[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 06:50:25 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 142 143 [144] 145 146 ... 1113
2861  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เผยไทยพึ่งนักท่องเที่ยว 'อินเดีย-ไต้หวัน' เมื่อนักท่องเที่ยว 'จีน' ไม่กระ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 21:17:20
เผยไทยพึ่งนักท่องเที่ยว 'อินเดีย-ไต้หวัน' เมื่อนักท่องเที่ยว 'จีน' ไม่กระเตื้อง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 14:56</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>รายงานพิเศษจากสื่อเบนาร์นิวส์เผยในขณะที่การท่องเที่ยวของไทยยังมีความกังวลเกี่ยวกับตลาด 'จีน' ตลาดท่องเที่ยวแห่งใหม่ก็ฉายแสงแห่งความหวัง ได้แก่ 'อินเดีย' และ 'ไต้หวัน' ซึ่งล่าสุดที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าจนถึงเดือน พ.ค. 2567</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53401214889_37fa98257a_o_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">แฟ้มภาพ: ข่าวสารท่องเที่ยว ททท.</span></p>
<p>เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2566 เบนาร์นิวส์ รายงานว่ากว่าหนึ่งปีแล้วที่ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบหลังโควิด แต่ภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีมูลค่าราว 11% ของจีดีพีในปี 2562 กลับมีการกระเตื้องขึ้นช้ากว่าที่คาดการณ์</p>
<p>ประเทศไทยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 28 ล้านคนในปีนี้ เมื่อเทียบกับจำนวน 40 ล้านคนที่มาเที่ยวเมืองไทยก่อนโควิดเมื่อปี 2562 โดยในปีนั้นกว่าหนึ่งในสี่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวจีน โดยมีจำนวนราว 11 ล้านคน</p>
<p>ระหว่างเดือนมกราคมและวันที่ 3 ธ.ค. ในปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าเมืองไทยแล้วกว่า 25 ล้านคน โดย 4 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 3.1 ล้านคน นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้กว่า 1.4 ล้าน นักท่องเที่ยวอินเดียราว 1.4 ล้าน และนักท่องเที่ยวรัสเซีย 1.2 ล้านคน</p>
<p>โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยในปี 2566 ถึง 30 ล้านคนเลยทีเดียว</p>
<p>สายชล ชื่นชู วัย 48 เป็นไกด์ทัวร์ที่ใช้ภาษาจีนกลางหรือแมนดาริน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่มาอย่างยาวนานถึง 26 ปี แต่เมื่อไม่นานมานี้สายชลเริ่มต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ไม่ได้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว โดยเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ากลุ่มใหม่นี้เช่นกัน </p>
<p>“ตอนนี้ลูกทัวร์เปลี่ยนเป็นไต้หวันแทนจีน” สายชลกล่าว “ตลาดไต้หวันเป็นตลาดสม่ำเสมอมีคุณภาพ ใช้จ่ายสูง ไปเที่ยวกินของอร่อย รายได้ดีกว่า เข้าชุมชนโดยตรง ไม่เหมือนทัวร์จีนประเภททัวร์ศูนย์เหรียญ”</p>
<p>สายชลกล่าวว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญดำเนินไปอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมานานหลายปี โดยบริษัททัวร์จากประเทศจีนพานักท่องเที่ยวไปใช้บริการร้านอาหาร สปา หรือร้านค้าที่ดำเนินการโดยชาวจีนเท่านั้น ซึ่งทำให้ธุรกิจท้องถิ่นโดยคนไทยไม่ได้รับประโยชน์หรือเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวรูปแบบดังกล่าว</p>
<p>ในขณะเดียวกัน สายชลจะต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากไต้หวันราว 20 คนในช่วงเดือนธันวาคมนี้ “แขกจะพักในโรงแรม 5 ดาวเป็นเวลา 5 วัน แพ็คเกจตกราว 100,000 บาท (2,793 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อคน”</p>
<p>นักท่องเที่ยวไต้หวันราว 585,000 คนเดินทางมาเมืองไทยในช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้ จากข้อมูลภาครัฐ โดยช่วงปลายปียังได้รับแรงหนุนจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลที่ออกให้เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนด้วย สายชลกล่าว</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ภาคการเมืองหนุนภาคท่องเที่ยว</span></h2>
<p>เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งในเดือนกันยายน นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสินได้ริเริ่มการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยมีผลถึงวันที่ 29 ก.พ. 2567 โดยระหว่างเข้าร่วมการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่กรุงปักกิ่งเมื่อเดือนตุลาคม นายเศรษฐายังได้เสนอให้มาตรการดังกล่าวบังคับใช้เป็นการถาวรด้วย</p>
<p>แต่อย่างไรก็แล้วแต่ การยกเว้นวีซ่าดังกล่าวไม่ให้ผลอย่างที่คาด โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ปรับลดการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจาก 4 ล้านถึงสี่ล้านสี่แสนคน ลงเหลือ 3.5 ล้านคนตลอดปี 2566</p>
<p>“นักท่องเที่ยวจีนที่ไม่มาเมืองไทยไม่ใช่เพราะไม่อยากจ่ายค่าวีซ่า แต่เนื่องจากกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย รัฐบาลไทยตีโจทย์ไม่แตกว่าทำไมคนจีนไม่กลับมา” สายชลกล่าว</p>
<p>ผศ.ดร. ชาดา เตรียมวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าเศรษฐกิจภายในของจีนเองส่งผลในการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีน นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องของความกลัวการถูกลักพาตัวเมื่อเดินทางท่องเที่ยว</p>
<p>ก่อนหน้านี้ จีนมีการคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ อยู่ที่ 5% ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำมากในรอบหลายทศวรรษหลังจากปิดประเทศช่วงโควิด และจีนยังประสบอัตราการว่างงานของแรงงานหนุ่มสาวที่เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา</p>
<p>บทบรรณาธิการของ The Global Times สื่อของทางการจีน ในเดือนมีนาคมได้กล่าวถึงข้อกังวลของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อการเดินทางท่องเที่ยวในไทย โดยมีเนื้อหาว่า “นักท่องเที่ยวจีนบ่นเรื่องการขึ้นราคาในเมืองไทย การถูกโกง และได้รับบริการที่แย่ลงเมื่อเทียบกับแต่ก่อน”</p>
<p>“เนื้อหาด้านลบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเมืองไทย เช่น “ไปเที่ยวไทยยังปลอดภัยอยู่หรือไม่” และ “ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” ได้รับความสนใจบนอินเทอร์เน็ตในเมืองจีนอย่างต่อเนื่อง … 'การล่อลวงผู้หญิงไปค้ามนุษย์' และการ 'ตัดไต' ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา”</p>
<p>บทบรรณาธิการกล่าวว่าแม้จะมีการโต้แย้งว่าเนื้อหาด้านลบนั้นไม่ตรงตามข้อเท็จจริง “เราหวังว่าประเทศไทยจะรักษาชื่อเสียงและไม่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนผิดหวัง”</p>
<p>ในประเทศไทยเองมีการดำเนินการเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง ในเดือนพฤศจิกายน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เข้าพบนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อหารือเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง No More Bets ซึ่งเป็นเรื่องของชายหนุ่มกับหญิงสาวจากจีนที่ถูกล่อลวงมาทำงานในคอลเซ็นเตอร์ โดยภาพยนตร์มีบางฉากที่มีภาษาไทยออกเผยแพร่ เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Weibo ของจีน</p>
<p>แต่เหตุการณ์จริงในไทยทำให้คนจีนตื่นกลัวเช่นกัน โดยในสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอนช่วงต้นเดือนตุลาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสามราย ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวจีนหนึ่งราย จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนที่บินเข้าไทยลดลงราว 60,000 คน ตามข้อมูลของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย</p>
<p>ในขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่ก็ประสบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดน้อยถอยลงอย่างมาก</p>
<p>ละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้บริหารโรงแรมรติล้านนาริเวอร์ไซด์สปารีสอร์ทในเชียงใหม่ กล่าวว่า “ช่วงก่อนโควิดปี 2015 ถึง 2019 นักท่องเที่ยวจีนบินเข้ามาสองถึงสามพันคนต่อวัน แต่ตอนนี้ไม่ดี ถึงแม้จะมีเรื่องฟรีวีซ่าก็ไม่ส่งผลเลย ตอนนี้เฉลี่ยบินตรงเข้ามาวันละ 500 ถึง 600 คนเท่านั้น”</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ความท้าทายในการฟื้นการท่องเที่ยว</span></h2>
<p>นักวิเคราะห์หลายรายต่างไม่กล้าคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวไทยจะแตะขึ้นไปสู่ระดับก่อนโควิดได้อีกหรือไม่หรือแม้กระทั่งเมื่อไร</p>
<p>“ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของวัฏจักรใหม่ ประเทศไทยก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอยู่ แต่สภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกมีความผันผวน และการท่องเที่ยวก็เช่นเดียวกัน” บิล บาร์เนท กรรมการผู้จัดการองค์กรที่ปรึกษาด้านธุรกิจการท่องเที่ยว C9 Hotelworks กล่าวกับเบนาร์นิวส์</p>
<p>แต่ในขณะที่การท่องเที่ยวของไทยยังมีความกังวลเกี่ยวกับตลาดจีน ตลาดท่องเที่ยวแห่งใหม่ฉายแสงแห่งความหวัง ได้แก่ อินเดียและไต้หวันซึ่งเป็นที่ล่าสุดที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศไทยไปจนถึงเดือน พ.ค. 2567</p>
<p>“ฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวอินเดียมีผล แต่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนไม่มีผล” พัชรีย์ เอี่ยมรอด ไกด์ทัวร์ที่เชี่ยวชาญตลาดอินเดียมา 15 ปีกล่าว “หลังจากปล่อยฟรีวีซ่า 10 พ.ย. จำนวน [นักท่องเที่ยว] ขึ้นเร็วมาก”</p>
<p>นักท่องเที่ยวอินเดียราวสองล้านคน เดินทางมาไทยเมื่อปี 2562 โดยเท่ากับอัตราการเติบโต 25% สูงที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย</p>
<p>“ปกติรับกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียสามถึงห้ากรุ๊ปต่อไกด์ต่อเดือน ส่วนมากจะเที่ยวสิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทย สามประเทศใช้เวลาเที่ยว 10-12 วัน ตั๋วเครื่องบินถูกและฟรีวีซ่า ทำให้นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วแล้วมาได้เลย”</p>
<p>พัชรีย์กล่าวว่า ยังมีปัจจัยที่ส่งผลลบต่อการฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย </p>
<p>“การท่องเที่ยวไทยต้นทุนแพงขึ้น ต้องมีบัดเจทถึงจะมาได้ เพราะหลังจากปิดช่วงโควิดไปมีการปรับต้นทุนขึ้น สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม เปิดใหม่ ๆ หรือที่ผ่านมามีการปรับปรุงรีโนเวท และจำนวนพนักงานตอนนี้ไม่เยอะและผู้เข้าพักน้อยก็จะมีการอัพราคา”</p>
<p>พัชรีย์คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยอาจไม่กลับไปยังจุดก่อนโควิดอีกต่อไปแล้ว เนื่องจาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญก็ปราบไปเยอะแล้ว และนักท่องเที่ยวแบบที่มาเองก็ไม่ได้เยอะ”</p>
<p>ด้าน ผศ.ดร. ชาดา กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจกลับมาได้หาก “ประชาชนและสื่อทำหน้าที่สื่อสารให้คนจีนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้งค่ะ”</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107266
 
2862  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ฮังการี' คว่ำข้อเสนอ ‘อียู’ ส่งความช่วยเหลือให้ 'ยูเครน' เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 19:46:50
'ฮังการี' คว่ำข้อเสนอ ‘อียู’ ส่งความช่วยเหลือให้ 'ยูเครน'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 16:39</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สื่อ VOA รายงาน 'ฮังการี' ใช้สิทธิวีโต้ คว่ำข้อเสนอความช่วยเหลือทางการเงินแก่ 'ยูเครน' โดยสหภาพยุโรป (อียู) หลังมีการถกเรื่องสมาชิกภาพของยูเครน</p>
<p>16 ธ.ค. 2566 VOA รายงานว่าฮังการีใช้สิทธิวีโต้ คว่ำข้อเสนอความช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครนโดยสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. หนึ่งวันหลังมีการถกเรื่องสมาชิกภาพของยูเครน</p>
<p>นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บัน แห่งฮังการี ใช้สิทธิวีโต้ข้อเสนอที่ 26 ประเทศจาก 27 ประเทศสมาชิกที่เหลือของอียูเห็นชอบ ที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครนเป็นจำนวน 54,000 ล้านดอลลาร์ (1.8 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการต่อต้านการรุกรานของยูเครน ตามข้อมูลของประธานคณะมนตรียุโรป ชาร์ลส์ มิเชล</p>
<p>มิเชลระบุว่า สวีเดนต้องนำเรื่องข้อเสนอการเงินดังกล่าวไปพิจารณาในรัฐสภาของตนเสียก่อน แต่นั่นเป็นกระบวนการโดยทั่วไปของสวีเดน เขาระบุด้วยว่า อียูจะพยายาม “ได้เสียงเอกฉันท์” เรื่องงบประมาณให้กับยูเครนในต้นปีหน้า</p>
<p>ในวันที่ 14 ธ.ค. อียูได้มีการพูดคุยกันในประเด็นการรับยูเครนเข้ามาเป็นสมาชิก นายกฯ ออร์บัน แห่งฮังการี ที่ไม่เห็นด้วยกับการรับสมาชิกใหม่ ได้ประกาศมาหลายสัปดาห์ว่าจะใช้สิทธิวีโต แต่สุดท้ายก็เลือกเดินออกจากห้องประชุมแทน ทำให้ 26 ชาติสมาชิกที่เหลือมีมติเอกฉันท์ว่าจะให้มีกระบวนการเจรจารับชาติยุโรปตะวันออกเข้าร่วมสมาชิก</p>
<p>ประธานาธิบดีเบลเยียม อะเล็กซานเดอร์ เดอ โกร กล่าวว่า นายกฯ ออร์บันไม่ใช้สิทธิคว่ำญัตติดังกล่าว เนื่องจาก “เขาตระหนักว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ตัวได้”</p>
<p>ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่าการพูดคุยเรื่องสมาชิกภาพ คือ “ชัยชนะของยูเครน” และเป็น “ชัยชนะของยุโรปทั้งหมด”</p>
<p>เซเลนสกี เพิ่งประสบความล้มเหลวในการโน้มน้าวให้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ เพิ่มเงินสนับสนุนให้ยูเครน โดยที่ผ่านมา รัฐบาลวอชิงตันมีงบประมาณสนับสนุนยูเครนไปแล้วมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ในระยะหลัง สมาชิกสภาจากพรรครีพับลิกันต้องการให้งบประมาณช่วยเหลือก้อนใหม่ผูกติดกับประเด็นการกวดขั้นพื้นที่ชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโกด้วย</p>
<p>ในการแถลงข่าวรายงานของ ปธน.เซเลนสกี ระบุว่าประเทศกลุ่มนอร์ดิก ได้รับปากว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นจำนวน 1,400 ล้านดอลลาร์</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107268
 
2863  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "อั้ม พัชราภา" ถูกแซวแค้นเพื่อนเจ้าบ่าว "ไฮโซพก" โดนเอาคืนด้วยการให้เต้นแร เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 18:55:06
"อั้ม พัชราภา" ถูกแซวแค้นเพื่อนเจ้าบ่าว "ไฮโซพก" โดนเอาคืนด้วยการให้เต้นแรงๆ
         


&quot;อั้ม พัชราภา&quot; ถูกแซวแค้นเพื่อนเจ้าบ่าว &quot;ไฮโซพก&quot; โดนเอาคืนด้วยการให้เต้นแรงๆ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;งานแต่งเมย์ พิชญ์นาฏ กับ ไฮโซบิ๊ก โมเมนต์น่ารัก ไฮโซพก-อั้ม พัชราภา เพื่อนบ่าวสาว ถูกแซวงานนี้เพื่อนเจ้าบ่าวถูกเอาคืน
         

https://www.sanook.com/news/9144274/
         
2864  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “พายัพ” เตือน “พิธา” หยุด ดีแต่พูดวิจารณ์รัฐบาล ยันรัฐบาลทำงานหนัก เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 18:47:30
“พายัพ” เตือน “พิธา” หยุด ดีแต่พูดวิจารณ์รัฐบาล ยันรัฐบาลทำงานหนัก
         


“พายัพ” เตือน “พิธา” หยุด ดีแต่พูดวิจารณ์รัฐบาล ยันรัฐบาลทำงานหนัก" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9144150/
         
2865  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ​ไทยพร้อมกระชับความร่วมมือกับ JETRO ส่งเสริมการค้าและการลงทุน เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 18:14:06
​ไทยพร้อมกระชับความร่วมมือกับ JETRO ส่งเสริมการค้าและการลงทุน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 17:08</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'เศรษฐา' ประชุมร่วมกับประธาน JETRO ไทยพร้อมกระชับความร่วมมือ ส่งเสริมการค้าและการลงทุน พร้อมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในไทย รองรับการลงทุนจากญี่ปุ่น - พบผู้บริหารบริษัท Kubota พร้อมขยายความร่วมมือนำเทคโนโลยีช่วยเกษตรกรไทย รวมทั้งเห็นชอบร่วม Pilot Project เกษตรกรเพาะปลูกถั่วเหลือง</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53400076497_55dd863fa7_o_d.png" /></p>
<p>16 ธ.ค. 2566 เวลา 9.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) ณ โรงแรม Okura Tokyo กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือกับ นายโนริฮิโกะ อิชิกุโระ (Mr. Norihiko ISHIGURO) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization: JETRO) โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
 
นายกรัฐมนตรีชื่นชมที่ JETRO มีบทบาทสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการทำวิจัยด้านเศรษฐกิจ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่บริษัทญี่ปุ่นเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้มีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก และขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
 
ด้านประธาน JETRO รู้สึกยินดีที่ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ในโอกาสการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่ง JETRO พร้อมส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้เพิ่มพูน โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือในด้านนวัตกรรมและนวัตกรรมแบบเปิด (open innovation) ระหว่างสองประเทศ การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมในประเทศไทย การส่งเสริมประสิทธิภาพด้านทรัพยากรมนุษย์ของไทย และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศญี่ปุ่นและบริษัทญี่ปุ่นในไทย
 
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิด เพื่อเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจร่วมกัน ซึ่ง JETRO พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการชักจูงการลงทุนเพิ่มเติมมายังประเทศไทย รวมถึงการส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาค หรือ regional headquarters ในไทย ด้านนายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ JETRO สำนักงานใหญ่ และ JETRO กรุงเทพฯ ได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยอย่างดีมาโดยตลอด</p>
<h2><span style="color:#3498db;">พบผู้บริหารบริษัท Kubota พร้อมขยายความร่วมมือนำเทคโนโลยีช่วยเกษตรกรไทย</span></h2>
<p>ต่อมาเวลา 9.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกรวงการคลัง พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Kubota โดย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้ </p>
<p>Kubota Corporation เป็นผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นและอันดับสามของโลก โดยมีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการทางการเกษตร และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่เกี่ยวข้องกับอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ปิโตรเลียมสำหรับใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรม ต่อมามีการพัฒนาการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์เบนซิน ฯลฯ ชนิดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน</p>
<p>โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือเพื่อโอกาสความร่วมมือ โดยนำเทคโนโลยีซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญมาเพิ่มผลผลิต เพิ่มศักยภาพของผลผลิต ลดการใช้แรงงานและค่าใช้จ่าย เพื่อให้มีรายได้ที่มากขึ้น ทั้งนี้ ได้หารือร่วมกัน เพื่อมี pilot project ช่วยเหลือเกษตรกรที่สนใจปลูกถั่วเหลือง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ชีวิตที่ดีขึ้น</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชน ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในโอกาสที่เดินทางมาร่วมการประชุม ASEAN-Japan ในวันที่สอง</span></h2>
<p>นายเศรษฐา ยังได้ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชน ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในโอกาสที่เดินทางมาร่วมการประชุม ASEAN-Japan โดย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญดังนี้</p>
<p>วันนี้ถือเป็นวันที่สองที่ได้เดินทางมาปฏิบัติภารกิจ ในช่วงเช้าได้พบหารือกับ JETRO เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ฝ่ายไทยได้ยืนยันความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลญี่ปุ่นและยืนยันที่จะดูแลนักลงทุนในประเทศไทย ซึ่งความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นเป็นไปอย่างดีมากมาตลอด เป็นความสัมพันธ์ที่เรียกได้ว่า “มองตาก็รู้ใจ”</p>
<p>โดยฝ่าย JETRO เข้าใจดีถึงกระแสโลกและความจำเป็นในการเปลี่ยนยานยนต์สันดาป ( ICE ) เป็น ยานยนต์ EV ซึ่งในการพบหารือกับบริษัทยานยนต์ขนาดใหญ่ 7 บริษัทที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้บริษัทฯ เร่งการลงทุนให้เร็วขึ้น</p>
<p>นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในโอกาสนี้ได้แนะนำ ม.ล. ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย ซึ่งจะดูแลเกี่ยวกับการตกลง FTA เร่งการเจรจาโดยเร็ว เพื่อรักษาระดับการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวา </p>
<p>บริษัท Kubota เป็นการหารือที่ดีมาก ทำให้ได้รับทราบถึงเทคโนโลยีที่มีอย่างหลากหลายของคูโบต้า ทั้งการอัดแน่นซังข้าวโพดเพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิง การเก็บเกี่ยวพืช ขณะนี้ประเทศไทยนำเข้าถั่วเหลืองจำนวนมาก และยังผลิตได้น้อย หากมีการพัฒนาจะทำให้ประเทศไทยผลิตถั่วเหลืองได้มากขึ้น เรียกว่าเป็นการพูดคุยอย่างครอบคลุมทุกเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการทำเกษตรกรรม Smart farming การใช้โดรนเพื่อการเกษตรกรรม และการพูดคุยครั้งนี้รวมถึงระบบเงินกู้ไฟแนนซ์ซิ่ง leasing เป็นการพูดคุยในหลากหลายมิติ และทีมงานจะนำประเด็นเหล่านี้มาประชุมต่อ </p>
<p>ในส่วนของกรอบการประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียนและญี่ปุ่นมีความผูกพัน มีความสัมพันธ์กันระดับแน่นแฟ้น ญี่ปุ่นลงทุนสูงมากในอาเซียน อีกทั้งในเรื่องความท้าทายที่เกิดในภูมิภาคและทุกความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ประเทศไทยพร้อมที่จะเจรจาพูดคุยเพื่อความสงบและสันติสุขในภูมิภาค</p>
<p>ในส่วนของ mega project ของไทย Landbridge นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกขึ้นในงานสัมมนาของบีโอไอและกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่ามีผู้สนใจ และเห็นว่าเป็นประโยชน์ที่สำคัญของภูมิภาค ถือเป็นโครงการที่จะลดความแออัดล่าช้าในช่องแคบมะละกาในอนาคต</p>
<p><span style="color:#3498db;">ที่มาเรียบเรียงจากเว็บไซต์รัฐบาลไทย </span><span style="color:#3498db;">[1]</span><span style="color:#3498db;"> </span><span style="color:#3498db;">[2]</span><span style="color:#3498db;"> </span><span style="color:#3498db;">[3]</span></p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
2866  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กกต.สั่งเอาผิดอาญา 'พัฒนา' สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย โพสต์หาเสียงเกินเวลา เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 16:39:34
กกต.สั่งเอาผิดอาญา 'พัฒนา' สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย โพสต์หาเสียงเกินเวลา
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 15:26</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กกต.สั่งเอาผิดอาญา 'พัฒนา สัพโส' สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย โพสต์หาเสียงเกินเวลา เจ้าตัวยืนยันไม่มีเจตนา ชี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ มั่นใจไม่มีผลต่อสถานะ สส. ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53400920336_41ac93122d_o_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">พัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย</span></p>
<p>เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. สั่งดำเนินคดีอาญาแก่นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 70 และมาตรา 79 ประกอบมาตรา 156 (1) ระบุว่าสืบเนื่องจากก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต.ได้รับคำร้องว่า นายพัฒนา(ผู้ถูกร้อง) ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.สกลนคร เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรคเพื่อไทย (พท.) กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 70 และมาตรา 79 คือ การหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการใดไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง นับตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง</p>
<p>กกต.พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ผู้ร้องกล่าวหาว่าวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 เวลา 06.55 น. ผู้ถูกร้องใช้บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พัฒนา สัพโส” เผยแพร่โพสต์ของบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ว่า” วินาทีประวัติศาสตร์การปราศรัยที่ทรงพลังที่สุดครั้งหนึ่งของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ชวนฟังอีกครั้งการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เพราะการพบกันครั้งหน้าจะเป็น การแถลงนโยบายที่รัฐสภา #ปราศรัยใหญ่เพื่อไทย #เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ประเทศไทยเปลี่ยนทันที #เพื่อไทย29” และโพสต์วิดีโอคลิปการปราศรัยของพรรค พท.ความยาวประมาณ 4 นาที 50 วินาที</p>
<p>การกระทำของผู้ถูกร้อง จึงเป็นการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเองและพรรค พท. โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง และผู้ร้องได้ให้ถ้อยคำตามข้อเท็จจริงในคำร้อง</p>
<p>ทั้งนี้ จากการไต่สวนผู้ถูกร้องให้ถ้อยคำว่า การใช้บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กของตนชื่อ “พัฒนา สัพโส” เผยแพร่โพสต์ของบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พรรคเพื่อไทย” อาจเกิดจากความพลั้งเผลอ มิได้ตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะกระทำการดังกล่าวและไม่ทราบว่ามีการเผยแพร่โพสต์ได้อย่างไร เพราะเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2566 เวลา 17.00 น. ใช้บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กของตนชื่อ “พัฒนา สัพโส” โพสต์ข้อความว่า “ผม นายพัฒนา สัพโส ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย สกลนคร เขต 4 ขอยุติการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันเสาร์ที่ 13 พ.ค. 2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นสุดวันเลือกตั้ง ส.ส.” เป็นการแสดงเจตนาว่าไม่ประสงค์ที่จะหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ นับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง และจากการไต่สวนพยานผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “พัฒนา สัพโส” ร่วมกับผู้ถูกร้อง ให้ถ้อยคำสอดคล้องกับผู้ถูกร้อง</p>
<p>อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงการไต่สวนรับฟังได้ว่า ข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกร้องที่ให้ถ้อยคำว่าการเผยแพร่ข้อความและวิดีโอคลิปดังกล่าวอาจเกิดจากความพลั้งเผลอ และมิทราบว่ามีการเผยแพร่ได้อย่างไร เป็นการให้ถ้อยคำปฏิเสธที่ง่ายต่อการกล่าวอ้างและไม่มีพยานหลักฐานที่สนับสนุนให้น่าเชื่อว่าการกระทำของผู้ถูกร้องเกิดจากความพลั้งเผลอ ข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกร้องไม่อาจรับฟังได้  กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้อง กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 70 และมาตรา 79 ตามคำร้อง</p>
<h2><span style="color:#3498db;">เจ้าตัวยืนยันไม่มีเจตนา ชี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ มั่นใจไม่มีผลต่อสถานะ สส. ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่</span></h2>
<p>เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่านายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งดำเนินคดีอาญา กรณีโพสต์หาเสียงเกินเวลาที่กำหนดว่า ไม่ได้ตัดสินเกี่ยวกับใบเหลือง ใบแดง แต่ดำเนินคดีอาญา ฐานทำผิดกฎหมาย ซึ่งโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท ซึ่งจริงๆ ก็มีหลักฐานที่ควรจะยก เบื้องต้นจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะมั่นใจว่าไม่มีอะไร</p>
<p>เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่จะมีผลต่อสถานะสส. นายพัฒนา กล่าวว่า “ไม่มี เรามั่นใจ เพราะไม่ได้มีเจตนาอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังไม่ได้มีการโพสต์หาเสียง ไม่ได้โพสต์ชื่อหรือเบอร์ตัวเองด้วย เป็นการโพสต์เกี่ยวกับพรรค เพราะมือมันไปโดน ไม่มีอะไร”</p>
<p>เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับทางพรรคบ้างแล้วหรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า เขารู้นานแล้ว เพราะเรื่องนี้มีมติออกมา 2-3 เดือนแล้ว แค่เพิ่งปล่อยออกมาวันนี้เท่านั้น ทั้งนี้ ตนไม่กังวลและพร้อมชี้แจง ก็เป็นไปตามกระบวนการ เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก และมั่นใจว่าจะไม่มีผลต่อสถานะของสส.ด้วย</p>
<p>ด้าน นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าโทษจะไม่รุนแรงจนถึงขั้นต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายพัฒนา</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107267
 
2867  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ตรวจหวย 16/12/66 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 16 ธ.ค. 66 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 16:23:35
ตรวจหวย 16/12/66 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 16 ธ.ค. 66
         


ตรวจหวย 16/12/66 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจลอตเตอรี่ 16 ธ.ค. 66" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ตรวจหวย 16 ธันวาคม 2566 ผลหวยออกวันที่ 16/12/66 ตรวจรางวัลที่ 1 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล Lottery ตรวจลอตเตอรี่งวด 16 ธ.ค. 66 แสดงผลหวยทุกรางวัล
         

https://www.sanook.com/news/9143834/
         
2868  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - บ้านสมเด็จโพลชี้คนอยากให้รัฐควบคุมสถานที่สะเดาะเคราะห์เพื่อป้องกันการหลอกล เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 15:04:18
บ้านสมเด็จโพลชี้คนอยากให้รัฐควบคุมสถานที่สะเดาะเคราะห์เพื่อป้องกันการหลอกลวง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 11:52</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>บ้านสมเด็จโพลสำรวจคน กทม. 1,156 คน พบ 80% เคยไปสะเดาะเคราะห์ 87.5% คิดว่าสะเดาะเคราะห์ทำให้ชีวิตดีขึ้น 73.6% อยากให้รัฐควบคุมสถานที่สะเดาะเคราะห์เพื่อป้องกันการหลอกลวง </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53401031069_8fc4334489_o_d.png" /></p>
<p>16 ธ.ค. 2566 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพล สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,156 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 9 - 13 ธ.ค. 2566 กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่า ประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง  
    
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้เรื่องการสะเดาะเคราะห์ เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยมีปัญหาต่างๆ ทำให้คนในสังคม พยายามหาทางออก หาที่พึ่งทางใจ การสะเดาะเคราะห์เป็นความเชื่อและพิธีกรรมที่ได้รับความนิยมในสังคมไทยมาช้านาน ซึ่งการสะเดาะเคราะห์ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เมื่อ คนมีความรู้สึกไม่สบายใจ มีเรื่องทุกข์ใจ หรือรู้สึกว่าทำอะไรก็ติดขัด ก็จะไปสะเดาะเคราะห์ โดยการสะเดาะเคราะห์นี้เป็นการทำพิธีตามความเชื่อโบราณว่าจะสามารถช่วยแก้เคล็ด เสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น และต่ออายุขัย โดยเชื่อว่าเป็นการขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้าย สิ่งอัปมงคลต่างๆ ออกไปจากชีวิต เพื่อเปิดรับสิ่งดีๆ เข้ามา ในวัฒนธรรมไทย โดยวิธีการสะเดาะเคราะห์ที่นิยมทำกัน ได้แก่การสะเดาะเคราะห์ โดยการไปวัดทำบุญ ถวายสังฆทาน ปิดทองพระ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร การแก้ปีชง คือการไปขอพรจากเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตาในแต่ละปีตามความเชื่อของจีน โดยผู้ที่เกิดในปีชง (ปีนักษัตรที่ไม่ถูกกันกับปีปัจจุบัน) เชื่อว่าจะประสบเคราะห์ร้ายต่างๆ การทำพิธีแก้ปีชงจึงถือเป็นการสะเดาะเคราะห์เพื่อปัดเป่าเคราะห์ภัยเหล่านั้นออกไป การถือศีล การเข้าวัดปฏิบัติธรรม ถือศีล 8 ศีล 10 เป็นเวลาหนึ่งวันหรือหลายวัน เชื่อว่าจะช่วยให้จิตใจสงบ สะอาด บริสุทธิ์ เป็นการสะเดาะเคราะห์ล้างมลทิน สิ่งอัปมงคลต่างๆ ออกจากชีวิต แต่การสะเดาะเคราะห์เป็นความเชื่อที่ทำให้มีผู้ไม่หวังดีหลอกลวงคนในสังคมทำให้ศูนย์เสียเงินทองเป็นจำนวนมาก หรือถึงขนาดทำให้เกิดการกระทำล่วงละเมิดทางเพศ โดยผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อเรื่องการสะเดาะเคราะห์ มีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าคนในสังคมไทยมีปัญหารุมเร้า ทำให้เกิดการไปสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 87.9 และ เคยไปทำการสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 80</p>
<p>สาเหตุที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไปทำการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ รู้สึกดวงไม่ดี ร้อยละ 21.8 อันดับที่ 2 คือ เจอปัญหาหาทางออกไม่ได้ ร้อยละ 19.7 อันดับที่ 3 คือ มีความไม่สบายใจ ร้อยละ 16.3 อันดับที่ 4 คือ ไม่เคยไป ร้อยละ 14.9 อันดับที่ 5 คือ เพื่อนชวนไป ร้อยละ 13.9 และอันดับสุดท้ายคือ ปีชง ร้อยละ 13.6</p>
<p>ในส่วนของสถานที่เคยไปทำการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ วัด ร้อยละ 45.2 อันดับที่ 2 คือ ศาลเจ้าจีน ร้อยละ 41.9 อันดับที่ 3 คือ สำนักเข้าทรง ร้อยละ 28.9 อันดับที่ 4 คือ วัดพราหมณ์ ร้อยละ 28.2 อันดับที่ 5 คือ ศาลเทพ ร้อยละ 19.5 และอันดับสุดท้ายคือ ไม่เคยไป ร้อยละ 15</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่วิธีที่ไปทำการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ ทำบุญที่วัด ร้อยละ 45.8 อันดับที่ 2 คือ ทำทานคนยากไร้ ร้อยละ 36.4 อันดับที่ 3 คือ บริจาคเลือด ร้อยละ 33.3 อันดับที่ 4 คือ บริจาคโรงศพ ร้อยละ 26.2 อันดับที่ 5 คือ ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 24.1 และอันดับสุดท้ายคือ ไม่เคยไป ร้อยละ 14.8</p>
<p>การใช้จ่ายในการสะเดาะเคราะห์เป็นจำนวนเงิน อันดับที่ 1 คือ 101 – 500 บาท ร้อยละ 48.8 อันดับที่ 2 คือ 501 – 1,000 บาท ร้อยละ 39.6 อันดับที่ 3 คือ มากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป ร้อยละ 6.1 และอันดับสุดท้ายคือ น้อยกว่า 100 บาท ร้อยละ 5.5</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าการไปทำการสะเดาะเคราะห์ ทำให้ชีวิตดีขึ้น ร้อยละ 87.5 และคิดว่าสังคมไทย มีความเชื่อที่งมงาย ทำให้เกิดความคิดในการไปสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 74.7      </p>
<p>ในส่วนของการรู้จักสถานที่ในการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ สื่อบุคคล ร้อยละ 27.9 อันดับที่ 2 คือ สื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 20 อันดับที่ 3 คือ เฟซบุ๊ก (Facebook) ร้อยละ 23.7 อันดับที่ 4 คือ ยูทูบ(Youtube) ร้อยละ 15.7 อันดับที่ 5 คือ ติ๊กต็อก (Tiktok) ร้อยละ 8</p>
<p>คิดว่าข่าวของเคยที่ไปสะเดาะเคราะห์ แล้วเกิดปัญหาทุกหลอกลวงเงินทอง และอาชญกรรมทางเพศ ทำให้คิดว่าการสะเดาะเคราะห์มีความอันตราย ร้อยละ 71.8 และ คิดว่าหน่วยงานของรัฐควรมีการควบคุมสถานที่สะเดาะเคราะห์ เพื่อป้องกันการหลอกลวงเงินทอง และอาชญกรรมทางเพศ ร้อยละ 73.6</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107261
 
2869  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ตรวจหวย 16 ธันวาคม 2566 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล หวย 16/12/66 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 13:51:43
ตรวจหวย 16 ธันวาคม 2566 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล หวย 16/12/66
         


ตรวจหวย 16 ธันวาคม 2566 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล หวย 16/12/66" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ตรวจหวย 16/12/66 ตรวจรางวัลที่ 1 หวยงวดนี้ออกวันที่ 16 ธ.ค. 66 ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล Lottery ตรวจลอตเตอรี่ ลุ้นรางวัลที่ 1 เลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัว และรางวัลอื่นๆ อีกมากมายที่นี่
         

https://www.sanook.com/news/9142594/
         
2870  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เปิดตัวงานวิจัย 'การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหาร คสช. กับการผลิตซ้ำ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 13:32:13
เปิดตัวงานวิจัย 'การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหาร คสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 12:27</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายจัดงานบุญน้ำซับคำป่าหลายครั้งที่ 4 พร้อมเปิดตัวงานวิจัย “การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหาร คสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง” กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2 ระบุ 50 ครอบครัวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่ายังมีพลังในการสู้ต่อ แม้จะมีราคาที่ต้องจ่าย เปิดข้อมูล 6 รูปแบบปฏิบัติการของรัฐที่เข้าแย่งยึดที่ดินชาวบ้าน อาทิ บังคับให้รื้อถอน ยึดทำลายทรัพย์สิน และพืชผล ขณะที่เวทีเสวนาพลังงานสะอาดแบบไหนที่จะไม่ซ้ำเติมประชาชนรุมสับพลังงานสะอาดเป็นวาทกรรมของรัฐกับทุนแต่งงานเป็นผัวเมียกันและผลิตวาทกรรมขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเองในการที่จะเข้าไปแย่งยึดทรัพยากรของประชาชนเพื่อพัฒนาการเติบโตของทุนพลังงาน แนะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชนให้อำนาจประชาชนในการจัดการทรัพยากรของตนเองได้ </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53401164030_b545f6ab9b_o_d.jpg" /></p>
<p>เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ที่แหล่งน้ำซับคำป่าหลาย บ้านแก้ง-โนนคำ ต.คำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร นักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ได้จัดงานบุญน้ำซับคำป่าหลาย ครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ ทวงคืนที่ดินทำกิน คืนถิ่นแผ่นดินราษฎร บทเรียนการต่อสู้ ที่ทรงคุณค่าคำป่าหลาย โดยในช่วงเช้า ได้มีพิธีทำบุญตักบาตร และมีการจัดแสดงนิทรรศการเล่าเรื่องขบวนการเคลื่อนไหวต่อสู้ของกลุ่มฯ โดยตัวแทนของกลุ่มฯได้ร่วมกันบอกเล่าความหวังและเป้าหมายในการต่อสู้</p>
<h2><span style="color:#3498db;">เปิดงานวิจัย “การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหาร คสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง”  กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2”  </span></h2>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53401055679_151bcf584b_o_d.jpg" /></p>
<p>ต่อมาเป็นเวทีเปิดงานวิจัย “การแย่งยึดที่ดินจากนโยบายป่าไม้ในยุคทหารคสช. กับการผลิตซ้ำความจนเรื้อรัง”  กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมูแปลง 2”  ของกิติมา ขุนทอง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ภายใต้สนับสนุนของ Protection International มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และ Greenpeace Thailand โดยการนำเสนอในครั้งนี้ตัวแทนกลุ่มฯ ได้ร่วมบอกเล่าถึงรายละเอียดข้อมูลของตนเองที่ใช้ประกอบในงานวิจัยด้วย</p>
<p>พันมหา พันธโคตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายบอกเล่าข้อมูลว่า ตนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก บรรพบุรุษได้มีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานจับจองพื้นที่ทำกินไว้ ซึ่งตนก็ได้สิทธิในที่ดินทำกินจากการจับจองของพ่อแม่ โดยมีการมาจับจองตั้งถิ่นฐานทำสวน ปลูกข้าว ล่าสัตว์ ซึ่งที่ดินแถวนี้แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์มาก หลังจากที่พวกเราทำกินกันมานานแล้ว รัฐบาลก็เริ่มเข้ามาประกาศให้พื้นที่ที่พวกเราทำกินตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งในขณะที่รัฐประกาศเราก็ทำตามหมดทุกอย่าง ทั้งปลูกมัน ปลูกยาง แต่พอช่วงรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา เป็นรัฐมนตรี ได้มีการใช้นโยบายแย่งยึดที่ดิน ทำให้พวกเราเดือดร้อนและได้รับผลกระทบมาก</p>
<p>เราต้องสู้ทวงที่ดินของเรากลับคืนมาเพราะเป็นที่ดินที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษ เราอยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ การเข้ามาของการประกาศนโยบายป่าสงวนทับพื้นที่ของเราทำให้พวกเราจึงจำเป็นที่จะต้องทวงคืนพื้นที่ของบรรพบุรุษเรากลับคืนมา เราสู้เพื่อมูลพ่อแม่ สู้เพื่อสิทธิทำกิน หากไม่สู้ก็จะไม่มีพื้นที่ทำกิน</p>
<p>ขณะที่จิราวรรณ  ชัยยิ่ง ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย กล่าวว่า เมื่อปี 2559 เราถูกยึดที่ดินจำนวน 12 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวได้รับมรดกมาจากบรรพบุรุษของสามี ตอนนั้นเราถูกข่มขู่จากผู้นำชุมชนด้วย หลังจากที่เจ้าหน้าที่รัฐได้ยึดพื้นที่ของเราไป รัฐได้นำป้ายห้ามทำกินมาปัก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกล้าไม้เข้ามาปลูกทับพื้นที่ ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ของเราได้ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นสู้โดยการรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เพื่อยื่นหนังสือต่อหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เราต้องสู้เพราะที่ดินตรงนั้นเป็นที่ดินของเรา เราต้องทวงคืน รัฐจะมาแย่งยึดไปจากเราไม่ได้</p>
<p>ด้านปราณี เพียงดี ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย กล่าวว่า พื้นที่ที่ตนโดนยึดไปนั้นเป็นที่ที่มีเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. จากที่มี 19 ไร่ เหลือเพียง 1 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเป็นที่ทับป่าสงวนฯ ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่ตนได้รับมาจากบรรพบุรุษเช่นเดียวกัน “การสูญเสียที่ดินจึงหมายถึงการสูญเสียโอกาสที่จะประคับประครองชีวิตได้”</p>
<p>ขณะที่บุญญัง ไชยบรรณ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย กล่าวว่า ที่ดินของตนที่ถูกแย่งยึดไปจำนวน 70 ไร่ ปกติที่ดินเหล่านี้จะใช้ในการทำสวนยาง สวนปาล์ม นาข้าว ตอนนี้เป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) เกือบล้านบาท การถูกแย่งยึดที่ดินก็เหมือนการถูกแย่งยึดชีวิตเหมือนกับคนอื่น เราจึงจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ เราได้ออกไปยื่นหนังสือให้กับผู้ว่า ให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งการออกไปแต่ละครั้งมีต้นทุนที่ต้องจ่าย แต่เราต้องสู้เพื่อให้เราได้สิทธิในที่ดินทำกินของเรากลับคืนมา</p>
<h2><span style="color:#3498db;">เปิด 6 รูปแบบปฏิบัติการแย่งยึดที่ดินของเจ้าหน้าที่ยังสร้างความสูญเสียให้กับชาวบ้าน</span></h2>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53401055669_3bb83b2497_o_d.jpg" /></p>
<p>ด้านกิติมา ขุนทอง นักวิจัย กล่าวว่าจากการศึกษาข้อมูลในงานวิจัยพบว่าชาวบ้านที่ต่อสู้มาในรอบ 1 ปี มีการทำกิจกรรมกว่า 100 ครั้ง ถ้าเอาค่าแรงขั้นต่ำของ 300 บาทไปคูณ ปีหนึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายกว่า 3-4 หมื่นบาท ดังนั้นนโยบายทวงคืนผืนป่าจึงเป็นกับดักความยากจนหลุมแรก และหลุมที่สองก็คือการที่ต้องต่อสู้ภายใต้นโยบายทวงคืนผืนป่าที่มีราคาที่ต้องจ่าย หากนโยบายทวงคืนผืนป่าบอกว่าเป้าหมายหลักคือการทวงคืนเพื่อแก้ไขปัญหาป่าไม้และลดความยากจน แต่การศึกษาจากงานวิจัย นโยบายทวงคืนผืนป่าได้เป็นกับดักความจนของคนที่นี่ ซึ่งจากงานวิจัยคำป่าหลายจาก 50 ครัวเรือนในพื้นที่คำป่าหลายได้รับผลกระทบจากการแย่งยึดที่ดิน ผ่านนโยบายป่าไม้ในยุคทหาร คสช. โดยถูกแย่งยึดที่ดินไป 507ไร่ 26 งาน 30 ตารางวา และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยประมาณการ คือการเสียที่ดิน เสียสิทธิในที่ดิน เสียโอกาสในการทำธุรกรรมทางการเงิน สูญเลียศักยภาพในการบริหารจัดการเงินครัวเรือนและหนี้สิน เสียโอกาสในการทำธุรกิจ สูญเสียรายได้ 7,000 - 250,000 ต่อรอบการผลิต และยังสูญเสียความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย</p>
<p>นอกจากนี้รูปแบบปฏิบัติการแย่งยึดที่ดินของเจ้าหน้าที่ยังสร้างความสูญเสีย และความเจ็บปวดให้กับชาวบ้านคำป่าหลาย เช่น บังคับให้รื้อถอน ยึดทำลายทรัพย์สิน และพืชผล ทำลายพืชผลและติดป้ายห้ามเข้าพื้นที่ทำกิน ยึดพื้นที่หรือถูกให้ออกจากพื้นที่ และปิดป้ายปลูกป่าทับ รวมทั้งปักแนวเสา ข่มขู่ด้วยวาจา หรือกำลังอาวุธให้ออกจากพื้นที่ รวมทั้งบังคับให้ลงลายมือชื่อยินยอมออกจากพื้นที่ทำกิน ถ่ายรูปยืนแปลง จับกุมดำเนินคดีและกักขังหน่วงเหนี่ยว รวมถึงยึดสิทธิในที่ดินแต่ไม่ดำเนินคดี</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53401161140_04806f37ab_o_d.jpg" /></p>
<h2><span style="color:#3498db;">เวทีเสวนาพลังงานสะอาดแบบไหนที่จะไม่ซ้ำเติมประชาชน </span></h2>
<p>ต่อมาเป็นเวทีเสวนาสาธารณะในหัวข้อ พลังงานสะอาดแบบไหนที่จะไม่ซ้ำเติมประชาชน (ความยากจน) ดำเนินรายการโดย ปรานม สมวงศ์ Protection International</p>
<p>จิรารัตน์ ประเสริฐสังข์ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย กล่าวว่า การต่อสู้ของพื้นที่เรา เป็นการต่อสู้ประเด็นเรื่องเหมือง ที่ดิน ผืนป่า โครงการกังหันลม การที่กลุ่มฯเราสามารถชนะเรื่องต่างๆเหล่านี้ได้นั้น เพราะเรามีเรื่องป่าน้ำซับ “ป่าเป็นเสมือนเนื้อหนังของเรา น้ำเปรียบเสมือนเส้นเลือดของเรา” เราจึงได้ลุกขึ้นมาปกป้อง หวงแหนพื้นที่ของเรา และสำหรับคนที่ไม่มีที่ดินก็ออกมาสู้เช่นกัน สู้เพื่อน้ำ สู้เพื่อป่าของเรา ดังนั้นเมื่อมีคนจะเข้ามาทำลายบ้านของเรา เราจึงได้ออกมารวมกลุ่มยื่นหนังสือต่อหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่เราต่อสู้เพราะเราเชื่อมั่นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเราเพื่อที่จะได้มีพลังในการต่อสู้ เราจะไม่ยอมให้หน่วยงานรัฐมารังแกเราอีกต่อไป การที่เรารวมกลุ่มฯเพื่อไปยื่นหนังสือ ช่วงแรกที่เราออกมาชุมนุม เนื่องจากตอนนั้นพวกเรามีน้อย หน่วยงานรัฐก็ไม่ค่อยให้ความสนใจและผลักพวกเราออกไป โดยให้เหตุผลว่าให้รอไปก่อน พอเห็นคนจากกลุ่มของพวกเราเยอะขึ้น หน่วยงานรัฐก็เริ่มกลัว สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือเมื่อคนน้อยเรามักจะไม่ประสบความสำเร็จ ตราบใดที่มีคนเยอะเราก็จะได้ชัยชนะเร็วขึ้น ขอให้สู้ไปด้วยกัน</p>
<p>และอยากขอให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะเอาโครงการดังกล่าวหรือไม่เอา เพราะโครงการต่างๆที่จะเข้ามานั้นจะตั้งอยู่ในพื้นที่ดินของพวกเรา เรามั่นใจว่าที่ดินเป็นของเรา รัฐหรือเอกชนที่เข้ามาก็ต้องมาถามชาวบ้านก่อน รัฐยังมาอ้างเรื่องโลกร้อนอีกอยากฝากถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุไม่ใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ</p>
<p>ขณะที่ปราโมทย์ ผลภิญโญ  เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) กล่าวว่า กรณีของคำป่าหลายเป็นปรากฎการณ์หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นความผิดพลาดในการบริหารจัดการของรัฐ ในเรื่องนโยบายทวงคืนผืนป่าของคณะรัฐประหาร ตามคำสั่งที่ 64/59 และคำสั่งที่ 66/59 เพราะเมื่อตรวจข้อเท็จจริงแล้วพบร่องรอยการทำกินก่อนปี 2542 ดังนั้นเมื่อมีการแย่งยึดที่ดินไปจากชาวบ้านความเสียหายจึงได้เกิดขึ้นใครจะเยียวยาใครจะรับผิดชอบ พื้นที่ชัยภูมิมีปัญหาเรื่องเดียวกับคำป่าหลาย ภาคเหนือ หรือภาคใต้ เองก็มีปัญหาเช่นเดียวกับพี่น้อง ถูกตัดยางพารา รัฐมักจะบอกว่าชาวบ้านเป็นนายทุนโดยบอกว่าเรามีพื้นที่ยางจำนวนมาก แต่ไม่ได้เข้าใจว่าจะเก็บหอมรอบริบให้ได้มาซึ่งผืนดิน ความถี่เกิดขึ้นในปี 2557 ต่อมาเรื่อยๆ จนนำมาซึ่งการข่มขู่ คุกคาม แย่งยึด ประกอบกับช่วงนั้นไม่ให้มีการรวมกลุ่มกันอีก ในช่วงที่เกิดความขัดแย้งเรื่องที่ดินมักจะเกิดในยุคเผด็จการทหาร เมื่อมาวิเคราะห์ก็จะเห็นได้ชัดว่าเกิดจากอำนาจโครงสร้างทางการเมือง รวมศูนย์อำนาจ แทนที่จะใช้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงกลับใช้หน่วยงานอื่นแทน เช่น กอ.รมน. การผูกขาดอำนาจของรัฐนำมาสู่ผลกระทบที่เกิดขึ้นของพี่น้องคำป่าหลายที่พบเห็นได้จนถึงทุกวันนี้ องค์กรเสือกระดาษอย่างองค์กรลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจที่ซื้อขายคาร์บอนเครดิตโดยตรง ล่าสุดเมื่อสองวันก่อนองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้หรือ ออป. ได้ทำสัญญากับบริษัทเอกชนเพื่อที่จะเซ็นสัญญาล่วงหน้าซื้อคาร์บอนเครดิต โดยเอาพื้นที่สวนป่าของ ออป. 80 แห่ง เนื้อที่กว่า 150,000 ไร่ เป็นพื้นที่เป้าหมาย เราจึงต้องมีกลไกติดตามเฝ้าระวังเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไปด้วย </p>
<p>จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาในตอนนี้คือการที่รัฐรวมศูนย์การจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ดินไปไว้ที่ตนเอง การที่ดึงอำนาจบริหารจัดการไปไว้ในมือ ทำให้เขาสามารถทำอะไรก็ได้ ตนยืนยันว่าแร่เป็นของประชาชน ที่ดินเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่เป็นของรัฐ เราเป็นคนแผ้วถางจับจองด้วยสองมือสองตีนของเรา จับจองมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเรา แต่อยู่ ๆ ก็มีคนมาบอกว่าเป็นของรัฐ  และมีการใช้วาทกรรมเพื่อยัดเยียดและป้ายสีให้เราเป็นคนผิด เหมือนกับพี่น้องภาคเหนือถูกแปะป้ายว่าทำไร่เลื่อนลอย หรือพี่น้องที่ภาคอีสานที่ถูกแปะป้ายว่าเป็นผู้บุกรุกป่า ทั้งๆที่ที่ดินเหล่านั้นเป็นของประชาชน การแย่งยึดผ่านความคิดรวบอำนาจในการจัดการทรัพยากรของรัฐ</p>
<p>ตอนนี้วาทกรรมแย่งยึดถูกเปลี่ยนแปลงเป็นซอฟพาวเวอร์ด้วยการอ้างถึงพลังงานสะอาดเพื่อลดโลกร้อน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องมือในการที่รัฐนำมาใช้แย่งยึดทรัพยากรของเรา และในอนาคตข้างหน้าก็จะทำให้ประชาชนมาปะทะทางความคิดกันเอง เราจะเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดแบบไหนที่เป็นธรรมและไม่ทำให้อำนาจหลุดลอยไปจากประชาชน</p>
<p>ตอนที่เราไปประชาสัมพันธ์เรื่องงาน เราถูกตั้งคำถามว่าถ้าไม่เอากังหันลมเราจะเอาอะไร เราจะบอกว่าเราเห็นว่าปัญหาเรื่องโลกร้อนเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นเราจึงอยากให้มีการลดเรื่องความเหลื่อมล้ำ ลดการรวมศูนย์อำนาจ ดึงอำนาจของรัฐจากส่วนกลางกระจายสู่ภูมิภาค เราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร เราจะทำแบบนั้นภายใต้รัฐธรรมนูญห่วยห่วยแบบนี้ได้หรือไม่ คำว่าสิทธิชุมชนมันถูกลบออกไปจากรัฐธรรมนูญ มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดมากๆว่าเค้าไม่ได้ต้องการให้อำนาจประชาชนในการจัดการทรัพยากร</p>
<p>เราปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าเราต้องแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศ นั่นก็คือรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดใหม่ในการเดินหน้าของประเทศ เราจะไม่เอาอีกแล้วยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ทำให้เราต้องอยู่กับความทุกข์ทรมาน เราต้องร่วมกันเขียนกฏหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ เพื่อให้เราได้กำหนดอนาคตของตัวเองอย่างแท้จริง</p>
<p>ขณะที่ ดร.สุรินทร์ อ้นพรม นักวิชาการอิสระ และ อดีตอาจารย์ประจำคณะวนศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า พลังงานสะอาดเป็นวาทกรรมของรัฐกับทุนแต่งงานเป็นผัวเมียกัน และผลิตวาทกรรมนี้เพื่อที่จะสร้างความชอบธรรมให้ตนเองในการที่จะเข้าไปแย่งยึดทรัพยากรมาเพื่ออ้างการพัฒนา ซึ่งถ้าเรามองย้อนกลับไปพลังงานมาจากไหน เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราสามารถย้อนกลับไปที่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เกิดขึ้นในรัฐบาลสมัย คสช. ซึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติพูดถึงเรื่องการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรื่องการเติบโตสีเขียว</p>
<p>เราจะเห็นว่าคำว่าสะอาดมันแฝงไว้ด้วยเรื่องของการพัฒนาทางเศรษฐกิจการเติบโตของทุนทางพลังงานเรื่องของพลังงานสะอาดจึงเป็นการเปิดโอกาสเปิดพื้นที่ให้กับทุนพลังงานไปสะสมทุนให้มีพื้นที่มากขึ้น มีทรัพยากรมากขึ้น เติบโตมากขึ้น เป็นหลักการของทุนนิยมต้องเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าไปแย่งยึดที่ดินและผืนป่าของชาวบ้านเพื่อเอามาตอบสนองในเรื่องของความต้องการการเติบโตทางเศรษฐกิจของตนเอง ทุนนิยมต้องการผลกำไรและการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น กำไรมากขึ้น ขณะที่ต้องการจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ดังนั้น ป่าสาธารณะที่อยู่รอบๆหมู่บ้านจึงเป็นพื้นที่เป้าหมาย เพราะการเช่าพื้นที่ป่าถูกมาก จึงต้องการที่จะลดต้นทุนในการที่จะผลิตเพื่อให้มีกำไรมากขึ้น เพราะต้องมองหาพื้นที่ป่าที่จะสามารถเช่าในราคาที่ถูกได้ก็เลยแต่งงานกับรัฐ จะได้เป็นผัวเมียกัน และจะได้ช่วยเหลือดูแลกัน</p>
<p>ตามหลักการสากลแล้วกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “อาชญากรหรือคนที่ก่อมลภาวะหรือคนที่ทำให้เกิดโลกร้อนจะต้องเป็นผู้จ่าย” แต่ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะจ่าย และพยายามสร้างวาทกรรมที่จะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำไว้ มันมีหลักการสากลที่บอกว่า “ผู้ก่อมลภาวะจะต้องเป็นผู้จ่าย” แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกลุ่มเหล่านี้ซึ่งเป็นคนที่ทำให้เกิดโลกร้อนก็ไม่อยากจ่าย อยากจะผลักภาระให้กับคนอื่น ซึ่งก็คือพวกเราที่จะต้องจ่าย</p>
<p>การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเป็นเรื่องที่ดีเราควรจะทำ เราควรขยับแต่การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดจะต้องจะต้องมีความชอบธรรมเป็นธรรมและต้องไม่ไปซ้ำเติมความยากจนของประชาชนที่มีอยู่แล้วให้แย่ลงไปอีก ดังนั้นกระบวนการให้ได้มาซึ่งพลังงานสะอาดจะต้องทบทวนในเรื่องของวัฒนธรรม ในเรื่องความรู้ของพี่น้องชาวบ้าน เรื่องของสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชนเข้าด้วยกัน และในอีก 7 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะไปแถลงต่อเวทีสหประชาชาติว่าเราจะเป็นประเทศที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากนี้เอกชนก็จะต้องมองหาพื้นที่ปลูกป่า อาจจะเกิดขึ้นที่ป่าสงวนหรือนอกพื้นที่ป่าก็ได้ เราจึงต้องช่วยกันจับตา ดังนั้น รอบหน้าถ้าพรรคการเมืองไหนบอกว่าจะไปผลักดันเรื่องคาร์บอนเครดิตให้เกิดขึ้น เราจะต้องไม่เลือกพรรคการเมืองนั้น</p>
<p>ขณะที่ สส.อภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลักการที่จะใช้ทรัพยากรของประเทศต้องอยู่บนหลักการของสิทธิมนุษยชนและเป็นธรรม และถ้าเราไม่อยู่บนหลักการนี้มันก็จะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำขึ้นมา เช่นนโยบายคาร์บอนเครดิตที่เห็นกับตาในพื้นที่กลายเป็นการฟอกเขียวให้กับนายทุน แทนที่จะไปบังคับให้นายทุนลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นตอ แต่กลับผลักภาระให้กับประชาชนโดยไปไล่ที่ทำกินของพี่น้องประชาชน ปล่อยให้นายทุนเช่าในราคาถูก และทำให้ชีวิตคนต้องออกจากที่ทำกินโดยไม่มีคุณค่าเลย แบบนี้ตนคิดว่าพลังงานสะอาดมันจะไม่สะอาด ถ้าจะให้สะอาดจริงจะต้องใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม อำนาจที่ผูกขาดจากส่วนกลางไม่เป็นธรรม มันต้องมองให้ครบทุกมิติ ทั้งมิติของวัฒนธรรม มิติของชนชุมชน มิติของชีวิต วิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งหลายที่เป็นคนส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจะต้องมองให้ครบ ไม่ใช่มองเพียงมิติทางเศรษฐกิจอย่างเดียว</p>
<p>เราต้องมาปรับเรื่องโครงสร้างอำนาจใหม่ทั้งหมด สิ่งที่จะแก้ได้อย่างเป็นรูปธรรมก็ต้องแก้กฎหมายหลายฉบับ รวมถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญ เห็นด้วยที่จะต้องแก้ให้อำนาจเป็นของราษฎร ไม่ใช่แก้ให้กฎหมายออกมาจากกลุ่มเผด็จการ เราจะต้องใช้สองกลไกในการรื้อกฎหมายป่าไม้ที่ดินใหม่หมด คือ หนึ่งกลไกในสภาและสองกลไกนอกสภา สำคัญที่สุดคือการเลือกใช้กลไกในสภาที่เป็นตัวแทนของเราที่พวกเราควบคุมได้ ซึ่งกลไกที่พวกเราควบคุมไม่ได้เราต้องสั่งสอนมัน สำคัญที่สุดคือเครือข่ายพี่น้องประชาชนจะต้องเข้มแข็ง ต้องเข้าใจตรงกันในหลักการนี้เราเข้าใจหรือไม่ว่าอำนาจทั้งหลายและทรัพยากรมนุษย์ควรเป็นของประชาชนร</p>
<p>อย่างกรณีเรื่องของคาร์บอนเครดิต เราได้รับเรื่องร้องเรียนจากพีมูฟ มันไม่มีตัวชี้วัดว่ามันจะแก้ปัญหาการลดคาร์บอนได้ แต่เป็นการผลักภาระให้กับประชาชนเอื้อให้กลุ่มทุนฟอกเขียวตัวเอง เราตั้งกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อศึกษาเรื่องนี้ ในฐานะเป็นพรรคการเมืองเราเห็นว่าการลดคาร์บอนต้องจัดการที่ต้นกำเนิด ให้โรงงานที่เป็นต้นตอในการปล่อยต้องจัดการในพื้นที่ของตนเองให้ได้อย่างเห็นผลที่ผ่านมามีการแก้กฎหมายที่ลดขั้นตอนและเอื้อให้ง่ายขึ้นต่อทุน โดยมองเพียงมิติเศรษฐกิจมิติเดียว ดังนั้นตนคิดว่าการพิจารณาอนุญาตต้องไปดูกฎหมายที่เราจะปรับแก้โดยเพิ่มอำนาจให้กับประชาชนในท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดการทรัพยากรของตนเองได้</p>
<p>ด้านปรานม สมวงศ์ จาก Protection International ระบุว่า เราจะทำอย่างไรให้อำนาจอธิปไตยและประชาธิปไตยเรื่องที่ดินและสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นได้จริงในยุคที่โลกแสวงหาความยั่งยืนในการจัดการทรัพยากรเพื่อให้มนุษย์อยู่ในโลกนี้ได้โดยไม่ร้อนเกินไป ประโยชน์ต้องตกที่ใครโดยที่ไม่อยู่ที่ทุนผูกขาด สิ่งแวดล้อมที่พูดถึงใครจะเป็นคนจัดการ และหัวใจในการทำงานเรื่องสิ่งแวดล้อมคืออะไร โลกร้อนต้องเคารพสิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นข้อเสนอระดับโลก โดยเฉพาะชุมชนดั้งเดิมชุมชนท้องถิ่นและประชาชนที่มีการบริหารจัดการที่ดินและสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่แล้วจะทำอย่างไรในการปกป้องคุ้มครองคนที่ลุกขึ้นมาปกป้องประโยชน์สาธารณะ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107262
 
2871  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “อนุสรณ์” แซะ “พิธา” อย่าหิวแสงรีบวิจารณ์รัฐบาล แนะศึกษาผลงานให้ครบถ้วนก่อน เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 12:46:22
“อนุสรณ์” แซะ “พิธา” อย่าหิวแสงรีบวิจารณ์รัฐบาล แนะศึกษาผลงานให้ครบถ้วนก่อน
         


“อนุสรณ์” แซะ “พิธา” อย่าหิวแสงรีบวิจารณ์รัฐบาล แนะศึกษาผลงานให้ครบถ้วนก่อน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9143882/
         
2872  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - หวั่นเปิด FTA เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทะลักแน่ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 12:00:19
หวั่นเปิด FTA เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทะลักแน่
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 09:41</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เวทีวิชาการสาธารณะ “ผลกระทบและข้อเสนอนโยบายในการเจรจา FTA ในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์” หวั่นเปิด FTA เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทะลักแน่ เพิ่มนักดื่ม ไร้มาตราการดูแล ท้วงรัฐ ชั่งน้ำหนักให้ดี</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53399635477_76d6fd02e4_o_d.png" /></p>
<p>เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2566 มีการจัดเวทีวิชาการสาธารณะ “ผลกระทบและข้อเสนอนโยบายในการเจรจา FTA ในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์” สืบเนื่องมาจากที่มีรัฐบาลชุดใหม่มาเกือบ 4 เดือน หัวข้อเด่นๆ ที่หยิบยกมาเป็นประเด็นสำคัญๆในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล คือนโยบายเร่งเครื่องเศรษฐกิจในประเทศ ผ่านการท่องเที่ยว เพิ่มกำลังส่งออก ส่วนนโยบายการค้าต่างประเทศคงหนีไม่พ้นเรื่อง การเร่งเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) ทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคี กระแสการเร่งรัดผลักดันจากภาคธุรกิจเอกชน สุ่มเสียงดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อันนี้เป็นกระแสกดดันเกิดขึ้นในทุกรัฐบาลมาโดยตลอด แต่ก็ชวนมามองข้อมูลในภาคประชาสังคมที่จับตาเรื่องนี้ คือ BIOTHAI และ FTA WATCH ที่เป็นหัวหอกมายาวนาน ตอนนี้กำลังโฟกัสในประเด็น ผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า นโยบาย FTA จะส่งผลต่อการผลิตและมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากน้อยแค่ไหน</p>
<p>ในเวทีสาธารณะได้ให้ข้อมูลว่าปี 2565 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโลกมีมูลค่า 1.49 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นเบียร์ 37% ไวน์ 23% Hard seltzer/Sparkling alcohol 12% และสุรากลั่น 10% มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในไทย การตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เติบโตสูง เนื่องจากการเร่งเครื่องเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว ช่องทางการจำหน่ายหลากหลายขึ้น กลุ่มลูกค้าชายหญิงที่กำลังขยายตัว และไทยคือตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน หากไทยเข้าร่วม FTA-EU ที่กำลังเจรจากันอยู่นี้ คาดว่าจะมีมูลค่าการนำเข้าสูงแบบก้าวกระโดด  จะขยายไปสู่ฐานลูกค้านักดื่มทั้งเก่าและใหม่“สิ่งที่จะพบแน่ๆคือคนไทยจะได้รับสื่อ โฆษณาแอลกอฮอล์จากบริษัทข้ามชาติมากขึ้น หากไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศมากำกับดูแลนักดื่มหน้าใหม่จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน ประสบการณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วในเวียดนาม คือ CPTPP และ FTA กับ EU อิทธิพลของบริษัทเบียร์ระดับโลกเข้ามากดดันรัฐบาลที่ออกกฎหมายควบคุมโฆษณา” ดร.ภญ.อรทัย วลีวงศ์ จากสำนักงานนโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) นำเสนอผลการศึกษา</p>
<p>นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช กรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า การควบคุมการโฆษณาและการขายออนไลน์สามารถควบคุมได้ยาก  และก่อนเข้าร่วมรัฐต้องศึกษาว่าได้รับผลประโยชน์จาก FTA มากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับผลกระทบที่จะตามมาจากเรื่องนั้น และรัฐตั้งกลไกที่จะควบคุมดูแลเรื่องนี้อย่างไรในระยะยาว รัฐต้องดูสมดุลในประเด็นนี้</p>
<p>ดร.วิทย์ วิชัยดิษฐ  ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ให้ความเห็นเพิ่มว่า การจำกัดการโฆษณา การจำกัดการเข้าถึง และมาตรการด้านราคา โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ว่า ยิ่งได้รับโฆษณามากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสทางการดื่มจะยิ่งเพิ่มขึ้น ยิ่งประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้นเท่าไหร่โอกาสและปริมาณการดื่มจะยิ่งเพิ่มขึ้น</p>
<p>ในเวทีเราได้ฟังความเห็นจาก ธนากร ท้วมเสงี่ยม ผู้ร่วมก่อตั้งประชาชนเบียร์ กล่าวว่า รัฐต้องออกกฎหมายที่เป็นธรรมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เพิ่มความหลากหลายให้ผู้บริโภค และมองว่าการโฆษณาต้องมีการควบคุม แต่ต้องไม่คุกคามสิทธิในการแสดงความเห็นของประชาชน และเพิ่มเติมประเด็นเรื่องของภาษีมองว่าในประเทศไทยมีภาษีที่สูงเกินไป ผู้ผลิตรายย่อยไม่สามารถแบกรับได้ ทำให้เข้าโอกาสการแข่งขันในตลาดลงลด (เบียร์) และหลายชุมชนในประเทศมีศักยภาพในการผลิตสุราจากผลผลิตในชุมชน หากรัฐมีการส่งเสริมการผลิต การตลาด ก็จะทำให้เศรษฐกิจระดับชุมชนดีขึ้น</p>
<p>ผศ.ดร.อริศรา ร่มเย็น เณรานนท์ จากคณะเศรษศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำเสนอผลการศึกษาที่เจาะจงในเรื่องภาษี “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นสินค้านำเข้าจะมีราคาแพงกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ กลไกลภาษีคือแหล่งรายได้ของภาครัฐและศุลกากร ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ปกป้องผู้ผลิตในประเทศ รวมถึงใช้ป้องกันสินค้าบางประเภท หากเข้าร่วมข้อตกลง FTA การแข่งขันจะเต็มศักยภาพมากขึ้น ภาษีการนำเข้าจะต่ำลง ราคาเครื่องดื่มนำเข้าประเภทเบียร์จะลดลง 19% ไวน์ 23% และสุรา 24% และจะเกิดการทดแทนกันทันที”</p>
<p>อาคม อ่วมสำอางค์ จากกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีภายใน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพยายามออกแบบการจัดเก็บให้กระทบต่อเรื่องนี้น้อยที่สุด ปัจจุบันการเก็บภาษีจากราคาสินค้าและดีกรีแอลกอฮอล์ จุดนี้ทำให้การภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภาษีสรรพสามิตมีผลกระทบต่อการเปิด FTA ค่อนข้างน้อย</p>
<p>ข้อห่วงกังวลจากนักวิชาการที่ร่วมนำเสนอเนื้อหาด้วย คือ  ผลกระทบจากกลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนและรัฐ (ISDS) “เมื่อเกิดการลงทุนระหว่างประเทศ โดยหลักนักลงทุนจะได้รับการคุ้มครองการลงทุน โดยมีกฎหมายการลงทุนระหว่างประเทศเป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งหลักการนี้อาจอยู่ใน FTA หรือแยกมาต่างหากก็ได้ ตัวอย่างข้อพิพาทกรณีคดีบุหรี่ Philip Morris กับรัฐบาลอุรุกวัย ที่รัฐถูกฟ้องร้องจากการออกมาตราการเรื่องฉลากสินค้าบุหรี่ ทำให้ผู้ซื้อเข้าถึงสินค้าบุหรี่ของบริษัทลดลง” ผศ.ดร.อำนาจ ตั้งคีรีพิมาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยกตัวอย่าง</p>
<p>ผศ.ดร.สมชาย รัตนชื่อสกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นำเสนอผลการศึกษา “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ คือชื่อสถานที่ที่มีความเชื่อมโยงระหว่างคุณภาพสินค้าและแหล่งกำเนิดสินค้า เริ่มต้นโดยฝรั่งเศสสร้างกฎหมายนี้มาเพื่อป้องกันไวน์ในประเทศไม่ให้มีสินค้าเลียนแบบ กฎหมายนี้มักเกิดขึ้นในประเทศที่มีประวัติการผลิตสินค้ามายาวนาน  และกฎหมายนี้ก่อให้เกิดการผูกขาด ที่ส่งผลให้สินค้าราคาสูงขึ้น มีปริมาณจำกัด และตัดโอกาสการแข่งขันของสินค้านอกพื้นที่ แต่ในอีกมุมจะช่วยส่งเสริมสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ชนบทที่มีข้อจำกัดให้เติบโตขึ้น”</p>
<p>ตัวแทนจากหน่วยงานที่รับผิดชองเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ คือ คุณจิรัตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักยุโรป กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯให้ความสำคัญกับการหารือทุกภาคส่วน ถึงแม้ความคิดเห็นอาจจะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่จะพยายามหาจุดสมดุล ซึ่งต้องมองให้ครอบคลุมทุกด้าน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107257
 
2873  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แต่งแล้ว! "เมย์ พิชญ์นาฏ" ควงแขน "ไฮโซบิ๊ก" เข้าพิธีไทย-จีน สวยอลังการมาก เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 11:21:29
แต่งแล้ว! "เมย์ พิชญ์นาฏ" ควงแขน "ไฮโซบิ๊ก" เข้าพิธีไทย-จีน สวยอลังการมาก
         


แต่งแล้ว! &quot;เมย์ พิชญ์นาฏ&quot; ควงแขน &quot;ไฮโซบิ๊ก&quot; เข้าพิธีไทย-จีน สวยอลังการมาก" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เจ้าสาวสวยมากจริงๆ // ขอแสดงความยินดีกับ เมย์ พิชญ์นาฏ และ ไฮโซบิ๊ก ด้วยนะคะ
         

https://www.sanook.com/news/9143750/
         
2874  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - “ธนกร” แนะ “ดีอี-ตำรวจไซเบอร์” คุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าแค่โชว์ผลงาน 90 วัน เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 11:21:28
“ธนกร” แนะ “ดีอี-ตำรวจไซเบอร์” คุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าแค่โชว์ผลงาน 90 วัน
         


“ธนกร” แนะ “ดีอี-ตำรวจไซเบอร์” คุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าแค่โชว์ผลงาน 90 วัน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9143778/
         
2875  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เปิดประชุมสุดยอดนวัตกรรมโซลาร์ ‘Solar Innovation Forum’ ครั้งแรกที่เชียงใหม่ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 10:28:45
เปิดประชุมสุดยอดนวัตกรรมโซลาร์ ‘Solar Innovation Forum’ ครั้งแรกที่เชียงใหม่
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 09:57</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เปิดประชุมสุดยอดนวัตกรรมโซลาร์ ‘Solar Innovation Forum’ ครั้งแรกที่เชียงใหม่ อนาคตสดใสของพลังงานสะอาดไทย ‘สร้างงาน และความมั่นคงพลังงาน’ พร้อมจัดอบรมทั่วประเทศปีหน้า</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53400587466_2407f90ea1_k_d.jpg" /></p>
<p>เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 การประชุมสุดยอดนวัตกรรมโซลาร์ ‘Solar Innovation Forum’ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่อย่างมาก</p>
<p>ด้วยวัตถุประสงค์ของงานที่ไม่เพียงต้องการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ของระบบพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น แต่ยังมุ่งเป้าไปที่การสร้างความเข้าใจเพื่อให้เข้าถึงความรู้ด้านนี้ได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตื่นตัวกับการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้จริง</p>
<p>ที่ผ่านมา การเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีข้อจำกัด และไม่ใช่เพียงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่รวมไปถึงพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนและเขตภูมิภาค โดยพลังงานแสงอาทิตย์มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่การใช้พลังงานที่ยั่งยืน เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่ถูกที่สุดและเข้าถึงง่ายที่สุด จึงทำให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาพลังงานที่สำคัญของประเทศ</p>
<p>งานนี้เปรียบเสมือนสารตั้งต้นสำคัญที่ทีมผู้จัดงานตั้งใจให้เกิดการขับเคลื่อนและนำไปสู่การขยายศูนย์ฝึกอบรมเพื่อผู้ประกอบการโซลาร์ (Training Centre) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางสำคัญของภาคเหนือ เพื่อขยายขีดความสามารถ กระจายและเพิ่มสัดส่วนตำแหน่งงานสีเขียวจำนวนมากไปยังทุกภูมิภาค โดยก่อนหน้านี้ได้มีโครงการนำร่องจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่ประสบความสำเร็จอย่างดีและมีผลตอบรับน่าพอใจจากผู้ประกอบการ</p>
<p>จิรพัฒน์ ฮ้อแสงชัย ตัวแทนจาก New Energy Nexus ซึ่งเป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรที่ให้การช่วยเหลือด้านกองทุนและเร่งสนับสนุนผู้ประกอบการด้านพลังงานสะอาด หนึ่งในตัวแทนผู้จัดงาน เผยว่า การจัดงานครั้งนี้มุ่งหวังให้ทุกคนสามารถเรียนรู้และเข้าถึงความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานสะอาดได้โดยไม่ต้องกระจุกตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น นำไปสู่การสร้างงานสร้างรายได้ในพื้นที่ ทำให้แต่ละชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้</p>
<p>“นี่คืองานแรกที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถเรียนรู้และเข้าถึงเทคโนโลยีด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับระบบพลังงานโซลาร์ โดยตั้งต้นที่ภาคเหนือ จากนั้นในปีหน้าจะขยายไปทั่วทุกภูมิภาค”</p>
<p>งานประชุมครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ลอนจี (LONGi) ผู้สนับสนุน และ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม (PEA ENCOM) ที่เป็นหน่วยงานร่วมจัด ขณะที่ครั้งต่อๆ ไปจะจัดควบคู่กับโครงการฝึกอบรมในแต่ละภาค โดยเร็วๆ นี้มีแผนขยายเป็นศูนย์ฝึกอบรมเพื่อผู้ประกอบการโซลาร์ (Solar STEP Program)</p>
<p>เพราะเรื่องโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัว และภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีส่วนในการผลิตก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันก็มีศักยภาพและตื่นตัวที่จะลดการปล่อยคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ปัจจุบันที่การใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียวมีบทบาทมากขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับภาวะโลกร้อน ประกอบกับกลไกจากการประชุมหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง COP28 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป</p>
<p>พโยมสฤษฎ์ ศรีพัฒนานนท์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ พีอีเอ เอ็นคอม (PEA ENCOM) ให้ข้อมูลว่า ในอนาคตอันใกล้ผู้ผลิตสินค้าของไทยจำเป็นต้องใช้พลังงานสีเขียว ทั้งในรูปของกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism: CDM) และมุ่งสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนร้อยเปอร์เซ็นต์ (Renewable 100%: RE100)</p>
<p>“เราสามารถสร้างเศรษฐกิจที่ใหญ่โตเท่าไรก็ได้ในโลกนี้ แต่ต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมบนโลก เพื่อปกป้องโลกนี้ให้อยู่กับลูกหลานไปนานๆ นี่เป็นภารกิจที่ทุกคนต้องมาช่วยกัน”</p>
<p>“คงไม่ดีแน่ถ้าเรารวยขึ้น แต่โลกที่เราอยู่กลับเลวร้าย ทางที่ดีคือ เราควรมีความมั่งคั่งขึ้นด้วย ขณะที่โลกก็น่าอยู่ขึ้นด้วย เพราะสองสิ่งนี้ไปด้วยกันได้ อยากฝากไว้ว่า เราทำธุรกิจและต้องรักษาโลกให้น่าอยู่ด้วย”</p>
<p>การผลิตพลังงานสะอาดโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์มีองค์ประกอบสำคัญที่ทราบกันดีคือแผงโซลาร์เซลล์ ในยุคที่ค่าไฟฟ้าขึ้นราคาจนน่าตกใจ อาจถึงเวลาที่เราจะตั้งต้นผลิตพลังงานกันทุกหลังคาเรือน</p>
<p>ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากประเทศไทยได้ให้คำมั่นในงานประชุม COP26 เมื่อสองปีก่อน ที่จะก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (‘Net Zero’ Emission) ในปี 2065 ก็เป็นตัวผลักดันให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันหาทางบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ</p>
<p>ด้าน หม่า เหมิง (Ma Meng) ผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน DG Business Group บริษัท ลอนจี กรีน เอ็นเนอร์จี เทคโนโลยี จำกัด (ลอนจี) หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของโลก ระบุว่า บริษัทสามารถสนับสนุนนโยบายและแผนความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยโดยใช้ 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการทำงานร่วมกัน และการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ อย่างเช่น BC Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่คิดค้นขึ้นโดย LONGi ทำให้แผงโซลาร์สามารถดูดซับแสงได้ดีกว่า ช่วยให้ประสิทธิภาพการผลิตพลังงานสูงขึ้น ส่งเสริมให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยเป็นไปได้รวดเร็วและดียิ่งขึ้น</p>
<p>“เราได้สนับสนุนแผงโซลาร์เซลล์ Hi-MO 6 จำนวนหนึ่งให้กับ PEA ENCOM สำหรับการฝึกอบรมภายในและการจัดกิจกรรมร่วมกับ PEA ENCOM และ New Energy Nexus เพื่อเร่งการนำแนวทางด้านพลังงานที่ยั่งยืนมาใช้”</p>
<p>รศ.ดร.สุทธิชัย เปรมฤดีปรีชาชาญ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะนักวิจัยที่มีส่วนสำคัญในโครงการศึกษาวิจัยจำนวนมากซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้ตรงจุด ชี้ว่า แนวโน้มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง และให้ข้อมูลว่าพื้นที่ภาคเหนือเหมาะสมกับการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานทั้งระดับครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม</p>
<p>“ตอนนี้ในระดับโลก ถ้าดูจากแหล่งผลิตหรือผู้ผลิตระบบพลังงานโซลาร์ จะพบการเติบโตแบบก้าวกระโดด นั่นคือยังขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีสะดุด ซึ่งมาจากปัจจัยระดับนโยบายของแต่ละประเทศที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะเดียวกัน โดยเทคโนโลยีการผลิตตัวโซลาร์เซลล์เองก็ทำให้ราคาลดลงเรื่อยๆ และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น”</p>
<p>จากประสบการณ์ด้านงานวิจัยที่ใช้ได้จริง สุทธิชัยยังเสนอว่า รูปแบบการติดตั้งในแต่ละพื้นที่ควรปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ รวมถึงส่วนประกอบที่อาจจำเป็นในปัจจุบัน อย่างเช่นแบตเตอรี่เพื่อกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ช่วงไฟดับหรือหลังพระอาทิตย์ตก และเพิ่มเติมว่าการขายไฟฟ้าเข้าระบบนั้นมีส่วนต่างราว 2 บาทต่อหน่วยเมื่อเทียบกับเก็บไว้ใช้เอง</p>
<p>“เมื่อมีปัจจัย 3 ส่วนคือ ราคาแบตเตอรี่ลดลง ราคาโซลาร์เซลล์ลดลง และค่าไฟที่เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นตัวผลักดันให้การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพิ่มมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและราคาทำให้รูปแบบในการติดตั้งเปลี่ยนไป เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ร่วมกับแบตเตอรี่ ซึ่งจะได้ประโยชน์สองทาง ทั้งในเรื่องส่วนต่างของค่าไฟ ขณะเดียวกันหากไฟฟ้าดับหรือช่วงที่ไม่มีแดด เรายังใช้ไฟฟ้าที่กักเก็บไว้ในแบตเตอรี่ได้”</p>
<p>“เวทีครั้งนี้เป็นตัวจุดประกายให้เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานสะอาดมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ”</p>
<p>นี่คือจุดเริ่มต้นของเป้าหมายที่มุ่งหวังให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้มากขึ้น เพิ่มพูนความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ สามารถต่อยอดความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นผู้ประกอบการในชุมชนและท้องถิ่นได้ ทั้งยังตอบโจทย์ประเทศเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และช่วยรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสได้อย่างยั่งยืน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107258
 
2876  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เปิดใจ "มนัส" หลังโพสต์ถึง "สมรักษ์" ปมข่าวฉาวสาว 17 ชี้เรื่องนี้มีอะไรแปลก ๆ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 08:50:56
เปิดใจ "มนัส" หลังโพสต์ถึง "สมรักษ์" ปมข่าวฉาวสาว 17 ชี้เรื่องนี้มีอะไรแปลก ๆ
         


เปิดใจ &quot;มนัส&quot; หลังโพสต์ถึง &quot;สมรักษ์&quot; ปมข่าวฉาวสาว 17 ชี้เรื่องนี้มีอะไรแปลก ๆ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"มนัส บุญจำนงค์" โพสต์ให้กำลังใจ "สมรักษ์ คำสิงห์" ฝ่ามรสุมข่าวฉาวสาว 17 เผยหลังเกิดเหตุมีโทรไปสอบถาม เจ้าตัวบอกไม่ต้องเป็นห่วง
         

https://www.sanook.com/news/9143586/
         
2877  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ครบ 1 ปี 'สำนักพระราชวัง' แถลง 'พระองค์ภา' ทรงพระประชวร  เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 07:25:33
ครบ 1 ปี 'สำนักพระราชวัง' แถลง 'พระองค์ภา' ทรงพระประชวร 
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-12-15 13:51</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ครบ 1 ปี 'สำนักพระราชวัง' ออกแถลงการณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงพระประชวร ก่อนออกมาอีก 2 ฉบับ โดย ฉบับที่ 3 ออกเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 66 ระบุว่า พระอาการโดยรวมยังไม่ทรงรู้พระองค์ จากนั้นไม่ปรากฏแถลงการณ์ความคืบหน้าของสำนักพระราชวังอีกเลย</p>
<p> </p>
<p>15 ธ.ค.2566 ครบรอบ 1 ปี วันที่เว็บไซต์ ‘หน่วยราชการในพระองค์’ เผยแพร่แถลงการณ์ของ 'สำนักพระราชวัง' เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/52565121335_a9715ac56a_b.jpg" /></p>
<p>วันเดียวกัน สำนักพระราชวังเผยแพร่ประกาศข้างต้นแล้ว เว็บไซต์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยแพร่ประกาศสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เรื่อง ให้คณะสงฆ์ทุกวัดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา </p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>สนง.ศาลยุติธรรม วางแนวทางบำเพ็ญกุศลถวายพระพร ‘พระองค์ภา’-งดงานปีใหม่’66</li>
<li>แถลงการณ์สํานักพระราชวัง ฉบับที่ 3 'พระองค์ภา' พระอาการโดยรวมยังไม่ทรงรู้พระองค์</li>
<li>‘จุลเจิม-สมศักดิ์เจียม’ เตือน อย่าคลิกลิงก์ข่าวพระองค์ภาทรงหายประชวร จะโดนดูดเงินหมดบัญชี</li>
</ul>
</div>
<p>ขณะที่วันดังกล่าว เว็บไซต์ trends24 สืบค้นวันนี้ (15 ธ.ค.65) เวลา 15.48 น. ระบุว่า เทรนด์ #โคราช เริ่มขึ้นมีการใช้แฮชแท็กนี้ในทวิตเตอร์ เมื่อประมาณ 01.00 น. และพบว่าต่อมาเวลา 13.00 น. มีผู้ทวิตมากสุดเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวนทวีตประมาณ 3.98 แสนทวีต  </p>
<p>หลังจากแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังดังกล่าว ก็มีแถลงการณ์ออกมาอีก 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 2 วันที่ 19 ธ.ค.65 ระบุพระอาการโดยรวมคงที่ในระดับหนึ่ง คณะแพทย์ถวายพระโอสถและเครื่องมือเพื่อช่วยการทำงานของพระหทัย พระปัปผาสะ (ปอด) พระวักกะ (ไต) และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป และ ฉบับที่ 3 วันที่ 8 ม.ค. 66 ที่ระบุว่า พระอาการโดยรวมยังไม่ทรงรู้พระองค์ จากนั้นไม่ปรากฏแถลงการณ์ความคืบหน้าของสำนักพระราชวังอีกเลย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107247
 
2878  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - มิติใหม่สภา "ปดิพัทธ์" เปิดให้ ปชช.สังเกตการณ์ประชุม ดีเดย์รอบแรก 150 คน เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 06:43:37
มิติใหม่สภา "ปดิพัทธ์" เปิดให้ ปชช.สังเกตการณ์ประชุม ดีเดย์รอบแรก 150 คน
         


มิติใหม่สภา &quot;ปดิพัทธ์&quot; เปิดให้ ปชช.สังเกตการณ์ประชุม ดีเดย์รอบแรก 150 คน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;มิติใหม่ สภา”ปดิพัทธ์” เปิดให้ประชาชนสังเกตการณ์ประชุม ได้ยาว ในฐานะสักขีพยาน ดีเดย์รอบแรก 150 คน วันถกร่างงบประมาณ ปี 67 ขณะยอมรับ สภาล่ม เพราะประลองกำลัง-เช็คชื่อกัน ยันยึด 2 แนวทาง ตามข้อบังคับ-แนวคำตัดสินของศาล รธน. ต้องมีองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง

         

https://www.sanook.com/news/9142222/
         
2879  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เด็ก ป.2 ดับในคาบพละ หลังวิ่ง 50 เมตร ครอบครัวดูวงจรปิดยิ่งใจสลาย ยื่นฟ้องโรงเรียน เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 06:20:38
เด็ก ป.2 ดับในคาบพละ หลังวิ่ง 50 เมตร ครอบครัวดูวงจรปิดยิ่งใจสลาย ยื่นฟ้องโรงเรียนทันที!
         


เด็ก ป.2 ดับในคาบพละ หลังวิ่ง 50 เมตร ครอบครัวดูวงจรปิดยิ่งใจสลาย ยื่นฟ้องโรงเรียนทันที!" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;นักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนประถมในประเทศจีน เสียชีวิตอย่างกะทันหันหลังจากวิ่ง 50 เมตรในคาบเรียนพละ


         

https://www.sanook.com/news/9142902/
         
2880  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'สว.อุปกิต' ได้ประกันตัว วางหลักทรัพย์ 10 ล้าน ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 05:54:59
'สว.อุปกิต' ได้ประกันตัว วางหลักทรัพย์ 10 ล้าน ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 05:01</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: (หน้า) อุปกิต ปาจรียางกูร</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'สว.อุปกิต' ได้ประกันตัวคดีฟอกเงิน อาชญากรข้ามชาติ และยาเสพติด รวม 6 ข้อหา โดยวางหลักทรัพย์ 10 ล้าน และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ นัดตรวจพยานหลักฐาน 13 พ.ค. 2567 </p>
<p> </p>
<p>สืบเนื่องจากเมื่อ 14 ธ.ค. 2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด นัดส่งฟ้อง อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา รวม 6 ข้อหา ประกอบด้วย </p>
<ol>
<li>เป็น สว. สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด  </li>
<li>ร่วมกันมียาเสพติดไว้เพื่อจำหน่าย </li>
<li>เป็นสมาชิกวุฒิสภา สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน</li>
<li>เป็นสมาชิกวุฒิสภา ร่วมกันฟอกเงิน </li>
<li>เป็นสมาชิกวุฒิสภา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ </li>
<li>มีส่วนร่วมกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรม โดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรง</li>
</ol>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง </p>
<ul>
<li>อัยการนำตัว 'สว.อุปกิต' ฟ้องศาล 6 ข้อหา ฟอกเงิน ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ</li>
</ul>
</div>
<p>คดีที่ อุปกิต ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์พัวพันกับขบวนการยาเสพติดและการฟอกเงินกับ ทุนมินลัต ชาวเมียนมา ที่ถูกตำรวจไทยจับกรณีเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และฟอกเงิน เมื่อ 17 ก.ย. 2565 ซึ่งอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวนคดีนอกราชฯ ได้มีคำสั่งตั้ง วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีสอบสวน และคณะอัยการสำนักงานคดีสอบสวนร่วมสอบสวน และนำสำนวนส่งไปยังสำนักงานอัยการคดียาเสพติด เพื่อนำเสนอส่งอัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี โดยอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องอุปกิต และส่งสำนวนให้สำนักงานคดียาเสพติด โดยมีพงศ์ปกรณ์ รุจิระชุณห์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด เป็นผู้รับผิดชอบ และพิจารณาตั้งชุมพล ทองเพ็ง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด เป็นหัวหน้าคณะทำงานที่มีหน้าที่สืบคดีในชั้นศาล แทนคนเดิมที่ฝ่ายผู้ต้องหาร้องขอเปลี่ยนตัว และนัดตัวมาฟ้องต่อศาลในวันนี้ ซึ่งพงศ์ปกรณ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด คอยกำกับดูแลให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย</p>
<p>เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2566 อุปกิต เดินทางมาศาลอาญาตามที่ได้นัดกับพนักงานอัยการคดียาเสพติดไว้พร้อมกับทนายความ โดยเดินทางเข้าทางด้านข้างอาคารศาลอาญา </p>
<p>จนกระทั่งเวลา 16.20 น. เว็บไซต์ ไทยรัฐ ออนไลน์ ได้รายงานว่า ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายอุปกิต ปาจรียางกูร จำเลย คดีหมายเลขดำที่ ย. 1445/2566 ระหว่างการพิจารณา โดยมีหลักทรัพย์ประกันเป็นจำนวน 10,000,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข มีคำสั่งห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล</p>
<p>ส่วนข้อมูลจาก ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการพิเศษ ระบุว่า ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 13 พ.ค. 2567 เวลา 9.00 น.</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107256
 
หน้า:  1 ... 142 143 [144] 145 146 ... 1113
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.338 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กันยายน 2566 20:14:41