[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 23:02:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 185 186 [187] 188 189 ... 1119
3721  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เตรียมส่งตำราเรียนประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904 ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 22:55:20
เตรียมส่งตำราเรียนประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904 ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 18:29</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ปลัด มท. เผยเตรียมส่งตำราเรียน 'ประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904' ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ในฐานะที่เป็นประธาน คกก.ศึกษาจังหวัด ต้องให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย ปลุกความรักชาติ พร้อมลุยสร้างครูต้นแบบ หนุนแยกเป็น 3 วิชา</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339355056_acf4e77595_o_d.png" /></p>
<p>เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เยี่ยมชมห้องดำรงราชานุภาพและพิพิธภัณฑ์การศึกษาไทย ชั้น 1 อาคารราชวัลลภ และเป็นประธานมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและเป็นประธานการประชุม "การสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ" โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการฝ่ายการเมือง 4 กระทรวง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษารักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาราชการแทนเลขาธิการสภาการศึกษา นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ</p>
<p>นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่กระทรวงทั้ง 4 กระทรวงในกำกับได้มาประชุมพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งตนอยากจะให้เรามีเป้าหมาย มีเจตนารมณ์และภารกิจร่วมกันในการพัฒนาคนและพัฒนาชาติ ซึ่งหน่วยงานของเรานั้นทำงานกับทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดกับประเทศเรา คือ ทรัพยากรมนุษย์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งด้านความมั่นคง ด้านสังคม และด้านการศึกษา ซึ่งเราจะทำให้เกิดความมั่นคงต่ออนาคตของประเทศไทย อนาคตเยาวชน ลูกหลาน ประชาชนทุกคนได้ ต้องมีการทำงานให้สอดประสานและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เริ่มจาก "กระทรวงศึกษาธิการ" ที่ต้องดูแลประชากรตั้งแต่วัยแรกเริ่ม โดยการเสริมสร้างวิชาการที่ดี พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกรักในสถาบันหลักของชาติ ในส่วนของ "กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม" ซึ่งเป็นมันสมองในการพัฒนาความรู้ การวิจัยการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ระดับอุดมศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ซึ่งก็คือการส่งเสริมศักยภาพคนสร้างโอกาสในการทำงาน ด้วยการศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้วยองคาพยพที่มีอยู่ พร้อมเสริมสร้างสังคมของเราให้เป็นความวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น ในส่วนของ "กระทรวงแรงงาน" ก็จะมีการเสริมสร้างศักยภาพคน สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพดูแลสวัสดิการให้พี่น้องประชาชนโดยมี "สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ" ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ออกประกาศนียบัตรรับรองความสามารถฝีมือให้กับแรงงาน เพื่อพี่น้องประชาชนบางท่านอาจไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา จนถึงขั้นได้ใบรับปริญญา แต่ถ้าหากบางท่านมีความเชี่ยวชาญในทักษะส่วนตัว มีพรสวรรค์ ที่จะก่อให้เกิดคุณค่าในเชิงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ มีการค้นพบหรือมีฝีมือในงานเฉพาะด้าน ก็จะอยากให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและกระทรวงแรงงาน รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการตลอดจนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รับรองความสามารถเฉพาะทางที่สามารถนำไปแทนใบปริญญาบัตรได้ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้การรับรองนี้นำไปสมัครงานพร้อมประกอบอาชีพที่มีความถนัดได้ ซึ่ง "กระทรวงมหาดไทย" มีความจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยแนวทาง “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจพัฒนา คนพัฒนาชาติร่วมกัน</p>
<p>“ในวันนี้เรามาตอกย้ำกันว่า ความมีคุณภาพของคน ไม่ใช่เพียงมีความรู้ความสามารถ มีงานทำ มีรายได้เท่านั้น แต่ต้องมีคุณภาพครบวงจร คือมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี มีจริยธรรม มีจิตสำนึกรักชาติ มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งเรามีเป้าหมายในการสร้างคนที่มีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคม นี่คือเป้าหมายที่ผมต้องการให้สอนวิชาประวัติศาสตร์ จริยธรรม และหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่การปัดฝุ่นของเก่า แต่เราต้องปลื้มใจภูมิใจที่ประเทศเรามีประวัติศาสตร์ เรารู้รากเหง้า วัฒนธรรมค่านิยมที่ดีของคนไทยที่มันหายไป ทุกวันนี้มีแต่การกระทำที่รุนแรง การกระทำที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไป เราจะช่วยกันปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนที่อาจจะขาดการได้รับข้อมูลที่ทำให้เขามีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย เพื่อทำให้อนาคตของชาติ มีความศิวิไลซ์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่มีประเทศไทยมา” นายอนุทิน กล่าวเน้นย้ำ</p>
<p>นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ได้มอบนโยบายให้กระทรวงที่ตนกำกับดูแลในเรื่องของการศึกษา ได้มีการลดภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา อาทิ การเปิดโอกาสให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสอบเทียบระดับได้เร็วขึ้น ก็จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งในระดับครัวเรือนและภาครัฐส่วน ในระดับอุดมศึกษาอาจมีการเพิ่มภาระงานให้นิสิต นักศึกษา ได้เรียนมากขึ้นและจบการศึกษาได้ไวขึ้นก็จะทำให้ตัวนักศึกษาได้ประกอบอาชีพได้เร็วสามารถจุนเจือครอบครัวได้ และในส่วนของการคัดเลือกบุคคลเข้ารับข้าราชการ การสอบคัดเลือกควรเพิ่มเติมข้อสอบ ที่เกี่ยวกับการมีจิตสำนึกรักชาติ มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะอาจทำให้เรามีข้าราชการที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการรับใช้พี่น้องประชาชน พร้อมที่จะสืบทอดการมีจิตสำนึกในความรักชาติให้ปรากฏต่อพี่น้องประชาชน</p>
<p>พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ มีความภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง 4 กระทรวง ทั้งนี้ รัฐบาลและพวกเราให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โดยมุ่งเน้นการศึกษาเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศและสร้างคนดีมีคุณภาพให้กับประเทศชาติ กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเพราะเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มุ่งพัฒนาการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา จนถึงการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีจริยธรรม ความรู้ ทักษะชีวิต และทักษะทางอาชีพ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยได้ขับเคลื่อนการศึกษาสอดคล้องตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้แถลง</p>
<p>"การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการทำงานร่วมกันเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ไทย เข้าใจความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ ที่จะสามารถดำรงตนเป็นพลเมืองดีที่มีคุณธรรมจริยธรรม สร้างภูมิคุ้มกันชีวิตและความรับผิดชอบต่อสังคม” พลตำรวจเอก เพิ่มพูนฯ กล่าว</p>
<p>นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการเรียนรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทย หลักสูตรที่ทางกระทรวงมหาดไทยมั่นใจและเชื่อถือ คือ เนื้อหาประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับที่ใช้เรียนใช้สอนในโรงเรียนจิตอาสา 904 ศอญ. และในขณะนี้การดำเนินการที่สำคัญก็คือการสร้างคน ที่จะมาเล่าเรื่องหรืออธิบายความในเรื่องของประวัติศาสตร์ไทย สำหรับลูกหลานหรือพี่น้องประชาชนได้รับทราบ ซึ่งปรากฎเห็นได้ชัดแจ้งครบ 100 เปอร์เซ็นต์ที่จังหวัดตาก ที่มีบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยครูของกรมส่งเสริมการเรียนรู้เต็มรูปแบบ จำนวน 70 กว่าคนในจังหวัดได้มีส่วนช่วยในการสอน ขณะที่ทุกจังหวัด ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการส่งเสริมและจัดหาหนังสือประวัติชาติไทยอยู่ในทุกจังหวัด แต่อาจจะยังไม่ครบทุกโรงเรียน ซึ่งจะได้ดำเนินการให้มีการขับเคลื่อนให้ครบถ้วนในทุกโรงเรียน และสุดท้าย เพื่อให้ความตั้งใจของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจริงอย่างแท้จริง ขอเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีวิชา "ประวัติศาสตร์ชาติไทย" วิชา "หน้าที่พลเมือง" และวิชา "ศีลธรรม" แยกออกมาเป็นเอกเทศ เป็นวิชาชื่อหลักโดยตรง ส่วนเนื้อหาที่แทรกอยู่ในวิชาสังคมศึกษาก็ให้ยังคงอยู่ เพื่อให้เกิดกระบวนการในการเรียนรู้ในการเรียนการสอนสิ่งเหล่านี้ที่ชัดเจนขึ้นนอกเหนือจากการแทรกอยู่ในสาระการเรียนรู้ในหลักสูตรที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน</p>
<p>“สำหรับการสอบคัดเลือกข้าราชการที่ให้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับความรักชาติ ศาสนา และสถาบันหลักของประเทศชาติ ในขณะนี้กรมการปกครอง ได้มีการเปิดสอบบรรจุตำแหน่งปลัดอำเภอ ก็จะมีการทดสอบในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วย และสุดท้ายนี้กระทรวงมหาดไทย นำโดยท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ยินดีที่จะสนับสนุนและนำสรรพกำลังในพื้นที่ที่จะช่วยสนับสนุนคุณครูในโรงเรียนให้มีความสะดวกสบาย สามารถดำเนินการพัฒนาองค์ความรู้ให้เยาวชนหรือพี่น้องประชาชน ได้อย่างเต็มความสามารถ ตามนโยบายของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันหลักของชาติให้ประสบความสำเร็จ” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว</p>
<p>จากนั้น ในเวลา 11.50 น. ที่โถงชั้น 1 อาคารราชวัลลภ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง "แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยและการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงาน และเจ้าหน้าที่รัฐ" โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไชยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการลงนามบันทึกการตกลงในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของรัฐบาลในการบูรณาการการทำงานภาครัฐเพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ มีความพร้อม และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะภาคราชการที่ผู้รับราชการนอกจากต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านแล้ว ต้องมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความเป็นพลเมืองดีที่ดี ภูมิใจ และเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันหลักของชาติที่มีต่อคนไทยทุกคน</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ปลัด มท. เผยเตรียมส่งตำราเรียน 'ประวัติศาสตร์ฉบับจิตอาสา 904' ให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด</span></h2>
<p>ต่อมาในวันที่ 18 พ.ย. 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการการศึกษาจังหวัด ต้องให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย นอกจากนั้น ยังได้ส่งตำราเรียนฉบับสมบูรณ์ ให้กับท่านผู้ว่าฯ โดยเป็นหลักสูตรที่ทางกระทรวงมหาดไทยมั่นใจและเชื่อถือ คือเนื้อหาประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับที่ใช้เรียนใช้สอนในโรงเรียนจิตอาสา 904 ศอญ.</p>
<p>“ขณะเดียวกัน เราจะเร่งสร้างครูต้นแบบที่มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์ชาติ และประวัติท้องถิ่น เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวการประวัติศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายในการสร้างจิตสำนึกรักชาติ” นายสุทธิพงษ์เผย</p>
<p>นายสุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เราเดินหน้าตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งวันนี้ เสร็จเมื่อวาน ที่จังหวัดตาก เรามีครูต้นแบบแล้วหลายท่าน</p>
<p>“ผมได้ไปหารือกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้กระทรวงศึกษาฯ ได้กำหนดหลักสูตร เพื่อให้ผู้เรียน ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม ในจำนวนเวลาที่เพิ่มขึ้น อาจจะแยกออกมาเป็นเอกเทศทั้ง 3 วิชา แน่นอนว่า กระทรวงมหาดไทย เรารับสนองนโยบายของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างสุดความสามารถ และยืนยันว่าในเรื่องของการปลุกจิตสำนึกการรักชาติ เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่” นายสุทธิพงษ์กล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106868
 
3722  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - จม.เปิดผนึกถึง ปธ.ศาลฎีกาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 21:20:56
จม.เปิดผนึกถึง ปธ.ศาลฎีกาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 20:15</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>องค์กรสิทธิมนุษยชนนำโดยสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาและระบบกระบวนการยุติธรรมไทย: ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมืองในกระบวนการยุติธรรม</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="792" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fhrlathai%2Fposts%2Fpfbid06t6rMU4HbQM6S67P21DBcsa9kKtnYacoNuzikBD7K5N74QEbyfvSSGZJ8XR2vNKvl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>18 พ.ย. 2566 เพจสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน - HRLA เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาและระบบกระบวนการยุติธรรมไทย: ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมืองในกระบวนการยุติธรรม โดยมีเนื้อหาระบุว่า</p>
<p>ปัจจุบัน ระบบกระบวนการยุติธรรมกำลังทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อยับยั้ง ปราบปรม และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมือง สำนักงานอัยการยังคงเดินหน้าฟ้องคดีทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 หรือ 2564 และเป็นคดีเกี่ยวกับการใช้เสรีภาพในการชุมนุม เจ้าพนักงานตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยชั่วคราวของนายบารมี ชัยรัตน์ สมัชชาคนจนต่อศาลแขวงดุสิตเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ทั้งที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีเงื่อนไขไปตั้งนานแล้ว แต่เนื่องจากต้องการใช้กลไกศาลเพื่อให้ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้นายบารมี ชัยรัตน์ ไปร่วมชุมนุมสมัชชาคนจน ที่มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 2566 จนถึงปัจจุบัน เหล่านี้ เป็นภาพสะท้อนบางส่วนที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างเป็นระบบของกลไกในกระบวนยุติธรรมต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง</p>
<p>ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ณ วันที่ 15 พ.ย. 2566 แสดงจำนวนผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยชั่วคราวรวม 23 คน อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในจำนวนดังกล่าว และเป็นภาพสะท้อนปัญหาการปล่อยชั่วคราวและการไม่บังคับใช้ข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกหลักประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 ข้อ 24 และ 25 ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ</p>
<p>ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกหลักประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 ของท่าน ในข้อ 24 กำหนดว่า</p>
<p>“กรณีที่ศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือคดีที่ต้องขออนุญาตฎีกาก็ตาม หากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายใดๆ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยใช้วิธีการอย่างเดียวกับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาหรือจะใช้เงื่อนไขหรือมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกาสั่ง</p>
<p>ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา หากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์ และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายใดๆ แม้จำเลยยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาหรือยังไม่ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลที่มีอำนาจอาจมีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวโดยใช้เงื่อนไขหรือมาตรการอย่างเดียวกับศาลล่างหรือจะใช้เงื่อนไขหรือมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นก็ได้”</p>
<p>ข้อ 25 กำหนดว่า “การดำเนินการตามข้อบังคับนี้ ให้ใช้วิธีการประเมินความเสี่ยงและแบบพิมพ์ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนด”</p>
<p>ทนายความของอานนท์ นำภา ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวหลายครั้ง ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทุกครั้ง ต่อมาในวันที่ 10 พ.ย. 2566 ได้มีการอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวต่อศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งในวันที่ 12 พ.ย. 2566 ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวด้วยเหตุผลว่า</p>
<p>“พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง และศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับเงิน 20,000 บาท หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยอาจจะหลบหนี คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้นชอบแล้ว”</p>
<p>โดยคำสั่งศาลฎีกาไม่ระบุข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ของอานนท์ นำภา ที่ทำให้ศาลเชื่อว่าจะหลบหนี มีเพียงเหตุผลเลื่อนลอยในอากาศ เชื่อเอาเองว่าจะหลบหนี ทั้งที่อานนท์ นำภา ได้รับการปล่อยชั่วคราวในศาลชั้นต้นและโทษที่ศาลพิพากษานั้นไม่เกิน 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขข้อบังคับฯ ของท่านโดยครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงอันเป็นที่ประจักษ์ทั้งในทางสาธารณะและในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวว่าอานนท์ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปร่วมงานของมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) ณ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ซึ่งเป็นรางวัลที่ยกย่องบุคคลกลุ่มหรือสถาบันในเกาหลีและต่างประเทศที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและพัฒนาสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสันติภาพ ซึ่งอานนท์ นำภา เป็นผู้ได้รับรางวัลดังกล่าว หลังจากนั้นอานนท์ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยและใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการตลอดมา รวมทั้งไปฟังคำพิพากษาตามที่ศาลนัด ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี</p>
<p>ในขณะที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีพฤติการณ์หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ในคดีออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ หาดพัทยา จังหวัดชลบุรี จนมีการออกหมายจับ และเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. จับกุมนายอิทธิพล คุณปลื้ม และศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทันที ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่ามีพฤติการณ์หลบหนี หรือกรณีของใบเตย สุธีวัน กุญชร คดีแชร์ Forex - 3D ซึ่งศาลอาญาสั่งให้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเงื่อนไขให้ติดกำไล EM ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และรายงานตัวตามศาลนัด แต่กับคดีของอานนท์ นำภา ที่ร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจะไม่หลบหนี แต่ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ รวมทั้งศาลฎีกาไม่สั่งไต่สวนคำร้องเหมือนกับคดีของใบเตยแต่อย่างใด และศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว</p>
<p>ดังนั้น จึงเป็นคำถามในใจของประชาชน โดยเฉพาะในแวดวงนักวิชาการ นักกฎหมายและทนายความอันเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต่อประธานศาลฎีกาว่า</p>
<p>(1) เมื่อเทียบเคียงกับคดีอื่นข้างต้น ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองเป็นกลุ่มที่ศาลฎีกาและศาลยุติธรรมยกเว้นสิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวหรือไม่</p>
<p>(2) ศาลฎีกาใช้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ใดในการพิจารณาว่าอานนท์ นำภา รวมทั้งผู้ต้องหาหรือจำเลยอื่นในคดีการเมืองจะหลบหนีหรือไม่หลบหนี มีการปฏิบัติตามข้อบังคับฯ ของท่าน ในข้อ 25 ซึ่งให้เครื่องมือศาลเป็นแบบวิธีการประเมินความเสี่ยงและแบบพิมพ์ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนดหรือไม่ก่อนจะวินิจฉัยว่าอานนท์จะหลบหนีหากได้รับการปล่อยชั่วคราว</p>
<p>(3) การที่ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งที่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ของอานนท์ว่าจะหลบหนีนั้น เป็นการสั่งโดยไม่ชอบด้วยหลักกฎหมายว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวฯ ของท่านเองหรือไม่</p>
<p>(4) ท่านในฐานะประธานศาลฎีกาอันเป็นตำแหน่งสูงสุดของศาลยุติธรรม ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เช่นใดบ้างเพื่อให้ข้อบังคับฯ ของท่าน รวมทั้งหลักการพื้นฐานว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวมีสภาพบังคับใช้ได้จริง และไม่เลือกปฏิบัติเพราะความคิดเห็นทางการเมือง</p>
<p>สมาคมฯ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมีความกังวลต่อบทบาทของศาลยุติธรรมต่อคดีการเมืองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสิทธิในการปล่อยชั่วคราวอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างที่สุดในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลจะปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยเสมือนว่าเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้ จนกว่าเขาผู้นั้นจะถูกพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิด อันเป็นหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองนั้น ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางจากสังคมว่าเป็นระบบกระบวนการยุติธรรมที่พร้อมจะยกเว้นหลักการกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในกระบวนการยุติธรรมเพียงเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นตั้งคำถามกับระบบความเชื่อทางการเมืองแบบเดิม เพื่อให้เกิดการทบทวน พูดคุย หาทางออกให้กับสังคมที่ดีกว่า</p>
<p>สมาคมฯ หวังว่าท่านจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้ข้อบังคับประธานศาลฎีกาฯ และหลักการพื้นฐานในการปล่อยชั่วคราว ถูกบังคับใช้และปฏิบัติตามเพื่อคุ้มครองหลักประกันสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาอย่างเป็นเอกภาพและไม่เลือกปฏิบัติให้สมกับเป็นกระบวนการยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยต่อไป</p>
<p>18 พ.ย. 2566</p>
<p>สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม - EnLAW
Cross Cultural Foundation (CrCF)
Non Binary Thailand</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106870
 
3723  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แม่นึกว่าลูกหวง ร้องไห้อ้อนวอน "อย่านอนกับพ่อ" แต่ฟังคำต่อมาเงิบ ที่แท้มาทวง เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 20:36:20
แม่นึกว่าลูกหวง ร้องไห้อ้อนวอน "อย่านอนกับพ่อ" แต่ฟังคำต่อมาเงิบ ที่แท้มาทวงพ่อคืน!
         


แม่นึกว่าลูกหวง ร้องไห้อ้อนวอน &quot;อย่านอนกับพ่อ&quot; แต่ฟังคำต่อมาเงิบ ที่แท้มาทวงพ่อคืน!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ลูกสาวของพ่อจริงๆ
         

https://www.sanook.com/news/9108494/
         
3724  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ‘นิกร’ ชี้ กม.ประชามติเสียงข้างมากชั้น 2 ทําเดดล็อกแก้ รธน.ยาก ชงให้ตัดทิ้ง เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 19:49:30
‘นิกร’ ชี้ กม.ประชามติเสียงข้างมากชั้น 2 ทําเดดล็อกแก้ รธน.ยาก ชงให้ตัดทิ้ง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 19:06</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'นิกร จํานง' ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นทำประชามติ ชี้ กม.ประชามติเสียงข้างมากชั้น 2 ทําเดดล็อกแก้ รธน.ยาก ชงให้ตัดทิ้ง แนะรัฐบาลเสนอร่างแก้เอง</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/50401044531_6b887d390c_k_d.jpg" /></p>
<p>18 พ.ย. 2566 เว็บไซต์แนวหน้า และมติชนออนไลน์ รายงานตรงกันว่านายนิกร จํานง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ศึกษา แนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 13 เรื่องเกณฑ์การทำประชามติ มีเนื้อหาสาระอย่างไรว่า ภายในคณะอนุกรรมการได้หารือกันว่าการทำประชามตินั้นมีปัญหาที่จะทำให้ผ่านไม่ได้ เพราะต้องมีเสียงข้างมาก 2 ระดับ คือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทําประชามติเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด คือประมาณ 26 ล้านคน 2.ใน 26 ล้านคนนี้ จะต้องเห็นด้วยว่าควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 13 ล้านกว่าคน ซึ่งคิดว่าทําได้ยากมาก เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเหมือนเรื่องไกลตัว น่าจะทำประชาสัมพันธ์กันไม่ทัน อีกทั้งความเห็นต่างก็ไม่เยอะ คนที่ไม่เห็นด้วยมีไม่มากนัก แรงส่งที่จะทําให้มีคนออกมาใช้สิทธิ์น่าจะน้อย จึงเห็นว่าอาจมีปัญหา และถ้าหากประชามติไม่ผ่านขึ้นมา ก็จะกลายเป็นว่าคนไทยไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่จริงไม่ใช่แบบนั้น ดังนั้นจะต้องมีการหารือกันในคณะกรรมการ ซึ่งตนจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาในวันที่ 24 พ.ย. นี้</p>
<p>นายนิกร กล่าวอีกว่า ตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ ไม่ใช่แค่เรื่องการเห็นด้วยหรือไม่ แต่กฎหมายประชามติมีปัญหา ไม่ใช่เฉพาะรัฐธรรมนูญ เพราะกฎหมายประชามติในลักษณะนี้ไม่เคยมี พึ่งมีในรัฐธรรมนูญนี้เป็นฉบับแรก จึงคิดว่าเป็นกฎหมายที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง สมควรมีการแก้ไข เพราะจะได้ใช้ในอนาคตได้ด้วย เพราะการทำประชามติเป็นประชาธิปไตยทางตรงของประชาชน เพราะฉะนั้นควรทำกฎหมายตรงนี้ให้ดี</p>
<p>ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าเสียงข้างมากชั้นที่ 2 ไม่ควรมีเป็นอย่างยิ่ง ควรจะใช้เสียงข้างมากอย่างเดียว เพราะเมื่อมีการออกมาใช้สิทธิ์ทำประชามติ บางคนอาจจะงดออกเสียงก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น เมื่อรวมเสียงกันแล้วเสียงที่เห็นชอบจะไม่ได้เกินกึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นของพรรคก้าวไกล ที่มองว่า ควรเป็น 25% ของผู้มีสิทธ์ ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วก็คล้ายกับที่ตนเสนอ เพียงแต่เขามีวิธีอธิบายอีกแบบ แต่ก็จะมีปัญหาว่าประชาชนเข้าใจยาก และจะทำให้กฎหมายผ่านยาก ดังนั้นต้องคุยกันว่าเรื่องนี้จะแก้ยังไง แต่ถ้าแก้ โดยการตัดชั้นที่ 2 ทิ้ง ให้เป็นแบบเสียงข้างมากปกติ ก็แก้แค่มาตรา 13 อย่างเดียว จะทําให้แก้ได้เร็วขึ้น แต่เนื่องจากเป็นกฎหมายปฏิรูป ต้องผ่านความเห็นของทั้ง 2 สภา ดังนั้นต้องทำความเข้าใจกับ ส.ว.ให้ดี เพราะเขาไม่เห็นด้วยกันอยู่</p>
<p>ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่าจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่อยู่ที่หลักการและเหตุผล ทั้งนี้ ถ้าพรรคการเมืองเป็นผู้ยื่นจะมีปัญหา เพราะเป็นกฎหมายปฏิรูป ซึ่งไม่ใช่กฎหมายธรรมดา มีกลไกเยอะ แต่ถ้ารัฐบาลเห็นด้วยและยื่นเป็นร่างของรัฐบาลก็จะง่ายขึ้น</p>
<p>เมื่อถามว่าจะถูกมองว่าเป็นการยื้อเวลาของรัฐบาลหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ไม่ได้ยื้อ แต่เป็นการเห็นกำแพงที่ผ่านยากอยู่ข้างหน้า ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญตามนโยบายเสียด้วยซํ้า และฝ่ายค้านเองก็ต้องร่วมกัน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106869
 
3725  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “เศรษฐา” บอกเล่นการเมือง ต้องการยกระดับชีวิตประชาชน เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 18:51:11
“เศรษฐา” บอกเล่นการเมือง ต้องการยกระดับชีวิตประชาชน
         


“เศรษฐา” บอกเล่นการเมือง ต้องการยกระดับชีวิตประชาชน" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9108102/
         
3726  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 41 คนไทย ชุดแรกจากเมืองเล้าก์ก่ายเดินทางกลับถึงไทยแล้ว เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 18:19:23
41 คนไทย ชุดแรกจากเมืองเล้าก์ก่ายเดินทางกลับถึงไทยแล้ว
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 16:07</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>41 คนไทย ชุดแรกจากเมืองเล้าก์ก่ายเดินทางกลับถึงไทยแล้ว หลังรัฐบาลไทยประสานช่วยเหลือมาเกือบครึ่งเดือน - รอง ผบ.ตร.เผย วันนี้ (18 พ.ย.) จะสามารถเคลื่อนย้ายคนไทยจำนวน 200 คน ผ่านเส้นทางที่ปลอดภัยไปยังพื้นที่ของประเทศจีนจากนั้นจะมีเครื่องบินพาณิชย์ไปรับตัวกลับ เบื้องต้นรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน - ทางการพม่าเผยจับแกนนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จีนต้องการตัวได้แล้ว</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="476" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/video.php?height=476&amp;href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FThaiPBSNews%2Fvideos%2F911332567223336%2F&amp;show_text=false&amp;width=267&amp;t=0" style="border:none;overflow:hidden" width="267"></iframe></p>
<p>18 พ.ย.2566 Thai PBS รายงานบรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนท่าขี้เหล็ก ฝั่ง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก มอบหนังสือข้ามแดนเพื่อเตรียมรับ 41 คนไทยจากเมืองเมืองเล้าก์ก่ายชุดแรกที่จะเดินทางกลับไทยเข้ามทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย และเป็นข้อตกลงว่าคนไทยทั้ง 41 จะไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเข้าเมือง</p>
<p>ตามขั้นตอนหลังเข้ามาแล้ว จะทำเอกสารต่างๆ ก่อน เดินทางต่อไปสโมสรค่ายเม็งราย ซึ่งมีระยะทางราว 60 กม.เพื่อตรวจคัดกรองสุขภาพ </p>
<p>ต่อมาเวลา 12.10 น. บรรยากาศที่ด่านท่าขี้เหล็ก รถทหารจาก มทบ.34 จำนวน 3 คัน เริ่มทยอยเข้าไปรับคนไทยแล้ว โดยจะมีการส่งตัวบริเวณกลางสะพานด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 มุ่งหน้าเข้าไทย</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ช่วยคนไทย 200 คนกลับไทยผ่านจีน</span></h2>
<p>กลุ่มเป็นคนไทยที่ติดค้างอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย จำนวน 254 คน สะท้อนผ่านญาติ และโซเชียลว่าต้องอยู่ลำบาก และอย่างหวาดกลัว เพราะกังวลว่าภายในเขตเมืองจะมีการยกระดับการสู้รบ กระทบกับความปลอดภัย</p>
<p>พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้จะสามารถเคลื่อนย้ายคนไทยจำนวน 200 คน ผ่านเส้นทางที่ปลอดภัยไปยังพื้นที่ของประเทศจีน จากนั้นจะมีเครื่องบินพาณิชย์ ไปรับตัวกลับ เบื้องต้นรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน</p>
<p>แต่เมื่อคนไทยทั้งหมดกลับมาแล้ว จะถูกนำตัวไปคัดแยกที่เขตหนองจอก โดยมีเจ้าหน้าที่ร่วมสอบปากคำ เพื่อคัดแยก กลุ่มที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และกลุ่มที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ออกจากกัน เนื่องจากประสบการณ์การช่วยเหลือคนไทยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชาพบว่า 70% เป็นผู้ต้องหาไม่ใช่เหยื่อ</p>
<p>ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ สรุปข้อมูลคนไทยในเล้าก์ก่าย 3 กลุ่ม </p>
<ul>
<li>กลุ่มแรก 254 คน คืนคนที่เคยอยู่ในค่ายทหาร และย้ายไปอยู่ที่โรงเรียน ซึ่งดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสนาม 165 คน กับคนที่นายจ้างปล่อยตัวออกมาแล้ว อยู่ระหว่างรอส่งไปรวมกับคนไทยกลุ่มใหญ่ 89 คน</li>
<li>กลุ่มที่สอง คนที่ตัดสินใจอพยพออกมาก่อนเกิดเหตุการต่อสู้  41 คน ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม ในจังหวัดเชียงตุง จะเดินทางกลับไทยในวันนี้</li>
<li>กลุ่มที่สาม กระทรวงการต่างประเทศเป็นห่วง คือกลุ่มที่อาจอยู่ในพื้นที่ทำงาน และนายจ้างยังไม่ปล่อยตัว คาดว่าเหลืออยู่ 40-50 คน</li>
</ul>
<h2><span style="color:#3498db;">คนไทยในเล้าก์ก่ายร้องรัฐเร่งอพยพด่วน ก่อนเกิดการปะทะใหญ่</span></h2>
<p>BenarNews รายงานเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ว่าคนไทยในเมืองเล้าก์ก่ายหลายคน ได้เปิดเผยผ่านไลฟ์เฟซบุ๊กของนายเอกราช สุคนธมาศ ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระบุว่า กลุ่มของตนเองอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลสนามในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเล้าก์ก่าย แม้จะถูกช่วยเหลือออกมาจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ตามต้องการ</p>
<p>“เราคนไทยทุกคนได้รับข่าวสารมาว่า วันที่ 18 พ.ย. จะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งเราอยากกลับก่อนวันที่ 18 หรืออพยพออกจากที่นี่ก่อนวันพรุ่งนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยวอนไปถึงรัฐบาลจีนด้วย” ผู้หญิงไทยรายหนึ่ง (ไม่ได้เปิดเผยชื่อและนามสกุล) กล่าว</p>
<p>“อยู่ท่ามกลางเสียงระเบิด แล้วก็เสียงปืนทั้งกลางวันและกลางคืน มันย่ำแย่มากจริง ๆ บางคนมีสภาวะเครียด กดดัน ถึงขั้นนอนไม่ได้ มีทั้งคนที่คิดที่จะฆ่าตัวตาย โดนตัดน้ำ ตัดไฟ ตอนนี้น้ำกิน น้ำดื่มเราต้องซื้อกันเอง ข้าวที่ส่งมามันไม่เพียงพอต่อจำนวนคน ข้าวเสีย กินไม่ได้ก็มี” คนไทยที่ติดอยู่ที่เล้าก์ก่ายอีกราย ระบุ</p>
<p>“เราต้องช่วยเหลือกันเอง สุขอนามัยไม่ดีเลย สุขภาพก็ไม่ดี อยากกลับบ้าน ไม่ว่าหน่วยงานหรือทางการไหนก็ตาม ก็จะบอกว่า ใกล้แล้ว อีกสองวัน แต่ความหวังคือเท่ากับศูนย์ มีแค่วันแล้ว กับวันเล่า อีก 4 วันจะครบเดือนเต็ม ๆ ที่เราอยู่ที่นี่”</p>
<p>ในวันนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และกองกำลังผาเมือง ระบุว่า มีคนไทยร่วม 300 คน ที่ติดอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย ในจำนวนนี้ มีอยู่ 254 คน ที่อยู่ในความดูแลของทหารเมียนมา ส่วน 40 ถึง 50 คน ที่นายจ้างไม่ยอมปล่อยตัว ขณะที่มีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 41 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว แต่อยู่ระหว่างกระบวนการสอบประวัติในจังหวัดเชียงตุงของเมียนมา ติดกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย</p>
<h2><span style="color:#3498db;">กองกำลังผาเมืองแถลงย้ำคัดแยกคนมีคดี-เหยื่อค้ามนุษย์-คอลเซ็นเตอร์ พร้อมเยียวยา</span></h2>
<p>เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 พ.ย.2566 ที่ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผบ.กกล.ผาเมือง ร่วมกับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พม.แถลงข่าว การช่วยเหลือคนไทยจากเล้าก์ก่ายว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศพม่า บริเวณเมืองเล้าก์ก่าย และเมืองหนานเติ้ง ส่งผลให้คนไทยที่เดินทางไปทำงานได้รับผลกระทบและเกิดความไม่ปลอดภัย ประมาณ 305 คน แบ่งเป็นพื้นที่เมืองเล้าก์ก่ายประมาณ 264 คนและพื้นที่เมืองหนานเติ้งจำนวน 41 คน</p>
<p>ส่วนการปฏิบัติการนี้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยมีหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ในฐานะคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทยพม่า หรือ TBC เป็นหน่วยปฏิบัติหลัก โดยมีกองกำลังทหารพม่าทหารภาค ทหารบกสามเหลี่ยม เป็นหน่วยหลักในการประสานงานเพื่อนำคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยง และเป็นผู้ดูแล อำนวยความสะดวก ในการเคลื่อนย้ายจากพื้นที่</p>
<p>โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะรับคนไทย 41 คนกลับเข้าสู่ประเทศบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแม่สายแห่งที่ 1 และเดินทางต่อไปยังมณฑลทหารบกที่ 37 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง โดยมีตำรวจ ดูแลในเรื่อง การดำเนินการในขั้นตอนซักถาม</p>
<p>ทั้งนี้ย้ำว่าคนไทยทั้ง 41 คนยังถือเป็นผู้ประสบภัย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ดำเนินการในเรื่องของการเยียวยาทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงการฝึกอาชีพกับกระทรวงแรงงานต่อไป</p>
<p>พล.ต.ประพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในเมืองเล้าก์ก่ายนั้น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกได้ประสานกับประเทศเมียนมาเพื่อเตรียมการนำคนไทยเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดเพื่อส่งกลับประเทศไทยต่อไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทุกฝ่ายพยายามจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตอนนี้มีการเตรียมการอยู่ และได้ประสานงานกับทางพม่าให้ดูแลในเรื่องความปลอดภัย</p>
<p>สวนแนวทางการป้องกัน ไม่ให้คนไทยข้ามแดนผิดกฎหมายไปทำงานเป็น กระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำเรื่องนี้มาเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้อีก รวมถึงหาแนวทางป้องกันกรณีที่จะมีคนไทยลักลอบไปทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการTBC จะประชุมกันอีกครั้งวันที่ 30 พ.ย.เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว</p>
<p>สำหรับกระบวนการคัดแยก เรามีข้อมูลแล้วว่าใคร เป็นผู้ต้องหา และเป็นผู้เสียหาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลหมดแล้ว ในส่วนของทหารเพียงแค่ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและก็ดูแลแล้วก็จะเป็นเรื่องของกระบวนการคัดแยก ใครที่ต้องเยียวยา พม.ดำเนินการ ส่วนใครที่มีความผิด ตำรวจก็ดำเนินการ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ทางการพม่าเผยจับแกนนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จีนต้องการตัวได้แล้ว</span></h2>
<p>สำนักข่าวไทย รายงานว่าทีมงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลทหารพม่ากล่าวในแถลงการณ์เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 พ.ย.ว่าหมิง ซื่อชาง หมิง เกาปิง และหมิง จูหลาน ถูกจับกุมได้ที่เมืองเล้าก์ก่าย เมืองเอกของเขตปกครองตนเองโกก้าง แถลงการณ์ระบุว่า หมิง ซื่อชาง ยิงตัวเองในขณะที่เขากำลังถูกจับกุมและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่แถลงการณ์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจับกุมหรือกล่าวถึงว่า คนร้ายในแก๊งหลอกลวงออนไลน์ทั้ง 3 คนถูกจับกุมเมื่อใด ในขณะที่สื่อพม่ารายงานว่า หมิง ซื่อชาง เคยเป็นอดีตตัวแทนของภูมิภาคโกก้างในรัฐสภาของรัฐฉาน แถลงการณ์รัฐบาลพม่ากล่าวว่า หมิง เกาปิงและหมิง จูหลาน ถูกส่งตัวให้กับตำรวจจีนเมื่อวันที่ 17 พ.ย. เจ้าหน้าที่จีนออกหมายจับบุคคลทั้ง 3 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สื่อของจีนรายงานว่า หมิง ซื่อชาง เป็นหัวหน้าแก๊งที่ดำเนินการและเปิดแหล่งฉ้อโกงออนไลน์มาเป็นเวลายาวนาน โดยมีเป้าหมายในการหลอกลวงเอาเงินจากพลเมืองชาวจีน
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106864
 
3727  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - รองโฆษก ตร. บอกเอง เทคนิคสังเกตเพจเฟซบุ๊ก จริงหรือปลอม เบื้องต้นให้ดูตรงนี้! เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 18:06:18
รองโฆษก ตร. บอกเอง เทคนิคสังเกตเพจเฟซบุ๊ก จริงหรือปลอม เบื้องต้นให้ดูตรงนี้!
         


รองโฆษก ตร. บอกเอง เทคนิคสังเกตเพจเฟซบุ๊ก จริงหรือปลอม เบื้องต้นให้ดูตรงนี้!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9101698/
         
3728  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ป้ายผ้า "#เลิกบังคับแปรอักษร" โผล่ตึกข้างสนามศุภชลาศัย วันสุดท้ายงานบอลจตุ เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 16:47:22
ป้ายผ้า "#เลิกบังคับแปรอักษร" โผล่ตึกข้างสนามศุภชลาศัย วันสุดท้ายงานบอลจตุรมิตรฯ ครั้งที่ 30
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 16:25</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พบป้ายผ้ามีข้อความเรียกร้อง รร.ยกเลิกบังคับ นร.แปรอักษร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ โผล่ตึกข้างสนามศุภชลาศัย ในวันสุดท้ายของประเพณีงานแข่งขันฟุตบอล 'จตุรมิตรสามัคคี' ครั้งที่ 30 </p>
<p> </p>
<p>18 พ.ย. 2566 เพจเฟซบุ๊ก "นักเกรียน เทพศิรินทร์" โพสต์ข้อความวันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 13.40 น. พบเห็นป้ายผ้าขนาดใหญ่ ปรากฏข้อความว่า "#ยกบังคับแปรอักษร" โผล่ที่ตึกสูง ข้างสนามฟุตบอลศุภชลาศัย ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแข่งฟุตบอลประเพณี จตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 </p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="468" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FGreanDEB%2Fposts%2Fpfbid02uySnpy5YgkVwDi4pR6dej6Az195B8bcJsR4o1GHoFVbjUx3ZiCx1m6K8p4kaJFXCl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>สำหรับงานประเพณีแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี จะจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี ประกอบด้วย 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 30 และการแข่งขันจัดขึ้นที่สนามฟุตบอลศุภชลาศัย ระหว่างวันที่ 11-18 พ.ย. 2566 </p>
<p>วันนี้ (18 พ.ย.) มีการแข่งขันด้วยกันทั้งหมด 2 คู่ ได้แก่ นัดชิงที่ 3 ระหว่าง โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยโรงเรียนเทพศิรินทร์ สามารถเอาชนะอัสสัมชัญ ไปด้วยสกอร์ 5-2 สามารถคว้าอันดับ 3 ของการแข่งขันไปด้วย</p>
<p>ขณะที่อีกคู่หนึ่งคือนัดชิงชนะเลิศ โดยเป็นการพบกันระหว่าง โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โดยจะเริ่มแข่งขันในเวลา 16.00 น. ของวันนี้</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339655710_a34674cf27_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339533614_ecb29f2fb9_b.jpg" /></p>
<p>อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 16.33 น. พบว่าป้ายผ้าดังกล่าวไม่ได้อยู่ตรงตึกข้างสนามฟุตบอลศุภชลาศัยแล้ว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ยกเลิกบังคับแปรอักษร เปลี่ยนเป็น 'สมัครใจ'</span></h2>
<p>สำหรับประเด็นการเรียกร้องให้โรงเรียนเครือจตุรมิตรฯ ยกเลิกบังคับให้นักเรียนขึ้นแปรอักษรนั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรฯ ครั้งที่ 30 มีสื่อหลายสำนักรายงานว่ามีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเองว่าเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนเทพศิรินทร์ และนักกิจกรรมเยาวชน นัดรวมตัวทำกิจกรรม เรียกร้องให้ทั้ง 4 โรงเรียนยกเลิกบังคับนักเรียนแปรอักษรในงานบอลจตุรมิตรฯ โดยมีการแปะติดกระดาษที่พิมพ์ข้อความระบุว่า "เลิกบังคับแปรอักษร" และบริเวณสะพานลอยข้ามแยกกษัตริย์ศึกมีข้อความว่า "จตุรมิตรต้องยกเลิกบังคับแปรอักษร" อีกทั้งยังมีการห้อยผ้าบริเวณสะพานลอยหน้าสนามศุภชลาศัย ด้วยข้อความ "เด็กขึ้นสแตนด์ต้องตากแดด บางคนต้องฉี่ใส่ขวด"</p>
<p>สำหรับเหตุผลที่ต้องออกมาต่อต้านนั้น กลุ่มศิษย์เก่า และนักกิจกรรม เริ่มต้นจากการอธิบายว่า ปกติ กิจกรรมงานบอลจตุรมิตรฯ จะมีด้วยกัน 3 องค์ประกอบหลัก ประกอบด้วย การแข่งขันฟุตบอลระหว่าง 4 โรงเรียน การแปรอักษรโดยนักเรียนระดับมัธยมต้น และการเดินพาเหรดและโชว์พิเศษ</p>
<p>กลุ่มศิษย์เก่าฯ ระบุต่อว่า จุดที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ การบังคับให้นักเรียนแปรอักษรบนอัฒจรรย์ ซึ่งนักเรียนต้องแปรอักษรติดต่อกันเกิน 8 ชั่วโมง ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน และบางครั้งก็มีฝนตก ซึ่งมีความเสี่ยงจะทำให้นักเรียนได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพ อาทิ การเป็นลมแดด หรือผิวของนักเรียนเกิดอาการแสบไหม้จากแสงแดดที่ร้อนขึ้นในแต่ละปี </p>
<p>นอกจากนี้ กลุ่มศิษย์เก่าฯ ระบุด้วยว่า โรงเรียนในเครือจตุรมิตรฯ มีการบังคับนักเรียนให้เข้าร่วมแปรอักษร โดยอ้างว่าถ้าเข้าร่วมได้เป็นคะแนนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งอาจส่งผลต่อการจบการศึกษาของนักเรียนปีนั้นอีกด้วย ซึ่งทางกลุ่มศิษย์เก่าฯ นั้นไม่เห็นด้วยต่อเรื่องดังกล่าว และมองว่าขัดต่อกฎหมาย โดยโรงเรียนมีหน้าที่จัดให้มีกิจกรรมชุมนุมที่นักเรียนสามารถเลือกเข้าร่วมได้อย่างอิสระในทุกปีการศึกษา</p>
<p>สำหรับรายละเอียดข้อเรียกร้องกลุ่มศิษย์เก่า และนักกิจกรรม ยังมีข้อเรียกร้องจำนวน 3 ข้อ ถึงโรงเรียนเครือจตุรมิตรฯ ประกอบด้วย</p>
<p>1. ยกเลิกการบังคับนักเรียนขึ้นเชียร์และแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 นักเรียนต้องมีสิทธิเลือกโดยสมัครใจ หรืออาจให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมได้</p>
<p>2. เพิ่มเวลาพักสำหรับผู้ขึ้นแปรอักษรอย่างชัดเจน มีเวลารับบประทานอาหาร มีเวลาพักเข้าห้องน้ำ มีเวลาพักเพื่อหลบแดด มีมาตรการควบคุมคนให้สามารถเดินเข้าออกได้โดยง่าย ทั้งขณะปกติและขณะฉุกเฉินเช่นไฟไหม้</p>
<p>3. จัดสวัสดิการให้มีปัจจัยอื่นใดที่จำเป็นต่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์บนอัฒจรรย์ อย่างครีมกันแดดสำหรับใบหน้าและร่างกาย
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106865
 
3729  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "พร้อมพงศ์" ฟาดรัว "ธนาธร" มองมุมคนรวย ด้อยค่าเงินดิจิทัล หัดไปเจอ ปชช.บ้าง เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 15:35:56
"พร้อมพงศ์" ฟาดรัว "ธนาธร" มองมุมคนรวย ด้อยค่าเงินดิจิทัล หัดไปเจอ ปชช.บ้าง จะรู้ซึ้ง!
         


&quot;พร้อมพงศ์&quot; ฟาดรัว &quot;ธนาธร&quot; มองมุมคนรวย ด้อยค่าเงินดิจิทัล หัดไปเจอ ปชช.บ้าง จะรู้ซึ้ง!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;“พร้อมพงศ์” ฉะ “ธนาธร” ข้อเสนล้าหลัง เลิกมองมุมคนรวย  หยุดด้อยค่าเงินดิจิทัล เลิกมองมุมคนรวย หัดสัมผัสความยากลำบากประชาชนบ้าง จะรู้ซึ้ง!


         

https://www.sanook.com/news/9107990/
         
3730  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สหรัฐฯ-13 ประเทศพันธมิตรเห็นชอบเงื่อนไขหลักในความคิดริเริ่ม IPEF เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 15:14:57
สหรัฐฯ-13 ประเทศพันธมิตรเห็นชอบเงื่อนไขหลักในความคิดริเริ่ม IPEF
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 13:07</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สหรัฐฯ-13 ประเทศพันธมิตร (รวมทั้งไทย) เห็นชอบเงื่อนไขหลักในความคิดริเริ่มกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของสหรัฐฯ ร่วมกันประกาศข้อตกลงยอมรับ “เสาหลัก” อีก 2 ข้อ ซึ่งก็คือ ประเด็นพลังงานสะอาดและมาตรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://gdb.voanews.com/01000000-c0a8-0242-829d-08dbe738d777_w1023_r1_s.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: VOA</span></p>
<p>VOA รายงานเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ประธานาธิบดีโจ ไจเดน เข้าร่วมกับผู้นำอีก 13 ประเทศ ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเวทียืนยันความก้าวหน้าของการเจรจาผลักดันความคิดริเริ่มดังกล่าวที่มีเป้าหมายส่งเสริมการเจริญเติบโตและการขยายโอกาสให้กับประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่โลกยังเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอยู่</p>
<p>นอกจากสหรัฐฯ และไทยแล้ว ประเทศอื่น ๆ ที่เป็นสมาชิกเอเปคและความคิดริเริ่ม IPEF ก็คือ ออสเตรเลีย บรูไน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมทั้ง ฟิจิและอินเดีย ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอเปค</p>
<p>ในระหว่างการประชุมเอเปคครั้งนี้ รัฐมนตรีจาก 14 ประเทศนี้ยังได้ลงนามรับรองอย่างเป็นทางการเสาหลักที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องของความยืดหยุ่นในการฟื้นตัวของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทุกฝ่ายได้ตกลงเห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย</p>
<p>แต่แม้ประเทศสมาชิกทั้งหมดได้เห็นชอบเนื้อหาของ 3 ใน 4 เสาหลักของความคิดริเริ่มนี้แล้ว การเจรจาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับเสาหลักด้านการค้าได้เลย ซึ่งจุดนี้ก็ถือเป็นความปราชัยของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่หวังจะใช้เวทีเอเปคเป็นพื้นที่บรรลุความสำเร็จของตนในการกลับเข้ามามีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียอีกครั้ง และเพื่อเสนอตนเป็นน้ำหนักถ่วงอำนาจการค้าและเศรษฐกิจของจีนที่มีต่อประเทศเหล่านี้ด้วย</p>
<p>อย่างไรก็ตาม ปธน.ไบเดน ยืนยันในการกล่าวสุนทรพจน์ความก้าวหน้าการเจรจาความคิดริเริ่มนี้ว่า เนื้อหาของ 3 เสาหลักที่ได้รับการรับรองมาแล้ว “คือสิ่งที่เราทุกคนทำสำเร็จ (เป็นสิ่งที่) ผู้นำธุรกิจทุกคนที่ผมได้พูดคุยด้วยและเพื่อนร่วมงานของผมทุกคนร่วมกันทำสำเร็จ และทุกคนก็จะทำการลงทุนเพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ ถ้าหากมีการคอร์รัปชันที่น้อยลง มีความโปร่งใสมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ความตกลงนี้ต้องการแสดงให้เห็น”</p>
<p>ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับว่า ทุกฝ่ายยังต้องร่วมทำงานต่อไปเพื่อให้ได้กฎการค้าที่มีมาตรฐานสูงซึ่งรวมความถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงานที่เข้มแข็งให้ได้</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106861
 
3731  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สงสัยเด็กแรกเกิด ‘ได้ยินบกพร่อง’ คัดกรองได้ด้วยสิทธิประโยชน์จาก สปสช. เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 13:44:51
สงสัยเด็กแรกเกิด ‘ได้ยินบกพร่อง’ คัดกรองได้ด้วยสิทธิประโยชน์จาก สปสช.
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 12:23</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สงสัยเด็กแรกเกิด ‘ได้ยินบกพร่อง’ คัดกรองได้ด้วยสิทธิประโยชน์จาก สปสช. หาก ‘ประสาทหูเสื่อม’ ต้องผ่าตัด ‘บัตรทอง’ ก็ครอบคลุม</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53339266309_62bc206850_o_d.jpg" /></p>
<p>สกู้ปพิเศษจากทีมสื่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่าหากนับจำนวนเด็กแรกคลอด 1,000 คนที่เพิ่งลืมตาดูโลก จะมีประมาณ 1-3 คนที่ไม่สามารถแม้แต่กระทั่ง “ได้ยิน” เสียงแรกเรียกจากผู้ปกครอง ซึ่งเกิดจาก “ความบกพร่องทางการได้ยิน” ที่เป็นตั้งแต่กำเนิด หรือเรียกเฉพาะเจาะจงขึ้นไปอีกคือ “ประสาทหูเสื่อมแต่กำเนิด” นั่นเอง  </p>
<p>ความบกพร่องดังกล่าวเป็นโรคที่การรักษามีราคาแพงหูฉี่ เพราะไม่เพียงแต่เด็กจะต้องได้รับการคัดกรองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการรักษาที่ต้องทำการ “ผ่าตัด” เพื่อฝัง “ประสาทหูเทียม” ที่มีราคาเครื่องร่วมแสนไป  </p>
<p>ทว่า ตั้งแต่ปลายปี 2563 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้มีมติเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการตรวจ คัดกรอง “การได้ยินของทารกแรกเกิดในกลุ่มเสี่ยง” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท หากพบว่ามีประสาทหูเสื่อมแต่กำเนิดร่วมด้วยก็สามารถใช้สิทธิ “ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม” ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเกณฑ์กำหนดไว้ว่าเด็กที่จะฝังได้ต้องมีอายุต่ำกว่า 5 ปีที่มีระดับการได้ยิน 90 เดซิเบลขึ้นไปได้  </p>
<p>กระทั่งปี 2565 บอร์ด สปสช. ได้มีการปรับสิทธิประโยชน์อีกครั้ง จากที่คัดกรองเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ก็ได้ขยายไปจนถึง “เด็กแรกเกิดทุกราย” โดย “โรงพยาบาลราชวิถี” เป็นอีกหนึ่งโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและขานรับนโยบายนี้ ภายใต้การดูแลของ “ศูนย์ความเป็นเลิศด้าน โสต ศอ นาสิก” ที่ช่วยให้เด็กที่มีความบกพร่อง สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติตามช่วงวัย </p>
<p>นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า เด็กที่ไม่สามารถได้ยินหรือมีปัญหาทางการได้ยินตั้งแต่กำเนิดเมื่อโตขึ้นจะพบว่ามีปัญหาทางด้านพัฒนาการ ไม่สามารถเรียนรู้ หรือพัฒนาด้านภาษา หมายความว่าในอนาคตจะไม่สามารถสื่อสารได้ และทำให้เกิดปัญหาด้านพัฒนาการของเด็กที่ถือเป็นทรัพยากรของประเทศตามมาด้วย หากคิดจากจำนวนทารกแรกคลอด 1,000 คน จะพบว่ามีปัญหาด้านการได้ยินประมาณ 1-3 คน </p>
<p>ขณะเดียวกัน จากจำนวนทารกแรกเกิดในประเทศไทยจะเห็นได้ว่า “ลดลง” อย่างมีนัยสำคัญ เพราะในปี 2564 มีทารกเกิดใหม่ประมาณ 5 แสนคน ขณะที่ปี 2560 มีทารกเกิดใหม่ถึง 7 แสนคน  </p>
<p>“จะเห็นเลยว่าจำนวนลดลง แล้วยังมีส่วนหนึ่งที่มีปัญหา ถ้าเราไม่แก้ไขปัญหาเหล่านี้ อนาคตเราจะมีผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพลดลง” นพ.จินดา ระบุ</p>
<p>อย่างไรก็ดีการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนให้มีการคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิดทุกคน โดยบรรจุอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ จะช่วยในการค้นหาเด็กที่มีปัญหาการได้ยินและเข้าสู่การรักษาอย่างรวดเร็ว และทำให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และเป็นประชากรที่มีคุณภาพของประเทศในอนาคต  </p>
<p>มากไปกว่านั้นทุกกระบวนการได้ผ่านการศึกษาวิจัยมาแล้วจากโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) ว่ามีความคุ้มค่าและมีประโยชน์ที่จะใช้เงินภาษีมาช่วยคัดกรองและแก้ไขปัญหาการได้ยิน  </p>
<p>“ด้วยความโรงพยาบาลระดับตติยภูมิหรือสูงกว่า ที่มีทั้งอาจารย์แพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก รวมถึงยังมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะในด้านการฝังประสาทหูเทียมซึ่งเพียงพอต่อการให้บริการประชาชนตามนโยบายจาก สปสช. ทั้งการคัดกรองและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น” นพ.จินดา กล่าว </p>
<p>พญ.สมจินต์ จินดาวิจักษณ์ หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลราชวิถี อธิบายเสริมว่า ในประเทศไทยการบกพร่องทางการได้ยินหรือประสาทหูเสื่อมพบว่ามีประมาณ 3 แสนคน หรือ 18% ของความพิการทั้งหมดไม่ว่าจะแต่กำเนิดหรือไม่ก็ตาม ขณะเดียวกันจากการคาดการณ์อาจจะพบทารกเกิดใหม่ที่ปัญหาเรื่องการได้ยินถึง 500 รายจากทารกเกิดใหม่ 5 แสนคน  </p>
<p>“ตอนนี้ตัวเลขจริงที่มีการรายงานอาจจะยังมาไม่ถึง เนื่องจากการเข้าถึงระบบของข้อมูลทำให้เรากำลังรวบรวมอยู่ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่เราก็พยามค้นหาเด็กที่มีความพิการตั้งแต่กำเนิดโดยการพยายามคัดกรอง” พญ.สมจินต์ กล่าว  </p>
<p>อย่างไรก็ดี ขณะนี้ตัวเลขแสดงให้เห็นว่ามีการคัดกรองที่ครอบคลุมมากกว่าที่ผ่านมา แตกต่างจ่างในอดีตที่จะคัดกรองเฉพาะในเด็กทีเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เกิดมาพร้อมอาการตาเหลือง ตัวเหลือง หรือมีออกซิเจนบกพร่องตั้งแต่แรกเกิด ฯลฯ ทว่าก็ยังต้องมีการติดตามการให้บริการของหน่วยบริการในแต่ละเขตสุขภาพด้วยว่าทำได้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ทุกโรงพยาบาลก็ได้รับบนโยบายในส่วนนี้ไปแล้วในการจัดบริการให้แก่เด็กแรกเกิดทุกราย  </p>
<p>พญ.สมจินต์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาการฝังประสาทหูเทียมเป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะมีราคาแพงและเข้าถึงได้ยาก แต่เมื่อระบบบัตรทองฯ มีสิทธิประโยชนนี้ จะทำให้ประชาชนได้รับโอกาสในการเข้าถึงบริการได้มากขึ้น ผู้ที่มีปัญหาทางเศรษฐานะก็สามารถเข้าถึงได้หากมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เป็นข้อดีที่ทำให้เด็กไทยมีโอกาสฟังหรือพูดใกล้เคียงได้กับเด็กปกติ  </p>
<p>ในส่วนขั้นตอนรักษาไม่ได้ยากเหมือนการเข้าถึง โดย นพ.ดาวิน เยาวพลกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า การคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิด สามารถทำได้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังคลอด ด้วยเครื่องตรวจวินิจฉัยที่มีลักษณะคล้ายหูฟังที่มีขนาดเล็กพกพาง่าย และสามารถบอกผลได้เร็ว ในกรณีผลออกมาแล้วพบว่าปกติหากไม่มีความเสี่ยงเพิ่มเติมก็จะถือว่าปกติ แต่ในกรณีที่ผลออกมาว่าไม่ผ่าน แพทย์ก็จะทำการตรวจซ้ำหรือตรวจละเอียดมาขึ้นเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย </p>
<p>สำหรับเด็กที่สูญเสียการได้ยินไม่มากก็จะมีการใส่เครื่องช่วยฟังในข้างที่มีปัญหา หรือทั้งสองข้าง ส่วนในรายที่มีปัญหารุนแรง เช่น ไม่ได้ยินเสียง หรือหูหนวกก็จะมีการพิจารณาการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่แทนหูชั้นในในการรับเสียง เพื่อทำให้สมองเกิดการพัฒนา ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ผ่าตัดฝังเข้าไปนั้นเป็นวัสดุที่มีคุณภาพเพราะคาดหวังว่าจะอยู่ไปตลอดชีวิตไม่พัง หรือชำรุดเสียหาย จะมีเพียงอุปกรณ์ภายนอกเท่านั้นที่ต้องได้รับการดูแล </p>
<p>“ส่วนของหูเป็นอวัยวะรับเสียง แต่สมองที่มีหน้าที่ฟังเสียง ฉะนั้นหากหูผิดปกติสมองก็จะไม่ได้รับการกระตุ้นส่งต่อพัฒนาการตื่นๆ ตามมา เห็นได้ชัดคือเรื่องของภาษา เด็กที่มีปัญหาเรื่องการได้ยินตั้งแต่แรกเกิดจะไม่สามารถมีพัฒนาการทางภาษา ไม่สามารถพูดได้” นพ.ดาวิน ระบุ  </p>
<p>อย่างไรก็ดี สมองของเด็กจะพัฒนาได้สูงสุดในช่วง 3-6 ปีแรก (Golden Period) ฉะนั้นเมื่อได้รับการกระตุ้นเร็วเด็กก็จะมีพัฒนาการไปปกติ ซึ่งถ้าหากเลยช่วง Golden Period ไปแล้วสมองอาจไม่พัฒนา ทำให้ได้ผลน้อย หรือไม่ได้ผลเลย ขณะเดียวกันหลังจากการผ่าตัดไปแล้วก็จะต้องมีการกระตุ้น ฝึกฝนเพื่อให้สมองมีการพัฒนา  </p>
<p>“สิทธิประโยชน์นี้เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะการที่จะเปลี่ยนเด็กคนหนึ่งที่มีความาพิการทางการได้ยิน อาจจะพูดไม่ได้ต้องใช้ภาษามือไม่สามารถอยู่ร่วมกับสังคมปกติทั่วไปได้ ถ้าเราสามารถเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่ง จากที่เกิดมาหูไม่ค่อยได้ยิน สามารถมีพัฒนาการที่จะอยู่ร่วมกับคนปกติ สังคมปกติก็จะเป็นอะไรที่ดีและมีประโชน์มาก” นพ.ดาวิน ระบุ  </p>
<p>ด้าน อมรรัตน์ ผ่านเมือง ผู้ปกครองเด็กที่ได้รับการคัดกรองและฝังประสาทหูเทียม เล่าว่า หลังจากคลอดลูกได้ 11 วัน โรงพยาบาลก็ได้มีการนัดให้เข้าไปตรวจค่าตับ และแพทย์ก็แนะนำให้ตรวจคัดกรองการได้ยินร่วมด้วยจึงทำให้รู้ว่าน้องมีปัญหาทางการได้ยิน จากนั้นโรงพยาบาลก็ได้มีการนัดติดตามเรื่อยๆ จนแน่ใจแล้วว่ามีปัญหา จึงมีการส่งต่อไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อทำ CT Scan จนได้ทราบว่าประสาทหูของน้องไม่ทำงาน แพทย์จึงได้ส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี  </p>
<p>“หมอส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี และก็ได้แจ้งว่าให้ผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม ตอนนั้นไม่ได้กังวลเลยเพราะมั่นใจว่าลูกจะได้ยิน” น.ส.อมรรัตน์ ระบุ  </p>
<p>จากที่ส่งตัวมาแล้ว ตอนนั้น น.ส.อมรรัตน์ ไม่ทราบเลยว่ามีระบบบัตรทองมีสิทธิประโยชน์นี้ จนกระทั่งแพทย์ที่โรงพยาบาลได้แนะนำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 เดือนนับตั้งแต่ส่งตัวมา ลูกก็ได้รับการผ่าตัดในช่วงอายุ 1 ปี  </p>
<p>หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วใช้เวลาในการปรับตัว 1-2 เดือน โดยมีพยาบาลคอยให้คำแนะนำในการฝึกพูด หรือเลียนแบบเสียงธรรมชาติ ในช่วงแรกๆ จะมีกานัดติดตามอาการทุกอาทิตย์ จนถึงตอนนี้ผ่าตัดมาได้แล้วประมาณ 4 เดือน พบว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้น ได้ยินเสียง และสามารถทำตามที่บอกได้  </p>
<p>ทุกกระบวนการตั้งแต่เริ่มคัดกรองจนได้รับการผ่าตัดตลอดจนการฝึกพัฒนาการไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเหมือนที่ได้เคยกังวลไว้ก่อนหน้า ทำให้รู้สึกว่าสิทธิประโยชน์แบบนี้ควรจะมีต่อไปเรื่อยๆ  </p>
<p>เช่นเดียวกับ ณิรินทร์รดา จำปาสี หนึ่งผู้ปกครองที่ได้นำลูกเข้ารับการผ่าตัดเพื่อฝังประสาทหูเทียม โดยใข้สิทธิบัตรทอง เล่าว่า สิ่งที่ทำให้ทราบได้ว่าลูกมีความผิดปกติทางการได้ยินคือการสังเกตพฤติกรรมตั้งแต่ยังแบเบาะ เพราะช่วงนั้นจะมีการทำงานก่อสร้าง หรือพยายามเรียกเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ลูกไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา  </p>
<p>กระทั่งลูกอายุได้ 2 ขวบ 5 เดือนจึงตัดสินใจเดินทางเข้าไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ครั้งแรกผลออกมาไม่แน่ชัด แต่เมื่อมีการตรวจซ้ำจึงได้รู้ว่าน้องไม่ได้ยินเสียง 100 เดซิเบล  </p>
<p>“ตอนนั้นสิ่งที่ทำให้เข้ามาคัดกรองก็เพื่อคุณภาพชีวิตและอนาคตที่ดีของน้อง เพราะคนถ้าไม่ยินก็จะใช้ชีวิตยาก เข้ากับคนที่ปกติไม่ได้ เช่น หากไม่ได้ยินแล้วต้องข้ามถนน ไม่ได้ยินเสียงแตรก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายได้” ณิรินทร์รดา ระบุ </p>
<p>ท้ายที่สุด ลูกของ ณิรินทร์รดา ได้รับการส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถีภายใต้สิทธิประโยชน์บัตรทอง แต่ก่อนหน้าที่จะผ่าตัดต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม ซึ่งกินเวลาไปร่วม 6 เดือน จนในที่สุดน้องเพลงก็สามารถผ่าตัดและสามารถเข้าโรงเรียนใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ปกติได้ จนตอนนี้น้องเพลงมีอายุได้ 4 ปีแล้ว และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง </p>
<p>“ตอนนี้เข้าโรงเรียนแล้ว สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือเพื่อนๆ การเข้าสังคมเหมือนเด็กปกติ คลายความกังวลขึ้นมาก เพราะน้องสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ เอาตัวรอดได้บอกความต้องการและเราสามารถรับรู้ได้ สบายใจขึ้น” ณิรินทร์รดา กล่าว </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานพิhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106860
 
3732  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เปิดประวัติ หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ มันสมองของเพื่อไท เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 13:04:40
เปิดประวัติ หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ มันสมองของเพื่อไทย
         


เปิดประวัติ หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ มันสมองของเพื่อไทย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เปิดประวัติ หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ มันสมองของเพื่อไทย อดีตขุนพลคู่ใจทักษิณ
         

https://www.sanook.com/news/9107982/
         
3733  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เศรษฐา อวดภาพเซลฟี่กับ โจ ไบเดน ดีใจได้พบปะพูดคุยกับผู้นำที่ทรงอิทธิพล เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 12:46:04
เศรษฐา อวดภาพเซลฟี่กับ โจ ไบเดน ดีใจได้พบปะพูดคุยกับผู้นำที่ทรงอิทธิพล
         


เศรษฐา อวดภาพเซลฟี่กับ โจ ไบเดน ดีใจได้พบปะพูดคุยกับผู้นำที่ทรงอิทธิพล" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เศรษฐา อวดภาพเซลฟี่กับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยิ้มกว้างสุดชื่นมื่น ดีใจได้พบปะพูดคุยกับผู้นำที่ทรงอิทธิพล
         

https://www.sanook.com/news/9107870/
         
3734  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 12-18 พ.ย. 2566 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 12:14:14
สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 12-18 พ.ย. 2566
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-11-18 11:28</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p><strong>แรงงานอิสราเอลหลังกลับเมืองไทยเผยแม้รู้ว่าไปแล้วทำงานแล้วอันตรายแต่เพราะความจึงต้องเสี่ยง</strong></p>
<p>นายกรัชกร พุทธสอน อายุ 40 ปี 128 หมู่ 14 บ้านโนนเปือย ตำบลโนนเปือย อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธรว่าตนมีภูมิลำเนาเดิม 203 หมู่ 8 ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ซึ่งมีภรรยาที่จังหวัดยโสธรและปัจจุบันมีลูกด้วยกัน 3 คน</p>
<p>ก่อนหน้านี้ทำงานในประเทศไทยกับภรรยาแต่ด้วยค่าแรงค่าใช้จ่ายในครับครัวไม่เพียงพอถ้ายังทำต่อไปก็มีแต่สร้างหนี้เพิ่มจึงปรึกษาภรรยาจะไปทำงานต่างประเทศที่ประเทศอิสราเอลจึงตัดสินใจไปกู้เงินกว่าสองแสนบาทจากนั้นก็ไปสมัครที่จัดหางานจนได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลและถูกยิงได้รับบาดเจ็บแต่ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วเพราะโดนยิงที่ตรงหัวเข่าด้านซ้าย</p>
<p>ทั้งนี้ นายกรัชกร ยังกล่าวอีกว่าก่อนจะเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลก็ทราบอยู่ว่ามีการยิงกันแต่ด้วยความจนจึงเสี่ยงที่จะไปทำงานเพราะค่าแรงเฉลี่ยแล้วก็ประมาณเดือนละ6หมื่นบาทพอจะมีเงินเก็บและใช้หนี้อีกทั้งทำทุนการศึกษาให้กับลูกทั้ง3คนแต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อตนกับเพื่อนคนงานนั่งรถกระบะของนายจ้างที่ไปรับกลับที่พักโดยนั่งมากับเพื่อนคนงาน10คนขณะรถวิ่งมาก็ได้ยินเสียงปืนและทราบว่าตนถูกยิงแล้วจึงบอกเพื่อนให้มอบลงแต่โชคดีนายจ้างขับรถเร็วจึงรอดมาได้และภายในบนรถถูกยิงจำนวน 3 คน</p>
<p>ต่อมาตนได้เดินทางกลับประเทศไทยเป็นชุดแรกของแรงงานไทยและตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำงานเลยมาช่วยแม่ยายตากข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวที่จังหวัดยโสธร</p>
<p>ที่มา: สยามรัฐ, 18/11/2566</p>
<p><strong>กรมการจัดหางาน ประชุมระดับวิชาการไทย - เมียนมา</strong></p>
<p>นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และ นายมอง มอง ตาน (Mr. Maung Maung Than) อธิบดีกรมแรงงาน กระทรวงแรงงาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นประธานร่วมฝ่ายเมียนมา ในการประชุมระดับวิชาการไทย – เมียนมา เกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานเมียนมาในประเทศไทย โดยฝ่ายไทยมีนายยุทธนา บัวจุน ผู้ตรวจราชการกรม นายจำนงค์ ทรงเคารพ ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว นางเจนจิรา เดชะรัฐ เลขานุการกรม นางสาวมนทวรรณ อุดมปณิธ ผู้อำนวยการกองนิติการ นายภูวกร โตสิงห์ขร จัดหางานจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านฝ่ายเมียนมามีนายนายโย มิน อ่อง (Mr. Myo Min Aung) อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน สำนักงานทูตแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และคณะ ร่วมประชุม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 - 18 พ.ย. 2566 ณ โรงแรมสยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา จังหวัดชลบุรี</p>
<p>โดยมีประเด็นหารือ ดังนี้</p>
<p>1. ประเด็นที่ฝ่ายไทยขอหารือกับฝ่ายเมียนมา คือ การจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่อออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) ให้แก่แรงงานเมียนมา และการจัดทำช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแจ้งรายชื่อนายจ้าง ผู้แทนนายจ้าง และบริษัทจัดหางานที่ถูกขึ้นบัญชี (Black List) รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขและต่ออายุบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา</p>
<p>2. ประเด็นที่ฝ่ายเมียนมาขอหารือกับฝ่ายไทย คือ แนวทางการบริหารจัดการการจัดส่งแรงงานทางอากาศภายใต้ระบบ MOU การลงนามสัญญาจ้างงานโดยนายจ้างหรือผู้แทนทางกฎหมายของนายจ้าง โดยแสดงตัวที่ประเทศเมียนมา การออกใบอนุญาตทำงานและการตรวจลงตราเป็นระยะเวลา 2 ปี ให้แก่แรงงานที่ถือเอกสารรับรองบุคคล (CI) และเอกสารประจำตัวอื่น ๆ ที่ออกโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการโอนเงินรายได้จากการทำงานผ่านช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมายและความร่วมมือของการป้องกันนายหน้าจัดหางานที่ให้บริการโอนเงินโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย</p>
<p>ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งฝ่ายเมียนมาให้ทราบเกี่ยวกับการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (VISA) และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป</p>
<p>ที่มา: กรมการจัดหางาน, 17/11/2566</p>
<p><strong>รมว.แรงงาน จ่อตรวจสอบเหตุ คนไทยถูกหลอกค้ามนุษย์ที่ ‘เล่าก์ก่าย’ เผย ส่งแรงงานกลับอิสราเอลแน่นอน หาก รบ.อิสราเอล ยืนยันความปลอดภัย 100%</strong></p>
<p>17 พ.ย. 2566 ที่กระทรวงศึกษาธิการ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการในการตรวจสอบกระบวนการที่คนไทยถูกหลอกไปใช้แรงงาน และค้ามนุษย์ในเมืองเล่าก์ก่าย เขตปกครองพิเศษโกก้าง รัฐฉานเหนือ ประเทศเมียนมาร์</p>
<p>โดย พิพัฒน์ กล่าวว่า เราต้องดูให้ดีว่า แรงงานที่อยู่เมืองเล่าก์ก่าย หรือประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ นั้น เป็นการสมัครใจ หรือถูกหลอกหลวงไป แม้ว่า วันนี้จะยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่า แรงงานเหล่านั้นไปทำงานอะไร ไม่ว่าจะเป็น งานคอลเซ็นเตอร์ หรืองานอื่นๆ แต่ต้องตั้งคำถามว่า ทำไมแรงงานเหล่านั้นถึงไปทำงานตรงนั้น ทั้งที่ตนในประเทศเพื่อนบ้านกลับมาทำงานในประเทศเราในจำนวนหลักล้าน</p>
<p>พิพัฒน์ ย้ำว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และปลัดกระทรวงแรงงาน คงตอบเรื่องดังกล่าวได้ไม่ชัด แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือ การนำเพื่อนๆ (คนไทย) กลับมาสู่ประเทศไทยให้ได้ก่อน</p>
<p>ส่วนมาตรการในการนำแรงงานไทยกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลนั้น พิพัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายในการเยียวยาครอบครัวละ 50,000 บาท มาตรการพักหนี้ทั้งต้น และดอก หากรัฐบาลส่งแรงงานไทยกลับสู่อิสราเอลเวลานี้ จะเท่ากับว่า ทั้งหมดที่ทำมามันสูญเปล่า</p>
<p>เพราะฉะนั้นหากจะไม่ให้สูญเปล่าทั้งหมด ทางการอิสราเอลต้องมีการยืนยัน 100% ว่า แรงงานไทยที่กลับไปทำงานจะได้รับการดูแลอย่างดี เพราะนี่คือความเป็นห่วงของท่านนายกรัฐมนตรี</p>
<p>พิพัฒน์ ยังแสดงความเข้าใจอีกว่า แม้พื้นที่บางส่วนในอิสราเอลจะเป็นพื้นที่สีเขียว และสามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติได้ แต่ถึงกระนั้น เราก็อยากส่งกลับไปให้คนไทยมีรายได้ พร้อมย้ำว่า อิสราเอลต้องมีการยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวปลอดภัยดี</p>
<p>ที่มา: Voice TV, 17/11/2566</p>
<p><strong>รับร่าง 5 แรงงานไทยจากอิสราเอลกลับถึงมาตุภูมิ ก่อนส่งกลับประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนา</strong></p>
<p>นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการ รมว.แรงงาน พร้อมด้วย น.ส.กรจิรัฏฐ์ พงจันทร์ศธร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นผู้แทนกระทรวงแรงงานรับศพแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลอีกจำนวน 5 ราย พร้อมร่วมวางพวงหรีดแสดงความอาลัย โดยมี น.ส.เชาวนี ตังวงศ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการกองกองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล เป็นผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย และผู้บริหารระดับสูงจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ร่วมพิธี ณ บริเวณอาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ</p>
<p>นายอารี กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานได้ส่งเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัด เข้าแจ้งสิทธิประโยชน์ครอบครัวของแรงงาน ทั้งในส่วนรัฐบาลไทยเรียบร้อยแล้ว และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานที่อยู่ในจังหวัดภูมิลำเนาของแรงงานไทยได้ประสานครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่ออำนวยความสะดวกร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับร่างแรงงานทุกรายกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนาใน 3 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ อุดรธานี และ เชียงราย แล้วเช่นกัน</p>
<p>โดยหลังจากร่างผู้เสียชีวิตไปถึงภูมิลำเนา กระทรวงแรงงานจะนำเงินช่วยเหลือไปมอบให้กับทายาทของแรงงานไทยที่เสียชีวิต จำนวน 40,000 บาท ซึ่งเป็นเงินสิทธิประโยชน์จากการเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ นอกจากนี้ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายประกันสังคมอิสราเอล</p>
<p>ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้ตรวจสอบสิทธิแรงงานที่เสียชีวิต 5 ราย เรียบร้อยแล้ว พบว่า มีสิทธิจากกองทุนประกันสังคม 4 ราย อีกจำนวน 1 ราย ไม่ได้เป็นผู้ประกันตน รวมเป็นเงินประโยชน์ทดแทนที่สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายให้กับทายาทผู้เสียชีวิต เป็นเงิน 91,700.44 บาท</p>
<p>สำหรับแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับมา 5 รายล่าสุด มีรายชื่อ ดังนี้</p>
<p>นายเทียนชัย ยอดทองดี จ.บุรีรัมย์</p>
<p>นายจักรพันธ์ เดี่ยวไธสง จ.บุรีรัมย์</p>
<p>นายไชยา รักษานนท์ จ.อุดรธานี</p>
<p>นายศักดิ์สิทธิ์ จำปาสิม จ.อุดรธานี</p>
<p>นายสมชัย แซ่ยาง จ.เชียงราย</p>
<p>ที่มา: Thai PBS, 16/11/2566</p>
<p><strong>ทีมกระทรวงแรงงานกลับถึงไทย หลังปิดภารกิจอพยพแรงงานจากอิสราเอล เพราะสถานการณ์ในอิสราเอลอยู่ในสถานะเฝ้าระวัง รวมทั้งแรงงานต้องการกลับน้อยลงมาก</strong></p>
<p>เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2566 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับและให้กำลังใจ ทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน ที่ไปปฏิบัติภารกิจอพยพแรงงานไทยที่อิสราเอล จำนวน 9 ราย ณ ห้องทำงานปลัดกระทรวงแรงงาน ชั้น 7 อาคารกระทรวงแรงงาน</p>
<p>นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงแรงงานส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุนภารกิจอพยพแรงงานกลับไทย ที่อิสราเอล จำนวน 10 ราย ขณะนี้ ภารกิจการเคลื่อนย้ายแรงงาน และการอำนวยความสะดวกและประสานการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ให้แก่แรงงานไทย ณ บริเวณสนามบินและศูนย์พักพิงเสร็จสิ้นแล้ว</p>
<p>โดยทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน จำนวน 9 ราย ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานอีก 1 ราย เดินทางกลับไปยังสำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) เนื่องจากประจำอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย</p>
<p>“ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เสียสละทำงานด้วยความทุ่มเทในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิสราเอล ซึ่งหลังจากเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว</p>
<p>กระทรวงแรงงานจะนำการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้มาถอดบทเรียน โดยเน้นถอดบทเรียนเรื่องการอพยพแรงงาน รวมถึงการดูแล ช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ เพื่อรองรับการเกิดเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ” นายไพโรจน์ กล่าว</p>
<p>ด้านนายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม หัวหน้าทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในการอพยพแรงงานไทยที่อิสราเอล กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ในอิสราเอลและการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในสถานะเฝ้าระวัง รวมทั้งแรงงานไทยที่มีความวิตกกังวลและประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยมีจำนวนลดน้อยลงอย่างมาก</p>
<p>ประกอบกับทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ (สอท.) ได้ปิดศูนย์อพยพทั้ง 4 แห่งที่กรุงเทลอาวีฟ แล้วย้ายมาเปิดศูนย์ให้ความช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ณ ที่ทำการ สอท.</p>
<p>โดยทีมกระทรวงแรงงานยังคงภารกิจการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยร่วมกับทีมกระทรวงการต่างประเทศ แต่ด้วยจำนวนแรงงานที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือมีจำนวนไม่มากในแต่ละวัน ทางเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ทีมกระทรวงการต่างประเทศ ทีมกระทรวงแรงงานและทีมเจ้าหน้าที่การทูตทหาร จึงร่วมกันปรับแผนและปรับลดจำนวนเจ้าหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน</p>
<p>สำหรับรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในการอพยพแรงงานไทยที่อิสราเอลกลับประเทศไทยในครั้งนี้ จำนวน 10 ราย มีดังนี้</p>
<p>1) นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม</p>
<p>2) นายกอบชัย ว่องไวยุทธ์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน</p>
<p>3) นางสาวอรอนงค์ ศรีสุวิทธานนท์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน</p>
<p>4) นายชาติชาย เทียมสนิท ที่ปรึกษา(ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ประจำอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยบินตรงจากอิสราเอลกลับไปยังซาอุดิอาระเบีย)</p>
<p>5) นายณฐกร จานเขื่อง นักวิชาการแรงงานชำนาญการ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน</p>
<p>6) จ่าเอก พันธ์ชิต กิจหวัง ผู้อำนวยการกลุ่มงานช่วยอำนวยการ กองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน</p>
<p>7) นายธีระศักดิ์ อยู่เพชร นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ กองพัฒนามาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน</p>
<p>8) นายธนัตถ์ ช่างสาน นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการพิเศษ กองการเจ้าหน้าที่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน</p>
<p>9) นายเบญจรงค์ ว่องจรรยากุล หัวหน้าสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง สำนักงานประกันสังคม</p>
<p>10) นางสาวบุษบัญชลี ภู่แก้วเผือก นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน</p>
<p>ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ, 15/11/2566</p>
<p><strong>ปลัดแรงงาน เผยอัตราว่างงานของคนไทยลดลง มีผู้ประกันตน ม.33 เพิ่มขึ้นกว่า 3.32%</strong></p>
<p>วันที่ 16 พฤศจิกายน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจแรงงานไทยทั่วประเทศ ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2566 พบว่า ขณะนี้มีแรงงานในระบบประกันสังคมหรือผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11,842,335 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.32 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2565 ที่ผ่านมา (ปี 2565 มีจำนวน 11,462,256 คน) และ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.46 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (เดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวน 11,788,218 คน)</p>
<p>ส่วนสถานการณ์การว่างงานของไทยในระบบประกันสังคม ในเดือนกันยายน 2566 นั้น มีผู้ว่างงาน จำนวน 229,070 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.30 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2565 แต่ลดลง ร้อยละ -7.58 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (เดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวน 247,846 คน) โดยจำนวนผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ มีจำนวน 74,067 คน ลดลงร้อยละ -8.16 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา และลดลง ร้อยละ -12.64 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (เดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวน 74,067 คน) ทั้งนี้ อัตราการว่างงานในระบบประกันสังคมในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 1.90 และอัตราการว่างงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติในเดือนกันยายน 2566อยู่ที่ร้อยละ0.8%</p>
<p>ขณะที่ ตัวเลขผู้ประกันตนที่ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากสาเหตุเลิกจ้าง จากสำนักงานประกันสังคม มีจำนวน 36,260 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.00 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา และลดลง ร้อยละ -0.29 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนอัตราการเลิกจ้างของผู้ประกันตนมาตรา 33 ในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 0.30</p>
<p>ด้านสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ส่งผลถึงการจ้างงานในประเทศนั้น พบว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP Annual Growth Rate) ในไตรมาส 2 ของปี2566 อยู่ที่ร้อยละ 1.80 สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินของไทยเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัวตามรายรับในภาคการท่องเที่ยวส่วนหนึ่งคาดว่า เป็นผลจากจำนวนวันพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น เช่นตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี พบว่านักท่องเที่ยวในหลายสัญชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย เยอรมนี และออสเตรเลีย</p>
<p>ขณะที่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัว และตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง</p>
<p>“ภารกิจของกระทรวงแรงงาน มีความสำคัญอย่างมากในการดูแลพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งภาคแรงงานเองจะต้องเข้มแข็ง มีทักษะฝีมือ มีศักยภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายและงานหลักสำคัญของกระทรวงแรงงาน อย่างไรก็ดี ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้มีนโยบายสำคัญที่จะต้องเร่งผลักดันดำเนินการในปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ทักษะดี มีงานทำ หลักประกันสังคมเด่น เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” โดยเฉพาะพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานชั้นสูงเพื่อรองรับการจ่ายค่าจ้างตามความสามารถและให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเเรงงานทักษะสูงเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและยังขาดแคลนอยู่มาก ในขณะที่การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะส่งผลบวกต่อการมีงานทำของไทยมากขึ้น” นายไพโรจน์กล่าว</p>
<p>ที่มา: มติชนออนไลน์, 16/11/2566</p>
<p><strong>ลูกจ้างแอลฟ่า สปินนิ่ง และ AMC สปินนิ่ง ร้องกมธ.แรงงาน ให้ช่วยเหลือติดตามเงินชดเชย หลังถูกลอยแพ</strong></p>
<p>นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการแรงงานคนที่สาม รับเรื่องร้องเรียนจากลูกจ้างบริษัทแอลฟ่าสปินนิ่ง และบริษัท AMC สปินนิ่ง ซึ่งถูกลอยแพไม่ได้เงินชดเชย โดยขอให้กมธ.แรงงาน ดำเนินการติดตามช่วยเหลือแรงงาน ทั้งนี้ ตัวแทนลูกจ้าง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายกรัฐมนตรี</p>
<p>“ขณะนี้สำนักนายกรัฐมนตรีส่งเรื่องไปยังกระทรวงแรงงานแล้ว ซึ่งเป็นระยะเวลานานกว่า 5 เดือน ทำให้ลูกจ้างได้รับความเดือนจากการไม่ได้รับค่าจ้าง ดังนั้น กมธ.จะเร่งดำเนินการพิจารณา พร้อมกับประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงสอบหาข้อเท็จจริงว่า เกิดเหตุอะไรขึ้นไม่สามารถจ่ายเงินเยี่ยวยาให้กับลูกจ้าง และติดตามนายจ้างให้นำเงินมาจ่ายให้แก่ลูกจ้าง” นายเซีย กล่าว</p>
<p>ที่มา: สำนักข่าวไทย, 15/11/2566</p>
<p>ก.แรงงาน จ่ายแล้ว 74 ล้าน ช่วยแรงงานจากอิสราเอล เกือบ 5,000 คน</p>
<p>นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยจากภัยสงครามอิสราเอล -ฮามาส ว่า มีการยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ (ณ วันที่ 14 พ.ย.2566)</p>
<p>ขณะนี้มีแรงงานไทย ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์แล้วกว่า 7,100 คน เจ้าหน้าที่ วินิจฉัย สั่งจ่ายแล้ว 4,903 คน รวมเป็นเงินกว่า 74.1 ล้านนบาท แบ่งเป็น เงินชดเชยคนละ 15,000 บาท กว่า 4,800 คน จากกรณีภัยสงคราม</p>
<p>ส่วนผู้เสียชีวิตได้รับคนละ 40,000 บาท สั่งจ่ายแล้ว 21 คน จากผู้เสียชีวิต 39 คน และผู้บาดเจ็บรายละ 30,000 บาท สั่งจ่ายแล้ว 3 คน จาก 18 คน</p>
<p>ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอล มีแรงงานไทยที่เดินทางกลับไทยแล้ว กว่า 9,200 คน ยังคงอยู่ที่อิสราเอลกว่า 20,000 คน ขณะนี้มีคนไทยเสียชีวิต 39 คน ส่งร่างกลับไทยแล้ว 34 คน</p>
<p>ส่วนคนไทยที่ถูกจับกุมตัวขณะนี้มี 25 คน ขณะที่ผู้บาดเจ็บ 18 คน ในจำนวนนี้รักษาตัวในโรงพยาบาล 4 คน และระบุชื่อไม่ได้ 1 คน ซึ่งปลัดกระทรวงแรงงาน ย้ำว่า กระทรวงแรงงาน ได้ทยอยจ่ายเงินชดเชยให้แล้วกว่า 80% และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในสัปดาห์นี้</p>
<p>ขณะที่ การช่วยเหลือตัวประกันคนไทย 25 คน ล่าสุด น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้พบหารือกับนาย อิลิยาฮู รีวิโว่ (Eliyahu Revivo) สมาชิกรัฐสภาอิสราเอล และประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยแรงงานต่างชาติ เมื่อ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ทางการอิสราเอล เร่งติดตามตัวประกันชาวไทย และคุ้มครองให้อยู่ในความปลอดภัย</p>
<p>รวมถึงช่วยผลักดันจัดตั้งกองทุน Deposit Fund สำหรับแรงงานต่างชาติในภาคเกษตรกรรม และการเจรจาความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอิสราเอลเพื่อจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในภาคการก่อสร้างของอิสราเอลด้วย</p>
<p>ที่มา: Thai PBS, 14/11/2566</p>
<p><strong>รมว.แรงงาน หารือ ม.เกษตรฯ ลุยนำร่องระบบธนาคารสะสมหน่วยกิต ยกระดับฝีมือแรงงานทุกช่วงวัยเดินหน้า อัพสกิล แรงงานไทย ผลิตนักบินโดรนภาคเกษตร เทรนนิ่ง นักค้าขายออนไลน์</strong></p>
<p>นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ รศ.ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาเครือข่ายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อหารือจัดทำความร่วมมือการพัฒนาหลักสูตร และยกระดับฝีมือแรงงานทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบธนาคารสะสมหน่วยกิต (Credit Bank) โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน</p>
<p>นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผมขอขอบคุณคณาจารย์จากสำนักพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทุกท่านที่ได้มาเยี่ยมเยียนและหารือความร่วมมือการพัฒนาหลักสูตรและยกระดับฝีมือแรงงานทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบธนาคารสะสมหน่วยกิต (Credit Bank) ถือเป็นการเริ่มต้นร่วมมือกันในการที่จะต่อยอด ซึ่งกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ลงไปต่อยอดให้กับหลายภาคส่วน เราต้องไปจับมือกับภาคการศึกษา และสถาบันการศึกษาหลายๆ สถาบัน ซึ่งแต่ละสถาบันมีสิ่งดีๆ ที่แตกต่างกัน เราจะใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแต่ละสถาบันเหล่านั้นมายกระดับฝีมือแรงงาน ซึ่งในส่วนนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานสามารถทดสอบเพื่อออกใบรับรองความรู้ความสามารถให้ได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเรียนจบระดับ ปวช.ปวส. ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ก็สามารถเรียนรู้และทดสอบความรู้ความสามารถของตนเองได้ เพื่อให้ได้ใบรับรองความสามารถตามที่สถานประกอบการต้องการ เพราะแต่ละคนมีความสามารถและพรสวรรค์ที่แตกต่างกัน เมื่อมาสอบกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็สามารถบอกได้ว่าฝีมือของเราอยู่ในระดับใด</p>
<p>นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องนี้กระทรวงแรงงานมีแนวทางที่จะทำงานร่วมกันกับ 4 กระทรวงอยู่แล้ว ทั้งมหาดไทย ศึกษาธิการ อว. และแรงงาน ซึ่งเป็นนิมิตรที่ดีที่จะเห็นการทำงานร่วมกันในการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้สูงขึ้น และสนับสนุนการทำงานกับภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน Up Skill แรงงาน และเติมบุคลากรภาคแรงงานที่มีฝีมือ มีคุณภาพ ให้ได้ค่าแรงที่สูงขึ้น</p>
<p>ด้าน รศ.ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาเครือข่ายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ในนามสำนักพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะที่ได้เปิดโอกาสให้เข้าพบและหารือความร่วมมือการพัฒนาหลักสูตร และยกระดับฝีมือแรงงานทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบธนาคารสะสมหน่วยกิต (Credit Bank) ในวันนี้ ซึ่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เองเรามีความพร้อมที่ทั้งด้านบุคลากร และศักยภาพในการทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงานเพื่อที่จะยกระดับพัฒนาทักษะแรงงาน และต่อยอดความร่วมมือไปด้วยกัน</p>
<p>รศ.ดร.พัทธนันท์ กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัย เสนอการพัฒนาอาชีพใหม่ๆ ว่า อาชีพทางการเกษตร เช่นอาชีพควบคุมโดรนด้านการเกษตร ต้องรู้เรื่องการเกษตร ต้องเรียนรู้เรื่องการบังคับควบคุมโดรน วางแผนควบคุมโดรน รู้พฤติกรรมของพืชต่างๆ เป็นความเชี่ยวชาญ รวมถึงอาชีพนักการขายออนไลน์ และอาชีพนวัตกรรมการจัดการเป็นต้น</p>
<p>ที่มา: พรรคภูมิใจไทย, 13/11/2566</p>
<p><strong>แรงงานพม่ากว่า 180 คน ร้องสื่อถูกนายจ้างปล่อยลอยแพไม่ได้รับค่าจ้าง ต้องหาขุดมันสำปะหลังและเก็บผักมาต้มกิน ปะทังชีวิต</strong></p>
<p>ผู้สื่อข่าว TalknewsOnline ได้รับรายงานจากชาวบ้านว่ามีแคมป์คนงานก่อสร้างชาวเมียนมา ชาย-หญิง จำนวน180 คน ถูกนายจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงงานแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเอกชนชื่อดัง ซ.10 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ปล่อยลอยแพ แรงงานต่างไม่ได้รับค่าจ้างนานกว่า 2 เดือน ทุกคนอยู่อย่างอดอยาก ต้องขุดหัวมันสำปะหลังและผักในพื้นที่กิน โดยมีชาวบ้านคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อปะทังปากท้อง</p>
<p>ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่ดังกล่าว พบว่าเป็นแคมป์คนงานกลุ่มใหญ่ตั้งอยู่ในป่าพงหญ้าขึ้นรกทึบ เนื้อที่กว่า 10 ไร่ ที่พักสร้างด้วยการนำสังกะสีมามุงหลังคา และกั้นเป็นผนังเพื่อกันแดดกันฝน พบคนงานเป็นจำนวนมากกำลังยืนออกันอยู่หน้าแคมป์ และเดินออกมาจากที่พักพร้อมถือเอกสารพาสปอร์ตติดมือออกมาและนั่งเรียงแถวกัน แต่ละคนมีสภาพอิดโรยและมีสภาพหิวโหยกันมาก บางคนกำลังเก็บผักบุ้ง เก็บหัวมันสำปะหลังเตรียมมาต้มกิน เป็นภาพสุดเวทนากับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่และผู้พบเห็น</p>
<p>จากการสอบถามตัวแทนชาวเมียนมา นางสาวพิว อายุ 25 ปี เล่าว่า พวกตนทั้งหมด 240 คนทำงานก่อสร้างที่ไซด์งานแห่งนี้มากว่า 6 เดือนแล้ว ได้รับค่าจ้างวันละ 340 บาท ก่อนหน้านี้ได้รับค่าจ้างตรงเวลา หลัง ๆ มาเริ่มจ่ายค่าจ้างไม่ตรงเวลา หัวหน้างานที่เป็นชาวกัมพูชาบอกว่าวันที่ 10 ต.ค. 66 จะมาจ่ายให้ จนตอนนี้ผ่านมา 2 เดือนก็ยังไม่ได้เงินค่าจ้างเต็มจำนวน เอามาให้เพียงเงิน 1,500 บาท และก็คูปองเงินสดที่ใช้ซื้อได้เฉพาะร้านค้าในแคมป์ แต่ก็ซื้อไม่ได้เพราะร้านค้าเป็นของคนกัมพูชาปิดร้านไปแล้ว ถามหัวหน้าชาวกัมพูชาว่าเงินจะจ่ายวันไหน ได้รับคำตอบว่านายจ้างเงินหมดแล้ว พวกตนชาวพม่าทุกคนก็เงินหมดแล้ว ที่อยู่กันมาได้เพราะมีความช่วยเหลือจากแรงงานชาวพม่าที่ทำงานต่างจังหวัด คอยเอาข้าวเอาน้ำมาให้และก็คนไทยบริเวณใกล้เคียงที่คอยช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้</p>
<p>นางสาวพิว กล่าวต่อว่า ตอนนี้บางคนก็ต้องหลบเข้าป่า บางคนก็หนีไปแล้วเพราะรอไม่ไหว จาก 240 คน เหลือ ประมาณ 180 คน พาสปอร์ตบางคนก็หมดอายุ งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี รายการหักเงินที่หัวหน้าชาวกัมพูชาเอามาให้ ก็หักเงินไปตั้งเยอะ มีทั้งหักค่าน้ำค่าไฟ หัก 3 เปอร์เซ็นต์ และหักเงินที่อ้างว่าเป็นค่าตำรวจ อีก 900 บาท/เดือน เคยบอกว่าจะต่อพาสปอร์ตให้ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทั้งเงินเดือนและพาสปอร์ต และยังมาข่มขู่แถมเอา ตม. เข้ามาจับ</p>
<p>นอกจากนี้ในกรณีขอเบิกเงินค่าแรงงาน นายจ้างจะจ่ายเป็นคูปองที่ทำขึ้นมาเองและเขียนระบุจำนวนเงินราคาต่าง ๆ มีตั้งแต่ 5 บาท 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท มาให้พวกตนแทนเงิน เพื่อต้องการบังคับไม่ให้พวกตนไปใช้ซื้อของที่อื่นต้องซื้อจากร้านค้าของหัวหน้าคุมงานก่อสร้างเท่านั้น</p>
<p>นายเอ็ม อายุ 35 ปี ชาวเมียนมา บอกว่า วันนี้ทุกคนทำงานมาเหนื่อยและลำบากมาก อยากจะเรียกร้องให้นายจ้างจ่ายเงินค่าจ้างที่พวกเค้าทำงานกันมา และเงินที่หักค่าต่อพาสปอร์ตให้นำไปต่อพาสปอร์ตให้พวกเขาอย่างถูกต้อง เพราะตอนนี้ทุกคนไม่มีเงินและอดอยากมาก บางคนไม่กล้าออกไปไหนเพราะพาสปอร์ต ขาดหากมีพาสปอร์ตก็จะออกไปหางานทำได้</p>
<p>อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่อยู่ใกล้แคมป์พักแรงงานเมียนมายืนยันว่า แรงงานเมียนมาอยู่กินกันแบบอดอยากและลำบากจริง บางวันเห็นนั่งล้อมวงกินข้าวกับน้ำปลา เห็นแล้วน่าสงสาร บางรายต้องออกไปขุดหัวมันสำปะหลังมาต้มกินแทนข้าว หรือไปเก็บผักบุ้งหรือผักต่าง ๆ มาต้มกิน ที่ผ่านมาเคยมีชาวบ้านนำข้าวของมาแบ่งปันให้แรงงานเมียนมาร์เหล่านี้กินอยู่เรื่อย ๆ เพราะอดสงสารไม่ได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฝ่ายราชการได้เข้ามาช่วยเหลือเพื่อเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน</p>
<p>ที่มา: TalknewsOnline, 13/11/2566</p>
<p><strong>หวั่นนักจัดตั้งแรงงานกวาดเรียบตัวแทนบอร์ดประกันสังคม ปลัดแรงงานเตรียมเรียกรายชื่อผู้สมัครมาดู-ดันจัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์</strong></p>
<p>นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ(บอร์ด)ประกันสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคมที่ได้ปิดรับสมัครและปิดการลงทะเบียนสำหรับผู้ประกันตนที่ต้องการไปใช้สิทธิเลือ
3735  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สภาพอากาศวันนี้ เหนือ-อีสาน อุณหภูมิลดอีก กทม.ได้สัมผัสความเย็น ต่ำสุด 21 องศา เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 10:33:44
สภาพอากาศวันนี้ เหนือ-อีสาน อุณหภูมิลดอีก กทม.ได้สัมผัสความเย็น ต่ำสุด 21 องศา
         


สภาพอากาศวันนี้ เหนือ-อีสาน อุณหภูมิลดอีก กทม.ได้สัมผัสความเย็น ต่ำสุด 21 องศา" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สภาพอากาศวันนี้ เหนือ-อีสาน อุณหภูมิลดอีก 2-4 องศา กทม.ได้สัมผัสความเย็น ต่ำสุด 21 องศา
         

https://www.sanook.com/news/9107762/
         
3736  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ช็อก ล้อรถบรรทุกหลุดใส่หน้ารถเก๋ง เสียหลักเสียบท้ายรถพ่วง คนขับเล่านาทีเฉียดต เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 08:01:14
ช็อก ล้อรถบรรทุกหลุดใส่หน้ารถเก๋ง เสียหลักเสียบท้ายรถพ่วง คนขับเล่านาทีเฉียดตาย
         


ช็อก ล้อรถบรรทุกหลุดใส่หน้ารถเก๋ง เสียหลักเสียบท้ายรถพ่วง คนขับเล่านาทีเฉียดตาย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สภาพสุดช็อก ล้อรถบรรทุกหลุดใส่หน้ารถเก๋ง คนขับบอกภาพตัด รู้ตัวอีกทีเสียหลักไปเสียบอยู่ท้ายรถพ่วง


         

https://www.sanook.com/news/9107478/
         
3737  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ญาติคนไทยในเล้าก์ก่าย ร้องทูตจีนช่วยเปิดพรมแดนให้ลี้ภัย เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 05:59:14
ญาติคนไทยในเล้าก์ก่าย ร้องทูตจีนช่วยเปิดพรมแดนให้ลี้ภัย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-17 15:15</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ญาติคนไทยที่ติดอยู่ในสงครามเมืองเล้าก์ก่าย ร้องทูตจีนช่วยเหลือและอนุญาตให้คนไทยเดินทางผ่านทางชายแดนจีน-พม่า เพื่อลี้ภัยจากสงคราม - ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก เร่งประสานฝ่ายพม่าสอบถามข้อขัดข้องในการส่งตัว 41 คนไทย ลุ้นมีข่าวดีเร็วๆ นี้ - โฆษก กต. เผย 41 คนไทยอยู่ในกระบวนการคัดกรองตามกฎหมายพม่า หลังกลับไทยจะตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่</p>
<p>17 พ.ย. 2566 ญาติคนไทยที่ติดอยู่ในสงครามเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศพม่ายื่นหนังสือถึงเอกอัครราชทูตจีนประจําประเทศไทย ขอให้ช่วยเหลือและอนุญาตให้คนไทยเดินทางผ่านทางชายแดนจีน-พม่า เพื่อลี้ภัยจากสงครามโดยเร็วที่สุด</p>
<p>หนึ่งในครอบครัวคนไทย บอกว่าคนไทยกว่า 200 ชีวิต ถูกหลอกไปทำงานในเมืองเล่าก์ก่าย ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างเหี้ยมโหด แม้จะได้รับการช่วยเหลือจากทางการพม่า แต่ความเป็นอยู่ก็ยากลำบาก อาหารและน้ำดื่มไม่เพียงพอ ขณะที่ยังมีการสู้รบกัน ได้ยินเสียงปืนและระเบิดอย่างต่อเนื่อง</p>
<p>วันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) จะเป็นการโจมตีขั้นเด็ดขาด เพื่อกวาดล้างกลุ่มทุนจีนเทาและธุรกิจผิดกฎหมาย จึงเป็นห่วงความปลอดภัย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเร่งช่วยเหลือ และเสริมด้วยความช่วยเหลือของจีน โดยมองว่าจะง่ายกว่าหากเดินทางเข้าชายแดนจีน ซึ่งวันนี้ทางญาติจะไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตากเร่งประสานฝ่ายพม่าสอบถามข้อขัดข้องในการส่งตัว 41 คนไทย ลุ้นมีข่าวดีเร็วๆ นี้ </span></h2>
<p>ด้านพันเอกณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ฝ่ายไทย เดินทางเข้าไปพบกับ พันเอก ตู๋ล่า ส่อ วิน โซ ผู้บังคับกองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก เพื่อติดตามและรับทราบสถานการณ์การรับตัวคนไทยกลับประเทศไทย ที่ห้องรับรองด่านศุลกากร สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 จังหวัดท่าขี้เหล็ก โดยฝ่ายเมียนมายืนยันการส่งตัวคนไทยไม่ได้มีปัญหาข้อขัดข้องใดๆ ขั้นตอนวิธีซักถามต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ต้องรอคำสั่งอนุมัติให้เคลื่อนย้ายจากหน่วยเหนือเพียงอย่างเดียว อาจจะได้รับอนุมัติภายใน 1-2 วันนี้ เมื่อได้รับอนุมัติจะรีบดำเนินการเคลื่อนย้ายคนไทยทั้ง 41 คน มายังกองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก ให้เร็วที่สุด และจะส่งมอบให้ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ฝ่ายไทย ทันที</p>
<h2><span style="color:#3498db;">โฆษก กต. ย้ำ ทุกภาคส่วนเร่งช่วยเหลือคนไทยในเล้าก์ก่ายอย่างเต็มที่ ระบุ 41 คน อยู่ในกระบวนการคัดกรองตามกฎหมายพม่าหลังกลับไทยจะตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่</span></h2>
<p>นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยจากเมืองเล่าก์ก่าย รัฐฉาน เมียนมา ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่ม เกิดการสู้รบในพื้นที่ โดยเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนของข้อมูล เพราะเป็นสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัฐบาลเมียนมาและชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ บางเหตุการณ์เป็นการสู้รบกันเองของชนกลุ่มน้อย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มที่  แต่สถานการณ์ไม่ง่ายและไม่ สามารถออกจากพื้นที่ระหว่างทางเพื่อส่งตัวมายังชายแดนได้ทันที พบว่าบางชาติที่มาถึงชายแดนแล้ว แต่ไม่สามารถออกมาได้ ต้องกลับเข้าไปก็มี จึงขอให้วางใจว่าทางการไทยพยายามทำอย่างเต็มที่</p>
<p>“ส่วนกลุ่มที่หนีออกมาจากเล้าก์ก่ายตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ต่อสู้  41 คนที่ไปยังว้าแดง ผ่านทางการเมียนมาได้ช่วยส่งมาอยู่ที่เมืองเชียงตุง ตอนแรกทางการไทยคาดหวังว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายมายังท่าขี้เหล็กได้ เพื่อข้ามฝั่งมาประเทศไทย แต่ปรากฏว่ายังไม่สามารถกลับมาได้เนื่องจากติดขั้นตอนการคัดกรองจากฝ่ายเมียนมา อีกทั้งยังมีเหตุการณ์ที่รัฐบาลเมียนมาปราบปรามกลุ่มนายทุน กลุ่มอาชญากรรม กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ จึงมีกระบวนการคัดกรองตามกฎหมายที่เข้มงวด อย่างไรก็ตามคนไทยทั้ง 41 คนถูกส่งมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ขอให้ใจเย็นและรอเวลาที่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ตำรวจ และกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้คนไทยเดินทางกลับประเทศโดยเร็ว”โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว</p>
<p>นางกาญจนา กล่าวว่า จากสถิติหรือกลุ่มที่เคยอยู่ในค่ายทหารและย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลภายใต้ความดูแลของทางการเรียนมา 165 คน กลุ่มที่นายจ้างปล่อยมาแล้ว พำนักอยู่ในที่ปลอดภัย อยู่ระหว่างรอส่งไปรวมตัวกับคนไทยกลุ่มใหญ่ 89 คน ทั้งสองกลุ่มนี้ร่วมแล้ว 254 คน โดยทางการย่างกุ้งได้ตรวจสอบสัญชาติและออกเอกสารเดินทางฉุกเฉินให้แล้ว พร้อมเดินทางกลับประเทศไทย ส่วนกลุ่มที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นห่วงคือกลุ่มที่นายจ้างยังไม่ปล่อยตัวและอยู่ในพื้นที่ทำงาน คาดว่าเหลืออยู่  40 – 50 คน ซึ่งจะติดตามช่วยเหลือต่อไป ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิเอมมานูเอลในพื้นที่ พร้อมจัดงบประมาณ เรื่องอาหารให้กับคนไทยด้วย</p>
<p>“เข้าใจความร้อนใจของคนที่อยู่ในพื้นที่ แต่ขอให้เข้าใจว่านี่เป็นสถานการณ์สู้รบเป็นสถานการณ์พิเศษ ยืนยันว่าทำทุกวิถีทางช่วยเหลือคนไทย ขอให้รอ เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วทางการไทยจะคัดกรองอีกครั้งว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จริงหรือไม่ หรือเป็นกลุ่มที่เข้าไปอย่างเต็มใจ ไปอยู่ในกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะตรวจสอบได้ว่าเป็นคนที่สมัครใจหรือเป็นเหยื่อที่ถูกบังคับไป” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว</p>
<p>ส่วนคนไทย 41 คนจะกลับได้ในวันนี้หรือไม่ นางกาญจนา กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ ขึ้นอยู่กับการอนุญาตของเมียนมา ซึ่งทางการไทยเร่งรัดอย่างเต็มที่</p>
<p>เมื่อถามว่าการที่ทางการเมียนมาไม่ปล่อยตัวเพราะเข้าไปอย่างผิดกฎหมายหรือไม่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่จะเข้าไปได้ง่าย เพราะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว คนที่เข้าไปอาจจะผ่าการจัดหางานทั้ง 41 คนหรือ 254 คนหรือคนอื่น ๆ ต้องช่วยเหลือต่อไป น่าจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือเข้าไปโดยสมัครใจ และรู้ว่าเป็นคอลเซ็นเตอร์ หรือกลุ่มที่เข้าไปทำงานอื่น ไม่ได้เป็นคอลเซ็นเตอร์ หรือกลุ่มที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ถูกพาไปเพื่อขายบริการ มีทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว</p>
<p>“แต่ที่เราพยายามคือให้ออกมาก่อน เพื่อความปลอดภัยของกลุ่มต่าง ๆ และต้องเคารพกฎหมายของแต่ละประเทศด้วย ส่วนกรณีที่เกิดแผ่นดินไหวที่เมียนมา นั้น  คนไทยทั้ง 41 คนปลอดภัยดี เราเร่งให้การช่วยเหลือ ไม่มีโอกาสที่จะช้า เราเร่งอยู่ทุกวิถีทางอยู่แล้ว” นางกาญจนา กล่าว</p>
<p>เมื่อถามถึงกรณีตัวเลขคนไทย 40-50 คน ที่ยังถูกนายจ้างบังคับให้ทำงาน อยู่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานทูตเคยได้รับการติดต่อแล้วแต่ขาดการติดต่อไป ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังอยู่กับนายจ้างหรือหลบหนีออกมาอยู่จุดไหน ส่วนเรื่องนายจ้างเป็นการบังคับกฎหมายของเมียนมา ซึ่งในระยะหลังมีความร่วมมือของทางการจีนกับทางการเมียนมาในการปราบปรามเครือข่ายต่างๆ</p>
<p>“ที่ผ่านมาการถูกหลอกไปทำงานที่ต่างประเทศไม่ได้เกิดขึ้นแค่เมียนมา แต่ยังมีอีกหลายประเทศเช่นกัมพูชา ดูไบ พบว่ามีหญิงไทยถูกหลอก หรือ ไปแล้วสภาพการจ้างงานไม่เป็นไปอย่างที่ที่ อยากเตือนดูให้แน่ใจว่าเป็นพื้นที่ปกติหรือไม่ ค่าจ้างได้มาผิดปกติหรือไม่ หรืออยากให้สอบถามไปยัง แรงงานจังหวัด กระทรวงแรงงาน หรือ สอบถามไปยังกรมการกงสุล ซึ่งก็มีช่องทางออนไลน์ด้วย ” นางกาญจนา กล่าว</p>
<p><span style="color:#3498db;">ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย </span><span style="color:#3498db;">[1]</span><span style="color:#3498db;"> </span><span style="color:#3498db;">[2]</span><span style="color:#3498db;"> </span><span style="color:#3498db;">[3]</span></p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
3738  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ดราม่าคุกกี้พระเครื่อง ซ้ำรอยอาลัว 2 ปีก่อน คนไทยไม่ปลื้ม แต่เมืองนอกขายเพียบ เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 05:29:40
ดราม่าคุกกี้พระเครื่อง ซ้ำรอยอาลัว 2 ปีก่อน คนไทยไม่ปลื้ม แต่เมืองนอกขายเพียบ
         


ดราม่าคุกกี้พระเครื่อง ซ้ำรอยอาลัว 2 ปีก่อน คนไทยไม่ปลื้ม แต่เมืองนอกขายเพียบ" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ดราม่าคุกกี้พระเครื่อง ปลุกเสกความอร่อย ซ้ำรอยอาลัว 2 ปีก่อน คนไทยไม่ปลื้ม แต่เมืองนอกขายเพียบ
         

https://www.sanook.com/news/9107458/
         
3739  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'แอมเนสตี้' ชี้ ไล่รื้อ-ขับไล่ ประชาชน ในเขตนครวัด ละเมิดกฎหมาย ระหว่างประเทศ เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 04:27:59
'แอมเนสตี้' ชี้ ไล่รื้อ-ขับไล่ ประชาชน ในเขตนครวัด ละเมิดกฎหมาย ระหว่างประเทศ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-17 16:09</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผย การไล่รื้อประชาชนหลายพันครอบครัวในเขตนครวั<wbr></wbr>ด กั<wbr></wbr>มพูชา แหล่งมรดกโลกของยูเนสโกเป็<wbr></wbr>นการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนระหว่างประเทศ บังคับให้ประชาชนต้องมีชีวิตอย่<wbr></wbr>างแร้นแค้นในพื้นที่ตั้งถิ่<wbr></wbr>นฐานใหม่ที่ไม่มีการเตรี<wbr></wbr>ยมความพร้อมที่ดีพอ</p>
<p> </p>
<p>17 พ.ย. 2566 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า การไล่รื้อที่ส่งผลกระทบต่อผู้<wbr></wbr>คนหลายพันครอบครัวในเขตนครวั<wbr></wbr>ดแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกเป็<wbr></wbr>นการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนระหว่างประเทศ โดยได้เผยแพร่งานวิจัยฉบับใหม่<wbr></wbr>ซึ่งเผยให้เห็นวิธีที่ทางการกั<wbr></wbr>มพูชาบังคับให้ผู้คนย้ายถิ่<wbr></wbr>นฐานโดยอ้างการอนุรักษ์ และเรียกร้องให้ยู<wbr></wbr>เนสโกประณามการบังคับขับไล่รื้<wbr></wbr>อที่ดำเนินการในนามของตนต่<wbr></wbr>อสาธารณะ </p>
<p>ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ทางการกัมพูชาเริ่มการขับไล่ผู้<wbr></wbr>คนที่ตามรายงานมีจำนวน 10,000 ครอบครัวออกจากพื้นที่<wbr></wbr>ศาสนาสถานที่กว้างใหญ่ในเมื<wbr></wbr>องเสียมราฐ โดยอ้างถึงความจำเป็นในการปกป้<wbr></wbr>องสถานที่อายุประมาณพันปี<wbr></wbr>จากความเสียหายที่อาจส่<wbr></wbr>งผลกระทบต่อสถานะมรดกโลกของยู<wbr></wbr>เนสโกของนครวัด </p>
<p>งานวิจัยของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งได้มาจากจากการสัมภาษณ์ผู้<wbr></wbr>คนมากกว่า 100 คน การลงพื้นที่ด้วยตนเอง 9 ครั้งสำหรับพื้นที่บริเวณนครวัด และพื้นที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ 2 แห่ง แสดงให้เห็นว่าทางการกัมพูชาล้<wbr></wbr>มเหลวในการแจ้งให้ประชาชนได้รั<wbr></wbr>บรู้อย่างเพียงพอหรือมีส่วนร่<wbr></wbr>วมในการปรึกษาหารืออย่างจริ<wbr></wbr>งใจก่อนที่จะมีการไล่รื้อ นอกจากนี้ยังข่มขู่หลายคนไม่ให้<wbr></wbr>ตั้งคำถามเกี่ยวกับการไล่รื้<wbr></wbr>อครั้งนี้ และให้ย้ายไปยังพื้นที่ซึ่งยั<wbr></wbr>งไม่มีทั้งที่พักอาศัย น้ำที่เพียงพอ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามั<wbr></wbr>ย และการเข้าถึงการดำรงชีพอื่นๆ  </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53337229296_940945fbac_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53337462763_0a99ae1f4e_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53337569494_46e36a4a95_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53337569474_ccb5345157_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e74c3c;">แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล</span></p>
<p>มอนต์เซ เฟอร์เรอร์ รักษาการรองผู้<wbr></wbr>อำนวยการภูมิภาคฝ่ายวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ทางการกัมพูชาได้ไล่รื้อขับไล่<wbr></wbr>ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในนครวั<wbr></wbr>ดมาหลายชั่วอายุคนออกไปอย่<wbr></wbr>างโหดร้าย บังคับให้พวกเขาต้องมีชีวิตอย่<wbr></wbr>างแร้นแค้นในพื้นที่ตั้งถิ่<wbr></wbr>นฐานใหม่ที่ไม่มีการเตรี<wbr></wbr>ยมความพร้อมที่ดีพอ ทางการต้องยุติการบังคับไล่รื้<wbr></wbr>อหรือขับไล่ผู้คนและการละเมิ<wbr></wbr>ดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่<wbr></wbr>างประเทศโดยทันที </p>
<p>“หากยูเนสโกมุ่งมั่นที่จะทำให้<wbr></wbr>สิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจสำคั<wbr></wbr>ญในการดำเนินการทั้งหมด ก็ควรประณามการบังคับไล่รื้อที่<wbr></wbr>ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรั<wbr></wbr>บการจัดการแหล่งมรดกโลก โดยเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพู<wbr></wbr>ชาหยุดการกระทำเหล่านั้น และผลักดันให้มี<wbr></wbr>การสอบสวนสาธารณะที่เป็นอิสระ” มอนต์เซ เฟอร์เรอร์  กล่าว</p>

<p> </p>
<p>แม้ว่าจะทราบดีถึงการไล่รื้<wbr></wbr>อและสภาพพื้นที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ แต่ยูเนสโกก็ยังไม่ได้ประณามสิ่<wbr></wbr>งที่เกิดขึ้นบริเวณนครวัดต่<wbr></wbr>อสาธารณะ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าไม่ได้<wbr></wbr>ดำเนินการสอบสวนสาธารณะเกี่ยวกั<wbr></wbr>บข้อค้นพบของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล </p>
<p>รัฐกัมพูชาอ้างยูเนสโกเป็นเหตุ<wbr></wbr>ผลซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับโครงการ "ย้ายถิ่นฐาน" โดยมีอย่างน้อย 15 กรณีที่ครอบครัวบอกกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่า ทางการระบุว่ายูเนสโกคือสาเหตุ<wbr></wbr>ที่ผู้คนต้องย้ายออกจากนครวัด </p>
<p>ผู้นำชุมชนพยายามยื่นคำร้องต่<wbr></wbr>อสำนักงานยูเนสโกในกรุงพนมเปญ โดยเน้นย้ำถึงความไม่พอใจเกี่<wbr></wbr>ยวกับการไล่รื้อ แต่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รั<wbr></wbr>กษาความปลอดภัยว่ายูเนสโกไม่ได้<wbr></wbr>ทำงานเกี่ยวกับปัญหาที่ดิน </p>
<p>สืบเนื่องจากสิ่งที่ค้<wbr></wbr>นพบในรายงาน ยูเนสโกแจ้งกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่าไม่เคยเรี<wbr></wbr>ยกร้องให้มี “การโยกย้ายถิ่นฐานของประชากร” เมื่อแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวหาว่ามี<wbr></wbr>การไล่รื้อในนามของยูเนสโก ศูนย์มรดกโลกของยูเนสโกตอบกลั<wbr></wbr>บมาว่าการกระทำของรัฐภาคีไม่ใช่<wbr></wbr>ความรับผิดชอบของยูเนสโก “แม้ว่ารัฐสมาชิกจะอ้<wbr></wbr>างความชอบธรรมในการดำเนิ<wbr></wbr>นการในนามขององค์กรก็ตาม”  </p>
<p>แต่ความจริงที่ว่าการบังคับไล่<wbr></wbr>รื้อในปัจจุบันกำลังดำเนิ<wbr></wbr>นการโดยอ้างการอนุรักษ์แหล่<wbr></wbr>งมรดกโลกของยูเนสโก ดังนั้นควรต้องมีการตอบสนองที่<wbr></wbr>ชัดเจนและเข้มแข็ง </p>
<p>“หากไม่มีการตอบโต้อย่างจริงจั<wbr></wbr>งจากยูเนสโก ความพยายามในการอนุรักษ์<wbr></wbr>อาจกลายเป็นอาวุธของรัฐต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ของตนเองเพิ่<wbr></wbr>มมากขึ้น และเกิดความสูญเสียด้านสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนได้” มอนต์เซ กล่าว</p>

<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106849
 
3740  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แผ่นดินไหวขนาด 6.7 เขย่าฟิลิปปินส์รุนแรง บ้านเรือน ห้างสรรพสินค้าเสียหายหนัก เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2566 02:55:46
แผ่นดินไหวขนาด 6.7 เขย่าฟิลิปปินส์รุนแรง บ้านเรือน ห้างสรรพสินค้าเสียหายหนัก
         


แผ่นดินไหวขนาด 6.7 เขย่าฟิลิปปินส์รุนแรง บ้านเรือน ห้างสรรพสินค้าเสียหายหนัก" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;แผ่นดินไหวขนาด 6.7 เขย่าฟิลิปปินส์รุนแรง บ้านเรือน ห้างสรรพสินค้าเสียหายหนัก ยังไม่ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต
         

https://www.sanook.com/news/9107474/
         
หน้า:  1 ... 185 186 [187] 188 189 ... 1119
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.506 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 10:49:14