[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 18:44:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 251 252 [253] 254 255 ... 1119
5041  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - บิ๊กก้อง แถลงคดีกำนันนก ยืนยัน ผกก.เบิ้ม ไม่ผิดฐานละเว้น ส่วน ผกก.พญาไทไม่รอด 157 เมื่อ: 26 กันยายน 2566 11:24:53
บิ๊กก้อง แถลงคดีกำนันนก ยืนยัน ผกก.เบิ้ม ไม่ผิดฐานละเว้น ส่วน ผกก.พญาไทไม่รอด 157
         


บิ๊กก้อง แถลงคดีกำนันนก ยืนยัน ผกก.เบิ้ม ไม่ผิดฐานละเว้น ส่วน ผกก.พญาไทไม่รอด 157" width="75" height="75
  
         

https://www.sanook.com/news/9047682/
         
5042  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เสรีพิศุทธ์ เชื่อค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก เบื้องหลังหวังดิสเครดิต เตือนเศรษฐาคิดดีๆ แต่ เมื่อ: 26 กันยายน 2566 10:12:01
เสรีพิศุทธ์ เชื่อค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก เบื้องหลังหวังดิสเครดิต เตือนเศรษฐาคิดดีๆ แต่งตั้ง ผบ.ตร.
         


เสรีพิศุทธ์ เชื่อค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก เบื้องหลังหวังดิสเครดิต เตือนเศรษฐาคิดดีๆ แต่งตั้ง ผบ.ตร." width="75" height="75
  "เสรีพิศุทธ์" เชื่อมีเบื้องหลัง ค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่รู้ แต่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ควรรู้บ้านใคร เตือนเศรษฐา จะแต่งตั้งใคร คิดให้รอบคอบ
         

https://www.sanook.com/news/9047394/
         
5043  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ธำรงศักดิ์' เผยผลสำรวจ นศ.ป.ตรี Gen Z 60% ไม่เชื่อมั่น ครม.เศรษฐา จะทำตามสัญญาหาเส เมื่อ: 26 กันยายน 2566 09:56:06
'ธำรงศักดิ์' เผยผลสำรวจ นศ.ป.ตรี Gen Z 60% ไม่เชื่อมั่น ครม.เศรษฐา จะทำตามสัญญาหาเสียงเลือกตั้ง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 17:02</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ เผยผลสำรวจ คน Gen Z ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย พบ ไม่เชื่อมั่นคณะรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ว่าจะทำตามสัญญาหาเสียงเลือกตั้ง มากกว่าร้อยละ 60 และไม่เชื่อมั่นว่าจะทำตามนโยบายรัฐบาล ร้อยละ 58</p>
<p>25 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์' ของ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ รองศาสตราจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รายงานว่า สำรวจดังกล่าว เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากคน Gen Z (ช่วงอายุ 18-26 ปี) ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย จำนวน 500 คน เกี่ยวกับทัศนคติทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง เก็บแบบสอบถามระหว่าง 13-15 ก.ย. 2566</p>
<p>สองข้อคำถามว่า</p>
<p>1. “ท่านเชื่อมั่นในคณะรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ระดับใด ว่าจะทำตามสัญญาที่หาเสียงในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566”</p>
<p>2. “ท่านเชื่อมั่นในคณะรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ระดับใด ว่าจะทำตามสัญญาในนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา”</p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>'ธำรงศักดิ์' เผยผลสำรวจ นศ.ป.ตรี Gen Z กว่า 80% ยังปรารถนาให้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ</li>
</ul>
</div>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="714" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpermalink.php%3Fstory_fbid%3Dpfbid02t6rpzapKSKAZt7VGKZRek6YctBq7iYVWZzVeAz6ZDAwuiTFgeRyt8u8JR6HPvZL2l%26id%3D100050549886530&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>ผลการวิจัยพบว่า</p>
<p>1.คน Gen Z เชื่อมั่นในคณะรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ระดับใด ว่าจะทำตามสัญญาที่หาเสียงในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 โดยเชื่อมั่นในระดับน้อยที่สุด ร้อยละ 34.5 (172 คน) เชื่อมั่นในระดับน้อย ร้อยละ 30.9 (154 คน) รวมทัศนคติคน Gen Z เชิงไม่เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 65.4 เชื่อมั่นในระดับปานกลาง ร้อยละ 29.1 (145 คน) ส่วนเชื่อมั่นในระดับมาก ร้อยละ 4.5 (22 คน) และเชื่อมั่นในระดับมากที่สุด ร้อยละ 1 (5 คน) รวมทัศนคติคน Gen Z เชิงเชื่อมั่นมาก ร้อยละ 5.5</p>
<p>2. คน Gen Z เชื่อมั่นในคณะรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ระดับใด ว่าจะทำตามสัญญาในนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเชื่อมั่นในระดับน้อยที่สุด ร้อยละ 25.5 (127 คน) เชื่อมั่นในระดับน้อย ร้อยละ 32.5 (162 คน) รวมทัศนคติคน Gen Z เชิงไม่เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 58 เชื่อมั่นในระดับปานกลาง ร้อยละ 34.1 (170 คน) ส่วนเชื่อมั่นในระดับมาก ร้อยละ 6.4 (32 คน) และเชื่อมั่นในระดับมากที่สุด ร้อยละ 1.5 (7 คน) รวมทัศนคติคน Gen Z เชิงเชื่อมั่นมาก ร้อยละ 7.9</p>
<p>3. บทวิเคราะห์และการเก็บข้อมูลเชิงลึก ทัศนคติคน Gen Z เชิงไม่เชื่อมั่นมากต่อคณะรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าจะทำตามสัญญาที่หาเสียงในการเลือกตั้ง และว่าจะทำตามสัญญาในนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา มีความสัมพันธ์กับความนิยมของคน Gen Z ที่มีต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในระดับน้อยมากเพียงร้อยละ 2 ทั้งคน Gen Z ยังผิดหวังอย่างลึกล้ำในแนวทาง “ปิดสวิตช์ สว. ปิดสวิตช์ 3 ป.” ที่ไม่เป็นจริง รวมทั้งรัฐมนตรีชุดนี้ก็คือรัฐมนตรีจำนวนมากจากพรรคการเมืองที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช. และไม่ได้ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เช่นกัน</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อมูลพื้นฐาน</span></h2>
<p>งานวิจัยทัศนคติของคน Gen Z ต่อ 11 ประเด็นคำถามเกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน 2566 (เมื่อวันที่ 11-12 กันยายน รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แถลงนโยบายต่อรัฐสภา บ่ายวันศุกร์ที่ 15 กันยายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศผ่านเฟสเพจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล) โดยเก็บแบบสอบถามรวม 500 คน</p>
<p>เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม : หญิง 298 คน (59.6%) ชาย 150 คน (30.0%) เพศหลากหลาย 52 คน (10.4%)</p>
<p>โรงเรียนที่ท่านจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากเขตภูมิภาคใด : กรุงเทพฯ 128 คน (25.6%) ภาคกลาง 178 คน (35.6%) ภาคเหนือ 41 คน (8.2%) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 80 คน (16.0%) ภาคใต้ 73 คน (14.6%)</p>
<p>อายุของผู้ตอบแบบสอบถาม อายุ 18 ปี 232 คน (46.4%) อายุ 19 ปี 184 คน (36.8%) อายุ 20 ปี 54 คน (10.8%) อายุ 21 ปี 20 คน (4.0%) อายุ 22 ปี 8 คน (1.6%) อายุ 23 ปี 1 คน (0.2%) อายุ 24 ปี 1 คน (0.2%) อายุ 25 ปี 0 คน (0%) อายุ 26 ปี 0 คน (0%)</p>
<p>มีผู้ตอบคำถามสองข้อนี้ ข้อละ 498 คน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106062
 
5044  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ค้น 30 จุด ยึดของกลางคดีลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ตุ๊กตาแบร์บริค-อเล็กเฟส ตัวละหลายแสน เมื่อ: 26 กันยายน 2566 08:53:27
ค้น 30 จุด ยึดของกลางคดีลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ตุ๊กตาแบร์บริค-อเล็กเฟส ตัวละหลายแสน
         


ค้น 30 จุด ยึดของกลางคดีลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ตุ๊กตาแบร์บริค-อเล็กเฟส ตัวละหลายแสน" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ค้น 30 จุด ยึดของกลางคดีลูกน้องบิ๊กโจ๊ก เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ มีตุ๊กตาแบร์บริค-อเล็กเฟส ตัวละหลายแสน
         

https://www.sanook.com/news/9047414/
         
5045  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'เศรษฐา' นำประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ย้ำดำเนินนโยบายเหมาะสม รวดเร็ว ครอบคลุม เมื่อ: 26 กันยายน 2566 08:26:01
'เศรษฐา' นำประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ย้ำดำเนินนโยบายเหมาะสม รวดเร็ว ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 17:28</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เศรษฐา ทวีสิน ประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการฯ ย้ำทุกส่วนราชการดำเนินนโยบายเหมาะสม รวดเร็ว ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ ให้ประเทศก้าวหน้าประชาชนทั่วประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อวยพรผู้เกษียณมีสุขภาพใจ-กายที่แข็งแรง ใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุขตลอดไป</p>
<p>25 ก.ย.2566 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า วันนี้ (25 ก.ย. 66) เวลา 11.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพ โดยมี พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ ผู้บริหารสำนักงาน ก.พ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ </p>
<p>ก่อนการประชุมฯ นายกรัฐมนตรี ได้ถ่ายภาพร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า พร้อมถ่ายภาพหมู่และภาพเดี่ยวร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าที่ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2566 ณ บริเวณโถงตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2566 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมฯ ว่า ในวาระการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ที่ได้มาพบกับหัวหน้าส่วนราชการฯ ทุกคน และขอขอบคุณที่มาร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงในวันนี้  พร้อมขอบคุณหัวหน้าส่วนราชการฯ ที่จะเกษียณอายุราชการ และขอชื่นชมความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกคนที่ได้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่ราชการ เพื่อประชาชนและประเทศชาติ ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งจนครบเกษียณอายุราชการ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจและความสง่างามในอาชีพราชการ และยังเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการรุ่นต่อไปที่จะเข้ามาสานต่อภารกิจสำคัญของประเทศในอนาคต</p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>'ธำรงศักดิ์' เผยผลสำรวจ นศ.ป.ตรี Gen Z 60% ไม่เชื่อมั่น ครม.เศรษฐา จะทำตามสัญญาหาเสียงเลือกตั้ง</li>
</ul>
</div>
<p>นายกรัฐมนตรีหวังว่าผู้เกษียณอายุราชการจะถ่ายทอดสิ่งล้ำค่าที่ได้จากการทำงานคือประสบการณ์ที่ทุกคนสั่งสมมาตลอดชีวิตการรับราชการ พร้อมทั้งบอกเล่าความภาคภูมิใจในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน เพื่อสร้างพลังบวกให้แก่บุคลากรรุ่นต่อ ๆ ไป พร้อมขอส่งความปรารถนาดีและขออวยพรให้ผู้เกษียณทุกคนมีสุขภาพใจ สุขภาพกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุขตลอดไป
 
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับชมวีดิทัศน์และบทบาทของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) มีภารกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการด้านการเมือง ด้านวิชาการ ด้านเลขานุการ ตลอดจนเป็นศูนย์ประสานการบริหารราชการของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งข้าราชการการเมืองสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พร้อมมุ่งสู่การเป็นองค์การสมรรถนะสูง ให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยยึดค่านิยมหลักของ สลน. คือ SPM ประกอบด้วย ความร่วมแรงร่วมใจ  (Synergy) ความเป็นมืออาชีพ (Professional) และความมีคุณธรรม (Moral) โดยในปีที่ผ่านมา สลน. ก็ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็น “องค์กรคุณธรรมต้นแบบ” และก้าวต่อไปของ สลน. จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามวิสัยทัศน์ “การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง เพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีให้บรรลุผล โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” เพื่อมุ่งรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน</p>
<p>ต่อจากนั้นหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่ครบเกษียณอายุราชการประจำปี 2566 กล่าวถึงประสบการณ์และความประทับใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ผ่านมา</p>
<p>โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าพร้อมรับฟังข้อคิดเห็นที่ดีและความปรารถนาดีของผู้เกษียณอายุราชการทุกคน ยืนยันถึงการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจจริงในการทำงานให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการฯ โดยเน้นย้ำหัวหน้าส่วนราชการฯ ว่า ทุกนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาในการบริหารราชการแผ่นดินต้องทำให้เกิดขึ้นได้จริง โดยเฉพาะในระยะเร่งด่วนนี้ ขอให้ทุกคนพิจารณาสิ่งที่ทำได้ทันทีก่อน โดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน การลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ทั้งเกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้ฟื้นตัวและกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง การส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชันและยาเสพติด</p>
<p>สำหรับในระยะกลางและระยะยาวนั้น นายกรัฐมนตรีอยากให้หัวหน้าส่วนราชการฯ วางรากฐาน และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศ การทลายข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ปิดกั้น การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งการสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การปฏิรูปการศึกษา รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนที่ครอบคลุมในทุกมิติ ตลอดจนการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามนโยบายรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของทั่วโลกในปัจจุบันและอนาคต</p>
<p>นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการที่ได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัด เพื่อรับทราบประเด็นปัญหา และแนวทางการพัฒนา ทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล รวมทั้งยังได้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการต่าง ๆ และได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายในการแก้ไขปัญหา ปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค รวมทั้งในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนโยบายไปดำเนินการหลายเรื่อง จึงขอให้ทุกส่วนราชการดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวหน้า ประชาชนทั่วประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมขอเป็นแรงใจให้หัวหน้าส่วนราชการฯ ทุกคนทำภารกิจตามหน้าที่ความรับผิดชอบให้สำเร็จลุล่วงตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป</p>
<p>นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งโยกย้ายด้วยความเป็นธรรมซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก โดยยืนยันจะพยายามให้ความเป็นธรรมให้มากที่สุด และขอความร่วมมือกับหัวหน้าส่วนราชการฯ ทุกคนช่วยกันดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง</p>
<p>ภายหลังการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีได้มอบของที่ระลึกแก่หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2566 พร้อมร่วมรับประทานหารกลางวันกับคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าด้วย</p>
<p>สำหรับหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าที่ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2566 มีจำนวน 10 ราย ประกอบด้วย 1) ธนากร บัวรัษฏ์ ผู้อานวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ 2) พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ 3) สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 4) กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน 5) บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน 6) อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 7) ปวัตร์ นวะมะรัตน เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 8) พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 9) พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 10) ขจิต ชัชวานิตย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106063
 
5046  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เครือข่ายนักศึกษา เตรียมจัดรำลึก 47 ปี 6 ตุลาฯ เชิญประมุข 3 ฝ่าย ร่วมแสดงจุดยืน-ขอโ เมื่อ: 26 กันยายน 2566 06:55:51
เครือข่ายนักศึกษา เตรียมจัดรำลึก 47 ปี 6 ตุลาฯ เชิญประมุข 3 ฝ่าย ร่วมแสดงจุดยืน-ขอโทษ-เยียวยา
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 18:14</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก @ccptcap_ ที่มา : tuphotoclub</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เครือข่ายนักศึกษาฯ แถลงจัดงานรำลึก 47 ปี 6 ตุลาฯ ร่วมถอดบทเรียนและจดจำประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน พร้อมประกาศเชิญประมุข 3 ฝ่าย ร่วมแสดงความเคารพต่อวีรชนและรับผิดชอบต่ออาชญากรรมโดยรัฐ เน้นร่วมจับตาการขัดขวางจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นหลายปีที่ผ่านมา</p>
<p>25 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ย. 66) เครือข่ายนักศึกษาจัดงาน 47 ปี 6 ตุลาฯ และ สุเทพ สุริยะมงคล ร่วมแถลงต่อสื่อมวลชนและประชาชนเกี่ยวกับจุดประสงค์และแนวทางการจัดกิจกรรมรำลึก 47 ปี 6 ตุลาฯ 2519 ที่ห้องประชุม จารุพงษ์ ทองสินธุ์ ณ ตึกกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยกล่าวว่างานรำลึกนี้จะถูกจัดขึ้นตลอดวันที่ 6 ต.ค. 66 ในชื่องาน ‘47 ปี 6 ตุลาฯ: กว่าจะเป็นประชาธิปไตย’</p>
<p>นัสรี พุ่มเกื้อ ประธานสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กล่าวว่าการจัดงานรำลึกครั้งนี้เป็นการรวมตัวของนักศึกษาหลายสถาบันที่มีเจตนารมณ์ในการธำรงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนบนเส้นทางอันได้มาซึ่งประชาธิปไตย และกิจกรรมครั้งนี้จะนำเสนอประเด็นขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั้งจากข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้แล้วก่อนหน้านี้และหลักฐานหรือประเด็นใหม่ที่จะมีการเปิดเผยในกิจกรรมของงานทั้งช่วงเช้า บ่าย และเย็น </p>
<p>โดยเครือข่ายนักศึกษาฯ มีความคาดหวังว่า กิจกรรมนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและทำให้เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นประวัติศาสตร์ของชาติอันพึงจดจำหาใช่ประวัติศาสตร์ที่รัฐไทยพยายามกลืนไปจากความทรงจำของประชาชน</p>
<p>นอกจากนั้น ยังขอรณรงค์ให้ประชาชนและองค์กรที่ประสงค์วางดอกไม้หรือพวงมาลาให้เลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ดอกไม้หรือต้นไม้ แทนพวงมาลาดอกไม้สดขนาดใหญ่เพื่อร่วมลดการสร้างขยะ และสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ Facebook page ‘47 ปี 6 ตุลา: กว่าจะเป็นประชาธิปไตย’</p>
<p>ฐิรวัฒน์ แทบทับ นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นตัวแทนของเครือข่ายนักศึกษาฯ ประกาศเชิญประมุขทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ นายกรัฐมนตรี (ประมุขฝ่ายบริหาร) ประธานรัฐสภา (ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ) และประธานศาลฎีกา (ประมุขฝ่ายตุลาการ) มาร่วมแสดงความเคารพต่อวีรชนและแสดงจุดยืนในการให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาติ โดยเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ทำหนังสือเรียนเชิญประมุขทั้ง 3 ฝ่ายมาเข้าร่วมกิจกรรมรำลึกเป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปี ตามคำร้องขอของเครือข่ายนักศึกษาฯ</p>
<p>เหตุผลในการเชิญประมุข 3 ฝ่ายมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ คือ งานรำลึกไม่ได้มีความสำคัญแค่ในมุมมองประวัติศาสตร์ของประชาชนแต่ยังสามารถนับเป็นการครบรอบ 47 ปี แห่งอาชญากรรมรัฐที่ไร้ซึ่งการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และการไร้ซึ่งการขอโทษอย่างเป็นทางการของรัฐไทย</p>
<p>”การเชิญประมุข 3 ฝ่าย สามารถสื่อถึงการยอมรับต่อเหตุการณ์นี้โดยรัฐเพื่อให้เกิด คำขอโทษสาธารณะ หรือ public apology ว่าครั้งหนึ่งรัฐเคยกระทำความผิดพลาดโดยก่ออาชญากรรมต่อประชาชน“ นัสรีเสริม</p>
<p>ปัจจุบัน ยังมีประชาชนบางกลุ่มที่หลงเชื่อข่าวลวงที่รัฐไทยสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ เครือข่ายนักศึกษาฯ ขอให้ทุกคนเปิดใจรับข้อมูลที่มีหลักฐานและประจักษ์พยานต่าง ๆ</p>
<p>“เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ควรถูกจดจำอยู่ในฐานะของผู้ที่พ่ายแพ้ แต่บุคคลเหล่านี้ควรถูกกล่าวขานในฐานะ วีรชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ของชาติ” ฐิรวัฒน์กล่าว</p>
<p>ฐิรวัฒน์ได้ย้ำให้ประชาชนร่วมจับตาหรือคอยเฝ้าระวัง เหตุการณ์ที่อาจสร้างอุปสรรคต่อการจัดกิจกรรมเช่นหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในม.ธรรมศาสตร์หรือต่างจังหวัด เช่น การอ้างเหตุผลไม่อนุญาตให้จัดงาน การปิดลานปติมากรรม หรือการไถปรับปรุงสนามบอล เป็นต้น</p>
<p>นอกจากนั้น ยังเชิญชวนองค์กรกิจกรรมนักศึกษาทั่วประเทศให้ร่วมกันจัดกิจกรรมรำลึกประวัติศาสตร์ของประชาชน ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้พร้อมกันทั่วประเทศ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106064
 
5047  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ว่อนเน็ต! หนุ่มตี๋ถอดกางเกง ควักลูกชาย "ฉีดน้ำ" ใส่หม้อชาบูร้านดัง ร้านเดียวก เมื่อ: 26 กันยายน 2566 06:22:41
ว่อนเน็ต! หนุ่มตี๋ถอดกางเกง ควักลูกชาย "ฉีดน้ำ" ใส่หม้อชาบูร้านดัง ร้านเดียวกับสาวซีทรู
         


ว่อนเน็ต! หนุ่มตี๋ถอดกางเกง ควักลูกชาย &quot;ฉีดน้ำ&quot; ใส่หม้อชาบูร้านดัง ร้านเดียวกับสาวซีทรู" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;โซเชียลเดือด หนุ่มถอดกางเกง "ฉีดน้ำ" ใส่หม้อชาบูร้านดัง ใครดูก็อี๋ ขยะแขยงจนไม่กล้าไปกิน
         

https://www.sanook.com/news/9046630/
         
5048  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เมื่อป่าชุมชนกว่า 200 แห่ง กำลังกลายเป็น ‘ป่าคาร์บอน’ ฟังเสียงสะท้อน ลดโลกร้อนได เมื่อ: 26 กันยายน 2566 05:23:17
เมื่อป่าชุมชนกว่า 200 แห่ง กำลังกลายเป็น ‘ป่าคาร์บอน’ ฟังเสียงสะท้อน ลดโลกร้อนได้จริงไหม?
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 20:22</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา (สจน.) รายงาน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา หรือ สจน. ชวนทบทวนข้อมูล พบ 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 ไทยมี ‘ป่าคาร์บอน’ 18 จังหวัด 211 ป่าชุมชน ฟังเสียงสะท้อนคาร์บอนเครดิตฟอกเขียว ไม่หยุดปล่อยคาร์บอน ไม่ลดโลกร้อน</p>
<p>รัฐบาลประยุทธ์ และรัฐบาลเศรษฐา แก้ปัญหาโลกร้อน โลกรวน ด้วยนโยบาย ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)’ โดยในช่วง 20 กว่าปีนี้เน้นการ ‘ดูดกลับ’ ก๊าซเรือนกระจก 120 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ ‘ชดเชย’ การปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยการซื้อคาร์บอนเครดิต</p>
<p>ข้อมูลในปี 2564 ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจในประเทศไทยมีการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกรวมกัน 100 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ดังนั้น ยังเหลือตามเป้าหมายอีก 20 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภท ร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ รวมเนื้อที่ 177.94 ล้านไร่ ภายใน พ.ศ. 2580 เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ในขณะที่ปัจจุบันมีพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 39.60 รวมเนื้อที่ 128.12 ล้านไร่ ดังนั้น ต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียว ประมาณ 49.82 ล้านไร่</p>
<p>ข้อมูลจากกรอบร่างยุทธศาสตร์พื้นที่สีเขียว ระบุเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ดังนี้ (1) เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เป็นป่าธรรมชาติ จากร้อยละ 31.58 เนื้อที่ 102.17 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 35 เนื้อที่ 113.23 ล้านไร่ หรือเพิ่มอีกประมาณ 11.06 ล้านไร่ (2) เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการใช้ประโยชน์ จากร้อยละ 8.02 เนื้อที่ 25.95 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 15 เนื้อที่ 48.53 ล้านไร่ หรือเพิ่มอีกประมาณ 22.58 ล้านไร่ (3) เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ/เพื่อการเรียนรู้ จากร้อยละ 2-3 เนื้อที่ 6.47-9.70 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 5 เนื้อที่ 16.18 ล้านไร่</p>
<p>หลังจากนั้น อีก 27 ปี หรือภายใน พ.ศ. 2593 จึงจะ ‘ลด’ การปล่อยก๊าซคาร์บอน ด้วยการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างน้อยร้อยละ 50</p>
<p>เมื่อรัฐบาลผ่อนผันให้ธุรกิจที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสามารถปล่อยก๊าซได้อีก 20 กว่าปี ป่าชุมชนจึงเป็นพื้นที่เป้าหมายของโครงการคาร์บอนเครดิต เพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอน ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่กรมป่าไม้ 12,231 แห่ง เนื้อที่ 6,308,712 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีป่าชุมชนในพื้นที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนจะถูกโน้มน้าวให้เข้าร่วมโครงการ โดยมีเงินทุนสนับสนุน และมีการแบ่งปันผลประโยชน์จากการค้าคาร์บอนเครดิตจำนวนหนึ่ง</p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>ปชช.ใต้ จัดวงถก 'คาร์บอนเครดิต' ชี้ไม่ลดโลกร้อน รัฐสอบตกธรรมาภิบาล ชุมชนหวั่นเสียสิทธิจากป่าชายเลน</li>
<li>4 เรื่องที่ควรรู้ เมื่อรัฐบาลเศรษฐาสานต่อ ‘คาร์บอนเครดิต’ จากรัฐบาลประยุทธ์</li>
</ul>
</div>
<h2><span style="color:#2980b9;">3 ไตรมาสแรกของปี 2566 ไทยมี ‘ป่าคาร์บอน’ 18 จังหวัด 211 ป่าชุมชน </span>   </h2>
<p>จากการรวบรวมข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2566 พบว่า ป่าชุมชน 211 แห่ง ในพื้นที่ 18 จังหวัด กำลังกลายเป็นป่าคาร์บอน โดยเป็นป่าชุมชน (ป่าบก) 129 แห่ง ป่าชุมชนชายเลน 82 แห่ง รวมปริมาณการดูดกลับก๊าซคาร์บอน ประมาณ 1,904,463 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ดังนี้</p>
<p><strong>1) กรณีป่าชุมชน (ป่าบก)</strong></p>
<p>ในช่วงปี พ.ศ. 2563-2566 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปภัมภ์ ได้ดำเนินโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนา ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก GISTDA และภาคเอกชน กว่า 20 บริษัท มีการขึ้นทะเบียนป่าชุมชน 129 แห่ง เนื้อที่ 194,850 ไร่ ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร อุทัยธานี อำนาจเจริญ ยโสธร และกระบี่ ครอบคลุมระยะเวลา 10 ปี ดูดกลับก๊าซคาร์บอนได้ 500,000 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า</p>
<p><strong>2) กรณีป่าชุมชนชายเลน</strong></p>
<p>ในปี พ.ศ. 2566 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกประกาศกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรื่อง ขอเชิญชวนชุมชนชายฝั่ง/ชุมชนท้องถิ่น เข้าร่วมโครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน โดยชุมชนท้องถิ่น/ชุมชนชายฝั่ง ที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน สามารถเข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต</p>
<p>ทั้งนี้ ในช่วงเดือน มี.ค. – ก.ย. 66 มีการออกประกาศกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แจ้งผลการอนุมัติพื้นที่โครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ ประกาศ ครั้งที่ 1/2566 ครั้งที่ 2/2566 ครั้งที่ 2/2566 (เพิ่มเติม) ครั้งที่ 3/2566 และ ครั้งที่ 4/2566 โดยมีชุมชนได้รับอนุมัติพื้นที่โครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน จำนวน 82 ชุมชน เนื้อที่ประมาณ 149,411 ไร่ อยู่ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพร</p>
<p>เมื่อคำนวณปริมาณการดูดกลับก๊าซคาร์บอนในพื้นที่โครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน เนื้อที่ประมาณ 149,411 ไร่ ในอัตราไร่ละ 9.4 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า พบว่าดูดกลับก๊าซคาร์บอนได้ปีละประมาณ 1,404,463.4 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทั้งนี้ ป่าชายเลนมีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนมากกว่าป่าบก</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เสียงสะท้อนคาร์บอนเครดิตฟอกเขียว ไม่หยุดปล่อยคาร์บอน ไม่ลดโลกร้อน</span></h2>
<p>การนำป่าชุมชนและป่าอื่นๆ ไปเป็นป่าคาร์บอน ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการฟอกเขียว หรือสร้างความชอบธรรมให้ธุรกิจที่ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อน โลกรวน คาร์บอนเครดิตไม่สามารถสร้างสำนึกให้ธุรกิจที่ได้รับสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอนลดการปล่อยก๊าซ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ และยังเป็นการผลักภาระให้กับชุมชน สังคม และโลกอีกด้วย</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53162359887_965e8bf402_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ภาพส่วนหนึ่งจากเวที "คาร์บอน​เครดิต​ กู้วิกฤต​โลก​ร้อน​จริงไหม ? ชุมชน ได้-เสีย อะไร ? " มีผู้เข้าร่วมจาก 6 จังหวัด​ ได้แก่ ตรัง สตูล​ กระบี่ พังงา ระนอง และ สุราษฏร์​ธานี และมีการถ่ายทอดสดทางเพจขบวนการ​ประชาชน​เพื่อ​สังคม​ที่​เป็นธรรม​ P-move และเพจสื่อเถื่อน</span></p>
<p>กฤษฎา บุญชัย สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา กล่าวว่า หลักคิดคาร์บอนเครดิตป่าไม้ผิดตรงที่เอาธรรมชาติเป็นเครื่องจักร เอาชุมชนเป็นแรงงานรับจ้าง ผลิตสิทธิการปล่อยคาร์บอนราคาถูกให้ทุนรายใหญ่ใช้เสริมความมั่งคั่งจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังอ้างว่าช่วยโลกช่วยชุมชนด้วย ตลาดคาร์บอนไม่ควรให้เกิดการฟอกเขียว ที่เอากลุ่มทุนที่ยังไม่รับผิดขอบเข้าสู่ตลาดเหล่านั้น เราอาจมีมาตรการอื่นๆ ที่จะสร้างแรงจูงใจที่ถูกต้องให้กับผู้ทำความดี มีมาตรการควบคุมกำกับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ภายใต้กรอบคาร์บอนเครดิตไปไม่ถึงสิ่งเหล่านั้น</p>
<p>ตอนนี้หน่วยงานภาครัฐ พยายามมาทำความเข้าใจกับชุมชนในแง่ที่ว่า ชุมชนจะได้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ได้เม็ดเงินจากการดูแลทรัพยากร แต่บอกไม่หมดว่าคนซื้อจะซื้อไปทำอะไร ไม่บอกให้ชัดว่าคนซื้อต้องการเอาไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ตนเองอยากปล่อยต่อไป ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิ และเป็นธุรกิจแบบใหม่ที่ก่อให้เกิดการฟอกเขียว เท่ากับว่าเรากำลังเอาธรรมชาติ เอาชุมชนมาเป็นผู้แบกภาระให้อุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดโลกร้อนยังคงเติบโตต่อไปใช่ไหม แล้วเม็ดเงินที่ชาวบ้านได้มันจะคุ้มกันไหม ถ้าจะต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรของตนเอง</p>
<p>สมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน กล่าวว่า การซื้อขายคาร์บอนเครดิตเป็นมหกรรมของการฟอกเขียว เป็นมหกรรมแย่งยึดทรัพยากรของพี่น้องโดยภาครัฐยกไปให้กลุ่มทุน ระบบซื้อขายคาร์บอนเครดิตไม่ได้แก้ปัญหาโลกร้อน แต่คือการสร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่มทุนที่ยังปล่อยมลพิษ ด้วยการสร้างกลไกการตลาด เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น ใครยอมรับก็เท่ากับร่วมกันทำลายโลกใบนี้อย่างเห็นแก่ตัวที่สุด</p>
<p>ในส่วนสัญญาคาร์บอนเครดิตระหว่างชุมชนกับบริษัทแห่งหนึ่ง พบว่าการแบ่งผลประโยชน์จากการขายคาร์บอนเครดิต บริษัทได้ถึง 70% ชุมชนได้ 20% หน่วยงานรัฐได้ 10% เป็นระบบจัดสรรผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม กลุ่มทุนเหล่านั้นไม่ได้ปลูกป่าเอง ชุมชนดูแลรักษาป่าชายเลนกันมาหลายสิบปี จนเป็นป่าที่สมบูรณ์ ต้นไม้โตแล้ว สามารถนำไปขายคาร์บอนเครดิตได้เลย อยู่ๆ สิทธิในการรักษาป่า การใช้ประโยชน์จากป่า หรือแม้กระทั่งประโยชน์การขายคาร์บอนเครดิตตกอยู่กับกลุ่มทุน แบบนี้เป็นการชุบมือเปิบไหม มีคำถามว่าทำไมชาวบ้านที่รวมตัวกันเป็นคณะกรรมการป่าชุมชนไม่สามารถขายคาร์บอนเครดิตได้โดยตรง ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีการนี้ แต่เป็นข้อสังเกตว่านี่เป็นวิธีการแย่งยึดฐานทรัพยากรของชุมชนอย่างเห็นได้ชัด</p>
<p>กันยา ปันกิติ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาโลกร้อนต้องเป็นธรรม หลายปีที่ผ่านมาเกษตรกรในพื้นที่ที่ถูกเขตอุทยานฯ ประกาศทับที่ หากตัดโค่นต้นยางพาราเพื่อปลูกใหม่จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายข้อหาทำให้โลกร้อน แต่โรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้โลกร้อนกลับไม่ถูกเรียกค่าเสียหายอะไร เขาต้องการให้เราปลูกป่าเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เขาปล่อยมา เขาได้เครดิตในการปล่อยคาร์บอนต่อ ทำโรงงานต่อ หรือทำเพิ่มมากขึ้น เขาไม่ได้ลดของเขาเลย บริษัทเอาคาร์บอนเครดิตจากชุมชนไปขายต่อ เขาได้กำไร เขาไม่หยุดปล่อยคาร์บอน ลดโลกร้อนไม่ได้</p>
<p>คาร์บอนเครดิตกู้วิกฤตโลกร้อนจริงไหม ? ใครได้ ใครเสีย อย่างไร ? เราจำเป็นต้องพิจารณาในมิติความเป็นธรรม สร้างแรงจูงใจให้ผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ รับผิดชอบต่อโลกอย่างแท้จริงด้วยการลดละเลิกการปล่อยก๊าซพิษตั้งแต่วันนี้ ในส่วนรัฐบาลไทยควรเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าอย่างน้อยร้อยละ 50 ตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรออีก 27 ปี !</p>
<p><strong>แหล่งข้อมูล</strong></p>
<ul>
<li>https://www.dmcr.go.th</li>
<li>https://www.dmcr.go.th/detailAll/64566/nws/0/</li>
<li>https://www.mnre.go.th/th/infographic/detail/3070</li>
<li>https://www.greenpeace.org/thailand/story/24432/climate-greenwashing-and-net-zero-strategies-thailand/</li>
<li>https://www.maefahluang.org/domestic-program-08/</li>
<li>https://www.bangkokbiznews.com/environment/1084030</li>
<li>https://forestinfo.forest.go.th/fCom_area.aspx</li>
<li>https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9660000059856</li>
</ul>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106066
 
5049  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - สว.เซ็ง เรียกหน่วยงานคุม "ทักษิณ" เข้าแจง แต่ไร้ข้อมูลอาการป่วย แพทย์ที่มาไม่ เมื่อ: 26 กันยายน 2566 04:11:48
สว.เซ็ง เรียกหน่วยงานคุม "ทักษิณ" เข้าแจง แต่ไร้ข้อมูลอาการป่วย แพทย์ที่มาไม่ใช่คนรักษา
         


สว.เซ็ง เรียกหน่วยงานคุม &quot;ทักษิณ&quot; เข้าแจง แต่ไร้ข้อมูลอาการป่วย แพทย์ที่มาไม่ใช่คนรักษา" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;อ้าว... กมธ.สิทธิฯ วุฒิสภา เรียกหน่วยงานคุม "ทักษิณ" แจงข้อมูล สุดท้ายเซ็ง แพทย์ที่มาไม่ใช่แพทย์ที่รักษาโดยตรง ไร้ข้อมูลอาการป่วย สว. ลุกเดินออกเป็นระยะๆ พูดเสียงเดียวกัน “ไม่มีประโยชน์”
         

https://www.sanook.com/news/9046182/
         
5050  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - คดีเปลี่ยน?! ตร.เช็กกล้องเด็ก 4 ขวบจมน้ำดับ อึ้ง พี่ชายวัย 26 ยืนจิบน้ำ มองน้องทุรนท เมื่อ: 26 กันยายน 2566 03:51:02
คดีเปลี่ยน?! ตร.เช็กกล้องเด็ก 4 ขวบจมน้ำดับ อึ้ง พี่ชายวัย 26 ยืนจิบน้ำ มองน้องทุรนทุราย
         


คดีเปลี่ยน?! ตร.เช็กกล้องเด็ก 4 ขวบจมน้ำดับ อึ้ง พี่ชายวัย 26 ยืนจิบน้ำ มองน้องทุรนทุราย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สะเทือนใจ ตร.เช็กกล้องคดีเด็ก 4 ขวบ จมน้ำดับในอพาร์ทเมนต์หรู ช็อก บันทึกภาพพี่ชายวัย 26 ยืนจิบน้ำ มองน้องทุรนทุราย
         

https://www.sanook.com/news/9046722/
         
5051  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'สนธิ' เผยผิดหวัง 'วัชรเรศร' ชมนิทรรศการ ม.112 ที่เสนอข้อมูลด้านเดียว เชื่อ ' เมื่อ: 26 กันยายน 2566 03:46:57
'สนธิ' เผยผิดหวัง 'วัชรเรศร' ชมนิทรรศการ ม.112 ที่เสนอข้อมูลด้านเดียว เชื่อ 'เมกา' อยู่เบื้องหลัง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-09-26 01:48</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: (ซ้าย) สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ และ (ขวา) ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ถ่ายภาพคู่กับ 'วัชรเรศร วิวัชรวงศ์' ในนิทรรศการ "โฉมหน้าของเหยื่อมาตรา 112" ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐฯ เมื่อ 19 ก.ย. 2566 (ที่มา: เฟซบุ๊ก Pavin)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'สนธิ' อดีตแกนนำพันธมิตรฯ เผยผ่านรายการ 'สนธิทอล์ก' ตอนที่ 208 ผิดหวัง 'วัชรเรศร' ชมงานนิทรรศการ "โฉมหน้าเหยื่อมาตรา 112" ที่สหรัฐฯ มองเป็นงานเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว มุ่งโจมตีสถาบัน เชื่อมีสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง เตือนอย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร ด้าน 'วัชรเรศร' โต้เขาไม่เคยเกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐ หรือ CIA ตามที่ถูกกล่าวอ้าง</p>
<p> </p>
<p>26 ก.ย. 2566 รายการ "Sonthitalk EP.208: ไปเพื่ออะไร (Full)" เผยแพร่ทางช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียยูทูบ "sonthitalk" โดยมีพิธีกรรายการคือ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อ "ผู้จัดการ" หรืออดีตแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งในนาทีที่ 00:10:19 - 00:20:12 สนธิ ได้หยิบยกประเด็นเมื่อ 19 ก.ย. 2566 สื่อสัญชาติสหรัฐฯ อย่าง "Voice of America" (VOA) ได้รายงานข่าวว่า วัชรเรศร วิวัชรวงศ์ โอรสองค์ที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขณะดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เดินทางไปรับชมนิทรรศการ "โฉมหน้าเหยื่อมาตรา 112" (Face of Victims of 112) ที่ Leroy Neiman Gallery มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ จัดโดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ลี้ภัยจากคดีมาตรา 112 และสนธิ ได้อ่านโพสต์เฟซบุ๊กความเห็นของวัชรเรศร หลังชมนิทรรศการดังกล่าว</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/hx3mNwsmepA?si=f5O5S4SwxTnlkYll" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>"ผมรักและเทิดทูนสถาบัน แต่เชื่อว่า "รู้" ดีกว่า "ไม่รู้" แต่ละคนก็มีความคิดเห็นของตัวเองที่มาจากประสบการณ์ของเขา ถ้าเผื่อเราไม่รับฟังความคิดเห็นของเขาก็ไม่ได้ทำให้มุมมองและความคิดเห็นของเค้าหายไป</p>
<p>"เพราะฉะนั้น รู้และรับฟังไว้ก็ดี รับรู้เหตุผลและมุมมองของหลายๆฝ่าย เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็อีกเรื่องนึง คุยกันด้วยเหตุผล" สนธิ กล่าวถึงโพสต์ของวัชรเรศร ที่ให้ความเห็นหลังจากชมนิทรรศการ เมื่อ 19 ก.ย. 66 ตามเวลาในประเทศไทย</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="295" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpermalink.php%3Fstory_fbid%3Dpfbid028Jk1my5NL5iCtAfTMsKSM7uLoidWUbcso7avh38KGgbeKAgo3A2k57qRyFUz2Tsel%26id%3D100000959462480&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>สนธิ กล่าวว่า ตนหงุดหงิดมากกับการที่วัชรเรศร ไปงานนิทรรศการดังกล่าว เพราะแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสถานะของราชวงศ์ แต่เขาต้องรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาไม่ใช่คนธรรมดา และมีสายเลือดของราชวงศ์จักรี นอกจากนี้ เมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา วัชรเรศร และน้องชาย ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย และได้รับการต้อนรับจากกลุ่มคน ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่เป็นคนที่รักในสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์จักรี รักพระเจ้าอยู่หัว และต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่จู่ๆ วัชรเรศรก็ไปปรากฏตัวในงานที่จัดโดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ไปอยู่ในนิทรรศการที่พูดอยู่ข้างเดียวเรื่องมาตรา 112 ว่าคนนั้นคนนี้เป็นเหยื่อของมาตรา 112 โดยไม่มีคนให้ข้อมูลโต้แย้ง </p>
<p>นอกจากนี้ สนธิ กล่าวไม่เห็นด้วยกับโพสต์เฟซบุ๊กของปวิน ที่กล่าวถึงการที่วัชรเรศร มาชมนิทรรศการ ซึ่งมีถ้อยความว่า "นี่คือการพูดคุยอย่างมีอารยะต่อประเด็นที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อน"</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="250" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpavinchachavalpongpun%2Fposts%2Fpfbid02A8nWUkvXmxdTX6hfUr2MFsDqeb2TWmwKBdyRXyA5QvABFf73qSDr3DFJPszkSGGSl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>สนธิ กล่าวถามข้อความดังกล่าวว่า เรื่องมาตรา 112 นี้ป่าเถื่อนอย่างไร เพราะว่ามาตรา 112 ไม่ได้เป็นเรื่องของความป่าเถื่อน แต่เป็นเรื่องของที่อีกฝ่ายหนึ่งเหยียดหยามด้อยค่าความรู้สึกของประชาชน เผารูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขียนด่าหยาบคายลงไป นี่ใครป่าเถื่อนกันแน่ พวกคุณนั่นแหละที่ป่าเถื่อน และก็เอาเรื่องนี้ไปออกนิทรรศการที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยมีการเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว </p>
<p>อดีตแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ที่วัชรเรศร ไปพบกับปวิน ไม่ทราบเลยหรือว่าปวิน เป็นคนอย่างไร สามารถค้นในกูเกิล ดูได้ ซึ่งในสหรัฐฯ ก็มี สนธิ ระบุด้วยว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งในการเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา หรือว่าการจัดงานมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และไม่แน่ใจว่า วัชรเรศร กำลังตกเป็นเครื่องมือ หรือเต็มใจเป็นเครื่องมือให้สหรัฐฯ หรือไม่ </p>
<p>สนธิ ระบุต่อว่า หากวัชรเรศร ค้นหาประวัติของปวิน บนโลกออนไลน์ ก็จะพบว่าตัวของปวิน เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะ "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสฯ" ซึ่งเป็นกลุ่มที่เขามองว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ ปล่อยข่าวเท็จ หรือตัดต่อภาพต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และมองว่า ปวิน เองก็มีท่าทีเหยียดหยามอาฆาตมาดร้ายด่าทอพระมหากษัตริย์ ตลอดจนรัชกาลที่ 9 และพระพันปีหลวง และวัชรเรศร กลับไปยืนยิ้มเข้าร่วมงานดังกล่าว ทำไมถึงทำแบบนั้น  
 
"ถ้ามีการสัมมนาทั้ง 2 ฝ่าย หรือการเสนอความเห็นทั้ง 2 ฝ่าย ไปเพื่อรับรู้อีกฝ่ายหนึ่งคิดยังไง ยังมีเหตุมีผล นี่มันฝ่ายเดียวเลย และปวิน เหยียดหยามไปถึงปู่ (รัชกาลที่ 9) ถึงย่า (พระพันปีหลวง) ถึงพ่อคุณ (รัชกาลที่ 10) และคุณบอกคุณจะไปรับรู้ว่าเขาคิดยังไง คุณคิดว่าที่คุณทำ คุณเท่เหรอคุณอ้น (วัชรเรศร) ไม่ได้เท่เลย ผมอยากให้คุณใช้สติปัญญหาหน่อยได้ไหม และใครเป็นคนที่ปรึกษาแนะนำให้คุณไป ใครละ ข้ออ้างที่คุณบอกไปเพื่อรู้ ฟังไม่ขึ้นเลย …แค่ชื่อเรื่อง โฉมหน้าเหยื่อ 112 ก็รู้แล้วว่าเป็นนิทรรศการด้านเดียว มุ่งโจมตีสถาบันฯ ทำลายความมั่นคงประเทศชาติ หรือคุณวัชรเรศร คุณไปเพื่อหาเสียงหาแสง หาแนวร่วมกับคนรุ่นใหม่ที่ไม่พอใจสถาบัน จะล้มเจ้าใช่ไหม และคุณจะหาแนวร่วมกับไอ้พวกบ้านี่ทำไม ถ้าคุณพูดมาตั้งแต่ต้นว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" สนธิ ระบุ  </p>
<p>นอกจากนี้ สนธิ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าทำไมมีแค่สื่อ VOA ซึ่งมีเจ้าของเป็น CIA ไปรายงานข่าวแค่เจ้าเดียว และวิจารณ์ว่า วัชรเรศร กำลังตกเป็นเครื่องมือของ CIA ที่จะใช้ให้เข้ามาสร้างความวุ่นวายในอนาคต และขอเตือนวัชรเรศร อย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร</p>
<p>"ผมฟันธงว่า 'อเมริกา' อยู่เบื้องหลัง ปวินรับใช้อเมริกาอยู่ และที่ปรึกษารับใช้รอบกายคุณไม่ว่าจะเป็นคุณไพลิน ที่นิวยอร์ก หรือ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่เคยพูดบอกว่าท่านอ้น ควรจะสามัคคีกับทุกฝ่าย ความเป็นกลาง คุณอ้น สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเป็นกลาง มีอยู่ 2 ทาง ฝ่ายต้องการล้มเจ้า และฝ่ายต้องการคือผมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มีแค่นั้น ไม่มีคำว่า ‘กลาง’ คุณเลิกฟังทีได้ไหมพวกที่ให้คำปรึกษาคุณที่นิวยอร์ก หรือที่เมืองไทย ห่วยแตก ผมผิดหวังกับคุณมาก และผมพูดแทนใจคนไทยอีกเยอะเลยที่เขารู้สึกเหมือนผม แต่เขาไม่กล้าพูด ผมกล้าพูด เพราะคุณทำผิดอย่างมาก ผมจะเตือนคุณเอาไว้นะ คุณจะทำอะไรทำด้วยจิตบริสุทธิ์ คุณอย่าตกเป็นเครื่องมือของใครเป็นอันขาด นี่คุณเสร็จไปเรียบร้อยแล้วมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผมไม่กล้าว่าคุณเหลวไหล หรือโง่เขลา เพราะระดับคุณไม่โง่เขลา แต่อาจจะเหลวไหลบ้าง แต่อย่าลืมอย่าตกเป็นเครื่องมือเขาอีก” สนธิ กล่าวทิ้งท้ายต่อประเด็นนี้</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">'วัชรเรศร' โต้ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐฯ หรือเป็นเอเจนต์ของ CIA</span></h2>
<p>เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2566 วัชรเรศร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ "Vacharaesorn Vivacharawongse" ระบุว่า มันตลกมากที่ผมต้องพูด แต่ผมไม่เคยเป็นสายลับหรือเป็นคนของรัฐบาลอเมริกา หรือซีไอเอ ใครพูดอะไรต่างจากนี้ก็ถือว่ากำลังหมิ่นประมาทผม และพูดเรื่องเท็จอยู่ พูดออกมาจากปากตัวเองยังอดขำไม่ได้เลย </p>
<p>ขณะที่ในคอมเมนต์ของวัชรเรศร ให้ความคิดเห็นด้วยว่า ถ้ารัชกาลที่ 10 บอกว่า "เรารักทุกคนเหมือนกันหมด" (We love them all the Same) จะมีคนไปเอาเรื่องกับรัชกาลที่ 10 หรือไม่ </p>
<p>นอกจากนี้ ที่ช่องคอมเมนต์โพสต์ของ "วัชรเรศร" ยังมี นพดล พรหมภาสิต อดีตแกนนำของศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ซึ่งเป็นกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ที่เพิ่งยุติบทบาทลงไป ได้เข้ามาสอบถามจุดยืนของวัชรเรศร เรื่องมาตรา 112 หลังจากรับชมนิทรรศการดังกล่าว แต่วัชรเรศร เจ้าของโพสต์ ยังไม่ได้มาตอบถึงประเด็นนี้แต่อย่างใด</p>
<p>สำหรับนิทรรศการ "โฉมหน้าของเหยื่อมาตรา 112" (Face of Victims of 112) ที่ Leroy Neiman Gallery มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เผยแพร่เรื่องราวผู้ถูกกล่าวหาที่ได้รับผลกระทบจากมาตรา 112 ในประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-25 ก.ย. 2566</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="473" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpermalink.php%3Fstory_fbid%3Dpfbid02z2sWpzEPoUNDazJbhji5nNQYmhM8UAtuZANyfMXseFvBKyQmot6eCDrvYzq7gdMbl%26id%3D100000959462480&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p><p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106071
 
5052  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกตำรวจค้นบ้านพัก 2 วันก่อน ก.ตร. ประชุมแต่งตั้ง ผบ.ตร. เมื่อ: 26 กันยายน 2566 02:12:14
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกตำรวจค้นบ้านพัก 2 วันก่อน ก.ตร. ประชุมแต่งตั้ง ผบ.ตร.
 


<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-09-26 01:23</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกค้นบ้านพักคดีพนันออนไลน์ 2 วันก่อนแต่งตั้ง ผบ.ตร. เจ้าตัวยันเป็นนักสู้อยู่แล้ว ปัดตอบปมแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ทั้งที่เพิ่งถูก ผบ.ตร.โอนคดีกำนันนกไปให้กองปราบฯ ด้าน ผบ.ตร. ยันให้ความเป็นธรรม เชื่อไม่ใช่ความขัดแย้งในองค์กรตำรวจ</p>
<p>จากกรณีช่วงเช้า วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และบ้านที่ซื้อไว้ให้ลูกน้องพักรวม 5 หลัง ภายในหมู่บ้านในซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ หลังพบมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ </p>
<p>โดยในช่วงแรกของการตรวจค้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในบ้านพัก พร้อมปฏิเสธการเข้าตรวจค้น  กำลังรอให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ร่วมเข้าเจรจาขอตรวจค้น จนต่อมาหลังจากเจรจากันเป็นผลสำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้าน โดยการเข้าตรวจค้นทั้งหมด มีจำนวนกว่า 30 จุดใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากเป็นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และภรรยาแล้ว ยังรวมไปถึงบ้านลูกน้องคนสนิทอีกจำนวนหลายคน</p>
<p>อย่างไรก็ตามการบุกค้นนี้เกิดขึ้น 2 วันก่อนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ย.นี้ โดยวาระสำคัญคือพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ รวมทั้งยังมีรายงานด้วยว่าจะมีการขอขยายระยะเวลาการพิจารณาแต่งตั้งนายพลระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.ประจำปี 2566 ออกไปอีก 1 เดือน ด้วย โดยที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็น 1 ใน 4 ผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนที่ 14 ด้วย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ยันเป็นนักสู้อยู่แล้ว ปัดตอบเอี่ยว แต่งตั้ง ผบ.ตร.</span></h2>
<p>หลังถูกตรวจค้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สโมสรตำรวจถึงการตรวจค้นว่า "ใครเป็นคนทำก็ต้องรับผิดชอบ นิสัยผมเป็นนักสู้อยู่แล้ว"</p>
<p>ต่อคำถามถึงความเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่จะถึงหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ตอบ พร้อมขอให้ผู้สื่อข่าวไปดูเถอะว่าเร็วๆ นี้จะมีเรื่องอะไร</p>
<p>"ต้องยอมรับครับว่าผมทำคดีเยอะ คดีแต่ละคดีมันก็ไปเกี่ยวพันกับตำรวจเยอะ เส้นทางการเงินก็ไปเกี่ยวพันกับตำรวจเยอะ ก็กำลังจะมีการออกหมายจับตำรวจหลายคน มีการเข้าค้นในหลายส่วน ก็ธรรมชาติ มันต้องรับแรงกดดันแบบนี้ แต่ถามว่าถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว</p>
<p>พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า เพิ่งทราบว่าการเข้าบุกค้นครั้งนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับข้อหาเว็บไซต์พนันออนไลน์ เมื่อมีหมายศาลมาก็ต้องดำเนินการไปตามหน้าที่ ส่วนลูกน้องของตนเอง ถูกระบุว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เท่าที่ได้รับแจ้งก็มีประมาณ 5-6 ราย ทุกคนก็ต้องไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ส่วนจะเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร ตนไม่ทราบเหมือนกัน และวันนี้ตนก็จะไปทำงานตามปกติ เพราะมีหน้าที่อยู่   </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เพิ่งถูก ผบ.ตร.โอนคดีกำนันนกไปให้กองปราบฯ</span></h2>
<p>ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ติดตามคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านของประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังคดีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้ออื่นๆ แต่ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โอนคดีดังกล่าวไปให้กองบังคับการปราบปราม รับผิดชอบดูแล โดย ผบ.ตร.ยืนยันว่า อนุมัติคดีให้กองปราบฯ รับผิดชอบเพียงเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลทุกอย่าง และตนไม่ได้ถือว่าเป็นการลิดรอนอำนาจ ตนยืนยันว่าเป็นการตีความผิดไปเอง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ผบ.ตร. ยันให้ความเป็นธรรม เชื่อไม่ใช่ความขัดแย้งในองค์กรตำรวจ</span></h2>
<p>ส่วนคำถามที่ว่าการบุกค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เมื่อช่วงเช้า(25 ก.ย.) เกี่ยวข้องกับการสรรหา ผบ.ตร.คนใหม่ ในวันที่ 27 กันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นการทำงานจากการขยายผล และเรื่องนี้ก็ยังไม่เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อาจจะเกี่ยวกับลูกน้องของท่านต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย</p>
<p>เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งในองค์กรตำรวจระหว่าง 2 ตำรวจใหญ่หรือไม่ ผบ.ตร.ระบุว่า ตนเชื่อว่าไม่ เป็นเรื่องของหลักฐานไปถึงใครเท่านั้นเอง มีคดีตั้งต้นอยู่ก็สอบสวนไป</p>
<p>ส่วนที่สังคมมองว่าคดีนี้เป็นการตัดแข้งตัดขาถึงเล่นกันแรงขนาดนี้นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน อย่างเช่น การเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ตอนแรกก็มีข่าวว่าเป็นการฆาตกรรม ตนก็ไปตรวจสอบด้วยตนเอง สอบถามจาก กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพยานหลักฐาน ซึ่งไม่ใช่ แต่เป็นการฆ่าตัวตาย ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง ตำรวจที่อยู่ในงาน ใครจะผิดใครจะละเว้น  ใครจะให้การเท็จหรือไม่ ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงทุกอย่าง และเป็นไปตามข้อกฎหมาย ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐาน ไม่อยากพูดก่อน</p>
<p>เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย, ผู้จัดการออนไลน์, ไทยพีบีเอส, อิศรา และโพสต์ทูเดย์ </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106070
 
5053  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แฟนคลับแทบคลั่ง เทพธิดาเชียร์ลีดเดอร์ ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เมาจนต้องนั่งรถเข็น แต เมื่อ: 26 กันยายน 2566 01:20:31
แฟนคลับแทบคลั่ง เทพธิดาเชียร์ลีดเดอร์ ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เมาจนต้องนั่งรถเข็น แต่ยังน่ารักอยู่ดี
         


แฟนคลับแทบคลั่ง เทพธิดาเชียร์ลีดเดอร์ ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เมาจนต้องนั่งรถเข็น แต่ยังน่ารักอยู่ดี" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เทพธิดาเชียร์ลีดเดอร์ เผยภาพลักษณ์ด้านที่น่าเขินอาย ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงกับแก๊งสาวฮอต เมาจนต้องนั่งรถเข็น แต่ยังน่ารักอยู่ดี
         

https://www.sanook.com/news/9046782/
         
5054  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สส.ก้าวไกล เตือน รบ.เล็งทลายเพดานภาระการคลังเป็น 45% ทำดิจิทัลวอลเล็ต-พักหนี้ เสม เมื่อ: 26 กันยายน 2566 00:41:06
สส.ก้าวไกล เตือน รบ.เล็งทลายเพดานภาระการคลังเป็น 45% ทำดิจิทัลวอลเล็ต-พักหนี้ เสมือนเทหมดหน้าตัก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 23:43</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘ชัยวัฒน์ สส.ก้าวไกล’ เตือน รัฐบาลเล็งทลายเพดานภาระการคลังเป็น 45% เพื่อทำดิจิทัลวอลเล็ต-พักหนี้ เพิ่มภาระการคลัง เสมือนเทหมดหน้าตัก เสี่ยงไม่เหลือทางหนีทีไล่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แนะเปิดเผยข้อมูลภาระการคลังปัจจุบัน ชี้แจงความจำเป็น-ความคุ้มค่า-ตอบสังคมด้วยแผนที่ชัดเจน จะปรับลดภาระการคลังอย่างไร</p>
<p> </p>
<p>25 ก.ย.2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ารัฐบาลจำเป็นต้องขยายกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ไม่เกิน 32% ของวงเงินงบประมาณ โดยมีแผนจะขยายเพิ่มเป็น 45% ของวงเงินงบประมาณในปีงบประมาณ 2567 เพื่อรองรับการดำเนินนโยบายรัฐบาลในการดูแลประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น </p>
<p>ชัยวัฒน์กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลดังกล่าวน่าจะหมายถึงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และการพักหนี้เกษตรกร ความน่ากังวลของแนวทางนี้ คือความโปร่งใสของการใช้เงินงบประมาณมหาศาลหลายแสนล้านบาท โดยมติของ ครม. ไม่ต้องผ่านสภาฯ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้ตรวจสอบ ทั้งในแง่การใช้เงินและภาระการคืนเงินต้นและดอกเบี้ย </p>
<p>สิ่งที่ตามมาจากการทลายเพดานภาระการคลังตามมาตรา 28 คือ (1) เพิ่มภาระทางการคลัง แม้การให้แบงก์รัฐหรือหน่วยงานของรัฐใดๆ สำรองจ่ายไปก่อน ซึ่งในกรณีนี้คือการล้วงเงินจากแบงก์รัฐอย่างธนาคารออมสิน มาใช้ก่อน จะไม่ถูกนับเป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมาย แต่รายจ่ายก้อนนี้ก็หนีไม่พ้นต้องเป็นภาระผูกพันของรัฐบาลที่ต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้คืนในอนาคต เช่น ปัจจุบันที่จ่ายหนี้คืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปีละเกือบแสนล้านบาท เบียดบังงบที่จะใช้พัฒนาประเทศในด้านอื่น และถ้างบประมาณไม่พอก็จำเป็นต้องทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น หรือกู้เงินมาเพื่อชดเชยการขาดดุล</p>
<p>(2) การทลายกรอบสร้างภาระการคลังอย่างหมดหน้าตัก จะทำให้ไม่เหลือขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการคลัง (Policy Space) เสมือนรัฐบาลเดินเข้าตาจน จะไม่มีทางหนีทีไล่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน (3)  อันดับเครดิต (Credit rating) ของประเทศไทยอาจแย่ลง จากระดับหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ย่อมส่งผลให้รายจ่ายดอกเบี้ยของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลไทย เกี่ยวข้องไปถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน เงินทุนไหลออก และค่าเงินบาทอ่อนตัวในระยะกลาง</p>
<p>ชัยวัฒน์กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส คือ (1) เปิดเผยข้อมูลภาระทางการคลังตามมาตรา 28 ณ ปัจจุบัน และคาดการณ์ภาระใหม่ว่าต้องการเพิ่มเติมอีกกี่แสนล้านบาทจากการผลักดันนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย พร้อมประมาณการต้นทุนทางการเงินทั้งหมด (2) พิจารณาตัวเลขกรอบวินัยการเงินการคลังที่จำเป็นให้สมเหตุสมผลตามข้อมูลจริง ว่าหากต้องมีการผ่อนคลาย ควรเป็นเท่าไร ไม่ควรเผื่อไว้ที่ 45% แต่ควรชี้แจงให้ชัดเจนว่าต้องการเพิ่มรายจ่ายอีกเท่าใด ต้องปรับเพดานเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์</p>
<p>(3) ชี้แจงความจำเป็นและผลประเมินความคุ้มค่าของการขยายกรอบวินัยการเงินการคลัง  รวมถึงมีแผนที่เป็นข้อผูกพันที่ชัดเจนกับสังคมด้วยว่าจะปรับลดภาระทางการคลังอย่างไร ภายในกรอบเวลาใด ตามที่ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังระบุไว้ว่า คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นแก่รัฐ รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ และ (4) กลไกการตรวจสอบการใช้เงินนอกงบประมาณ ที่ล้วงจากกระเป๋าแบงก์รัฐ ว่าไม่ได้ถูกใช้ไปนอกเหนือวัตถุประสงค์</p>
<p>ชัยวัฒน์ตั้งข้อสังเกตอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Moral Hazard เป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงในการบริหารประเทศ ด้วยการสร้างบรรทัดฐานที่ผิดๆ ว่าสามารถทำลายกรอบวินัยการเงินการคลังได้ง่ายๆ เพื่อหาเงินมาทำนโยบายใดก็ตาม เพียงมีมติกรรมการวินัยการเงินการคลังและ ครม. ซึ่งมีนายกฯ และ รมว.คลัง นั่งอยู่ในทั้งสองคณะ ถือเป็นโครงสร้างธรรมาภิบาลที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ ดังนั้น ขอให้รัฐบาลคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน โดยไม่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและต่อประชาชนในระยะยาว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106069
 
5055  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ตะวันออกกลางแห่สอนภาษาจีนกันมากขึ้น หรือเรื่องนี้สะท้อนอิทธิพล 'Soft Power' จีน เมื่อ: 25 กันยายน 2566 23:07:54
ตะวันออกกลางแห่สอนภาษาจีนกันมากขึ้น หรือเรื่องนี้สะท้อนอิทธิพล 'Soft Power' จีน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 21:23</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>แม้ว่าในโลกตะวันตกจะมีความสนใจเรื่องการเรียนภาษาจีนกลางลดลงจากเดิม แต่กลายเป็นว่าตะวันออกกลางมีการจัดหลักสูตรภาคบังคับให้นักเรียนต้องเข้าชั้นเรียนเพื่อเรียนภาษาจีนเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงกรณีหลักสูตรสอนภาษาจีนในโรงเรียนมัธยมซาอุดิอาระเบีย ฯลฯ ซึ่งอาจสะท้อนการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกมองว่าพื้นที่อิทธิพลของสหรัฐฯ แต่ในปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่อิทธิพล 'ซอฟต์พาวเวอร์' ของจีน</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53213129590_45f8e6cc56_k.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ที่มาของภาพประกอบ: </span><span style="color:#e67e22;">Wikipedia</span><span style="color:#e67e22;"> และ บุปผาราตรี 3.2</span></p>
<p>ประเทศซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศอาหรับที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง จัดให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนกลางหรือ "จีนแมนดาริน" เป็นวิชาบังคับในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้งโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชน โดยที่ชั้นเรียนจะมีการจัดหาผู้คอยอำนวยความสะดวกที่มีหน้าที่คอยช่วยเหลือหรือชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ด้วยตัวเองแก่กลุ่มนักเรียน</p>
<p>หม่าหยงเหลียงผู้ที่เปิดสถาบันภาษาจีนในซาอุดีอาระเบีย 2 แห่งในปีนี้กล่าวว่าการที่คนพูดภาษาจีนกลางได้มากขึ้นนั้นแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิศาสตร์การเมือง หม่าหยงเหลียงบอกว่าจีนเป็น "ประเทศที่กำลังกลายเป็นมหาอำนาจ" ที่จะมีบทบาทสำคัญในการ "พัฒนาโลกและการสร้างระเบียบโลกใหม่" ทำให้คนต้องหันมาฝึกพูดภาษาจีนให้คล่องขึ้นถ้าหากพวกเขาต้องการ "ประสานความร่วมมือหรือปฏิสัมพันธ์กับจีน"</p>
<p>สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเปิดสถาบันภาษาจีนวิสดอมเฮาส์ในซาอุดีอาระเบียคือความเชื่อที่ว่าการฝึกฝนจนชำนาญใน "ภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลก และเป็นภาษาแม่ของคน 1,300 ล้านคน" นั้นนับเป็นการ "พิชิตโลกได้"</p>
<p>ณ สถาบันภาษาวิสคอมเฮาส์ในกรุงริยาร์ด มีนักเรียนสมัครเรียนประมาณ 50 คน มีครูผู้สอนมาจากประเทศจีน ส่วนสถาบันภาษาวิสดอมเฮาส์อีกสาขาหนึ่งที่เมืองเจดดาห์ก็มีนักเรียนสมัครเรียนประมาณ 20 คน</p>
<p>การขยายการศึกษาภาษาจีนเข้าไปในโรงเรียนมัธยมฯ ของซาอุฯ เกิดขึ้นหลังจากที่ในปี 2562 เจ้าฟ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ได้ทำข้อตกลงในเรื่องนี้ไว้ตอนไปเยือนจีน ว่าจะให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนในหลักสูตรการศึกษาทุกระดับชั้น รวมถึงในมหาวิทยาลัยด้วย</p>
<p>ข้อตกลงดังกล่าวกลายสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของจีนในการผลักดันวัฒนธรรมตัวเองสู่โลก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถดถอยลงหลังจากที่จีนถูกตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกด้านทั้งจากด้านเทคโนโลยีละด้านอุดมการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากความบาดหมางกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ</p>
<p>ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีกรณีการสั่งปิดสถาบันขงจื๊อมากกว่า 100 แห่ง ในมหาวิทยาลัยที่ สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย และทวีปยุโรป โดยที่สถาบันขงจื๊อนับเป็นสื่อกลางในการส่งเสริมภาษาและวัฒนธรรมจีน มีการสั่งปิดสถาบันเหล่านี้โดยข้ออ้างเรื่องความกังวลต่อการแผ่อิทธิพลของจีน นอกจากนี้ภาพลักษณ์ของจีนที่แย่ลงจากเรื่องนโยบายต่อซินเจียง, ฮ่องกง และประเด็นข้อพิพาททะเลจีนใต้ ก็มีส่วนทำให้มหาวิทยาลัยตะวันตกหลายแห่งลดจำนวนสถาบันขงจื๊อลงในพื้นที่มหาวิทยาลัยตัวเอง</p>
<p>แต่ทว่า ดูเหมือนจีนจะได้พื้นที่ใหม่ในการแผ่ขยายอิทธิพลด้วย "อำนาจอ่อน" หรือ "ซอฟท์พาวเวอร์" ของพวกเขา นั่นคือภูมิภาตตะวันออกกลาง</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">"อำนาจอ่อน" ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจีนในตะวันออกกลาง</span></h3>
<p>เจฟฟรีย์ กิล อาจารย์อาวุโสที่มหาวิทยาลัยฟลินเดอร์สแห่งแอดิเลด ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการที่ภาษาจีนแพร่หลายไปทั่วโลก กล่าวว่า ความสนใจเรียนภาษาต่างชาติภาษาใดภาษาหนึ่งมักจะเป็นไปตามกระแสของภูมิศาสตร์การเมืองในตอนนั้นด้วย</p>
<p>กิล บอกว่าการที่ในตะวันตกมีความสนใจต่อภาษาจีนน้อยลงเป็นเพราะอิทธิพลของเรื่องที่ความสัมพันธ์จีนกับชาติตะวันตกแย่ลงผ่านความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้คนรู้สึกอยากเรียนภาษาจีนน้อยลงไปด้วย ในขณะที่ประเทศภูมิภาคอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กับจีนดีกว่าและมีความต้องการเรียนรู้ภาษาจีนมากกว่า รัฐบาลจีนก็จะพยายามส่งเสริมการเรียนและสอนภาษาจีนในสถานที่เหล่านั้น จนทำให้ภาษาจีนยังคงเป็นภาษาที่มีพลังและมีคนต้องการเรียนเพิ่มขึ้นในพื้นที่เหล่านี้</p>
<p>ฟานหงต้า ศาสตราจารย์สถาบันตะวันออกกลางศึกษาจากมหาวิทยาลัยนานาชาติเซียงไฮ้ กล่าวว่า การที่มีคนสนใจเรียนจีนกลางมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการที่จีนในภูมิภาคตะวันออกกลางมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีมาก จากเดินที่ตะวันออกกลางเคยเป็นพื้นที่อิทธิพลของสหรัฐฯ และไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การเรียนรู้ภาษาต่างชาติเป็นกุญแจสำคัญสำหรับใช้เป็นอำนาจอ่อนในการสร้างชุดคำอธิบายและภาพลักษณ์ทางบวกให้กับประเทศ</p>
<p>ฟานหงต้า บอกอีกว่าการที่รัฐบาลซาอุฯ, อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนมากขึ้น เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธืระหว่างจีนกับตะวันออกกลางนั้นเป็นไปในทางบวกต่อกันมากขึ้น</p>
<p>ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีประชากรอยู่ 8.3 ล้านคนและเป็นแหล่งน้ำมันสำรองที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 7 ของโลก พวกเขาเป็นประเทศแรกในประเทศแถบอ่าวอาหรับที่มีการระบุให้ภาษาจีนกลางอยู่ในหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับของประเทศ สถานทูตจีนในกรุงอาบู ดาบี  UAE ระบุว่าจีนข่วยให้ UAE ริเริ่มโครงการภาษาจีนในโรงเรียน 100 แห่ง เมื่อปี 2562 และมีการขยายไปสู่โรงเรียนรัฐ 158 แห่ง</p>
<p>ปะเทศอียิปต์ก็เคยลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันกับจีนเมื่อปี 2563 ในเรื่องที่จะบรรจุภาษาจีนกลางลงในหลักสูตรการศึกษาเป็นวิชาเลือกสำหรับภาษาที่สองในโรงเรียนประถมและมัธยมฯ</p>
<p>ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี ของอิหร่านได้เสนอร่างกฎหมายให้มีการบรรจุภาษาจีนกลางไว้เป็นหนึ่งในภาษาต่างชาติที่สามารถสอนในโรงเรียนมัธยมฯ ได้ทั่วประเทศ หลังจากที่ไรซีได้เดินทางไปเยือนจีนเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา</p>
<p>เห็นได้ชัดว่า จีนส่งอิทธิพลต่อตะวันออกกลางอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเมื่อตอนเดือน ธ.ค. 2565 ที่สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางไปเยือนการประชุมซัมมิทระดับภูมิภาคกับเหล่าผู้นำจากกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับที่ร่ำรวยแหล่งน้ำมัน ในอีก 3 เดือนถัดจากนั้นทางการจีนก็ทำให้โลกประหลาดใจด้วยการเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพระหว่างซาอุฯ และอิหร่าน เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เคยมีความขัดแย้งต่อกันกลับมาคืนดีกัน ไม่ว่าจะเป็น อิหร่านกับโมรอคโคและอียิปต์, UAE กับกาตาร์ รวมถึง ตุรกีกับอียิปต์</p>
<p>กิลระบุว่า เมื่อจีนเล็งเห็นว่ายังคงไม่มีสัญญาณความตึงเครียดใดๆ เกิดขึ้นกับตะวันตกในช่วงนี้ จีนก็มีแนวโน้มที่จะเพ่งเป้าหมายไปที่ทวีปแอฟริกา, ภูมิภาคตะวันออกกลาง และ ลาตินอเมริกา ให้เป็นพื้นที่ที่พวกเขาจะแผ่ขยาย "อำนาจอ่อน" ผ่านทางการเรียนภาษาจีน</p>
<p>แต่ก็ต้องเป็นเรื่องที่ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าภาษาจีนจะฝังรากในตะวันออกกลางได้หรือไม่</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แต่การเรียนภาษาจีนในตะวันออกกลาง ก็ยังมีอุปสรรค</span></h3>
<p>ซาอุฯ เป็นประเทศที่มีประชากร 37 ล้านคน และมีคลังน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ซาอุฯ เป็นประเทศพันธมิตรกับสหรัฐฯ มาเป็นเวลายาวนาน และในตอนนี้ก็กำลังพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์กับจีนในเรื่องอื่นๆ นอกเหนือไปจากเรื่องการค้าน้ำมัน คือรวมไปถึงเรื่องเทคโนโลยี, โครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้กระทั่งเรื่องอาวุธด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้ เป็นแผนการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของเจ้าฟ้าชาย บิน ซัลมาน</p>
<p>Ma เปิดเผยว่าในซาอุฯ เพิ่งจะมีการเปิดตัวสถาบันขงจื๊อแห่งใหม่เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซาอุฯ ยังได้รับเชิญร่วมกับอิหร่านและ UAW ให้ไปเข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจ BRICS ที่มีบราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ เป็นสมาชิกด้วย กลายเป็นการแผ่ขยายกลุ่ม BRICS ให้ใหญ่ขึ้น</p>
<p>ทั้งนี้ ยังมีนักวิเคราะห์บอกว่า การที่ประเทศตะวันออกกลางเหล่านี้จัดให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศของพวกเขา ยังนับเป็น "การแสดงออกแบบต่างตอบแทน" ให้กับอำนาจอ่อนของจีน จากที่ตะวันออกกลางต้องการกระขับสัมพันธ์กับจีนผ่านทางโครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง</p>
<p>อย่างไรก็ตามการพยายามจะจัดให้มีการเรียนการสอนในประเทศโลกอาหรับก็ยังคงมีปัญหาต่างๆ เช่นการที่นักเรียนอาหรับมองว่าภาษาจีนกลางไม่ได้น่าดึงดูดให้เรียนมากเท่าภาษาจากยุโรป เนื่องจาก "มุมมองเรื่องประวัติศาสตร์" และการขาดแคลนครูผู้สอนที่เป็นชาวจีน</p>
<p>นอกจากนี้แล้วถึงแม้ว่าจีนจะมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจมากขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ในวงการธุรกิจก็ยังไม่ได้มีการใช้ภาษาจีนกันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้ว่าจะมีธุรกิจบางแห่งใน UAE ที่มีฐานปฏิบัติการในจีนจะส่งพนักงานของตัวเองไปยังสถาบันขงจื๊อเพื่อเรียนภาษาจีน แต่ โมฮัมหมัด อับดุล รอห์มัน มาฮารูน อธิบดีแห่งศูนย์วิจัยสาธารณะดูไบก็บอกว่า จำนวนคนที่ถูกส่งไปเรียนก็ยังมีไม่มากนักเพราะชาวอาหรับกับชาวจีนยังคงใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสนทนาตั้งแต่ก่อนหน้านี้มาจนถึงปัจจุบัน</p>
<p>โดยที่ใน UAE ที่เป็นหนึ่งในแหล่งธุรกิจและศูนย์กลางการขนส่งรายใหญ่ในตะวันออกกลาง มีบริษัทที่ชาวจีนเป็นเจ้าของอยู่มากกว่า 6,000 บริษัท บาฮารูนบอกว่าถึงแม้ว่าการที่กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับจะมีการเปิดการค้ากับจีนและมีปฏิสัมพันธ์กับชาวจีนมากขึ้นทำให้เกิดความต้องการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับจีน แต่ภาษาจีนกลางก็ยังไม่ใช่ภาษาที่ใช้กันแพร่หลายเมื่อเทียบกับภาษาอื่นๆ ที่ชาวต่างชาติใช้กันใน UAE อย่างภาษาฮินดี หรือ ภาษาอูรดู ซึ่งใข้กันในอินเดียและปากีสถานมากกว่า</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ประเทศตะวันออกกลางขาดครูที่เป็นเจ้าของภาษาจีนจริงๆ และปัญหาจากประสิทธิด้านการศึกษาของประเทศอาหรับเอง</p>
<p>อาห์เหม็ด อะบูดูห์ ผู้ช่วยนักวิจัยจากโครงการตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของ องค์กรคลังสมองอังกฤษ แชททัมเฮาส์ กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศอย่างซาอุฯ และ UAE จะมีนโยบายสนับสนุนภาษาจีน แต่ก็มีปัญหาความไร้ประสิทธิภาพในระบบการศึกษาของพวกเขาเอง จนทำให้ไม่สามารถสร้างคนที่มีทักษะด้านภาษาต่างประเทศได้มากพอ เช่นในซาอุฯ มีการเรียนการสอนภาษาจีนแบบปีเดียว โดยเน้นการเรียนแบบท่องจำ</p>
<p>อะบูดูห์ ยังชี้ให้เห็นว่า เจตจำนงทางการเมืองของในการส่งเสริมภาษาจีนในกลุุ่มประเทศตะวันออกกลางไม่ไปด้วยกันกับเรื่องการให้งบประมาณ ทำให้เกิดปัญหาขาดครูเจ้าของภาษาจากจีน เพราะมันแพงมากที่จะจัดหาครูผู้สอนจากจีนมาที่ประเทศอาหรับเมื่อเทียบกับการฝึกอบรมครูจากประเทศอาหรับเหล่านั้นเอง</p>
<p>การที่ครูน้อย ทำให้ครูที่มีอยู่ทำงานหนักขึ้นด้วย หลายคนต้องทำงานสอนในชั้นเรียน 26-28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีครูบางคนบอกว่าพวกเขาไปสอนภาษาจีนที่ UAE ผ่านโครงการที่สนับสนุนโดยสถาบันขงจื๊อ และครูที่จะไปสอนได้ก็ต้องผ่านเงื่อนไขสูงมาก นอกจากการต้องจบปริญญาโทขึ้นไปแล้ว ยังต้องมีประสบการณ์สอนภาษาจีนในต่างประเทศอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะได้แต้มต่อถ้าหากเคยทำการสอนในประเทศตะวันตกมาก่อน อีกทั้งยังต้องมีใบรับรองการสอบวัดระดับภาษาจีนกลางและภาษาอังกฤษด้วย</p>
<p>อย่างไรก็ตามในประเทศจีนมีโรงเรียนรัฐอยู่หลายแห่งที่บรรจุการเรียนการสอนภาษาอาหรับไว้ในหลักสูตรวิชาบังคับ และในตอนนี้ก็มีการเรียนการสอนภาษาอาหรับในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษารวม 37 แห่งในจีน ซึ่ง บาฮารูน มองว่าในจีนอาจจะมีคนพูดอาหรับได้มากกว่าจะมีชาวอาหรับที่พูดภาษาจีนได้เสียอีก เพราะในจีนมีชาวจีนเชื้อสายมุสลิมอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ชาวจีนยังมีการลงทุนด้านประโยชน์กับประเทศอาหรับทำให้เป็นแรงจูงใจในการทำความเข้าใจวัฒนธรรมอาหรับมากขึ้นจนมีคนจีนสนใจเรียนรู้ภาษาอาหรับมากขึ้นด้วย</p>
<p>อะบูดูห์กล่าวว่า ชาวจีนหลายคนมองว่าการเรียนภาษาอาหรับเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับการเรียนภาษาต่างประเทศเพราะว่าภาษาอาหรับจะ "เป็นประโยชน์มากถ้าหากคุณปฏิสัมพันธ์ทางการเงิน, การค้าขาย, การลงทุนในต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งกับความสนใจที่จะกระจายทางเลือกของตัวเอง"</p>
<p><span style="color:#2980b9;">เรียบเรียงจาก</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">Mandarin learning boom as China extends its soft power in Middle East, </span><span style="color:#2980b9;">South China Morning Post</span><span style="color:#2980b9;">, 15-09-2023</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">Middle East’s Mandarin push sets the tone for ‘convergence’ with China on trade, </span><span style="color:#2980b9;">South China Morning Post</span><span style="color:#2980b9;">, 22-09-2023</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106068
 
5056  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หายาก! ด.ญ.คลอดมามี 26 นิ้ว พ่อแม่แฮปปี้ เชื่อเทพ "โธลาการห์เทวี" กลับชาติมาเกิด เมื่อ: 25 กันยายน 2566 22:47:43
หายาก! ด.ญ.คลอดมามี 26 นิ้ว พ่อแม่แฮปปี้ เชื่อเทพ "โธลาการห์เทวี" กลับชาติมาเกิด
         


หายาก! ด.ญ.คลอดมามี 26 นิ้ว พ่อแม่แฮปปี้ เชื่อเทพ &quot;โธลาการห์เทวี&quot; กลับชาติมาเกิด" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เคสหายาก หมอทำคลอด ด.ญ. 26 นิ้ว ชี้เป็นความบกพร่องทางพันธุกรรม แต่พ่อแม่มีความสุข เชื่อเทพ "โธลาการห์ เทวี" กลับชาติมาเกิด
         

https://www.sanook.com/news/9046666/
         
5057  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ก้าวไกลจี้อีก กฟผ.เซ็นยาว 29 ปี ซื้อไฟฟ้าเขื่อนปากแบง เรื่องนี้กระทบคนทั้งชาติ! เมื่อ: 25 กันยายน 2566 22:10:47
ก้าวไกลจี้อีก กฟผ.เซ็นยาว 29 ปี ซื้อไฟฟ้าเขื่อนปากแบง เรื่องนี้กระทบคนทั้งชาติ!
         


ก้าวไกลจี้อีก กฟผ.เซ็นยาว 29 ปี ซื้อไฟฟ้าเขื่อนปากแบง เรื่องนี้กระทบคนทั้งชาติ!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ก้าวไกลจี้เอาคำตอบ กฟผ.ด่วนเซ็นยาว 29 ปี ซื้อไฟฟ้าเขื่อนปากแบง หวังว่า  รมต.พลังงาน จะไม่เบี้ยว อยากฟังชัดๆ ในอนาคตจะกระทบค่าไฟคนทั้งชาติยังไงบ้าง?
         

https://www.sanook.com/news/9046462/
         
5058  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ‘ปิยบุตร’ แนะก้าวไกล 5 ข้อ ทั้งการสื่อสาร-บริหารความหวัง-รับนิติสงคราม-ความขัดแ เมื่อ: 25 กันยายน 2566 21:32:25
‘ปิยบุตร’ แนะก้าวไกล 5 ข้อ ทั้งการสื่อสาร-บริหารความหวัง-รับนิติสงคราม-ความขัดแย้งในพรรค
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 20:26</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ที่มาภาพปก: เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘ปิยบุตร’ เขียนถึงก้าวไกล 5 ประเด็น ทั้งปัญหาที่พรรคต้องเผชิญในระยะเวลาอันใกล้ และข้อเสนอแนะแก้ไข มีเรื่องการสื่อสาร, การครองตนของ สส., การบริหารความหวังของแนวร่วม, การเตรียมรับนิติสงคราม ทุกกลุ่มรุมขย้ำ และเรื่องความขัดแย้งในพรรค</p>
<p>25 ก.ย. 2566 17.25 น. ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อเขียนสุดท้ายถึงพรรคก้าวไกล ตอนที่ 1 ทางเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง และปัญหาที่พรรคก้าวไกลต้องเผชิญในระยะเวลาอันใกล้ ทั้งเรื่องการสื่อสารของพรรค การครองตนของ สส. การบริหารความคาดหวังของแนวร่วม การเตรียมรับนิติสงคราม การถูกรุมขย้ำจากทุกฝั่ง และ การจัดการความขัดแย้งในพรรค</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="291" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FPiyabutrOfficial%2Fposts%2Fpfbid02i5yHrbP5STmFS9wntuLqp53Uo3reMGtEDnoLk8ixi1wE8VTAa356AqStT33K7a8Cl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p><p> </p>
<p>โพสต์ดังกล่าวระบุว่า </p>
<p>[ตอนที่ 1 - ปัญหาที่พรรคก้าวไกลต้องเผชิญในระยะเวลาอันใกล้]</p>
<p>ภายหลังจากการสนธิกำลังของชนชั้นนำดั้งเดิม ชนชั้นนำทางการเมือง และชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ เพื่อโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล ได้เริ่มต้นขึ้น เป็นที่แน่ชัดว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีของสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ พรรคก้าวไกลจะต้องเผชิญกับความท้าทายจำนวนมาก</p>
<p>ผมขอสรุปไล่เรียงเป็นข้อๆดังนี้ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ประการที่หนึ่ง</span></h2>
<h2><span style="color:#2980b9;">การตรวจสอบและปฏิบัติการข่าวสารอย่างเข้มข้น</span></h2>
<p>ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกล ประสบความสำเร็จได้ เพราะ ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่ง คือ การสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสื่อสารผ่านทางโลกออนไลน์ ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคก้าวไกลเล็งเห็นถึงข้อนี้ พวกเขาจึงใช้เครื่องมือการสื่อสารในการตอบโต้กลับไป</p>
<p>เมื่อ ส.ส.หรือพรรคก้าวไกล สื่อสารบ่อย ก็ย่อมมีโอกาสที่จะสื่อสารพลาด</p>
<p>เมื่อ ส.ส.หรือพรรคก้าวไกล สื่อสารบ่อย ก็เป็นธรรมดาที่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามนำบางท่อนบางตอนไปขยายความ ตีความ ใส่ความ เพื่อสู้กับพรรคก้าวไกล</p>
<p>ดังนั้น นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ส.ส.พรรคก้าวไกล ควรระมัดระวังและรอบคอบในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น และคณะนำต้องยึดกุมทิศทางการสื่อสารของคนในพรรคทุกคนให้ไปในทิศทางเดียวกัน แบ่งภารกิจกลุ่มงานตามความเชี่ยวชาญรายประเด็น เรื่องใด ให้ ส.ส.คนใดสื่อสาร มิใช่ปล่อยให้ ส.ส.สื่อสารกันได้ทุกประเด็นตามใจชอบอย่างไม่มีทิศทาง เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ที่ ส.ส.คนหนึ่งจะรู้ทุกเรื่อง เชี่ยวชาญสารพัดเรื่อง การเกาะกระแส “ดราม่า” “เป็นข่าว” แสดงความเห็นทุกประเด็น โดยตนเองอาจไม่เชี่ยวชาญมากนัก ย่อมนำมาซึ่งความผิดพลาด และต้องไม่ลืมว่า เมื่อสื่อและฝ่ายตรงข้ามจับจ้องอยู่เสมอ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจถูกนำไปขยายผลได้</p>
<p>นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลพยายามยกระดับการเมืองไทยใหม่ ด้วยการสร้างมาตรฐานของนักการเมืองให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการครองตน เรื่องการยึดถือคุณค่าพื้นฐานร่วมกัน อ่อนน้อม ไม่กร่าง ไม่เบ่ง ไม่มีการปฏิบัติที่เป็นไปในทางคุกคามทางเพศ การเคารพความแตกต่างหลากหลายทางเพศ หรือไปจนถึงยึดเรื่อง PC</p>
<p>เมื่อไรก็ตาม คนของพรรคก้าวไกลมีกรณีละเมิดเรื่องเหล่านี้ - ทั้งเรื่องเล็กแต่ถูกตีฟูขยายใหญ่ ทั้งเรื่องใหญ่ที่พรรคไม่อาจคุมคนของตนได้ถ้วนทั่ว - ก็จะถูกปฏิบัติการข่าวสารของฝ่ายตรงข้ามขยายผล พร้อมกับเรียกร้องมาตรฐานตามที่พรรคตนเองได้โฆษณาเอาไว้ </p>
<p>เมื่อยกระดับมาตรฐานเอาไว้สูง จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะถูกสังคมเรียกร้องมากเป็นพิเศษ ดังนั้น ส.ส.ของพรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการครองตนมากกว่า ส.ส.พรรคอื่นๆ</p>
<p>บุคลิกภาพของ ส.ส.และความใหม่ของ ส.ส. ก็เช่นเดียวกัน จะกลายเป็นจุดที่พวกเขานำไปใช้โจมตี จากเดิม “ความใหม่ ความสด การไม่เป็นนักการเมืองมาก่อน ไม่ได้อยู่ในตระกูลการเมือง การมีจุดยืนชัดเจน” ที่เป็นจุดเด่น จะค่อยๆ ถูกทำให้เป็น “หัวร้อน อ่อนประสบการณ์ บริหารไม่เป็น ทำงานกับคนอื่นไม่ได้ คิดว่าตนเองวิเศษคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่คิดคบใครและไม่มีใครคบ” จนกลายเป็นจุดอ่อนไป</p>
<p>พรรคก้าวไกลต้องต่อสู้กับการยึดกุมความคิดความเชื่อของสังคมไว้ให้ได้ มิใช่ปล่อยเละเทะจนบานปลายไปถึงขนาดที่คนเริ่มบ่นตัดพ้อว่า “รู้แบบนี้ ไม่น่าเลือกเลย ขอคะแนนคืนได้มั้ย”ถ้ามาถึงวันนั้นเมื่อไร คะแนนนิยมของพรรคก็จะเริ่มลดน้อยถอยลง ต้องไม่ลืมว่า เมื่อกระแสสูงได้เพราะโลกโซเชียล กระแสก็ตกได้ด้วยโลกโซเชียลเช่นกัน</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ประการที่สอง</span></h2>
<h2><span style="color:#2980b9;">ช่วงเวลา “Honeymoon” กำลังหายไป</span></h2>
<p>ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้การยอมรับและเอาใจช่วยจากหลากหลายแวดวง อยากเห็นพรรคก้าวไกลได้มีโอกาสบริหารประเทศ เราจะเห็นได้ว่า แวดวงวิชาการ ศิลปวัฒนธรรม บันเทิง ไปจนถึงสื่อมวลชน ต่างก็มีใจปฏิพัทธ์ให้แก่พรรคก้าวไกล</p>
<p>เมื่อไรก็ตามที่คนของพรรคก้าวไกลถูกโจมตี ทั้งจากปฏิบัติการข่าวสาร ทั้งจากนิติสงคราม จะมีคนจากหลากหลายแวดงพร้อมออกมาอธิบาย โต้แย้งแสดงเหตุผล ช่วยพรรคก้าวไกลเสมอ ยังไม่นับรวมว่าได้ช่วงเวลาออกอากาศจากสื่อสำนักสำคัญๆ อยู่เป็นประจำ</p>
<p>ประกอบกับ เมื่อพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและไม่ได้ร่วมรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้เกิดแรงแค้นผสมระคนกับแรงสงสาร เข้าไปอีก แต่ทั้งหมดนี้คือช่วงเวลา Honeymoon</p>
<p>เมื่อรัฐบาลเข้ารับหน้าที่ พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ผ่านไปสักระยะ บรรยากาศน้ำผึ้งพระจันทร์ที่แวดวงท้้งหลายมีให้แก่พรรคก้าวไกล ก็จะทยอยบรรเบาบางลงไปตามลำดับ ต่อไป โอกาสแก้ตัว ที่พรรคก้าวไกลได้รับอย่างสม่ำเสมอ จะค่อยๆหายไป จากเดิม เรื่องหนึ่ง มีคนให้อภัย มีคนพร้อมเข้าใจ มีคนช่วยแก้ต่าง</p>
<p>ต่อไป เรื่องเดียวกัน คนจะเริ่มถาม “อีหยังวะ” คนจะสงสัย “อะไรกันนักกันหนา อีกแระ ไม่ระวังกันเลย” นับตั้งแต่เลือกตั้งจบลงจนถึงวันนี้ มีหลายกรณีที่เริ่มเดินไปในทิศทางนี้แล้ว ผมคงไม่ต้องยกมาอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรม ทุกคนคงพิจารณาและนึกออกได้เอง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ประการที่สาม</span></h2>
<h2><span style="color:#2980b9;">นิติสงคราม เดินหน้าบดขยี้</span></h2>
<p>บรรดาคดีความที่ ส.ส.พรรคและพรรคก้าวไกล ถูกเล่นงาน ยังคงอยู่ในเงื้อมมือขององค์กรอิสระและศาล และน่าจะมีอีกหลายคดีที่บรรดา “นักร้อง” เตรียมปฏิบัติการต่อเนื่อง ตลอด 4 ปีนี้ ปฏิบัติการนิติสงครามต่อพรรคก้าวไกลจะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ดอกผลอาจไม่ออกช่วงนี้ แต่ก็สร้างความรำคาญและเป็นภาระ ดอกผลจะเบ่งบานบานปลาย หากเข้าใกล้เทศกาลการเลือกตั้งและพรรคก้าวไกลยังกระแสสูง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ประการที่สี่</span></h2>
<h2><span style="color:#2980b9;">พรรคการเมือง/กลุ่มการเมือง ทุกกลุ่ม รุมขย้ำ</span></h2>
<p>เมื่อพรรคก้าวไกลถูกโดดเดี่ยว ก็จะถูกพรรคอื่นๆปิดล้อมตามลำดับ รอบนี้จะหนักหนาสาหัสมากขึ้น เพราะ พรรคเพื่อไทย พรรคขนาดใหญ่ที่เคยอยู่ขั้วเดียวกันมา กลับเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเสียแล้ว เมื่อผนวกกำลังเข้ากับพรรคอื่นๆที่ “จองกฐิน” พรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ก็จะยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลเหนื่อยมากขึ้น การแบ่งสรรตำแหน่งประธานกรรมาธิการตามโควต้าพรรค เมื่อไม่นานมานี้ เป็นเพียง “หนังตัวอย่าง” เท่านั้น ประเดี๋ยวคงมีอีกหลายเรื่องตามมา</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ประการที่ห้า</span></h2>
<h2><span style="color:#2980b9;">ความขัดแย้งภายในพรรค</span></h2>
<p>ความขัดแย้งภายในพรรค เป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมือง การบริหารความคาดหวังของคนในพรรค และการขจัดหรือลดทอนความขัดแย้งภายในพรรค จึงเป็นศิลปะและความท้ายทายของผู้บริหารพรรค</p>
<p>ในระยะ 4 ปีนี้ พรรคก้าวไกลจะเจอปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคอยู่ 3 กรณีใหญ่</p>
<p><span style="color:#d35400;"><strong>กรณีแรก ความขัดแย้งเรื่องตำแหน่ง</strong></span></p>
<p>พรรคก้าวไกลถูกเตะให้เป็น “ฝ่ายค้าน” ทำให้ตำแหน่งทางการเมืองต่างๆมีน้อย ในขณะที่โอกาสการบริหารและใช้งบประมาณแผ่นดินก็ไม่มี</p>
<p>เมื่อตำแหน่งเหลือน้อยลง ไม่มีงบ ไม่มีอำนาจ แต่มี ส.ส.ถึง 151 คน มีพนักงาน มีอาสาสมัคร มีคณะทำงานทั่วประเทศ รวมอีกหลายร้อยคน มีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญที่พรรคอยากดึงตัวมาช่วยงานในอนาคตอีก เช่นนี้ การแบ่งสรรปันส่วนตำแหน่งให้ได้อย่างถ้วนทั่ว สมตามความพอใจของแต่ละคน ย่อมเป็นไปได้ยาก</p>
<p>เมื่อมีคนไม่ได้ตำแหน่งที่ตนเองต้องการ ก็ตามมาด้วยความผิดหวัง เมื่อผิดหวัง ก็ไม่พอใจ โกรธ และในท้ายที่สุด ก็จะขยายผลไปไม่พอใจในเรื่องอื่นอีก จากเดิม เรื่องเล็กๆน้อยๆ ทนๆกันไปได้ หยวนๆกันไปได้ แต่เมื่อผิดหวังใหญ่จากเรื่องตำแหน่ง ต่อไป เรื่องเล็กน้อยที่ไม่เป็นประเด็น ก็อาจกลายเป็นประเด็นได้เสมอ แล้วถ้ามีหลายๆคนไม่พอใจในเรื่องตำแหน่ง ก็จะตามมาด้วยการจับกลุ่มของคนที่ไม่พอใจ และขยายตัวเป็นความขัดแย้งภายในพรรค</p>
<p>เช่นเดียวกัน พรรคก้าวไกลประกาศว่า จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในรอบหน้า จุดนี้เป็นชนวนของความขัดแย้งในพื้นที่ได้อีก ประสบการณ์ของพรรคอื่นๆ บอกเราไว้ว่า การเมืองท้องถื่นอาจส่งผลสะเทือนภายในพรรคได้จากกรณีที่ ส.ส.หรือผู้สมัคร ส.ส.ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง ในจังหวัดหนึ่ง ต้องการส่งคนของตนเองลงสมัครสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือนายกท้องถิ่น แต่พรรคหรือคณะนำของพรรคต้องการส่งอีกคนลง ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน ผลลัพธ์ที่ตามมา ก็คือ ต่างคนต่างส่งกันเอง แข่งกันเอง ขัดแย้งกันเอง หรือไม่ก็ อดทนยอมคณะนำพรรคไป แต่ก็สร้างความไม่พอใจเก็บเอาไว้ เรื่องทำนองนี้ ย่อมมีโอกาสเกิดกับพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน</p>
<p><span style="color:#d35400;"><strong>กรณีสอง</strong></span></p>
<p><span style="color:#d35400;"><strong>ความขัดแย้งเรื่องการไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ</strong></span></p>
<p>ยามเมื่อพรรคพึ่งตั้งใหม่ ยังไม่มีใครรู้จัก และยังไม่รู้จักกันเองเท่าที่ควร คณะนำของพรรคอาจยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจคนในพรรคอย่างถ้วนหน้า การตัดสินใจในเรื่องต่างๆอาจมาจาก “วงปิด” ของคณะนำไม่กี่คน ในขณะที่ ส.ส.คนอื่นๆอาจคิดว่าต้องยอมสภาพเช่นนี้ไปก่อนในระยะแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเติบโตขึ้น คนมากขึ้น ส.ส.มากขึ้น เรื่องที่ต้องตัดสินใจส่งผลกระทบต่อคนในวงกว้างมากขึ้น ส.ส.และทีมงานของพรรคย่อมต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้น</p>
<p>ยิ่งพรรคก้าวไกลโฆษณาเรื่อง พรรคมวลชน พรรคที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ พรรคที่มีประชาธิปไตยกันภายในพรรค ก็จะยิ่งถูกคนในพรรคเรียกร้องการมีส่วนร่วมเข้าไปอีก มิพักต้องกล่าวถึง ผู้ลงคะแนนและผู้สนับสนุนจำนวนมากที่สามารถกดดันเรียกร้องพรรคได้เช่นกัน ปัญหาเหล่านี้จะทยอยๆเกิดขึ้น ไล่ไปตั้งแต่… เรื่องใดให้อำนาจคณะนำตัดสินใจ แล้วให้ที่ประชุม ส.ส.รับทราบ เรื่องใดให้คณะนำและที่ประชุม ส.ส.ร่วมกันตัดสินใจ หรือคณะนำไม่กี่คนรวบอำนาจการตัดสินใจทั้งหมด แล้วให้ ส.ส.ยกมือพอเป็นพิธี?</p>
<p>คณะนำตัดสินใจแต่ผู้สนับสนุนพรรคไม่พอใจรวมตัวกันกดดัน คณะกรรมการบริหารพรรคมาจากการจัดตั้งคนไว้ก่อนแล้วจัดประชุมเป็นพิธียกมือให้ตามระเบียบ หรือจะเปิดให้มีการแข่งขันกันภายในพรรคอย่างจริงจัง? เป็นต้น</p>
<p><span style="color:#d35400;"><strong>กรณีสาม</strong></span></p>
<p><span style="color:#d35400;"><strong>ความขัดแย้งเรื่องความคิดและแนวทางของพรรค</strong></span></p>
<p>พรรคก้าวไกลรวมคนจากหลากหลายกลุ่ม มีหลายเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ยอมกันไปเพื่อการณ์ใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พรรคเติบใหญ่ขึ้น ความเห็นแตกต่างกันภายในพรรคในเรื่องความคิด แนวทาง นโยบายพรรค จะเริ่มปรากฏชัดมากขึ้น</p>
<p>เรื่องแบบนี้ เป็นธรรมดาของพรรคการเมือง หากในอนาคต เปิดให้มีการแข่งขันภายในพรรค ก็จะเกิดกลุ่มขั้วต่างๆ แข่งกันภายในว่า แนวคิดไหนจะชนะและได้บริหารชี้นำพรรค ปัญหามีอยู่ว่า ในช่วงเริ่มต้นแบบนี้ จะประคองไม่ให้ประเด็นแบบนี้กลายเป็นความขัดแย้งจนสั่นคลอนพรรคได้อย่างไร</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106067
 
5059  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เด็กสาวหนัก 49 กก. แต่ถูกล้อ "อ้วน" ลดน้ำหนัก 14 กก.ในครึ่งปี สุดท้ายเดินไม่ได้ เมื่อ: 25 กันยายน 2566 20:17:41
เด็กสาวหนัก 49 กก. แต่ถูกล้อ "อ้วน" ลดน้ำหนัก 14 กก.ในครึ่งปี สุดท้ายเดินไม่ได้
         


เด็กสาวหนัก 49 กก. แต่ถูกล้อ &quot;อ้วน&quot; ลดน้ำหนัก 14 กก.ในครึ่งปี สุดท้ายเดินไม่ได้" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9046362/
         
5060  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ศาลสั่งจำคุก 'ปริญญ์' คดีทำอนาจารหญิงสาว อีก 2 ปี ไม่รอลงอาญา นับโทษต่อ รวม 4 ปี เมื่อ: 25 กันยายน 2566 20:00:43
ศาลสั่งจำคุก 'ปริญญ์' คดีทำอนาจารหญิงสาว อีก 2 ปี ไม่รอลงอาญา นับโทษต่อ รวม 4 ปี 8 เดือน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 18:34</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ที่มาภาพปก: เฟซบุ๊ก ปริญญ์ พานิชภักดิ์ - Prinn Panitchpakdi</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>โฆษกอัยการ เผยศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดี ‘ปริญญ์’ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. คดีกระทำอนาจารผู้หญิง 2 คดี คดีแรกสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ให้นับโทษต่อจากคดีแรก 2 ปี 8 เดือน รวมเป็น 4 ปี 8 เดือน ส่วนอีกคดียกฟ้อง</p>
<p>25 ก.ย. 2566 หลายสำนักข่าวรายงานตรงกันระบุ  วันนี้ (25 ก.ย.) โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก สรกฤช งามวงษ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 ตามที่มีสื่อมวลชนสอบถามมา ว่า วันนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาในคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารหญิงสาว รวม 2 คดี โดยคดีเเรกเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.1712/66 ข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัลและข่มขืนกระทำชำเราต่อหน้าธารกำนัล โดยใช้กำลังประทุษร้าย ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง</p>
<p>ในส่วนคดีที่ 2 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.1711/66 ข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถต่อสู้หรือขัดขืนได้ต่อหน้าธารกำนัล ศาลเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดจริง ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อ.1409/66 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อนหน้านี้</p>
<p>มติชนออนไลน์รายงานด้วยว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงยังเป็นพิรุธน่าสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง กรณีจำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐาน เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป พิพากษายกฟ้อง</p>
<p>ต่อมานายปริญญ์ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวต่อศาล ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกัน 300,000 บาท</p>
<p>ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาในคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ปริญญ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารหญิงสาว รวม 2 กรรม เป็น เวลา 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา กรณีก่อเหตุกระทำอนาจารนักศึกษาหญิงวัย 18 ปี หลังใช้อุบายหลอกมาคุยเรื่องงานและสอนเรื่องหุ้นที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในซอยสุขุมวิท 11 เหตุเกิดเมื่อปี 2564 แต่นักศึกษาสาวผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อเดือนเมษายน 2565 ซึ่งคดีนี้เป็นคดีแรก</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/106065
 
หน้า:  1 ... 251 252 [253] 254 255 ... 1119
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.956 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 19:11:40