JASAD เผยเหตุคดีวิสามัญฆาตกรรมพุ่ง-28 นักกิจกรรมปาตานีถูก 'ฟ้องปิดปาก' หวังหยุดการเคลื่อนไหว
<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2023-12-21 20:31</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>รายงาน: มูฮัมหมัด ดือราแม</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>JASAD เผยมี 28 นักกิจกรรมปาตานีถูกคดี SLAPP 'ฟ้องปิดปาก' หวังหยุดการเคลื่อนไหว เหตุวิสามัญฆาตกรรมพุ่ง ก่อปัญหาการแย่งศพ แห่ศพนักรบปาตานี เริ่มจากถูกหมายเรียกอาจเลื่อนสถานเป็นผู้ต้องหา The Patani ชมรมพ่อบ้านใจกล้า CAP แต่งชุดมลายู โดนหมด แม้ไม่มีคดี แต่ถูกคุกคาม สร้างเงื่อนไขต่อรอง แจ้งข้อหากลุ่มประชามติ [จำลอง] เอกราชปาตานี</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">JASAD เผยมี 28 นักกิจกรรมปาตานีถูกคดี SLAPP</span></h2>
<p>เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) ได้รวบรวมและเปิดข้อมูลนักกิจกรรมภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกดำเนินการทางกฎหมาย และถูกดำเนินคดีที่เข้าข่ายการ 'ฟ้องเพื่อปิดปาก' หรือที่เรียกว่า คดี SLAPP ว่า ขณะนี้มี 28 ราย แยกเป็นผู้ชาย 19 ราย และผู้หญิง 9 ราย</p>
<p>ส่วนใหญ่เป็นนักกิจกรรมที่มีบทบาทในการตรวจสอบและนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในพื้นที่ รวมถึงการทำกิจกรรมลักษณะเชิงสร้างสรรค์ โดยถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งการออกหมายเรียกและการแจ้งข้อกล่าวหา จาก 3 กรณี ได้แก่ </p>
<ul>
<li>การไลฟ์สดกรณีการแห่ศพ/แย่งศพผู้เสียชีวิตที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมระหว่างการปะทะ </li>
<li>การร่วมกิจกรรมส่งเสริมทางประเพณี วัฒนธรรมในการรวมตัวสวมใส่ชุดมาลายู และ</li>
<li>การสมทบทุน ระดมทุนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากเหตุการณ์ความไม่สงบ</li>
</ul>
<h2><span style="color:#2980b9;">'ฟ้องปิดปาก' หรือ คดี SLAPP คืออะไร</span></h2>
<p>คำว่า 'ฟ้องปิดปาก' หรือคดี SLAPP นั้น หมายถึง การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน (SLAPP: Strategic Lawsuit Against Public Participation) คือ การฟ้องคดีเพื่อปิดปากบุคคลที่ออกมาแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีผลทำให้เกิดสภาวะชะงักงันของการมีส่วนร่วมของสาธารณชน </p>
<p>ในแวดวงนักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชน อธิบายว่า เป็นการฟ้องคดีที่มีวัตถุประสงค์กลั่นแกล้ง หรือสร้างภาระให้บุคคลเหล่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมตามกฎหมายจริงๆ แต่เพื่อใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ "ปิดปาก" คนที่แสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะ</p>
<p>โดยการมีคดี SLAPP จะทำให้ประชาชนไม่กล้าออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะหรือประเด็นที่มีผลประโยชน์หรือผลกระทบกับตัวเอง เนื่องจาก "กลัวถูกฟ้อง" ซึ่งคดี SLAPP ส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักใช้ข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาท” ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ฟ้อง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ย้อนรอย SLAPP คดีแรกในชายแดนใต้ </span></h2>
<p>อับดุลเลาะ เงาะ ประธานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ JASAD ให้ข้อมูลว่า คดี SLAPP คดีแรกๆ ในชายแดนใต้ คือ คดีที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แจ้งความหมิ่นประมาทและความผิดทางคอมพิวเตอร์ต่อ พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนอีก 2 คน คือ สมชาย หอมลออ และ อัญชนา หีมมิหน๊ะ จากการทำรายงานเปิดโปงการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ ออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อปี 2559 แต่คดีจบลงด้วยการที่สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งไม่ฟ้อง และยุติการดำเนินคดี เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2560</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53410994947_50de3b0eb6_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">อับดุลเลาะ เงาะ</span></p>
<p>หลังจากนั้น คดี SLAPP ก็เงียบไป จนกระทั่งมีการไลฟ์สดการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ที่มีการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยในหลายๆ เหตุการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา (2565) โดยเฉพาะกรณีที่มีเหตุ 'แย่งศพ' ที่นำไปสู่การแจ้งข้อหานักกิจกรรมภาคประชาสังคมและชาวบ้านหลายคน ในข้อหา "ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน"</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">วิสามัญพุ่ง ก่อปัญหาการแย่งศพ</span></h2>
<p>อับดุลเลาะ ชี้ว่า การแย่งศพนั้น เริ่มมีขึ้นหลังจากช่วงที่ผ่านมามีเหตุเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ปะทะกันหลายครั้ง มีสาเหตุมาจากข้อสงสัยของญาติผู้เสียชีวิตในหลายๆ เหตุการณ์ว่า ทำไมถึงมีการคืนศพให้ญาติอย่างล่าช้า ทำให้ต้องประกอบพิธีทางศาสนาล่าช้าไปด้วย</p>
<p>ข้อมูลของ JASAD ระบุว่า คดีวิสามัญฆาตกรรมเริ่มมีมากขึ้นตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา โดยปี 2562 มีจำนวน 17 ราย ปี 2563 มีจำนวน 27 ราย ซึ่งเท่ากับปี 2556 ต่อมาปี 2564 มี 24 ราย และปี 2565 มีจำนวน 12 ราย (ดูตาราง)</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53412359270_6cd153c3b4_c.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ตาราง: จำนวนผู้เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐใน 3 จังหวัดชายใต้</span></p>
<p>"เมื่อมีการวิสามัญฆาตกรรมเยอะขึ้นก็จะมีปัญหาเรื่องศพผู้เสียชีวิต เพราะฝ่ายรัฐก็กลัวว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะคนไปชุมนุมเดินขบวนส่งศพจำนวนมาก มีการแสดงสัญลักษณ์การเคารพศพ โดยมีความเชื่อว่าคนที่ตายนั้น ตายในหนทางศาสนา" อับดุลเลาะ กล่าว </p>
<p>ประธาน JASAD ระบุต่อว่า ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่จะติดป้ายแสดงคำวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรีในที่ต่างๆ ว่า ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนแห่งสงคราม หรือดารุลฮารบี ไม่ใช่การต่อสู้ในหนทางศาสนาก็ตาม แต่ก็ไม่ส่งผลอะไร</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">หวังหยุดแห่ศพนักรบปาตานี </span></h2>
<p>"เจ้าหน้าที่กลัวตรงนี้แหละ ถ้ายังมีคนที่เชื่อแบบนี้อยู่มันจะอันตราย เพราะคิดว่าถึงแม้เขาจะตายเขาก็ยังชนะ ก็คือไม่กลัวตาย และยิ่งทำจะให้มีคนอยากจะมาต่อสู้มากขึ้น จะมีคนมาแทนที่ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเชื่อว่าตายแล้วได้เข้าสวรรค์</p>
<p>"เรื่องนี้เจ้าหน้าที่คิดมานานแล้วว่า จะทำยังไง เพื่อจะหยุดเรื่องนี้ให้ได้" อับดุลเลาะ กล่าว และเล่าต่อไปว่า เมื่อปัญหาเรื่องศพ จึงทำให้มีคนทำงานในภาคประชาสังคมช่วยเข้าไปทวงถามเจ้าหน้าที่ และขอให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า เหตุใดจึงล่าช้า หรือติดขัดเรื่องอะไรบ้าง ในระหว่างนั้นก็มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กด้วย ซึ่งทำให้เห็นการปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่</p>
<p>ต่อมา เมื่อเกิดเหตุการณ์แย่งศพติดตามมา โดยมีการไลฟ์สดพร้อมกัน ทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่เห็นช่องทางที่จะดำเนินคดีจากการที่มีมวลชนเข้าไปแย่งศพผู้ที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">3 กรณีแย่งศพ ก่อเกิดคดี 'ฟ้องปิดปาก' นักกิจกรรม</span></h2>
<p>กรณีแรกที่นำไปสู่การออกหมายนักกิจกรรมในพื้นที่ อับดุลเลาะ บอกว่า คือกรณีเจ้าหน้าที่ยิงผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 3 ราย ระหว่างปิดล้อมที่พักพิงชั่วคราวของกลุ่มผู้ต้องหา ที่มีหมายจับคดีก่อความไม่สงบ บนเขาไอร์ดาฮง ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส วันที่ 20 ม.ค. 2566 โดยมีชาวบ้านกว่า 60 คน กรูกันจะเข้าไปรอรับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาให้ทันภายใน 24 ชั่วโมง</p>
<p>โดย พ.ต.อ. ฉลอง รัตนภักดี ผู้กำกับการ สภ.ศรีสาคร ให้สัมภาษณ์สื่อในขณะนั้นว่า ระหว่างจะนำศพผู้เสียชีวิตไปส่งตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดที่โรงพยาบาลศรีสาคร ก็ถูกประชาชนมากดดันเพื่อขอศพคืน โดยไม่ยอมรอในพื้นที่ล่างเขา</p>
<p>กรณีต่อมาเกิดขึ้นที่ ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2566 หลังจากเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมนายอิบรอเฮม สาและ เสียชีวิต ได้มีญาติได้เกาะประตูหลังรถกู้ภัยที่จะนำศพไปโรงพยาบาลเพื่อตกแต่งศพก่อนส่งมอบให้ญาติ กระทั่งมีชาวบ้านขับมอเตอร์ไซค์มาขวางและญาติก็ตัดสินใจนำศพขึ้นรถกระบะกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาทันที แต่ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงว่า เกิดจกการสื่อสารเข้าใจผิด และไม่ได้มีการแย่งศพแต่อย่างใด </p>
<p>ต่อมา เมื่อ 11 มี.ค. 2566 สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ธารโต ได้ออกหมายเรียก 2 นักข่าวสำนักสื่อวาร์ตานี (Wartani) กรณีการไลฟ์สดเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านเพจเฟซบุ๊ก “สำนักสื่อวาร์ตานี” ได้แก่ 1. นายมะนาวารี ยะโกะ บรรณาธิการกองข่าวภาคสนาม และ 2. นายมูฮัมหมัดฮาฟีซี สาและ ผู้สื่อข่าวภาคสนาม โดยแจ้งเหตุว่าร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติอันไม่ชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ และขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มีนาคม 2566 ณ สภ.ธารโต</p>
<p>การออกหมายเรียกดังกล่าวได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในพื้นที่ว่าเป็นการปิดปากสื่อ และเป็นการคุกคามสื่อการทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนเกิดกระแส Save Wartani</p>
<p>กรณีล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 หลังจากทหารได้นำศพนายฮัยชัม สมาแฮ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรมบริเวณบ้านตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี มาที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยมีชาวบ้านเข้ามาแย่งชิงศพระหว่างถูกนำลงมาจากรถพยาบาลของทหาร </p>
<p>จากเหตุการณ์นี้ทำให้นายอัสมาดี บือเฮง นักเขียนและสื่ออิสระในพื้นที่ พร้อมกับนางแมะดะ สะนิ แม่ของนายฮัยซัม ถูก พ.ต.ต.นัฐพงษ์ ชาพรหมสิทธิ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี แจ้งความข้อหา ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ฯ ซึ่งนายอัสมาดี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53411913866_367cb224fa_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">(คนที่ 3 จากซ้าย) อัสมาดี บือเฮง</span></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">หมายเรียกคน The Patani เหตุค้านขุดศพ 'ยะห์รี ดือเลาะ'</span></h2>
<p>อีกกรณีคือการออกหมายเรียกญาติและคนทำงานภาคประชาสังคม 6 คน กรณีคัดค้านเจ้าหน้าที่ขุดศพนายยะห์รี ดือเลาะ ขึ้นมาพิสูจน์บุคคล หนึ่งในนั้นคือ นายอาร์ฟาน วัฒนะ สมาชิกกลุ่ม The Patani กับพวก โดย สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ให้ไปรายงานตัวเพื่อสอบปากคำ แต่ไม่ได้ระบุข้อกล่าวหา โดยทั้ง 6 คนมีภาพปรากฏในสื่อด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565</p>
<p>นายยะห์รี เป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัว แต่เขาหลบหนีไปมาเลเซียแล้วหายตัวไป ต่อมา มีคนพบศพชายคนหนึ่งในแม่น้ำโกลก ซึ่งทางครอบครัวยะห์ ยืนยันว่าเป็นศพนายยะห์รี แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่ใช่ศพนายยะห์รี จึงไปที่สุสานปาฮงกือปัส สุไหงปาดี เพื่อจะขุดศพขึ้นมาพิสูจน์ แต่ครอบครัวและชาวบ้านห้ามไว้จนเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง จากนั้น นายอาร์ฟานกับพวกก็ได้เข้าเจรจาไกล่เกลี่ยจนในที่สุดฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องยุติความพยายามดังกล่าว ทั้งนี้ จากผู้ถูกหมายเรียก 6 คน อาจเลื่อนสถานเป็นผู้ต้องหา</p>
<p>อับดุลเลาะ เชื่อคนที่ถูกคดี SLAPP น่าจะมากกว่า 28 คน เพราะคนที่ถูกออกหมายไม่ได้มีนักกิจกรรมภาคประชาสังคมเท่านั้น แต่ยังมีชาวบ้านด้วย โดยบางคนมีภาพปรากฏในไลฟ์สด และคนที่ไม่ไปพบตามหมายถึง 2 ครั้งโดยไม่แจ้งเหตุผล ก็จะถูกออกหมายจับได้ </p>
<p>"สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หลายคนถูกออกหมายเรียกไปให้ปากคำในฐานะพยานในช่วงแรก หลังจากนั้นถูกเลื่อนสถานะเป็นผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันข่มขืนจิตใจเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่ กลายเป็นคนแย่งศพเอง ทั้งที่เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยเจรจากับเจ้าหน้าที่ หรือไปทำความเข้าใจให้ชาวบ้าน เพราะชาวบ้านจะไม่กล้า</p>
<p>"กลายเป็นว่าพวกนี้ที่โดน ซึ่งไม่ตรงกับคนที่ก่อเหตุจริง แต่ก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน" อับดุลเลาะ กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">'พ่อบ้านใจกล้า' ไม่มีข้อหา แต่เข้าข่าย 'ฟ้องปิดปาก'</span></h2>
<p>กลุ่มต่อมา เป็นกรณีชมรมพ่อบ้านใจกล้า 'Butler's Club' ซึ่งเปิดรับบริจาคเงินให้ครอบครัวคนที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการเยียวยาเบื้องต้น ซึ่งช่วยมาแล้วหลายเคส ตั้งแต่ก่อนจะมีเหตุการณ์แย่งศพอีก </p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>
สื่อชายแดนใต้ถูก DSI ค้นบ้าน ยึดคอมฯ เชื่อม 'พ่อบ้านใจกล้า' ระดมทุนช่วยเหลือเหยื่อจากการปะทะ</li>
</ul>
</div>
<p>โดยอับดุลเลาะ บอกว่า ในกลุ่มนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI โดยศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกหมายเรียกคนที่บริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตในจำนวนเงินที่มากไปสอบปากคำ เพื่อถามว่าทำไมถึงโอนเงินให้จำนวนมาก </p>
<p>"ผมก็เคยถามคนหนึ่ง เขาโอนเงินไป 8,000 บาท เพราะเขาเคยช่วยเหลือเด็กกำพร้ามาก่อนจึงรู้สึกสงสารลูกของผู้เสียชีวิตจึงโอนเงินไปจำนวนมาก" ประธาน JASAD กล่าว</p>
<p>โดยวันที่ 14 มีนาคม 2566 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้นำหมายค้นจากศาลปัตตานีเข้าตรวจค้นบ้านของ นายซาฮารี เจ๊ะหลง 'คอนเทนต์อีดิทเตอร์ (Content Editor)' ของสื่อออนไลน์ 'The Motive' หนึ่งในผู้ก่อตั้งชมรมพ่อบ้านใจกล้า โดยยึดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง และแบบพกพา 1 เครื่อง พร้อมนัดหมายให้ซาฮารี ไปเปิดเครื่องดูข้อมูลในวันรุ่งขึ้น (15 มี.ค.)</p>
<p>ในครั้งนั้น นายซาฮารี ยืนยันว่า เป็นการระดมทุนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตจากการปะทะที่ถูกมองว่าเป็นฝ่ายผิดและจะไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา แต่กลับถูกมองว่ากระทำการช่วยเหลือดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิด</p>
<p>ต่อมามีเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกอีกหลายคนที่อยู่ในกลุ่มชมรมพ่อบ้านใจกล้า ไปสอบปากคำรวมๆ ประมาณ 20 คนที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินบริจาค</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ฟ้องข้อหา 'อั้งยี่ ซ่องโจร' ก็ไม่ได้</span> </h2>
<p>"ดูเหมือนว่า เจ้าหน้าที่พยายามเรียกคนที่อยู่รอบข้างไปสอบปากคำก่อนในฐานะพยาน เมื่อได้พยานหลักฐานมากพอสมควรแล้ว จึงจะเสนอต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ เพื่อจะเล่นงานคนกลุ่มนี้" ซึ่งอับดุลเลาะ เห็นว่า เพราะนักกิจกรรมภาคประชาสังคมกลุ่มนี้ ทำกิจกรรมที่เป็นการรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่</p>
<p><span style="color:null;">คำถามคือ จะแจ้งข้อหาอะไร </span></p>
<p>เมื่อแจ้งข้อหาอั้งยี่ไม่ได้ อับดุลเลาะ กล่าวว่า พอจะมีช่องทางเอาผิดทางกฎหมายได้ คือ ข้อหาทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 เพราะไม่มีการขออนุญาต ก็มีบทลงโทษแค่เสียค่าปรับไม่กี่บาทเท่านั้น </p>
<p>เจ้าหน้าที่อาจแจ้งข้อหาให้หนักไว้ก่อน เช่น แจ้งข้อหาก่อการร้ายและเป็นอั้งยี่ซ่องโจร แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าชมรมพ่อบ้านใจกล้า ปลุกระดมเยาวชน รวบรวมคน 30 คนขึ้นไป มีการสะสมอาวุธ มีเอกสารที่ใช้อบรม หรือหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ก็ไม่มี</p>
<p>หรืออาจแจ้งข้อหาทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 แต่จะเอาผิดข้อหาฟอกเงินก็ไม่ได้ เพราะคนที่บริจาคเงินให้ก็มีหลักฐานชัดเจนว่า เป็นการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม </p>
<p>"วันนี้จึงยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ เพราะฉะนั้นยุทธศาสตร์ของฝ่ายความมั่นคง จึงไม่ได้อยู่ตรงการนำคนมาเข้าคุก แต่มีเป้าหมายคือจะทำยังไงให้เบรกพวกนี้ได้ก่อน นี่คือมุมมองของผม" อับดุลเลาะ กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">แต่งชุดมลายู ไม่มีคดี แต่มีคนถูกคุกคาม </span></h2>
<p>อับดุลเลาะ เล่าถึงกรณีการร่วมกิจกรรมส่งเสริมทางประเพณี วัฒนธรรมในการรวมตัวสวมใส่ชุดมาลายู เมื่อ 4 พฤษภาคม 2565 ที่ริมหาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ที่มีเยาชนเข้าร่วมนับหมื่นคน ซึ่งจัดโดย CAP หรือ Civil Society Assembly For Peace ที่สร้างกระแสฮือฮาไปทั่ว จนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าอาจจะกระทบกับความมั่นคงของรัฐ และมีการปฏิบัติการไอโออย่างหนัก โดยสิ่งที่ฝ่ายรัฐดำเนินการหลักจากนั้นก็เข้าข่ายคดี SLAPP ด้วยเช่นกัน </p>
<p>เพียงแต่กรณีนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้เรียกผู้เข้าร่วมหรือผู้จัดกิจกรรมไปพบในฐานะพยาน และไม่ได้เรียกไปดำเนินคดี แต่เรียกคนที่ไปร่วมชุมนุมไปทำประวัติว่าได้เข้าร่วมชุมนุมจริงหรือไม่ เพราะไม่มีข้อหาที่จะออกหมายจับ แต่เกิดจากความหวาดระแวงว่าอาจจะมีการกระทำผิดหรือจะทำให้มีปัญหาลุกลามใหญ่โตได้</p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>นักกิจกรรมวัฒนธรรมมลายูถูกคุมตัว กอ.รมน.ท้วง ไม่ได้จับแค่เชิญไปถามหาผู้ต้องหาหลบหนี</li>
</ul>
</div>
<p>อับดุลเลาะ บอกว่า กลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่เรียกไปพบนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เยาวชนที่เข้าร่วมการชุมนุมวันนั้น ถูกผู้ใหญ่บ้านเรียกไปพบเพื่อพูดคุย ทำประวัติ หรือบางครั้งบางคนก็ถูกเก็บ DNA</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">สร้างเงื่อนไขต่อรอง</span></h2>
<p>หลังการชุมนุมครั้งนั้น พล.ท.ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 และรอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า (ขณะนั้น) ได้พบปะพูดคุยกับแกนนำจัดงาน 5 คน ที่โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ได้แก่ 1. นายมูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ ประธาน CAP 2. นายฮาซัน ยามาดีบุ เลขานุการ CAP 3. นายมะยุ เจ๊ะนะ ผู้อำนวยการ CAP 4. นายชารีฟ สะอิ ประธาน/เลขาธิการเครือข่ายบัณฑิตอาสาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (INSouth) และ 5. นายอานัส พงค์ประเสริฐ ประธานกลุ่มสายบุรีลุคเกอร์ (Saiburi Looker)</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53384117989_01e948d83e_b.jpg" /></p>
<p>ในการหารือได้ข้อสรุป 8 ข้อ เพื่อให้เป็นไปอย่างถูกต้องและไม่ละเมิดกฎหมาย เช่น ครั้งต่อไปจะเน้นประเด็นภาษามลายู ควรแจ้งประเด็น/วิธีการทำกิจกรรมกับฝ่ายความมั่นคงก่อน เพื่อป้องกันการเข้าใจในเชิงลบ และยังไม่ดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ต่อบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรม
คดีประชามติ [จำลอง] เอกราชปาตานี</p>
<p>ส่วนกรณีนักกิจกรรมและนักศึกษาในนาม "Pelajar Bangsa" ถูกแม่ทัพภาคที่ 4 ฟ้องข้อหา "ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตฯ" จากการร่วมกิจกรรมเปิดตัว Patanian Student Movement - Pelajar Bangsa ที่มีวงเสวนา “สิทธิการกำหนดอนาคตตนเอง (RSD - Right to Self-determination) กับสันติภาพปาตานี” และการจัดประชามติ [จำลอง] เอกราชปาตานี เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ ม.อ.ปัตตานีนั้น ถือเป็นคดี SLAPP ด้วยหรือไม่</p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>
'นักศึกษานักกิจกรรมปาตานี' ปฏิเสธข้อกล่าวหาคดีความมั่นคง หลังถูกแม่ทัพภาค 4 ฟ้องปมประชามติจำลอง</li>
<li>
'ขบวนการ นศ.แห่งชาติ' แจงบัตรถามประชามติจำลองสิทธิกำหนดชะตาชีวิตตนเอง ไม่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดน </li>
<li>
'ทวี' ชี้ 'นศ.ชายแดนใต้' จำลองประชามติปกครองตนเอง เป็นสิทธิเสรีภาพ ไม่ขัดต่อ รธน.</li>
<li>
สำนักปาตานีรายาฯ เตือนระวังฟ้องนักศึกษา ปมประชามติจำลองอาจเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำลายสันติภาพ</li>
<li>
<p>
นักวิชาการมอง 3 มุม 'สันติภาพ-ความมั่นคง หรือ ปั่นกระแสการเมือง' ปมประชามติกำหนดชะตากรรมตนเองจำลอง</p>
</li>
</ul>
</div>
<p>อับดุลเลาะ บอกว่า แน่นอนเป็นคดี SLAPP เพราะเป็นผลจากการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ซึ่ง RSD ถูกกำหนดไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR (International Covenant on Civil and Political Rights) แม้ประเทศไทยได้ขอสงวนในเรื่องนี้ไว้ "มิให้ตีความอนุญาตหรือสนับสนุนการกระทำใดๆ ที่จะเป็นการแบ่งแยกดินแดน" ก็ตาม</p>
<p>คดีนี้มีคนถูกฟ้องร่วมกัน 5 คน ได้แก่ 1.นายอิรฟาน อูมา ประธาน Pelajar Bangsa 2.นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ประธาน The Patani 3.นายฮากิม พงติกอ หัวหน้า Patani Baru 4.นายฮูเซ็น บือแน สมาชิก Pelajar Bangsa และ 5.นายสารีฟ สะแลมัน สมาชิก Pelajar Bangsa โดยทั้ง 5 คน ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานีแล้วเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ศาลจะพิจารณาวินิจฉัยที่เจตนา</span></h2>
<p>อับดุลเลาะ บอกว่า วันนี้กลุ่มคนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว นอกจากนักข่าวสำนักสื่อ Wartani นักกิจกรรมภาคประชาสังคม ยังมีนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมด้วย ส่วนคนที่ถูกหมายเรียกไปเป็นพยาน คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะถูกออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา
เมื่อถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จะได้รับการประกันตัวหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าพนักงาน เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะเรียกสอบอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาสามารถทำเอกสารชี้แจงส่งให้อัยการได้</p>
<p>สำหรับกรณีคดีนักกิจกรรมแย่งศพนั้นคงยากที่จะเอาผิดได้ เพราะไม่มีพยานหลักฐานตั้งแต่ต้น เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล ศาลก็จะดูที่เจตนาว่าคนกลุ่มนี้เข้าไปเพื่อจะกระทำความผิดหรือไม่ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">รัฐใช้คดี SLAPP เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว</span></h2>
<p>อับดุลเลาะ กล่าวว่า ในฐานะที่ติดตามคดีความมั่นคง การละเมิดสิทธิมนุษยชน และคดี SLAPP ในต่างประเทศ พิจารณาได้ว่า น่าจะเป็นยุทธศาสตร์ของฝ่ายรัฐ ที่ไม่ได้ต้องการเอาคนกลุ่มนี้เข้าคุกจริงๆ เพราะแต่ละคดีมีอัตราโทษไม่หนัก หรือถ้ามีความผิดจริง ศาลก็คงพิพากษาแค่ให้รอลงอาญาหรือไม่ก็เสียค่าปรับ </p>
<p>"จุดประสงค์จริงๆ ต้องการให้พวกเขาสะดุด พยายามปิดปากพวกเขา ไม่ให้มารบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ" ประธาน JASAD ระบุ</p>
<p>เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่แล้วมีคนไลฟ์สด หรือมีนักสิทธิมนุษยชนหรือภาคประชาสังคมมาติดตามรายงานข่าว เจ้าหน้าที่จะคิดว่าต่างชาติอาจมองฝ่ายความมั่นคงในด้านลบ จึงไม่ต้องการให้มีการสื่อสารออกสู่สาธารณะ จึงคิดว่าจะทำยังไงให้คนอื่นๆ ไม่กล้ามาไลฟ์สดอีก ก็ต้องใช้คดี SLAPP ฟ้องภาคประชาสังคม</p>
<p>"แต่การไลฟ์สดการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่มีกฎหมายใดห้าม ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ เราจะไลฟ์สดเจ้าหน้าที่มาเป็นล้อมตรวจค้นเราก็ได้ เพราะฉะนั้นในกลุ่มคนที่ไลฟ์สดจะไม่ถูกข้อหาไลฟ์สด แต่ถูกข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานแทน เพื่อให้งานของพวกเขาสะดุด" อับดุลเลาะ กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ส่งผลกระทบทางจิตวิทยา-สร้างเงื่อนไขต่อรอง</span></h2>
<p>อับดุลเลาะ บอกว่า สิ่งที่จะทำให้การเคลื่อนไหวสะดุดจากการใช้คดี SLAPP นั้นมี 2 อย่าง คือ
1. ในกลุ่มคนที่ถูกคดี SLAPP จะมีทั้งคนที่กลัวและคนที่ไม่กลัว แต่ในด้านจิตวิทยาจะมีผลต่อครอบครัวไม่มาก็น้อย เช่น ภรรยารู้สึกกลัวจึงขอร้องให้สามีหยุด งานที่ไหลลื่นอยู่ก็จะสะดุดหรือหยุดชะงักไป</p>
<p>2. เมื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกมาคุยไกล่เกลี่ยให้หยุดเคลื่อนไหว เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีต่อหรือไม่ คนที่ถูกคดีก็ต้องยอมรับเงื่อนไขนี้เจ้าหน้าที่ก็ถอนฟ้อง คดีก็จบ แม้บางคนจะได้สู้คดีในชั้นศาล แต่ครอบครัวอยากให้ถอนฟ้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ความมุ่งมั่นในการเคลื่อนไหวก็ลดลง</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/12/107325