[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 20:23:27 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 184 185 [186] 187 188 ... 1119
3701  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “อนุทิน” ชื่นชม นายกฯ ทำงานเร็ว ตัดสินใจเฉียบขาด พร้อมหนุนทุกนโยบายให้สำเร็จ เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 13:05:42
“อนุทิน” ชื่นชม นายกฯ ทำงานเร็ว ตัดสินใจเฉียบขาด พร้อมหนุนทุกนโยบายให้สำเร็จ
         


“อนุทิน” ชื่นชม นายกฯ ทำงานเร็ว ตัดสินใจเฉียบขาด พร้อมหนุนทุกนโยบายให้สำเร็จ" width="75" height="75
  
         

https://www.sanook.com/news/9109498/
         
3702  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ผลสำรวจนิด้าโพลพบส่วนใหญ่ 69.39% ไม่เห็นด้วยออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 12:44:58
ผลสำรวจนิด้าโพลพบส่วนใหญ่ 69.39% ไม่เห็นด้วยออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-19 10:13</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ผลสำรวจ 'นิด้าโพล' 1,310 คน พบส่วนใหญ่ 69.39% ไม่เห็นด้วยออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน 68.18% ระบุไม่โกรธเลยหากไม่ได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท - ด้าน 'สวนดุสิตโพล' สำรวจความอัดอั้นคนไทย 1,026 คน ส่วนใหญ่ 61.43% อยากระบายความอัดอั้นมากที่สุด คือ “เศรษฐกิจเมื่อไหร่จะดีขึ้น”</p>
<p><img alt="" src="https://nidapoll.nida.ac.th/data/texteditor/images/07e1cd7dca89a1678042477183b7ac3f.jpg" /></p>
<p>19 พ.ย. 2566 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “OK ไหม กับ นายกฯ สรุปเอง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 13-16 พ.ย. 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับบทสรุปของนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ภายหลังการแถลงของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน</p>
<p>จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงคุณสมบัติการได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 79.85 ระบุว่า มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ รองลงมา ร้อยละ 11.68 ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าตนเองมีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์หรือไม่ และร้อยละ 8.47 ระบุว่า ไม่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์</p>
<p>เมื่อถามตัวอย่างที่ระบุว่าไม่แน่ใจว่าตนเองมีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์หรือไม่ และไม่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ (จำนวน 264 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความรู้สึกที่จะไม่ได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบตามเกณฑ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 68.18 ระบุว่า ไม่โกรธเลย รองลงมา ร้อยละ 11.36 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธ ร้อยละ 8.71 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ ร้อยละ 7.58 ระบุว่า โกรธมาก และร้อยละ 4.17 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</p>
<p>ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อหลักเกณฑ์ผู้มีสิทธิได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องเป็นคนไทยไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่ถึง 7 หมื่นบาทต่อเดือน และ/หรือมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันต่ำกว่า 5 แสนบาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.53 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 25.80 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 20.31 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 12.67 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.69 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</p>
<p>สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยสามารถใช้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคได้เท่านั้น พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 28.47 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 20.69 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 16.03 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</p>
<p>ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อแหล่งที่มาของงบประมาณในการจัดทำนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่รัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติ กู้เงิน 500,000 ล้านบาท และงบประมาณประจำปีอีก 100,000 ล้านบาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.69 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 14.89 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 13.35 ระบุว่า เห็นด้วยมาก และร้อยละ 2.37 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</p>
<p>ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ภายหลังการแถลงของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 29.92 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 25.97 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 25.11 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 18.24 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</p>
<p>เมื่อพิจารณาความคิดเห็นต่อนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ภายหลังการแถลงของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จำแนกตามคุณสมบัติการได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า</p>
<ul>
<li>ตัวอย่างที่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ ร้อยละ 29.73 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 26.48 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 24.38 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 18.84 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.57 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</li>
<li>ตัวอย่างที่ไม่แน่ใจว่าตนเองมีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์หรือไม่ ร้อยละ 41.83 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 25.49 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 16.34 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 14.38 ระบุว่า เห็นด้วยมาก และร้อยละ 1.96 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</li>
<li>ตัวอย่างที่ไม่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ ร้อยละ 65.77 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 15.32 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 11.71 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 6.30 ระบุว่า เห็นด้วยมาก และร้อยละ 0.90 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ</li>
</ul>
<h2><span style="color:#3498db;">'สวนดุสิตโพล' สำรวจความอัดอั้นคนไทย ส่วนใหญ่อยากระบายความอัดอั้นมากที่สุด คือ “เศรษฐกิจเมื่อไหร่จะดีขึ้น”</span></h2>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53341270514_ddeaa8c5dd_o_d.jpg" /></p>
<p>ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง“ที่พึ่งของคนไทย ณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,026 คน (สำรวจทางออนไลน์) สำรวจระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2566 พบว่า จากการที่ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ทำให้ประชาชนรู้สึกต้องการที่พึ่งอย่างมาก ร้อยละ 52.34 เรื่องที่ต้องการที่พึ่งมากที่สุดคือเรื่องของแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 57.79  รองลงมาคือ สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ร้อยละ 55.14  นอกจากพึ่งตนเองแล้วบุคคลที่คิดว่าน่าจะเป็นที่พึ่งได้มากที่สุด คือ ครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ ร้อยละ 61.43 ทั้งนี้เรื่องที่ประชาชน อยากระบายความอัดอั้นมากที่สุด คือ “เศรษฐกิจเมื่อไหร่จะดีขึ้น” ร้อยละ 45.17  รองลงมาคือ “ของแพง เงินไม่พอใช้” ร้อยละ 43.87</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106873
 
3703  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ตำรวจยืนยันภาพ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ตั้งวงฉลอง คือภาพเก่า ไม่ใช่หลังหนีเรือนจำ เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 12:00:19
ตำรวจยืนยันภาพ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ตั้งวงฉลอง คือภาพเก่า ไม่ใช่หลังหนีเรือนจำล่าสุด
         


ตำรวจยืนยันภาพ &quot;เสี่ยแป้ง นาโหนด&quot; ตั้งวงฉลอง คือภาพเก่า ไม่ใช่หลังหนีเรือนจำล่าสุด" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ตำรวจยืนยันภาพ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ตั้งวงฉลอง คือภาพเก่า ไม่ใช่หลังหนีเรือนจำล่าสุด ไม่มีตำรวจในกลุ่ม
         

https://www.sanook.com/news/9109342/
         
3704  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เผยกองทุนบัตรทองปีงบฯ 66 สปสช. ดูแลประชาชน รับบริการสุขภาพเกินเป้าหมาย เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 11:13:25
เผยกองทุนบัตรทองปีงบฯ 66 สปสช. ดูแลประชาชน รับบริการสุขภาพเกินเป้าหมาย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-19 10:34</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เผยผลดำเนินงาน “กองทุนบัตรทอง ปีงบประมาณ 2566” ครอบคลุมดูแลประชากรผู้มีสิทธิ ร้อยละ 99.40 มีผู้ป่วยนอกรับบริการ 164.98 ล้านครั้ง ผู้ป่วยในรับบริการ 6.265 ล้านครั้ง ขณะที่หลายสิทธิประโยชน์ช่วยดูแลผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาเกินเป้าหมาย อาทิ บริการเอชไอวี/เอดส์ บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง บริการจิตเวชเรื้อรังในชุมชน บริการผู้ป่วยติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิง และบริการสาธารณสุขปฐมภูมิ เป็นต้น สะท้อนประสิทธิภาพ สปสช. บริหารจัดการและความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบบัตรทอง </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53340977276_8765277d3a_k_d.jpg" style="width: 2047px; height: 1365px;" /></p>
<p>19 พ.ย. 2566 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” ปีงบประมาณ 2566 สปสช. ได้ดำเนินการเพื่อดูแลคนไทยผู้มีสิทธิบัตรทองฯ จำนวน 47.73 ล้านคน ให้เข้าถึงสิทธิและบริการต่างๆ ตามสิทธิประโยชน์ ภายใต้งบประมาณที่รับการจัดสรรจำนวน 142,297,936,700 บาท (ไม่รวมเงินเดือนหน่วยบริการภาครัฐ จำนวน 61,842,091,100 บาท) เป็นงบเหมาจ่ายรายหัวจำนวน 3,901.21 บาทต่อผู้มีสิทธิ โดยเป็นจำนวนที่รวมงบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 506.07 บาทต่อผู้มีสิทธิ และงบบริการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับ- ผู้ให้บริการ 9.16 บาทต่อผู้มีสิทธิ ซึ่งในประกาศปี 2566 จะอยู่นอกงบเหมาจ่ายรายหัว โดยมีหน่วยบริการทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศร่วมให้บริการจำนวน 17,247 แห่ง </p>
<p>ผลงานภาพรวมปีงบประมาณ 2566 สปสช.ได้ดำเนินการตามเป้าหมายที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ครอบคลุมประชากรผู้มีสิทธิบัตรทอง ร้อยละ 99.40 โดยมีผลการรับบริการผู้ป่วยนอกจำนวน 164.98 ล้านครั้ง จากเป้าหมายจำนวน 166.86 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 98.87 ขณะที่ผลการรับบริการผู้ป่วยในอยู่ที่จำนวน 6.265 ล้านครั้ง จากเป้าหมายจำนวน 6.494 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 96.48 </p>
<p>นพ.จเด็จ กล่าวว่า นอกจากนี้ในส่วนการดูแลผู้ป่วยที่บริหารจัดการนอกงบเหมาจ่ายรายหัว ภาพรวมได้ให้การดูแลประชาชนเข้าถึงบริการตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน อาทิ บริการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ โดยปี 2566 มีผู้ติดเชื้อฯ และผู้ป่วยเอดส์ที่รับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องจำนวน 305,527 คน จากเป้าหมายจำนวน 299,420 หรือคิดเป็นร้อยละ 102.04 และดูแลกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับบริการส่งเสริมและป้องกันการติดเชื้อฯ จำนวน 3,372,839 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,135,165 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 107.58 </p>
<p>บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายด้วยการบำบัดทดแทนไต ปี 2566 มีจำนวนรับบริการสะสมรวม 92,666 คน (นับซ้ำในรายผู้ป่วยที่ได้รับบริการมากกว่า 1 วิธี ในรอบปี) ของเป้าหมายจำนวน 67,786 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 136.70 แยกเป็นบริการล้างไตผ่านช่องท้องอย่างต่อเนื่อง (CAPD) สะสมรวมจำนวน 23,445 คน บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HD) สะสมรวมจำนวน 62,197 คน บริการผ่าตัดปลูกถ่ายไตรายใหม่จำนวน 284 คน และบริการรับยากดภูมิคุ้มกันหลังปลูกถ่ายไต ทั้งรายเก่าและรายใหม่จำนวน 2,852 คน นอกจากนี้ยังมีบริการล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ (APD) สะสมรวมจำนวน 3,888 คน  </p>
<p>บริการควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ในปีงบประมาณ 2566 มีผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงรับบริการจำนวน 4,269,315 คน ของเป้าหมาย 4,370,013 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 97.70  </p>
<p>บริการผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน มีผู้ป่วยลงทะเบียนรับบริการจำนวน 13,107 คน จากเป้าหมายที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ 12,271 คน โดยคิดเป็นร้อยละ 106.81 และในจำนวนนี้มีผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชนฯ ที่ได้รับการติดตามเยี่ยมจำนวน 11,983 คน  </p>
<p>การบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิง (LTC) ปี 2566 ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ทุกสิทธิ ทุกกลุ่มอายุที่ได้รับบริการสาธารณสุข หรือได้รับบริการตามแผนการดูแลรายบุคคลจำนวน 334,823 คน จากเป้าหมายจำนวน 210,941 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 158.73 โดยมีกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่เข้าร่วมโครงการ LTC จำนวน 7,179 แห่ง จากกองทุนฯ จำนวน 7,741 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 92.74 </p>
<p>การเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายหน่วยบริการในพื้นที่กันดารพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ สปสช. ได้รับจัดสรรงบเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้หน่วยบริการสังกัดสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข 186 แห่ง จำนวน 1,490.288 ล้านบาท โดยจ่ายตามเกณฑ์พื้นที่กันดาร/พื้นที่เสี่ยงภัย 168 แห่ง จ่ายตามเกณฑ์พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 57 แห่ง และจ่ายตามเกณฑ์ทั้ง 2 เกณฑ์ 39 แห่ง  </p>
<p>นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ขณะที่บริการสาธารณสุขปฐมภูมิ สปสช. สนับสนุนการจัดบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว และเพิ่มสิทธิประโยชน์บริการสุขภาพวิถีใหม่ ได้แก่ บริการร้านยาคุณภาพ บริการส่งยา/เวชภัณฑ์ทางไปรษณีย์ บริการสาธารณสุขระบบทางไกล  บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกหน่วยบริการ บริการสาธารณสุขของหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านการพยาบาลและการผดุงครรภ์ บริการดูแลแบบผู้ป่วยในที่บ้าน (Home ward) บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และบริการการแพทย์ทางไกลในลักษณะผู้ป่วยนอกทั่วไป 42 กลุ่มโรค รวมถึงบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 ผลดำเนินงานโดยรวมมีผู้ป่วยเข้าถึงทั้งสิ้นจำนวน 2,827,756 ครั้ง หรือร้อยละ 99.93 จากเป้าหมายจำนวน 2,829,846 ครั้ง  </p>
<p>ส่วนบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีประชากรในพื้นที่ได้รับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระดับพื้นที่ ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด เด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน เด็กวัยเรียนและเยาวชน วัยทำงาน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คนพิการและทุพลภาพ และประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง ภาพรวมบริการนี้มีประชาชนรับบริการจำนวน 43,310,514 คน คิดเป็นร้อยละ 163.35 จากเป้าหมายจำนวน 26,514,000 คน  </p>
<p>นอกจากนี้ยังมีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยปีงบประมาณ 2566 สปสช. สามารถสร้างความคลุมสิทธิภายใต้ประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุขด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือประชาชนไทยทุกคนได้จำนวน 66,602,086 คน คิดเป็นร้อยละ 100.48 จากเป้าหมายจำนวน 66,286,000 คน        </p>
<p>“จากรายงานการดำเนินงานกองทุนบัตรทองฯ นี้ ผลดำเนินงานไม่เพียงเป็นไปตามเป้าหมายเท่านั้น แต่หลายผลงานยังเกินจากเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนฯ ของ สปสช. ที่ดูแลให้เกิดการเข้าถึงสิทธิประโยชน์บริการให้กับประชาชน รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการเข้ารับบริการโดยใช้สิทธิตามสิทธิประโยชน์ต่างๆ” เลขาธิการ สปสช. กล่าว   </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106874
 
3705  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - แบรนด์เสื้อผ้าต่างชาติ หนุนบังกลาเทศขึ้นค่าแรง หลังมีผู้เสียชีวิตจากการประท เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 09:42:53
แบรนด์เสื้อผ้าต่างชาติ หนุนบังกลาเทศขึ้นค่าแรง หลังมีผู้เสียชีวิตจากการประท้วง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-19 09:26</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว (12 พ.ย.) มีแรงงานสิ่งทอของบังกลาเทศคนเดินขบวนประท้วงเรียกร้องค่าแรงที่เป็นธรรม หลังจากที่รัฐบาลเสนอปรับค่าแรงใหม่ให้พวกเขา แต่ก็ปรับขึ้นน้อยเกินไป ในการประท้วงมีการปะทะกับตำรวจเกิดขึ้น และมีการทำลายข้าวของในโรงงาน มียอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 รายแล้ว นับตั้งแต่ที่มีการประท้วงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ต.ค.</p>
<p>สื่อแชนแนลนิวส์เอเชียระบุว่า มีกรณีการลุกฮือของแรงงานในบังกลาเทศครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสิบปี มีแรงงานหลายหมื่นคนปะทะกับตำรวจ โดยที่แรงงานเรียกร้องให้มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรายเดือนไปเป็น 23,000 ตากา (ราว 7,300 บาท) การลุกฮือที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้มีโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งได้รับความเสียหาย</p>
<p>บังกลาเทศเป็นประเทศที่มีโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ 3,500 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 85 ของการส่งออกมูลค่า 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.9 ล้านล้านบาท) ต่อปี เป็นแหล่งผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้กับแบรนด์ดังๆ ระดับท็อปหลายแบรนด์ เช่น ลีวาย, ซารา และ เฮชแอนด์เอ็ม</p>
<p>อย่างไรก็ตามสภาพชีวิตแรงงานสิ่งทอของบังกลาเทศก็อยู่ในภาวะย่ำแย่ ในบังกลาเทศมีแรงงานสิ่งทออยู่จำนวนมากถึง 4 ล้านชีวิต และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ก่อนหน้านี้พวกเขามีค่าแรงต่อเดือนเริ่มต้นที่ 8,300 ตากา (ราว 2,600 บาท)</p>
<p>เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลบังกลาเทศเสนอให้มีการปรับขึ้นค่าแรงงานภาคส่วนสิ่งทอ ร้อยละ 56.25 เป็น 12,500 ตากา (ราว 4,000 บาท) ต่อเดือน ซึ่งกลุ่มแรงงานก็ยังมองว่าการขึ้นค่าแรงแค่นี้ไม่มากพอ หลังจากนั้นก็มีการยกระดับการประท้วงทำให้โรงงานอุตสาหกรรมอย่างน้อย 70 แห่งถูกรื้อค้นทำลายข้าวของ</p>
<p>ข้อมูลจากตำรวจและจากสหภาพแรงงานระบุว่ามีแรงงานที่เสียชีวิตจากการปะทะกับตำรวจรวมแล้ว 4 ราย ทางสหภาพแรงงานระบุว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก็สน้ำตาและกระสุนยางกับผู้ชุมนุม ผู้ชุมนุมก็เริ่มมโต้ตอบตำรวจ</p>
<p>คริสตินา ฮายากอส-เคลาเซน ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมสิ่งทอของสหภาพนานาชาติ IndustriALL ที่สหภาพแรงงานบังกลาเทศสังกัดอยู่ด้วย กล่าวว่า "สถานการณ์ยกระดับไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ"</p>
<p>ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจะประกาศขึ้นค่าแรงที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธ.ค. เป้นต้นไป แต่มันก็ยังไม่มากพอ โดยที่ทางกลุ่มแรงงานบอกว่าค่าแรงดังกล่าวนี้ตามไม่ทันค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในช่วงระหว่างปี 2565-2566 บังกลาเทศมีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 9 ซึ่งนับว่าเพิ่มสูงมากที่สุดในรอบ 12 ปี</p>
<p>ถึงแม้ว่าแรงงานบังกลาเทศจะเรียกร้องค่าแรงเป็น 23,000 ตากา (ราว 7,300 บาท) สื่อ CNN ก็บอกว่าจำนวนที่เรียกร้องนี้ก็ยังคงน้อยกว่าค่าแรงขั่นต่ำของแรงงานอเมริกันในช่วง 1 สัปดาห์ โดยที่สหรัฐฯ กำหนดค่าแรงขั้นต่ำในระดับทั่วประเทศให้อยู่ที่ 7.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (ราว 260 บาทต่อชั่วโมง) โดยยังไม่หักภาษี มีกลุ่มแรงงานในสหรัฐฯ จำนวนมากเรียกว่าเป็นค่าแรงระดับยากจน</p>
<p>นาร์ซา อักเตอร์ ประธานสหพันธ์ซอมมิลลิตโต การ์เมนต์ สรามิก ซึ่งเป็นหนึ่งในสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในบังกลาเทศกล่าวถึงจำนวนค่าแรงที่รัฐบาลบังกลาเทศประกาศออกมาว่า "มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ... พวกเรารู้สึกว่าแรงงานของอุตสาหกรรมสิ่งทอถูกเย้ยหยันจากคำประกาศของคณะกรรมการ... ในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ มันไม่สมเหตุสมผลเลย ถ้าหากค่าแรงขั้นต่ำไม่มีการกำหนดให้สมเหตุสมผล มันก็เสี่ยงที่จะทำให้ความไม่สงบจากแรงงานเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีกับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นทั้งแรงงาน, นายจ้าง หรือภาครัฐ"</p>
<p>กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นทำให้โรงงานจำนวนมากปิดทำการจนสร้างความชะงักงันให้กับอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอในบังกลาเทศที่ถือว่าเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากจีน ในการประท้วงครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลหลายสิบราย มีกรณีที่ผู้ประท้วงจุดไฟเผาโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งจนทำให้แรงงานอีกรายหนึ่งเสียชีวิต มีกรณีผู้ประท้วงเสียชีวิตจากการปะทะกับตำรวจ</p>
<p>แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงว่า "พวกเรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการปราบปรามที่กำลังเกิดขึ้นกับแรงงานและนักสหภาพแรงงาน ทางการสหรัฐฯ ข้อให้มีกระบวนการหารือแบบไตรภาคี มีการพิจารณาในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการแก้ปัญหาเรื่องความกดดันด้านเศรษฐกิจที่แรงงานและครอบครัวของพวกเขากำลังเผชิญมากขึ้น"</p>
<p>แรงงานสิ่งทอในบังกลาเทศเป็นกลุ่มคนที่ยากจนที่สุดกลุ่มหนึ่งและเสี่ยงจะถูกกระทำมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในประเทศ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการพูดถึงปัญหาสภาพการจ้างงานของแรงงานสิ่งทอในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก่อน แต่เหตุการณ์ประท้วงล่าสุดในบังกลาเทศก็มีการใช้ความรุนแรงที่สร้างความเสียหายในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงราว 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่มีกรณีอาคาร รานา พลาซ่า ถล่ม ซึ่งอาคารแห่งนี้เต็มไปด้วยโรงงานสิ่งทอ ทำให้ผู้คน 1,100 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเสียชีวิตในภัยพิบัติในครั้งนั้น</p>
<p>บังกลาเทศมีความมุ่งมั่นอยากจะเป็นประเทศเศรษฐกิจระดับกลางให้ได้ภายในปี 2574 อุตสาหกรรมสิ่งทอของพวกเขานับเป็นภาคส่วนอุตสาหกรรมที่สำคัญที่คิดเป็นร้อยละ 35.1 ของผลผลิตมวลรวม (GDP) รายปีของประเทศ ภาคส่วนสิ่งทอของบังกลาเทศมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำเงินเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 14,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2554 เป็น 33,100 ล้านดอลลาร์ในปี 2562 จากข้อมูลของบริษัทให้คำปรึกษาแมคคินซี</p>
<h2><span style="color:#3498db;">แบรนด์เสื้อผ้าเรียกร้องบังกลาเทศ พิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำให้แรงงาน</span></h2>
<p>แบรนด์ต่างๆ รวม 118 แบรนด์ เช่น เอชแอนด์เอ็ม, แกบ, พูมา ต่างก็ส่งจะหมายให้กับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขอให้มีการเจรจาอย่างสันติ และเรียกร้องให้มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะครอบคลุมความต้องการพื้นฐานของแรงงานได้ อีกทั้ง สมาคมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าแห่งสหรัฐอเมริกา (AAFA) ที่เป็นตัวแทนของแบรนด์เสื่อผ้าสิ่งทอต่างๆ จากสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้มีการพิจารณาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำให้เร็วกว่านี้ จากที่ในบังกลาเทศมีการระบุพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำทุกๆ 5 ปี</p>
<p>เนท เฮอร์มาน รองประธานอาวุโสฝ่ายนโยบายของ AAFA กล่าวว่า บังกลาเทศควรจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำทุกๆ ปี แทนที่จะเป็นทุกๆ 5 ปี และควรจะมีการทำให้แน่ใจว่าจะมีการพิจารณาอย่างทันท่วงทีตามความต้องการ การปรับปรุงในเรื่องนี้จะเป็นส่วนสำคัญเพื่อสร้างความเหมาะสมให้กับมาตรฐานการจัดซื้ออย่างมีความรับผิดชอบของแบรนด์ต่างๆ</p>
<p>บริษัทอย่าง เอชแอนด์เอ็ม ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงานในบังกลาเทศ แต่จะใช้วิธีการทำสัญญากับเจ้าของโรงงานโดยมีการจ่ายค่าต้นทุนต่างๆ ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นค่าวัตถุดิบ, สถานที่ หรือแรงงาน</p>
<p>เอชแอนด์เอ็ม ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากสวีเดนกล่าวว่า พวกเขาเล็งเห็นถึงเรื่องที่พวกเขามีบทบาทในการทำให้คนงานได้รับ "ค่าแรงเพื่อยังชีพ" ผ่านทางการรับซื้ออย่างมีความรับผิดชอบ</p>
<p>นอกจากนี้ทางเฮชแอนด์เอ็มยังระบุถึงการประท้วงที่เกิดขึ้นอีกว่าพวกเขาไม่ได้เห็นว่ามัน "ส่งผลอะไรใหญ่ๆ ต่อการผลิตและห่วงโซ่อุปทานโดยรวม" ถึงแม้ว่าโรงงานบางส่วนของพวกเขาจะถูกปิดก็ตาม</p>
<p>บริษัท พาทาโกเนีย ระบุว่าพวกเขาสนับสนุนให้มีค่าแรงขั้นต่ำ 208 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 7,300 บาท) ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่แรงงานเรียกร้อง</p>
<p>บริษัท ลีวาย แถลงว่า พวกเขา "สนับสนุนให้รัฐบาลบังกลาเทศจัดกระบวนการปรับปรุงค่าแรงขั้นต่ำให้มีความเป็นธรรม, เชื่อถือได้ และโปร่งใส"</p>
<p>เรื่องนี้ยังมีนักวิชาการพูดถึงอีกว่ามีส่วนคล้ายกรณีการประท้วงของแรงงานสิ่งทอที่กัมพูชาในปี 2557 ที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเปิดฉากยิงใส่ผู้ประท้วงจนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย แต่หลังจากนั้นในกัมพูชาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำปีละครั้ง</p>
<p>เจสัน จัดด์ ผู้อำนวยการของสถาบันแรงงานสากลจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ กล่าวว่า ในยุคสมัยที่คนกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก คนก็อยากได้สินค้าที่ เร็ว ถูก และด่วน ถึงแม้ว่าคนรุ่นใหม่จะมีความใส่ใจเรื่องที่มาของเสื้อผ้าที่พวกเขาซื้อกันมากขึ้น แต่สภาพชีวิตที่พวกเขาเป็นตอนนี้ก็ยากที่จะหวังให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายกดดัน จัดด์บอกว่าสิ่งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงจริงๆ คือนโยบายของประเทศนั้นๆ เอง</p>
<p>"บังกลาเทศควรจะมีเหตุผลมากกว่านี้ ใช้ความรุนแรงน้อยลงกว่านี้ และมีกระบวนการที่คำนึงถึงอย่างครอบคลุมผู้คนมากกว่า นี่เป็นสิ่งที่มีคนทำมาก่อนแล้ว ไม่ใช่เรื่องการออกแบบอะไรใหม่เลย" จัดด์กล่าว</p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong>
Violent wage protests in Bangladesh could hit top fashion brands, CNN, 09-11-2023
Bangladesh garment worker dies after protests, Channel News Asia, 12-11-2023</p>
<p><span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพปก Wikimedia Commons</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานพิhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106872
 
3706  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ดุสิตโพลเผย ปชช.ต้องการที่พึ่งอย่างมาก หลังเผชิญของแพง ค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจต เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 09:29:41
ดุสิตโพลเผย ปชช.ต้องการที่พึ่งอย่างมาก หลังเผชิญของแพง ค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจตกต่ำ
         


ดุสิตโพลเผย ปชช.ต้องการที่พึ่งอย่างมาก หลังเผชิญของแพง ค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจตกต่ำ" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9109206/
         
3707  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมสารพัดเว็บ เงินหมุนเวียนกว่า 7,000 ล้าน เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 08:11:42
ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมสารพัดเว็บ เงินหมุนเวียนกว่า 7,000 ล้าน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 14:45</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ตำรวจสอบสวนกลางทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมสารพัดเว็บ รวมทั้งเว็บตำรวจสอบสวนสวนกลาง ดีเอสไอ และตำรวจไซเบอร์ ทำเหยื่อถูกหลอกซ้ำซ้อน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7,000 ล้านบาท</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339313533_f768c8445a_o_d.png" /></p>
<p>สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ว่าตำรวจ ปอท. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ผู้ต้องหา 5 ราย คือ นายฉาง อายุ 35 ปี สัญชาติจีน, น.ส.ฤดี อายุ 29 ปี, นายเอกณัฏฐ์ อายุ 43 ปี, นายเอกชัย อายุ 40 ปี และนายวันดี อายุ 26 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินจำนวนมาก เช่น บัญชีธนาคาร 46 เล่ม, รถยนต์หรู 7 คัน, รถจักรยานยนต์ 2 คัน, โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ เงินสดกว่า 8.6 ล้านบาท และของมีค่าอื่นๆ อีก 79 รายการ รวมมูลค่ากว่า 83 ล้านบาท ในความผิดหลายข้อหา เช่น ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน เป็นต้น</p>
<p>สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลางตรวจสอบพบเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์ปลอม โดยมีการเลียนแบบเว็บไซต์ แอบอ้างชื่อและใช้ตราสัญลักษณ์ของตำรวจสอบสวนกลาง รวมทั้งหน่วยงานใต้สังกัด อีกทั้งยังพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพใช้วิธียิงแอดโฆษณาผ่าน Google เมื่อประชาชนค้นหาคำว่า “แจ้งความออนไลน์” เว็บไซต์ปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นจะแสดงขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ เพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ เพื่อให้ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องที่จะแจ้งความ กลุ่มคนร้ายจะสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ และหลอกลวงอ้างว่าสามารถนำเงินคืนมาให้ได้ ล่อลวงวิธีต่างๆ จนเหยื่อลงเชื่อโอนเงินไปให้ ทั้งนี้ พบว่าภายในเวลา 15 วัน มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กลุ่มคนร้ายมากกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท</p>
<p>จากการสืบสวนพบว่าเว็บไซต์ปลอมดังกล่าวมีการใช้ IP-Address ที่เป็นของผู้ให้บริการของประเทศกัมพูชา และมีการเช่าบริการเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ จึงตรวจค้นบริษัทที่ให้บริการเช่าเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบฐานข้อมูลเว็บไซต์ที่ใช้และเคยใช้ในการฉ้อโกงออนไลน์จำนวนมาก มีการปลอมเว็บไซต์ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน องค์กรต่างๆ ที่ไม่มีอยู่จริง รวมถึงเว็บไซต์หลอกลงทุนต่างๆ เบื้องต้นรวมกว่า 133 เว็บ เช่น ตำรวจสอบสวนสวนกลาง, DSI, ตำรวจไซเบอร์, เว็บหลอกสั่งซื้อสินค้า, เว็บเงินกู้, เว็บลงทุนคริปโทฯ, เว็บสายการบินปลอม, เว็บหลอกสมัครงาน ซึ่งปัจจุบันพบเปิดใช้งานอยู่ 98 เว็บไซต์ เจ้าหน้าที่ปิดไปแล้ว 10 เว็บไซต์</p>
<p>จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่ากลุ่มคนร้ายจะใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย แล้วถ่ายเทเงินไปยังบัญชีม้าแถวต่างๆ จากนั้นจะนำเงินไปซื้อเหรียญสกุลเงินดิจิทัล แล้วถ่ายเทไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ ก่อนจะส่งต่อไปยังกระเป๋าที่เป็นของกลุ่มคนร้ายที่เป็นระดับสั่งการหรือนายทุนต่อไป โดยตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2566 จนถึงปัจจุบัน ในกลุ่มของคนร้ายมียอดเงินหมุนเวียนมากกว่า 7,000 ล้านบาท</p>
<p>ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับคนร้ายในขบวนการรวม 12 ราย ประกอบด้วยคนไทย 8 ราย คนกัมพูชา 1 ราย และคนจีน 3 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายหง เว่ย เหลียง ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในระดับนายทุนและเป็นเจ้าของเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหากลุ่มบัญชีม้าอีก 5 ราย มารับทราบข้อกล่าวหา และเมื่อวันที่ 14-15 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร่วมกันตรวจค้น 9 เป้าหมาย ในหลายจังหวัด และได้ผู้ต้องหา 5 ราย พร้อมยึดของกลางและทรัพย์สินจำนวนมากดังกล่าวข้างต้น โดยบางรายให้การรับสารภาพ ขณะที่บางรายให้การภาคเสธ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ รวมทั้งนายหง เว่ย เหลียง นายทุนและเจ้าของเว็บไซต์ปลอม ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106862
 
3708  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สองพี่น้องรีโนเวทบ้าน ขุดเจอ "พัสดุ" ซ่อนอยู่ เปิดดูเป็นรูปภาพ-จดหมาย อ่านจบน เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 06:57:12
สองพี่น้องรีโนเวทบ้าน ขุดเจอ "พัสดุ" ซ่อนอยู่ เปิดดูเป็นรูปภาพ-จดหมาย อ่านจบน้ำตาร่วง
         


สองพี่น้องรีโนเวทบ้าน ขุดเจอ &quot;พัสดุ&quot; ซ่อนอยู่ เปิดดูเป็นรูปภาพ-จดหมาย อ่านจบน้ำตาร่วง" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9108522/
         
3709  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ค่ารอบต่ำ-โปรโมชันไม่ห่วงคนทำงาน?' คุยกับไรเดอร์ Lalamove ถึงเหตุผลที่ต้องประท้ว เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 06:34:28
'ค่ารอบต่ำ-โปรโมชันไม่ห่วงคนทำงาน?' คุยกับไรเดอร์ Lalamove ถึงเหตุผลที่ต้องประท้วงต้นสังกัด
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 15:14</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>บันทึกถ่ายทอดสด สัมภาษณ์ไรเดอร์ แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม "Lalamove" หรือบริษัท ลาล่ามูฟ อีซี่แวน (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากเมื่อ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ทำไมไรเดอร์ และไดรเวอร์ ต้องออกมาประท้วงบริษัทต้นสังกัดที่หน้าอาคารวานิชเพลซ อารีย์ ร่วมหาคำตอบถึงเหตุผลเบื้องหลังของข้อเรียกร้อง และผลกระทบด้านนโยบายของบริษัทต่อพวกเขา</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/J1m5uZfnqm8?si=3sUPhIHGZUBktP9X" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>อนึ่ง แพลตฟอร์ม Lalamove ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 เคยควบรวมบริการกับทาง LINE MAN ตั้งแต่ปี 2559 ก่อนที่ LINE MAN จะแยกตัวออกมาเมื่อปี 2561 เน้นการบริการขนส่งสินค้า เดินเอกสาร หรืออื่นๆ ซึ่งในวงการไรเดอร์จะเรียกงานชนิดนี้ว่างาน 'Express' (เอ็กซ์เพลส) โดยแบ่งประเภทการบริการตามชนิดยานพาหนะ ได้แก่ มอเตอร์ไซค์ (ไรเดอร์) รถยนต์ 4 ประตู รถยนต์ 5 ปีะตู รถกระบะ และรถกระบะตู้ทึบ </p>
<p> </p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>ไรเดอร์ Lalamove 'ไม่ทน' ชุมนุมยื่นข้อเรียกร้องถึงผู้บริหาร ต้องทบทวนนโยบายค่ารอบ เอาเปรียบคนทำงาน</li>
</ul>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106863
 
3710  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ป้ายผ้า "#เลิกบังคับแปรอักษร" โผล่ตึกข้างสนามศุภชลาศัย วันสุดท้ายงานบอลจตุ เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 05:00:58
ป้ายผ้า "#เลิกบังคับแปรอักษร" โผล่ตึกข้างสนามศุภชลาศัย วันสุดท้ายงานบอลจตุรมิตรฯ ครั้งที่ 30
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 16:25</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>อัพเดท 18 พ.ย. 2566 เมื่อเวลา 16.50 น.</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พบป้ายผ้ามีข้อความเรียกร้อง รร.ยกเลิกบังคับ นร.แปรอักษร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ โผล่ตึกข้างสนามศุภชลาศัย ในวันสุดท้ายของประเพณีงานแข่งขันฟุตบอล 'จตุรมิตรสามัคคี' ครั้งที่ 30 </p>
<p> </p>
<p>18 พ.ย. 2566 เพจเฟซบุ๊ก "นักเกรียน เทพศิรินทร์" โพสต์ข้อความวันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 13.40 น. พบเห็นป้ายผ้าขนาดใหญ่ ปรากฏข้อความว่า "#ยกบังคับแปรอักษร" โผล่ที่ตึกสูง ภายหลังทราบชื่อว่า "จุฬาพัฒน์ 14" ข้างสนามฟุตบอลศุภชลาศัย ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแข่งฟุตบอลประเพณี จตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 </p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="468" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FGreanDEB%2Fposts%2Fpfbid02uySnpy5YgkVwDi4pR6dej6Az195B8bcJsR4o1GHoFVbjUx3ZiCx1m6K8p4kaJFXCl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>สำหรับงานประเพณีแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี จะจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี ประกอบด้วย 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 30 และการแข่งขันจัดขึ้นที่สนามฟุตบอลศุภชลาศัย ระหว่างวันที่ 11-18 พ.ย. 2566 </p>
<p>บรรยากาศวันนี้ (18 พ.ย.) มีนักเรียนเริ่มเข้าสนามและแปรอักษร ตั้งแต่เวลา 7.00 น.เป็นต้นไป โดยมีการแข่งขันด้วยกันทั้งหมด 2 คู่ ได้แก่ นัดชิงที่ 3 ระหว่าง โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยโรงเรียนเทพศิรินทร์ สามารถเอาชนะอัสสัมชัญ ไปด้วยสกอร์ 5-2 สามารถคว้าอันดับ 3 ของการแข่งขันไปด้วย</p>
<p>ขณะที่อีกคู่หนึ่งคือนัดชิงชนะเลิศ โดยเป็นการพบกันระหว่าง โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โดยจะเริ่มแข่งขันในเวลา 16.00 น. ของวันนี้</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339655710_a34674cf27_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339533614_ecb29f2fb9_b.jpg" /></p>
<p>อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 16.33 น. พบว่าป้ายผ้าดังกล่าวไม่ได้อยู่ตรงตึกข้างสนามฟุตบอลศุภชลาศัยแล้ว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ยกเลิกบังคับแปรอักษร เปลี่ยนเป็น 'สมัครใจ'</span></h2>
<p>สำหรับประเด็นการเรียกร้องให้โรงเรียนเครือจตุรมิตรฯ ยกเลิกบังคับให้นักเรียนขึ้นแปรอักษรนั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรฯ ครั้งที่ 30 มีสื่อหลายสำนักรายงานว่ามีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเองว่าเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนเทพศิรินทร์ และนักกิจกรรมเยาวชน นัดรวมตัวทำกิจกรรม เรียกร้องให้ทั้ง 4 โรงเรียนยกเลิกบังคับนักเรียนแปรอักษรในงานบอลจตุรมิตรฯ โดยมีการแปะติดกระดาษที่พิมพ์ข้อความระบุว่า "เลิกบังคับแปรอักษร" และบริเวณสะพานลอยข้ามแยกกษัตริย์ศึกมีข้อความว่า "จตุรมิตรต้องยกเลิกบังคับแปรอักษร" อีกทั้งยังมีการห้อยผ้าบริเวณสะพานลอยหน้าสนามศุภชลาศัย ด้วยข้อความ "เด็กขึ้นสแตนด์ต้องตากแดด บางคนต้องฉี่ใส่ขวด"</p>
<p>สำหรับเหตุผลที่ต้องออกมาต่อต้านนั้น กลุ่มศิษย์เก่า และนักกิจกรรม เริ่มต้นจากการอธิบายว่า ปกติ กิจกรรมงานบอลจตุรมิตรฯ จะมีด้วยกัน 3 องค์ประกอบหลัก ประกอบด้วย การแข่งขันฟุตบอลระหว่าง 4 โรงเรียน การแปรอักษรโดยนักเรียนระดับมัธยมต้น และการเดินพาเหรดและโชว์พิเศษ</p>
<p>กลุ่มศิษย์เก่าฯ ระบุต่อว่า จุดที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ การบังคับให้นักเรียนแปรอักษรบนอัฒจรรย์ ซึ่งนักเรียนต้องแปรอักษรติดต่อกันเกิน 8 ชั่วโมง ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน และบางครั้งก็มีฝนตก ซึ่งมีความเสี่ยงจะทำให้นักเรียนได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพ อาทิ การเป็นลมแดด หรือผิวของนักเรียนเกิดอาการแสบไหม้จากแสงแดดที่ร้อนขึ้นในแต่ละปี </p>
<p>นอกจากนี้ กลุ่มศิษย์เก่าฯ ระบุด้วยว่า โรงเรียนในเครือจตุรมิตรฯ มีการบังคับนักเรียนให้เข้าร่วมแปรอักษร โดยอ้างว่าถ้าเข้าร่วมได้เป็นคะแนนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งอาจส่งผลต่อการจบการศึกษาของนักเรียนปีนั้นอีกด้วย ซึ่งทางกลุ่มศิษย์เก่าฯ นั้นไม่เห็นด้วยต่อเรื่องดังกล่าว และมองว่าขัดต่อกฎหมาย โดยโรงเรียนมีหน้าที่จัดให้มีกิจกรรมชุมนุมที่นักเรียนสามารถเลือกเข้าร่วมได้อย่างอิสระในทุกปีการศึกษา</p>
<p>สำหรับรายละเอียดข้อเรียกร้องกลุ่มศิษย์เก่า และนักกิจกรรม ยังมีข้อเรียกร้องจำนวน 3 ข้อ ถึงโรงเรียนเครือจตุรมิตรฯ ประกอบด้วย</p>
<p>1. ยกเลิกการบังคับนักเรียนขึ้นเชียร์และแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 นักเรียนต้องมีสิทธิเลือกโดยสมัครใจ หรืออาจให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมได้</p>
<p>2. เพิ่มเวลาพักสำหรับผู้ขึ้นแปรอักษรอย่างชัดเจน มีเวลารับบประทานอาหาร มีเวลาพักเข้าห้องน้ำ มีเวลาพักเพื่อหลบแดด มีมาตรการควบคุมคนให้สามารถเดินเข้าออกได้โดยง่าย ทั้งขณะปกติและขณะฉุกเฉินเช่นไฟไหม้</p>
<p>3. จัดสวัสดิการให้มีปัจจัยอื่นใดที่จำเป็นต่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์บนอัฒจรรย์ อย่างครีมกันแดดสำหรับใบหน้าและร่างกาย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106865
 
3711  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เปิดภาพความเสียหาย เพลิงไหม้ห้องแล็บ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน สำลักควัน 3 ราย เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 04:21:52
เปิดภาพความเสียหาย เพลิงไหม้ห้องแล็บ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน สำลักควัน 3 ราย
         


เปิดภาพความเสียหาย เพลิงไหม้ห้องแล็บ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน สำลักควัน 3 ราย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เปิดภาพความเสียหาย เพลิงไหม้ห้องแล็บคณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน สำลักควันนำส่ง รพ. 3 ราย
         

https://www.sanook.com/news/9108822/
         
3712  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สมาคมฟุตบอลฯ ลงโทษแบนตลอดชีวิตกรรมการไทยลีก 3 เหยียดผิวนักเตะลูกครึ่งกานา เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 03:29:50
สมาคมฟุตบอลฯ ลงโทษแบนตลอดชีวิตกรรมการไทยลีก 3 เหยียดผิวนักเตะลูกครึ่งกานา
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 17:02</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ลงโทษกรรมการไทยลีก 3 เหยียดผิวนักเตะลูกครึ่งกานา แบนการปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันฟุตบอลรายการลีกอาชีพที่สมาคมฯ จัดหรือให้การรับรองทุกรายการไปตลอดชีวิต </p>
<p>18 พ.ย. 2566 หลายสื่ออาทิ ไทยรัฐออนไลน์ มติชนออนไลน์ และ สยามสปอร์ต รายงานตรงกันว่า ตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนจรรยา โดยมี พลตำรวจโทอำนวย นิ่มมะโน เป็นประธานคณะกรรมการ กรณีปัญหาในการแข่งขันกีฬาฟุตบอล เพื่อสอบสวนเหตุการณ์ ในการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ รายการ ปุ๋ยรุ่งอรุณ ลีก (ไทยลีก 3) เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2566 คู่ระหว่างสโมสร ปลวกแดง ยูไนเต็ด พบ สโมสร ปราจีนบุรี ซิตี้</p>
<p>โดยมีเหตุการณ์ที่ นายสมศักดิ์ ภูสมนึก ผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอล แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้วยการใช้วาจากล่าวถึงสีผิวของนักกีฬาฟุตบอลในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมเหยียดสีผิว ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ</p>
<p>สมาคมฯ ยืนยันบทลงโทษตามที่คณะกรรมการพิจารณาบทลงโทษตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยจรรยาสำหรับนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพในความดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ครั้งที่ 1) พ.ศ. 2565 หมวด 1 จรรยาของนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ข้อ 3 (3) หมวด 2 กลไกและระบบการบังคับใช้จรรยา ข้อ 5 ข้อ 6 และ ข้อ 7 ประกอบกับหมวด 3 บทกำหนดโทษข้อ 10.12 และข้อบังคับลักษณะการปกครองของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ข้อ 4</p>
<p>ห้าม นายสมศักดิ์ ภูสมนึก ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันในฟุตบอลรายการลีกอาชีพที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดขึ้น หรือให้การรับรองทุกรายการไปตลอดชีวิต</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106866
 
3713  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - จม.เปิดผนึกถึง ปธ.ศาลฎีกาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 01:58:52
จม.เปิดผนึกถึง ปธ.ศาลฎีกาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 20:15</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>องค์กรสิทธิมนุษยชนนำโดยสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาและระบบกระบวนการยุติธรรมไทย: ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมืองในกระบวนการยุติธรรม</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="792" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fhrlathai%2Fposts%2Fpfbid06t6rMU4HbQM6S67P21DBcsa9kKtnYacoNuzikBD7K5N74QEbyfvSSGZJ8XR2vNKvl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>18 พ.ย. 2566 เพจสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน - HRLA เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาและระบบกระบวนการยุติธรรมไทย: ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมืองในกระบวนการยุติธรรม โดยมีเนื้อหาระบุว่า</p>
<p>ปัจจุบัน ระบบกระบวนการยุติธรรมกำลังทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อยับยั้ง ปราบปรม และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมือง สำนักงานอัยการยังคงเดินหน้าฟ้องคดีทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 หรือ 2564 และเป็นคดีเกี่ยวกับการใช้เสรีภาพในการชุมนุม เจ้าพนักงานตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยชั่วคราวของนายบารมี ชัยรัตน์ สมัชชาคนจนต่อศาลแขวงดุสิตเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ทั้งที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีเงื่อนไขไปตั้งนานแล้ว แต่เนื่องจากต้องการใช้กลไกศาลเพื่อให้ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้นายบารมี ชัยรัตน์ ไปร่วมชุมนุมสมัชชาคนจน ที่มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 2566 จนถึงปัจจุบัน เหล่านี้ เป็นภาพสะท้อนบางส่วนที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างเป็นระบบของกลไกในกระบวนยุติธรรมต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง</p>
<p>ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ณ วันที่ 15 พ.ย. 2566 แสดงจำนวนผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยชั่วคราวรวม 23 คน อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในจำนวนดังกล่าว และเป็นภาพสะท้อนปัญหาการปล่อยชั่วคราวและการไม่บังคับใช้ข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกหลักประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 ข้อ 24 และ 25 ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ</p>
<p>ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกหลักประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 ของท่าน ในข้อ 24 กำหนดว่า</p>
<p>“กรณีที่ศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือคดีที่ต้องขออนุญาตฎีกาก็ตาม หากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายใดๆ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยใช้วิธีการอย่างเดียวกับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาหรือจะใช้เงื่อนไขหรือมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกาสั่ง</p>
<p>ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา หากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์ และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายใดๆ แม้จำเลยยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาหรือยังไม่ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลที่มีอำนาจอาจมีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวโดยใช้เงื่อนไขหรือมาตรการอย่างเดียวกับศาลล่างหรือจะใช้เงื่อนไขหรือมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นก็ได้”</p>
<p>ข้อ 25 กำหนดว่า “การดำเนินการตามข้อบังคับนี้ ให้ใช้วิธีการประเมินความเสี่ยงและแบบพิมพ์ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนด”</p>
<p>ทนายความของอานนท์ นำภา ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวหลายครั้ง ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทุกครั้ง ต่อมาในวันที่ 10 พ.ย. 2566 ได้มีการอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวต่อศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งในวันที่ 12 พ.ย. 2566 ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวด้วยเหตุผลว่า</p>
<p>“พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง และศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับเงิน 20,000 บาท หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยอาจจะหลบหนี คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว”</p>
<p>โดยคำสั่งศาลฎีกาไม่ระบุข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ของอานนท์ นำภา ที่ทำให้ศาลเชื่อว่าจะหลบหนี มีเพียงเหตุผลเลื่อนลอยในอากาศ เชื่อเอาเองว่าจะหลบหนี ทั้งที่อานนท์ นำภา ได้รับการปล่อยชั่วคราวในศาลชั้นต้นและโทษที่ศาลพิพากษานั้นไม่เกิน 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขข้อบังคับฯ ของท่านโดยครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงอันเป็นที่ประจักษ์ทั้งในทางสาธารณะและในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวว่าอานนท์ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปร่วมงานของมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) ณ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ซึ่งเป็นรางวัลที่ยกย่องบุคคลกลุ่มหรือสถาบันในเกาหลีและต่างประเทศที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและพัฒนาสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสันติภาพ ซึ่งอานนท์ นำภา เป็นผู้ได้รับรางวัลดังกล่าว หลังจากนั้นอานนท์ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยและใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการตลอดมา รวมทั้งไปฟังคำพิพากษาตามที่ศาลนัด ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53340224984_149d6c3741_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ตัวแทนร่วมอ่านจดหมายเปิดผนึก ห้องโถงชั้นล่าง อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงบ่าย วันนี้ (18 พ.ย.66)</span></p>
<p>ในขณะที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีพฤติการณ์หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ในคดีออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ หาดพัทยา จังหวัดชลบุรี จนมีการออกหมายจับ และเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. จับกุมนายอิทธิพล คุณปลื้ม และศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทันที ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่ามีพฤติการณ์หลบหนี หรือกรณีของใบเตย สุธีวัน กุญชร คดีแชร์ Forex - 3D ซึ่งศาลอาญาสั่งให้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเงื่อนไขให้ติดกำไล EM ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และรายงานตัวตามศาลนัด แต่กับคดีของอานนท์ นำภา ที่ร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจะไม่หลบหนี แต่ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ รวมทั้งศาลฎีกาไม่สั่งไต่สวนคำร้องเหมือนกับคดีของใบเตยแต่อย่างใด และศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว</p>
<p>ดังนั้น จึงเป็นคำถามในใจของประชาชน โดยเฉพาะในแวดวงนักวิชาการ นักกฎหมายและทนายความอันเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต่อประธานศาลฎีกาว่า</p>
<p>(1) เมื่อเทียบเคียงกับคดีอื่นข้างต้น ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองเป็นกลุ่มที่ศาลฎีกาและศาลยุติธรรมยกเว้นสิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวหรือไม่</p>
<p>(2) ศาลฎีกาใช้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ใดในการพิจารณาว่าอานนท์ นำภา รวมทั้งผู้ต้องหาหรือจำเลยอื่นในคดีการเมืองจะหลบหนีหรือไม่หลบหนี มีการปฏิบัติตามข้อบังคับฯ ของท่าน ในข้อ 25 ซึ่งให้เครื่องมือศาลเป็นแบบวิธีการประเมินความเสี่ยงและแบบพิมพ์ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนดหรือไม่ก่อนจะวินิจฉัยว่าอานนท์จะหลบหนีหากได้รับการปล่อยชั่วคราว</p>
<p>(3) การที่ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งที่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ของอานนท์ว่าจะหลบหนีนั้น เป็นการสั่งโดยไม่ชอบด้วยหลักกฎหมายว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวฯ ของท่านเองหรือไม่</p>
<p>(4) ท่านในฐานะประธานศาลฎีกาอันเป็นตำแหน่งสูงสุดของศาลยุติธรรม ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เช่นใดบ้างเพื่อให้ข้อบังคับฯ ของท่าน รวมทั้งหลักการพื้นฐานว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวมีสภาพบังคับใช้ได้จริง และไม่เลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมือง</p>
<p>สมาคมฯ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมีความกังวลต่อบทบาทของศาลยุติธรรมต่อคดีการเมืองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสิทธิในการปล่อยชั่วคราวอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างที่สุดในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลจะปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยเสมือนว่าเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้ จนกว่าเขาผู้นั้นจะถูกพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิด อันเป็นหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองนั้น ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางจากสังคมว่าเป็นระบบกระบวนการยุติธรรมที่พร้อมจะยกเว้นหลักการกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในกระบวนการยุติธรรมเพียงเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นตั้งคำถามกับระบบความเชื่อทางการเมืองแบบเดิม เพื่อให้เกิดการทบทวน พูดคุย หาทางออกให้กับสังคมที่ดีกว่า</p>
<p>สมาคมฯ หวังว่าท่านจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้ข้อบังคับประธานศาลฎีกาฯ และหลักการพื้นฐานในการปล่อยชั่วคราว ถูกบังคับใช้และปฏิบัติตามเพื่อคุ้มครองหลักประกันสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาอย่างเป็นเอกภาพและไม่เลือกปฏิบัติให้สมกับเป็นกระบวนการยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยต่อไป</p>
<p>18 พ.ย. 2566</p>
<p>สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม - EnLAW
Cross Cultural Foundation (CrCF)
Non Binary Thailand</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106870
 
3714  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หนุ่มขมขื่น เมียคนสวยเล่นชู้กับ “เพื่อนรัก” ฟังคำแก้ตัวจบปุ๊บ ใจดีถ่ายคลิปให้ถ เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 01:50:16
หนุ่มขมขื่น เมียคนสวยเล่นชู้กับ “เพื่อนรัก” ฟังคำแก้ตัวจบปุ๊บ ใจดีถ่ายคลิปให้ถึงเตียง!
         


หนุ่มขมขื่น เมียคนสวยเล่นชู้กับ “เพื่อนรัก” ฟังคำแก้ตัวจบปุ๊บ ใจดีถ่ายคลิปให้ถึงเตียง!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;หนุ่มมีเมียสวย ระแวงทุกคนยกเว้น "เพื่อนรัก" ของตัวเอง สุดท้ายคนที่ไว้ในร้ายที่สุด

         

https://www.sanook.com/news/9106182/
         
3715  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “ธนกร” หนุนตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย หวังดึงเม็ดเงินใต้ดินเข้าระบบภาษี เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 01:02:52
“ธนกร” หนุนตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย หวังดึงเม็ดเงินใต้ดินเข้าระบบภาษี
         


“ธนกร” หนุนตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย หวังดึงเม็ดเงินใต้ดินเข้าระบบภาษี" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9107814/
         
3716  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'องค์กรผู้บริโภค' ประกาศยื่น ป.ป.ช. ให้ถอดถอน 'กสทช.' ทั้งคณะ เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 00:27:53
'องค์กรผู้บริโภค' ประกาศยื่น ป.ป.ช. ให้ถอดถอน 'กสทช.' ทั้งคณะ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 17:42</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>องค์กรผู้บริโภค ประกาศ ยื่น ป.ป.ช. ให้ถอดถอน กสทช. ทั้งคณะ จากการปฏิบัติหน้าที่ ฐานไม่สามารถกำกับกิจการโทรคมนาคม จนเกิดการผูกขาด ละเมิดสิทธิผู้บริโภค</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53338416332_afa76c95a7_o_d.jpg" /></p>
<p>เพจมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค รายงานว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 สภาองค์กรของผู้บริโภคพร้อมทั้งเครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีความเห็นร่วมกันที่จะนำเรื่องขึ้นเสนอต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ขอให้ทำการถอดถอนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (คณะกรรมการ กสทช.) ออกจากตำแหน่งทั้งคณะ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ที่อาจเข้าข่ายบกพร่องและไม่กำกับดูแล ได้สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อผู้บริโภค ด้วยการมีมติในสองวาระ ที่เปิดทางให้เกิดการผูกขาดในกิจการโทรคมนาคม โดยให้มีการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ในเดือน ต.ค. 2565 และ การควบรวมครั้งที่สอง ระหว่างบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) บริษัทในเครือเอไอเอส (AIS) และบริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (3BB) ในวันที่ 10 พ.ย. 2566 รวมทั้งไม่สามารถประชุมและไม่สามารถกำหนดวาระการประชุมที่เป็นประโยชน์ได้ แบ่งเป็นฝักฝ่าย ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามวัตถุประสงค์และภารกิจตามกฎหมายที่ต้องรับผิดชอบ</p>
<p>นอกจากนี้ องค์กรผู้บริโภค ยังเปิดแถลงข่าว “ความล้มเหลวของ กสทช. ในการคุ้มครองผู้บริโภค กรณีควบรวมธุรกิจโทรคมนาคม” จากผลพวงที่ กสทช. ไฟเขียวควบรวม ทรู-ดีแทค ได้สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค ต้องใช้บริการที่แพง แต่คุณภาพลดลง  การที่อ้างว่า กสทช. มีเงื่อนไขให้เอกชนลดราคา  12 เปอร์เซ็นต์ หลังควบรวม มันสวนทาง ดังที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้เปิดรับข้อมูลจากผู้บริโภค ตั้งแต่ วันเริ่มต้น  9 พ.ย. จนภึงล่าสุด 16 พฤศจิกายน 2566  มีกว่า 2 พันรายที่ส่งข้อมูลเข้ามา นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บอกว่า พบปัญหา ค่าบริการแพง  สวนทางคุณภาพที่ลดลง ปัญหาเกิดจาก กสทช.  ไม่ให้เอกชน แจ้งต่อ ผู้บริโภค อย่างเปิดเผย ไม่เคยเห็นมาตรการประชาสัมพันธ์ เช่น ส่วนลดค่าบริการ หรือ การตรวจสอบแพคเกจ จากการเข้าหารือกับ กสทช.  บอกว่า เอกชน ได้แก้ไขครบถ้วน  แต่ทำไมปัญหานี้ยังคงอยู่ ดังนั้น  จะรวบรวมปัญหาที่เป็นเสียงสะท้อนของผู้บริโภค ที่สิ้นสุดวันที่ 23 พ.ย. นี้ เพื่อส่งต่อให้ กสทช. จัดการแก้ไข</p>
<p>ข้อมูลความเดือดร้อนของผู้บริโภค หลังการควบรวมเครือข่ายโทรคมนาคม  มีความเห็นจาก นายฉัตร คำแสง ผู้อำนวยการศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง เกี่ยวกับงานวิจัย บอกข้อมูลงานวิจัยว่า หลังการควบรวมทรู-ดีแทค  ทำให้ตลาดกระจุกตัวสูงมาก เพราะมีผู้ให้บริการใหญ่แค่ 2 เจ้า เป็นความเสี่ยงที่รับไม่ได้ ประเมินผลกระทบ ราคาเพิ่ม 7-10 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ อาจมีการฮั้วแบบแค่มองตา ไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร เช่น แพคเกจแพง  คุณภาพแย่ เห็นชัดเจน ณ ปัจจุบัน   ราคาลดลงเล็กน้อยของค่ายมือถือ แต่คุณภาพ และ บริการ ก็ลดเช่นกัน  ที่สำคัญ ไม่ได้ลด 12 เปอร์เซ็นต์  ตามที่ กสทช. กำหนด แถม สงครามราคาหายไป  โดยเฉพาะ ซิมเทพ หรือ ซิมรายปี แพงขึ้น  ต่อมา ก็ควบรวม เอไอเอส กับ 3 บีบี อินเตอร์เน็ตบ้าน  กสทช.ประเมินค่าบริการเพิ่ม 45 เปอร์เซ็นต์ ปัญหาคือพื้นที่ไม่มีคู่แข่ง มีผลกระทบมาก ดังนั้น  จึงขอเสนอให้ กสทช.เพิ่มเงื่อนไขควบคุมเอกชน  โดยเฉพาะพื้นที่ให้บริการเพื่อลดข้อกังวลของประชาชน  
 
ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาผู้บริโภค  ชี้ว่า  คณะกรรมการ กสทช. ล้มเหลว ปล่อย ทรู - ดีแทค ควบรวม  ไม่ทำหน้าที่ในการพิจารณา  แต่แค่ รับทราบ  จนเกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางกับผู้บริโภค  การอนุญาตควบรวม โดยไม่มองบริบท ทำให้เหลือแค่ 2 เจ้าใหญ่ เท่ากับ ย้อนหลังไปหลายสิบปี  มาตรการคุ้มครองผู้บริโภค มองไม่เห็นจริง  แถมสร้างภาระให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบปัญหาคุณภาพให้บริการ ดังนั้น ในเมื่อ กสทช.ไม่ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ก็ควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกไป  จะได้หาคนใหม่ มาคุ้มครองผู้บริโภค  </p>
<p>สอดคล้องกับ  เภสัชกรหญิงชโลม เกตุจินดา  หน่วยงานเขตพื้นที่ภาคใต้ สภาผู้บริโภคบอกว่า 7  กสทช.  ชุดใหม่ ไม่เคยทำงานรับฟังความเห็นจากผู้บริโภค ไม่มี OPEN  DATA  ให้สังคม ได้เห็น   โดยเฉพาะ ประธาน กสทช. ทั้งที่ ได้รับเลือกเป็น กสทช.ฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค แต่กลับถือข้างเอกชน ขอประกาศไว้ตรงนี้ว่า ผู้บริโภค จะรวมพลัง ถอดถอน กสทช. ตามกฎหมายที่มีอยู่
 
ขณะที่ สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรกมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค  ในฐานะอดีต กสทช. ยังชี้ว่า  ผลงานของ กสทช. ปัจจุบัน ทั้ง 7  คน ได้ทำให้กิจการโทรคมนาคม ถดถอยหลายทศวรรษ ไม่เคยเห็นเสียงสะท้อนที่จะออกมาปกป้องผู้บริโภค กลายเป็นความหวังริบหรี่ใกล้มอด อีกทั้ง ภาวะความขัดแย้งดำดิ่ง ใน กสทช.ชุดนี้  ทำให้สาธารณะมองไม่เห็นประโยชน์สาธารณะ กลายเป็น  แดนสนธยา  ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สังคมตั้งคำถาม ทั้งตัวประธาน  และ กสทช.  ถึงธรรมาภิบาล และ การใช้กฎหมายที่ขัดหลักนิติธรรม หรือ ประโยชน์สาธารณะ  </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106867
 
3717  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - อยู่บ้านใหม่ 2 เดือน น้ำหนักพุ่ง 10 กก. ป่วยหนักจนลืมชื่อตัวเอง ที่แท้ตัวร้ายอยู่ใ เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 23:11:40
อยู่บ้านใหม่ 2 เดือน น้ำหนักพุ่ง 10 กก. ป่วยหนักจนลืมชื่อตัวเอง ที่แท้ตัวร้ายอยู่ในเตียง!
         


อยู่บ้านใหม่ 2 เดือน น้ำหนักพุ่ง 10 กก. ป่วยหนักจนลืมชื่อตัวเอง ที่แท้ตัวร้ายอยู่ในเตียง!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ย้ายเข้าบ้านใหม่แค่ 2 เดือน น้ำหนักพุ่ง 10 กก. ป่วยหนักถึงขั้นจำชื่อตัวเองไม่ได้  ช็อก ที่แท้ตัวร้ายคือเตียงที่นอนทุกคืน


         

https://www.sanook.com/news/9108454/
         
3718  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เตรียมส่งตำราเรียนประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904 ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 22:55:20
เตรียมส่งตำราเรียนประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904 ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 18:29</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ปลัด มท. เผยเตรียมส่งตำราเรียน 'ประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904' ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ในฐานะที่เป็นประธาน คกก.ศึกษาจังหวัด ต้องให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย ปลุกความรักชาติ พร้อมลุยสร้างครูต้นแบบ หนุนแยกเป็น 3 วิชา</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339355056_acf4e77595_o_d.png" /></p>
<p>เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เยี่ยมชมห้องดำรงราชานุภาพและพิพิธภัณฑ์การศึกษาไทย ชั้น 1 อาคารราชวัลลภ และเป็นประธานมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและเป็นประธานการประชุม "การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ" โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการฝ่ายการเมือง 4 กระทรวง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษารักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาราชการแทนเลขาธิการสภาการศึกษา นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ</p>
<p>นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงทั้ง 4 กระทรวงในกำกับได้มาประชุมพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งตนอยากจะให้เรามีเป้าหมาย มีเจตนารมณ์และภารกิจร่วมกันในการพัฒนาคนและพัฒนาชาติ ซึ่งหน่วยงานของเรานั้นทำงานกับทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดกับประเทศเรา คือ ทรัพยากรมนุษย์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งด้านความมั่นคง ด้านสังคม และด้านการศึกษา ซึ่งเราจะทำให้เกิดความมั่นคงต่ออนาคตของประเทศไทย อนาคตเยาวชน ลูกหลาน ประชาชนทุกคนได้ ต้องมีการทำงานให้สอดประสานและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เริ่มจาก "กระทรวงศึกษาธิการ" ที่ต้องดูแลประชากรตั้งแต่วัยแรกเริ่ม โดยการเสริมสร้างวิชาการที่ดี พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกรักในสถาบันหลักของชาติ ในส่วนของ "กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม" ซึ่งเป็นมันสมองในการพัฒนาความรู้ การวิจัยการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ระดับอุดมศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ซึ่งก็คือการส่งเสริมศักยภาพคนสร้างโอกาสในการทำงาน ด้วยการศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้วยองคาพยพที่มีอยู่ พร้อมเสริมสร้างสังคมของเราให้เป็นความวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น ในส่วนของ "กระทรวงแรงงาน" ก็จะมีการเสริมสร้างศักยภาพคน สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพดูแลสวัสดิการให้พี่น้องประชาชนโดยมี "สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ" ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ออกประกาศนียบัตรรับรองความสามารถฝีมือให้กับแรงงาน เพื่อพี่น้องประชาชนบางท่านอาจไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา จนถึงขั้นได้ใบรับปริญญา แต่ถ้าหากบางท่านมีความเชี่ยวชาญในทักษะส่วนตัว มีพรสวรรค์ ที่จะก่อให้เกิดคุณค่าในเชิงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ มีการค้นพบหรือมีฝีมือในงานเฉพาะด้าน ก็จะอยากให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและกระทรวงแรงงาน รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการตลอดจนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รับรองความสามารถเฉพาะทางที่สามารถนำไปแทนใบปริญญาบัตรได้ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้การรับรองนี้นำไปสมัครงานพร้อมประกอบอาชีพที่มีความถนัดได้ ซึ่ง "กระทรวงมหาดไทย" มีความจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยแนวทาง “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจพัฒนา คนพัฒนาชาติร่วมกัน</p>
<p>“ในวันนี้เรามาตอกย้ำกันว่า ความมีคุณภาพของคน ไม่ใช่เพียงมีความรู้ความสามารถ มีงานทำ มีรายได้เท่านั้น แต่ต้องมีคุณภาพครบวงจร คือมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี มีจริยธรรม มีจิตสำนึกรักชาติ มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งเรามีเป้าหมายในการสร้างคนที่มีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคม นี่คือเป้าหมายที่ผมต้องการให้สอนวิชาประวัติศาสตร์ จริยธรรม และหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่การปัดฝุ่นของเก่า แต่เราต้องปลื้มใจภูมิใจที่ประเทศเรามีประวัติศาสตร์ เรารู้รากเหง้า วัฒนธรรมค่านิยมที่ดีของคนไทยที่มันหายไป ทุกวันนี้มีแต่การกระทำที่รุนแรง การกระทำที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไป เราจะช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนที่อาจจะขาดการได้รับข้อมูลที่ทำให้เขามีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย เพื่อทำให้อนาคตของชาติ มีความศิวิไลซ์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่มีประเทศไทยมา” นายอนุทิน กล่าวเน้นย้ำ</p>
<p>นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ได้มอบนโยบายให้กระทรวงที่ตนกำกับดูแลในเรื่องของการศึกษา ได้มีการลดภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา อาทิ การเปิดโอกาสให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสอบเทียบระดับได้เร็วขึ้น ก็จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งในระดับครัวเรือนและภาครัฐส่วน ในระดับอุดมศึกษาอาจมีการเพิ่มภาระงานให้นิสิต นักศึกษา ได้เรียนมากขึ้นและจบการศึกษาได้ไวขึ้นก็จะทำให้ตัวนักศึกษาได้ประกอบอาชีพได้เร็วสามารถจุนเจือครอบครัวได้ และในส่วนของการคัดเลือกบุคคลเข้ารับข้าราชการ การสอบคัดเลือกควรเพิ่มเติมข้อสอบ ที่เกี่ยวกับการมีจิตสำนึกรักชาติ มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะอาจทำให้เรามีข้าราชการที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการรับใช้พี่น้องประชาชน พร้อมที่จะสืบทอดการมีจิตสำนึกในความรักชาติให้ปรากฏต่อพี่น้องประชาชน</p>
<p>พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ มีความภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง 4 กระทรวง ทั้งนี้ รัฐบาลและพวกเราให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โดยมุ่งเน้นการศึกษาเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศและสร้างคนดีมีคุณภาพให้กับประเทศชาติ กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเพราะเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มุ่งพัฒนาการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา จนถึงการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีจริยธรรม ความรู้ ทักษะชีวิต และทักษะทางอาชีพ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยได้ขับเคลื่อนการศึกษาสอดคล้องตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้แถลง</p>
<p>"การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการทำงานร่วมกันเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ไทย เข้าใจความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ ที่จะสามารถดำรงตนเป็นพลเมืองดีที่มีคุณธรรมจริยธรรม สร้างภูมิคุ้มกันชีวิตและความรับผิดชอบต่อสังคม” พลตำรวจเอก เพิ่มพูนฯ กล่าว</p>
<p>นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการเรียนรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทย หลักสูตรที่ทางกระทรวงมหาดไทยมั่นใจและเชื่อถือ คือ เนื้อหาประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับที่ใช้เรียนใช้สอนในโรงเรียนจิตอาสา 904 ศอญ. และในขณะนี้การดำเนินการที่สำคัญก็คือการสร้างคน ที่จะมาเล่าเรื่องหรืออธิบายความในเรื่องของประวัติศาสตร์ไทย สำหรับลูกหลานหรือพี่น้องประชาชนได้รับทราบ ซึ่งปรากฎเห็นได้ชัดแจ้งครบ 100 เปอร์เซ็นต์ที่จังหวัดตาก ที่มีบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยครูของกรมส่งเสริมการเรียนรู้เต็มรูปแบบ จำนวน 70 กว่าคนในจังหวัดได้มีส่วนช่วยในการสอน ขณะที่ทุกจังหวัด ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการส่งเสริมและจัดหาหนังสือประวัติชาติไทยอยู่ในทุกจังหวัด แต่อาจจะยังไม่ครบทุกโรงเรียน ซึ่งจะได้ดำเนินการให้มีการขับเคลื่อนให้ครบถ้วนในทุกโรงเรียน และสุดท้าย เพื่อให้ความตั้งใจของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจริงอย่างแท้จริง ขอเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีวิชา "ประวัติศาสตร์ชาติไทย" วิชา "หน้าที่พลเมือง" และวิชา "ศีลธรรม" แยกออกมาเป็นเอกเทศ เป็นวิชาชื่อหลักโดยตรง ส่วนเนื้อหาที่แทรกอยู่ในวิชาสังคมศึกษาก็ให้ยังคงอยู่ เพื่อให้เกิดกระบวนการในการเรียนรู้ในการเรียนการสอนสิ่งเหล่านี้ที่ชัดเจนขึ้นนอกเหนือจากการแทรกอยู่ในสาระการเรียนรู้ในหลักสูตรที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน</p>
<p>“สำหรับการสอบคัดเลือกข้าราชการที่ให้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับความรักชาติ ศาสนา และสถาบันหลักของประเทศชาติ ในขณะนี้กรมการปกครอง ได้มีการเปิดสอบบรรจุตำแหน่งปลัดอำเภอ ก็จะมีการทดสอบในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย และสุดท้ายนี้กระทรวงมหาดไทย นำโดยท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ยินดีที่จะสนับสนุนและนำสรรพกำลังในพื้นที่ที่จะช่วยสนับสนุนคุณครูในโรงเรียนให้มีความสะดวกสบาย สามารถดำเนินการพัฒนาองค์ความรู้ให้เยาวชนหรือพี่น้องประชาชน ได้อย่างเต็มความสามารถ ตามนโยบายของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันหลักของชาติให้ประสบความสำเร็จ” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว</p>
<p>จากนั้น ในเวลา 11.50 น. ที่โถงชั้น 1 อาคารราชวัลลภ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง "แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยและการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงาน และเจ้าหน้าที่รัฐ" โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการลงนามบันทึกการตกลงในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของรัฐบาลในการบูรณาการการทำงานภาครัฐเพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ มีความพร้อม และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะภาคราชการที่ผู้รับราชการนอกจากต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านแล้ว ต้องมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความเป็นพลเมืองดีที่ดี ภูมิใจ และเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันหลักของชาติที่มีต่อคนไทยทุกคน</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ปลัด มท. เผยเตรียมส่งตำราเรียน 'ประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904' ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด</span></h2>
<p>ต่อมาในวันที่ 18 พ.ย. 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการการศึกษาจังหวัด ต้องให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย นอกจากนั้น ยังได้ส่งตำราเรียนฉบับสมบูรณ์ ให้กับท่านผู้ว่าฯ โดยเป็นหลักสูตรที่ทางกระทรวงมหาดไทยมั่นใจและเชื่อถือ คือเนื้อหาประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับที่ใช้เรียนใช้สอนในโรงเรียนจิตอาสา 904 ศอญ.</p>
<p>“ขณะเดียวกัน เราจะเร่งสร้างครูต้นแบบที่มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์ชาติ และประวัติท้องถิ่น เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวการประวัติศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายในการสร้างจิตสำนึกรักชาติ” นายสุทธิพงษ์เผย</p>
<p>นายสุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เราเดินหน้าตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งวันนี้ เสร็จเมื่อวาน ที่จังหวัดตาก เรามีครูต้นแบบแล้วหลายท่าน</p>
<p>“ผมได้ไปหารือกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้กระทรวงศึกษาฯ ได้กำหนดหลักสูตร เพื่อให้ผู้เรียน ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม ในจำนวนเวลาที่เพิ่มขึ้น อาจจะแยกออกมาเป็นเอกเทศทั้ง 3 วิชา แน่นอนว่า กระทรวงมหาดไทย เรารับสนองนโยบายของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างสุดความสามารถ และยืนยันว่าในเรื่องของการปลุกจิตสำนึกการรักชาติ เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่” นายสุทธิพงษ์กล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106868
 
3719  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - จม.เปิดผนึกถึง ปธ.ศาลฎีกาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 21:20:56
จม.เปิดผนึกถึง ปธ.ศาลฎีกาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 20:15</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>องค์กรสิทธิมนุษยชนนำโดยสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาและระบบกระบวนการยุติธรรมไทย: ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมืองในกระบวนการยุติธรรม</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="792" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fhrlathai%2Fposts%2Fpfbid06t6rMU4HbQM6S67P21DBcsa9kKtnYacoNuzikBD7K5N74QEbyfvSSGZJ8XR2vNKvl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>18 พ.ย. 2566 เพจสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน - HRLA เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาและระบบกระบวนการยุติธรรมไทย: ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมืองในกระบวนการยุติธรรม โดยมีเนื้อหาระบุว่า</p>
<p>ปัจจุบัน ระบบกระบวนการยุติธรรมกำลังทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อยับยั้ง ปราบปรม และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมือง สำนักงานอัยการยังคงเดินหน้าฟ้องคดีทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 หรือ 2564 และเป็นคดีเกี่ยวกับการใช้เสรีภาพในการชุมนุม เจ้าพนักงานตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยชั่วคราวของนายบารมี ชัยรัตน์ สมัชชาคนจนต่อศาลแขวงดุสิตเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ทั้งที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีเงื่อนไขไปตั้งนานแล้ว แต่เนื่องจากต้องการใช้กลไกศาลเพื่อให้ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้นายบารมี ชัยรัตน์ ไปร่วมชุมนุมสมัชชาคนจน ที่มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 2566 จนถึงปัจจุบัน เหล่านี้ เป็นภาพสะท้อนบางส่วนที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างเป็นระบบของกลไกในกระบวนยุติธรรมต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง</p>
<p>ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ณ วันที่ 15 พ.ย. 2566 แสดงจำนวนผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยชั่วคราวรวม 23 คน อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในจำนวนดังกล่าว และเป็นภาพสะท้อนปัญหาการปล่อยชั่วคราวและการไม่บังคับใช้ข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกหลักประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 ข้อ 24 และ 25 ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ</p>
<p>ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกหลักประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 ของท่าน ในข้อ 24 กำหนดว่า</p>
<p>“กรณีที่ศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือคดีที่ต้องขออนุญาตฎีกาก็ตาม หากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายใดๆ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยใช้วิธีการอย่างเดียวกับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาหรือจะใช้เงื่อนไขหรือมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกาสั่ง</p>
<p>ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา หากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์ และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายใดๆ แม้จำเลยยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาหรือยังไม่ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลที่มีอำนาจอาจมีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวโดยใช้เงื่อนไขหรือมาตรการอย่างเดียวกับศาลล่างหรือจะใช้เงื่อนไขหรือมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นก็ได้”</p>
<p>ข้อ 25 กำหนดว่า “การดำเนินการตามข้อบังคับนี้ ให้ใช้วิธีการประเมินความเสี่ยงและแบบพิมพ์ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนด”</p>
<p>ทนายความของอานนท์ นำภา ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวหลายครั้ง ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทุกครั้ง ต่อมาในวันที่ 10 พ.ย. 2566 ได้มีการอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวต่อศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งในวันที่ 12 พ.ย. 2566 ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวด้วยเหตุผลว่า</p>
<p>“พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง และศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับเงิน 20,000 บาท หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยอาจจะหลบหนี คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว”</p>
<p>โดยคำสั่งศาลฎีกาไม่ระบุข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ของอานนท์ นำภา ที่ทำให้ศาลเชื่อว่าจะหลบหนี มีเพียงเหตุผลเลื่อนลอยในอากาศ เชื่อเอาเองว่าจะหลบหนี ทั้งที่อานนท์ นำภา ได้รับการปล่อยชั่วคราวในศาลชั้นต้นและโทษที่ศาลพิพากษานั้นไม่เกิน 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขข้อบังคับฯ ของท่านโดยครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงอันเป็นที่ประจักษ์ทั้งในทางสาธารณะและในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวว่าอานนท์ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปร่วมงานของมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) ณ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ซึ่งเป็นรางวัลที่ยกย่องบุคคลกลุ่มหรือสถาบันในเกาหลีและต่างประเทศที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและพัฒนาสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสันติภาพ ซึ่งอานนท์ นำภา เป็นผู้ได้รับรางวัลดังกล่าว หลังจากนั้นอานนท์ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยและใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการตลอดมา รวมทั้งไปฟังคำพิพากษาตามที่ศาลนัด ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี</p>
<p>ในขณะที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีพฤติการณ์หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ในคดีออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ หาดพัทยา จังหวัดชลบุรี จนมีการออกหมายจับ และเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. จับกุมนายอิทธิพล คุณปลื้ม และศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทันที ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่ามีพฤติการณ์หลบหนี หรือกรณีของใบเตย สุธีวัน กุญชร คดีแชร์ Forex - 3D ซึ่งศาลอาญาสั่งให้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเงื่อนไขให้ติดกำไล EM ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และรายงานตัวตามศาลนัด แต่กับคดีของอานนท์ นำภา ที่ร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจะไม่หลบหนี แต่ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ รวมทั้งศาลฎีกาไม่สั่งไต่สวนคำร้องเหมือนกับคดีของใบเตยแต่อย่างใด และศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว</p>
<p>ดังนั้น จึงเป็นคำถามในใจของประชาชน โดยเฉพาะในแวดวงนักวิชาการ นักกฎหมายและทนายความอันเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต่อประธานศาลฎีกาว่า</p>
<p>(1) เมื่อเทียบเคียงกับคดีอื่นข้างต้น ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองเป็นกลุ่มที่ศาลฎีกาและศาลยุติธรรมยกเว้นสิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวหรือไม่</p>
<p>(2) ศาลฎีกาใช้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ใดในการพิจารณาว่าอานนท์ นำภา รวมทั้งผู้ต้องหาหรือจำเลยอื่นในคดีการเมืองจะหลบหนีหรือไม่หลบหนี มีการปฏิบัติตามข้อบังคับฯ ของท่าน ในข้อ 25 ซึ่งให้เครื่องมือศาลเป็นแบบวิธีการประเมินความเสี่ยงและแบบพิมพ์ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนดหรือไม่ก่อนจะวินิจฉัยว่าอานนท์จะหลบหนีหากได้รับการปล่อยชั่วคราว</p>
<p>(3) การที่ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งที่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ของอานนท์ว่าจะหลบหนีนั้น เป็นการสั่งโดยไม่ชอบด้วยหลักกฎหมายว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวฯ ของท่านเองหรือไม่</p>
<p>(4) ท่านในฐานะประธานศาลฎีกาอันเป็นตำแหน่งสูงสุดของศาลยุติธรรม ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เช่นใดบ้างเพื่อให้ข้อบังคับฯ ของท่าน รวมทั้งหลักการพื้นฐานว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวมีสภาพบังคับใช้ได้จริง และไม่เลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมือง</p>
<p>สมาคมฯ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมีความกังวลต่อบทบาทของศาลยุติธรรมต่อคดีการเมืองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสิทธิในการปล่อยชั่วคราวอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างที่สุดในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลจะปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยเสมือนว่าเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้ จนกว่าเขาผู้นั้นจะถูกพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิด อันเป็นหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองนั้น ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางจากสังคมว่าเป็นระบบกระบวนการยุติธรรมที่พร้อมจะยกเว้นหลักการกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในกระบวนการยุติธรรมเพียงเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นตั้งคำถามกับระบบความเชื่อทางการเมืองแบบเดิม เพื่อให้เกิดการทบทวน พูดคุย หาทางออกให้กับสังคมที่ดีกว่า</p>
<p>สมาคมฯ หวังว่าท่านจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้ข้อบังคับประธานศาลฎีกาฯ และหลักการพื้นฐานในการปล่อยชั่วคราว ถูกบังคับใช้และปฏิบัติตามเพื่อคุ้มครองหลักประกันสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาอย่างเป็นเอกภาพและไม่เลือกปฏิบัติให้สมกับเป็นกระบวนการยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยต่อไป</p>
<p>18 พ.ย. 2566</p>
<p>สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม - EnLAW
Cross Cultural Foundation (CrCF)
Non Binary Thailand</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106870
 
3720  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แม่นึกว่าลูกหวง ร้องไห้อ้อนวอน "อย่านอนกับพ่อ" แต่ฟังคำต่อมาเงิบ ที่แท้มาทวง เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 20:36:20
แม่นึกว่าลูกหวง ร้องไห้อ้อนวอน "อย่านอนกับพ่อ" แต่ฟังคำต่อมาเงิบ ที่แท้มาทวงพ่อคืน!
         


แม่นึกว่าลูกหวง ร้องไห้อ้อนวอน &quot;อย่านอนกับพ่อ&quot; แต่ฟังคำต่อมาเงิบ ที่แท้มาทวงพ่อคืน!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ลูกสาวของพ่อจริงๆ
         

https://www.sanook.com/news/9108494/
         
หน้า:  1 ... 184 185 [186] 187 188 ... 1119
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.997 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 10:49:37