/9154878/
         
2832  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “อนุทิน” ลงพื้นที่ บุกทลายบ่อนดังเมืองโคราช เค้นสอบผู้ต้องสงสัย หวังทลายยกแก๊ง เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 08:35:41
“อนุทิน” ลงพื้นที่ บุกทลายบ่อนดังเมืองโคราช เค้นสอบผู้ต้องสงสัย หวังทลายยกแก๊ง
         


“อนุทิน” ลงพื้นที่ บุกทลายบ่อนดังเมืองโคราช เค้นสอบผู้ต้องสงสัย หวังทลายยกแก๊ง" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9153570/
         
2833  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หนุ่มเล่าชีวิตรัก เคยพบเจ้าสาวตอน 10 ขวบ เจออีกที 10 ปีต่อมา ไม่เป็นแล้วพี่น้อง เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 06:33:59
หนุ่มเล่าชีวิตรัก เคยพบเจ้าสาวตอน 10 ขวบ เจออีกที 10 ปีต่อมา ไม่เป็นแล้วพี่น้อง
         


หนุ่มเล่าชีวิตรัก เคยพบเจ้าสาวตอน 10 ขวบ เจออีกที 10 ปีต่อมา ไม่เป็นแล้วพี่น้อง" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว หนุ่มเล่าที่มาความรัก เคยพบเจ้าสาวตอนอายุ 10 ขวบ ขณะไปทำงานอาสา เจอกันอีกที 10 ปีต่อมา เปลี่ยนจากน้องเป็นแฟน
         

https://www.sanook.com/news/9154378/
         
2834  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เผยเศรษฐกิจป้องกันประเทศพุ่งสูงในปัตตานี - ครึ่งทาง SEA พบศักยภาพหลายด้าน เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 05:09:45
เผยเศรษฐกิจป้องกันประเทศพุ่งสูงในปัตตานี - ครึ่งทาง SEA พบศักยภาพหลายด้าน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-23 12:34</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>มูฮำหมัด ดือราแม</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผ่านครึ่งทางกระบวนการ SEA แผนแม่บทพัฒนาสงขลา-ปัตตานี ชู 4 เป้าหมาย “สร้างสรรค์ มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป็นธรรม” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ข้อมูลน่าตกใจ สงขลาเศรษฐกิจดีกว่าปัตตานีเกือบ 5 เท่า แนะเร่งพัฒนาหวั่นจะยิ่งทิ้งห่างไปเรื่อยๆ แต่เศรษฐกิจบริการป้องกันประเทศพุ่งสูงในปัตตานี เผยพบศักยภาพหลายด้าน ทั้งด้านประชากร ประมง พลังงานทดแทน และการศึกษา</p>
<div class="more-story">
<p><strong>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</strong></p>
<ul>
<li>ครม.มีมติรับข้อเสนอ 'จะนะรักษ์ถิ่น' ให้ทำ SEA – หน่วยงานอื่นชะลอดำเนินการออกไป</li>
<li>ม.อ.ลุยประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ 'สงขลา-ปัตตานี' เผยคนเห็นต่างคุยกันได้ หวังแก้ปมขัดแย้ง</li>
</ul>
</div>
<h2><span style="color:#3498db;">ผ่านครึ่งทางกระบวนการ SEA แผนแม่บทการพัฒนาสงขลา-ปัตตานี</span></h2>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53414461652_c7506cc61d_o_d.jpg" /></p>
<p>จัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA (Strategic Environmental Assessment) สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี เดินทางมาเกือบถึงครึ่งทางแล้วแล้ว นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2566 หรือ 2 ปีเต็มนับตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมติรับข้อเสนอของ ”เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” ให้จัดทำ SEA เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564</p>
<p>ทั้งนี้ เนื่องจากเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นชุมนุมเรียกร้องให้ชะลอโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” สู่เมืองต้นแบบที่สี่ คือ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่ถูกเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นต่อต้านอย่างหนัก</p>
<p>โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงบประมาณ และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันจัดทำ SEA และแผนแม่บทต่างๆ โดยให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วม ทางสภาพัฒน์ จึงได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ดำเนินการในระยะเวลา 18 เดือน นับจากเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา</p>
<p>โดยเป็นการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี โดยใช้กระบวนการ SEA มี 6 ขั้นตอนหลัก และใช้กระบวนการมีส่วนร่วม 8 ครั้ง รวม 40 เวที มีผู้เข้าร่วม 3,000 คน ในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี </p>
<p>ทั้ง 6 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 1.กำหนดขอบเขตของ SEA 2.การพัฒนาทางเลือกการพัฒนา 3.การประเมินทางเลือก 4. การกำหนดมาตรการเพื่อความยั่งยืน 5.การจัดทำแผนติดตามและประเมินผล และ 6.การจัดทำรายงาน SEA</p>
<h2><span style="color:#3498db;">เสนอศักยภาพพื้นที่-สร้างทางเลือกการพัฒนาเบื้องต้น</span></h2>
<p>ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค. 2566 กระบวนการจัดทำรายงาน SEA อยู่ในช่วงการระดมความคิดเห็น ครั้งที่ 4 ได้ แก่เวทีที่ 15-20 โดยเมื่อวันที่ 16 - 17 ธ.ค. 2566 ณ โรงแรม ซี.เอส. จ.ปัตตานี เป็นเวทีที่ 15-16 มีผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมประมาณ 300 คน จากกลุ่มเป้าหมายด้านการเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สังคม และสิ่งแวดล้อม</p>
<p>โดยในช่วงเช้าเป็นการนำเสนอสรุปผลการศึกษาที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญของพื้นที่ศึกษา และแผนที่ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี </p>
<p>และรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) เป้าหมายการพัฒนา ประเด็นยุทธศาสตร์ วัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตัวชี้วัด และศักยภาพที่เหมาะสมในการพัฒนาพื้นที่ เพื่อนำมาจัดทำ (ร่าง) รายงานการกำหนดขอบเขต และใช้ประกอบการจัดทำแผนแม่บทฯ ในส่วนของการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาของแผน ส่วนในช่วงบ่ายเป็นการระดมสมองจากผู้มีส่วนได้เสีย เรื่อง ทางเลือกการพัฒนาเบื้องต้น</p>
<p>ส่วนเวทีที่ 17-19 จัดขึ้นในพื้นที่ จ.สงขลา จากนั้น คณะที่ปรึกษาฯ จะรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของทั้ง 5 เวทีข้างต้น ไปนำเสนอในเวทีสรุปวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา</p>
<h2><span style="color:#3498db;">4 ประเด็นยุทธศาสตร์ “สร้างสรรค์ มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป็นธรรม”</span></h2>
<p>สำหรับ (ร่าง) เป้าหมายการพัฒนา ประเด็นยุทธศาสตร์ วัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และตัวชี้วัด สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของ จ.สงขลาและ จ.ปัตตานี ที่มีการนำเสนอในเวทีที่ 15-19 ในเบื้องต้นได้ระบุเป้าหมายการพัฒนา คือ “มหานครแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม” แต่ข้อความนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง</p>
<p>ส่วนประเด็นยุทธศาสตร์ มี 4 ประเด็น ได้แก่ </p>
<p>1. การยกระดับเศรษฐกิจเดิม และสร้างเศรษฐกิจใหม่อย่างสร้างสรรค์
2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
3. การสร้างสรรค์สังคมเป็นธรรมและเป็นสุข
4. การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ จ.สงขลาและ จ.ปัตตานี</p>
<p>ทั้งนี้ แต่ละประเด็นยุทธศาสตร์ คณะที่ปรึกษาได้นำเสนอผลจากการวิเคราะห์ SWOT (จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสและศักยภาพ) ที่เกี่ยวข้องมีหลากหลายประเด็น</p>
<h2><span style="color:#3498db;">สงขลาเศรษฐกิจดีกว่าปัตตานี เกือบ 5 เท่า </span></h2>
<p>ทั้งนี้ ในเวทีที่ 15 ดร.สินาด ตรีวรรณไชย (ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์) ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้นำเสนอข้อมูลพื้นฐาน ทำให้เห็นตัวเลขความแตกต่างของโครงสร้างทางเศรษฐกิจของ 2 จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี อย่างมาก ขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นศักยภาพในด้านการพัฒนาในหลายประเด็นด้วยกัน </p>
<p>โดย จ.สงขลามีผลิตภัณฑ์จังหวัด (Gross Provincial Products: GPP) ปี 2564 อยู่ที่ 253,229 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเกือบ 5 เท่าของ จ.ปัตตานี ที่มีขนาด 50,600 ล้านบาท โดย จ.สงขลา ประชากรมีรายได้ 145,123 บาทต่อคนต่อปี ส่วน จ.ปัตตานีมีรายได้ประชากร 78,131 บาทต่อคนต่อปี ส่วนตัวเลขอื่นๆ ก็มีความแตกต่างกันมากเช่นกัน </p>
<p>ขณะที่มูลค่าการส่งออก จ.สงขลา อยู่ที่ 232.7 พันล้านบาท มีมูลค่าการนำเข้า 37.8 พันล้านบาท ส่วน จ.ปัตตานี มีมูลค่าการส่งออก 4.2 พันล้านบาท และมีมูลค่าการนำเข้า 1.7 พันล้านบาท
จ.สงขลา รายได้จากการท่องเที่ยว 1.57 หมื่นล้านบาท ส่วน จ.ปัตตานี มีรายได้จากการท่องเที่ยว 565 ล้านบาท </p>
<p>จากข้อมูลดังกล่าว ดร.สินาด ได้เสนอผลสรุปเป็นภาพรวมการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่าง จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี ปี 2539 ถึงปี 2563 คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวของจังหวัดสงขลามีค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาคใต้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นใน ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวของจังหวัดปัตตานีมีค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาคใต้ และมีแนวโน้มลดลง</p>
<p>โครงสร้างทางเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาพึ่งพาสาขาบริการเป็นหลัก ในขณะที่สาขาอุตสาหกรรมมี สัดส่วนใน GPP เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสาขาเกษตรกรรมมีสัดส่วนลดลง โดยสาขาการผลิตที่มีขนาดใหญ่สุด 5 อันดับแรก ของ จ.สงขลา ได้แก่ การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม (20.06 % ของ GPP) การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ฯ (12.60 %) เกษตรกรรม การป่าไม้ และการประมง (12.19 %) การศึกษา (10.02 %) และ การทำเหมืองแร่และเหมืองหิน (9.24 %)</p>
<h2><span style="color:#3498db;">เศรษฐกิจบริการป้องกันประเทศ พุ่งสูงในปัตตานี</span></h2>
<p>ส่วนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจังหวัดปัตตานีเปลี่ยนจากการพึ่งพาสาขาเกษตรกรรมมาเป็นสาขาบริการมากขึ้น โดยเฉพาะบริการจากภาครับที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ</p>
<p>โดยสาขาการผลิตที่มีขนาดใหญ่สุด 5 อันดับแรกของ จ.ปัตตานี ได้แก่ เกษตรกรรม (22.93 %), การบริหารราชการ การป้องกันประเทศฯ (19.25%) การศึกษา (16.20%) การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ฯ (12.05 %) และ การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม (8.58 %)</p>
<h2><span style="color:#3498db;">แนะเร่งพัฒนาปัตตานี ห่วงสงขลาดูดความเจริญไปหมด</span></h2>
<p>จากข้อมูลดังกล่าว รศ.ดร.ซุกรี  หะยีสาแม จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แสดงความคิดเห็นว่า ความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่าง จ.สงขลาและ จ.ปัตตานี มีความแตกต่างกันมากจะทำอย่างไรที่จะเร่งการพัฒนา จ.ปัตตานี ให้เร็วขึ้น แม่ไม่สามารถเทียบเท่ากับ จ.สงขลา แต่ก็ไม่ให้ทิ้งหางกันมากเกินไป</p>
<p>โดยที่ผ่านมา พบว่า เมื่อมีการรวมพื้นที่ จ.สงขลา กับ จ.ปัตตานี อยู่ในแผนพัฒนาเดียวกันแล้ว จ.สงขลามักจะดูดความเจริญจะไปจาก จ.ปัตตานี แต่ใช้สถานการณ์ของ จ.ปัตตานี เป็นเหตุผลในการพัฒนา จ.สงขลา ทำให้เศรษฐกิจของ จ.ปัตตานี ถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ประชากรหนาแน่น ได้เปรียบในการพัฒนาเมือง</span></h2>
<p>ดร.สินาด ยังได้นำเสนอข้อมูลเรื่องการกระจายตัวของประชากรใน จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี ด้วยว่า มีศักยภาพในการพัฒนาให้มีความเป็นเมืองแห่งอนาคตได้ โดยเฉพาะ จ.ปัตตานี ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นเมือง เพราะการพัฒนาเมืองเพื่อรองรับการพัฒนาในพื้นที่ก็จะได้เปรียบ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้วมีคนใช้เยอะก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะความหนาแน่นสูง</p>
<p>ทั้งนี้ จ.สงขลามีพื้นที่มากกว่า จ.ปัตตานี และมีจำนวนประชากรมากกว่า จ.ปัตตานี โดย จ.สงขลา มีประชากร 1.7 ล้านคน (15%ของภาคใต้) ส่วน จ.ปัตตานี มีประชากร 6.5 แสนคน (7%ของภาคใต้) </p>
<h2><span style="color:#3498db;">ศักยภาพด้านประมง พลังงานทดแทน</span></h2>
<p>ศักยภาพด้านต่อมาคือ การประมง เพราะจากการสำรวจข้อมูลจากแผนที่ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ พบว่า พื้นที่ด้านประมงทะเล เขต 9 (สงขลา-ปัตตานี) แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์สูงขึ้นมากในปี 2565 โดยมีปริมาณการจับสัตว์น้ำต่อหน่วยการลงแรงประมง (CPUE) ที่สูงมากถึง 35 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ซึ่งพื้นที่อ่าวไทยมี 3 เขตที่มี CPUE สูง คือ เขต 6 (ชุมพร-สุราษฎร์ธานี) และเขต 1 (จ.ตราด)</p>
<p>นอกจากนี้จากการสำรวจ ยังพบข้อมูลว่า มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ แม้จะยังไม่ดีมากนัก เช่น การเกษตร การค้าขาย การแปรรูปสินค้าเกษตร ที่น่าสนใจคือ ศักยภาพเรื่องพลังงานทดแทนหลายอย่าง โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ </p>
<h2><span style="color:#3498db;">ปัตตานี การศึกษาเติบโต แต่คุณภาพยังไม่ดี</span></h2>
<p>ดร.สินาด ยังระบุด้วยว่า จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี พบว่า ด้านการศึกษามีการเติบโตมาตลอด โดยมีปริมาณสถานศึกษาจำนวนมาก แต่ผลการไม่ดี จะทำอย่างไรให้มีผลการศึกษาที่ดีขึ้น รวมถึงการจ้างงานด้วย หมายถึงจะต้องพัฒนาทักษะด้วย ไม่ว่าการศึกษาในระบบหรือการศึกษาศาสนา ต้องให้สามารถพัฒนาในเรื่องอาชีพได้ด้วย</p>
<p>อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาและสำรวจข้อมูล ยังมีการค้นศักยภาพในการพัฒนาอีกหลายด้านทั้งในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี ซึ่งคณะที่ปรึกษาจะรวบรวมและนำเสนอในภาพรวมอีกครั้งในวันที่ 25 ธ.ค. 2566 นี้ ที่โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา</p>
<p> </p>
<p>อ่านเอกสารประกอบเวทีได้ที่นี่</p>
<p>ติดตามกระบวนการ SEA ได้ที่เพจ 
SEA สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี https://www.facebook.com/SEASongkhlaPattani
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานพhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107349
 
2835  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ต่างชาติบินมา สนบ.ดอนเมือง เห็นลานกว้างสะดุดตา ถามคืออะไร ชาวเน็ตตอบพีก เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 03:56:06
ต่างชาติบินมา สนบ.ดอนเมือง เห็นลานกว้างสะดุดตา ถามคืออะไร ชาวเน็ตตอบพีก
         


ต่างชาติบินมา สนบ.ดอนเมือง เห็นลานกว้างสะดุดตา ถามคืออะไร ชาวเน็ตตอบพีก" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ต่างชาตินั่งเครื่องบินมาลงสนามบินดอนเมือง มองเห็นลานกว้าง ๆ รูปทรงสุดแปลกตา สงสัยนี่มันคืออะไร ชาวเน็ตแห่ตอบสุดพีก
         

https://www.sanook.com/news/9154234/
         
2836  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'เช็ก-จำเลข-พกบัตร-เขียนเลขอารบิก' 4 ขั้นตอนเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม 24 ธันวา 66 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 03:15:47
'เช็ก-จำเลข-พกบัตร-เขียนเลขอารบิก' 4 ขั้นตอนเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม 24 ธันวา 66
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-23 13:48</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>กราฟิก: กิตติยา อรอินทร์</p>
<p>รายงาน: ณัฐพล เมฆโสภณ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เป็นวันเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคมทั้งฝ่ายผู้ประกันตน และฝ่ายนายจ้าง โดยคูหา จะเปิดตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 น. ประชาไท ช่วยสรุปชั้นตอนการลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งจะมีความแตกต่างจากการเลือกตั้ง สส. ครั้งที่ผ่านมา ผ่าน 4 ขั้นตอน 'เช็ก-จำเลข-พกบัตร-เขียนเลขอารบิก' และข้อควรระวัง เพื่อไม่ให้เป็นบัตรเสีย</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53414893829_a3e9f98bda_b.jpg" /></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เช็ก </span></h2>
<p>ผู้ประกันตน มาตรา 33 39 และ 40 ที่ลงทะเบียนเลือกตั้ง แนะนำเช็กรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และสถานที่หย่อนบัตร ที่เว็บไซต์ https://sbe.sso.go.th/sbe/ หรือ ณ ที่เลือกตั้ง (คูหา) </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จำหมายเลขให้แม่น</span> </h2>
<p>จดจำหมายเลขผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ชอบไว้ให้ดี เนื่องจากที่คูหาเลือกตั้งจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนำเอกสารใดๆ เข้าไปเตือนความจำข้างใน โดยผู้ประกันตนสามารถเช็กหมายเลขผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ที่เว็บไซต์ https://prachatai.com/journal/2023/12/107074 หรือ https://www.sso.go.th/wpr/main/news/ข่าวประชาสัมพันธ์_detail_detail_1_16_0/รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนและผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้าง23954_รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนและผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้าง_23954</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">พกบัตรประชาชน</span></h2>
<p>อย่าลืม ผู้ประกันตนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งต้องนำบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ใบขับขี่ หรือบัตรเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อนำไปแสดงตนที่หน่วยเลือกตั้ง ถ้ากรณีใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ต้องเปิดผ่านแอปฯ Thai ID หรือ IDL หรือแอปฯ อื่นๆ ของรัฐ  </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เขียนเลขอารบิก</span></h2>
<ul>
<li>ต้องเขียน ‘เลขอารบิก’ เท่านั้น ลงใน "ช่องเขียนหมายเลขผู้สมัคร" </li>
<li>เขียนได้ไม่เกิน 7 หมายเลข โดย 1 ช่องเขียนได้เพียง 1 หมายเลขเท่านั้น </li>
<li>พับบัตรและหย่อนลงหีบเลือกตั้งด้วยตัวเอง</li>
</ul>
<h2><span style="color:#2980b9;">ภาพผนวก : ข้อควรระวัง</span></h2>
<h2><span style="color:#2980b9;"><strong>การกระทำเหล่านี้จะถือเป็นบัตรเสียทั้งฉบับ</strong></span></h2>
<ul>
<li>นำเอกสารใดๆ เข้าไปในที่เลือกตั้ง </li>
<li>บัตรที่ทำเครื่องหมายต่างๆ กากบาท หรือเขียนข้อความใดๆ ลงไป</li>
<li>เขียนหมายเลขผู้สมัครเกินจำนวน 7 หมายเลข</li>
<li>ใช้บัตรเลือกตั้งปลอม หรือไม่ได้ใช้บัตรที่กรรมการประจำที่เลือกตั้งมอบให้</li>
<li>ถูกวินิจฉัยว่าเป็นบัตรเสียทั้งฉบับ</li>
</ul>
<h2><span style="color:#2980b9;">การกระทำที่ถือว่าเป็นบัตรเสียบางส่วน-ไม่นับคะแนนช่องหมายเลขนั้น (ไม่เป็นบัตรเสียทั้งฉบับ)</span></h2>
<ul>
<li>ไม่ได้เขียนเป็นเลขอารบิก</li>
<li>เขียนเกิน 1 หมายเลขภายใน 1 ช่องเขียนหมายเลขผู้สมัคร</li>
<li>เขียนแล้วอ่านไม่ออกว่าเลือกหมายเลขใด</li>
<li>เขียนหมายเลขผู้สมัครที่ถูกเพิกถอนการรับสมัครรับเลือกตั้ง</li>
<li>เขียนหมายเลขนอก "ช่องเขียนหมายเลขผู้สมัครรับเลือกตั้ง" </li>
</ul>
<h2><span style="color:#2980b9;">ตัวอย่างบัตรเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ฝั่งผู้ประกันตน</span></h2>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53415461706_7ff43e1e49_b.jpg" /></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ตัวอย่างบัตรเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ฝั่งนายจ้าง</span></h2>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#2980b9;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53415898740_88d96fc6d3_b.jpg" /></span></p>
<div class="note-box">
<p>หมายเหตุ: อ้างอิงจาก "ระเบียบกระทรวงแรงงาน หลักเกณฑ์ และวิธีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายผู้ประกันตน เป็นกรรมการ ในคณะกรรมการประกันสังคม พ.ศ. 2564"</p>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107350
 
2837  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - รมว.พลังงาน เล็งแก้ปม "เติมน้ำมันไม่เต็มลิตร" หนุนแก้กฎกระทรวง “เผื่อเหลือเผ เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 02:33:34
รมว.พลังงาน เล็งแก้ปม "เติมน้ำมันไม่เต็มลิตร" หนุนแก้กฎกระทรวง “เผื่อเหลือเผื่อขาด”
         


รมว.พลังงาน เล็งแก้ปม &quot;เติมน้ำมันไม่เต็มลิตร&quot; หนุนแก้กฎกระทรวง “เผื่อเหลือเผื่อขาด”" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9154034/
         
2838  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ผู้ประกันตน-นักวิชาการ แจกการบ้านเตรียมต้อนรับคณะกรรมการประกันสังคมชุดใหม่ เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 01:36:04
ผู้ประกันตน-นักวิชาการ แจกการบ้านเตรียมต้อนรับคณะกรรมการประกันสังคมชุดใหม่
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-23 18:52</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก/ภาพประกอบ: สหภาพคนทำงาน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผู้ประกันตน นักวิชาการ ร่วมสะท้อนปัญหา และข้อเสนอถึงบอร์ดประกันสังคมชุดใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้ง 24 ธ.ค.นี้ โดยมีโจทย์ใหญ่คือสังคมผู้สูงวัย การบูรณาการประกันสังคมถ้วนหน้า ยกระดับสวัสดิการ จูงใจคนเข้าระบบ</p>
<p> </p>
<p>23 ธ.ค. 2566 เพจเฟซบุ๊ก The Reporters ถ่ายทอดสดออนไลน์เมื่อ 12 ธ.ค. 2566 วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ จัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ประกันสังคมขึ้นที่ห้องประชุมประภาศน์ อวยชัย อาคารเอนกประสงค์ 1 ชั้น 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยเชิญผู้ประกันตน มาตรา 33 39 และ 40 มาร่วมสะท้อนปัญหาของระบบประกันสังคม และข้อเสนอที่อยากให้คณะกรรมการประกันสังคมชุดใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้ง 24 ธ.ค.นี้ เข้าไปแก้ไข</p>
<p>ผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย</p>
<ol>
<li>นภาพร อติวานิชยพงศ์ นักวิชาการวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</li>
<li>อดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานจากเครือข่ายด้านประชากรข้ามชาติ หรือ MWG ที่จะมาสะท้อนปัญหาของแรงงานข้ามชาติที่เป็นผู้ประกันตน</li>
<li>สุจิน รุ่งสว่าง ตัวแทนผู้ประกันตน ม.40 หรือแรงงานอิสระ หรือไม่มีนายจ้าง</li>
<li>วิภา มัจฉาชาติ ตัวแทนผู้ประกันตน ม. 39 หรือแรงงานรับจ้างทั่วไป</li>
<li>สุธิลา ลืนคำ ตัวแทนผู้ประกันตน ม. 33 หรือลูกจ้างบริษัท</li>
</ol>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/GvpIhK1Hbig?si=B5PKFT1trVWzWm3x" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>การเสวนาแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก นภาพร ได้มาเล่าถึงประวัติการเกิดขึ้นของกระแสธารแนวคิดเรื่อง รัฐสวัสดิการ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อทศวรรษที่ 18 และการประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกันสังคม สำเร็จในประเทศไทย ครั้งแรกในปี 2533 ส่วนช่วงที่ 2 เปิดให้ผู้ประกันตนทุกมาตรา สะท้อนปัญหา และข้อเสนอถึงระบบประกันสังคม</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เสนอ: ตั้งกองทุนใหม่ พัฒนาสวัสดิการให้แรงงาน</span></h2>
<p>นภาพร อติวานิชยพงศ์ นักวิชาการวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เสนอว่า มองว่า แม้ว่าเราจะมีกองทุนประกันสังคมจะใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ด้วยมูลค่า 2.2-2.3 ล้านล้านบาท และประเทศไทยยังมีกองทุนสวัสดิการอีกจำนวนมากเกือบ 20 กองทุน เช่น กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนเงินทดแทน และอื่นๆ แต่ภาครัฐยังไม่สามารถสร้างรัฐสวัสดิการที่ดีให้กับประชาชนได้ เนื่องจากแต่ละกองทุนมีเงินอย่างละนิดอย่างละหน่อย </p>
<p>นภาพร เสนอการบูรณาการหรือนำเงินจากกองทุนอื่นๆ ราว 10% ของกองทุน ดึงมาอยู่ใน ‘กองทุนกลางเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน’ แยกสักกองทุนหนึ่ง โดยการผ่านกฎหมาย ยกตัวอย่าง กองทุนประกันสังคม เรามีเงินราว 2.2-2.3 ล้านล้านบาท ถ้า 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี คาดว่าจะได้ราว 2 แสนกว่าล้านบาท และถ้าทุกกองทุนแบ่งคนละเล็กน้อย นำมารวมที่กองทุนกลาง เราจะมีเงินมหาศาล และสามารถนำเงินจากกองทุนนี้มาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนได้ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ประกันสังคมเตรียมรับโจทย์สังคมผู้สูงวัย </span></h2>
<p>อดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายด้านประชากรข้ามชาติ หรือ MWG หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา ระบุว่า ตอนนี้ประกันสังคมอาจมีโจทย์เรื่องสังคมผู้สูงอายุ ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2583 หรือ 20 ปีข้างหน้า ตัวเลขของกำลังแรงงานไทยจะลดลงอย่างน้อย 6 ล้านคน แต่ตอนนี้ไม่แน่แล้วว่าภายใน 10 ปีนี้ อาจจะหายไปถึง 7 ล้านคน โจทย์สำคัญตอนนี้คือถ้าเราพึ่งพาระบบประกันสังคมแบบเดิม จะนำเงินที่ไหนมาดูแลผู้สูงอายุระยะยาวได้ ดังนั้น ในแง่ของการผลิตจะมีทางเลือก 2 ทาง ได้แก่ การนำเครื่องจักร หรือนำเทคโนโลยีออโตเมชันเข้ามาทดแทน แต่ว่าจะมีนายจ้างสักกี่รายที่ทำได้ และอีกทางเลือกคือการนำเข้าแรงงานข้ามชาติ ซึ่งคิดว่าอนาคตเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนำเข้าแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53415811321_904c3ea4d6_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">(ขวา) อดิศร เกิดมงคล</span></p>
<p>อดิศร ระบุว่า มี 4 ประเด็นใหญ่ที่อยากฝาก คือเรื่องการมีส่วนร่วมของผู้ประกันตน รวมถึงแรงงานข้ามชาติ เพราะว่าตอนนี้แรงงานข้ามชาติถูกกีดกันออกจากระบบการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ดังนั้น เราควรหาระบบกลไกรับฟังความคิดเห็นเรื่องประกันสังคมเข้ามาทดแทน ต่อมา เรื่องที่ 2 คือการปฏิรูประบบประกันสังคมให้ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ </p>
<p>ผู้ประสานงาน MWG ระบุต่อว่า เรื่องที่ 3 คือการลงทุน ที่เป็นไปได้หรือไม่ที่จะหาแหล่งรายได้อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริม และสุดท้าย หนึ่งมันเลี่ยงไม่ได้ที่เรารับแรงงานข้ามชาติเข้ามามากขึ้น และกระบวนการผลิตอาจเปลี่ยนไป เราอาจจะเจอผู้ประกันตนที่เป็นวิชาชีพอิสระเพิ่มมากขึ้น และเขาอาจจะกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ เราจะออกแบบตัวประกันสังคมอย่างไรให้มันสอดรับกับทุกคน ซึ่งก็คือเรื่องประกันสังคมถ้วนหน้า</p>
<p>นภาพร เสนอโจทย์ให้ผู้ที่ชนะเลือกตั้ง เข้าไปเป็นบอร์ดประกันสังคม อาจต้องคิดถึงเรื่องการขยับเพดานเงินสมทบจาก 15,000 บาท เป็น 50,000 บาท และจำเป็นต้องปรับอัตราเงินสมทบในระดับสูงโดยเร็ว โดยอาจตั้งเป้าว่าภายใน 25 ปีข้างหน้า ต้องปรับเพิ่มเงินสมทบเป็นร้อยละ 30 ของฐานเงินเดือน เพื่อรองรับโจทย์สังคมผู้สูงวัย ซึ่งหากตัดสินใจช้าเกินไปเงินกองทุนอาจไม่พอใช้ </p>
<p>ด้านสุจิน รุ่งสว่าง ตัวแทนผู้ประกันตน ม.40 และหนึ่งในผู้ร่วมเสวนา แสดงความกังวลถึงความยั่งยืนของกองทุน และมองว่าบอร์ดฯ ต้องหาวิธีดึงให้แรงงานอิสระ ซึ่งตอนนี้มีจำนวนประมาณ 21.6 ล้านคน ให้เข้ามาในระบบประกันสังคมมากขึ้น เพราะตอนนี้มีเพียง 10 กว่าล้านคนเท่านั้น ที่ส่งสมทบกองทุนฯ ซึ่งเป็นจำนวนน้อยมาก แต่การเพิ่มสิทธิประโยชน์อาจช่วยสร้างแรงจูงใจตรงนี้ได้ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">บูรณาการประกันสังคมถ้วนหน้า จูงใจคนเข้ากองทุน</span></h2>
<p>เสียงสะท้อนจากวงเสวนาในเรื่องต่อมา คือการทำประกันสังคมถ้วนหน้า หรือผู้ประกันตน ทุกมาตรา ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน อดิศร แจกโจทย์ก่อนแล้วว่า เรื่องนี้อาจต้องคำนึงถึง เนื่องจากต่อไปประเทศไทย อาจมีแรงงานอิสระมากขึ้น และการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้เท่ากันทุกมาตรา เป็นเรื่องจำเป็น</p>
<p>สุจิน มองว่า เป็นไปได้ไหมในระยะสั้น เธออยากให้ผู้ประกันตน มาตรา 40 (ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ) ซึ่งตอนนี้สามารถส่งสมทบ 3 รูปแบบ คือ คนรวย คนปานกลาง และคนจน โดย 1. ‘คนจน’ สมทบ 70 บาท รัฐช่วยออกให้ 30 บาท 2. ‘คนปานกลาง’ สมทบ 100 บาท รัฐช่วยออกให้ 50 บาท และ 3. ‘คนรวย’ แรงงานส่งสมทบ 300 รัฐออกให้ 150 บาท </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53414891837_e16c2a4782_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">(ขวา) สุจิน รุ่งสว่าง</span></p>
<p>ในความเห็นของสุจิน ควรปรับให้เหลือช่องทางเดียวและควรได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากัน นอกจากนี้ เธออยากให้ภาครัฐขยับเพดานส่งสมทบ เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่รายได้น้อย สุดท้าย เธอเสนอว่าควรให้ผู้ประกันตนทุกมาตรา ได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากัน หรือเหลือแค่มาตรา 33 และ 39</p>
<p>ความเห็นนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับตัวแทนผู้ประกันตนมาตรา 39 วิภา มัจฉาชาติ และตัวแทนผู้ประกันตน มาตรา 33 สุธิลา ลืนคำ โดยวิภา สะท้อนว่าถ้าทำให้สิทธิประโยชน์เท่ากัน เธอเชื่อว่าจะสามารถจูงใจคนให้ส่งสมทบประกันสังคม ก่อนหน้านี้ เธอเคยไปถามผู้ประกันตนว่า อยากส่งสมทบประกันสังคมบ้างไหม บางคนบอกเลยว่าไม่อยาก เพราะมันไม่ตอบโจทย์ และไม่คุ้มค่าในการส่ง </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ปรับปรุงระบบเลือกตั้งต้องเข้าถึงได้ทุกคน</span></h2>
<p>นภาพร จากฝ่ายวิชาการ เสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ควรต้องให้ผู้ประกันตนทุกมาตราลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ควรเป็นระบบอัตโนมัติ และสามารถใช้สิทธิจากสถานที่ทำงานได้เลย เพื่ออำนวยความสะดวก และลดขั้นตอนยุ่งยากให้กับแรงงาน </p>
<p>ขณะที่วิภา มัจฉาชาติ ผู้แทนมาตรา 39 มีข้อเสนอถึงผู้ที่ได้เข้าไปเป็นบอร์ดประกันสังคม 3 ข้อใหญ่ 1. แก้ไขระเบียบการเลือกตั้งต่างๆ 2. กระจายงบประมาณมาให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 39 และ 40 ไม่กระจุกที่ใดที่หนึ่ง และ 3. ลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลง เช่น งบประมาณจัดทำปฏิทินประกันสังคม หรืออื่นๆ และเปลี่ยนมาเป็นเรื่องสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53416247310_dc16aa4d13_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">(ซ้าย) วิภา มัจฉาชาติ</span></p>
<p>วิภา ชี้แจงว่า เรื่องระเบียบเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมตอนนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มมาตรา 39 และ 40 เนื่องจากระเบียบรับสมัครเป็นคณะกรรมการ ในคณะกรรมการประกันสังคม ระบุว่า ผู้ประกันตนต้องส่งสมทบติดต่อกัน 36 เดือน หรือว่า 3 ปี ซึ่งยากมากสำหรับผู้ประกันตน มาตรา 39 และ 40 เนื่องจากแรงงานอิสระรับจ้างทั่วไปไม่มีความมั่นคงด้านรายได้และการงานมากพอที่จะส่งสมทบติดต่อกัน 36 เดือน </p>
<p>สุจิน ตัวแทนมาตรา 40 มองเช่นเดียวกันว่า ระบบเลือกตั้งผลักให้ผู้ประกันตน มาตรา 40 ออกจากบอร์ดประกันสังคม เธอวิจารณ์เรื่องหน่วยเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมว่า ถ้าเรายังใช้ระบบแบบนี้แรงงานนอกระบบจะไม่สามารถเข้าไปสู่เป็นบอร์ดประกันสังคมได้เลย เนื่องจากเรามีหน่วยเลือกตั้งที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด แต่คนที่อยู่ตามชายแดน ตำบล หรือพื้นที่ห่างไกล ต้องเดินทางมาที่อำเภอเมือง ต้องจ่ายค่ารถอาจจะประมาณ 500-1,000 บาท เพื่อมาเลือกตัวแทนแรงงานมาตรา 40 ของพวกเขาให้เข้าไปเป็นคณะกรรมการประกันสังคม ซึ่งมันเพิ่มภาระให้กับประชาชนที่ยากจนและอยากเลือกตั้ง อยากให้เลือกตั้งคราวหน้าควรคิดเรื่องนี้ให้มันสอดคล้องกับแรงงานที่มาใช้สิทธิ</p>
<p>อดิศร เสนอว่า ตอนนี้แรงงานข้ามชาติไม่สามารถเลือกตั้งได้ เนื่องจากระเบียบเลือกตั้งกำหนดว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น ซึ่งถ้ามองในแง่นี้ไม่ได้แค่เฉพาะแรงงาน 3-4 สัญชาติเท่านั้น แต่มีแรงงานไร้สัญชาติด้วย ซึ่งมีจำนวนถึง 1.5 ล้านคน พอเขาเลือกตั้งไม่ได้ คำถามคือผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งสักกี่คนจะสนใจปัญหาของพวกเขา ดังนั้น ถ้าได้เข้าไปเป็นคณะกรรมการประกันสังคม อยากเสนอแก้ไขให้ตัวของแรงงานข้ามชาติสามารถเข้าถึงการเลือกตั้งของบอร์ดประกันสังคมด้วย</p>
<p>อดิศร ระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตัวหนังสือของ กสม. ส่งไปที่สำนักงานประกันสังคมแล้วว่า การกำหนดแบบนี้ในระเบียบเลือกตั้งขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน แต่ประกันสังคมอธิบายว่าเป็นเรื่องสิทธิทางการเมือง และการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน </p>
<p>วิภา มองด้วยว่า สำนักงานประกันสังคมต้องปรับปรุงเรื่องการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมด้วย เนื่องจากตัวเลขของผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งมีเพียง 8 แสนราย ซึ่งน้อยมาก ขณะที่ตัวเลขผู้ประกันตน มาตรา 33 39 และ 40 มีถึงหลายสิบล้านคน ทั้งที่ใช้งบประมาณเยอะมากในการจัดเลือกตั้ง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เพิ่มวาระ 2 ปี เป็น 4 ปี ให้นโยบายต่อเนื่อง</span></h2>
<p>สุจิน เสนอเพิ่มวาระ บอร์ดประกันสังคม จาก 2 ปี เป็น 4 ปี เพื่อให้การผลักดันนโยบาย และการทำงานต่อเนื่อง</p>
<p>วิภา เสนอว่า อยากให้มีการกระจายเงินในกองทุนประกันสังคม หรืองบประมาณต่างๆ เพื่อนำมาใช้ด้านการศึกษาให้กับผู้ประกันตนมาตรา 39 หรือ 40 เพื่อให้มาตรา 39 หรือมาตรา 40 ได้เรียนรู้เรื่องประกันสังคมมากขึ้น </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ปรับปรุงสิทธิประโยชน์รักษาพยาบาล</span></h2>
<p>สุธิลา ลืนคำ ตัวแทนผู้ประกันตน มาตรา 33 กล่าวว่า มาตรา 33 มันมี 7 กรณีสิทธิประโยชน์ มันควรปรับปรุง หลายกรณีอย่างเราไปทำฟัน ได้เงินช่วยเหลือ 900 บาท แต่ 900 บาททำอะไรได้ และต้องเสียค่าธรรมเนียม 50 บาทอีก แต่พอไปรักษาโรคทันตกรรมแล้วมีส่วนต่าง เช่น กรณีครอบรากฟัน สาเหตุจากฟันผุ ค่ารักษาหมดเป็นหมื่นบาท ซึ่งสิทธิประโยชน์สำหรับทำฟันมันไม่พอ และเราอยู่ในประเทศที่ค่าครองชีพต่ำด้วย มันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง มันไม่เพียงพอ เธอเลยอยากให้มีการปรับปรุงสิทธิการรักษา 7 กรณี </p>
<div class="note-box">
<p>ทั้งนี้ 7 สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมของมาตรา 33 ประกอบด้วย 1. สงเคราะห์บุตร 2. คลอดบุตร 3. อันตราย หรือเจ็บป่วย 4. ทุพพลภาพ 5. ว่างงาน 6. ชราภาพ และเสียชีวิต สำหรับการรักษาโรคทันตกรรม อยู่ในกรณีที่ 3 อันตราย และเจ็บป่วย ซึ่งกำหนดว่า ผู้ประกันตนสามารถขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และผ่าฟันคุด ในวงเงินรวมไม่เกิน 900 บาทต่อปี </p>
</div>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53416247315_4310c8b11d_b.jpg" /></div>
<div style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">(ซ้าย) สุธิลา ลืนคำ</span></div>
<h2><span style="color:#2980b9;">แรงงานข้ามชาติ: ค่าคลอดบุตรไม่ต้องสำรองจ่าย </span></h2>
<p>อดิศร นักรณรงค์สิทธิแรงงานข้ามชาติ มองว่า ตอนนี้ปัญหาแรงงานข้ามชาติคือการเข้าถึงการรักษาพยาบาล เขาเชื่อว่า 5 อันดับแรก โรคที่เจอมันเป็นโรคที่ไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน ความดัน หรือหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่สามารถเฝ้าระวัง ป้องกัน และส่งเสริมได้ เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะลดงบฯ ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล และไปเสริมระบบป้องกันโรคให้มากขึ้น </p>
<p>อดิศร กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่อยากให้แก้ไขคือสิทธิประโยชน์การชราภาพ ใน พ.ร.ก.ระบุชัดเจนว่า กรณีของแรงงานข้ามชาติว่าในกรณีที่ต้องใช้สิทธิชราภาพ ในกรณีที่ต้องกลับบ้านไป สามารถขอรับสิทธิประโยชน์ชราภาพได้เลยไม่ต้องรออายุ 55 ปี แต่ประกันสังคมไปออกกฎหมายว่า ถ้าจะใช้สิทธินี้ไทยต้องทำข้อตกลงกับประเทศนั้นๆ ก่อน ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครทำข้อตกลงกับไทยเลย เพราะว่าสิทธิประโยชน์ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน มันเลยไม่ล็อกเขาว่าต้องให้เงินชราภาพเท่านั้นเท่านี้ตามเรา มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น มันเป็นเทคนิคที่รัฐใช้เลี่ยงสิทธิประโยชน์นี้เข้ามา </p>
<p>ผู้ประสานงาน MGW ระบุต่อว่า ต่อมาคือการแก้ไขสิทธิค่าคลอดบุตรที่ต้องสำรองจ่ายเงินก่อน เพราะในหลายๆ ประเทศ รวมถึงไทย การคลอดบุตรเป็นสิทธิพื้นฐานในเรื่องของสุขภาพ แต่ปัญหาที่เราเจอคือว่าประกันสังคมจะคลอดบุตรต้องออกเงินก่อน และให้ขอคืนทีหลัง ทำให้แรงงานข้ามชาติที่ต้องการคลอดบุตร ต้องสะสมเงินให้ได้อย่างน้อย 1 หมื่นกว่าบาท อัตราค่าแรงขั้นต่ำมันต่ำมากกว่าจะสะสมได้ การที่จะต้องสะสมเงินมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น มันเกิดภาวะฟุ่มเฟือยเพื่อคลอดบุตร มันเกิดภาวะตัวดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมา อันนี้ต้องเปลี่ยนกรอบคิดใหม่  </p>
<p>นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนออื่นๆ เช่น การปรับปรุงบำนาญชราภาพของมาตรา 39 ที่น้อยเกินไป การผลักดันกฎหมายประกันสังคมต้องให้สอดคล้องกับอนุสัญญาหรือมาตรฐานสากล ระบบมอนิเตอร์การทำงานของสำนักงานประกันสังคมเพื่อป้องกันผู้ประกันตนตกหล่น และต้องมีการปฏิรูประบบสวัสดิการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นอกเหนือจากปัจจัย 4 เช่น การเพิ่มเรื่องสิ่งแวดล้อม การคมนาคม หรืออื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเป็นสวัสดิการได้เช่นกัน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107358
 
2839  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - คลิปขนลุก เตือนภัยตัวอะไรอยู่ในปูดิบ แกะมาเจอของแถมตัวเป็น ๆ กระดืบกันยั้วเยี้ เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 01:20:15
คลิปขนลุก เตือนภัยตัวอะไรอยู่ในปูดิบ แกะมาเจอของแถมตัวเป็น ๆ กระดืบกันยั้วเยี้ย
         


คลิปขนลุก เตือนภัยตัวอะไรอยู่ในปูดิบ แกะมาเจอของแถมตัวเป็น ๆ กระดืบกันยั้วเยี้ย" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;คลิปเตือนภัยคนชอบกินปูดิบ แกะมาเจอของแถมตัวเป็น ๆ กระดืบกันยั้วเยี้ย ต้องเช็กให้ดี ๆ ก่อนเข้าปาก
         

https://www.sanook.com/news/9154310/
         
2840  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เผยแก้หนี้นอกระบบ 22 วัน ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 233 ราย จากยอดลงทะเบียน 106,863 ราย เมื่อ: 24 ธันวาคม 2566 00:02:47
เผยแก้หนี้นอกระบบ 22 วัน ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 233 ราย จากยอดลงทะเบียน 106,863 ราย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-23 14:18</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>โฆษกรัฐบาลเผย 22 วัน ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ ไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 233 ราย จากลงทะเบียน 106,863 ราย มูลหนี้ลดลง 97 ล้านบาท จากยอดมูลหนี้รวม 6,697.642 ล้านบาท</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/51487497935_802ff01f91_o_d.jpg" /></p>
<p>23 ธ.ค. 2566 เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่านายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำความคืบหน้าการแก้หนี้นอกระบบ โดยล่าสุดกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ณ วันที่ 22 ธ.ค. 2566 มีมูลหนี้รวม 6,697.642 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 106,863 ราย แบ่งเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 93,208 ราย และการลงทะเบียนที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 13,655 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 77,525 ราย จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร 6,734 ราย  เจ้าหนี้ 5,749 ราย มูลหนี้ 566.522 ล้านบาท จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุดคือแม่ฮ่องสอน  มีผู้ลงทะเบียน 151 ราย เจ้าหนี้ 117 ราย มูลหนี้ 6.621 ล้านบาท</p>
<p>สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศ พบว่ามีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 1,445 ราย ไกลเกลี่ยสำเร็จ 233 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 144.119 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 46.561 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 97.557 ล้านบาท ซึ่งมีจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดคือจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 179 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 8 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 15.218 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 7.65 แสนบาท ทำให้มูลหนี้ของประชาชนในจังหวัดลดลงมากถึง 14.453 ล้านบาท</p>
<p>“นี่คือความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดของการแก้หนี้นอกระบบ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบอยู่ แล้วยังลังเลใจว่าจะเข้ามาแจ้งดีไหม ขอท่านได้โปรดตัดสินใจเข้ามาสู่กระบวนการที่ภาครัฐเตรียมพร้อมจะช่วยท่านอย่างเต็มที่อยู่ในขณะนี้ การแก้หนี้นอกระบบ หากได้รับความร่วมจากทุกฝ่าย จะสามารถดึงเม็ดเงินที่หลุดออกไปจากมือประชาชนไหลเข้าไปอยู่ในมือนายทุนปีละไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท เม็ดเงินมหาศาลจำนวนนี้ สมควรจะถูกบริหารจัดการให้กลับคืนสู่มือพี่น้องประชาชนเพื่อการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะช่วยส่งผลให้เศรษฐกิจภายในของประเทศกลับมาฟื้นตัวได้อย่างมีพลังอีกครั้งครับ” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว </p>
<p>โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ ไม่ได้จ้องแต่จะกู้เงินมาแจกอย่างที่คนมองโลกในแง่ลบพยายามที่จะหาช่องโจมตีทุกรูปแบบ แต่เรามีนวัตกรรมในการคิดค้นนโยบายและโครงการที่จะต้องใช้งบประมาณน้อยมากหรือแทบไม่ต้องใช้เลยเพื่อเติมเงินใหม่กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของไทย ที่กำลังตกอยู่ในสภาพเสมือนร่างกายที่มีเลือดหล่อเลี้ยงในระบบเหลืออยู่น้อยมาก ๆ จนกำลังจะก่อให้เกิดวิกฤตร้ายแรงได้ วิธีแก้วิกฤตให้ดีที่สุดคือการลงมือดักหน้าก่อนที่วิกฤตนั้นจะเกิดขึ้นแล้ว </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107352
 
หน้า:  1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 1120
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.012 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 01 เมษายน 2566 02:12:34